ศรัทธาใหม่---เพิ่มเติมจาก ศ.เจริญ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย Army56, 21 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +1,862
    <CENTER>[SIZE=+3]นอสตราดามุสกับ "วิชชาธรรมกาย"[/SIZE]</CENTER><CENTER>[SIZE=-2] [/SIZE]</CENTER><CENTER>[​IMG]</CENTER>
    <CENTER>"นอสตราดามุสได้ย้ำไว้อย่างชัดเจนในบทโคลงทำนายร่วม 60 บทว่า จะมี ศรัทธาใหม่ หรือ New Faith ที่คนทั่วโลกหันมาทุ่มเทความศรัทธาให้ ท่านระบุไว้หลายครั้งว่า ความเชื่อใหม่จะปรากฏขึ้นในโลกมนุษย์ก่อนสิ้นสุดศตวรรษที่ 20 หรือก่อนการสิ้นสุดของ ค.ศ. 2000"</CENTER> <CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER>พระมงคลเทพมุนี (หลวงพ่อวัดปากน้ำฯ)</CENTER>
    ในโคลงบทที่ ซ. 10 ค. 75 และ ซ. 2 ค. 29 นอสตราดามุสได้ทิ้งเงื่อนงำของ "ศรัทธาใหม่" โดยพรรณาไว้ดังนี้
    "He will appear in Asia at home in Europe…
    One who is issued from great Hermes…"
    "ท่านจะปรากฏกายในเอเชีย ตั้งถิ่นฐานในยุโรป…
    ผู้ซึ่งเป็นผลมาจากองค์เทพผู้ยิ่งใหญ่…" (ซ. 10 ค. 75)
    "The man from the East will come out of his seat,
    Passing across the Apentines to see France,
    He will fly through the sky, the rains and snows,
    And strike everyone with the rod." "บุรุษจากตะวันออกจะลุกออกจากที่ประทับ
    เดินทางผ่าน(เทือกเขา) อาเพนไนส์เข้าสู่ฝรั่งเศส
    เขาจะบินมาบนท้องฟ้า ฝ่าสายฝน และหิมะ
    และตีกระทบด้วยไม้วิเศษ"
    โคลงทั้งสองบทข้างต้น ชี้ชัดว่าผู้นำแห่งศรัทธาใหม่ จะต้องมาจากเอเชียแน่นอน แต่อาจจะต้องเดินทางไกลเพื่อเผยแผ่สัจจธรรมจนมีถิ่นฐานในยุโรป และเป็นอัครสาวกขององค์เทพผู้ยิ่งใหญ่ คำว่า "Hermes" เดิมเป็นชื่อเทพเจ้าของชาวกรีกโบราณ จะเป็นไปได้หรือไม่ว่า ผู้นำของ "ศรัทธาใหม่" จะเป็น สาวกของพระพุทธเจ้า
    <CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER>หลวงพ่อวัดปากน้ำฯขณะสอน "วิชชาธรรมกาย"</CENTER>
    ในโคลงบทที่ ซ. 3 ค. 31 นอสตราดามุสบันทึกคำทำนายไว้ดังนี้
    "The moon in the middle of the night…
    The young sage alone with his mind has seen it.
    His disciples invite him to become immortal…
    His body in the fire…" "ดวงจันทร์ลอยเด่นยามราตรี…
    หนุ่มคงแก่เรียนผู้สันโดษมองเห็นภาพในดวงจิต
    เหล่าสาวกจะอัญเชิญท่านไปสู่ความเป็นอมตะ
    ร่างของท่านอยู่ในเพลิง"
    นอสตราดามุสระบุถึงพระจันทร์ในคืนวันเพ็ญ มี "หนุ่มคงแก่เรียน" "เห็นภาพในดวงจิต" "ไปสู่ความเป็นอมตะ" และ "ร่างของท่านอยู่ในเพลิง" ผู้นำของศรัทธาใหม่น่าจะเป็นพระสงฆ์ "เห็นภาพในดวงจิต" น่าจะหมายถึง การเห็นภาพในสมาธิ เพราะมีโคลงบทอื่นๆ ที่ระบุว่า "เห็นสัจจธรรมด้วยดวงตาที่ปิด" หรือ "เปล่งวาจาด้วยปากที่ปิดแน่น" หรือ "การมองเห็นภาพลักษณ์ในความสงบของผืนทะเลสาบ" เป็นต้น
    "ศรัทธาใหม่" ของสังคมโลก ท่านได้พาดพิงไปถึง "พระจันทร์" หรือ "ดวงจันทร์" หรือแม้แต่ "แสงจันทร์" คลายครั้งหลายคราระบุแม้กระทั่งว่า ผู้นำของ "ศรัทธาใหม่" ของโลกนี้ จะมีชื่อเกี่ยวกับ "พระจันทร์" หรือ The Moon เห็นได้จากโคลงทำนาย ซ. 2 ค. 28 ข้างล่างนี้
    <CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER>หลวงพ่อวัดปากน้ำฯในวัยหนุ่ม</CENTER>
    "Second to the last of the prophet’s name,
    Will take Diana’s day(The moon’s day) as his day of silent rest…
    He will travel far and wide in his drive to infuriate,
    delivering a great people from subjection." "พยางค์ที่สองของนามศาสดาพยากรณ์
    จะใช้วันแห่งพระจันทร์เป็นวันสำหรับพักในความเงียบ
    เขาจะเดินทางกว้างและไกล ส่งแรงขับทำให้ผู้คนสะดุดใจ
    และนำพามหาชนให้หลุดพ้นจากความเป็นข้า(ของบ่วงกรรม?)" ซ. 2 ค. 28
    ประโยคที่บอกว่า "พักในความเงียบ" และ "วันแห่งพระจันทร์" ถ้ามาเชื่อมกับโคลงที่พรรณาว่า "หนุ่มคงแก่เรียนผู้สันโดษเห็นภาพในดวงจิต" จะเป็นไปได้มากทีเดียวว่า นอสตราดามุสมองเห็นภาพการนั่งวิปัสสนากรรมฐาน ในวันพระจันทร์เต็มดวง เพราะมีอีกโคลงที่พรรณาว่า
    "They see the truth with eye closed,
    Speak the fact with closed mount…
    Then at the time of need the awaited one will come late…" "พวกเขาเห็นสัจจธรรมด้วยดวงตาที่ปิด…
    เปล่งสัจจวาจาด้วยปากที่ปิดแน่น…
    บุคคลอันเป็นที่พึ่งยามต้องการจะมาถึงช้า … " (ซ. 5 ค. 96)
    โคลงทำนายบทนี้ยิ่งชี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า ศรัทธาใหม่ของโลกมนุษญ์จะสัมพันธ์กับการนั่งสมาธิวิปัสสนากรรมฐานอย่างแน่นอน การมองเห็นสัจจธรรมด้วยดวงตาที่ปิด และเปล่งสัจจวาจาด้วยวาจาที่ปิดแน่น จะเป็นสิ่งอื่นไปไม่ได้ นอกจากการนั่งสมาธิจนถึง ธรรมะ ภายใน มองเห็นดวงธรรม เห็นกายในกาย เห็น ธรรมกาย
    ยังมีโคลงทำนายที่น่าจะตีความได้ว่าเป็นการบ่งบอกถึงการนั่งวิปัสสนากรรมฐานกับความหมายที่เกี่ยวกับ "พระจันทร์" อีกโคลงคือ
    "the great amount of silver of Diana (Moon) and Mercury (Hermes)
    The images will be seen in the lake (the mind of meditation)
    the sculptor looking for new clay,
    He and his followers will be soaked in Gold." "รัศมีสีเงินของแสงจันทร์กับบารมีแห่งองค์เทพแผ่กระจายกว้าง
    ภาพลักษณ์ที่ปรากฏในความสงบของผืนทะเลสาบ
    ประติมากรเสาะหาดินปั้นใหม่
    ร่างของท่านกับผู้ติดตาม (สาวก) จะถูกฉาบ (หล่อ) ด้วยทองคำ" (ซ. 9 ค. 12)
    คำว่า Diana ในภาษาฝรั่งเศสหมายถึงพระจันทร์ การออกเสียงแบบฝรั่งเศสยังตรงกับคำว่า Dhyana หรือ ฌาณ อันหมายถึงการนั่งวิปัสสนา ประโยคที่ว่า "ภาพลักษณ์ที่ปรากฏในความสงบของผืนทะเลสาบ" หมายถึงการเข้าฌาณจากการนั่งวิปัสสนาอย่างชัดเจน
    ประโยคใน ซ. 9 ค. 12 ที่บอกว่า "ประติมากรเสาะหาดินปั้นใหม่" น่าจะตีความได้ว่า สาวกของผู้นำศรัทธาใหม่นี้ จะต้องพยายามค้นหาสูตรหรือ มรรควิธีที่จะนำพาผู้ติดตามไปสู่แนวทางแห่งแสงสว่างแห่งสัจธรรม เป็นทางออกใหม่ หรือ ทางเลือกใหม่ หรือที่พึ่งใหม่ทางจิตวิญญาณที่หิวกระหายสัจธรรมของมนุษย์
    สำหรับในประเทศไทย ที่วัดพระธรรมกาย จังหวัดปทุมธานี จะมีมหาชนหลั่งไหลมาจากทุกทิศของประเทศ รวมทั้งชาวต่างประเทศ มาปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิวิปัสสนากรรมฐาน โดยการปฏิบัติของที่นี่ใช้ "วิชชาธรรมกาย" ของพระมงคลเทพมุนี (สด จันทสโร) หรือที่รู้จักกันในนาม "หลวงพ่อวัดปากน้ำฯ" เป็นฐานของคำสอน
    ในขณะที่ศึกษาต้นกำเนิดของวัดพระธรรมกาย ก็ได้พบปรากฏการณ์ ที่น่าตื่นเต้นแห่งศรรตวรรษโดยบังเอิญ เพราะหลวงพ่อวัดปากน้ำ มีฉายาทางพระว่า "สด จนฺทสโร" ชื่อในพยางค์ที่สองของท่าน มีความหมายตรงกับคำว่า "พระจันทร์" พ้องกับคำทำนายของนอสตราดามุสอย่างชัดเจน จากจุดเริ่มต้นนี้เอง ความลี้ลับของโคลงทำนายของนอสตราดามุส จึงได้ถูกไขออกเป็นข้อๆ
    จากการศึกษาชีวประวัติของหลวงพ่อวัดปากน้ำ "สด จันทสโร" พบว่า ตลอดชีวิตท่าน เป็นพระที่เคร่งครัดต่อพระธรรมวินัยและธรรมปฏิบัติ จนค้นพบมรรควิธีเจริญทางธรรมะบรรลุถึง "วิชชาธรรมกาย" ที่สูญหายไปจากโลกนี้แล้วกว่าสองพันปี เผยแผ่พระธรรมคำสอนจนกระทั่งมรณะภาพ ในปี พ.ศ. 2502 คงเหลือไว้แต่วิชชาธรรมกายไว้เป็นมรดกของโลก
    เมื่อเห็นวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 10 ปี พ. ศ. 2460 เป็นวันที่หลวงปู่สด จนฺทสโร บรรลุถึง "วิชชาธรรมกาย" ทำให้โคลงทำนายของนอสตราดามุสทุกบทที่พรรณนาถึง "ศรัทธาใหม่" ของโลกเด่นชัดขึ้นมาฉับพลัน เข้าใจถึงเหตุผลทำไมนอสตราดามุสถึงได้พร่ำเอ่ยถึง "พระจันทร์" กับ "ดวงจันทร์" มากมายผิดปกติ
    พระมงคลเทพมุนี ได้เคยเทศนาส่วนที่เกี่ยวกับ "วิชชาธรรมกาย" ไว้ว่า "ธรรมจะต้องชนะอธรรมเสมอ เราไม่เดือดร้อนใจ เพราะธรรมกายของพระพุทธศาสนาเป็นของแท้ ไม่ใช่ของเก๊ หรือของเทียม ธรรมกายจะปรากฏเป็นจริงแก่ผู้เข้าถึง"
    <CENTER>[​IMG]</CENTER><CENTER> </CENTER><CENTER>รูปหล่อทองคำหลวงพ่อวัดปากน้ำฯ</CENTER>
    โดยการตั้งข้อสันนิฐานจากตัวท่านเป็นแกนนำไปสู่ข้อพิสูจน์อื่นๆ แยกเป็นประเด็นๆ เพื่อความเข้าใจที่ชัดเจนดังนี้
    • การค้นพบวิชชาธรรมกาย คือ การค้นพบศรัทธาใหม่ของโลกจากเอเชียหรือ The New Faith
    • พระมงคลเทพมุนี คือสาวกแห่งศาสดาผู้ยิ่งใหญ่ในเอเชีย (Issued from the great Hermes)
    • หนุ่มคงแก่เรียนผู้สันโดษเห็นภาพในดวงจิต (The young sage alone with his mind has seen it.) ด้วยวัยเพียง 32 ปีของภิกษุสด จนฺทสโร เป็นผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย
    • กายที่ห่มด้วยจีวรสีเพลิง (His body in the fire) ร่างของท่านอยู่ในเพลิง
    • มือที่ถือไม้ชี้ (He strikes everyone with the rod) ตีทุกคนด้วยแขนงไม้
    • วันที่เข้าถึง "ธรรมกาย" คือวันขึ้น 15 ค่ำ พระจันทร์เต็มดวง ตรงกับ "พระจันทร์ลอยเด่นยามราตรี" ท่านนั่งวิปัสสนากรรมฐาน "จนสามารถเห็นภาพในดวงจิต" "ภาพลักษณ์ปรากฏในความสงบของผืนทะเลสาบ" เห็นธรรมกายจาก "การเห็นสัจธรรมด้วยดวงตาที่ปิด" และเปล่งสัจวาจาด้วยปากที่ปิดแน่น" และ "ประติมากรเสาะหาดินปั้นใหม่" คือวิธีการพบสัจธรรมวิธีใหม่
    • พยางค์ที่สองของนามศาสดาพยากรณ์ที่มีความหมายตรงกับพระจันทร์ ตรงกับชื่อพยางค์ที่สองของหลวงปู่พระมงคลเทพมุนี คือ สด จนฺทสโร
    • "เหล่าสาวกจะอัญเชิญท่านไปสู่ความเป็นอมตะ ร่างของท่านอยู่ในเพลิง" (ความเห็นของผมเอง เข้าใจว่า ร่างของหลวงพ่อวัดปากน้ำ เหล่าสานุศิษย์ ที่ยังไม่ได้เผา (ยังเก็บรักษาไว้ที่วัดปากน้ำ) จึงอาจตีความได้ว่า ร่างท่านยังเป็นอมตะอยู่ในจีวรสีเพลิง
    • "ร่างของท่านกับผู้ติดตาม(สาวก)จะถูกฉาบหรือหล่อด้วยทองคำ" วัดพระธรรมกายได้มีการหล่อรูปเหมือนหลวงพ่อวัดปากน้ำเป็นทองคำ ตามด้วยหล่อรูปเหมือนอุบาสิกาจันทร์ ขนนกยูง (ลูกศิษย์ หรือ ผู้ติดตาม) เป็นทองคำเช่นเดียวกัน
    จากหนังสือ "นอสตราดามุส" โดยศาสตราจารย์เจริญ วรรธนะสิน พิมพ์ครั้งที่ 8 สำนักพิมพ์ คู่แข่ง
     
  2. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +1,862
    เป็นการขอเพิ่มเติมโดยผมเอง

    ซึ่งยังมีโคลงบทอื่นที่น่าสนใจ

    แต่เนื่องด้วยภาษาฝรั่งเศสของนอสตราดามุส แปลออกเป็นภาษาอังกฤษได้หลาย

    ความหมาย ท่านสมาชิกใดมีบทโคลงที่แปลได้แตกต่างก็สามารถนำเสนอได้

    แต่ก่อนที่จะไปโคลงบทใหม่ ขอเสนอเพิ่มเติมในบทความที่

    ศาสตราจารย์เจริญ ได้เขียนเอาไว้แล้วครับ
     
  3. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +1,862
    ว่าด้วยบท he will appear in Asia

    10.70
    Long awaited he will never return
    In Europe, he will appear in Asia.
    One of the league issued from the great Hermes,
    And he will grow over all the Kings of the East.




    อ่านจากภาษาอังกฤษบทนี้จะแปลได้ว่า

    "ผู้ที่ถูกรอคอยมานาน จะไม่กลับมา

    ในดินแดนยุโรป (แต่)เขาจะปรากฏในเอเชีย

    ผู้หนึ่งในกลุ่มศิษย์สาวกของเทพแห่งสติปัญญา

    และเขาจะยิ่งใหญ่เสมือนจักรพรรดิ์แห่งตะวันออก"


    ในโคลงที่ 70 ของเล่มที่ 10 นี้ มีการแปลที่เป็นภาษาอังกฤษในลักษณะ

    ที่ยื้อกันอยู่ว่า ผู้นำใหม่นี้ จะเป็นคนเอเชียหรือยุโรปกันแน่

    เพราะบางที่ก็ถอดภาษาฝรั่งเศสมาเป็น

    "Long awaited he will never return
    In Europe, he will appear in Asia." ไม่มาในยุโรป

    "he will appear in asia at home in europe" มีบ้านในยุโรป

    "he will appear in asia at home in europe lace" มีบ้านแบบยุโรป

    แต่ผมคิดว่าแบบที่หนึ่งน่าจะถูกมากกว่า



    ส่วนคำว่า Hermes นั้น นอสตราดามุสน่าจะต้องการสื่อให้ชัด

    Hermes คือ เทพแห่งสติปัญญาของชาวกรีก และอยู่ทางตะวันออก

    ย่อมไม่พ้นพระพุทธเจ้า และผู้นี้ย่อมเป็นพระสงฆ์ค่อนข้างแน่



     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 กุมภาพันธ์ 2011
  4. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +1,862
    ว่าด้วยบท Passing across the Apentines to see France

    โคลงที่ 29 ของเล่มที่ 2

    "The man from the East will come out of his seat,
    Passing across the Apentines to see France,
    He will fly through the sky, the rains and snows,
    And strike everyone with the rod."


    อีกคำแปลหนึ่ง

    "The Easterner will leave his seat,
    To pass the Apennine mountains to see Gaul.
    He will transpire the sky, the waters and the snow,
    And everyone will be struck with his rod."



    "บุรุษจากตะวันออกจะลุกออกจากที่ประทับ
    เดินทางผ่าน(เทือกเขา) อาเพนไนส์เข้าสู่ฝรั่งเศส
    เขาจะบินมาบนท้องฟ้า ฝ่าสายฝน และหิมะ
    และตีกระทบด้วยไม้วิเศษ"


    ถ้าพูดตามความรู้สึกแล้ว บทนี้

    น่าจะหมายถึง ติช นัท ฮันท์หรือไม่

    ที่เดินทางออกจากเวียดนามไปตั้งถิ่นฐานในหมู่บ้านพลัม

    แต่ไม่รู้ว่า ท่านติช นัท ฮันท์ ถือไม้ชี้ หรือไม้อะไรหรือไม่


    ส่วน rod นี้ จะเป็นอะไรไม่ว่า ตาลปัตร ไม้ชี้ หรือไม้ตีหัวของ

    หลวงพ่อคูณ ก็คงจะไม่ทราบได้
     
  5. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +1,862
    ว่าด้วยบท His body in the fire

    โคลงที่ 31 เล่มที่ 3

    The moon in the middle of the night…
    The young sage alone with his mind has seen it.
    His disciples invite him to become immortal…
    His body in the fire…"

    "ดวงจันทร์ลอยเด่นยามราตรี…
    หนุ่มคงแก่เรียนผู้สันโดษมองเห็นภาพในดวงจิต
    เหล่าสาวกจะอัญเชิญท่านไปสู่ความเป็นอมตะ
    ร่างของท่านอยู่ในเพลิง"


    อีกคำแปลหนึ่ง

    The Moon in the full of night over the high mountain,
    The new sage with a lone brain sees it.
    By his disciples invited to be immortal,
    Eyes to the south. Hands in bosoms, bodies in the fire.

    คืนวันพระจันทร์เต็มดวงลอยเหนือภูเขาสูง
    หนุ่มสันโดษคงแก่เรียนใช้จิตในการมอง
    ถูกทำให้เป็นอมตะโดยศิษย์สาวกของเขา
    ตามองต่ำ มือทั้งสองที่กลางอก และร่างในเพลิง



    ไม่ว่าจะตีความอย่างไรก็คือ พระสงฆ์เป็นแน่แท้
     
  6. อาจีฟา

    อาจีฟา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +307
    รื่องราวต่อไปนี้ เจ้าของกระทู้vincent308 ไม่ได้เขียนขึ้นเองแต่เป็นอีกสองบุคคลที่เป็นผู้ที่เก็บรหัสนี้ไว้เขียนขึ้น มาด้วยเหตุผลบางอย่างเพื่อวางรากฐานของอนาคตในวันข้างหน้า

    ผมชื่อกรเทพครับ ผมเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่งแต่หลังจากผมได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งมันทำให้ ชีวิตผมเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และหลายเดือนกว่าแล้วกว่าแล้วที่ผมจำเป็นต้องรับรู้เรื่องราวของความลับ ต่างๆทั้งหมดในจักรวาลและเพราะมีผมเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะปกป้องคนที่กำ ความลับของจักรวาลเอาไว้ได้เธอเล่าเรื่องราวของคนคนหนึ่งที่เธอเรียกว่า-ลู น่า-ทั้งๆที่ตั้งแต่ผมรู้จักเธอมานั้นเธอไม่เคยพูดถึงชื่อนี้เลยเธอพูดกับผม ทั้งๆที่หลับ เท่าที่ผมสามารถบันทึกไว้ได้ว่า
    ลูน่า เกิดมาแล้ว 46 ชาติ ทุกชาตินั้นเค้าเกิดเป็นกษัตริย์ เป็นผู้ที่สร้างสิ่งมหัศจรรย์ทั้งหมด สร้างอาณาจักร สร้างพยัญชนะ อะไรต่อมิอะไรมากมายสารพัด เกิดเมื่อไรต้องได้จารึกชื่อเมื่อนั้น อเลกซานเดอร์ จูเลียสซีซาร์ อาเธอร์ ซงซัน กัมโป (ธิเบต) สุริยะวรมันที่ 2 ชัยวรมันที่ 7 จิ๋นซีฮ่องเต้ เจงกิสข่าน พ่อขุนรามคำแหงมหาราช ตองเจ (สมเด็จพระนเรศวร ) พระพุทธยอดฟ้า สมเด็จพระจอมเกล้า นิกกี้ ( จอห์น เอฟ เคนเนดี้ ) และอีกมากมายที่ผม นึกชื่อไม่ออก ผู้สร้างกามสูตร ทัชมาฮาล ปีรามิด กำแพงเมืองจีน .....เยอะมากๆ ลูน่าไม่เคยเกิดเป็นคนธรรมดา เค้าเป็นผู้นำมนุษย์ทั้งหมดตลอดกาล และเค้าเป็นผู้ที่นอสตราดามูสเอ่ยชื่อไว้ เป็นบุคคลในพุทธทำนายที่ว่าจะปรากฏกายขึ้นเมื่อกึ่งพุทธกาล ( พ.ศ.2500 +) บ้าที่สุดที่ตอนนี้เค้าเกิดมาแล้วในชาติที่ 47 เค้าเองคือพระศรีอาริยเมตไตรและเธอเองก็คือ อมิตาภา ผู้ที่นำพาโลกเข้าสู่ยุคใหม่ ยุคที่ทุกประเทศมีผู้นำจากการเลือกตั้ง แต่ทุกผู้นำต้องอยู่ใต้การปกครองของลูน่า ลูน่าจะเป็นผู้กำหนดพลังงานของโลก ซึ่งไม่ใช่น้ำมัน เป็นพลังงานที่ทุกเผ่าพันธุ์ทั้ง 46 เผ่าของจักรวาลใช้กันอยู่ เป็นพลังงานที่ขับเคลื่อนยานให้บินข้ามกาแล๊กซีเป็นระยะทางหน่วยที่เรียกว่า โคโด ( 1โคโด = 10,000 ปีแสง ) พลังงานนี้รีชาร์จกับแสงอาทิตย์ได้เหมือนโซลาร์เซลล์แต่มันประจุได้เกือบจะ ล้านส่วนต่อล้านส่วน คือรับแสงอาทิตย์ได้พลังงานที่มหาศาลดุจดั่งมันเป็นดวงอาทิตย์เอง และมันไม่มีวันหมด มีมากพอให้ทั้ง 47 เผ่าพันธุ์ ( รวมทั้งมนุษย์ด้วย )ใช้ได้อีกเป็นล้านปี การมีและครอบครอง ไม่มีคำว่าค้าขายหรือเก็งกำไร แต่เราก็ไม่มีทางเดินทางไปเอามันมาใช้ได้ มีแต่รอเวลาที่เค้าจะเอามาให้ เวลาที่ว่ามีทางออกแตกต่าง 2 ทาง คือเราได้ใช้ถ้ามนุษย์ถึงเวลาและสามารถทลายกำแพงความคิดของเราเองได้ หรือเราได้ใช้เพราะเค้ามารับเราบางคนไปจากโลกที่กำลังดับสลาย เค้าจะรับเราบางคนเท่านั้นไปเพื่อรักษาเผ่าพันธุ์มนุษย์ไว้ ใครที่คิดว่าเคยเห็นยูเอฟโออันนั้นแสดงว่าเค้ามาร์คคุณแล้ว และเพราะมนุษย์เป็นสิ่งที่แตกต่างที่สุดในจักรวาล เรามีจิตใจ มีอารมณ์ ความรู้สึก ความรัก โลภ โกรธ หลง หัวเราะ ร้องให้ เกลียดชัง หลงใหล ส่วนพวกเขา มีแต่เกิดมา โตไป ดำเนินไป ตามกัน จัดสรร ทำตาม และตายลง เค้าไม่มีอารมณ์ ไม่ต่างจิตต่างใจ ใครเกิดมาเป็นอะไรก็เป็น เดินไปอย่างไม่มีแบ่งดีเลวผิดถูก มีแต่เส้นๆเดียวที่ให้เดิน เหมือนมด ผึ้ง แต่ร่างกายกับสมองมีการทำงานและวิวัฒนาการสูงกว่ามนุษย์มากนัก เราเลยแตกต่างทั้งชีวิต ความคิด บนนามธรรมแห่งจักรวาล เราเหมือนจักรวาลมากที่สุดด้วยรูปธรรม ด้วยความที่เรามีจิตใจ ทำให้เรามีชั่วดีผิดถูก และทำให้เราเป็นเผ่าพันธุ์เดียวที่มีศาสนามารองรับความคิด รวมถึงมีพระเจ้า มีซาตาน พวกเค้าไม่เคยต้องการพระเจ้า เพราะไม่มีปรัชญาหรือสิ่งใดที่ทำให้เริ่มนึกถึงพระเจ้า มนุษย์จึงเป็นสิ่งเดียวที่เหมือนจักรวาลที่สุดคือมีด้านมืดและด้านสว่างใน ที่ๆเดียวกัน พวกเขารวมตัวกันมานานแล้วทั้งหมดในจักรวาลมี 46 เผ่าพันธุ์ เค้ารอเวลาที่เราจะเข้าร่วมเป็นเผ่าพันธุ์ที่ 47 นั่นทำให้เค้าไม่เคยแสดงท่าทีใดๆกับโลกว่ามาทำใม มาเยือนก็ไม่มาพูดคุย มาหาแบบไม่แสดงเจตนามิตรหรือศัตรู ไม่ได้มาครอบครองแล้วมาทำใมในเมื่อเราเองก็ไม่มีเทคโนโลยีอะไรที่จะต่อต้าน เค้าได้เลยทำใมไม่บุกเราและจับเราเป็นทาส เพราะ..เค้ากำลังรอลูน่า ลูน่าจะเป็นผู้เจรจากับประมุขของจักรวาล ถ้าไม่ใช่การขออพยพคนออกไป ก็เป็นการเจรจาเรื่องพลังงานที่มนุษย์จะใช้ในอนาคต เพราะเราสูบน้ำมันไม่ได้แล้ว และนี่คือความจริง เพราะเมื่อน้ำมันหดหายไป มันทำให้เกิดแอ่งใต้ผิวโลก เกิดอุณหภูมิที่ร้อนขึ้นจากใต้โลก ความแห้งแล้งจะเป็นตัวตอบโจทย์ เมื่อเราแก้ไขวิกฤติการณ์นี้ไม่ได้ ภูเขาไฟจะประทุทีละลูก น้ำจะท่วมโลกภายในเวลา 24 ชั่วโมงของวันโลกดับ ภายในวงกลมการหมุนรอบตัวเอง1รอบน้ำจะขึ้นมาหมดทั้งจากทะเลทั้งจากใต้ดินที่ แตกระแหง โลกหมุน1รอบน้ำล้างได้รอบโลกพอดี ซึ่งเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นในอีก 7 ปีข้างหน้าซึ่งเราหยุดยั้งการใช้น้ำมันไม่ได้ ถ้าหยุด โลกจะมืดลงในพริบตา การที่เรามีพลังงานแค่น้ำมันนั่นก็มีเหตุผล เราหาพลังงานอื่นมาใช้ในระดับมหภาคแทนน้ำมันไม่ได้หรอก นิวเคลียร์ ไฮโดรเจน โซลาเซลล์ ล้วนแต่มีข้อจำกัดในตัวเอง ในเวลาอันควร โลกต้องหยุดการใช้น้ำมัน ประเทศมหาอำนาจก็จบสิ้นอำนาจ ไม่มีมหาอำนาจอเมริกา โอเปค ไม่มีคนวางระเบิดสู้เอาบ่อน้ำมันคืน จบสิ้นผู้นำโลก ระบบปลาใหญ่ปลาเล็กหายไป ประมุขจักรวาลจะยื่นข้อเสนอเจรจา และผู้เจรจาไม่ใช่ผู้นำโลกอย่างอเมริกา จะไม่มีการเจรจาเพื่อให้ใครฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งนำพลังงานนี้ไปใช้หาประโยชน์หรือ สร้างความเป็นมหาอำนาจข่มประเทศด้อยกว่า แม้แต่ประธานาธิบดีอเมริกายังต้องนั่งทำตาปริบๆถ้าเค้าส่ายหน้าไม่คุยด้วย พลังงานนี้ ต้องเป็นไปเพื่อมนุษยชาติทั้งมวลจริงๆ ไม่มีซื้อขาย กักตุน เก็งกำไร ลองนึกดูนะครับว่าถ้าพลังงานมีให้ใช้ฟรีอย่างพอเพียงและไม่ขาดแคลนตลอดกาล โลกใบนี้จะเปลี่ยนไปยังไง ซึ่งการนำมาใช้มันต้องมีข้อแลกเปลี่ยนแน่นอน อาจจะเป็นข้อบังคับมากกว่าด้วยซ้ำ นั่นคือ หมดสิ้นขั้วมหาอำนาจกันซะที อำนาจเดียวที่จะปกครองทุกผู้นำเป็นอำนาจของลูน่า ลูน่าคือผู้เจรจาครับ ไม่เจรจาเพื่ออพยพก็เจรจาเพื่อได้มา การที่เรามีพลังงานแค่น้ำมันนั่นก็เพราะว่า เผ่าพันธุ์ของเราถูกจักรวาลกำหนดมาตั้งแต่ต้นแล้ว เราเหิมเกริมที่สุด เราดีเราเลว เราผูกไมตรีและเราก่อสงคราม เรานึกว่าเราฉลาดมีปัญญา แต่หารู้ไม่เราเหนือกว่าพวกเขาอยู่เพียงเรื่องเดียว คือ อารมณ์ มนุษย์มีอารมณ์เป็นใหญ่ การทำให้มนุษย์ต้องอยู่ใต้กติกาของจักรวาลนั่นคือ กำหนดให้เรามีพลังงานแค่นี้ มีสสารที่สร้างสรรพสิ่งได้ดีที่สุดแค่ยานอวกาศ คล้ายๆกับว่า เจ๋งนักก็ให้มันเท่านี้แล้วกัน เมื่อมันไม่มีทางออกมันจะมาก้มหัวยินยอมเอง เราเลยหาสสารใดๆที่สร้างยานให้พ้นจากแรงโน้มถ่วงได้ดีกว่านี้ไม่ได้ หาพลังงานที่จะพาเราหลุดออกจากระบบสุริยะไม่ได้ และเรายังตั้งอยู่ในที่ๆไม่มีวันเดินทางไปถึงเผ่าพันธุ์อื่นด้วยพลังงานของ เราแบบตลอดกาล ออกเดินทางวันนี้ ไปอีก 5 พันปียังไม่เจอใครเลย ซึ่งนั่นก็ไม่พ้นลูน่าต้องมาทำหน้าที่ เธอว่า ลูน่า นอกจากเป็นผู้นำโลกยุคใหม่แล้ว ลูน่ายังเป็นผู้ที่มอบอำนาจไว้ให้กับประมุขของจักรวาลทำงานแทนตอนที่ต้อง เกิดอยู่บนโลก แท้ที่จริงแล้วลูน่ากำลังทำงานก่อเจดีย์ด้วยเม็ดทรายเพื่อให้มนุษย์เดินทาง ไปถึงวันฟ้าใส และเมื่อถึงวันนั้น อำนาจใดๆในจักรวาลจะถูกส่งมอบกลับมาคืนลูน่า และทุกเผ่าพันธุ์จะดำเนินชีวิตไปตามกติกาของจักรวาล ลูน่า เกิดเป็นคนแต่ไม่ใช่คน เป็นสิ่งที่สถิตย์มาในวิญญานของเค้าเองนับแต่เกิด มีรูปแบบของเซลล์ที่สามารถที่แบ่งตัวได้ เหมือนกับสัตว์เซลล์เดียว แต่เซลล์สมองของลูน่าก็แบ่งตัวได้เรื่อยๆเช่นกัน ไม่มีกติกาว่าเซลล์สมองหยุดแบ่งตัวตอน 5 ขวบเหมือนมนุษย์ทั่วไป นัยตาของลูน่า มีแสงเล็กๆเล็ดรอดออกมาจากขอบตาดำจุดที่บรรจบกับตาขาวข้างขวา นั่นทำให้มีแสงส่องเข้าไปในเรติน่าเกิดเป็นรูปจันทร์เสี้ยว ครอบครองจี้หินที่เป็นรูป 3 เหลี่ยมด้านไม่เท่า หินนั้นไม่ได้มาจากบนโลก ลักษณะคล้ายโอปอลแต่ละเอียดในเกล็ดสียิ่งกว่านัก ส่องหินนั้นดูแล้วจะรู้ว่านั่นคือแกแลกซีทั้งหมดในจักรวาล( หยั่งกะหนังเรื่องเมนอินแบลค ) และบนแผ่นหลังของลูน่ามีไฝสามเม็ดที่ลากเส้นต่อกันจะกลายเป็นรูป3เหลี่ยมแบบ เดียวกันกับจี้ของเขา เค้าคือประมุขของมนุษย์ในชาติที่ 47 ที่ นำพามนุษย์เข้าร่วมเป็นหนึ่งกับระบบจักรวาลเป็นเผ่าพันธุ์สุดท้ายที่ 47 เค้าเริ่มประสบชะตาชีวิตพลิกผันเมื่อวันที่ 4 เดือน 7 ปี 2547 รู้ตัวว่าเค้าคือลูน่าในปี 2547 ปีที่เกิดซึนามิและเริ่มต้นภัยธรรมชาติที่จะไม่มีวันหยุดจนกว่าจะถึงวันนั้น ที่เขากำหนดไว้ ยอดคนตายเฉพาะคนไทยจากซึนามิ 7,447 คน หนักที่สุดที่ จ.พังงา จังหวัดที่มีเนื้อที่ 4,170ตารางกิโลเมตร เดินทางด้วยถนนสาย 4 ไปต่อสาย 4147และที่พูดถึงพังงา เพราะลูน่าเริ่มเรียนรู้ชีวิตและความตาย รวมทั้งพลังมหาศาลของธรรมชาติจากที่นี่ และเพราะลูน่าได้เกิดมาแล้ว และเค้าเป็นคนไทย บ้าดีไหมครับ นี่คือ 1 ใน 100 เรื่องที่ผมกำลังได้รับรู้ ไม่ใช่จากวัด พระ หรือ หมอดู แต่ผมรับรู้จากผู้หญิงคนนึง ไม่เชื่อเรื่องไสยศาสตร์ ชอบใช้ของแบรนเนม หรู ฐานะดี ไม่สูบ ไม่เล่นยา สุขภาพจิตเฮฮา แต่เวลาเธอหลับ เธอนอนน้ำลายไหล แล้วผมก็คุยกับเธอตอนเธอหลับ โดยที่เธอเองตื่นมาโดยที่จำอะไรไม่ได้เลยผมไม่รู้ว่าเธอแกล้งบ้าหรือเธอเป็น โรคจิต แต่ผมคิดจะพาเธอไปหาจิตแพทย์แล้วหละ ผมเองด้วยก็ต้องไปหา เพราะผมก็รับไม่ไหวแล้ว ยังมีเรื่องบ้ากว่านี้อีกเยอะครับ ที่เล่าไม่ไหว ผมลองคิดหาเหตุผลเองในหลายเรื่องที่เธอเล่าทำให้ผมเริ่มเข้าใจในหลายอย่าง ที่วิทยาศาสตร์ในยุคปัจจุบันไม่สามารถตอบได้มากมายขนาดนี้แต่ที่ผมส่งสารนี้ มาเพราะผมคิดว่า ทุกคน น่าจะได้ฟังสิ่งที่อาจเรียกว่านิยายเรื่องนี้ บางทีมันก็มีอะไรให้เอะใจดีเหมือนกันนะครับ ผมเองไม่สามารถผูกโครงเรื่องได้ขนาดนี้หรอกครับ
    มีหลายเรื่องที่ผมพอจะจำได้และอยากจะบอกผ่านนะครับ เธอบอกว่า ปราสาทหินพนมรุ้ง ถูกสร้างขึ้นด้วยมนุษย์ต่างดาว ด้วยศิลปะที่อยู่ในหัวของลูน่า กับผู้รับคำสั่งชาวต่างดาว เพื่อใช้ในการสร้างและวางรหัสสำหรับวันนี้ รหัสที่ลูน่าต้องตามไขเอาเอง สิ่งแรกที่ถูกสร้างในปราสาทก็คือ รูปศิวลึงก์ แล้วถึงได้วางส่วนอื่นครอบตามลงไป ปราสาทถูกขนย้ายมาด้วยยานรูปปีรามิดลำเดียว ใช้เวลาในการสร้าง 7 ชั่วยาม จุดยอดของศิวลึงก์นั้นเป็นจุดหนึ่งที่จะเปิดมิติเหนือระยะทางในการติดต่อกับ ดาวอื่น และมันเชื่อมต่อกับปรางค์องค์กลางของปราสาทหินนครวัดได้
    องค์พระนเรศวรมีพระนามตอนอยู่ที่พม่าว่า ตองเจ พระองค์ท่านทรงใช้เวลาทรงม้าตามไปง้อพระอัครมเหสีมณีจันทร์ จากอโยธยาถึงพิษณุโลก 4 วัน ในขณะที่อัครมเหสีทรงม้าด้วยเวลา 7 วัน มเหสีมณีจันทร์มีบ่าวรู้ใจอยู่ 2 คนคือ เนียน และ เย็น ทั้งคู่แอบรักแม่ทัพคนเดียวกัน เลยไม่ถูกกัน ทำให้โดนจับมาอยู่ด้วยกันจนกลายเป็นสหาย เมื่อเกิดขบถเมืองพิษณุโลก มเหสีมณีจันทร์นำพาทหารเข้าสู้ เพราะพระนเรศวรทรงออกทัพ ทั้งเนียนและเย็นต่างสู้จนตัวตายนอนเคียงข้างกัน
    นิกกี้ ( จอห์น เอฟ เคนเนดี้ ) เคยฆ่าแฟนคนที่ 3 ของมาริรีน มอนโรด้วยการฟาดหัวเข็มขัดลีไวส์ ตายคามือ โทรศัพท์สายสุดท้ายที่มาริรีนได้คุยด้วยคือ นิกกี้ แล้วเธอก็กินยาตาย ผมไม่ได้ถามว่ายาอะไร
    คลีโอพัตรา ขึ้นนั่งบัลลังก์ตอนอายุ 14 ไม่ใช่ 17 หรือ18
    กองทัพของเตมูจิน ( เจงกิสข่าน ) แทบไม่มีการล้มตายจากการรุกเข้าครอบครองดินแดนอื่นๆ เพราะแค่ทหารกับฝูงม้าก็มากมายละลานตาจนไม่มีใครกล้าสู้รบต่อกรด้วย เตมูจินใช้กลยุทธถึง 5 รูปแบบในการเข้าตีจนข้าศึกไม่อาจต้านทาน เตมูจินเป็นผู้นำของผู้นำทุกเผ่า ได้รับเลือกเป็นผู้นำด้วยการโหวต ( ยกมือให้คะแนน ) จากหัวหน้าทุกเผ่า ชายาของเตมูจินมีลูก 7 คน เธอไม่ใช่เจ้าหญิง เป็นแค่สาวชาวบ้านธรรมดาๆ เก่งงานบ้านเรือนมากๆ
    องค์หญิงเหวินเฉิงแห่งซงซัน กัมโป เคยโดนกริชของพระสวามีแทงเพราะเอาพระวรกายเข้าขวางไม่ให้ซงซันแทงมเหสีภริขุ ตี เหวินเฉิง มาจากคุนหมิง ยูนนาน ภริขุตีมาจากเนปาล ทั้งคู่เข้าร่วมพิธีอภิเษกกับกษัตริย์ ซงซัน กัมโป พร้อมกัน เหวินเฉิงเป็นคนฉลาดมากๆ เลยเลือกให้ภริขุตีเข้าร่วมอภิเษกด้วย เพราะตัวเองร่างกายไม่แข็งแรง รวมทั้งภริขุตีจะต้องช่วยเลี้ยงดูให้นมแก่บุตรของเธอ ( ตริซุก ) ก่อนเธอสิ้นใจ เธอขอร้องให้ภริขุตีช่วยดำเนินการสร้างวัดต่อ ให้ประชาชนสรรเสริญและจดจำซงซันว่าเป็นพระธรรมราชาที่ดี ในขณะที่ความเป็นจริง ( ที่เธอบอก ) ซงซันเป็นคนโหดมาก มีอำนาจมาก แค่ในช่วงเวลาที่ซงซันก้าวขึ้นบัลลังก์ ธิเบตก็กลายเป็นมหาอำนาจทันที ทุกประเทศโดยรอบไม่กล้าต่อกรและไม่อยากรบด้วยจึงได้ส่งเจ้าหญิงมาให้ซงซัน กันหมด ซงซันรักเหวินเฉิงมาก เคยให้เหวินเฉิงนอนหนุนตักตลอด3คืนที่เธอป่วยหนัก เพราะคิดว่าจะถ่ายพลังให้เธอรอดได้ ซึ่งเธอก็รอดจริงๆ ทุกวันนี้ยังมีรูปปั้นหญิงหนุนตักชายอยู่ในธิเบต
    กรุงรัตนโกสินทร์ มีเสาหลักเมือง 2 ต้น ต้นแรกสร้างในรัชกาลที่ 1 เธอว่าพระองค์ท่านทรงกลับชาติมาเกิดอีกทีเป็น รัชกาลที่ 4 แล้วจึงได้มีการสร้างหลักเมืองต้นที่ 2เพื่อความมั่นคงของเมืองสยาม ( อันนี้ผมขอกราบประทานโทษนะครับที่ผมบังอาจพาดพิงเบื้องสูง ผมแค่เล่าให้ฟัง )
    เธอบอกผมว่า อะลาสก้า....แล้ว3-4วันต่อมา อะลาสก้า แผ่นดินไหว บอกตอนตี 3 ว่า ญี่ปุ่นนะ. 11โมงกว่าญี่ปุ่นแผ่นดินไหว
    เธอบอกต่อว่า ตอนนี้บนโลกเรา มียานต่างดาวทั้งหมด ทุกมุมโลก 700 กว่าลำ
    ( อันนี้ผมว่าใครก็มั่วได้ ใครจะไปรู้ความจริง )
    ด้วยคำขอร้องจากทุกๆท่าน และด้วยพระปรีชา เจ้าจอมมารดาเปี่ยมทรงเป็นผู้จัดการกับแหม่มแอนนาให้ระเห็จจากเมืองไทยไป ด้วยข้อหาใหญ่หลวง ที่เกี่ยวพันกับการพยายามทำให้เมืองไทยกลายเป็นเมืองคริสต์
    *วิทยาศาสตร์ของมนุษย์ทุกวันนี้ยังถือว่าอนุบาลมากๆเมื่อเทียบกับนานาเผ่า เมื่อไรที่เราเอาวิทยาศาสตร์กับจิตผนวกกันได้เมื่อนั้นเราจะทะลุขีดขั้นครับ เธอว่า
    มนุษย์ต่างดาวมีจริงแต่อยู่ห่างจากเราเกินระยะ 1โคโด (10,000ปีแสง)
    ครอปเซอร์เคิลแต่ละอันเป็นเครื่องหมายของแต่ละเผ่าพันธุ์ครับ นั่นคือการประกาศทำความเคารพต่อลูน่าที่ได้ลงมาบนโลกนี้
    อาวุธที่เค้าใช้กันมันไม่ใช่ปืนแบบเราๆ อาวุธของเขาเป็นตัวครับ เป็นตัวอาวุธ มันมีชีวิตที่พร้อมรับคำสั่ง และไม่เคยฝ่าฝืนคำสั่ง วิธีการณ์ปฎิบัติก็จะขึ้นอยู่กับระดับปฏิบัติการณ์ในความสมควรของประมุข
    อาวุธระดับสุดยอดของจักรวาลทั้งมวลมีลักษณะเป็นดาว ดาวดวงนึงที่สุกสว่างจากแสงของมันเอง แต่เมื่อถึงเวลาที่มันต้องทำงาน มันจะลุกใหม้โชติช่วงชัชวาลและเคลื่อนที่เข้าหาเผ่าพันธุ์ที่แข็งขืนต่อ กติกาของจักรวาลด้วยความเร็วสูง คำว่าแข็งขืนนั่นหมายถึงบางทีเผ่าพันธุ์นั้นมีความจำเป็นที่ทำตามกติกาและคำ สั่งได้ยาก ฟังดูเผด็จการแปลกๆ ดาวของประมุขแห่งจักรวาลอยู่ มีลักษณะเป็นวงเหมือนบวบ โคจรในแนวตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างดวงอาทิตย์สองดวง สิ่งมีชีวิตอาศัยอยู่ในดาว หมายถึงว่า เหมือนแมลงที่อยู่ในเนื้อบวบ แต่ในดาวนั้น มันเหมือนบวบที่ไส้ในกลวง และในไส้ในนั้น มันคืออวกาศที่อยู่ในดาวอีกที และมันเป็นอวกาศแน่นอนเพราะเค้าไม่ได้ใช้อ๊อกซิเจน ขนาดของไส้ในใหญ่พอจะเอาโลกของเราใส่ไว้ข้างในได้ถึง 3ใบ
    เครื่องส่งสัญญาณสื่อสารของนาซ่าขนาดใหญ่เท่าตึก ไม่ได้ช่วยอะไรหรอกครับเพราะพวก เค้าสื่อสารกันด้วยจิต
    ลูน่า พระศรีอาริยเมตไตร หรือ Messiah ศาสดาของ ศาสนาที่จะรวมเป็นหนึ่งบนตรรกะแห่งพุทธ ไม่ใช่เพื่อคำว่านิพพาน หรืออรหันต์ แต่ต้องเป็นตรรกะแห่งพุทธเพราะ นี่คือตรรกะแห่งธรรมชาติ เหตุและผลดำเนินไปตามธรรมชาติของตัวมันเอง และมีแต่วิถีแห่งธรรมชาติเท่านั้นที่จะนำพามนุษย์ไปถึงจุดศูนย์กลางแห่งความ เข้าใจในทุกสรรพสิ่งหรือวิถีแห่งการรู้แจ้ง เอ่อ ..คุณคิดว่าลูน่าจะต้องมีลักษณะเป็นยังใงครับ นักบวช ทรงศีล มาจากป่า ไว้เครา ถือไม้เท้ารึปล่าวครับ ... ลูน่าก็เหมือนพวกเรา เกิดยุคนี้ ก็เหมือนๆกัน ดูทีวี ใช้รีโมต อาจจะขับรถ หรือปั่นจักรยาน ตีปิงปอง เล่นเกมส์เพลย์ 2 กินพิซซ่า นั่งเล่นคอม หรืออะไรก็ได้ เค้าไม่แตกต่างกับเราเลย เค้าเหมือนเราๆทุกคน นี่แหละครับ คนไม่เคยคิดอะไรมากกว่าสนุกอย่างผมพอมาฟังอะไรแบบนี้ ก็เอ๋อกินเหมือนกันนะครับ นี่แค่คร่าวๆนะครับที่จริงยังมีเรื่งราวอีกมาก ผมจำไม่ไหว .... มันสุดปัญญาของมนุษย์คนหนึ่งที่จะรับรู้เรื่องราวเหล่านี้ได้จริงๆเรื่องราว เหล่านี้ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ครับยังมีมาเรื่อยๆ
    คนนี้ก็ชื่อลูน่า ที่แปลว่า ดวงจันทร์เช่นกันครับ
    ในโคลงบทที่ ซ. 3 ค. 31 นอสตราดามุสบันทึกคำทำนายไว้ดังนี้"The moon in the middle of the night…
    The young sage alone with his mind has seen it.
    His disciples invite him to become immortal…
    His body in the fire…" "ดวงจันทร์ลอยเด่นยามราตรี…
    หนุ่มคงแก่เรียนผู้สันโดษมองเห็นภาพในดวงจิต
    เหล่าสาวกจะอัญเชิญท่านไปสู่ความเป็นอมตะ
    ร่างของท่านอยู่ในเพลิง
    ตามโคลงนี้ตามความเห็นส่วนตัวของผม หนุ่มคงแก่เรียนน่าจะเป็นชายหนุ่มที่ดูสุขุมมีความรู้ ดูเรียบร้อย
    มองเห็นภาพในจิตน่าจะหมายถึงฤทธิ์ทางใจ
    ส่วนร่างอยู่ในเพลิงน่าจะหมายถึงพลังงูไฟ(พลังกุลฑาลินี)
    ยกมาเป็นอีกมุมมองหนึ่งครับ
     
  7. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +1,862
    ยังไงก็พระสงฆ์ ที่มีชื่อเกี่ยวกับ "พระจันทร์"

    โคลงที่ 28 เล่มที่ 2

    "Second to the last of the prophet’s name,
    Will take Diana’s day(The moon’s day) as his day of silent rest…
    He will travel far and wide in his drive to infuriate,
    delivering a great people from subjection."

    พยางค์ที่สองของนามศาสดาพยากรณ์
    จะใช้วันแห่งพระจันทร์เป็นวันสำหรับพักในความเงียบ
    เขาจะเดินทางกว้างและไกล ส่งแรงขับทำให้ผู้คนสะดุดใจ
    และนำพามหาชนให้หลุดพ้นจากความเป็นข้า(ของบ่วงกรรม?)"

    อวิชชา


    โคลงที่ 96 เล่มที่ 5

    เป็นคำทำนายของศรัทธาใหม่ที่ศาสนาอื่น ไม่กล้ายกไปตีความ

    "They see the truth with eye closed,
    Speak the fact with closed mount…
    Then at the time of need the awaited one will come late…"

    "พวกเขาเห็นสัจจธรรมด้วยดวงตาที่ปิด…
    เปล่งสัจจวาจาด้วยปากที่ปิดแน่น…
    บุคคลอันเป็นที่พึ่งยามต้องการจะมาถึงช้า … "



    ปล. ผมคิดว่านอสตราดามุสคงดีใจมากที่ได้เห็นภาพของผู้คนที่หัน

    มานับถือสัจธรรมด้วยการภาวนาจิต ดังเช่นที่ตนมีความสามารถ

    พิเศษนั้น ท่ามกลางสังคมที่จ้องจะกล่าวหาว่าเขาเป็นพวกนอกรีต



     
  8. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +1,862
    อืมผมก็เคยอ่านแล้วครับ

    แต่ขอแย้งคุณอาจีฟาตรงที่ เธอผู้ชื่อ ลูน่านี้ เป็นผู้หญิงใช่ไหมครับ

    เพราะนอสตราดามุสหมายถึงผู้ชายตลอดเลย

    แต่ไม่แน่ ศรัทธาใหม่นี้ นอสตราดามุสอาจจะชี้ไปที่ พวกภาวนาจิตทั้งหมด

    โดยกลุ่มคนเหล่านี้ มีชื่อ หรือพิธีต่างๆ เชื่อมโยงกับพระจันทร์เกือบทุกคนก็เป็นได้




    ดังเช่น Anti-Christ คนที่สาม บุคคลสำคัญที่โลกวุ่นวาย

    ล้วนมีชื่อที่ใกล้เคียงกับ Mabus ทั้งสิ้น
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 กุมภาพันธ์ 2011
  9. อาจีฟา

    อาจีฟา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +307
    ถ้าเขาอยู่ในร่างของผู้ชายละครับ อาจหมายถึงว่าชาตินี้เกิดเป็นผู้ชายก็เป็นได้ครับ
    แต่ตัวจริงๆเขาคือลูน่าที่เป็นหญิง
     
  10. อาจีฟา

    อาจีฟา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +307
    "The moon in the middle of the night…
    The young sage alone with his mind has seen it.
    His disciples invite him to become immortal…
    His body in the fire…" "ดวงจันทร์ลอยเด่นยามราตรี…
    หนุ่มคงแก่เรียนผู้สันโดษมองเห็นภาพในดวงจิต
    เหล่าสาวกจะอัญเชิญท่านไปสู่ความเป็นอมตะ
    ร่างของท่านอยู่ในเพลิง
    ถ้าเอาตามความหมายที่แปลตรงๆผมอ่านแล้วคำว่าชายหนุ่มคงแก่เรียนสันโดษ
    นึกไม่ออกว่าเป็นพระเลยครับ แล้วร่างอยู่ในเพลิงก็คิดว่าเป็นพลังงูไฟจริงๆนึกไม่ออกว่าเป็นสีของจีวรเลยครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็แล้วแต่จะตีความไปทางไหนครับ
     
  11. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +1,862
    He and his followers will be soaked in Gold

    โคลงที่ 12 เล่มที่ 9

    "the great amount of silver of Diana (Moon) and Mercury (Hermes)
    The images will be seen in the lake (the mind of meditation)
    the sculptor looking for new clay,
    He and his followers will be soaked in Gold."

    "รัศมีสีเงินของแสงจันทร์กับบารมีแห่งองค์เทพแผ่กระจายกว้าง
    ภาพลักษณ์ที่ปรากฏในความสงบของผืนทะเลสาบ
    ประติมากรเสาะหาดินปั้นใหม่
    ร่างของท่านกับผู้ติดตาม (สาวก) จะถูกฉาบ (หล่อ) ด้วยทองคำ"

    Mercury คือชื่อเทพแห่งปัญญา การตื่นรู้ของโรมัน

    Hermes คือเทพองค์เดียวกันแต่เป็นชื่อที่กรีกเรียก

    Mercury ก็คือ ดาวพุธ ถามว่าทำไมคนไทยถึงตั้งชื่อว่าดาวพุธ

    เพราะ Mercury เป็นเทพแห่งการตื่นรู้ นำพาคนโง่ให้สามารถออกจาก

    เกมเขาวงกตได้ ซึ่งเป็นภาษาสัญลักษณ์ที่ทำให้รู้ว่า มาจากศาสนาพุทธ

    ศาสนาแห่งการตื่นรู้



    He and his followers will be soaked in Gold."

    ร่างของท่านกับศิษย์สาวกจะถูกหล่อด้วยทองคำ


    อันนี้ อ.เจริญ ตีความไปว่า หลวงปู่สด และแม่ชีจันทร์ ถูกหล่อเป็นทองคำ

    แต่ถ้าดูแล้ว his followers น่าจะหมายถึงศิษย์หลายคน


    ถามว่าแล้วนอกจากนี้ยังมีใครที่ถูกหล่อเป็นทองคำอีกล่ะ

    ตอบก็คือ ลูกศิษย์ที่ต่างทำบุญด้วยการสร้างพระธรรมกายประจำตัว

    ที่ถูกหล่อขึ้นเป็นทองคำ แต่หล่อขึ้นมาด้วยพิมพ์เดียวกันคือพิมพ์ของ

    พระพุทธ และมีชื่อของคนที่บูชาที่ฐาน นั่นก็คือการหล่อทองคำ

    ร่างท่าน และศิษย์สาวกทั้งหลาย
     
  12. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +1,862
    ก็จะมีอีกคำแปลหนึ่งที่ดูเหมือน อ.เจริญตัดออกไป จาก his bodies in fire

    คือ

    "eye to south hands in bosom his bodies in fire"


    ตามองต่ำ มือทั้งสองพนมที่กลางอก หรือประสานในท่าสมาธิที่กลางท้องน้อย

    ร่างของท่านอยู่ในเพลิง ถ้าไม่ใช่จีวร อ.เจริญก็บอกว่าอาจหมายถึง

    ประกอบพิธี ด้วยการประชุมเพลิง
     
  13. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +1,862
    ของท่าน ลูน่า ผมก็อยากรู้ว่าท่านเป็นใคร

    แต่ถ้ายังไม่ได้แสดงตนผมก็คงไม่มีเวลาไปตามหาท่าน

    แต่ว่า ถ้าใช้ชื่อว่า ลูน่า คำเดียว

    ก็ไม่ตรงกับโคลงบทนี้

    "Second to the last of the prophet’s name,
    Will take Diana’s day(The moon’s day) as his day of silent rest…
    He will travel far and wide in his drive to infuriate,
    delivering a great people from subjection."

    พยางค์ที่สองของนามศาสดาพยากรณ์
    จะใช้วันแห่งพระจันทร์เป็นวันสำหรับพักในความเงียบ
    เขาจะเดินทางกว้างและไกล ส่งแรงขับทำให้ผู้คนสะดุดใจ
    และนำพามหาชนให้หลุดพ้นจากอวิชชา"

    เพราะต้องเป็นนามสกุล หรือพยางค์ที่สองครับ

    ที่มีความหมายว่าจันทร์
     
  14. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +1,862
    ต่อไปนี้เป็นโคลงที่ผมคาดว่าเกี่ยวข้อง

    เป็นโคลงที่ถอดมาเป็นภาษาอังกฤษ

    น่าจะโดยชาวมุสลิม

    ที่ทะเลาะกับชาวจีนท่านหนึ่งเรื่องศรัทธาใหม่

    ผมเลยเป็นตาอยู่ไปฉกโคลงที่เขาแปลมาจาก

    เมล์อันนี้นะครับ

    I think that Chinese people like dogs. I will appear in Jerusalem. I am a hero. If you want to know what is "Armageddon", it is necessary to look at the following. I am Isaac Newton.


    ปล. ดังนั้นแล้ว คำถอดความภาษาอังกฤษนี้ จะไม่ใช่โคลง

    ที่ถอดความมาด้วยความลำเอียง ส่วนผมจะแปลเป็นภาษาไทย

    ด้วยความลำเอียงหรือไม่ก็แสดงความเห็นมาครับ
     
  15. Sriaraya5

    Sriaraya5 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 มีนาคม 2006
    โพสต์:
    3,079
    ค่าพลัง:
    +12,852

    คำทำนายเกี่ยวกับศรัทธาใหม่ของนอสตราดามุส

    โคลงบทที่ ซ.[FONT=&quot] 10 [/FONT]ค. [FONT=&quot]75 [/FONT]และ ซ. [FONT=&quot]2 [/FONT]ค. [FONT=&quot]29[/FONT]

    [FONT=&quot]"He will appear in Asia at home in Europe[/FONT]
    [FONT=&quot]One who is issued from great Hermes…"[/FONT]

    เขาจะปรากฏตัวในเอเชียจากบ้านในทวีปยุโรป
    บุคคลหนึ่งเป็นผู้มาจากผู้ส่งสาส์นสำคัญของเทพเจ้า

    [FONT=&quot]"The man from the East will come out of his seat, [/FONT]
    [FONT=&quot]Passing across the Apentines to see France[/FONT]
    [FONT=&quot]He will fly through the sky, the rains and snows, [/FONT]
    [FONT=&quot]And strike everyone with the rod." [/FONT]

    ผู้ชายจากโลกตะวันออกจะมาสู่ตำแหน่งของเขา
    ผ่านข้ามผู้เลียนแบบ ไปยังประเทศฝรั่งเศส
    เขาจะเดินทางโดยเครื่องบินทางอากาศ [FONT=&quot],[/FONT]ฝนและหิมะตก


    ในโคลงบทที่ ซ.[FONT=&quot] 3 [/FONT]ค. [FONT=&quot]31 [/FONT]นอสตราดามุสบันทึกคำทำนายไว้ดังนี้

    [FONT=&quot]"The moon in the middle of the night… [/FONT]
    [FONT=&quot]The young sage alone with his mind has seen it. [/FONT]
    [FONT=&quot]His disciples invite him to become immortal… [/FONT]
    [FONT=&quot]His body in the fire…"[/FONT]

    พระจันทร์อยู่ตรงกลางของค่ำคืน
    คนหนุ่มที่รอบรู้โดยลำพังประกอบกับจิตใจของเขาได้รับและได้เห็นสิ่งนั้น
    สาวกของเขาเชิญให้เขาเป็นผู้ที่คงอยู่ชั่วนิรันดร์
    ความรู้สึกแรงกล้าอยู่ภายในร่างกายของเขา

    โคลงทำนาย ซ.[FONT=&quot] 2 [/FONT]ค. [FONT=&quot]28[/FONT]

    [FONT=&quot]"Second to the last of the prophet’s name, [/FONT]
    [FONT=&quot]Will take Diana’s day(The moon’s day) as his day of silent rest… [/FONT]
    [FONT=&quot]He will travel far and wide in his drive to infuriate, [/FONT]
    [FONT=&quot]delivering a great people from subjection." [/FONT]

    "ที่สองไปยังหน้าล่าสุดของชื่อของศาสดา</SPAN>,
    จะใช้เวลาของวัน Diana (วันของดวงจันทร์) เป็นวันของเขาที่เหลือเงียบ ...
    เขาจะเดินทางไปทั่วในไดรฟ์ของเขาไปทำให้โกรธ,
    ส่งคนที่ดีจากการครอบงำ.
    </SPAN>
    [FONT=&quot]"They see the truth with eye closed, [/FONT]
    [FONT=&quot]Speak the fact with closed mount… [/FONT]
    [FONT=&quot]Then at the time of need the awaited one will come late…"[/FONT]

    พวกเขาเห็นข้อเท็จจริงด้วยการหลับตา
    พูดความจริงร่วมกับนำออกแสดงเฉพาะกลุ่ม
    หลังจากนั้น ณเวลาแห่งความต้อง การรอคอยสิ่งหนึ่งจะมาล่าช้า

    [FONT=&quot]"the great amount of silver of Diana (Moon) and Mercury (Hermes) [/FONT]
    [FONT=&quot]The images will be seen in the lake (the mind of meditation) [/FONT]
    [FONT=&quot]the sculptor looking for new clay, [/FONT]
    [FONT=&quot]He and his followers will be soaked in Gold." [/FONT]

    [FONT=&quot]ให้ท่านผู้คงแก่เรียนได้ตีความกันจาก[/FONT][FONT=&quot]บทนี้ [/FONT]
    [FONT=&quot]?[/FONT]
     
  16. คนนะ

    คนนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2009
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +221
    เผยแพร่ธรรม ก็เผยแพร่ไป
    ไม่เห็นจำเป็นต้องหาข้อมูล
    เพื่อสนับสนุนผู้นำของตัวเองให้ยิ่งใหญ่
    จะใหญ่ก็ต้องใหญ่ด้วยหลักการเฉพาะตน ไม่อิงแอบด้วยหลักการจากสิ่งอื่นๆ
    วิชาธรรมกายก็คือศรัทธาใหม่ของโลกตะวันตกอันนี้ยอมรับ ถ้ามีใจเป็นกลาง

    พระเจ้าจักรพรรดิ ก็คือ พระเจ้าจักรพรรดิ
    และพระเจ้าจักรรพรรดิจะต้องมีสัญญาลักษณ์พิเศษ
    คือ มีจักรแก้ว ฯลฯ ของวิเศษทั้ง7เป็นสักขีพยายานพิสูทธิ์ให้ทั้งโลกยอมรับ
    ไม่ใช่ของวิเศษทั้ง7ถูกสร้างขึ้นเองโดยมนุษย์

    และไม่ใช่ก๊อปปี้ลอกเลียนแบบ
    เหมือนคนที่พยายามวาดมังกรแต่กลายมังกือ....วาดเสือแต่กลายเป็นแมว....

    ด้วยเหตุอย่างนี้ คำโครงของนอส...จึงมีต่อท้ายประโยคสุดว่า
    "ผู้ที่รอคอยจะมาล่าช้า"
     
  17. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +1,862
    ลำดับที่เจ็ด ,ฐานที่เจ็ด ณ ศูนย์กลางกาย

    โคลงที่ 32 ของเล่มที่ 5

    "Where all is good, the Sun all beneficial and the Moon
    Is abundant, its ruin approaches:
    From the sky it advances to change your fortune.
    In the same state as the seventh rock."



    " ทุกที่กลายเป็นที่ที่ดี ดวงอาทิตย์ที่ให้สิ่งดี

    และดวงจันทร์ที่สร้างความอุดมสมบูรณ์

    พลังงานต่างๆจากฟากฟ้าช่วยพัฒนาในการเปลี่ยนโชคชะตาผู้คน

    ในจุดเดียวกัน คือ ฐานที่เจ็ด"


    โคลงที่ 74 ของเล่มที่ 10



    The great seventh number’s revolution,
    It will appear a time of the year for hecatomb.
    Not far from the great millennial age,
    When those can enter will leave the tomb


    "การปฏิวัติแห่งหมายเลขลำดับเจ็ดที่ยิ่งใหญ่

    มันจะปรากฏในช่วงเวลาปีแห่ง hecatomb

    ไม่นานจากสหัสวรรษที่ยิ่งใหญ่

    เมื่อพวกเขาเหล่านั้นซึ่งสามารถเข้าไปได้ จะพากันห่างจากหลุมศพ"


    ผมไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับหลุมศพอย่างไร

    แต่จะมีการพูดถึงลำดับที่เจ็ด จุดที่เจ็ด ฐานที่เจ็ด

    ในช่วงไม่ไกลจากสหัสวรรษ ซึ่งก็คงไม่ใช่ปี 3000

    แน่นอน ย่อมไม่ห่างจากปี 2000

    แต่ปีแห่ง Hecatomb คืออะไร ก็คงต้องรอผู้รู้อีกที


     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 21 กุมภาพันธ์ 2011
  18. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +1,862
    คำว่าล่าช้า ช้ากว่าอะไรเราก็ไม่สามารถรู้ได้

    แต่การปฏิวัติของ หมายเลขเจ็ด จะไม่ไกลไปกว่า สหัสวรรษที่ยิ่งใหญ่เท่าไรนัก
     
  19. Army56

    Army56 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    1,098
    ค่าพลัง:
    +1,862
    นำกลับมาหลังจากหายไป เมื่อ พ.ศ. 500

    โคลงที่ 94 เล่มที่ 3


    For five hundred years more one will keep count of him,
    Who was the ornament of his time.
    Then suddenly great light will he give,
    He who for this century will take them back very satisfied
    .


    เป็นเวลากว่าห้าร้อยปี ผู้หนึ่งจะมาช่วยท่านสืบทอด

    ผู้ซึ่งมาทำให้ช่วงเวลาของท่านรุ่งเรือง

    และทันใดนั้น ท่านจะประทานแสงที่ยิ่งใหญ่

    เขาคือบุรุษแห่งศตวรรษ ผู้นำมันกลับมาอีกครั้ง จะทำให้ท่านยินดี




    ตามที่หลวงปู่สดได้อ้างไว้ว่า

    วิชชาธรรมกายนั้น หายไปเมื่อ พ.ศ. 500

    และท่านได้ค้นพบและนำวิชชานี้มาเผยแพร่อีกครั้ง
     
  20. วะฮะฮ่า

    วะฮะฮ่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +111
    น่าฉ๋นจายมากคับ ผมเคยเห็นโคลงบทหนึ่งเป็นภาษาปะกิตแบบนี้คับ :- I think not all muslims are terrorist but all terrorists are muslim. Believe me it shows! แปลว่าอายัยคับ.
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 21 กุมภาพันธ์ 2011

แชร์หน้านี้

Loading...