น้ำมันผีพราย

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 26 ธันวาคม 2005.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    คนในสมัยโบราณต่างเชื่อในเรื่องการทำไสยศาสตร์ หนึ่งในจำนวนของที่ทำให้เกิดเรื่องมากที่สุดนั้นก็คือน้ำมันพราย
    น้ำมันพรายถือเป็นทั้งของสูงและของต่ำ แล้วแต่เจตนาในการปรุงแต่งไปใช้ อย่างเช่นในพิธีชุบพระแสงดาบของกษัตริย์ เพื่อให้มีเดชาประกาสิต พวกอาจารย์ใหญ่ๆทางอยุธยาจะเขียนอักขระด้วยผงฝุ่นที่ทำพิธีปลุกเสกลงบนพระแสงดาบเผาจนเหล็กแดงแล้วนำไปชุบในน้ำมันผี ตัวอักขระจะนูนขึ้น แล้วนำไปล้างออกด้วยน้ำที่เกิดขึ้นเองในเศียรพระวัดตูม การจะเอาน้ำมันผีก็คือ ผู้ทำจะจ้างวานสัปเหร่อแอบขุดผีตามหลุมในป่าช้า ตัดหัวผีออกเอาไต้จุดไฟลนที่คาง น้ำมันในสมองจะไหลลงมาที่คางแล้วรองใส่ขวด แต่ถ้าจะทำเสน่ห์ต้องผีตายโหงเท่านั้น น้ำมันพรายจะมีสองชนิด ชนิดหนึ่งใช้ทำเสน่ห์ ในสมมัยก่อนใช้เป็นเครื่องมือของพวกไอ้หนุ่มคลั่งรักที่ไม่มีทางที่จะได้หญิงนั้นมาครอบครอง อีกอย่างใช้ทำให้คนเป็นบ้า ชนิดที่ทำเสน่ห์ผสมน้ำมันจันน์มากและเข้าพิธีคาถาอาคมทางไสยศาสตร์ครบครัน ส่วนทำให้เป็นบ้านั้นใช้น้ำมันผีมากๆใช้น้ำมันหอมน้อย และไม่ได้ลงเลขยันต์อะไรเลย น้ำมันพรายแท้ๆจะมีพิษร้าย หมอเขาว่าถ้าจะเอาไปทาเนื้อใครมันจะแทรกซึมเข้าขุมขนโดยเร็วแล้วเข้าเส้นโลหิต เส้นโลหิตนั้นต้องการโลหิตที่สะอาด ครั้นเมื่อน้ำมันพรายเข้าไปปะปน เลือดมันจะไม่บริสุทธิ แล้วคนคนนั้นจะมีอาการคุ้มคลั่ง คุมดีคุ้มร้ายตลอดไป นานเข้าอาจบ้าคลั่งจนถึงตาย คนที่จะใช้น้ำมันพรายจะต้องจัดการป้องกันตัวก่อนโดยใช้ปูนกินกับหมากละลายน้ำทามือ ทาแขนเพื่อปิดรูขุมขนก่อนจึงจะปลอดภัย ในปัจจุบันสังคมเจริญทางด้านวัตถุ ความมักได้ในกามทวีกำลังมากขึ้น...... ความเชื่อในเรื่องการทำน้ำมันพรายที่ซุกอยู่ในซอกหลืบของความเจริญ อาจกลับมาเป็นวิธีทางเลือกของไอ้หนุ่มคลั่งรักในปัจจุบัน พวกคุณจะเป็นผู้ตัดสินเองว่าน้ำมันผีพรายนั้นดีเลวแค่ไหน.....
    เมื่อวันใดที่มันตกมาอยู่ในมือคุณ
     
  2. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    เรื่องเกิดขึ้นประมาณสามสิบกว่าปีเห็นจะได้ พื้นที่แถบฝั่งธนบุรีส่วนใหญ่เป็นสวนผลไม้ผมยังจำบรรยากาศบ้านสวนในวัยเด็กได้เป็นอย่างดี แต่ไม่ใช่ว่าจะมีความทรงจำอยู่เพียงบรรยากาศของมันเท่านั้น เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวัยเด็กของผมก็คงติดแน่นอย่างไม่รู้ลืม ครั้งหนึ่งผมได้ติดตามแม่ของผมไปยังบ้านของเจ้าแม่สุขที่ผู้คนในระแวกนั้นเลื่อมใส ผมเดินตามแม่เข้าไปในบ้านไม้หลังใหญ่ใต้ถุนสูง ขึ้นไปข้างบน นอกชานบ้านที่เต็มไปด้วยผู้คนที่มาคอยพบเจ้าแม่สุขเพื่อขอความช่วยเหลือ กลิ่นควันธูปและดอกไม้หอมคละคลุ้งไปทั่วบริเวณ ผู้หญิงร่างเล็กผอมบางสวมชุดแดงคล้ำมอมแมม ผมเผ้ารุงรัง ดูท่าทางเหมือนอายุสักสี่ห้าสิบเห็นจะได้ แต่ว่าจริงๆแล้วเจ้าแม่สุขคนนี้มีอายุเพียงยี่สิบปีเศษ ใบหน้าของเธอเมื่อดูแล้วจะเห็นได้ว่าเป็นคนที่จัดได้ว่าสวยมาก ปากเธอบ่นพึมพำอยู่ตลอดเวลา นั่งชันเข่าข้างหนึ่งมือขีบบุหรี่ อีกมือถือของหวานทองหยิบทองหยอด กินอยู่ตลอดเวลา แม่ผมไปถามเรื่องที่บ้านว่าทำไมผู้คนในบ้านถึงได้ป่วยไข้บ่อยนัก เจ้าแม่สุขให้คำแนะนำให้ย้ายศาลพระภูมิเจ้าที่แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง เหมือนทุกคนที่ทุกข์ร้อนแล้วเจ้าแม่สุขแนะนำทุกอย่างก็ดีขึ้น ทุกคนในระแวกบ้านสวนก็เลื่อมใส และมาขึ้นกับเจ้าแม่สุข....... อยู่มาไม่นานแม่สุขก็ได้ตายลงเพราะร่างกายของเธอทนไม่ไหวกับการไม่กินข้าว กินแต่ของหวาน ไม่หลับไม่นอน เวลาหลับก็นั่งหลับพิงข้างฝาไว้เพียงงีบก็สะดุ้งตื่น ชาวบ้านเล่าขานถึงเมื่อแกตายบ้านของแกก็อยู่ไม่เป็นสุขเพราะแม่สุขมาปรากฏให้เห็นไม่เว้นแต่ละวัน มายืนหน้าบันไดบ้านบ้าง บางครั้งชาวบ้านที่เดินสวนกับผัวแกก็เห็นแม่สุขเดินตามผัวแกกลับบ้านทุกวัน ชาวบ้านว่าแกไม่ยอมจากผัวแกไปไหนเพราะฤทธิ์ของน้ำมันพราย...... แต่ครั้งก่อนผัวแกเป็นพวกไม่มีอะไรทำมักเกร่อยู่แถวศาลเจ้าโพธิ์สามต้นหลงรักแม่สุขที่ทำงานเรียงพลูอยู่ที่สวน รักข้างเดียวโดยแม่สุขไม่เคยรู้จักผัวแกเลย ผัวแกแอบไปเอาน้ำมันพรายของพ่อที่เป็นสัปเหร่อมาดีดใส่แม่สุข จากนั้นด้วยฤทธิ์ของน้ำมันพรายแม่สุขจึงหนีตามผัวแกไป เมื่อเวลาผ่านพ้นจึงกลับมาขอขมาและอยู่ด้วยกันเสียที่บ้านพ่อแม่ของแม่สุข..... ต่อมาแม่สุขมีอาการประหลาด หวาดระแวงเหมือนมีอะไรคอยติดตามเธออยู่ตลอดเวลา ร้อนจนต้องไปหาหมอบ้าน หมอพระ หมอท่านบอกว่าเลือดเสีย หนักเข้าอาการเริ่มฟั่นเฟือน เสียสติ ตั้งตนเป็นเจ้าแม่สุขให้ความช่อยเหลือชาวบ้าน.... ย่ำค่ำวันหนึงแม่กับผมไปรับจ้างเก็บหมากในสวนขากลับต้องผ่านบ้านของแม่สุข ฝนเทลงมาเราจึงต้องวิ่งไปขอหลบฝนที่ใต้ถุนบ้านของแม่สุข ยังไม่ทันที่จะตะโกนบอกกล่าวเจ้าของบ้านก็กลับได้ยินเสียงวิ่งกันโครมครามอยู่ข้างบนบ้าน ต่างตะโกนกันโกลาหลว่า....แม่สุข....แม่สุขมา....อยู่ตีนบันได ผมมองตามเสียงบอกไปที่ตีนบันได เห็นเข้าอย่างจังตอนที่ฟ้าแลบแสงจ้าในความมืด....ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนห่มผ้าขาวคลุมหัวอยู่กลางฝน หน้าเงยมองขึ้นไปบนบ้าน ดูเหมือนจะไม่สนใจเราเลยแม่ผมส่งเสียงร้องตกใจสุดขีด แล้ววิ่งหนีไปไม่รู้ทิศทางผมก็โยนของวิ่งตามแม่ไปไม่ยอมห่าง แม่ผมจับไข้ไปหลายวัน ยังมีชาวบ้านพบเจอแม่สุขมาวนเวียนอยู่อย่างนี้.....ไม่มีใครกล้าเข้าใกล้เขตบ้านนั้นในยามค่ำคืน ภายหลังทราบว่าผัวแกไปบวชเพื่อขอไถ่บาปกรรมที่ทำไว้กับแม่สุข เมื่อสึกแล้วก็ย้ายออกไปจากบ้านหลังนั้น แล้วก็ไม่มีใครได้พบผีแม่สุขอีกเลย....... ผมไม่รู้ว่าแกหมดกรรมกับผัวแกแล้ว.....หรือยังคงติดตามผัวแกต่อไปด้วยฤทธิ์ของ....น้ำมันพราย
     

แชร์หน้านี้

Loading...