บ้านผีสิง

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 12 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    "คุณเป็ด" เล่าเรื่องขนหัวลุกจากหล่มสัก

    เมื่อเอ่ยถึงจังหวัดเพชรบูรณ์ ก็มักจะนึกถึงมะขามหวาน หรือไม่ก็เขาค้อที่เคยเป็นสนามรบของคนไทยด้วยกันเอง แต่เดี๋ยวนี้กลายเป็นอดีตไปแล้ว ปัจจุบเป็นแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังแห่งหนึ่งที่ใครๆ ก็รู้จักดี

    นอกจากฉายา "ดินดำ-น้ำชุ่ม" ยังมีเขาสูง ป่าสวย ทิวทัศน์งานจับใจจนได้ฉายาว่า "สวิตเซอร์แลนด์" เมืองไทยอีกด้วยครับ

    ผมเป็นคน อ.หล่มสัก ที่เจริญกว่าตัวจังหวัดเพราะเป็นชุมทางรถยนต์ที่จะไปภาคเหนือและภาคอีสาน อย่างหล่มสัก-พิษณุโลก หรือ หล่มสัก-เลย-ขอนแก่น รวมทั้งรถทัวร์ที่แล่นระหว่างเหนือกับอีสาน ล้วนแต่ต้องผ่านหล่มสักทั้งนั้น

    ขนาดมีสนามบินเมื่อไม่กี่ปีมานี้ ยังอยู่ใน อ.หล่มสักเลยครับ

    เรื่องขนหัวลุกที่ผมจะเล่าก็อยู่ในอำเภอนี้แหละ อยู่ระหว่างบ้านติ้วกับอ่างเก็บน้ำศรีจันทร์

    สมัยก่อนยังเป็นป่าดง มีบ้านเรือนไม่กี่หลัง ทำไร่เลื่อยลอยบ้าง เข้าป่าล่าสัตว์ หรือหาของป่า เช่น หน่อไม้ ผักหวาน สมุนไพร ตีผึ้ง หาน้ำมันยางสำหรับทำขี้ไต้ จนถูกงูกัด เสือขบหัว แค่บาดเจ็บก็มาก ถึงกับล้มตายก็ไม่น้อย

    ต่อมาก็เริ่มปลูกมะขามหวานกัน

    อาศัยว่าดินดำน้ำชุ่ม ปลูกพืชผักอะไรก็งอกงามไปหมด มะขามหวานก็งามสะพรั่ง รสชาติหวานฉ่ำชุ่มคอจนขึ้นชื่อลือชามาถึงทุกวันนี้

    ผู้คนต่างถิ่นทั้งใกล้และไกลก็อพยพมาตั้งหลักแหล่งกันมากขึ้นทุกที

    ลุงปุ่นเป็นคนจังหวัดเลย พาเมียกับลูกชายวัยรุ่นสองคนมาจับจองพื้นที่ได้ 25 ไร่ ปลูกเรือนไม้ใต้ถุนสูงอยู่ ถนนจากบ้านติ้วที่ยังขรุขระ เป็นหลุมเป็นบ่อ เวลารถแล่นผ่านถนนลูกรังจะมีฝุ่นสีแดงกระจายฟุ้งไปหมด ชาวบ้านเรียกว่า "ถนนแดง" ตรงข้ามกับ "ถนนดำ" ที่ราดยางมะตอยแล้ว

    ครอบครัวนี้ช่วยกันลงมะขามหวาน แต่กว่าจะได้ผลก็หลายปี จึงปลูกพืชล้มลุกอย่างกล้วย มะละกอ กับปลูกผักต่างๆ มะเขือเทศ แตงกวา ถั่วพู ถั่วฝักยาว ฯลฯ

    ลุงปุ่นกับลูกเมียขยันขันแข็ง เช้าขึ้นก็เข้าไร่เข้าสวน ทำงานกับเหงื่อไหลไคลย้อย ตกเที่ยงหยุดกินอาหารที่ห่อไปจากบ้าน แล้วทำงานต่อไปจนถึงเย็น...ตะวันตกดินแล้วถึงจะพากันเดินกลับบ้าน

    ระหว่างรอมะขามหวานออกดอกตกฝัก ครอบครัวนี้ก็ได้อาศัยพืชผักต่างๆ มากินมาขาย พอประคองชีวิตกันไปได้โดยไม่เดือดร้อน

    ความเจริญย่างเข้ามา มีการถมถนนให้สูงขึ้นเรื่อยๆ อีกไม่นานถนนแดงก็หายไป กลายเป็นถนนดำ แต่ถนนที่สูงขึ้นทุกทีก็ทำให้เกิดความแปลกประหลาดสำหรับคนที่เพิ่งจะผ่านไปเป็นครั้งแรก

    นั่นคือ พื้นถนนสูงในระดับหลังคาของบ้านเล็กๆ และสูงเสมอพื้นบ้านของลุงปุ่นพอดี

    มะขามหวานกำลังตกดอกเหลืองสะพรั่ง ขณะที่ทุกคนกำลังมีความหวังว่า จะได้ชื่นชมกับหยาดเหงื่อแรงงานของพวกตนที่ทุ่มเทลงไปหลายปี เคราะห์กรรมร้ายกาจที่พลันอุบัติขึ้น

    นั่นคือญาติสนิทของลุงปุ่นเสียชีวิตที่บ้านเดิม ครอบครัวนี้จึงเช่ารถกระบะไปงานศพทั้งหมด บ้านช่องไม่ต้องห่วงเพราะไม่มีสมบัติอะไรให้คนร้ายอยากได้ นอกจากจะออกปากฝากเพื่อนบ้านดูแลก็เพียงพอแล้ว

    เรื่องร้ายเกิดขึ้นตอนขากลับนั่นเอง!

    รถกระบะเกิดชนกับรถสิบล้อที่แล่นมาอย่างเร็วทั้งคู่ รถสิบล้อตะบึงหนีไปได้หวุดหวิด ส่วนห้าชีวิตรวมคนขับในรถกระบะที่พังยับเยินล้วนแต่ตายคาที่ทั้งหมด

    วันรุ่งขึ้น ญาติๆ ลุงปุ่นมาช่วยกันจัดงานศพจนเสร็จสิ้น แต่ไม่มีใครสนใจจะทำไร่มะขามหวานต่อ มีแต่บอกเพื่อนบ้านใกล้ๆ กันให้ช่วยขายในราคาถูกๆ แล้วก็พากันกลับไป

    ระยะแรกๆ มีพ่อค้าจากตลาดหล่มสัก หล่มเก่ามาดู 2-3 ราย ทำท่าว่าจะซื้อแต่ก็เปลี่ยนใจไปโดยไม่มีใครทราบสาเหตุ

    ตกเย็น บรรยากาศเยือกเย็นชวนให้วังเวงใจ หมูหมาพากันเห่าขรมเหมือนเห็นใครเข้ามา หรือไม่ก็เห่ารับเจ้าของ...ก่อนจะกลายเป็นเสียงหอนโหยหวนรับกันเป็นทอด จนคนได้ยินถึงกับขนลุกเกรียวไปตามๆ กัน

    ตอนโพล้เพล้ใกล้ค่ำ มีคนเห็นเงาตะคุ่มๆ เดินออกจากไร่มาที่บ้าน ท่ามกลางเสียงหมาหอนโจ๋ว...เมื่อใกล้เข้ามาจึงเห็นได้ชัดว่าเป็นลุงปุ่นกับลูกเมียของแกนั่นเอง!

    หลายคนก็เห็นคล้ายๆ กัน...ร่างทั้งสี่เดินตัวแข็งทื่อกลับบ้านเหมือนที่เคยทำเมื่อยังมีชีวิตอยู่ เล่นเอาแผดร้องโหยหวน วิ่งหนีล้มลุกคลุกคลานด้วยความหวาดกลัว แทบจะขาดใจตายไปตามๆ กัน

    คนที่นั่งรถผ่านไปตอนกลางคืน เห็นร่างสี่ร่างนั่งล้อมวงกินข้าวที่ระเบียงท่ามกลางแสงไฟวอมแวมเยือกเย็น...บึ่งรถหนีจนแทบจะตกถนนตาย

    วิญญาณทั้งสี่คงสิงสู่อยู่ที่นั่นเนิ่นนาน...ผมย้ายจากหล่มสักไปสิบกว่าปีแล้ว ไม่ทราบว่าลุงปุ่นกับลูกเมียแกจะยังวนเวียนอยู่ที่เดิม หรือไปผุดไปเกิดแล้วครับ

    ที่มา : คอลัมน์ ขนหัวลุก
    ใบหนาด
     

แชร์หน้านี้

Loading...