รับออกแบบวางผังพื้นที่ปฎิบัติธรรมและพื้นที่ต่างๆของวัด

สวัสดีครับ นี้จะเป็นกระทู้แรงของผมในเว็บบอร์ดพลังจิต ขอแนะนำตัวเองก่อนนะครับผมเป็นนักออกแบบวางผังอิสระที่จบการศึกษาจากสาขาภูมิสถาปัตยกรรม มาได้ 3 ปีแล้วครับและมีความสนใจในการวางผังงานเกี่ยวกับศาสนาและวัด สมัยที่ผมเรียนอยู่ได้เคยทดลองทำวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับ การดึงเอาสภาวะธรรมชาติมาสร้างสภาวะธรรม ด้วยความสงสัยว่า มนุษย์เราสามารถใช้ธรรมชาติมาทำให้ก่อเกิดข้อธรรมอะไรสักอย่างได้หรือไม่โดยผมยึดหลังที่เราชาวพุทธไทยชอบใช้กันคือ " ธรรมะ คือ ธรรมชาติ" และยึดหลักการไหลเข้าของธรรมะและอวิชชาผ่าน "อายตนะ13" แต่ผมพยายามจะลงลึกเข้าไปถึงวิธีการทำให้ได้มาซึ่ง ธรรม หรือหลักปฎิบัติ หรือแนวทางการให้ได้มาซึ่งหลักธรรมนั้นๆ จากประสบการณ์ของตัวเองที่เคยทำสมาธิจนเข้าถึงสมาธิขั้นลึกซึ่งไม่ใช่ฌาณ ตามแนวทางของการละวางอัตตาตัวตน และเนื่องจากผมมีอุดมกาณ์ที่อยากจะทำงานเพื่อพระศาสนาเอามากๆและหวังว่าในการดำเนินไปในแนวนี้ผมอาจได้เจอครูบาอาจารย์ที่อาจช่วยสั่งสอนสภาวะจิตของผมได้ ซึ่งความคิดนี้เริ่มมีมากขึ้นเมื่อผมเข้ามาศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยและเหมือนโชคชะตาจะบีบบังคับให้ผมต้องดำรงอยู่ในเส้นทางนี้ หากมีวัดใดหรือสถานปฎิบัติธรรมแห่งใดต้องการออกแบบวางผังสามารถติดต่อผมได้ทาง อีเมล์ one542@hotmail.com (โฟล์ค) หรือทางเพจเฟสบุ๊ค : ทาม แลนด์สเคป - Time Landscape ได้ตลอด 24 ชั่วโมงครับ หากติดต่อเข้ามาทาง Facebook รบกวนบอกผมด้วยนะครับว่าตามมาจากเว็บบอร์ดพลังจิต ขอบคุณมากครับ เนื่องจากผมยังไม่สามารถที่จะทำให้เป็นงานฟรีได้ต้องขออภัยอย่างสูงนะครับสำหรับวัดหรือสถานปฎิบัติธรรมที่อาจจะติดต่อเข้ามา แต่หากพื้นที่แห่งนั้นมีความน่าสนใจเป็นพิเศษผมอาจรับไปพิจารณาเพิ่มเติมครับ ด้านล่างนี้จะเป็นผลงานสมัยที่ผมทำวิทยานิพนธ์จะเป็นวัดป่าของหมู่บ้านผมเองครับ โจทย์ในตอนนั้นของผมในการทำวิทยานิพนธ์นี้คือ "การออกแบบวางผังตามคำสอนของพุทธศาสนา" โดยผมเน้นไปที่การสร้างพื้นที่ ที่เอื่ออำนวยต่อการปฏิบัติธรรมในหมวดต่างๆ เช่น 1พื้นที่ ที่ให้เหมาะต่อการเจริญสมาธิภายนอกอาคารแนวคิดของการออกแบบพื้นที่นั้นคือการสร้างพื้นที่ปิดล้อมและการใช้ต้นไผ่ในการทำให้เกิดเสียง เมื่อคนเราหลับตาลงจิตใจจะกลับไปเพ่งที่หูเป็นหลักและเสียงจากต้นไผ่อาจจะช่วยในการใช้เป็นเครื่องภาวนาได้ หรืออาจใช้เป็นเสียงที่ช่วยลดความวุ่นวายภายในใจในระดับหยาบๆได้ ซึ่งสิ่งนี้เป็นเพียงสมมุติฐานของผม ซึ่งในเหล่าผู้ปฎิบัติในเริ่มแรกมักมีอาการที่ต่างกัน บางคนฟุ้งมาก บางคนฟุ้งน้อย จิตก็มักจะไปยึดนั้นยึดนี้เหมือนลิงที่ซุกซนอย่างครูบาอาจารย์ได้กล่าวไว้ นี้จึงเป็น 1 ในวิธีการดึงสติกลับเข้าสู่กายผ่านอายตนะ หูและการได้ยิน ซึ่งการใช้เสียงจากธรรมชาติก็เป็นอีก 1 ปัจจัยในการทำให้เขาสามารถถึงสติกลับเข้ามาอยู่กับตัวได้ง่ายขึ้นเมื่อทุกครั้งที่เขาได้ยินเสียงต้นไผ่ 2พื้นที่ฝึกให้รู้จักกับสติขั้นต้น โดยการออกแบบพื้นที่ให้ผู้ใช้งานสามารถรับรู้ถึงสภาวะของสติได้มากขึ้น ผมใช้วิธีการคือการออกแบบทางยกระดับที่เว้นช่องว่างระหว่างแผ่นไม้ให้กว้างขึ้นและให้คนเดินบนแผ่นไม้นั้นซึ่งผมใช้หลักของมรณานุสติมาเป็นแนวความคิดในการออกแบบโดยยึดหลักว่า มนุษย์จะมีสติมากที่สุดก็ต่อเมื่อกำลังจะเผชิญกับความตายหรืออะไรสักอย่างที่ทำให้รู้ว่าถ้า "พลาด" ไปอาจทำให้ชีวิตวิบัติได้ ผมได้แนวคิดจำลองมาจากการไต่เขาของ นักไต่เขาหรือการเดินทางไต่เขาผ่านกระดานไม้แผ่นเล็กๆตามสารคดีของชนเผ่าที่อยู่ห่างไกลและเขาไม่มีถนนแบบธรรมดาทั่วไปใช้เขาจึงใช้วิธีไต่ขอบเขาเพื่อไปยังจุดหมายนึง