ควันมรณะ

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 15 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    นิรมล" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อพี่ชายต้องตายเพราะควันบุหรี่

    ดิฉันเคยทราบว่าบุหรี่มีพิษภัยมากที่สุด คนติดบุหรี่ก็คือคนที่เจตนาฆ่าตัวตายด้วยวิธีผ่อนส่ง แต่ก็ยังไม่เคยพบกับเหตุการณ์น่ากลัวกับตัวเอง เพราะสามีก็ไม่สูบบุหรี่เพื่อนๆ ผู้หญิงที่ทำงานก็เช่นกัน

    มีเพื่อนผู้ชายสูบบุหรี่หลายคน แต่ส่วนมากรู้ว่าเราไม่ชอบก็จะงดสูบเวลาพูดคุยกัน บางคนไม่สนใจหรืออดสูบไม่ได้ พวกเราต้องขอร้องบ้าง ห้ามบ้าง บางทีก็ต้องเดินหนีเลย ไม่ได้รังเกียจคนสูบบุหรี่แต่เหม็นควันค่ะ เพื่อนผู้หญิงบางคนถึงกับพูดตรงๆ ว่า

    "คนสูบได้รับควันพิษมากแค่ไหน คนไม่สูบแต่ต้องสูดควันจากปลายบุหรี่น่ะ ต้องได้รับพิษร้ายมากกว่าถึง 10 เท่า รู้เอาไว้ด้วย!"

    เดี๋ยวนี้คนสูบบุหรี่เลยกลายเป็นพลเมืองชั้น 2 เพราะทุกแห่งก็ห้ามสูบบุหรี่ทั้งนั้น ไม่ว่าในร้านอาหาร โรงหนัง รถโดยสาร ศูนย์การค้า บริษัทห้างร้าน โรงเรียน โรงพยาบาล ฯลฯ ขนาดในห้องน้ำก็ติดป้ายห้ามสูบบุหรี่ ใครฝ่าฝืนมีโทษปรับ 2,000 บาท

    ไม่ช้าคงจะห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ รวมทั้งตามถนนหนทางต่างๆ แน่นอนค่ะ เพราะควันพิษจากท่อไอเสียรถราต่างๆ ก็มากพออยู่แล้ว

    จนกระทั่งได้ประสบกับเรื่องขุนหัวลุกด้วยตนเอง เพราะบุหรี่เป็นต้นเหตุ

    พี่ชายดิฉันอายุต้น 40 ติดบุหรี่มาเกือบ 20 ปีแล้ว เคยขอร้องให้เลิกก็ไม่เชื่อ กลับอวดว่าเอกซเรย์ก็เห็นปอดเขาขาวสะอาดทุกครั้ง แต่ดิฉันแย้งว่าเห็นเขากระแอมกระไอบ่อยๆ มีเสมหะมากขึ้น ลมหายใจก็เหม็น...ข้อสำคัญคือบุหรี่ไม่ได้เล่นงานปอดเท่านั้น แต่ยังทำให้เกิดโรคต่างๆ อีกเกือบ 30 ชนิดด้วย

    ถ้าเป็นอะไรไปไม่สงสารลูกเมียบ้างหรือ?

    พี่ชายเป็นคนดื้อหรือใจอ่อนก็ไม่ทราบค่ะ เถียงว่าเขาก็อยากเลิกเหมือนกันแต่ยังเลิกไม่ได้ ถึงยังไงก็ดีกว่าเพื่อนๆ ส่วนมากที่ทั้งดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ ดิฉันว่าดื่มเหล้ายังดีกว่าสูบบุหรี่ เพราะช่วยเจริญอาหาร หัวใจสูบฉีดเลือดได้ดี แต่อย่าดื่มจนขาดสติแล้วกัน

    ได้ข่าวอีกที พี่ชายถุงลมโป่งพองเสียแล้ว เขาพยายามเลิกบุหรี่และกินยาไปด้วย จนอาการทรุดหนักลงต้องไปนอนโรงพยาบาล

    เมื่อดิฉันไปเยี่ยมก็ใจหาย เห็นผอมซูบผิดตา หน้าซีดเซียว พูดจาเสียงแหบแห้ง..พอค่อยชั่วออกมาทำงานได้ไม่นานก็ต้องเข้าโรงพยาบาลอีกแล้ว

    ในที่สุดก็ทรุดหนักจนต้องเข้าห้องไอซียู หมอบอกว่าปอดถูกทำลายไปกว่าครึ่ง ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ มีสายระโยงระยางตามใบหน้าและเนื้อตัวเต็มไปหมด จนดิฉันกลั้นน้ำตาไม่อยู่ พี่สะใภ้ก็ร้องไห้กอดลูกๆ ที่ทำตาแดงๆ เพราะความเศร้าสลดที่ได้เห็นสภาพน่าสังเวชของสามี

    มองเห็นแล้วขนลุก ใจหายอย่างบอกไม่ถูกค่ะ

    ขณะนั้นพี่ชายอายุราว 44-45 ปี ยังอยู่ในวัยทำงาน ลูกเต้าอีก 3 คนก็ยังเรียนหนังสือ แต่เขาต้องมานอนแซ่ว บางทีก็น้ำตาไหลรินเพราะพิษภัยของบุหรี่แท้ๆ

    ดิฉันเคยอ่านพบว่า มีคนไทยเสียชีวิตจากโรคที่มีผลเนื่องจากสูบบุหรี่ปีละ 42,000 หรือวันละ 115 คน หรือชั่วโมงละ 5 คน แต่ก็เป็นสถิติเมื่อหลายปีมาแล้ว ถ้าคิดในปัจจุบันอาจจะเสียชีวิตเพิ่มเป็น 5-6 หมื่นคน หรือตายชั่วโมงละ 7-8 คน ก็ได้ค่ะ เพราะมีคนเลิกสูบบุหรี่น้อยกว่าคนที่เริ่มสูบบุหรี่ โดยเฉพาะวัยรุ่น ถือว่าเป็นค่านิยมที่ผิดมากๆ

    ส่วนมากจะทนทุกข์ทรมานเป็นเวลานานกว่าจะตายทั้งนั้นแหละค่ะ!

    แทบไม่น่าเชื่อว่า ในการจัดอันดับการเสพติด พบว่านิโคตินในบุหรี่มีฤทธิ์ในการเสพติดมากกว่า เฮโรอีน โคเคน เหล้า กาเฟอีน และกัญชา..คนที่ติดบุหรี่ก็คือคนที่ติดสารนิโคตินในบุหรี่นั่นเอง

    สารปรุงรสต่างๆ ในบุหรี่ก็ล้วนแต่มีพิษภัยต่ออวัยวะทุกส่วนในร่างกายทั้งนั้น ทำให้อ่อนแอ ติดเชื้อง่าย คนสูบบุหรี่มักดูสกปรก ฟันเป็นคราบ ปากเหม็น นับวันก็ยิ่งมีคนรังเกียจมากขึ้น

    พี่ชายดิฉันเคยบอกว่าเขาแข็งแรงดี สูบบุหรี่ทำให้สมองแล่น..เดี๋ยวนี้เขายอมรับแล้วว่าควันบุหรี่ที่เขาหลงใหลมานานนั้น ที่แท้ก็คือควันมฤตยู ควันพิษ ที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่ชีวิตตัวเองและอนาคตของลูกเมียด้วย...เขามารู้ความจริงเมื่อสายไปแล้ว

    อีกราวสองเดือนต่อมา พี่ชายดิฉันก็เสียชีวิต

    พี่สะใภ้เศร้าโศกแทบหมดกำลังใจ ถ้าไม่ห่วงลูกๆ เธอคงทนอยู่ไม่ได้แน่..เล่าว่าก่อนตายพี่ชายดิฉันน้ำตาไหล แววตาทั้งเศร้าทั้งวิงวอน คล้ายจะขอให้เธอยกโทษให้เขาด้วย...เธอกลั้นน้ำตาไม่อยู่ขณะจับมือเย็นชืดของสามีไว้ บอกว่าเธอให้อภัย

    วันเผาศพพี่ชายเป็นวันเศร้าสลดที่สุดในชีวิตดิฉัน แม่ร้องไห้พลางกอดหลานคนเล็กไว้ ดิฉันไม่เคยเห็นพ่อร้องไห้มาก่อน แต่วันนั้นเห็นพ่อนั่งตัวตรง เงยหน้านิ่งเงียบ...คล้ายจะไม่ให้ใครเห็นน้ำใสๆ ที่อาจไหลรินลงมาจากนัยน์ตาก็เป็นได้

    ขณะที่มองควันสีเทาล่องลอยขึ้นจากปล่อยเมรุ ดิฉันอาจจะคิดมากจนอุปาทานไปเอง จนมองเห็นภาพใบหน้าพี่ชายก้มลงมองเศร้าๆ ก่อนจะกระจัดกระจายไปกับสายลม แต่ดิฉันก็ขนลุกซ่าไปทั้งตัวค่ะ

    คอลัมน์ ขนหัวลุก
    โดย ใบหนาด
    - ข่าวสด
     

แชร์หน้านี้

Loading...