คู่มือหนีกรรมผิวพรรณ

ในห้อง 'กฎแห่งกรรม - ภพภูมิ' ตั้งกระทู้โดย ้้thrin, 3 มกราคม 2011.

  1. ้้thrin

    ้้thrin Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2010
    โพสต์:
    54
    ค่าพลัง:
    +46
    คู่มือหนีกรรมผิวพรรณ
    ฉบับปฐมฤกษ์
    พุทธพจน์ที่บัญญัติไว้ในพระไตรปิฏก กล่าวถึงกรรมผิวพรรณไว้ว่า

    คนที่มักโกรธ จะมีผิวพรรณทราม...กรรมผิวพรรณ เกิดจากกรรมโทสะ
    นี่คือสาเหตุที่แท้จริง ของปัญหาผิวพรรณทุกชนิด ทั้งผิวหน้าและผิวกาย
    (ถ่ายทอด และเรียบเรียงโดยอ.อุบล ศุภาเดชาภรณ์ ผู้ดำเนินรายการ คุยไปแจกไป สถานีโทรทัศน์ MVTV -บางกอกทูเดย์)
    พระพุทธเจ้าเป็นนักวิทยาศาสตร์ ที่ไม่เคยสอนให้ใครเชื่อสิ่งใดโดยไม่พิสูจน์ กฎแห่งกรรมที่พระองค์ค้นพบเป็นกฏที่มีอยู่แล้วตามธรรมชาติ ไม่ใช่กฏที่พระองค์สร้างหรือบัญญัติขึ้น กฎนี้จึงเป็นกฏสากล ที่ไม่อาจยกเลิก เปลี่ยนแปลงได้ เป็นกฏที่มนุษย์และสัตว์ทุกชีวิตต้องได้รับผลนั้นอย่างแน่นอน ทุกเชื้อชาติ ทุกศาสนา ซึ่งเรียกว่า กฏแห่งกรรม
    กรรม แปลว่า การกระทำ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นการกระทำที่ดี หรือ การกระทำที่ชั่ว ก็เรียกว่า กรรม ทั้งสิ้น
    -ถ้าทำดี ก็เป็น กรรมดี เป็นกุศลกรรม เป็นบุญ หรือความดี ทำให้มีความสุขทุกชาติ
    -ตายแล้ว ไปสุคติภูมิ คือ ไปเกิดเป็นมนุษย์ ไปสวรรค์ พรหม หรือนิพพาน
    -ถ้าทำชั่ว ก็เป็น กรรมชั่ว เป็น อกุศลกรรม เป็นบาป หรือความชั่ว ทำให้มีความทุกข์ทุกชาติ
    -ตายแล้ว ไปทุคติภูมิ คือไปเกิดเป็นสัตว์นรก เปรต อสูรกาย สัตว์เดรัจฉาน
    พลังปราณ และพลังมโนธาตุ คือพลังงานชีวิต -จิตใตที่อยู่ในเซลล์เรา สิ่งมีชีวิตทุกชีวิตมีรหัสพันธุกรรมของ 2 ธาตุนี้ติดตัวมา ตั้งแต่กำเนิด เป็นสิ่งกำหนดชีวิต ทำให้เกิดความสุข ความทุกข์ ความสวย ความอัปลักษณ์ ความโง่ ความฉลาด ความพิการ ขี้โรค ความแข็งแรง ความจน ความรวย ฯลฯ ทุกสิ่งล้วนถูกกำหนดมาจากอดีตเหตุ ผลก้จะดับได้ ดังคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ว่า....
    ทุกสิ่งเกิดแต่เหตุ เหตุดับผลก้ดับ ไม่ว่าทุกข์กายหรือทุกข์ใจ แม้แต่สิว ฝ้า หายได้ด้วยการดับที่เหตุ
    เรามัวแต่หายา หาหมอ หาเครื่องสำอาง มาบำบัดปัญหาดังกล่าว โดยไม่เคยสนใจ ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงของปัญหา เราจึงไม่สามารถดับทุกข์ดับปัญหาได้จริง แต่กลับเพิ่มปัญหา เพิ่มทุกข์ เสียทั้งเงิน ทั้งเวลา เสียใจ เสียความรู้สึก เสียสุขภาพ ฯลฯ
    ปัญหาและอุปสรรคทั้งหลายที่เกิดขึ้นในชีวิตของเราทุกคน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสุขภาพ การเจ็บป่วยไข้ ปัญหาความรัก ปัญหาการงาน การเงิน หรือ ปัญหาผิวพรรณ ล้วนเกิดจากรรม คือ ผลของการกระทำของตัวเราเอง ทั้งสิ้น ซึ่งเราอาจทำขึ้น ในชาตินี้ หรืออดีตชาติ หรือ 2 ภพชาติหรือหลายภพชาติ ทำให้กรรมรวมกัน จนเกิดความทุกขืดังกล่าว ทั้งทางกายทางใจ
    บางครั้งความทุกข์ก็เริ่มที่กายก่อน แล้วก็ฉุดลากใจให้ทุกข์ตาม เช่น พอเป็นสิวฝ้าที่หน้า แต่ทุกข์นั้นก็เกิดกับใจด้วย หรือ บางครั้งปัญหาเริ่มที่ใจ พอเสียใจจากคนที่เรารัก พลัดพรากจากของรัก โกรธแค้นเคืองใคร น้อยใจ เสียใจ ไม่ได้ดั่งใจ...ก็เครียด จนนอนไม่หลับ ทุกข์ที่เกิดกับใจนั้น ก็ส่งผลให้ร่างกายเกิดปัญหาตามมาด้วย อาจจะปวดศีรษะ เจ็บป่วยไข้ ทรุดโทรม แก่เกินวัย ฯลฯ
    กายกับใจ จึงเป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้ ตราบใดที่เรายังต้องอาศัยกายหยาบนี้อยู่ เราจึงต้องดูแลเอาใจใส่ เลี้ยงดู ปรนนิบัติ ต่อกายและใจของเราให้เกิดความสมดุลกัน อย่างสม่ำเสมอ ทำอย่างง่ายๆทำอย่างต่อเนื่อง ทำอย่างสม่ำเสมอ ทำให้มากขึ้นเหมือนการทำความดี การทำบุยให้ทาน เพ่อให้ทัน และชดเชยกับความร่วงโรย และความเสื่อมตามธรรมชาติของสังขาร และวัตถุธาตุ
    กายและใจ จึงเป็นสิ่งที่แยกจากันไม่ได้ ตราบใดที่เรายังต้องอาศัยกายหยาบนี้อยู่ เราจึงต้องดูแลเอาใจใส่ เลี้ยงดู ปรนนิบัติ ต่อกายและใจของเราให้เกิดความสมดุลกัน อย่างสม่ำเสมอ ทำอย่างง่ายๆ ทำอย่างต่อเนื่อง ทำอย่างสม่ำเสมอ ทำให้มากขึ้น เหมือนการทำความดี การทำบุญให้ทาน เพื่อให้ทัน และชดเชยกับความร่วงโรย และความเสื่อมตามธรรมชาติของสังขาร และวัตถุธาตุ
    กายกับใจ เป็นธาตุ 2 ใน 6 ธาตุ ที่พระพุทธเจ้าได้ค้นพบ เป็นธาตุละเอียดที่ไม่สามารถเห็นได้ด้วยตาหยาบ เช่น เราเห็นคนที่แต่งตัวสวย แต่เราไม่ทราบว่าเขาป่วย หรือมีปัญหาความรัก ปัยหาความรัก ปัญหาการเงิน มีทุกข์ซ่อนอยู่ในใจ แม้แต่ตัวเราเอง บางครั้งเราก็ไม่ทราบว่า ได้ก่อเกิดโรคร้ายขึ้นแล้วหรือไม่ เช่น มะเร็ง เบาหวาน หัวใจ เอดส์ เป็นต้น
    ธาตุทั้ง 4 ซึ่งเป็นธาตุหยาบได้แก่ ธาตุดิน น้ำ ลม ไฟ ซึ่งเรารู้จัก และสัมผัสได้
    -ธาตุดิน คือกระดูก และของแข็งในกาย
    -ธาตุน้ำ คือเลือด น้ำเหลือง ของเหลวในกาย
    -ธาตุลม คืออากาศที่เราหายใจเข้าไป ออกซิเจนที่ฟอกโลหิตหล่อเลี้ยงเซลล์
    -ธาตุไฟ คือความอบอุ่น ความร้อน พลังงาน การสันดาป เราสัมผัสได้ ตรวจได้ด้วยเครื่องมือแพทย์
    ส่วนอีก 2 ธาตุ เป็นธาตุละเอียดที่มองไม่เห็น เครื่องมือแพทย์ตรวจจับไม่ได้ แต่ส่งผลจริงตามพระไตรปิฏก คือ
    -อากาศธาตุ หรือ พลังปราณ(p) เป็นธาตุกาย ธาตุชีวิต
    -มโนธาตุ หรือ ธาตุรู้ ธาตุแห่งการเกิด วิญญาณธาตุ (M)เป็นธาตุจิตใจ ธาตุความรู้สึก ทุกข์ สุข สิ่งมีชีวิตจำเป็นต้องอาศัยธาตุทั้ง 2/นี้หล่อเลี้ยง จึงจะเกิดสมดุล เกิดความสุขทั้งทางกายทางใจ ไม่เจ็บป่วย ไม่มีทุกข์
     
  2. ชัชวาล เพ่งวรรธนะ

    ชัชวาล เพ่งวรรธนะ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 กรกฎาคม 2008
    โพสต์:
    843
    ค่าพลัง:
    +4,120
    สรุปโดยย่อให้นะครับ..
    จิตใจมีผลต่อกาย จิตสะอาดกายก็สดใส
    ส่วนการหนีกรรม พุทธศาสนาไม่เคยสอนให้หนีแต่สอนให้รู้ เพราะถ้ารู้จะเข้าใจ
    ในความจริง เมื่อเข้าใจจึงละ เมื่อรู้จักละก็รู้การดับครับ^^
     
  3. อิติปิโส_ภควา

    อิติปิโส_ภควา เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    199
    ค่าพลัง:
    +242
    อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ใช่ค่ะพระพุทธศาสนาไม่สอนให้หนีกรรมค่ะ เราหนีกรรมไม่ได้ อยู่ที่ว่าจะได้อะไรก่อนอะไรแค่นั้นเอง...
     

แชร์หน้านี้

Loading...