วิญญาณยังอยู่....

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย paang, 27 ตุลาคม 2005.

  1. paang

    paang เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 เมษายน 2005
    โพสต์:
    9,492
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,328
    [​IMG]


    "ขุนลำยอง" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อเห็นวิญญาณในซอยบ้าน

    "ความรักที่ยิ่งใหญ่กว่ารักตัวเอง ไม่มี!"

    เชื่อว่าทุกท่านคงจะเคยได้ยินได้ฟังมาแล้ว ว่าธรรมชาติของมนุษย์ไม่ว่าจะดีหรือชั่ว กระทำสิ่งใดๆแม้จะดูเป็นคนใจกว้าง ไม่เห็นแก่ตัว เสียสละทุกสิ่งทุกอย่างให้ผู้อื่นได้อย่างเต็มใจ ล้วนแต่มีพื้นฐานมาจากความรักตัวเองทั้งสิ้น

    ขึ้นชื่อว่า "รักตัวเอง" ย่อมมีมากมายหลายรูปแบบ ทั้งเพื่อให้ผู้อื่นซาบซึ้งหรือยกย่อง รวมทั้งเพื่อให้ตัวเองภูมิอกภูมิใจว่าได้เสียสละเพื่อผู้อื่น "สิ่งที่สัตว์โลกทุกชนิดหวงแหนมากที่สุดก็คือ ลมหายใจของตนเอง!"

    นี่คือสิ่งสนับสนุนความรักตัวเองให้เห็นอย่างชัดแจ้ง ปราศจากข้อโต้แย้งใดๆ เพราะทุกคนย่อมยอมรับว่าต้องมีชีวิตอยู่ตราบนานเท่านาน แม้จะรู้แน่ว่าวันหนึ่ง ไม่ช้าก็เร็ว...ความตายต้องมาถึงแน่นอน!

    ไม่มีใครอยากตายทั้งนั้น ไม่ว่าเด็ก หนุ่มสาว หรือคนแก่เฒ่า ทุกคนล้วนรักชีวิต หวงแหนลมหายใจตนเองประหนึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าสูงสุดในจักรวาล แต่เมื่อรู้ว่าวันหนึ่งต้องตายแน่ๆ ไม่มีทางหลบเลี่ยงหรือบิดพลิ้วได้สำเร็จ แม้จะมีทรัพย์สินเงินทองมากมายปานใด ก็ไม่อาจจะซื้อชีวิตให้อยู่ยงคงกระพัน ยืนยาวไปตลอดกาลนานได้เลย! มนุษย์ก็ห่วงใยตัวเองอีกว่า ...ตายแล้วจะไปไหน?

    ชาติหน้ามีจริงหรือเปล่า?
    สวรรค์-นรก มีจริงไหม?
    ถ้ามีจริง ตนจะได้ขึ้นสวรรค์หรือลงนรกกันแน่? เพราะคนทุกคนย่อมจะเคยทำบุญ - สร้างบาปมาด้วยกันทั้งนั้น ตามที่ชอบพูดจากันติดปากโดยทั่วไปว่า "บุญก็ทำ-กรรมก็สร้าง"

    บรรดาผู้ทรงภูมิวิทยา หรือระดับนักปราชญ์ทั่วโลก ซึ่งคงจะคิดถึงความตายและกลัวตายไม่ต่างกับคนทั่วไป ก็ได้นิยามความตายเอาไว้ต่างๆ นานา เพื่อปลอบใจผู้คนทั้งปวงให้มีกำลังใจเข้มแข็ง ไม่หวาดหวั่นพรั่นพรึงต่อวาระสุดท้ายของชีวิตตนเอง

    "ความตายคือการนอนหลับครั้งสุดท้าย"
    "ความตายทำให้ได้พักผ่อนจากงานหนักไปตลอดกาล"
    "ความตายคือฉากผ่านของชีวิต"
    "ความตายคือความสงบสุขอันเป็นนิรันดร์"
    "เกิดกับตายเป็นสิ่งคู่กัน เมื่อเกิดแล้วตาย เมื่อตายแล้วย่อมเกิดใหม่"
    "ชีวิตคือสิ่งหนักอึ้ง ความตายคือสิ่งที่เบาหวิวดุจขนนก"


    "ชีวิตเป็นสิ่งมหัศจรรย์ก็จริง แต่ความตายเป็นประสบการณ์แปลกใหม่ ที่ทุกชีวิตจะมีได้ก็เพียงครั้งเดียว"

    พิจารณาดูแล้ว บรรดานักปราชญ์ราชบัณฑิต ผู้ให้นิยามความตายเอาไว้หรูหรา ฟังแล้วก็เคลิบเคลิ้มจนอยากล้มตายไปเดี๋ยวนี้เลย...อาจจะหวาดหวั่นพรั่นสยองต่อวาระสุดท้ายของตนมากกว่าคนทั่วไปก็เป็นได้!

    ว่าแต่ความตายคือการสูญสิ้น ดับมอดไปคล้ายกับแสงเทียนต้องลมแรงหรือสิ้นเชื้อหมดพลังแล้วจริงๆ หรือ?

    เทียนดับแล้วยังเหลือควันล่องลอยให้รู้เห็น คนเป็นๆเมื่อธาตุทั้งปวงไม่อาจควบคุมกันได้ ถึงกาลต้องแตกสลาย กลับกลายไปสู่ธาตุเดิม...จิตวิญญาณแรงกล้าล่องลอยออกจากร่างที่รอการเน่าเปื่อย จะระเหเร่ร่อนไปสู่ไหน...

    บ้างสาบสูญไป และบ้างก็ยังวนเวียนอยู่ด้วยปรารถนาแรงกล้า ที่จะดำรงอยู่ต่อไปตราบนานเท่านาน สุดแต่ความทะยานอยากจะมีอยู่มากน้อยเป็นประการใด! นั่นคือภูตผี สัมภเวสี วิญญาณเร่รอน สิ่งสู่หรือล่องลอยไปตามยถากรรม ซึ่งไม่เหมือนกัน! เขาว่าคนเห็นผี หรือคิดว่าโดนผีสางหลอกหลอนนั้น เพราะผีต้องการส่วนบุญบ้าง มาเยี่ยมเยือนความรักใคร่ผูกพันบ้าง จนถึงผีเปรตหรือวิญาณชั่วร้าย ประสงค์จะกลั่นแกล้งผู้คนให้ตระหนักอกสั่นตามวิสัยพาลของตน โดยมากจะแนะนำให้ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ หนักกว่านั้นก็คือไปรดน้ำมนต์ ขับไล่เคราะห์ภัยออกไป กับเสริมสร้างสิริมงคลให้ตนเอง

    ไม่เคยได้ยินว่า ผีปรากฏรูปหรือเสียงให้รู้เพื่อตักเตือนให้รู้ว่า วันหนึ่งตนก็ต้องละทิ้งร่างกายอันเป็นที่รักใคร คอยทำนุบำรุงให้แข็งแรง หรือหมดจดงดงามเป็นที่น่าสนิทเสน่หาของผู้อื่น...ไปสู่สภาพเน่าเปื่อยผุพังเช่นเดียวกัน

    พึงระลึกถึงมรณสติไว้เป็นนิจศีลเถิด!

    ข้าพเจ้ามีประสบการณ์ที่อาจจะน่าขนหัวลุกสำหรับหลายๆ คน ตอนแรกต้องยอมรับว่าหนาวสันหลังวูบ แต่บ่อยครั้งเข้าก็สงบจิตใจได้ แผ่เมตตาไปยัง "สิ่งนั้น" โดยจิตปรารถนาดีโดยแท้จริง
    ในตอนโพล้เพล้เข้าใต้เข้าไฟ หรือยามค่ำคืนในซอยเปลี่ยวแถวชานเมือง...มักจะเห็นภาพนั้นจากระเบียงบ้านชั้นบนเป็นประจำ
    เด็กๆ ทั้งชายและหญิงวัย 3-4 ขวบจนถึง 10 กว่าขวบ หนุ่มๆ สาวๆ และวัยกลางคน รวมทั้งผู้ชราอีกมากมาย...เดินผ่านไปมาอย่างเงียบเชียบ เยือกเย็นสิ้นดี

    เด็กๆ พูดคุยเล่นหัวกันตามประสา หนุ่มสาวหัวเราะต่อกระซิกจนอย่างชื่นบาน คนแก่เฒ่าเดินงกเงิ่น หลายคนก็ถือไม้เท้าพยุงกายง่อนแง่นเต็มที

    ข้าพเจ้าอยู่ซอยนั้นหลายสิบปีแล้ว ผู้ที่เดินผ่านไปมา - บ้างก็หันมายิ้มให้ด้วยไมตรีนั้น ล้วนแต่ละโลกมนุษย์ไปแล้วทั้งสิ้น หลายๆ ร่างก็เคยไปงานศพเขาด้วยซ้ำ วิญญาณยังอยู่! แม้แต่คนชราผู้ล่วงลับไปตามอายุขัย เคยใช้ไม้เท้าพยุงร่างเมื่อยังมีลมหายใจ ตายแล้วก็ยังห่วงใยร่างกายอันเป็นที่รัก...ไม่ยอมละวางไม้เท้าเลยด้วยความรักใคร่ ห่วงใยกายสังขารตนไปตลอดกาลนาน"





    ข้อมูลจาก หนังสือพิมพ์ข่าวสด
    ภาพประกอบทางอินเตอร์เน็ต
     
  2. แคท

    แคท เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 เมษายน 2005
    โพสต์:
    616
    ค่าพลัง:
    +1,666
    ขออนุโมทนา
     

แชร์หน้านี้

Loading...