ชีวิตเราไม่มีคำว่า "ขาดทุน" ถ้าเปลี่ยนมุมมอง

ในห้อง 'พุทธศาสนา และ ธรรมะ' ตั้งกระทู้โดย Nirvanian, 17 พฤษภาคม 2006.

  1. Nirvanian

    Nirvanian เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    42
    ค่าพลัง:
    +184
    ชีวิตไม่เคยขาดทุนมีแต่กำไร

    <?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>
    พูดถึงขาดทุนและกำไร หลายคนพูดว่าปีนี้แย่ขาดทุนหมดเลยทำอะไรไม่ได้ค่อยได้ผลเท่าที่ควร ฝนฟ้าไม่ค่อยจะตกไอ้ที่ฝนตกเค้าไม่ต้องการ ส่วนที่ต้องการฝนไม่ตกแปลก เหมือนกันพูดกันไปบ่นกันไป ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรหนอ ชีวิตคนเราเป็นเช่นนี้หรือ เค้าเรียกว่าพูดเข้าข้างคนเดียว ลืมมองอีกส่วนหนึ่ง ตามปกติคนเรามองข้างเดียว ทั้งที่กระจกมีทั้งสองด้าน

    <O:p></O:p>
    ลองมาฟังนิทานเค้าเล่าว่า ขณะที่ชายสองคน จำง่ายๆคือนายอ้วนนายผอม เดินทางข้ามเมืองก็ได้พบลาพลัดหลงมาตัวหนึ่งอยู่กลางทาง ทั้งสองดีใจและตกลงว่าจะนำลาตัวนี้ไปขายที่ตลาดในเมืองที่อยู่ข้างหน้า ชายคนผอมรับอาสาทำหน้าที่นี้ ระหว่างที่จูงลาไปยังตลาดได้พบชายหนุ่มซึ่งถือปลามา 2 ตัว ชายคนนี้มีความสนใจลาจึงขอลองขี่ดูก่อนหากพอใจก็จะซื้อ ก่อนขี่ลาเขาวานชายผอมให้ช่วยถือปลาให้ เขาขึ้นขี่ลาแล้วก็วนไปรอบๆ ยิ่งขี่ ก็ตีวงกว้างขึ้นสุดท้าย ก็ลับหายไป ชายผอมตามหาลากลับมาไม่ได้ จึงเดินกลับไปหาชายอ้วน ชายอ้วนเห็นเข้าก็เข้าใจว่าขายลาได้แล้วจึงถามว่า“ขายได้เท่าไหร่”
    <O:p></O:p>
    “เท่าทุน” ชายผอมตอบแล้วก็นึกขึ้นได้ “ไม่ใช่ๆๆได้กำไรเป็นปลา 2 ตัว” ว่าแล้วก็ชูปลาที่ได้รับฝากไว้ให้ชายอ้วนดู

    <O:p></O:p>
    ชายอ้วนอาจโมโหที่สูญเสียลาไปเพราะเงินก้อนใหญ่ที่จะได้จากการขายลานั้นจู่ๆ ก็หายไป แต่ชายผอมไม่ได้ทุกข์ร้อนเลย เขาพูดผิดหรือไม่เมื่อเขาบอกว่า “เท่าทุน" เพราะลาที่ถูกขโมยไปนั้นเป็นลาที่เขาได้มาฟรีๆ ที่จริงเขารู้สึกว่าได้กำไรด้วยซ้ำ เพราะทีแรกนั้นเดินทางตัวเปล่าแต่ตอนนี้ได้ปลามา 2 ตัวโดยที่ไม่ได้ลงทุนลงแรงอะไรเลย

    <O:p></O:p>
    เมื่อเราสูญเสียไปอะไรก็ตามเคยคิดบ้างไหมว่าเรา “เท่าทุน” เพราะเราทุกคนเกิดมาตัวเปล่าเท่านั้นของที่มีอยู่ทุกวันนี้ล้วนได้มาทีหลังทั้งนั้น ไม่ว่าเป็น เงิน ทรัพย์สมบัติ หรือแม้แต่คนรัก อันที่จริงแม้จะสูญเสียอะไรไป แต่ก็อย่าลืมว่ายังมีสิ่งดีๆอีกมากมายอยู่กับเรา แม้เงินหายไปหมื่นบาทแต่สมบัติอีกมากมายก็ยังอยู่ แม้กิจการจะล้มละลาย แต่ก็ยังมีบ้านอยู่ พ่อ แม่ คนรัก และลูกหลานก็ยังอยู่ไม่ต้องพูดถึงสติ ปัญญา ความรู้ และช่องทางทำมาหากินต่างๆ อีกมากมายนั่นหมายความว่า เรายัง “กำไร” อยู่
    <O:p></O:p>
    คนที่เคยทำกำไรปีที่แล้ว 10 ล้านบาท แต่มาปีนี้กำไร 1 ล้านบาทถึงกำไรจะหดหายไปมากมาย ก็ยังมีกำไรอยู่นั่นเอง ปัญหาอยู่ตรงที่ว่าเขาจะเลือกมองตรงไหน มองส่วนที่หดหายไป หรือมองส่วนที่ยังมีอยู่ ถ้ามองส่วนที่หดหายไปก็ทุกข์ แต่ถ้ามองส่วนที่ยังมีอยู่ก็สุข หรืออย่างน้อยก็เป็นปกติเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ที่ไม่พึงปรารถนา การมองในแง่บวกช่วยให้เราไม่ทุกข์เวลาประสบความล้มเหลว เรามองในแง่บวกได้หลายแง่ด้วยกัน เช่นมองว่ายังดีที่ไม่เสียหายมากกว่านี้ หรือมองว่าเป็นบทเรียนสำหรับปรับปรุงการทำงานให้ดีขึ้นในครั้งต่อไป ที่สำคัญไม่น้อยก็คือการมองว่าความล้มเหลวนี้มาช่วยเตือนใจไม่ให้ประมาท หรือหลงระเริงมุมมองอย่างหลังนี้มีประโยชน์อย่างมากสำหรับคนที่ประสบความสำเร็จอยู่เสมอ

    <O:p></O:p>
    ในทำนองเดียวกันเมื่อถูกตำหนิแทนที่จะหัวเสีย (ซึ่งแสดงว่า“ขาดทุน”) เราสามารถเปลี่ยนให้เป็น “กำไร” ด้วยการมองว่าคำตำหนิดังกล่าวมาช่วยเตือนใจไม่ให้หลงเพลิดเพลินไปกับคำสรรเสริญความสำเร็จและคำสรรเสริญนั้นใครๆก็ชอบ แต่ไม่เคยมีใครประสบความสำเร็จ และได้รับคำสรรเสริญตลอดเวลา ความล้มเหลวและคำตำหนิเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะเป็นของคู่กันเมื่อมีความ สำเร็จก็ต้องมีความล้มเหลว เมื่อมีคำสรรเสริญก็ต้องมีคำนินทาเปรียบเหมือนมีหัวก็ต้องมีก้อย มีหน้ามือก็ต้องมีหลังมือนี้เป็นธรรมดาโลก เพราะไม่มีอะไรที่เที่ยงนักกีฬาที่วิ่งเร็วที่สุดในโลกในที่สุดก็ต้องพ่ายแพ้แก่ผู้อื่น เพราะสังขารโรยราไม่มีนางงามคนใดครองตำแหน่งไปได้ตลอดชีวิต ไม่นานก็ต้องคืนให้ผู้อื่นไป เคยเห็นบ้างไหมงานเลี้ยงใดที่ไม่เลิกรา

    <O:p></O:p>
    อันที่จริงในสิ่งที่เรียกว่าความสำเร็จนั้น ก็มีความล้มเหลวแฝงอยู่ด้วย ในทำนองเดียวกันในความงามก็มีความไม่งามแฝงอยู่ ในความหนุ่มสาวก็มีความแก่เฒ่าแฝงอยู่ คนที่ทำอะไรสำเร็จก็ตามหากทำสิ่งนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในที่สุดก็ต้องประสบกับความล้มเหลว ทีมฟุตบอลที่ใช้แผนเดิมตลอดเวลา แม้ครั้งแรกๆ จะชนะแต่ในที่สุดก็ต้องปราชัยจนได้ เพราะไม่มีวิธีใดที่ใช้การไปได้ตลอด ไม่ว่าจะมีรูปร่างสวย งามหรือหล่อเหลาเพียงใด ถ้าไม่อาบน้ำชำระร่างกายนานๆ ความน่าเกลียดก็ปรากฏให้เห็น เด็กที่เพิ่งคลอดก็ถือว่าแก่ เมื่อเทียบกับทารกในครรภ์ กล่าวอีกนัยหนึ่งความสำเร็จคือความล้มเหลวที่ยังไม่ปรากฏความงาม คือความไม่งามที่ยังไม่ปรากฏ และความหนุ่มสาว คือความแก่เฒ่าที่ยังไม่ปรากฏ
    <O:p></O:p>
    จะเห็นได้ว่าสิ่งที่เป็นขั้วตรงข้ามนั้น ที่จริงไม่ได้อยู่แยกจากกันเลย หากอยู่ด้วยกันและมาคู่กันด้วยเหตุนี้เมื่อใดก็ตามที่ได้รับความสำเร็จ หรือประสบสิ่งที่น่าพึงพอใจ ผู้ที่รู้เท่าทันธรรมดาของโลกย่อมไม่หลงระเริงหรือประมาทตายใจ เพราะตระหนักดีว่าความล้มเหลวหรือสิ่งที่ไม่น่าพึงพอใจนั้น ไม่ช้าก็เร็วย่อมบังเกิดขึ้นแก่ตน และเมื่อถึงคราวที่มันเกิดขึ้นจริงๆ ก็ไม่ทุกข์ เพราะเตรียมใจไว้แล้ว
    <O:p></O:p>
    ความทุกข์เกิดขึ้นกับเราก็เพราะไม่รู้เท่าทันธรรมดาของชีวิตที่มีความแปรเปลี่ยนอยู่เป็นนิจ เวลาได้รับคำสรรเสริญชื่นชมก็ดีใจได้ปลื้ม แต่พอถูกตำหนิติเตียนก็ย่อมเฉียวฉุนขุ่นเคืองเป็นธรรมดา ใครที่สงสัยว่าทำอย่างไรถึงจะไม่ทุกข์เวลามีคนตำหนิ คำตอบก็อยู่ตรงนี้เองนั่น คือเวลามีคนชมก็อย่าไปหลงใหลได้ปลื้ม ให้ระลึกว่าเมื่อมีสรรเสริญก็มีนินทา ไม่มีใครที่ได้รับแต่คำชื่นชม แม้แต่คนที่เคยชื่นชมเราก็อาจหันมาตำหนิได้ ถ้าเตรียมใจไว้ได้เช่นนี้ ถึงเวลาที่คำตำหนิพุ่งมาหาก็ทำใจเป็นปกติได้ และถ้ารู้จักมองให้เป็นบวกก็จะได้ประโยชน์เป็น“กำไร” เช่นมองว่าสิ่งที่เขาพูดนั้น มีอะไรที่เราจะนำไปใช้ปรับปรุงแก้ไขตัวเองได้บ้าง หรือถือเป็นเครื่องย้ำเตือนตนเอง ธรรมดาของโลกเป็นเช่นนี้เอง

    <O:p></O:p>
    ถ้าเตรียมใจรับมือกับคำตำหนิ และความล้มเหลวอยู่เสมอ เมื่อประสบกับความสูญเสียพลัดพราก หรือเหตุร้ายที่รุนแรงยิ่งกว่านั้น เช่นป่วยหนัก เราก็มีภูมิต้านทานที่ช่วยป้องกันไม่ให้ความทุกข์ครอบงำจิตใจได้มากนัก แม้ทีแรกอาจเศร้าโศกเสียใจ แต่ไม่นานก็จะตั้งตัวได้ แต่นั่นก็หมายความว่า เราจะต้องระลึกไว้เสมอด้วยว่าสิ่งดีๆ ที่เรามีอยู่นั้นไม่ว่า ทรัพย์สมบัติ สุขภาพ ครอบครัวสามารถ แปรเปลี่ยนพลิกผันไปได้ตลอดเวลา อย่าไปเพลิดเพลินกับสิ่งเหล่านั้น จนลืมตัวถ้าทำเช่นนั้นก็เท่ากับว่า เรากำลังตกอยู่ในความประมาทแล้ว จะเห็นได้ว่าชีวิตจะขาดทุนหรือกำไร อยู่ที่ตัวเราเป็นหลักเท่านั้นเอง..<O:p></O:p>.....

    ที่มา:ภิกษุเล่าเรื่อง/นสพ.ดิ เอเชี่ยนแปซิฟิค นิวส์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 18 พฤษภาคม 2006

แชร์หน้านี้

Loading...