พระสุบินนิมิตของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

ในห้อง 'ทวีป อเมริกา' ตั้งกระทู้โดย Wat Pa Gothenburg, 1 ธันวาคม 2008.

  1. Wat Pa Gothenburg

    Wat Pa Gothenburg เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    28 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    920
    ค่าพลัง:
    +260
    [SIZE=+1]พระสุบินนิมิตของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า[/SIZE] ก่อนอื่น ผู้เขียนขอออกตัวก่อนว่า ประวัติพระพุทธศาสนาที่จะเขียนต่อไปนี้ เขียนตามตำรา คำบอกเล่า และตามประสบการณ์ความเห็นของผู้เขียนเอง แม้จะพยายามมองให้กว้างที่สุด ก็ยังเป็นเพียงมุมหนึ่ง ตามสายตาบุคคลหนึ่งเท่านั้น (คงจะเอาเป็นหลักฐานจริงจังอะไรไม่ได้ ) ถ้าหากจะผิดพลาดประการหนึ่งประการใดก็ขอได้โปรดอภัยแก่ผู้เขียนด้วย
    ก่อนที่จะเล่าถึงพระพุทธศาสนาได้มาสู่ออสเตรเลียได้อย่างไร อยากจะขอเล่าถึงพระสุบินนิมิตของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าก่อนคืนตรัสรู้ ให้ท่านผู้อ่านที่ยังไม่ทราบได้ทราบเล็กน้อย ในคืนก่อนตรัสรู้นั้น พระองค์ทรงสุบินนิมิตไปว่า:-
    ๑. พระองค์ทรงบรรทมอยู่เหนือแผ่นดินนี้ หมายความว่าพระองค์ทรงเอาพื้นพสุธาอันนี้เป็นเตียงนอน เอาเทือกเขาหิมาลัยอันใหญ่ยาวเป็นหมอน พระหัตถ์ซ้ายพาดไปทางมหาสมุทรด้านตะวันออก พระหัตถ์ขวาพาดไปทางมหาสมุทรด้านตะวันตก พระบาททั้งสองพาดยาวสู่มหาสมุทรด้านใต้
    ๒. มีต้นหญ้าเกิดขึ้นที่พระนาภี (ท้อง) สูงใหญ่ยาวจนทะลุเมฆ
    ๓. มีตัวหนอนสีขาวจำนวนมากมายไต่ตามพระบาททั้งสองจนท่วม พระชานุ (เข่า)
    ๔. มีนกสีต่าง ๆ บินมาจากทิศทั้ง ๔ บินมาเกาะที่พระบาททั้งสอง น้อมคารวะแล้วกลายเป็นสีขาวทั้งหมด
    ๕. ทรงดำเนินอยู่บนกองอุจจาระสูงเท่าภูเขา แต่พระบาททั้งสองไม่ได้แปดเปื้อนด้วยกองคูถนั้นเลย
    พระสุบินนิมิตทั้ง๕ นี้เป็นนิมิตหมายให้พระองค์ทรงมั่นพระทัยว่าพระองค์จะได้ตรัสรู้แน่นอน และคำสั่งสอนของพระองค์จะโด่งดังทะลุฟ้า คนทุกชาติชั้นวรรณะจะหันมานับถือพระพุทธศาสนา ผู้ใดได้ปฏิบัติธรรม ผู้นั้นจะมีจิตใจขาวสะอาดเหมือนกันหมด อนึ่ง จะมีคนหันมานับถือพระพุทธศาสนามากมาย จนลาภสักการะจำนวนมากเกิดขึ้น แต่จะไม่ทำให้พระองค์หลงใหลมัวเมาติดอยู่ในลาภสักการะเหล่านั้น พระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่เปรียบประดุจคลื่นอันนับ จำนวนไม่ได้ในมหาสมุทรนั้น ก็คงจะซัดสาดมาทางออสเตรเลียบ้างไม่มากก็น้อย เมื่อพิจารณาตามลักษณะแห่งการบรรทมของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดังที่ปรากฏ ในพระสุบินนั้น เราทั้งหลายที่อยู่ทางมหาสมุทรด้านใต้ของโลกก็คงจะอยู่ใกล้ชิดพระบาทบ้างไม่ มากก็น้อย
    เท่าที่ทราบ ไม่ปรากฏว่ามีหลักฐานอะไรพอยืนยันได้ว่า พระอริยสงฆ์สาวกในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช หรือว่าในยุคหลัง ได้เดินทางมาเผยแพร่ พระพุทธศาสนาถึงที่นี่ รู้แต่เพียงว่าคนพื้นเมืองเดิมของออสเตรเลียนั้น รูปร่างหน้าตาผิวพรรณ คล้ายกับชาวอินเดีย อาจจะเป็นเชื้อเดียวกับชาวมิลักขะที่ถูกชาวอริยกะขับไล่ออกจากดินแดนอินเดีย ตอนเหนือก็ได้ พวกนี้แม้จะมีศีลธรรมอยู่บ้างตามลักษณะคนป่าคนเขา แต่เขาก็ไม่มีบุญพอที่จะได้รับพระพุทธศาสนาเลยแม้กระทั่งปัจจุบัน เป็นที่น่าสงสารที่ถูกชาวอังกฤษเมื่อมาตั้งรกรากใหม่ ฆ่าตายเสียมากต่อมาก ที่ยังเหลืออยู่ในปัจจุบันมีจำนวนน้อย
    กัปตันคุก ( Cook ) นักเดินเรือและนักล่าอาณานิคมชาวอังกฤษ ได้มาชักธงชาติและยึดเอาออสเตรเลียเป็นเมืองขึ้น ในปี พ.ศ. ๒๓๑๓ (ค.ศ. ๑๗๗๐) หลังจากนั้นมาอีก ๘ ปี กัปตันฟิลลิปส์ ( Phillips) พร้อมทั้งทหารอังกฤษหลายร้อย และนักโทษชาวอังกฤษอีกร่วมพัน ได้เดินทางมาถึงอ่าวอันเป็นที่ตั้งเมืองซิดนีย์ในปัจจุบัน เพื่อตั้งหลักฐานสร้างเมืองใหม่เป็นคณะแรก เมื่อวันที่ ๒๖ มกราคม พ.ศ. ๒๓๓๑ (ค.ศ. ๑๗๘๘) ซึ่งในกาลต่อมาได้ถือเอาวันนี้เป็นวันชาติออสเตรเลีย
    ในยุคต้น ๆ ของออสเตรเลียนั้น ไม่มีใครรู้จักพระพุทธศาสนาเลย หากจะมีชาวอังกฤษทราบบ้าง ก็คงจะทราบเพียงว่าศาสนาพุทธเป็นศาสนาของชาวเอเชีย ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันกับชาวยุโรป
    ชาวจีนเป็นชาวพุทธคณะแรกที่อพยพหรือถูกเกณฑ์มาขุดทองในประเทศออสเตรเลีย ในสมัยที่มีการค้นพบแร่ทองคำ ในปีพ.ศ. ๒๓๙๑ (ค.ศ. ๑๘๔๘) ในบรรดาชาวจีนที่มาขุดทองที่เมืองแบลเลแรต รัฐวิคตอเรีย และที่เมือง แบเธิสต์ รัฐนิวเซาธ์เวลส์นั้น คงจะมีชาวจีนจำนวนไม่น้อยที่นับถือพุทธศาสนานิกายมหายาน ในขณะเดียวกันก็คงจะนับถือลัทธิเต๋าและขงจื้อปะปนกันไป บางคนอาจจะมีรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมและกวนกงมาด้วยเพื่อกราบไหว้บูชา แต่ชาวจีนเหล่านี้ไม่ช้าไม่นานหลายสิบปีต่อมา แม้ว่าจะเป็นคนขยัน เคารพกฎหมาย ก็ถูกกีดกันกลั่นแกล้ง ถูกฆ่าตาย ถูกเนรเทศกลับเสียส่วนมาก ในปี พ.ศ. ๒๔๔๔ ( ค.ศ. ๑๙๐๑ ) รัฐบาลได้ออกกฎหมายกีดกันผิว ไล่คนที่ไม่ใช่คนผิวขาวกลับประเทศ วิธีการง่าย ๆ ที่จับคนจีนกลับก็คือ ให้เขาเขียนตามคำบอกภาษาอังกฤษศัพท์ยาก ๆ สัก ๕๐ คำ ใครผิดตัวหนึ่ง ก็จะถูกส่งกลับประเทศเลย
    หลังจากนั้นมาประมาณ ๔๒ ปี คือ พ.ศ. ๒๔๓๓ ( ค.ศ. ๑๘๙๐) ชาวศรีลังกาเป็นชาวเอเชียกลุ่มที่สองที่ถูกเกณฑ์มาเป็นกรรมากรไร่อ้อย ที่ภาคเหนือของรัฐควีนแลนด์ เล่ากันว่ามีประมาณ ๕๐๐ คน ได้ถูกส่งมาทางเรือโดยนายจ้างชาวอังกฤษ ชาวศรีลังกาเหล่านี้คาดว่าจะเป็นชาวพุทธเสียส่วนมาก เป็นชาวฮินดูก็คงจะเป็นส่วนน้อย เล่ากันว่าได้มีการปลูกต้นโพธิ์ลังกาไว้เป็นที่สักการะ และสร้างที่พักไว้ให้พระสงฆ์ด้วย แต่ไม่มีการบันทึกไว้เลยว่ามีพระสงฆ์รูปใดบ้างมาเยี่ยมเยือน ขณะนี้ ศาลาที่พักและต้นโพธิ์ลังกาไม่มีเหลืออยู่แล้ว คงเหลืออยู่บ้างแต่หลุมฝังศพที่มีชื่อชาวลังกาพร้อมกับคำสอนอันมีชื่อเสียง ของพระพุทธศาสนาจารึกติดไว้ด้วยว่า สัพเพ สังขารา อนิจจา สังขารทั้งหลายทั้งปวงไม่เที่ยงแท้แน่นอน
    พร้อม ๆ กับสมัยที่ชาวศรีลังกาถูกเกณฑ์มาเป็นกรรมกรในไร่อ้อยนั้น ชาวญี่ปุ่นเป็นจำนวนไม่น้อยได้ สมัครใจอพยพมาตั้งถิ่นฐาน อยู่ทางรัฐควีนแลนด์ เล่ากันว่ามีประมาณ ๓๖๐๐ คน แต่ก็ถูกนโยบายกีดกันผิวเล่นงานแบบเดียวกับชาวจีน ถูกส่งกลับเสียมากต่อมาก จนกระทั่ง ๖๐ ปี ต่อมา คือในปี พ.ศ. ๒๔๙๐ (ค.ศ. ๑๙๔๗) หลังสงครามโลกครั้งที่สอง สถิติชาวพุทธทั่วทั้งออสเตรเลีย รวมทั้งชาวออสเตรเลียที่เริ่มนับถือพระพุทธศาสนาด้วยมีเพียง ๔๑๑ คนเท่านั้นเอง
    ปัจจุบันนี้ ชาวจีน ชาวญี่ปุ่น และชาวศรีลังกา ไม่ได้รับเคราะห์กรรมอย่างนั้นอีกแล้ว อีกทั้งยังเป็นชาวเอเชียที่มีฐานะมั่งคั่งดีกว่าชาวเอเชียอื่น ๆ ร่ำรวยกว่าชาวออสเตรเลียซึ่งเป็นเจ้าของประเทศมาแต่ดั้งเดิมด้วยซ้ำไป
     

แชร์หน้านี้

Loading...