เรื่องเด่น 'พญานาค' และ 'บั้งไฟพญานาค' ศรัทธาหรือเรื่องจริง...!

ในห้อง 'ข่าวทั่วไป' ตั้งกระทู้โดย titawan, 23 ตุลาคม 2010.

  1. titawan

    titawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,290
    ค่าพลัง:
    +5,139
    <IFRAME style="Z-INDEX: 100000; BORDER-BOTTOM: 0pt; POSITION: absolute; BORDER-LEFT: 0pt; WIDTH: 1px; HEIGHT: 1px; BORDER-TOP: 0pt; TOP: 0pt; BORDER-RIGHT: 0pt; LEFT: 0pt" id=_atssh392 src="http://s7.addthis.com/static/r07/sh25.html#"></IFRAME>
    ' พญานาค' และ 'บั้งไฟพญานาค' ศรัทธาหรือเรื่องจริง...!



    <SCRIPT type=text/javascript> var omitformtags=["input", "textarea", "select"]; //var message="You may not right mouse click this page."; /* Disable Right Click */ if (navigator.appName == 'Microsoft Internet Explorer'){ function NOclickIE(e) { if (event.button == 2 || event.button == 3) { alert(message); return false; } return true; } document.onmousedown=NOclickIE; document.onmouseup=NOclickIE; window.onmousedown=NOclickIE; window.onmouseup=NOclickIE; } else { function NOclickNN(e){ if (document.layers||document.getElementById&&!document.all){ if (e.which==2||e.which==3){ //alert(message); return false; } } } if (document.layers){ document.captureEvents(Event.MOUSEDOWN); document.onmousedown=NOclickNN; } document.oncontextmenu=new Function("return false") } /* ห้ามคลุมดำ */ function disableselect(e){ for (i = 0; i < omitformtags.length; i++) if (omitformtags==(e.target.tagName.toLowerCase())) return; return false } function reEnable(){ return true; } function noSelect(){ if (typeof document.onselectstart!="undefined"){ document.onselectstart=new Function ("return false") if (document.getElementsByTagName){ tags=document.getElementsByTagName('*') for (j = 0; j < tags.length; j++){ for (i = 0; i < omitformtags.length; i++) if (tags[j].tagName.toLowerCase()==omitformtags){ tags[j].onselectstart=function(){ document.onselectstart=new Function ('return true') } tags[j].onmouseup=function(){ document.onselectstart=new Function ('return false') } } } } } else{ document.onmousedown=disableselect document.onmouseup=reEnable } } window.onload=noSelect; </SCRIPT>[​IMG]
    ตามปฏิทิน “จันทรคติไทย” ในทุกวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 เป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาวันหนึ่งในประเทศไทย เนื่องจากเป็นวันสิ้นสุดระยะเวลาจำพรรษา 3 เดือนของพระสงฆ์เถรวาท โดยเป็นวันที่พระสงฆ์จะทำสังฆกรรมปวารณาออกพรรษาในวันนี้ ทั้งนี้การออกพรรษานั้น ถือเป็นข้อปฏิบัติตามพระวินัยสำหรับพระสงฆ์โดยเฉพาะ เรียกว่า ปวารณา จัดเป็นญัตติกรรมวาจาสังฆกรรมประเภทหนึ่ง ที่ถูกกำหนดโดยพระวินัยบัญญัติให้โอกาสแก่พระสงฆ์ที่จำพรรษาอยู่ร่วมกันตลอด ไตรมาสสามารถว่ากล่าวตักเตือนและชี้ข้อบกพร่องแก่กันและกันได้โดยเสมอภาค ด้วยจิตที่ปรารถนาดีซึ่งกันและกัน เพื่อสามารถให้พระสงฆ์ที่ถูกตักเตือนมีโอกาสรับรู้ข้อบกพร่องของตนและสามารถ นำข้อบกพร่องไปแก้ไขปรับปรุงตัวให้ดียิ่งขึ้น

    นอกเหนือจากสิ่งสำคัญ ในวันออกพรรษาแล้ว ไฮไลต์อีกสิ่งหนึ่งในวันนี้ก็คือวันที่ “พญานาค” จะทำการปลดปล่อย “บั้งไฟพญานาค” ให้พวยพุ่งสีสดออกจากกลางลำน้ำโขงตลอดสาย ท่ามกลางเสียงโห่ร้องจากผู้ที่เฝ้าดูทุกๆ ปีมากมาย

    ในเทศกาลออกพรรษา มาบรรจบอีกครั้ง ไทยรัฐชวนผู้เชี่ยวชาญต่างสาขา อย่าง กูรูเรื่องสัตว์น้ำชื่อดัง ผู้กำกับหนังชื่อ และพระสงฆ์ผู้รอบรู้ ช่วยตามหาพญานาคและบั้งไฟ ในวันออกพรรษาอีกครั้ง...?
    ผศ.ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ รองคณบดีคณะประมง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ นักเขียน อาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กู รูเรื่องสัตว์น้ำ ไขปริศนาเรื่อง “พญานาค” ในแม่น้ำโขงผ่านไทยรัฐออนไลน์มีความเป็นไปได้ไหมว่า ในแม่น้ำโขงจะมีสัตว์น้ำทีทุกเรียกว่า “พญานาค” อยู่จริง

    “ความเชื่อ คล้ายแบบนี้ไม่ได้มีในประเทศไทยประเทศเท่านั้น แม้แต่ประเทศเจริญอย่างอังกฤษหรืออเมริกามีความเชื่อว่ามีสิ่งมีชีวิตบาง ชนิดที่เรายังไม่รู้จักหลบซ่อนอาศัยในน้ำ อย่าง“ล็อคเนส” (ค.ศ.565 ครั้งแรกที่มีการบันทึกเรื่องราวเกี่ยวกับ “สัตว์ประหลาดขนาดยักษ์” ที่เรียกว่า “เนสซี่” ในทะเลสาบ ล็อคเนส สกอตแลนด์) ก็เคยมีคนรูปถ่ายรูปวิดีโอได้มีพยานยืนยันว่าเห็นจริง แต่ก็ยังไม่มีใครสามารถพบซากหรือพบตัวจริงๆ ในแง่ของวิทยาศาสตร์ที่จะเอาซากเอามาตรวจ “ดีเอ็นเอ”ไว้เป็นหลักฐาน แต่นี่ไม่มี”

    แต่ก็อีกนั่นแหละ ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสัตว์น้ำชื่อดัง บอกว่า ในแม่น้ำโขงที่ถือเป็นแม่น้ำที่ยาวติด 1 ใน 10 แม่น้ำที่ยาวที่สุดในโลกอาจจะมีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า “พญานาค” อยู่ก็เป็นได้ เพียงแต่ว่ายังไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่จะยืนยันว่ามี “พญานาค” อยู่จริง ที่จริงๆ มีหลายอย่างในโลกที่เมื่อก่อนคิดว่าไม่มีแต่กลับมี อย่างนักวิทยาศาสตร์เพิ่งไปเจอสัตว์ประหลาดอายุ 70 ล้านปีมาได้ ซึ่งก็ไม่มีใครคิดว่ามีมันก็มี

    “ส่วนที่หลายคนสงสัยว่า ตามหลักวิทยาศาสตร์สัตว์น้ำที่มีลักษณะเหมือนกับพญานาคบ้างไหม แล้วจริงๆ พญานาค เป็นสัตว์น้ำหรือเปล่า เท่าที่ผมศึกษามาไม่มีอะไรใกล้เคียงกับสัตว์ที่เราจิตนาการว่าเป็นพญานาคเลย ครับ ใหญ่สุดของแม่น้ำโขงก็มีปลาบึก ซึ่งมันก็ไม่มีวี่แว่วว่ามันจะคล้ายกับพญานาค แต่มันก็เป็นไปได้หลายทางว่าเขา (หมายถึงพญานาค) อาจจะมาเป็นระยะ เพราะปลาหลายชนิดมันเป็นปลาที่อพยพ ไม่จำเป็นต้องอยู่ตลอด สัตว์หลายชนิดในแม่น้ำโขงก็อพยพขึ้นเหนือน้ำลงใต้ได้ ฉะนั้นถ้าพญานาคมีอยู่จริง ก็อาจจะเป็นเรื่องของการอพยพในช่วงจังหวะของแต่ละปีก็ได้ เหมือนกับ “ปลาวาฬบรูด้า”จะมาเฉพาะในบางช่วงของปีเท่านั้นก็น่าจะไปได้”

    แต่ถ้าถามว่า รูปร่างหน้าตาพญานาคเหมือนกับที่เราจิตนาการหรือไม่นั้น

    “มัน มีปลาหลายชนิดที่มันมีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับพญานาค บางคนเขาก็เรียกว่าปลาพญานาค แต่ส่วนใหญ่มันจะเป็นปลาทะเลน้ำลึก ตัวยาวๆ มีเกร็ดเหมือนกับรูปภาพที่ทหารอเมริกันจับและนำถ่ายมาเผยแพร่ ปากแม่น้ำใหญ่ๆ อย่างอเมริกาใต้มันก็มีการจับได้บางครั้งมันบาดเจ็บหรือหลงเข้ามา ซึ่งปลาตัวที่ออกมาเป็นภาพก็น่าจะใกล้เคียงกับพญานาคที่สุดแล้วส่วนปลาน้ำ จืดที่ใกล้เคียงกับพญานาค มันมีแค่ปลาบึกแต่หนามคงไม่ใกล้เคียง”

    นอก จากนี้ กูรูเรื่องสัตว์น้ำ ยังสันนิษฐานต่ออีกว่า คำว่า “พญานาค” ในวิทยาศาสตร์ไม่มีคำจำกัดความและมีลักษณะอย่างไร ซึ่งพญานาคน่าจะต้องเป็นงูด้วยซ้ำ ไม่ใช่เป็นปลา“พญานาค” คือ “นาคา” คือ “นาคราช” ซึ่งแปลว่า “เจ้าแห่งงู” อย่างไรก็ดีมันเป็นความเชื่อของทางเหนือมาตั้งนานแล้วมีหลักฐานทางประวัติ ศาสตร์ มีเรื่องของกำไร ของห่วงอะไรที่เกี่ยวกับ นาคราชมาตลอดมันก็เป็นความเชื่อในพื้นที่ ไม่ใช่พูดถึงเฉพาะหนองคาย มันก็ลงไปถึงล้านนา ล้านช้าง แล้วก็ขึ้นไป “เชียงรุ้ง”

    “ดังนั้นมี ความเป็นไปได้ว่า สมัยก่อนอาจจะมี สัตว์ขนาดใหญ่ที่มีลักษณะคล้ายกับพญานาค หรือแม้แต่ปัจจุบันสัตว์ตัวนี้อาจจะอาศัยอยู่ในน้ำแต่เราไม่เจอก็มีความเป็น ไปได้” ผู้เชี่ยวชาญเรื่องสัตว์น้ำ กล่าวเสียงหนักแน่น

    ด้าน เก้ง-จิระ มะลิกุล ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดังเรื่อง 15 ค่ำเดือน 11 หนังที่ว่าด้วยการแตะความศรัทธากับบั้งไปพญา นาค แสดงความคิดเห็นเรื่องพญานาคว่า ก่อนจะทำหนังเรื่องนี้ตนมีโอกาสตระเวนดูบั้งไฟพญานาคมาหลายแหล่ง ทำให้รู้ว่ามีคนเชื่อเรื่องพญานาคมากมาย แล้วก็พบว่าเมื่อใครศรัทธาอะไรมันก็จะเห็นอย่างนั้น

    “สมมติว่าถ้าเรา เชื่อว่ามันเป็นวิทยาศาสตร์ อย่างไรสิ่งที่เราเห็นมันก็เป็นวิทยาศาสตร์อยู่ดี มองลงไปในน้ำก็จะเห็นว่ามันมีก๊าซผุดมาจากซากที่มาใน แม่น้ำ แล้วมันก็เกิดแรงดึงดูดของพระจันทร์และพระอาทิตย์ในวันที่ 15 ค่ำเดือน 11 แต่ถ้าเราเชื่อว่าเป็นฝีมือพญานาค ในจุดเดียวกันมองลงไปในน้ำเราก็จะเห็นพญานาคว่ายกันมาจากต้นน้ำเต็มไปหมด แล้วก็พร้อมที่จะปล่อยไฟออกจากปาก เพื่อที่จะเฉลิมฉลองในวันออกพรรษา ฉะนั้นผมเลยทิ้งเอาไว้ซีนสุดท้ายว่า “ใครเชื่ออะไรก็จะเห็นอย่างนั้น” แล้วก็ความจริงของโลกเช่น เสื้อแดงเชื่อว่าทหารยิงตำรวจ ก็ยิงครับ... เสื้อเหลืองก็บอกว่าทหารป้องกันตัว ก็ป้องกันตัวครับ... แต่ว่าเป็นสิ่งที่ทำให้มนุษย์เราอยู่ในโลกได้ ว่าเราต้องศรัทธาอะไรสักอย่างหนึ่ง มันเป็นชุดความเชื่อของแต่ละบุคคลที่ไม่สามารถเชื่อเหมือนกันได้”
    [​IMG]


    อย่างไรก็ดี หากทุกๆ คนเชื่อเหมือนกันหมดมันก็ไม่มีประโยชน์ ซึ่งใครเชื่ออย่างไรมันจะทำให้เดินหน้าไปตามความเชื่อนั้น นี่คือมันเป็นพื้นฐานอยู่ด้วยกันในโลก เหมือนกับศาสนา อิสลาม ศาสนายิวที่เขาอยู่ร่วมใน “เยรูซาเล็ม” ได้เพราะการเคารพในความเชื่อของแต่ละคน

    “อย่างความรู้สึกทางการเมือง ตอนนี้มันไม่มีอะไรร้ายแรงเลย ถ้าเราเคารพคนอื่น เหลืองก็เหลือง แดงก็แดง ไม่เห็นมีอะไรแปลกประหลาด ซึ่งการทำให้เหลืองมาเป็นแดงและแดงมาเป็นเหลืองมันไม่มีประโยชน์ผมว่า เชื่อในสิ่งที่เฮ็ด และเฮ็ดในสิ่งที่เชื่อ แต่ถามว่าเชื่อว่าพญานาคมีจริงไหม ผมเชื่อว่ามีจริง อย่างเราเห็นน้ำมาตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์ แต่ไม่กี่ร้อยปีที่เรารู้ว่ามันเป็น ไฮโดรเจน 2 ส่วน ออกซิเจน 1 ส่วน ผมว่าโลกมันเป็นล้านๆ ปี นี้เราอยู่ในยุคที่เพิ่งบันทึกอะไรได้ไม่กี่ร้อยปี เป็นไปได้ว่าน่าจะมีพญานาคอยู่ บั้งไฟเหมือนกัน บังเอิญตอนนี้บังไฟมันก็อยู่ในช่วงที่เรายังไม่รู้ว่าเป็นอะไร ส่วนถามว่าอยากจะทำ 15 ค่ำเดือน 11 อยากจะไปแก้ไขหรือทำภาค 2 หรือไม่ผมว่าผมทำดีที่สุดแล้ว” ผู้กำกับหนังแห่งบ้าน GTH กล่าว

    ด้านพระมหาวุฒิชัย หรือ ท่าน ว.วชิรเมธี พระนักเทศน์ชื่อดัง ใช้ ศาสนาอธิบายคำว่า "พญานาค"ว่า เมื่อเราพูดถึงพญานาค เราจะไม่ได้พูดในฐานะของสัตว์เดรัจฉาน แต่จะกล่าวถึงคนที่พัฒนาตนที่เป็นพระอรหันต์ หรือเรียกว่าเป็น “นาค”

    “ใน มิติของศาสนาที่เราเห็นหน้าโบสถ์หน้าวิหารเป็นพญานาคนั้นไม่ใช่มิติของขลัง หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์แต่อย่างใด การที่มี “นาค” อยู่หน้าโบสถ์หน้าวิหารเป็นสัญลักษณ์ว่า แม้แต่สัตว์เดรัจฉาน ยังมาอ่อนน้อมยอมตนมาเป็นลูกศิษย์ฟังธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แสดงให้เห็นว่าพระพุทธเจ้าย่อมเป็นยอดศาสดาเอกของโลก สอนได้ทั้งมนุษย์ เทวดา และสัตว์เดรัจฉานทั้งปวง นี่ก็เรียกว่า นาคจึงเป็นสัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ ในแง่การเป็นพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า”

    พระมหาวุฒิชัยกล่าวต่อถึง ความหมายที่ 2 ของคำว่านาค หมายถึงผู้ที่พัฒนาตนด้วยศีลสมาธิปัญญาจนกลายเป็นพระอรหันต์ นาคจึงเป็นชื่อของพระอรหันต์ ใครเป็นพระอรหันต์ ท่านก็เรียกว่านาคแปลว่า ผู้ประเสริฐ ส่วนผู้ที่จะเดินตามรอยพระอรหันต์ เราก็เรียกเราว่าพ่อนาค ก็เป็นเหตุที่ทำให้เราเรียกคนที่กำลังจะบวชว่าพ่อนาคแปลกว่า “ผู้ที่ตั้งมั่นว่าจะเดินตามรอยพระอรหันต์” คือมุ่งมั่นจะเป็นนาคในอนาคต ความหมายของศาสนาแท้ๆ ก็เป็นแบบนี้

    “ส่วนบริบทสังคมไทย พญานาคก็หมายถึงสัตว์วิเศษ ซึ่งนานที่ปีหนก็จะมาสักครั้งหนึ่งมาร่วมอบรมสมโภชน์ในโอกาสที่พระสงฆ์จำ พรรษา มาตลอดไตรมาส นาคก็จะมาอนุโมทนาสาธุกาลว่า “โอ้...พระคุณเจ้าช่างดีจริงหนอ ถือศีลปฏิบัติธรรม ตลอดไตรมาส” เขาไม่มีอะไรมาบูชาคุณธรรมอันประเสริฐเลิศล้ำของพระสงฆ์หรอก ก็มาแสดงตนให้ปรากฏว่า เขาโมทนาด้วยนะ ถึงแม้ว่าเขาจะบวชไม่ได้ แต่เขาตั้งใจที่จะอุปถัมภ์บำรุงพระศาสนาเช่นเดียวกัน นาคจึงมีส่วนร่วมในแง่นี้”

    ดังนั้นมันสะท้อนว่าขนาดสัตว์เดรัจฉานยังสนใจธรรมะ คนธรรมะอย่างคุณละถ้าไม่สนใจ คุณก็สู้สัตว์เดรัจฉานอย่างพญานาคไม่ได้

    “คำ ถาม ก็คือ จริงๆ แล้วเราไม่จำเป็นจะต้องสนใจว่าพญานาคมีจริงหรือไม่ เพราะถ้าเราไปตามหาพญานาคมีจริง คุณอาจจะเสียเวลาไปทั้งชีวิต ชีวิตคุณมันสั้นมาก ไม่ต้องสนใจว่าพญานาคมีตัวตนจริงหรือไม่ แต่ควรจะสนใจว่าพญานาคเป็นสัญลักษณ์ของอะไรมากกว่า ถ้าถอดรหัสสัญลักษณ์ทั้งหมดนี้ได้ คุณก็ไม่เสียเวลาไปตามหาพญานาคตัวจริงๆ แต่ตัวคุณจะกลายเป็นพญานาคเสียเอง เพราะนาคแปลว่า ผู้ประเสริฐ ประเสริฐเพราะว่าสนใจใฝ่ธรรมะนั่นเอง ดังนั้นการมีอยู่ของพญานาคในพระพุทธศาสนา เป็นการปรากฏตัวในเชิงสัญลักษณ์ ถ้าใครไปสนใจในแง่ความมีตัวตนเสียเวลาเปล่า”

    เรื่อง "บั้งไฟพญานาค" ก็มีคนตั้งคำถามถึงการมีอยู่หรือแค่ความศรัทธา...?

    “นัก สงสัยตกลงว่าบั้งไฟพญานาคเป็นฝีมือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ พญานาคหรือว่ามือมนุษย์ ถ้าเราไปเสียเวลาหาข้อเท็จจริง คุณก็จะเอาเวลาในชีวิตเสียเวลาไปทิ้งเปล่าๆถ้าบั้งไฟพญานาคเกิดขึ้นมา เพื่อบูชาเทศกาลออกพรรษา เราก็ควรถามตัวเองว่าแม้แต่ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เขายังอนุโมทนาพระที่จำพรรษาตลอดไตรมาส เลยแล้วคนอย่างเราๆ อุปถัมภ์บำรุงพระสงฆ์ที่จำพรรษาท่วมไตรมาสแล้วหรือยัง มิเช่นนั้นแต่ละปีเราก็ได้แต่ โห่ร้องไชโย...ว่าปรากฏการณ์แปลกประหลาดมหัศจรรย์ แล้วจากนั้นคุณก็ทิ้งขยะเอาไว้กองพะเนินเทินทึก เพราะคนคนหนึ่งที่พัฒนาตนจนประเสริฐเลิศล้ำที่สุดแล้วประเสริฐกว่า พระนาค 100 เท่า 1,000 เท่า คุณศรัทธาได้แต่ต้องได้ประโยชน์จากศรัทธา ศรัทธาต้องนำมา ซึ่งปัญญา ปัญญาต้องนำมาซึ่งคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า” พระนักเทศน์ชื่อดังกล่าวทิ้งท้าย

    -------------------------------------
    ตำนานบั้งไฟพญานาค
    กาล ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว เมื่อพระโพธิสัตว์เสวยพระชาติเป็น พญาคันคาก ได้จุติอยู่ในครรภ์ของพระนางสีดา เมื่อเติบใหญ่ได้บำเพ็ญเพียรภาวนา จนพระอินทร์ชุบร่างให้เป็นชายหนุ่มรูปงาม พระอินทร์ได้ประธานนางอุดรกุรุตทวีปเป็นคู่ครอง พญาคันคากและนางอุดรกุรุตทวีป ได้ศึกษาธรรม และเทศนาสอนมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้งหลายอยู่เป็นประจำมนุษย์และสรรพสัตว์ทั้ง หลายครั้นได้ฟังธรรมจากพระโพธิสัตว์คันคากก็เกิดความเลื่อมใสจนลืม ถวายเครื่องบัดพลี พญาแถน ซึ่งเป็นเทพเจ้าผู้ก่อกำเนิดเผ่าพันธุ์และบันดาลน้ำฝนแก่โลกมนุษย์

    พญา แถนครั้นไม่ได้รับเครื่องบัดพลีจากมนุษย์และสรรพสัตว์ รวมทั้งเทวดาที่เคยเข้าเฝ้าเป็นประจำ ไปฟังธรรมกับพญาคันคากจนหมดสิ้น จึงบังเกิดความโกรธแค้นยิ่งนัก

    พญาแถนโกรธแค้นที่เหล่ามนุษย์และสรรพ สัตว์หันไปบูชาพญาคันคาก จึงสาปแช่งเหล่ามวลมนุษย์ไม่ให้มีฝนตกเป็นเวลาเจ็ดปี เจ็ดเดือน เจ็ดวัน ทำให้เกิดความแห้งแล้งไปทุกหย่อมหญ้า เหล่ามวลมนุษย์จึงได้เข้าเฝ้าพระโพธิสัตว์ทูลถามและขอความช่วยเหลือ

    พญา คันคากรู้ด้วยญาณจึงบอกมนุษย์ว่า เพราะพวกเจ้าไม่บูชาพญาแถน ท่านจึงพิโรธ จึงบันดาลมิให้มีฝนตกลงมา ความแห้งแล้งมีมาเจ็ดปี พญานาคีผู้เป็นใหญ่ในเมืองบาดาลที่เข้าเฝ้าพระโพธิสัตว์คันคากอยู่ขณะนั้น ได้รับฟังจึงยกทัพบุกสวรรค์โดยไม่ฟังคำทัดทานของพระโพธิสัตว์คันคาก

    แต่ พญานาคีพ่ายแพ้กลับมาและบาดเจ็บสาหัสด้วยต้องอาวุธของพญาแถน พระโพธิสัตว์คันคากเกิดความสงสารด้วยเห็นว่าพญานาคีทำไปด้วยต้องการขจัดความ ทุกข์ให้เหล่ามวลมนุษย์ จึงได้ให้พรแก่พญานาคีและเหล่าบริวาร
    นับจากนั้น เป็นต้นมาพระพญานาคีได้ปวารณาตนเป็นข้าช่วงใช้พระโพธิสัตว์ไปทุกๆ ชาติ แต่ความแห้งแล้งยังคงอยู่กับเหล่ามวลมนุษย์ พระโพธิสัตว์คันคากจึงได้วางแผนบุกสวรรค์ โดยให้พญาปลวกก่อจอมปลวกสู่เมืองสวรรค์ พญาแมงงอด แมงเงาเจ้าแห่งพิษ (แมงป่องช้าง) ให้จำแลงเกาะติดเสื้อผ้าพญาแถน พญานาคีให้จำแลงเป็นตะขาบน้อยซ่อนอยู่ในเกือกพญาแถน เมื่อองค์พระโพธิสัตว์คันคากให้สัญญาณจึงได้กัดต่อยปล่อยพิษ

    พญาแถน พ่าย…ร้องบอกให้พระโพธิสัตว์คันคากปล่อยตนเสีย แต่พระโพธิสัตว์คันคากกลับบอกว่าขอเพียงพญาแถนผู้เป็นใหญ่ให้พรสามประการ ก็จะมิทำประการใด

    หนึ่ง…ให้ฝนตกลงมาตามฤดูกาล เหล่ามวลมนุษย์จะจุดบั้งไฟบวงสรวงพญาแถน
    สอง…แม้ว่าฝนตกลงมาดั่งใจมาดแล้ว ให้ในทุ่งนามีเสียงกบเขียดร้อง
    สาม…เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวข้าวขึ้นเล้า (ยุ้งข้าว) ตัวข้าพญาคันคากจะส่งเสียงว่าวสนูให้พ่อฟังเป็นสัญญาณว่า ปีนั้นข้าวอุดมสมบูรณ์

    พญา แถนได้ฟังคำขอพรสามประการ(ความจริงแล้วสำหรับความคิดผมเองเป็นการขอประการ เดียว และมีการบวงสรวงบูชา พญาแถนคงเห็นว่าคุ้ม) จึงได้ให้พรตามปรารถนา นับเนื่องจากนั้นมากลางเดือนหกของทุกๆ ปี ชาวอีสานจะร่วมกันทำบั้งไฟแห่ไปรอบๆ หมู่บ้านแล้วจุดบูชาพญาแถน

    ครั้ง เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัสรู้ พระองค์ได้เสด็จเผยแพร่ศาสนาไปทั่วชมพูทวีป พญานาคีผู้เฝ้าติดตามเรื่องราวพระองค์ บังเกิดความเลื่อมใสและศรัทธายิ่งนัก รู้ด้วยญาณว่าพระองค์คือพญาคันคากมาจุติ จึงจำแลงกายเป็นบุรุษขอบวชเป็นสาวก ตั้งใจปฏิบัติธรรมตามคำสอนของพระพุทธองค์

    ค่ำคืนหนึ่งพญานาคีเผลอ หลับไหลคืนร่างเดิม ทำให้เหล่าภิกษุที่ร่วมบำเพ็ญเพียรทั้งหลายตื่นตระหนก ครั้งเมื่อพระพุทธองค์ทรงทราบเรื่องจึงขอให้พญานาคีลาสิกขา เนื่องจากนาคเป็นเดรัจฉานจะบวชเป็นภิกษุมิได้

    พญานาคียอมตามคำขอพระ พุทธองค์ แต่ขอว่ากุลบุตรทั้งหลายทั้งปวงที่จะบวชในพระพุทธศาสนาให้เรียกขานว่า “นาคี” เพื่อเป็นศักดิ์ศรีของพญานาคก่อนแล้วค่อยเข้าโบสถ์ จากนั้นเป็นต้นมาจึงได้เรียกขานกุลบุตรทั้งหลายที่จะบวชว่า “พ่อนาค”

    ต่อ มาเมื่อครั้งพระพุทธองค์ได้เสด็จไปแสดงธรรมและจำพรรษาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อโปรดพุทธมารดาและเหล่าเทวดา กระทั่งครบกำหนดวันออกพรรษา พญานาคี นาคเทวี พร้อมทั้งเหล่าบริวารจัดทำเครื่องบูชาและพ่นบั้งไฟถวาย ขณะที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์

    นับเนื่อง จากนั้น ทุกวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 11 จึงได้มีปรากฏการณ์ประหลาดลูกไฟสีแดงพวยพุ่งขึ้นจากลำน้ำโขงสู่ท้องฟ้า ปรากฏมาให้เห็นตราบเท่าทุกวันนี้ ทุกคนเรียกขานว่า “บั้งไฟพญานาค”


    ไทยรัฐออนไลน์

    • โดย ไทยรัฐออนไลน์
    • 23 ตุลาคม 2553, 05:30 น.
    [​IMG]
     
  2. wvichakorn

    wvichakorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2008
    โพสต์:
    3,683
    ค่าพลัง:
    +9,239
    [​IMG]

    ยังไม่เคยไปดูสักครั้งเลย
    ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดี ๆ ค่ะ
     
  3. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492
    <TABLE id=Table3 width="100%"><TBODY><TR><TD>แกะรอยบั้งไฟพญานาค

    </TD></TR><TR><TD><TABLE id=Table4 cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=articleTable><TABLE id=Table5 cellSpacing=1 cellPadding=3 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=articleTextCell>[​IMG]


    สำหรับหลายคน บั้งไฟพญานาคที่จังหวัดหนองคายยังเป็นความลี้ลับที่หาคำตอบไม่ได้ พญานาคในบึงนั้นมีจริงหรือไม่ และปรากฏในแต่ละครั้งแต่ละปีเพื่อพ่นไฟถวายเป็นพุทธบูชาจริงหรือไม่

    นายแพทย์มนัส กนกศิลป์ เป็นผู้ติดตามและใฝ่หาคำอธิบายอย่างเป็นวิทยาศาสตร์มานานปี เล่าว่าปรากฏการณ์นี้ความแตกต่างจากบั้งไฟยโสธร เพราะบั้งไฟยโสธรเป็นพลุที่ชาวบ้านสร้างขึ้นเองและจุดขึ้นไป ในขณะที่บั้งไฟพญานาคมีลักษณะเหมือนลูกไฟสีแดงคล้ายทับทิมหรือสีแดงออกชมพูขนาดเท่ากับไข่ไก่หรือผลส้ม พุ่งขึ้นจากลุ่มแม่น้ำโขงในช่วง ๑๕ ค่ำเดือน ๑๑ หรือวันแรม ๑ ค่ำเดือน ๑๑ ปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นประมาณ ๑๒๐ ปีมาแล้ว ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นพญานาคจริงๆ ที่บั้งไฟถวายเป็นพุทธบูชา

    ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในวันออกพรรษาอย่างที่เข้าใจกัน แต่เกิดขึ้นปีละ ๓-๗ วัน โดยทั้งในห้วงเวลาและจังหวะที่เกิดมีความสัมพันธ์กับปริมาณออกซิเจน ออกซิเจนวัดได้ในลุ่มแม่น้ำบริเวณเหนือผิวน้ำจะมีปริมาณตั้งแต่ ๒๒% ขึ้นไปทั้งนั้น ข้อมูลนี้ได้จากนักวิจัยที่ตรวจสอบปริมาณออกซิเจนทุก ๓ ชั่วโมงขึ้นไป รวมทั้งสิ้นประมาณ ๑๒,๐๐๐ ครั้ง พบว่าใน ๔๐๐-๖๐๐ ครั้ง จะได้ออกซิเจนตั้งแต่ ๒๒% ขึ้นไป

    ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคจะเกิดขึ้นในเงื่อนไขนั้น นอกจากนั้นยังพบว่า ปรากฏการณ์นี้จะเกิดในช่วงที่โลกขยับเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ในฤดูร้อน คือช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤษภาคม เมื่อเงื่อนไขสองประการเกิดขึ้นพร้อมกันเราจึงจะเห็นบั้งไฟพญานาคอันสวยงาม

    ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคจึงไม่ใช่สิ่งที่เหนือธรรมชาติเพียงแต่ว่าเรายังไม่สามารถอธิบายถึงการเพิ่มเปอร์เซ็นต์ออกซิเจนได้อย่างเป็นระบบเท่านั้นเอง ตำนานบั้งไฟพญานาคยังเป็นความท้าทายทั้งทางวิทยาศาสตร์และตำนานความเชื่อ

    แต่ถึงแม้ว่าวิทยาศาสตร์จะอธิบายปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคที่หนองคายได้อย่างน่าเชื่อก็ตาม ความเชื่อในฐานวัฒนธรรมเดิมก็กลับมีคุณค่าอย่างคาดไม่ถึง

    ผลข้างเคียงในเชิงบวกจากปรากฏการณ์นี้คือ ความเชื่อและวัฒนธรรมเดิมนั้นทำให้ชาวบ้านพิทักษ์รักษาสภาพแวดล้อมในบริเวณนั้นอย่างได้ผล ไม่ว่าผู้เกี่ยวข้องจะเข้าใจในคำอธิบายทางวิทยาศาสตร์หรือไม่ก็ตาม กลายเป็นว่าความเชื่อในพญานาคเป็นฉนวนป้องกันการที่ความเจริญแผนใหม่จะเข้ามาทำลายล้างหรือเปลี่ยนสภาพความเป็นไปในท้องถิ่นอย่างรุนแรง ความเชื่อในวัฒนธรรมท้องถิ่นทำให้บั้งไฟกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการพิทักษ์สภาพแวดล้อมไปได้อย่างน่าทึ่ง

    สมดุลย์ระหว่างวิทยาศาสตร์กับวัฒนธรรมจึงสำคัญเหลือเกิน

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ---------------
    ที่มา :
    แกะรอยบั้งไฟพญานาค > ศูนย์แบ่งปันความรู้ ม.น.ข. > บทความ

    [​IMG]
     
  4. ป่ากุง

    ป่ากุง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มกราคม 2010
    โพสต์:
    416
    ค่าพลัง:
    +784
    .....ผมนี้ลงสุดหัวใจตามพ่อแม่ครูบาอาจารย์ สายหลวงปู่เสาร์ หลวงปู่มั่น
     
  5. D_pat

    D_pat เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 เมษายน 2010
    โพสต์:
    170
    ค่าพลัง:
    +499
    จะไปดูให้ได้สักวันค่ะ
    เที่ยวเมืองไทย ซื้อของไทย ใช้ของไทย
     
  6. pagorn

    pagorn เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 กรกฎาคม 2010
    โพสต์:
    768
    ค่าพลัง:
    +2,848
    ใครไม่เชื่อเรื่องพญานาค ไปดูคำถาม-ตอบ ระหว่างหลวงตามหาบัวและศิษย์.
    อนุโมทนา. :z16
     
  7. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492
    ปชช.เที่ยวดูบั้งไฟพญานาคบางตา


    ประชาชน เที่ยวงานบั้งไฟพญานาคบางตา หลังเกิดน้ำท่วมหลายพื้นที่

    บรรยากาศการเดินทางของนักท่องเที่ยวที่ไปชมบั้งไฟพญานาคใน อ.โพนพิสัย อ.รัตนวาปี อ.ปากคาด อ.สังคม จ.หนองคาย ตลอดทั้งวันมีรถบางตา ทำให้การจราจรเป็นไปด้วยความสะดวก กระทั่งช่วงเย็นจึงเริ่มมีรถมากขึ้น ซึ่งตำรวจภูธรจังหวัดหนองคาย ร่วมกับตำรวจทางหลวง ได้ร่วมกันระบายรถทำให้การจราจรลื่นไหล

    ที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง จุดวัดไทย ในเขตเทศบาลตำบลโพนพิสัย ซึ่งเป็นจุดที่มีนักท่องเที่ยวไปติดตามชมบั้งไฟพญานาคจำนวนมากทุกปี โดยในบริเวณวัดได้จัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการจัดงาน ซึ่งปีนี้มีนักท่องเที่ยวเริ่มทยอยเข้าไปจับจองที่นั่งตั้งแต่ตอนบ่าย และเริ่มหนาแน่นขึ้นในช่วงใกล้ค่ำ แต่ก็ยังน้อยกว่าทุกปีที่ผ่านมา

    รายงานข่าวแจ้งว่า ปรากฎการณ์บั้งไฟพญานาค ปรากฎให้เห็นลูกแรก เมื่อเวลา 18.22 น. ที่หน้าสถานีเรือ นรข. บ้านท่าม่วง ต.รัตนวาปี อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย ได้เกิดปรากฎการณ์บั้งไฟพญานาคขึ้นลูกแรก จากนั้นได้ทยอยเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวม 6 ลูก ขณะที่ หน้าสถานีเรือ นรข.รัตนวาปี ได้เกิดบั้งไฟพญานาค 10 ลูก ท่ามกลางการโห่ร้องของประชาชนและนักท่องเที่ยวที่รอชมจำนวนมาก


    -----------
    โพสต์ทูเดย์
    ปชช.เที่ยวดูบั้งไฟพญานาคบางตา











    ----------------------------------------

    นักท่องเที่ยวตื่นตา บั้งไฟพญานาค

    [​IMG]



    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE> เมื่อวันที่ 23 ต.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการรอชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค ริมฝั่งแม่น้ำโขง หน้าวัดไทย ในเขตเทศบาลตำบลโพนพิสัย อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย มีประชาชนและนักท่องเที่ยว ปูเสื่อกางเต็นท์ รอชมปรากฎการณ์บั้งไฟพญานาค ตั้งแต่ช่วงเที่ยงวันจนถึงพลบค่ำ พบว่านักท่องเที่ยวมีน้อย ลดลงกว่าปีที่ผ่านมาเท่าตัว คาดว่าเนื่องจากเกิดภัยน้ำท่วมในหลายจังหวัด ทำให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้

    ต่อมาเวลาประมาณ 18.20 น. เกิดบั้งไฟพญานาคลูกแรกขึ้นเหนือแม่น้ำโขง ที่บ้านท่าม่วง ต.รัตนวาปี อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย ประมาณ 10 ลูก ท่ามกลางความดีใจของนักท่องเที่ยวที่มารอชมกันตั้งแต่กลางวัน

    [​IMG]

    นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าในวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา ทางวัดไทย อ.โพนพิสัย ได้ทำพิธีบวงสรวงบูชาพญานาค เมื่อเสร็จพิธีในช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. ได้เกิดบั้งไฟพญานาคพุ่งขึ้นกลางน้ำโขง 3 ลูกติดต่อกัน สร้างความอัศจรรย์ให้กับผู้คนและพากันมั่นใจว่า ปีนี้บั้งไฟพญานาคเกิดขึ้นให้นักท่องเที่ยวได้ชมอย่างไม่ผิดหวังแน่นอน

    ในส่วนการจราจรพ.ต.ต.สุรกิจ ค้วนเครือ สว.จร.สภ.เมืองหนองคาย ได้จัดการเดินรถทางเดียวจากอำเภอเมืองหนองคายมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ชมบั้งไฟพญานาค ตั้งแต่ก.ม.ที่ 10 หน้าโรงงานสุรา ต.หาดคำ อ.เมืองหนองคาย ถึง อ.โพนพิสัย ตั้งแต่เวลา 15.00-20.00 น. ส่วนขากลับจากอำเภอโพนพิสัย-อ.เมืองหนองคาย ตั้งแต่เวลา 20.00-24.00 น. ซึ่งมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเล็กน้อยเป็นการเฉี่ยวชนระหว่างรถยนต์กับรถจักรยานยนต์


    -----
    ข่าวสดออนไลน์
    http://www.khaosod.co.th/view_newsonline.php?newsid=TVRJNE56Z3pOak13TXc9PQ==
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 ตุลาคม 2010
  8. ศักดิ์_1976

    ศักดิ์_1976 Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กุมภาพันธ์ 2010
    โพสต์:
    12
    ค่าพลัง:
    +42
    ผมเองก็เคยได้ไปสัมผัสมา และคิดว่า คงไม่มีใครไปทำขึ้นมาหรอก เพราะเห็นตรงหน้าเลย จะติดไฟเหนือน้ำ และพุ่งขึ้นอย่างเงียบ ๆ ไม่สูงมาก สักพักก็ดับไป อนุโมทนาครับ
     
  9. titawan

    titawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,290
    ค่าพลัง:
    +5,139
    พิษน้ำท่วม งานบั้งไฟพญานาคหนองคายกร่อย แต่ลูกไฟยังโผล่กว่า10ลูก

    <STYLE> P { margin: 0px; } </STYLE>

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 ต.ค.53 บรรยากาศการรอชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค ณ ริมฝั่งแม่น้ำโขง หน้าวัดไทย ในเขตเทศบาลตำบลโพนพิสัย อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย ได้มีประชาชนและนักท่องเที่ยว ปูเสื่อกางเต้นท์ รอชมปรากฎการณ์บั้งไฟพญานาค ตั้งแต่ช่วงเที่ยงจนถึงพลบค่ำ

    แต่ปีนี้เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา พบว่าปริมาณนักท่องเที่ยวมีน้อย ลดลงกว่าปีที่ผ่านมาเท่าตัว ซึ่งเมื่อปีที่แล้ว นักท่องเที่ยวจะเนืองแน่นเข้าจับจองพื้นที่เต็มแน่นขนัดจนเบียดเสียดกันแทบไม่มีที่ยืน แต่ปีนี้จนถึงช่วงเย็นก็ยังมีพื้นที่ว่างให้ปูเสื่อชมบั้งไฟพญานาคได้อย่างสบาย รวมถึงการสัญจรไปมาตั้งแต่ถนนหนองคาย – โพนพิสัย ก็สามารถใช้รถใช้ถนนได้อย่างคล่องตัว รถยนต์ลื่นไหลไม่ติดขัด ซึ่งคาดว่าเนื่องจากเกิดภัยน้ำท่วมในหลายจังหวัดทำให้นักท่องเที่ยวไม่สามารถเดินทางมาท่องเที่ยวได้ รวมทั้งโรงแรมที่พักหลายแห่งก็ถูกนักท่องเที่ยวยกเลิกห้องพักโดยให้เหตุผลว่าน้ำท่วมพื้นที่เช่นเดียวกัน

    และเมื่อเวลา 18.22 น. ได้เกิดบั้งไฟพญานาคลูกแรกขึ้นเหนือแม่น้ำโขง ที่บริเวณบ้านท่าม่วง ต.รัตนวาปี อ.รัตนวาปี จ.หนองคาย จำนวน 1 ลูก และหลังจากนั้นในเวลาห่างกันเพียง 1-2 นาที ได้เกิดลูกไฟติดต่อกันเป็นชุด รวม 10 ลูก ท่ามกลางความดีใจของนักท่องเที่ยวที่มารอชมกันตั้งแต่กลางวัน

    นอกจากนี้ยังมีรายงานว่าในวันที่ 22 ต.ค.ที่ผ่านมา ทางวัดไทย อ.โพนพิสัย ได้ทำพิธีบวงสรวงบูชาพญานาค เมื่อเสร็จพิธีในช่วงเวลาประมาณ 19.00 น. ก็ได้เกิดบั้งไฟพญานาคพุ่งขึ้นกลางน้ำโขง 3 ลูกติดต่อกัน สร้างความอัศจรรย์ให้กับผู้คนและพากันมั่นใจว่าปีนี้บั้งไฟพญานาคเกิดขึ้นให้นักท่องเที่ยวได้ชมอย่างไม่ผิดหวังแน่นอน

    ในส่วนของการจัดการจราจรนั้น พ.ต.ต.สุรกิจ ค้วนเครือ สว.จร.สภ.เมืองหนองคาย ได้จัดการเดินรถทางเดียวจากอำเภอเมืองหนองคายมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ชมบั้งไฟพญานาค ตั้งแต่ ก.ม.ที่ 10 หน้าโรงงานสุรา ต.หาดคำ อ.เมืองหนองคาย – อ.โพนพิสัย ตั้งแต่เวลา 15.00 น. – 20.00 น. ส่วนขากลับจากอำเภอโพนพิสัย – อำเภอเมืองหนองคาย ตั้งแต่เวลา 20.00 น. – 24.00 น. ซึ่งมีอุบัติเหตุเกิดขึ้นเล็กน้อยเป็นการเฉี่ยวชนระหว่างรถยนต์กับรถจักรยานยนต์

    ด้านนายประหยัด เกรัมย์ ผู้ประสานงานโครงการบั้งไฟพญานาคปลอดเหล้า องค์กรเครือข่ายงดเหล้า และ สสส. ได้นำเยาวชนอาสาจากจังหวัดขอนแก่น จำนวน 20 คน แจกแผ่นพับประชาสัมพันธ์ ติดป้ายรณรงค์โครงการบั้งไฟพญานาคปลอดเหล้า บริเวณจุดชมบั้งไฟพญานาค พร้อมทั้งทำแบบสอบถามเปรียบเทียบรูปแบบการจัดงานระหว่างปีนี้กับปีที่ผ่านมา ซึ่งองค์กรเครือข่ายงดเหล้าได้ริเริ่มปีนี้รณรงค์ให้เทศกาลออกพรรษาบั้งไฟพญานาคปลอดเหล้า โดยในบริเวณวัดไทย และวัดต่าง ๆ ในเขตเทศบาลตำบลโพนพิสัย เป็นพื้นที่ปลอดเหล้า 100% และดำเนินการด้านกฎหมายกับผู้ดื่มทุกราย ส่วนพื้นที่นอกเหนือจากนั้นยังไม่สามารถรณรงค์ให้นักท่องเที่ยวงดเว้นการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้


    อย่างไรก็ตาม ยังพบปัญหาที่เกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นประจำในทุกปี จากปัญหาเด็กแว้นขับขี่รถจักรยานยนต์ดัดแปลง แต่งซิ่ง ไม่มีไฟหน้า ไฟท้าย ขี่รถฉวัดเฉวียนและเบียดกับรถยนต์ของนักท่องเที่ยวคันอื่น ทั้งตามถนนสายหลักและสายรอง และยังมีการจุดประทัด ดอกไม้ไฟ โยนใส่นักท่องเที่ยวจนก่อให้เกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง มีการร้องเรียนเข้ายังศูนย์ประสานงานของจังหวัดหนองคายเป็นระยะ ๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ไม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้

    มติชนออนไลน์
     
  10. titawan

    titawan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มกราคม 2008
    โพสต์:
    2,290
    ค่าพลัง:
    +5,139
    [​IMG]


    นักท่องเที่ยวที่ไปรอชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคในลำน้ำโขงไม่ผิดหวัง เกิดบั้งไฟติดต่อกันถึง 10 ลูก บริเวณบ้านท่าม่วง จ.หนองคาย บั้งไฟพญานาคลูกแรกขึ้นที่บริเวณบ้านท่าม่วง ต.รัตนวาปี จ.หนองคาย เวลา 18.22 น. และห่างกัน 1-2 นาที ได้เกิดบั้งไฟผุดขึ้นอีก 9 ลูก ทำให้นักท่องเที่ยวที่รอชมต่างส่งเสียงแสดงความดีใจ อย่างไรก็ตาม จำนวนนักท่องเที่ยวปีนี้ลดลงกว่าปีที่ผ่านมา คาดมาจากปัญหาน้ำท่วม ทำให้การจราจรที่เคยติดขัดในคืนวันออกพรรษาคล่องตัว ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค ยังเกิดขึ้นที่หน้าวัดไทย อ.โพนพิสัย หลังทำพิธีบวงสรวงบูชาพญานาค
    ส่วนงานไหลเรือไฟ จ.นครพนม บรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก นักท่องเที่ยวจำนวนมาก พากันไปรอชมเรือไฟที่ไหลมาจากต้นน้ำ โดยปีนี้มีเรือไฟขนาดใหญ่ที่สุดในโลกของ อ.นาทม ลำเรือยาว 85 เมตร สูง 29 เมตร เกือบเท่าตึก 10 ชั้น ประดับลวดลายด้วยตะเกียงน้ำมันถึง 20,000 ดวง รวมใช้น้ำมันดีเซล 3,600 ลิตร ส่วนเรือไฟที่มีขนาดลดลั่นกันไปก็มีความงดงามไม่แพ้กัน

    news.sanook.com/975892-บั้งไฟพญานาคโผล่ขึ้นเหนือลำโขง-งานไหลเรือไฟสุดตระการตา.html
     
  11. coffee191

    coffee191 สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +21
    ตั้งแต่มีหนังออกมา รู้สึกว่าจะขึ้นน้อยลงๆทุกปี ทำให้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องจริงหรือมีคนทำให้มันเกิดเหมือนในหนังกันแน่
     
  12. หาธรรม

    หาธรรม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 มกราคม 2007
    โพสต์:
    1,163
    ค่าพลัง:
    +3,739
    เคยไปดูมาเห็นกับตา บั้งไฟพญานาคมีลักษณะเป็นลูกไฟกลม ๆ บ้างก็รี ลอยขึ้นตั้งฉากกับพื้นน้ำ มีหลายสี ที่เคยเห็นเป็นลูกไฟสีเขียวอ่อน สีชมพูก็มี สีแดงก็มี สีฟ้า ๆ ก็มี การพุ่งขึ้น สูงมาก สูงกว่ายอดไม้ที่สูงที่สุดบริเวณนั้น สูงกว่ายอดต้นสน แล้วก็วาบดับไปเลย เมื่อเทียบกับพลุที่คนจุด ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ทั้งสีของไฟที่เกิดจากพลุเป็นสีแดงสว่างแตกสเก็ด ลักษณะของลูกไฟเล็กกว่ามากและลูกไฟไม่เป็นวงกลมหรือรี และความสูงนิดเดียว พลุที่คนจุดจะขึ้นสู่อากาศได้ต่ำกว่าบั้งไฟมาก
     
  13. makigochan

    makigochan ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    6,247
    ค่าพลัง:
    +68,060
    เป็นสิ่งที่แปลกมหัศจรรย์ นอกจากเกิดที่แม่น้ำโขงแล้วยังพบว่าเกิดที่หนองน้ำด้วย
    เช่นที่ หนองสรวง ในจังหวัดหนองคาย และที่ จังหวัดหนองบัวลำภู ที่หนองน้ำโรงโม่หินร้าง อนุโมทนาค่ะ
     
  14. a-pin-ya

    a-pin-ya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    314
    ค่าพลัง:
    +672
    ตอนต้นปี ๒๕๕๓ เคยไปกราบหลวงปู่ดำ ซึ่งอยู่ในถ้ำกลางป่า เล่าให้ฟังว่า บั้งไฟพญานาค เกิดจากการหาวของพญานาค ๆ ถูกคาถาสะกดให้หลับ และจะตื่นมาเฉพาะวันออกพรรษา พอตื่นก็หาว ออกเป็นบั้งไฟพญานาค

    หลวงปู่ดำ เล่าว่าได้คลายมนต์ให้พญานาคเป็นอิสระแล้ว มิน่าน้ำเลยท่วมหนักในปีนี้ ดังนั้นต่อไปนี้จะไม่ค่อยได้เห็นบั้งไฟขึ้นมากมายเหมือนก่อนแล้ว เพราะพญานาคได้ตื่นแล้ว แต่ก้สัญญากับหลวงปู่ดำ จะพยายาม หาว ให้ประชาชนได้ชมบั้งไฟ แต่มันไม่สามารถทำให้มีปริมาณบั้งไฟมากมาย เหมือน หาว ของจริงได้

    พอถามว่าน้ำจะท่วมหรือไม่ หลวงปู่ดำ บอกว่า ไม่ขอ ตอบ ว่าน้ำจะท่วมเหรอไม่ เพราะเปนการละเมิดกฏสวรรค์ แต่บอกเป็นนัย ด้วยการ บอกว่าได้เตรียมสถานที่ ที่ จ.ชัยภูมิ สำหรับผู้คนที่จะหลั่งไหลหนีมาพักพิงปฏิบัติธรรม
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 ตุลาคม 2010

แชร์หน้านี้

Loading...