ตับอ้วน โรคฟัวกราส์หรือโรคไขมันพอกตับ

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย modza06, 19 พฤศจิกายน 2019.

  1. modza06

    modza06 สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2019
    โพสต์:
    1
    ค่าพลัง:
    +0
    ฟัวกราส์ Foie gras หรือ ไขมันพอกตับ ฟัวกราส์ (Foie gras) อาหารจานหรูของฝรั่งเศสที่อร่อยนุ่มละมุนลิ้นนั้น ได้มาจาก ตับห่านหรือเป็ดที่เป็นไขมันพอกตับ ความจริงแล้วนั้นฟัวกราส์เกิดจากการเลี้ยงให้เป็ดหรือห่านกินจนอ้วน โดยไม่ได้ออกกำลังหรือเดินไปมาได้ในช่วงสัก 1-2 สัปดาห์ ก่อนเอาไปเชือด เมื่อเป็ดหรือห่านได้รับอาหารจำนวนมากแต่ไม่ได้ใช้พลังงาน ทำให้ตับนั้นเต็มไปด้วยไขมันหรือมี ไขมันพอกตับจึงทำให้มีขนาดใหญ่กว่าตับเป็ดหรือตับห่าน ทั่วไปหลายเท่าตัว แล้วนี่ก็เป็นสาเหตุที่เรียกว่าฟัวกราส์ว่าตับอ้วน หรือ โรคไขมันพอกตับ

    โรคไขมันพอกตับ การเกิด อาการ

    ไขมันพอกตับ คือ ภาวะที่ร่างกายไม่สามารถนำไขมันไปใช้ได้หมด ตับเป็นอวัยวะด่านแรกๆที่ต้องรับมือจึงถูกพอกพูนไปด้วยไขมันซึ่งส่วนมากอยู่ในรูปแบบของไตรกลีเซอไรด์ (มาจากอาหารพวกแป้ง น้ำตาล และไขมันที่เรากินไปนั่นเอง) สาเหตุที่ไขมันพอกตับเรียกว่าภัยเงียบ เพราะว่า โรคไขมันพอกตับ ไม่แสดงอาการ เนื้อตับเองไม่มีเส้นประสาทรับรู้ความรู้สึก ผู้ป่วยไขมันพอกตับกว่าร้อยละ 50 ไม่แสดงอาการโดยเฉพาะในกลุ่มที่เป็นไขมันพอกตับระยะต้นๆ และยังพบว่าผู้ป่วยไขมันพอกตับร้อยละ10-20 มีตับอักเสบร่วมด้วย การอักเสบเรื้อรังนี้จะทำให้เกิดพังผืดในตับกลายเป็นโรคตับแข็ง และเสี่ยงทีจะพัฒนาเป็นมะเร็งตับต่อไป ไขมันพอกตับ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนโดยเฉพาะกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง เช่น อ้วน ขาดการออกกำลังกาย ดื่มสุราเป็นประจำ โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง และความดันโลหิตสูง แม้ว่าไขมันพอกตับจะไม่มีอาการที่เฉพาะเจาะจง แต่เราสามารถสังเกตอาการเบื้องต้นที่จะทำให้เรารู้ว่าตับเริ่มมีปัญหาแล้ว ซึ่งจะเป็นอาการอันเนื่องมาจากตับทำงานได้น้อยลง เช่น อ่อนเพลีย หมดแรงง่าย,เบื่ออาหาร คลื่นไส้,มีอาการปวดจุกแน่นชายโครงขวา (สัญญาณว่าเริ่มมีตับอักเสบ ตับโต),ผิวหนังและเยื่อตาขาวเปลี่ยนเป็นสีเหลืองหรือปัสสาวะมีสีเหลืองเข้ม หากมีอาการดังกล่าว ควรต้องรับการตรวจร่างกายจากแพทย์เพื่อตรวจหาและวินิจฉัยโรคก่อนจะสายไป

    ไขมันพอกตับ กลายเป็น มะเร็งตับ

    ไขมันพอกตับ คือ ไขมันที่เข้าไปแทรกเบียดตัวระหว่างเซลล์ตับ ทำให้การประสานงานหรือการส่งสารอาหารระหว่างเซลล์ตับปกติถูกปิดกั้น เซลล์ตับบางส่วนตาย เอนไซม์ภายในเซลล์รั่วไหลออกสู่เลือด ถ้าได้ตรวจเลือดตอนนั้นจะทำให้ตรวจพบค่าเอนไซม์ตับสูงในเลือดได้ (ค่าปกติของ ALTไม่ควรเกิน 40U/L ถ้าตับผิดปกติจะพบค่านี้สูง)

    - ไขมันและกรดไขมันอิสระมีฤทธิ์ทำลายสูงโดยเกิดปฏิกิริยา ออกซิเดชั่น ได้ด้วยตัวเอง กลายเป็นอนุมูลอิสระ ทำลายเซลล์ตับไปทั่ว ตับเกิดความเครียดสะสม ปกติภายในเซลล์ตับสุขภาพดีจะมีกลูต้าไธโอนคอยต้านอนูมุลอิสระ แต่เมื่อเซลล์ตับอ่อนแอ ไม่มีกำลังผลิตกลูต้าไธโอน

    - หลังจากเซลล์ตับถูกทำลายมาก ตับเกิดบาดแผล การอักเสบเรื้องรัง มีพังผึดมากขึ้นๆ จากไขมันพอกตับและนำไปสู่การเป็นตับแข็งและมะเร็งตับในที่สุด

    - นอกจากการทำงานที่ผิดปกติในตับแล้ว ไขมันพอกตับยังส่งผลถึงระบบในร่างกายอื่นๆ ไขมันพอกตับ จะทำให้เกิดการดื้อต่ออินซูลิน (insulin resistance) ซึ่งแน่นอนว่าทำให้มีความเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวานเพิ่มขึ้น และรวมถึงอินซูลินเองมีบทบาทควมคุมการขนส่งไขมันออกจากตับเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงาน เมื่อตับดื้อต่ออินซูลินแล้วก็ยิ่งทำให้ไขมันสะสมทั้งในตับ คั่งค้างในหลอดเลือดมากขึ้น ก่อให้เกิดโรคต่างๆตามมาทั้งไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง รวมทั้งโรคหัวใจและหลอดเลือด

    อ่านต่อได้ที่ https://www.rophekathailand.com/
     

แชร์หน้านี้

Loading...