ชมรมสอนปราชญ์ "สุขภาพ คุณธรรม ภูมิปัญญา"

ชมรมสอนปราชญ์

​

สุขภาพ คุณธรรม ความรู้ภูมิปัญญา
3หลักใหญ่ของชมรม เพื่อเน้นพัฒนาสอนวิชาภูมิปัญญาความรู้ต่างๆ
เพื่อทำให้เกิดสังคมที่มีแต่การให้ เปลี่ยนผู้รับเป็นผู้อยู่ได้ด้วยตนเองพึ่งตนเอง
และเปลี่ยนผู้พึ่งพาตนเองให้เป็นผู้ที่สามารถให้ผู้อื่นได้ด้วยภูมิปัญญาต่างๆ
สร้างสังคมที่ผู้มีความรู้ได้ใช้ความรู้ ผู้มีความรู้ได้แสดงออก

สนใจติดต่อ 081-207-1144

 

ต้องแสดงให้คนอื่นเห็นก่อนว่าผู้สอนมีความเก่งกาจยังไง เพราะเรื่องแบบนี้ถ้าพูดปากเปล่ามันเชื่อกันยาก แต่...ถ้าพิสูจน์ให้เห็นความเก่งกาจได้จริงๆหล่ะก็ อย่าว่าแต่แค่ตั้งชมรมเลย

 

หลักสูตรพลังสมาธิธรรม

นับว่าเป็นหลักสูตรแรกที่มีการเรียนการสอนรวมกันในเนื้อหาของ การเปิดจักระหมุนจักระ
การมองออร่าและจับออร่า การรักษาโรคด้วยพลังจิต การทำสมาธิ
การพัฒนาศักยภาพทางอารมณ์และความคิดความจำ การเปิดจุดและฝึกโคจรลมปราณ
การถอดกายทิพย์ การฝึกตนเพื่อให้สุขภาพแข็งแรงอย่างยั่งยืน โหราศาสตร์เชิงพลังจิต
และ การติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงการแก้ไขปัญหาทางจิตวิญญาณในทุกประเภท
รวมอยู่ในหนึ่งเดียว มีสอนที่ ชมรมสอนปราชญ์ ที่เดียวเท่านั้น

081-207-1144

 

https://www.facebook.com/chomromsonebarch
ทางเฟสบุ๊คพึ่งตั้งครับ สามารถติดตามข่าวสารได้ทางนี้ด้วย

 

มีสอนเสี่ยวโจวเทียนด้วยเหรอ แสดงว่าคุณฝึกสำเร็จแล้วใช่ไม๊ ถ้าจริงจะไปเรียนด้วยเลย

 

เปล่าครับ55+ผมแค่ฝึกเป็นและใช้งานเพื่อสุขภาพเป็นเฉยๆ ไม่ถึงขั้นย้อนวัยนะครับ
ความจริงในวิชานั้นจะเชิญอาจารย์ท่านอื่นที่เชี่ยวชาญและค้นคว้าโดยตรงมาสอนครับ

 

เชิญอาจารย์ท่านอื่นมาหยั่งงี้ก็ต้องมีค่าใช่จ่ายหน่ะสิ ถ้าไม่แพงมากแต่เก่งจริงก็น่าสนใจน๊ะ

 

ได้มีการประชุมเรื่องค่าใช้จ่ายแล้วนะครับ คือค่าใช้จ่ายตามแต่ละหลักสูตรจะไม่เท่ากันครับ
ในปัจจุบันที่เปิดสอนมีัเพียงหลักสูตรเดียวคือ

หลักสูตรสมาธิธรรม ซึ่งตอนนี้เปิดสอนฟรี

 

5ปีก่อน ผมได้มีโอกาสไปงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตนานาชาติเป็นครั้งแรก
ความรู้สึกแรกที่ผมเดินเข้างานคือ รู้สึกดีที่มีคนสนใจทางด้านจิตเยอะขนาดนี้
ตัวผมเองในตอนนั้นได้ฝึกสมาธิและชี่กง(ฝึกลมปราณ)มาบ้าง
ในงานครั้งแรกที่ไปนั้นผมไปครบทุกวันที่จัดและไปตั้งแต่เริ่มงานจนสวดมนต์ตอนเย็น
พองานจบลง ผมก็ได้ไปศึกษาต่อตามกลุ่มต่างๆที่มาในงาน
ตอนนั้นผมเน้นศึกษาหนักไปทางศาสตร์พวกพลังต่างๆ รวมถึงการรักษาด้วยพลังจิต
ใหม่ๆผมจะเน้นไปกิจกรรมของกลุ่มที่ไม่คิดตังในการเรียนและมีสอนใกล้ๆ
พอศึกษาไปศึกษามาเริ่มควักเงินและเดินทางไปเรียนไกลๆ
บางที่้สอนวันสองวันเก็บประมาณสองพัน แต่บางที่สองสามพันได้เรียนแค่สามชั่วโมงก็มี
บางกลุ่มเน้นปฏิบัติไม่เน้นเก็บตัง ต้องไปเรียนทุกเย็นเป็นหลายๆเดือนก็เคยไป
ความสนใจจากเรื่องพลังงาน จักระ ออร่า ภายหลังเริ่มสนใจด้านสมาธิ พิธีกรรม ศาสนา
โหราศาสตร์ เรื่องผีเรื่องเทพ(ตอนแรกไม่เชื่อ) ปรัชญา ไปจนถึงศาสตร์ทางจิตใต้สำนึก
ที่สำคัญไม่ใช่แค่สนใจ แต่ที่ไหนมีกลุ่มในแนวที่เราไม่เคยเข้าร่วมผมก็จะรีบไปร่วม
พอกลับไปบ้านก็ปฏิบัติตามที่ได้ร่ำเรียนมา บางวันฝึกปฏิบัติแทบทั้งวัน
ผมก็มานั่งคิดว่าผมคงสนใจศาสตร์ที่เกี่ยวกับจิตเข้าจริงๆซะแล้ว
เรื่องราวต่างๆเกี่ยวกับจิตวิญญาณเข้ามาจนเป็นส่วนนึงในวิถีชีวิตผมจริงๆแล้ว
พอคิดได้แบบนั้นก็เลยไปเป็นอาสาสมัครช่วยในงานมหกรรมวิทยาศาสตร์ทางจิตครั้งนึง
ได้พบอาจารย์หลายท่านที่ไปประชุม หลายท่านก็เป็นอาจารย์ของเรา
ที่ผมประทับใจคือมีอาจารย์พูดถึงเรื่องจะทำให้ศาสตร์ทางจิตเป็นหลักสูตรให้ได้
ตอนปิดงานครั้งนั้นก็ยังมีการพูดเรื่องนี้อย่างจริงจัง ผมนั่งฟังคิดดูว่าน่าเป็นจริงได้
แต่ในเชิงปฏิบัติแล้วมีแค่ไม่กี่กลุ่มที่เปิดรับศาสตร์อื่นมาสอนพัฒนาร่วมกัน
ซ้ำที่หนักกว่านั้นคือส่วนใหญ่จะดูถูกศาสตร์อื่นและกีดกันไม่ให้คนในกลุ่มไปสนใจ
ตัวกลุ่มที่เปิดรับเองบางกลุ่มเน้นเป็นการช่วยเหลือปรึกษา
แต่ไม่มีการสอนแนวทางและวิธีการปฏิบัติเลย
เวลาผ่านไปมันก็เริ่มชัดเจนแล้วว่าไม่มีใครกล้าทำหลักสูตรทางด้านนี้เป็นแน่แท้แล้ว
ผมเลยคิดว่าแม้ผมจะวัยวุฒิคุณวุฒิสู้อาจารย์คนอื่นไม่ได้
แต่ถ้าไม่เริ่มทำเมื่อไหร่จะมีคนทำ คิดแล้วก็เลยทำซะเอง
ตอนแรกก็ประกาศหาเพื่อนมาศึกษาวิจัยด้านพลังจิตต่างๆทางเว็บนี้ด้วย ปากต่อปากด้วย
ก็มีกิจกรรมมากมายช่วงนั้น เดินทางไปหลายที่กับคนหลายคนหลายกลุ่ม
หลังจากนั้นผมก็วางมือไปเนื่องด้วยธุระต่างๆ
จนมาถึงตอนนี้จึงเริ่มสานต่อความตั้งใจเก่า ค่อยๆทดลองสอนกลุ่มเล็กใหญ่
ทดลองวางระเบียบแบบแผน จนตกผลึกเป็น หลักสูตรพลังสมาธิธรรม

สนใจสอบถามรายละเอียดของ ชมรมสอนปราชญ์ หรือ หลักสูตรต่างๆ
ติดต่อทางมือถือ โทร.081-207-1144

โอกาสมีรีบคว้าไว้เถิด แม้เข็มนาฬิกาจะหมุนวน แต่เวลาไม่เคยหมุนกลับคืน

 

บัดนี้เรือจ้างถึงฝั่งแล้ว

ลูกศิษย์แก้วก้าวเดินขึ้นสู่ท่า

เหลียวหลังดูครูที่รักจักอำลา

เช็ดน้ำตาด้วยซึ้งคิดถึงครู

ใครหนอว่าเรือจ้างนั้นต่ำต้อย

เรามิเคยท้อถอยหรืออดสู

งานไหนเล่าจะเท่ากับงานครู

ตัวเราสอนเรารู้อยู่แก่ใจ

เด็กเล็กเล็กโดยสารมาเต็มลำ

หากแจวจ้ำส่งเดชเกิดเหตุใหญ่

ปล่อยเรือล่มจมน้ำคว่ำลงไป

ชีวิตใครเล่าจะดับกับสายชล

ในห้วงแห่งปัญหาเวลานี้

ใครเล่าสร้างความดีทวีผล

น้ำมือครูชุบชีวิตศิษย์ทุกคน

ประสาจนแจวเรือจ้างอย่างยอดเอย

สุมน อมรวิวัฒน์