ปกิณกธรรมวันสงกรานต์ วันศุกร์ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๗ (ก่อนปฏิบัติธรรมช่วงบ่าย)

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 25 เมษายน 2024.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,195
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +26,345
    ปกิณกธรรมวันสงกรานต์ วันศุกร์ที่ ๑๒ เมษายน ๒๕๖๗ (ก่อนปฏิบัติธรรมช่วงบ่าย)

     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 12.2.jpg
      12.2.jpg
      ขนาดไฟล์:
      217.6 KB
      เปิดดู:
      52
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2024
  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,195
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +26,345
    ทางองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี จัดงานสงกรานต์แบบไม่ใช้หัวแม่เท้าคิด..! ก็คือจะให้ทุกอำเภอไปร่วมงานด้วย โดยที่ลืมไปว่าเรื่องของสงกรานต์นี่ แทบจะทุกหมู่บ้านเขาก็จัดกันเอง แต่คุณจะให้ทุกคนไปร่วมงานด้วย แล้วเขาจะปลีกตัวไปอย่างไร ?

    และแจ้งมาว่าพรุ่งนี้ถึงจะจ่ายค่าอาหารและค่าเดินทางให้ กระผม/อาตมภาพเลยตอบไปในกลุ่มไลน์ว่า "ตกลงให้เด็กรอกินข้าวเย็นพรุ่งนี้ ?" คือค่าใช้จ่ายให้เขาเร็วเท่าไรก็ดีเท่านั้น เขาจะได้บริหารจัดการได้ ไม่ใช่รอให้ทำงานเสร็จแล้วค่อยไปเบิก..!

    เรื่องพวกนี้ต้องโทษพวกเรากันเอง ถามว่าโทษพวกเราตรงไหน ? ก็ตรงที่ว่า ทำไมยิ่งอยู่ไปความไว้วางใจในเพื่อนมนุษย์ถึงได้น้อยลงไปเรื่อย ๆ ขอบ่นเป็นคนแก่ว่า สมัยที่กระผม/อาตมภาพยังเด็กอยู่ ขึ้นบ้านได้ทุกบ้าน เดินทะลุได้ยันห้องครัว หลายต่อหลายบ้านก็ไม่ได้มีรั้วรอบขอบชิดอะไร เนื่องเพราะว่าทุกคนอยู่ในศีลกินในธรรม เรื่องของการลักขโมยกัน
    ถ้าทำให้เสียหายถึงวงศ์ตระกูลนี่ต้องบอกว่า จะโดนสังคมกดดัน จนอยู่แถวนั้นไม่ได้อีกเลย..!

    แล้วปัจจุบันของเราสภาพสังคมแบบนั้นหายไปไหน..? ทำไมเรากลายเป็นยอมรับว่า ถ้าคนมีเงินแล้วก็เป็นอันว่าดี เขาจะหาเงินมาด้วยวิธีไหนเราไม่ต้องสนใจ..!?

    ทุกวันนี้แม้แต่วัดท่าขนุนของเราก็กลายเป็นวัดประหลาดในสายตาคนอื่น อย่างกระผม/อาตมภาพ
    ขอมติคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิว่า ถ้ามีพระภิกษุสามเณรทำผิดระเบียบวัด โดนไล่ออกแล้ว วัดและสำนักสงฆ์อื่นทั้งหมดห้ามรับเข้าอยู่อาศัย พูดง่าย ๆ คือต้องให้พ้นจากอำเภอไปเลย..!

    เรื่องของวัดท่าขนุนก็คือถ้าไม่สวดมนต์ ทำวัตร บิณฑบาต กรรมฐาน ร่วมกัน ถือว่าทำผิด ตักเตือนแล้วไม่ฟังก็ไล่ออก เพื่อนพระสังฆาธิการถามว่า "เรื่องแบบนี้เขาไล่ออกกันด้วยหรือ ?" หรือแม้กระทั่งหลวงพ่อพระเทพเมธากร (ณรงค์ ปริสุทฺโธ) อดีตเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี เมื่อกระผม/อาตมภาพตั้งกฎเกณฑ์กติกาของวัดเสร็จสรรพเรียบร้อย ได้นำไปถวายให้ท่านดู ท่านอ่านแล้วบอกว่า "เดี๋ยวคุณก็ได้อยู่คนเดียว..!" แล้วปัจจุบันนี้ท่านทั้งหลายจะเห็นว่า พระวัดท่าขนุนมี ๕๐ กว่ารูป กระผม/อาตมภาพไม่เห็นว่าจะอยู่คนเดียวเลย..!
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,195
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +26,345
    แล้วก็ดีอยู่อย่างหนึ่งก็คือ พวกที่ไม่เอาการเอางานเลยจะไม่มาอยู่วัดนี้ ชาวบ้านแถวนี้เคารพหลวงปู่สายมาก เหมือนอย่างกับเทพเจ้าในสายตาของเขา จะบวชลูกวัดไหนก็แล้วแต่ จะแห่นาคมากราบขอขมาหลวงปู่ก่อน แล้วค่อยไปบวช แต่กูจะไม่บวชวัดนี้เด็ดขาด..! เขาบอกว่าวัดนี้เคร่ง..!

    แล้วพวกเราเห็นว่าวัดนี้เคร่งตรงไหน..? ก็แค่ทำอะไรไปเรื่อยเปื่อย เพียงแต่ว่าทำจริงเท่านั้น ก็คือทำไม่เว้น ทำไม่เลิก ทำตรงเวลา ในเมื่อเป็นเช่นนั้นเราจะเห็นว่า
    สภาพสังคมที่อยู่กันด้วยหลักธรรม ไม่ต้องมีกฎหมายก็อยู่ได้

    แต่ปัจจุบันนี้สังคมแบบนั้นเลือนลางจืดจางไปแล้ว ขนาดมีกฎหมายยังไม่ค่อยจะยอมรับกัน โดยเฉพาะในวงการพระสงฆ์ของเราซึ่งต้องถือพระธรรมวินัยเป็นใหญ่ ถ้าปรากฏว่าทำผิดก็คือต้องอาบัติศีลขาด ก็เป็นอันว่าผิดแล้ว เสียหายแล้ว ถ้าสามารถทำคืนได้ก็แก้ไขไป ถ้าแก้ไขไม่ได้ก็คือขาดความเป็นพระในทันที แต่สมัยนี้เขารอให้ศาลตัดสิน..มันใช่หรือ..!?

    คุณละเมิดศีล คุณขาดความเป็นพระ ยังต้องให้ศาลตัดสินถึงจะขาดหรือ..? ศาลชั้นต้นตัดสินก็ยังอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ตัดสินก็ยังฎีกา ศาลฎีกาตัดสินกูยังฟ้องศาลปกครองต่อ..!

    ถ้าท่านทั้งหลายไปอ่านในพระไตรปิฎก จะเห็นในวินัยปิฎกคือส่วนที่พระพุทธเจ้าท่านบัญญัติศีลขึ้นมาในมูลบัญญัติ หรือวินีตวัตถุคือเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทำให้ต้องมีการบัญญัติศีลขึ้นมา เมื่อพระพุทธเจ้าตรัสถามบุคคลผู้ล่วงละเมิดว่า "ดูกร..โมฆบุรุษ เธอกระทำเช่นนั้นจริงหรือ ?" พระสมัยนั้นตอบว่า "จริงพระเจ้าข้า" ไม่เห็นมีใครบิด ๆ เบี้ยว ๆ เลย ไม่เห็นมีใครบอกว่า "น้ำที่ห้องไม่ไหล ก็เลยต้องอาศัยอาบที่ห้องแม่บุญธรรม..!" เรื่องเดียวกันหรือเปล่า..?!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    19,195
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,511
    ค่าพลัง:
    +26,345
    ผิดก็คือผิด แล้วดีตรงที่ว่าพระพุทธเจ้าละท่านละเว้น "อาทิกัมมิกะ" คือผู้เป็นต้นบัญญัติให้ เพราะถือว่ายังไม่มีข้อห้าม ในเมื่อยังไม่ห้าม เธอทำไม่ถือว่าผิด เมื่อบัญญัติศีลขึ้นมาแล้ว ใครทำคนถัดไปถึงจะถือว่าผิด แล้วกำลังใจที่รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองคิด ในสิ่งที่ตัวเองพูด ในสิ่งที่ตัวเองทำหายไปไหนหมด..? ที่หายไปหมดเพราะว่าการปฏิบัติธรรมของเราไม่เกิดผล ก็คือสักแต่นั่งฟุ้งซ่านไปวัน ๆ ภาวนาแล้วอารมณ์ใจไม่ทรงตัว

    ถ้าบุคคลที่ภาวนาแล้วกำลังใจทรงตัว จะเป็นคนที่กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำ โดยเฉพาะตรงต่อหลักธรรม ผิดก็คือผิด ถูกก็คือถูก ดังนั้น..ถ้าหากว่ามีใครว่าในสิ่งที่เราทำไม่ดี แล้วเรายังยอมรับไม่ได้ แปลว่าการปฏิบัติธรรมของเรายังไม่มีผล..!

    อันดับแรก กำลังใจไม่แกล้วกล้าพอที่จะยอมรับข้อบกพร่องของตน อันดับที่สอง ยังแบกตัวกูของกูไว้เยอะมาก ต้องรีบแก้ไขด่วน..!

    ไม่ทราบว่าครูรอยพิมพ์อยู่ไหม ? คุณครูรอยพิมพ์ สุทธิบานเย็น เป็นครูคนเก่าคนแก่ของที่นี่ เมื่ออาตมภาพชี้แจงให้ดูว่าสิ่งนี้ไม่ถูกต้อง ครูจะบอกเดี๋ยวนั้นเลยว่า "ค่ะ..ผิดค่ะ" แล้วก็พร้อมที่จะแก้ไข นั่นบุคคลอายุ ๖๐ กว่าจะ ๗๐ ปีแล้วนะ ไม่เห็นจะต้องไปแบกกิเลสอะไรไว้เลย

    เนื่องเพราะว่าบุคคลที่ชี้ขุมทรัพย์ก็คือความผิดพลาดให้กับเรานั้น มีน้อยมาก ส่วนใหญ่แล้วคนเรารักตัวเองมากกว่าความถูกต้อง ก็เลยไม่กล้าพูดในสิ่งที่สมควร ไม่กล้าชี้ในข้อบกพร่องคนอื่น เพราะกลัวว่าเขาจะไม่ชอบขี้หน้าเรา นั่นคือการรักตัวเองมากกว่ารักความสัตย์ความจริง มากกว่ารักในพระธรรมวินัย

    ถ้าลักษณะอย่างนี้จะให้ท่านทั้งหลายปฏิญาณตนว่า "มอบกายถวายชีวิตให้พระพุทธเจ้า" ดูท่าว่าจะสักแต่ปากพูดเท่านั้น..! "หลวงพ่อด่าหนูอีกแล้ว..!" ไม่ได้ด่า..พูดความจริงให้ฟัง แล้วมีใครเขาบอกอย่างนี้ให้เราฟังบ้าง..? แล้วเราก็ฟัง "เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา" หรือว่า "ผิดเป็นครู" แต่เราอยากได้ตำแหน่งวิชาการ ผิดจนเป็นศาสตราจารย์ก็ยังผิดอยู่นั่นแหละ..!
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...