วิธีการรักษามะเร็งใช้ความเย็นกับฝังแร่ไอโอดีน

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย aoseiei, 24 สิงหาคม 2013.

  1. aoseiei

    aoseiei เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ธันวาคม 2012
    โพสต์:
    210
    ค่าพลัง:
    +490
    วิธีการรักษาด้วยความเย็นจะใช้เข็มขนาดเล็กเจาะผ่านผิวหนังลงไปในอวัยวะที่เป็น มะเร็ง โดยตรง ใช้ก๊าซอาร์กอน 162 องศา เพื่อแช่แข็งเซลล์มะเร็ง
    แม้ปัจจุบันวิทยาการทางการแพทย์และการรักษาจะถูกพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสามารถรักษาโรคร้ายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ทว่าอัตราการป่วยโรค มะเร็ง ทุกชนิดยังคงครองแชมป์คร่าชีวิตคนทั่วโลก และมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นทุกปี ทั้งนี้ ปัจจัยสำคัญนอกจากพันธุกรรมหรือกรรมพันธุ์แล้ว ปัญหาสภาพแวดล้อมและพฤติกรรมการบริโภค ถือเป็นตัวกระตุ้นการเกิดโรคเช่นเดียวกัน
    สถิติการป่วยเป็นโรค มะเร็ง ทั่วประเทศไทย ในปี 2544 – 2546 ซึ่งรายงานในปี 2553 พบว่า คนไทยป่วยเป็น มะเร็ง 241,051 ราย หรือ 80,350 ราย/ปี มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น 23 เปอร์เซ็นต์ เปรียบเทียบกับสถิติปี 2541 – 2543 พบคนไทยป่วยเป็นมะเร็ง 195,780 ราย หรือ 65,260 ราย/ปี โดยชนิดของมะเร็งที่พบบ่อยในเพศชาย อันดับ 1. มะเร็งตับและทางเดินน้ำดี 2.มะเร็งปอด 3.มะเร็งลำไส้ใหญ่ 4. มะเร็งต่อมลูกหมาก และ 5. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง ส่วนเพศหญิง อันดับ 1. มะเร็ง เต้านม 2. มะเร็ง ปากมดลูก 3. มะเร็งตับและทางเดินน้ำดี 4. มะเร็งปอด และ 5. มะเร็งลำไส้ใหญ่
    “คนไทยมักจะเสียชีวิตด้วยโรค มะเร็ง ตับ ซึ่งเกิดจากพฤติกรรมการบริโภค ส่วนคนจีนจะเสียชีวิตด้วยโรค มะเร็ง ปอด เนื่องจากสูบบุหรี่เยอะ” ญานี นาคประสม ผู้จัดการฝ่ายลูกค้าสัมพันธ์ รพ.สมัยใหม่กว่างโจว ประจำประเทศไทย (Modern Cancer hospital Guangzhou) ฉายภาพรวมอุบัติการณ์ผู้ป่วยโรค มะเร็ง
    ญานี บอกว่า ผู้ป่วยโรค มะเร็ง ถ้าตรวจพบว่าตนเองเป็นโรค มะเร็ง ในระยะเริ่มต้นจะถือว่าโชคดีมาก เพราะว่าแพทย์จะสามารถทำการรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพ โอกาสหายจึงค่อนข้างมาก แต่อย่างที่ทุกคนทราบกันดีว่าผู้ป่วยส่วนใหญ่ กว่าจะตรวจพบว่าเป็นโรค มะเร็ง ก็มักจะอยู่ในระยะลุกลาม โอกาสหายหรือมีชีวิตอยู่จึงค่อนข้างน้อย ดังนั้นหากผู้ป่วยที่มีอายุมากๆ หรือตรวจพบในระยะลุกลาม ส่วนใหญ่ญาติจะไม่อยากให้รักษาด้วยการให้คีโม เนื่องจากกังวลเรื่องผลกระทบข้างเคียง
    เธออธิบายว่า รพ.สมัยใหม่กว่างโจว เน้นในเรื่องการรักษาผู้ป่วยโรค มะเร็ง แบบแผลขนาดเล็กด้วยเทคโนโลยีนาโน การรักษาจึงไม่ต้องผ่าตัดใหญ่ ซึ่งวิธีการรักษาที่ถือเป็นจุดเด่นและสามารถรักษาได้ผลดี คือ การใช้ความเย็นทำลายเซลล์ มะเร็ง และการฝังแร่ไอโอดีนขนาดเล็ก ซึ่งนวัตกรรมทั้งสองถือเป็นงานวิจัยที่ทาง รพ.สมัยใหม่กว่างโจวคิดค้นพัฒนาขึ้นมา นอกจากนี้ในประเทศสหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศสยังให้การยอมรับอีกด้วย
    “ก่อนหน้าที่จะมาเปิดสาขาในประเทศไทย เราเปิดสาขาในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาแล้วหลายประเทศ ทั้งอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม และกัมพูชา ซึ่งในประเทศไทยแม้จะเพิ่งเปิดสาขาได้ประมาณ 7-8 เดือน แต่ก็มีผู้ป่วยถูกส่งตัวมารักษาที่กว่างโจวแล้วกว่า 10 ราย ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยในระยะลุกลาม แต่มีความต้องการยืดอายุออกไปอีกสักพัก” เธอบอกว่า ก่อนที่จะถูกส่งตัวไปรักษาที่กว่างโจว แพทย์จะวิเคราะห์ดูว่าโอกาสหายหรือระยะเวลาในการมีชีวิตอยู่นั้น มากน้อยขนาดไหน แต่บางรายถ้าโอกาสน้อยมากแพทย์ก็จะไม่แนะนำ
    ด้าน นพ.เผิง เสี่ยว ชื่อ หัวหน้าทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ รพ.สมัยใหม่กว่างโจว บอกว่า การรักษาโรค มะเร็ง ด้วยวิธีการฝังแร่ไอโอดีนขนาดเล็ก ประมาณ 1 ใน 3 ของเมล็ดข้าวสาร เข้าไปยังร่างกายผู้ป่วย โดยฝังไปที่เซลล์ มะเร็ง โดยตรงนั้น เป็นการรักษาแบบแผลขนาดเล็ก ซึ่งก่อนที่ทีมแพทย์จะตัดสินใจใช้วิธีการฝังแร่ไอโอดีนให้ผู้ป่วย แพทย์จะต้องให้ผู้ป่วยเข้าเครื่อง CT สแกน เพื่อหาจุด มะเร็ง ในร่างกายก่อน จากนั้นทีมแพทย์จะปรึกษากันว่า วิธีการรักษาแบบใดบ้างจึงจะเหมาะสมสำหรับผู้ป่วยรายนั้น
    นพ.เผิง อธิบายถึงขั้นตอนการฝังแร่ไอโอดีน ว่า กรณีผู้ป่วยเพศชายรายหนึ่งป่วยเป็น มะเร็ง ตับ อายุ 55 ปี เดินทางมาจากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งก่อนหน้านี้ทีมแพทย์ได้ใช้ความเย็นในการทำลายเซลล์ มะเร็ง แล้วส่วนหนึ่ง โดยวิธีการรักษาด้วยความเย็น จะใช้เข็มขนาดเล็กเจาะผ่านผิวหนัง ลงไปในอวัยวะที่เป็น มะเร็ง โดยตรง โดยใช้ก๊าซอาร์กอน -162 องศาเซลเซียส เพื่อแช่แข็งเซลล์ มะเร็ง จากนั้นจะเปลี่ยนเป็นก๊าซฮีเลียม ซึ่งให้ความร้อนโดยฉับพลัน ทำสลับกันอย่างนี้ประมาณ 15 นาที เพื่อทำลายเซลล์ มะเร็ง
    “ขั้นตอนต่อมาทีมแพทย์จึงตัดสินใจฝังแร่ไอโอดีนขนาดเล็ก เขาไปในเซลล์ มะเร็ง เฉพาะจุด เพื่อให้แร่เหล่านี้แผ่รังสีฆ่าเซลล์ มะเร็ง ให้ตายไปในที่สุด โดยแร่ที่ฝังเข้าไปนั้น จะแผ่รังสีได้นาน 6 เดือน ซึ่งตลอดระยะเวลาการแผ่รังสี ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ สำหรับรังสีที่ตัวแร่ปล่อยออกมา จะอยู่ในวงจำกัด จึงไม่กระทบกับอวัยวะส่วนอื่นในร่างกาย ผลกระทบที่เกิดขึ้นจึงเกิดกับเซลล์ มะเร็ง เท่านั้น “
    เขาบอกด้วยว่า ขั้นตอนที่ยากที่สุดของการรักษาด้วยวิธีฝังแร่ไอโอดีน คือ การเจาะเข้าไปในอวัยวะที่เป็น มะเร็ง ให้ตรงจุด และฝังอยู่ในตำแหน่งที่แน่ชัดในเซลล์ มะเร็ง โดยจำนวนแร่ที่ฝังเข้าไปนั้น ขึ้นอยู่กับขนาดของเซลล์ มะเร็ง ว่าเล็กหรือใหญ่ อย่างกรณีของผู้ป่วยตัวอย่าง เซลล์ มะเร็ง ไม่ใหญ่มากจึงฝังแร่แค่ 20 เม็ด โดยการเจาะเข็มในแต่ละครั้ง ใส่แร่ได้ 10 เม็ด ดังนั้นผู้ป่วยรายนี้ จึงถูกเจาะเข็มเข้าไปในร่างกายเพียง 2 ครั้ง และหลังจากฝังแร่เสร็จ ใช้เวลาพักฟื้น 1-2 วัน ก็สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ แตกต่างจากวิธีการผ่าตัดเปิดปากแผล ซึ่งต้องใช้ระยะเวลาในการพักฟื้นที่ยาวนานกว่า ส่วนแร่ไอโอดีนที่ฝังเข้าไปในร่างกายผู้ป่วย ถึงแม้จะหมดการแผ่รังสีแล้ว แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเอาออกจากร่างกาย เพราะมีขนาดเล็กมาก
    ขณะที่ นายประชา พิทักษ์เดชาธนะกิจ หนึ่งในผู้ป่วยที่รักษาด้วยวิธีใหม่นี้ เล่าว่า อาการตอนแรกตนรู้สึกปวดฟันมาก 3-4 วัน ตอนแรกนึกว่าเป็นเหงือกอักเสบ แต่ก็ไม่หายสักที ลูกสาวจึงพาไปพบทันตแพทย์ พอเอาชิ้นเนื้อไปก็ตรวจพบว่าเป็นเนื้อร้ายต้องรักษาด้วยการผ่าตัด

    ที่มา : บทความสุขภาพ ความรู้อาหารเสริม การใช้ยา | บทความอาหารเสริม บทความสุขภาพ ความรู้เรื่องยา
     
  2. DuchessFidgette

    DuchessFidgette เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    2,607
    ค่าพลัง:
    +9,301
    เอาเข้าจริงวิธีการต่างๆที่พูดๆกันมา ไม่ว่าจะฝังแร่ ยีนเทอร์ราพี ฯลฯ ก็ยังไม่ได้รับการอนุมัต ให้ใช้อย่างเป็นทางการในโรงพยาบาล ต้องไปหาศูนย์พิเศษต่างๆทำ เวลาถามหมอ หมอก็บอกไม่เคยรู้จัก ไม่เคยได้ยิน และก็จะให้เลือกแต่ ผ่าตัด เคโม กับ มอร์ฟีน บรรเทาเท่านั้น ยิ่งมะเร็งหนักๆรุนแรงอย่าง มะเร็งตับอ่อน คือไล่กลับไปตายบ้านอย่างเดียวเลย


    ที่ผ่าไม่ได้ลามเข้าต่อมน้ำเหลือง และเส้นเลือดใหญ่ไปเลี้ยงหัวใจ โรงมะเร็งตับอ่อนอันตรายมากเพราะมันจะปุ้นปับเป็น ไม่มีอาการ วินิจฉัยก็ยากเพราะเป็นอวัยวะที่อยู่ลึกสุดของร่างกาย ต้องยกตับ ยกม้าม ออกมาหลายชั้น....


    ชีวิตคนนี้มันน่าเศร้าแม้แต่ร่างกายเราเองก็ไม่ใช่ของเรา ขนาดจะยก อวัยวะให้คนอื่น แม่ก็ไม่อนุญาต บอกว่าเพราะเราออกมาจากแม่ แม่เป็นผู้ให้เลือดให้เนื้อมา สรุป บริจาคอวัยวะก็ไม่ได้ เพราะแม่บอก อวัยวะในตัวเรามาจากพ่อแม่, ฆ่าตัวตายก็ไม่ได้ เพราะชีวิตนี้พ่อแม่เป็นคนให้ชีวิตเจ็บๆนี้มา .......


    คิดแล้วการตายไปเป็นผีเป็นวิญญาณไม่มีร่างกายยังดีเสียกว่าการเกิดมาเป็นสัตว์ในโลกนี้

    พยามตัดกิเลสและไปนิพพานให้ได้ในเร็ววัน
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กันยายน 2013

แชร์หน้านี้

Loading...