พลังแสงกายทิพย์....เปลี่ยนสถาณการณ์ยุ่งยาก...กลายเป็นความมั่งคั่ง...ร่ำรวย ได้ยังไง...

พลังแสงกายทิพย์....เปลี่ยนสถาณการณ์ยุ่งยาก...กลายเป็นความมั่งคั่ง...ร่ำรวย ได้ยังไง...
โดย ธูปพลังจิตจักรวาล อาจารย์อันติกา อริยชวัล
สวัสดีค่ะ....ท่านผู้ชมทางเวป จากเมื่อวานที่อาจารย์ได้นำเสนอ สภาวะสะกิดใจ...ในยามที่ท่านแก้สถานการณ์ที่นำความยุ่งยากเข้ามาสู่จิตวิญญาณของท่าน มีโทรศัพท์หลายๆสายที่เข้ามาลงทะเบียนเพื่อจะมาเข้ารับการอบรม..การสร้างพลังกายทิพย์กันอย่างรวดเร็ว เหตุผลคือเพื่อต้องการทำให้ชีวิตมีความสุขและดึงดูดสิ่งปรารถนาในใจเข้ามาได้อย่างง่ายดาย...
วันนี้...อาจารย์ต้องการเสริมความรู้เกี่ยวกับพลังแสงกายทิพย์ว่า เมื่อท่านได้สร้างแสงกายทิพย์ให้นำสภาวะความสมดุลเข้ามาสร้างแสงภายในตัวของท่าน
ท่านพร้อมที่จะมีร่างกายซึ่งมีแรงพลังสั่นสะเทือนเพียงพอที่จะดึงเรื่องราวที่ท่านปรารถนาเข้าสู่ชีวิตของท่านอย่างใจนึก
คำว่า “พลังงานสั่นสะเทือน” ความหมาย ก็คือ ความถี่ ซึ่งต้องอาศัยจิตใต้สำนึกเท่านั้นที่จะรับรู้ได้ การที่ท่านสามารถสร้างกายแสงทิพย์เข้าไปในตัวท่าน จิตใต้สำนึกจะสามารถรับรู้เรื่องราวต่างๆที่ท่านต้องการลงไปโดยใช้พลังของแสงเป็นตัวนำ...การที่คนเราไม่สามารถที่รับรู้พลังสั่นสะเทือนของพลังงานในสรรพสิ่งได้ เพราะมันมีความถี่คนละระดับกับการรู้ของมนุษย์ เป็นการสั่นสะเทือนที่ไร้รูปร่างที่มือ ตา หู หรือจมูก ไม่อาจสัมผัสหรือจับต้องมองเห็นได้ การที่ท่านจะสามารถเข้าถึงพลังสั่นสะเทือนนี้ได้ ต้องมีสัญชาตญาณและลางสังหรณ์เท่านั้น และการที่คนเราจะเข้าใจได้ดีนั้น ท่านต้องมีพลังกายแสงทิพย์โดยการเปิดใจเชื่อและคอยเฝ้าสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นรอบตัวของท่าน...
กฎแห่งการดึงดูด มีอยู่ว่า คนเราทุกคนต้องทำตัวเปรียบเหมือนสถานีส่งสัญญาณดาวเทียม และนั่นก็หมายความว่า ตัวเราต้องมีพลังงานเพียงพอนั่นเอง แต่พลังงานที่ว่านี้ ก็คือพลังแสงกายทิพย์ เพราะสามารถที่จะส่งความต้องการหรือความปรารถนาอย่างแรงกล้าจากภายในจิตใจของเรา...
ออกไปในรูปแบบสัญญาณของแสงเพื่อเป็นความถี่ไปสู่จักรวาล....
สัญญาณที่เราส่งออกไปนั้นเป็นพลังแสงที่มีความรุนแรงและเร่าร้อน เป็นคลื่นที่แผ่กว้างออกไปรอบๆทิศทาง ไม่มีอะไรสามารถขวางกันได้ และเดินทางไปไกลได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด
นี้แหละที่เรียกว่า แสงกายทิพย์สั่นสะเทือน
ยิ่งพลังแสงกายทิพย์ในตัวของเราขยายและสั่นสะเทือนเข้มแข็งมากเท่าไหร่...ก็ยิ่งมีพลังดึงดูดสิ่งที่ปราถนาหรือสิ่งที่ต้องการเข้ามาสู่เราได้มากเท่านั้น ความเข้มแข็งของพลังแสงกายทิพย์จะสั่นสะเทือนออกไปอย่างในระดับสูงเทียบเท่ากับเป้าหมายของเรา ยกตัวอย่างเช่น
หากท่านต้องการเรื่องเฉพาะหน้า เช่น ต้องการที่จอดรถ
ท่านอาจแค่รู้สึกอยากได้แล้วส่งพลังแสงกายทิพย์เหมือนฉายภายยนตร์ในจิตใจของเราเห็นภาพซ้ำไปมาสองสามเที่ยว แล้วเห็นภาพที่จอดรถอย่างสะดวกราบรื่น แล้วคุณก็ได้ที่จอดรถในตำแหน่งที่ต้องการอย่างไม่ผิดเพี้ยน
แต่หากต้องการเป้าหมายที่ใหญ่มากๆ เช่น ตำแหน่งงานใหญ่โต ตำแหน่งทางการเมืองที่สูงส่ง หรือเงินจำนวนนับร้อยนับพันล้าน ท่านก็ต้องสร้างพลังแสงกายทิพย์และสามารถที่จะส่งพลังแสงกายทิพย์ให้เป็นพลังสั่นสะเทือนผ่านช่องทางในระดับเดียวกันกับพลังงานของเป้าหมายนั้นๆ ที่กำลังสั่นสะเทือนอยู่ เรื่องนี้ถ้าผู้ใดไม่เคยสร้างพลังแสงกายทิพย์อาจจะเข้าใจยากสักหน่อย...
ยกตัวอย่างเช่น พลังสั่นสะเทือนของตำแหน่งกรรมการผู้จัดการบริษัท เห็นได้ว่าคนที่จะดำรงตำแหน่งนี้ต้องทนแบกรับแรงเสียดทานรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องผู้คนในองค์การ คู่แข่งภายนอก ยอดขาย ผลกำไรตอนสิ้นปี หรือผลงานที่เกิดจากการนำของกรรมการผู้จัดการ เห็นได้ว่าคนที่จะขึ้นสู่ตำแหน่งนี้ได้ จำ
เป็นต้องมี “พลัง” มากกว่าคนอื่น นั่นคือเขาต้องเป็นคนแข็งแกร่งทางอารมณ์ มีสมาธิในสภานการณ์ที่ต้องใช้การแข่งขัน เพราะฉะนั้นตำแหน่งนี้จึงต้องรอคอยผู้ที่เหมาะสมเข้ามาครอบครอง การที่ท่านจะทำให้ได้รับตำแหน่งนี้ได้ ถ้าท่านไม่สร้างพลังแสงกายทิพย์เพื่อสั่นสะเทือน ความหมายก็คือ ทำไมบางคนจู่ๆก็มารับตำแหน่งที่คนส่วนใหญ่หมายปองมานาน นั่นเป็นเพราะว่าพลังงานสั่นสะเทือนในตัวตำแหน่งนั้นได้เลือกคนที่มีพลังงานสั่นสะเทือนที่สอดคล้องกัน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ซับซ้อน จึงทำให้หลายๆคนต้องการรู้ว่าจะได้ตำแหน่งนี้หรือไม่ ก็ต้องไปหาหมอดูหรือนักพยากรณ์ให้ทำนายว่าเขาจะได้รับตำแหน่งนี้หรือไม่ แต่ดูแล้วมันเหมือนเรื่องที่ซับซ้อนน่าดู เพราะท่านคงลืมคิดไปว่า ไม่ว่าคน สัตว์ สิ่งของ สถานการณ์ ทุกอย่างมีพลังสั่นสะเทือน แต่ท่านจะเห็นด้วยตาเนื้อของท่านหรือไม่...
เหมือนหลายๆคนมักพูดว่า เมื่อเราเลือกงาน งานก็เลือกเรา
เมื่อเราหาซื้อบ้าน บ้านก็เป็นฝ่ายเลือกเรา
เราเข้าไปอยู่ที่ไหนได้ นั่นก็เป็นเพราะว่าในสถานที่นั้นมีพลังสั่นสะเทือนที่ยอมพลังสั่นสะเทือนในตัวเรา เหมือนว่าดวงชะตาถูกกับเจ้าที่ซะอย่างนั้น...
ซึ่งวิธีนี้สามารถที่นำพลังสั่นสะเทือนมาใช้ได้ในชีวิตประจำวัน...
เหมือนกับวิธีที่นางงามจักรวาลชาวเวเนซูเอล่า ถือปฏิบัติกันมา ผู้หญิงในประเทศนี้มักชนะการแข่งขันประกวดนางงามจักรวาลบ่อยที่สุด เพราะ เขาสามารถที่สอนให้นางงามส่งพลังสั่นสะเทือน พร้อมส่งพลังจินตนาการ ด้วยการสร้างความรู้สึกว่า แม้ว่าเราจะอยู่ท่ามกลางผู้แข่งขันจำนวนมาก แต่เราก็รู้ตัวดีว่าเราคู่ควรสำหรับชัยชนะในครั้งนี้... เราโดดเด่นสะดุดตากรรมการที่สุด แม้ว่าเราจะไม่สวยเหมือนคนอื่น แต่เราก็สวยงามตามแบบที่เราเป็น เราไม่เหมือนใคร และเราก็หนึ่งเดียว เรารู้ว่าเราคือคนพิเศษกว่าผู้อื่น
ซึ่งการฝึกวิธีข้างต้นนี้เป็นการทำให้เกิดพลังสั่นสะเทือนออกไปอย่างไม่น่าเชื่อ แต่การที่ท่านจะมีพลังสั่นสะเทือนนั้น ถ้าท่านไม่มีครูบาอาจารย์และคำแนะนำที่ดี ว่าจะสร้างพลังให้สั่นสะเทือนอย่างไร ซึ่งการสร้างพลังสั่นสะเทือนนั้นมันมาจากพื้นฐานของแสงที่มารวมกันในกายของมนุษย์ แล้วเกิดแรงสั่นสะเทือน พร้อมกับความคิดและคำพูดของท่านรวมกันอีกด้วย...
ทุกวันนี้ ท่านลองถามตัวท่านเองว่า คำพูดบางคำที่ท่านมักพูดประจำ เช่น ไม่มีปัญญาจ่าย แพง มีแต่หนี้ ในที่สุดท่านรู้หรือไม่ว่า ชีวิตของท่านก็จะเป็นแบบนั้น...
แต่ถ้าท่านพยายามเปลี่ยนคำพูด โดยพูดว่า เราจะพาตัวเองออกจากสถาวะหนี้สิน จะเป็นอิสระทางการเงินให้จงได้คำพูดนี้จะเป็นแรงสั่นสะเทือนให้พลังแสงกายทิพย์จะหาหนทางที่จะแก้ปัญหาทางการเงินให้ท่านเองและจะมีช่องทางดีๆให้เข้ามามากมายปรากฏให้เห็นอยู่เกลื่อนกลาด...
การที่อาจารย์สอนอย่างนี้ เพราะต้องการเตือนสติกับลูกศิษย์ที่สร้างแสงกายทิพย์ เมื่อมีพลังดึงดูดแล้ว ต้องให้ระลึกถึงคำพูดทุกคำที่ว่า ไม่ใช่สักแต่ว่าพูดไปตามอารมณ์...
แล้วท่านล่ะ เมื่ออ่านบทความนี้แล้วเกิดความคิดอย่างไร...
สำคัญไหมที่กลับมาดูแลจิตใจข้างในให้มีพลังเพื่อต่อสู้กับชีวิตให้เปลี่ยนแปลง เพราะท่านต้องการเปลี่ยนเพื่อทำให้เกิดพลังสั่นสะเทือนดึงสิ่งปรารถนาเข้ามา..

แต่ถ้าท่านยังไม่อยากที่จะทำอะไรชีวิตท่านทั้งชีวิตก็จะอยู่อย่างแห้งแล้งทั้งใจและกายอยู่อย่างนี้ตลอดไป...
วันนี้ควรตัดสินใจได้หรือยังค่ะ...
ว่าความมั่งคั่งร่ำรวย ไม่ใช่เรื่องยาก หรือเรื่องแปลก
ถ้าท่านรู้ความลับและยอมรับวิธีที่สร้างพลังแสงกายทิพย์แล้ว
ความมหัศจรรย์และปาฏิหาริย์ในชีวิตของท่านจะปรากฏตรงหน้าท่านได้ทุกค่ะ...

ด้วยความรักและปรารถนาดีอย่างจริงใจ
ธูปพลังรัก…อันติกา อริยชวัล

 

"ไม่ละความพยายาม พยายามต่อไป"...

 

สรุปแล้วก็คือ จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว ถ้าจิตมีพลังมาก ก็จะสั่งให้ร่างกายทำนั่นทำนี่

เพราะฉะนั้นก็ต้องฝึกจิตก่อนให้มีความมุ่งมั่น อดทนกับอุปสรรครอบด้าน คำด่า คำติ

แต่ถ้าจิตอ่อนแอ โดนด่านิดหน่อย ก็น้อยใจ ไม่กล้าทำสิ่งที่ใหญ่กว่า ก็ไปไม่ถึงฝัน

คนเราต้องมี 1. ความฝัน(คิดสร้างสรรค์) 2. มุ่งมั่น(วางแผนและฝึกฝน) 3.ลงมือทำ

4. ท้อได้แต่อย่าถอย (คือถ้าล้มต้องลุกได้)