จับตา…สองผู้นำ’ยักษ์ใหญ่’ร่วมสู้โควิด

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย โพธิสัตว์ เตือนภัย, 11 เมษายน 2020.

  1. โพธิสัตว์ เตือนภัย

    โพธิสัตว์ เตือนภัย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 กรกฎาคม 2017
    โพสต์:
    1,565
    กระทู้เรื่องเด่น:
    441
    ค่าพลัง:
    +655
    e0b8aae0b8ade0b887e0b89ce0b8b9e0b989e0b899e0b8b3e0b8a2e0b8b1e0b881e0b8a9e0b98ce0b983e0b8abe0b88d.jpg
    ผู้เขียน ไพรัช วรปาณิ

    จับตา…สองผู้นำ‘ยักษ์ใหญ่’ร่วมสู้โควิด

    นับเป็นนิมิตหมายอันดี ที่แหล่งข่าวจงซิงแห่งปักกิ่งเปิดเผยว่า “สี จิ้นผิง” ผู้นำสูงสุดประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ตอบรับการนัดหมายคุยกันทางโทรศัพท์กับโดนัลด์ “ทรัมป์” ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ โดย “สี จิ้นผิง”
    ยืนยันว่าจะร่วมมือในการสู้รบกับโรคระบาดร้ายโควิด-19 ด้วยกันอย่างแข็งขันจริงจัง พร้อมหัวใจที่มีความปรารถนาดีต่อกันเป็นครั้งแรก หลังเกิดการขัดแย้งทางการค้าระหว่างสองประเทศที่ผ่านมา

    “สี จิ้นผิง” ได้กล่าวเน้นว่า หลังเกิดเหตุการณ์โรคระบาดโควิด-19 ที่อู่ฮั่น ทางจีนได้ยึดมั่นหลักการทำงานด้วยความเปิดเผย โปร่งใส และความรับผิดชอบ พร้อมกับแสดงความจริงของปรากฏการณ์และข่าวสารทั้งหมดต่อองค์กรอนามัยโลกอย่างโปร่งใสทุกประการ รวมทั้งต่อประเทศอเมริกาด้วย โดยไม่ปิดบังข่าวสารข้อมูลของโรคโควิด-19 และได้แบ่งปันแนะนำเผยแพร่ประสบการณ์ในการต่อสู้กับโรคร้าย อีกทั้งให้การช่วยเหลือต่อนานาประเทศที่ได้รับความเดือดร้อน รวมทั้งอเมริกาอย่างสุดความสามารถ โดยจีนจะดำเนินการต่อสู้กับภัยพิบัติต่อไปร่วมกับสังคมโลกเช่นทุกวันนี้อย่างหนักแน่นมั่นคงไม่ยอมแพ้และจะเอาชนะให้ได้ในที่สุด

    “สี จิ้นผิง” ชี้ให้เห็นว่า เชื้อโรคระบาดโควิดเกิดขึ้นได้ในทุกแห่งไม่ว่าเป็นคนชนชาติใด วรรณะ ศาสนา ประเทศใดๆ ในโลก จึงเป็นศัตรูตัวร้ายของโลก ดังนั้นสังคมโลกจึงต้องร่วมมือกันต่อสู้อย่างจริงจังแข็งขันจึงจะสามารถเอาชนะมันได้

    ฉะนั้น ภายใต้ความร่วมมือพยายามของทุกชาติที่ประสบภัยพิบัติในครั้งนี้ จีนจึงให้ความสำคัญระดับชาติ โดยจะเห็นได้ว่าเมื่อครั้งผู้นำองค์กรประเทศ จี20 ต่างได้ร่วมประชุมสรุปบทเรียน แนวทางต่อต้านร่วมกันอย่างเข้มข้นจริงจัง ซึ่งก็ได้ผลทางยุทธศาสตร์ระดับหนึ่ง จึงหวังให้มีการทวีความร่วมมือจากสากลโลกอย่างต่อเนื่อง เพื่อสยบโรคร้ายตัวนี้ให้ประสบผลสำเร็จในทางรูปธรรมให้จงได้ การร่วมมือเพิ่มพลังต่อต้านโรคร้าย และแรงพลักดันให้เกิดความมั่นคงของระบบเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็น ดังนี้ จีนจึงพร้อมที่จะเดินทางร่วมแนวทางเดียวกับสหรัฐอเมริกา เพื่อเพิ่มพูนศักยภาพในการปราบโรคร้าย และการร่วมมือแลกเปลี่ยนข่าวสารความรู้ตลอดจนการวิเคราะห์วัคซีน-ยารักษาไปพร้อมกับองค์กรอนามันโลก เพื่อความสงบสุขของชาวโลกอย่างไม่ยอมพ่ายแพ้สืบไป

    สี จิ้นผิง ได้ตอบ “ปุจฉา” ในเรื่องวิธีการต่อต้านไวรัสโควิด-19 ที่จีนใช้ได้ผลใน “อู่ฮั่น” และ “หูเป่ย์ตอนหนึ่งว่า จีนมีความเป็นห่วงและสนใจการระบาดอย่างรวดเร็วของอเมริกา โดยเฉพาะห่วงใยถึงท่านประธานาธิบดี “ทรัมป์” ที่ดำเนินนโยบายต่อสู้กับโรคในครั้งนี้เป็นพิเศษ โดยมิได้คิดว่าท่านเป็นคู่ขัดแย้งทางการค้ามาก่อนแม้แต่น้อย แต่คิดว่าขณะนี้เป็นเพื่อนผู้ร่วมชะตากรรมเดียวกันเท่านั้น

    อย่างไรก็ตาม ประชาชนชาวจีนมีความปรารถนาให้สหรัฐอเมริกาจงได้ประสบความสำเร็จในการสู้รบกับภัยพิบัติในครั้งนี้ในที่สุด ฉะนั้น จีนและสหรัฐจึงควรร่วมมือต่อต้านอย่างจริงจัง จริงใจ และมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารอันเป็นประโยชน์ซึ่งกันและกันอย่างเสมอภาค

    โปร่งใสและจริงใจ

    ทั้งนี้ จะเห็นได้ว่า บางเมืองหรือบางมณฑลในจีนได้ให้การช่วยเหลือโดยส่งสิ่งของและเวชภัณฑ์ไปช่วยสหรัฐและมิตรประเทศกว่า 80 ประเทศอย่างไม่ขาดสาย เพราะจีนเข้าใจและเห็นใจถึงสภาวการณ์ในปัจจุบันที่ประสบความลำบากร่วมกันอยู่ จึงพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆ เพราะในสหรัฐอเมริกายังมีประชากรและนักศึกษาชาวจีนอาศัยเป็นจำนวนมาก

    “สี จิ้นผิง” ได้กล่าวเน้นอีกว่า ปัจจุบันสหรัฐดำรงอยู่ในทางสามแพร่งของการดำเนินนโยบายในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจีนกับสหรัฐนั้นจะเป็นฉันใดต่อไป ย่อมขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของชาวอเมริกา คือถ้าจับมือกันก็จะได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ถ้าขัดแย้งกันก็จะเจ็บทั้งคู่ การร่วมมือระหว่างกันและกัน เพื่อต่อสู้กับภัยพิบัติ จึงเป็นทางเลือกที่ถูกต้อง ดังนั้น จึงหวังว่าสหรัฐจะเลือกแนวทางที่สร้างความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เพื่อจับมือร่วมกันพยามยามเพิ่มศักยภาพในการต่อต้านโควิดให้สิ้นซาก พร้อมกับพัฒนาแนวทางที่ไม่ขัดแย้ง โดยการให้เกียรติซึ่งกันและกันอย่างฉันมิตร ย่อมจะก่อเกิดผล win win ทั้งสองฝ่ายนั่นเอง
    ทางด้านประธานาธิบดี ทรัมป์ “แห่งสหรัฐอเมริกา ตอบมาอย่างแหลมคมว่า…” I (ข้าพเจ้า) ตั้งใจรับฟังคำปราศรัยของท่านประธานในงานประชุม G20 แล้วเมื่อค่ำวันก่อนพร้อมผู้นำประเทศอีกหลายท่าน ต่างได้พากันชื่มชมความคิดเห็นและแนวนโยบายของท่านว่าเป็นแนวทางที่ถูกต้องชอบธรรม”

    ในขณะเดียวกัน “ทรัมป์” ได้สอบถามถึงรายละเอียดเกี่ยวกับยุทธิวิธีในการต่อต้านภัยโควิด-19 ในทางโทรศัพท์กับ “สี จิ้นผิง” พร้อมกับได้แสดงความเห็นว่าทั้งจีนและสหรัฐกำลังได้รับความท้าทายจากโรคร้ายดังกล่าว ข้าพเจ้ารู้สึกชื่นชมที่ได้เห็นจีนประสบความสำเร็จในการสู้รบกับภัยร้ายในครั้งนี้อย่างดีเยี่ยม ประสบการณ์ของจีนได้ให้ความรู้แก่ข้าพเจ้าเป็นอย่างดี ข้าพเจ้าจึงตัดสินใจติดต่อสอบถามด้วยตนเอง และจะรักษาความสัมพันธ์ระหว่างจีน-สหรัฐด้วยการขจัดปัญหาความขัดแย้ง โดยการให้ความร่วมแรงร่วมใจสู้รบกับโรคร้ายต่อไป

    “ทรัมป์” ได้กล่าวต่ออีกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ขอขอบคุณที่จีนได้ให้ความช่วยเหลือสิ่งของจำเป็นและเวชภัณฑ์แก่เรา อันเป็นการเพิ่มความร่วมมือเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้-วิธีการในการปราบปรามต่อต้านโรคร้ายให้เกิดประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

    ดังนั้น ข้าพเจ้าได้แสดงท่าที เปิดเผยต่อในโซเชียลมีเดียและในสื่อต่างๆ เสมอว่า ประชาชนชาวอเมริการู้สึกชื่นชมและเคารพประชาชนจีนเป็นอันมาก และนักศึกษาที่มาเรียนในสหรัฐมีความสำคัญต่อระบบการศึกษาทั้งสองประเทศ สหรัฐยังจะรักษาปกป้องดูแลประชาชนจีนรวมทั้งเหล่านักศึกษาที่อยู่ในสหรัฐดังกล่าวเป็นอย่างดีอีกด้วย

    โดยสรุป ผู้นำมหาอำนาจของโลกทั้งสองฝ่ายได้มีการโทรศัพท์พูดคุยกันด้วยดีดังนี้แล้ว จึงนับว่าเป็นนิมิตหมายอันดีที่อาจจะเป็นผลบวกกับความขัดแย้งทางการค้าในอีกมิติหนึ่ง

    ผู้เขียนได้ทราบข่าวนี้ด้วยความยินดี และมองไกลไปถึงว่า จากเหตุการณ์เกิดโรคระบาดในครั้งนี้ อาจเป็นเหตุให้สองผู้นำ “ยักษ์ใหญ่” สองค่ายมาพบปะพูดคุยกัน อันจะทำให้จีนและสหรัฐลดความขัดแย้งที่มีต่อกันในอดีต ซึ่งมีผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจไปทั่วโลกนั้น คลายความตึงเครียดลงไม่น้อยทีเดียว…ว่าไหม?

    ดังนั้น เมื่อสองผู้นำยักษ์ใหญ่อย่างจีนและสหรัฐยังจับมือกันร่วมต่อสู้กับภัยพิบัติที่เกิดขึ้นทั่วโลกดังที่เป็นข่าวแล้ว หมู่เฮาชาวไทยไม่เว้นแม้เป็นนักการเมืองฝ่ายค้านก็ควรหันมาให้ความร่วมมือกับรัฐบาล เพื่อร่วมค้นคิดหายุทธวิธีปราบปรามโรคร้ายโควิด-19 ให้สิ้นซาก ร่วมกับรัฐบาลอย่างจริงจัง เช่นเดียวกับประชาชนชาวจีนที่รักษากฎไม่ออกจากบ้าน โดยเฉพาะนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล ไม่ควร “เล่นเกม” ทางการเมืองในขณะนี้ มาร่วมแรงร่วมใจกันต่อสู้กับโรคร้ายโควิด-19 เพื่อความสงบสุขของประชาชนและบ้านเมืองก่อน…จะมิดีกว่าหรือ??

    ไพรัช วรปาณิ
    กรรมการอัยการผู้ทรงคุณวุฒิ

    ขอบคุณที่มา
    https://www.matichon.co.th/article/news_2131638
     

แชร์หน้านี้

Loading...