วัคซีนมะเร็งปากมดลูก วิธีป้องกันเชื้อ"HPV"จริงหรือ?

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย Catt Bewer, 20 ธันวาคม 2006.

  1. Catt Bewer

    Catt Bewer เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    3,768
    ค่าพลัง:
    +16,673
    [​IMG] มะเร็ง ได้ยินแค่ชื่อก็น่ากลัวแล้วเพราะต่างรู้ดีว่าโรคนี้เมื่อเป็นแล้ว โอกาสจะรักษาหายมีอยู่น้อยนิด เพราะโรคมะเร็งยังไม่มีทางรักษาให้หายได้ ไม่มีทางป้องกันเพราะไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุที่แน่นอน เกิดจากอะไร ปัจจุบันยังทราบเพียงปัจจัยเสี่ยงเท่านั้น

    แต่มะเร็งบางอย่าง เช่น มะเร็งปากมดลูก ขณะนี้พบว่ามีอัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นแซงโรคมะเร็งชนิดอื่นๆ มีการศึกษาและเป็นที่ยอมรับทางการแพทย์ทั่วโลกว่า สาเหตุของการเกิดโรคเกิดจากการติดเชื้อไวรัส Human Papillomavirus หรือ HPV ที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ และการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย โดยมีเพศชายเป็นพาหะ

    เชื้อไวรัส HPV มีกว่า 100 ชนิด แต่มีประมาณ 30 ชนิดมักติดเชื้อบริเวณอวัยวะเพศของหญิงและชาย ซึ่งเชื้อไวรัสในกลุ่มนี้ทำให้เกิดโรคหูดหงอนไก่ได้ โดยมากเป็นในเพศชาย แต่หากติดเชื้อชนิดที่ 16 และ 18 ก็ทำให้เกิดความเสี่ยงที่เซลล์จะเกิดความผิดปกติจนเป็นมะเร็งปากมดลูกได้

    เพราะฉะนั้น โดยทั่วไป ในช่วงชีวิตเราจะมีโอกาสจะติดเชื้อไวรัสตัวนี้ได้ แต่หากเป็นชนิดที่ไม่ร้ายแรง ภูมิคุ้มกันในร่างกายก็จะสามารถขจัดเชื้อไวรัสตัวนี้ออกไปได้ภายในระยะเวลา 1-2 ปี เหมือนเวลาที่เราเป็นหวัด หากพักผ่อนมากๆ ร่างกายแข็งแรง เดี๋ยวหวัดก็จะหายไปเอง

    อาการผิดปกติที่เกิดขึ้น ที่บ่งชี้ว่าอาจจะมีอาการเริ่มแรกของมะเร็งปากมดลูก ซึ่งควรระวังคือ มีเลือดออกบริเวณช่องคลอด ทั้งเลือดออกผิดปกติในระหว่างมีประจำเดือน เลือดออกหลังจากมีเพศสัมพันธ์ การมีประจำเดือนนานกว่าปกติ หรือมากกว่าปกติ มีเลือดออกหลังวัยหมดประจำเดือน มีสารคัดหลั่งจากช่องคลอดมากขึ้น มีอาการเจ็บบริเวณเชิงกราน และมีอาการเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์
    <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=right border=1><TBODY><TR bgColor=#ffe9ff><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    เมื่อเร็วๆ นี้ ที่ประเทศมาเลเซีย มีการจัดการประชุม VIII World Congress of Gynecology and Obstetrics (FIGO) ซึ่งเป็นการประชุมของนักวิชาการและสูตินารีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางด้านโรคมะเร็งปากมดลูก ซึ่งมีสูตินารีแพทย์เข้าร่วมประชุมจากทั่วโลกกว่าหมื่นคน และเรื่องของมะเร็งปากมดลูก ถูกหยิบยกมาแลกเปลี่ยนข้อมูลทางวิชาการ เพื่อพัฒนาวิธีรักษาโรคมะเร็งปากมดลูกอย่างเข้มข้น ซึ่งบริษัท เอ็มเอสดี (ประเทศไทย) จำกัด ได้เชิญสื่อมวลชนไปเข้าร่วมการประชุมด้วย

    ในการประชุมมีการแลกเปลี่ยนสถานการณ์ของโรคทำให้ทราบว่า อัตราการเกิดโรคมีผู้ติดเชื้อประมาณ 2-3 คน แต่จะเกิดผู้ป่วยรายใหม่ประมาณ 5 แสนราย ในจำนวนนี้จะเสียชีวิตประมาณ 2 แสนราย และจากสถิติยังพบว่าผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกจะมีอายุสั้นลงประมาณ 25.9 ปี และเมื่อเป็นมะเร็งปากมดลูกผู้ป่วยจะเสียชีวิตภายใน 2 ปี

    จากการที่มะเร็งปากมดลูกเป็นโรคที่ทราบสาเหตุว่าเกิดขึ้นจากอะไร จึงมีการคิดวิธีป้องกันขึ้น "วัคซีน" จึงถูกพัฒนาคิดค้นเพื่อนำมาช่วยยับยั้งการเกิดมะเร็งปากมดลูก เพราะสถานการณ์ปัจจุบัน มีผู้ป่วยรายใหม่จำนวนมาก และมะเร็งปากมดลูกกลายขยับขึ้นมาอยู่ในลำดับสอง รองจากมะเร็งเต้านม

    น.พ.วิรัช วุฒิภูมิ หัวหน้าหน่วยมะเร็งอวัยวะสืบพันธุ์ ภาควิชาสูตินรีเวช คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ซึ่งเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ กล่าวว่า โรคมะเร็งปากมดลูกนั้น สาเหตุเกือบ 100% เกิดขึ้นจากการมีเพศสัมพันธ์ และเชื้อสามารถอยู่ได้นานมาก บางคนอาจได้รับเชื้อตั้งแต่อายุ 20 ปี แต่แสดงอาการและเป็นมะเร็งในช่วงอายุ 45 ปีก็สามารถเกิดขึ้นได้ แต่เมื่อติดเชื้อ HPV แล้ว เชื้อสามารถตายเองได้ถึง 90% ใช่ว่าเมื่อติดเชื้อแล้วจะเป็นมะเร็งทั้งหมด <TABLE style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px dotted; BORDER-TOP: #ffffff 1px dotted; BORDER-LEFT: #ffffff 1px dotted; BORDER-BOTTOM: #ffffff 1px dotted" cellSpacing=5 cellPadding=1 width="20%" align=left border=2><TBODY><TR bgColor=#ffffe8><TD>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    เดิมทางยุโรปพบโรคนี้จำนวนมาก แต่เมื่อองค์ความรู้มีมากขึ้นว่าเกิดจากสาเหตุใด ทำให้เกิดการป้องกัน โดยวิธีที่ดีที่สุด คือการตรวจคัดกรอง โดยการตรวจภายในเป็นประจำเพื่อหาเชื่อหรือเรียกว่า วิธีทำ Pep test ทำให้อัตราการเกิดโรคนี้ลดต่ำลง ต่างจากภูมิภาคเอเชีย ที่มีวัฒนธรรมต่างจากยุโรป และอายที่จะตรวจภายใน และค่าใช้จ่ายในการตรวจที่ยังสูง ทำให้อัตราการเกิดโรคพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

    นอกจากการตรวจคัดกรองเพื่อหาเชื้อเป็นประจำ ปัจจุบัน วัคซีนมะเร็งปากมดลูก เริ่มถูกนำมาใช้ในหลายประเทศโดยเฉพาะทางประเทศแถบยุโรป อเมริกา บางประเทศถึงกับบรรจุไว้ในวัคซีนพื้นฐานที่ต้องฉีดให้กับเด็ก เหตุที่ต้องฉีดตั้งแต่ในวัยเด็ก เพราะอัตราการได้รับเชื้อยังมีน้อย ทำให้ป้องกันการติดเชื้อได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากเมื่อได้รับเชื้อเซลล์บริเวณช่องคลอดจะเริ่มถูกทำลาย ถึงแม้ฉีดวัคซีนป้องกันภายหลังเซลล์ที่ถูกทำลายก็ไม่สามารถกลับเป็นปกติได้

    การป้องกันเชื้อ HPV ภายหลังการฉีดวัคซีน ป้องกันได้ประมาณ 70% เพราะวัคซีนที่คิดค้นได้ในขณะนี้ยังป้องกันเฉพาะเชื้อ HPV ชนิดที่ 16, 18 ซึ่งเป็นเชื้อที่ทำให้เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งปากมดลูก และสามารถป้องกันการเป็นหูดหงอนไก่ โอกาสที่จะติดเชื้อชนิดอื่นจึงยังมีอยู่ แต่ถึงจะมีการฉีดวัคซีนก็ยังต้องมีการตรวจคัดกรองควบคู่กันไป เพราะเป็นการป้องกันได้ดีที่สุด

    ความน่าสนใจของวัคซีนยังมีประเด็นของการศึกษาการฉีดวัคซีนให้กับผู้ชาย โดย น.พ.คารอส แซตเลอร์ ผู้อำนวยการวิจัยชีววิทยาคลินิก บริษัท เมอร์ค แอนด์ โก อิงค์ กล่าวว่า มีโครงการทดลองวัคซีนในเพศชาย เพื่อศึกษาในเรื่องการป้องกันการติดเชื้อ เพราะแม้ว่าผู้ชายจะไม่เป็นมะเร็งจากการมีเชื้อ HPV แต่ก็สามารถทำให้เกิดหูดหงอนไก่ได้ อีกทั้งเพศชายเป็นพาหะของเชื้อทำให้เกิดการติดสู่เพศหญิงได้ และปัจจุบันในกลุ่มชายรักชาย ก็มีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งทวารหนักเพิ่มมากขึ้น ซึ่งยังต้องรอผลการศึกษาอีกประมาณ 2 ปี จึงจะทราบผล

    สำหรับประเทศไทย มีการทดลองโครงการวัคซีนมะเร็งปากมดลูกในหลายโรงพยาบาล และยังอยู่ในระหว่างการอนุมัติจากองค์การอาหารและยา (อย.) อย่างไรก็ตาม การเพิ่มอัตราการรับการตรวจคัดกรอง หรือการตรวจภายใน ก็ยังเป็นสิ่งสำคัญ คงต้องมีการเปลี่ยนวิธีคิด โดยนึกถึงสุขภาพของเราเป็นหลัก

    เพราะหากเป็นมะเร็งปากมดลูกแล้ว โอกาสเสียชีวิตนั้นสูงมาก แต่จะสามารถรักษาให้หายได้หากตรวจพบในระยะเริ่มแรก

    คงต้องเลือกว่ายอมตรวจภายในตั้งแต่เนิ่นๆ หรือเสียใจในภายหลัง

    http://www.matichon.co.th/khaosod/khaosod_detail.php?s_tag=03hea01201249&day=2006/12/20
     

แชร์หน้านี้

Loading...