วิญญาณคนเป็น

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 11 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    น้ำหอม" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากพระประแดง

    ดิฉันเคยพบเรื่องแปลกประหลาดระคนกับน่ากลัวสุดๆ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่บ้านข้างๆ นั่นเอง แม้ว่าจะนานมาแล้วก็ยังจำได้ไม่มีวันลืมเลย...ที่ว่าประหลาดก็เพราะจนถึงปัจจุบันนี้ยังไม่มีใครตอบได้ว่ามันคืออะไรกันแน่

    สมัยเด็กดิฉันอยู่ที่พระประแดงนี่เองค่ะ มีโรงงานเยอะแยะไปหมด แถวท่าข้ามรถตอนเช้าๆ เย็นๆ ก็มีคนพลุกพล่าน เคยเกิดอุบัติเหตุน่ากลัวเมื่อตอนน้ำลง แล้วรถขับพุ่งลงน้ำโครมหลายครั้ง...ส่วนมากก็ตายยกคันซีคะ!

    ยายกลีบเป็นคนข้างบ้านที่ดิฉันเห็นมาตั้งแต่จำความได้ แถมจำได้แม่นเพราะแกเป็นคนแก่ที่สุดเท่าที่ดิฉันเคยเห็นมาในชีวิต

    ตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบันนี้ ดิฉันยังไม่เคยเห็นใครจะอายุยืนที่สุด หรือแก่เฒ่ามากกว่ายายกลีบสักคนเดียว ยกเว้นแต่ในข่าวทีวีที่เห็นคนอายุยืนที่สุดในโลก...แต่เมื่อคิดถึงยายกลีบแล้วยังอยากเชื่อว่าแกอายุมากกว่าคนแก่ที่เห็นในข่าวทีวีเสียด้วยซ้ำไป

    ตอนที่ยังเล็กมากๆ เคยเข้าไปวิ่งเล่นในบ้านแก เห็นแต่คนแก่ๆ ทั้งผู้ชายและผู้หญิง...แก่กว่าปู่ย่าตายายของพ่อแม่ดิฉันอีกค่ะ คนแก่มากๆ พวกนั้นคือลูกๆ ของยายกลีบนั่นเอง

    ไม่ใช่ว่าเป็นครอบครัวคนแก่อายุยืนมากๆ นะคะ เพราะบรรดาลูกสาวลูกชายของยายกลีบที่มีหลานๆ โตเป็นหนุ่มเป็นสาวแล้ว ก็ค่อยๆ ทยอยล้มหายตายจากไปทีละคนจนหมด เหลือแต่ยายกลีบกับหลานย่าหลานยายที่แยกย้ายกันไปมีครอบครัว ส่วนมากได้ข่าวว่าไปอยู่กรุงเทพฯ กันหมด

    ดิฉันจำได้ว่ายายกลีบชอบนั่งเก้าอี้โยกที่ระเบียง ผมขาวเหมือนปุยฝ้าย หน้าตาผิวพรรณก็ขาวผ่อง สวมเสื้อผ้าสีอ่อนๆ ร่างบอบบาง ใบหน้าติดยิ้มอย่างอารมณ์ดี ดูเผินๆ คล้ายตุ๊กตาตัวโตเลยค่ะ

    แกชอบกวักมือเรียกดิฉันเข้าไปหา แล้วให้ขนมอร่อยๆ กิน ก่อนจะอุ้มนั่งตัก ดิฉันชอบลูบคลำเนื้อหนังนุ่มๆ ของแกเล่นอย่างเพลิดเพลิน ยายกลีบก็หัวเราะเบาๆ ราวกับชอบใจที่ดิฉันทำแบบนั้น แล้วชมว่าเนื้อคุณทวดนุ่มนิ่มเหมือนสำลีเลยค่ะ

    ยายกลีบไม่กินหมากอย่างคนแก่ๆ ส่วนมาก วันๆ ก็ไม่เห็นแกกินอะไร รูปร่างถึงได้ผอมบางเหมือนมีแต่หนังหุ้มกระดูก แต่แกก็ยังแข็งแรง เดินเหินได้เองโดยมีไม้เท้าช่วยพยุงเท่านั้น

    ที่จำได้แม่นก็คือกลิ่นการะบูนจากเสื้อผ้าและลมหายใจของแก

    มีญาติห่างๆ เป็นผู้หญิงวัยกลางคนมาอยู่ด้วย ช่วยเหลือเรื่องทำอาหาร ซักรีดกับกวาดบ้านถูบ้าน...นานๆ พวกหลานสาวหลานชายก็พาลูกๆ มาเยี่ยม ยายกลีบดูจะมีความสุขมาก เคยได้ยินแกเรียกชื่อพวกเหลนๆ ได้ชัดเจนทุกคน

    ดิฉันเคยถามตอนที่นั่งตักแกว่า...คุณทวดอายุเท่าไหร่แล้วคะ ถึงร้อยหรือยัง? ยายกลีบก็หัวเราะอยู่ใกล้หู ตอบเสียงเล็กและเบาเหมือนเด็กๆ ว่า...โอย ร้อยกว่าปีแล้วแม่คุณ!

    ต่อมาได้ข่าวว่าหลานๆ ของแกก็ล้มเจ็บออดๆ แอดๆ เพราะโรคชรา พวกเหลนๆ คงต้องทำงานกับดูแลพ่อแม่ ทำให้ไม่ค่อยมีเวลามาเยี่ยมย่าทวดยายทวด นับวันก็ยิ่งห่างหายไปทุกที...แต่ยายกลีบยังอยู่ค่ะ!

    บริเวณบ้านแกมีต้นไม้ใหญ่ๆ ร่มครึ้ม แม้แต่หลังคาก็มีกิ่งมะม่วงดกหนาปกคลุมเกือบหมด...ดิฉันเข้าไปทีไรก็เห็นยายกลีบนั่งอยู่ที่เก้าอี้โยกตัวเดิม ใบหน้าเล็กๆ เหี่ยวย่นคล้ายเปลือกส้มโอตากแดด มักจะเงยมองยอดไม้หรือท้องฟ้า นัยน์ตาสีน้ำข้าวก็จ้องมองสิ่งที่เราไม่เห็น มุมปากเผยอยิ้มนิดๆ ราวกับแกได้พบเห็นใครบางคนที่รักใคร่และเฝ้ารอมานานแสนนาน

    เวลาผ่านไปเกือบสิบปี ดิฉันเรียนมัธยมต้นแล้ว บ้านยายกลีบดูเงียบเหงา คล้ายบ้านร้าง หญ้ารกเป็นพง ต้นไม้ใหญ่น้อยคล้ายจะขยายอาณาเขตเข้าห้อมล้อม บุกรุกและบีบกระชับบ้านเก่าแก่หลังนั้นเข้าไปทุกที...แต่ยายกลีบก็ยังนั่งเงยหน้ายิ้มละไมอยู่ที่เดิมมุมปากเหี่ยวย่นมีรอยยิ้มนิดๆ ตามเคย บางครั้งสายลมก็พัดแรงจนผมขาวจัดปลิวไสว...ร่างที่ดูเล็กลงทุกทีก็แทบจะปลิวไปตามลม

    ดิฉันไม่ได้นั่งตักแกอีกแล้ว แต่นั่งข้างๆ ป้อนขนมคำเล็กๆ ให้ ยายกลีบลูบไล้ศีรษะดิฉันเบาๆ คล้ายจะแสดงความขอบอกขอบใจ ระยะหลังๆ แกยิ้มมากกว่าพูดค่ะ

    บางครั้งดิฉันก็สงสัยว่ายายกลีบจะนั่งอยู่ที่เก้าอี้โยกตัวนั้น ทั้งวันทั้งคืนหรือเปล่าหนอ? เพราะระยะหลังๆ เห็นทีไรก็นั่งอมยิ้มอยู่ที่เดิมทุกทีไป!

    วันหนึ่ง ได้ยินเสียงร้องโหยหวนน่าขนลุก ดิฉันกำลังจะแต่งตัวไปโรงเรียนถึงกับสะดุ้ง รีบวิ่งออกไปดูพร้อมๆ กับพ่อแม่และเพื่อนบ้านอีกสิบกว่าคน เสียงร้องกรี๊ดๆ แสบแก้วหูนั้นดังมาจากหญิงกลางคนชื่อป้าถนอม ที่เป็นญาติห่างๆ ของยายกลีบ มาคอยปรนนิบัติดูแลแกนั่นเอง

    เสียงถามเซ็งแซ่ว่าเป็นอะไร? เกิดอะไรขึ้น? มีใครคนหนึ่งพูดว่าหรือยายกลีบจะมีอันเป็นไปตามอายุขัยแล้ว...ป้าถนอมก็ไม่ตอบ แต่ใช้สองมือปิดหน้าร้องไห้โฮ ตัวสั่นสะท้าน

    แต่เมื่อเราเห็นภาพนั้นก็ต้องตกตะลึงพรึงเพริดไปตามๆ กัน

    บนเก้าอี้โยกที่ระเบียง ไม่มียายกลีบนั่งอยู่ที่นั่น...นอกจากซากศพเหี่ยวแห้ง มีแต่หนังหุ้มกระดูก ผมขาวติดหนังศีรษะกระจุกหนึ่ง เบ้าตาลึกกลวง จมูกยุบ ริมฝีปากรั้นจนเห็นเหงือกดำคล้ำ...มองเผินๆ เหมือนมัมมี่ที่ถูกดองไว้ไม่ให้เน่าเปื่อยยังไงยังงั้น

    ในม่านตาพร่าพราย ดิฉันยังเห็นใบหน้าของซากศพนั้นเงยแหงน คงจะเป็นอุปาทานที่เห็นมุมปากดำคล้ำยิ้มนิดๆ ราวกับดีอกดีใจที่ได้พบผู้ที่เฝ้ารอมานานแสนนาน!

    ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก
    ใบหนาด
    - ข่าวสด
     

แชร์หน้านี้

Loading...