"ดีท็อกซ์"ปฏิบัติการพิฆาตพิษ

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 13 สิงหาคม 2007.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492
    "ดีท็อกซ์"ปฏิบัติการพิฆาตพิษ

    คอลัมน์ วาไรตี้เฮลท์

    เชื่อหรือไม่ว่า แหล่งที่เก็บกักเชื้อโรคไว้มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลกนั้นอยู่ที่ร่างกายของคนเรานี่เอง

    การขจัดพิษออกจากร่างจึงเป็นสิ่งที่คนปรารถนา

    หลายคนเลือกขับสารพิษให้ออกไปทางเหงื่อ หลายคนเลือกที่จะกินผักผลไม้แทนเนื้อสัตว์ ขณะที่หลายคนเดินเข้าสปาทำ สครับตัวด้วยสาหร่ายทะเลเพื่อดูดโลหะหนักออกจากต่อมเหงื่อ และมีไม่น้อยที่เลือกนวดกระตุ้นเพิ่มสปีดต่อมน้ำเหลืองให้ทำงานเร็วขึ้น 6-10 เท่า จากที่น้ำเหลืองจะเดินทางชั่วโมงละ 1 ซ.ม.

    แต่วิธีที่กำลังได้รับความสนใจมากที่สุดในเวลานี้นั่นคือ "ดีท็อกซ์" หรือ "การสวนล้างลำไส้" วิธีธรรมชาติบำบัดที่มีมาแต่โบราณที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในประเทศแถบยุโรปและ อเมริกามาก่อน

    งานวิจัยพบว่า โรคมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ เกิดจากสารพิษที่ตกค้างและสะสมอยู่ในร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน "ลำไส้"

    ถามว่า ถ้าขับถ่ายเป็นปกติทุกวันจะมีอะไรตกค้างหรือไม่ ?

    พ.ญ.พักตร์พิไล ทวีสิน ประธานกรรมการ เอส เมดิคัล สปา ไขข้อข้องใจด้วยการเปรียบเทียบอย่างเห็นภาพไว้ว่า "อ่างล้างจานที่เปิดน้ำล้างไหลผ่านท่อทุกวัน ท่อยังตันเพราะมีคราบน้ำมัน ตะไคร่ ตะกรันเกาะสะสมทีละเล็กละน้อย ลำไส้ของเราก็เหมือนกัน ดังนั้นจึงตอบได้ว่า การขับถ่ายทุกวันไม่ได้แปลว่าร่างกายของคุณปลอดของเสียหรือสารพิษ"

    คราบตะกรันที่สะสมจะเป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรีย ทำให้เกิดการบูดเน่า เกิดเป็นสารพิษ และถูกดูดซึมกลับเข้าสู่ร่างกายกลายเป็นต้นเหตุทำให้เกิดโรคต่างๆ ได้ ตั้งแต่ ท้องผูก ท้องอืด อาหารไม่ย่อย ท้องเสีย ภูมิแพ้ หอบหืด รูมาตอยด์ หรือทำให้เป็นสิวฝ้า ปวดเมื่อย อ่อนเพลีย และยังทำให้แก่ก่อนวัยอีกด้วย

    การล้างพิษด้วยการ "ดีท็อกซ์" หรือ "สวนล้างลำไส้" จึงเป็นทางเลือกในการกำจัดพิษออกจากร่างแบบเร่งด่วน

    ปัจจุบันดีท็อกซ์มีอยู่ 2 แบบ แบบแรก "ล้างลำไส้ระดับล่าง" อีกวิธีคือ " การล้างลำไส้ส่วนบน" เป็นการล้างอย่างลึกซึ้งซึ่งจะต้องอาศัยเครื่องมือทางการแพทย์ หรือที่เรียกว่า "Colon Hydrotheraphy"

    การขจัดพิษด้วยวิธีนี้ ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับความดัน โรคหัวใจ เลือดจาง เส้นโลหิตโป่งพอง ไส้เลื่อน ริสสีดวงทวาร โรคลำไส้ โรคไต ตั้งครรภ์ มะเร็ง หรือเพิ่งได้รับการผ่าตัดช่องท้องไม่เกิน 6 อาทิตย์ ควรหลีกเลี่ยงหรือปรึกษาแพทย์ก่อนจะเป็นการดี

    ใน 1 ชั่วโมงของวิธีนี้จะใช้น้ำเกลืออุ่นๆ 25 ลิตร ปล่อยไหลเข้าสู่ลำไส้อย่างช้าๆ โดยจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง น้ำ 1-2 ลิตรแรก จะไล่ของเสียให้เคลื่อนตัวลงมา จนถึง 10 ลิตรสุดท้ายจะมีการนวดท้องเพิ่มการเคลื่อนไหว น้ำจะค่อยๆ เข้าไปเซาะชำระล้างตะกรัน ไขมัน และคราบต่างๆ ให้หลุดออกไป

    หลังการปฏิบัติการ บางคนท้องไส้อาจจะยังปั่นป่วน บางคนอาจมีอาการท้องผูก ท้องเสีย หรือมีลมในท้อง ดังนั้นควรรับประทานอาหารอ่อนๆ ในระยะแรก เพื่อเป็นการปรับลำไส้ให้เข้าสู่ภาวะปกติ

    หลังจากนั้นจะเลือก จะกินอาหารชนิดใดก็ตาม พึงระวังไว้สักนิดว่ามีพิษหรือไม่ หากเลือกไม่ได้ ก็ตัวใครตัวมันแล้ว ขอรับเจ้านาย...!!

    (ข้อมูลจากโปรแกรม "ล้างพิษ ล้างใจ ถวายพ่อหลวง" โครงการการกุศลที่จัดทำขึ้นโดยเอส เมดิคัล สปา สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 0-2253-1010 )

    --------------
    ที่มา:ประชาชาติธุรกิจ
    http://www.matichon.co.th/prachacha...g=02spo02130850&day=2007-08-13&sectionid=0219
     

แชร์หน้านี้

Loading...