คนที่เป็นปอบ จะมีจิตวิญญาณมากกว่าหนึ่งดวงจิต ทั้งยังมีวิธีถ่ายทอดทายาทดังนี้

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย ชาไม่รู้, 27 มีนาคม 2009.

  1. ชาไม่รู้

    ชาไม่รู้ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    485
    ค่าพลัง:
    +878
    อันตรายของจิตวิญญาณแฝงและการแก้ไข

    คนที่เป็นปอบ จะมีจิตวิญญาณมากกว่าหนึ่ง ทั้งยังมีวิธีถ่ายทอดทายาทดังนี้



    กายสังขารหนึ่งๆ ไม่จำเป็นต้องมีจิตวิญญาณดวงเดียว

    หลายท่านคิดว่ากายสังขารหนึ่งกายต้องมีจิตดวงเดียว แต่ความเป็นจริง กายสังขารแต่ละกายอาจมีดวงจิตหนึ่งดวง หรือไม่ใช่หนึ่งดวงก็ได้ ขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัยต่างๆ อาทิเช่น คนที่มีจิตวิญญาณสิงหรือแทรกอยู่ ก็มีจิตมากกว่าหนึ่งดวงในกาย เช่น คนที่มีปอบหรือกระสือ จะมีจิตวิญญาณที่เป็นปอบหรือกระสืออาศัยในกายนั้นด้วย จิตที่สิงหรือแทรกอยู่นี้ มีเหตุปัจจัยให้มาอยู่ร่วมกับจิตเจ้าของกายสังขารนั้นๆ บางดวงจิตจรมาครั้งคราว บางดวงจิตมาอยู่จนกระทั่งตายจากกัน อาจด้วยความอาฆาตแค้นที่มีต่อกันจึงไม่ยอมปล่อยเจ้าของร่าง บางดวงมาสร้างบุญบารมีร่วมกัน แต่บางดวงจิตก็มาชำระสะสางกรรมต่อกัน ทำให้มีการกระทบกระทั่งทำร้ายกัน แตกต่างกันออกไป จะยึดมั่นถือมั่นเอาสุดโต่งทางใดทางเดียวไม่ได้ การจะทราบได้ว่าในกายสังขารของแต่ละท่านมีจิตวิญญาณกี่ดวง และเข้ามาแบบจรเป็นครั้งคราวหรือถาวร และเข้ามาร่วมบุญบารมีหรือชำระกรรมได้นั้น จำต้องมีการศึกษา มีความชำนาญในการพิจารณาดูจิตในจิต และดูกายในกาย



    แม้มีตาทิพย์ก็อาจวินิจฉัยจิตวิญญาณทั้งหมดที่อาศัยในกาย พลาดได้

    สำหรับท่านที่มีตาทิพย์จะมองได้ไม่ยาก แต่บางครั้งจิตที่จรไปมาก็ทำให้ตาทิพย์วินิจฉัยพลาดได้ นอกจากนี้ บางจิตวิญญาณไม่ได้เข้ามาอาศัยในร่างกาย เพียงแค่พลังบางส่วนก็สามารถทำให้เจ้าของร่างมีลักษณะเป็นไปตามพลังนั้นๆ ได้ เช่น ในกลุ่มคนทรงเจ้า เป็นต้น ทำให้การใช้ตาทิพย์วินิจฉัยผิดพลาดไปใหญ่ อาจด้วยเพราะจิตวิญญาณนั้นๆ ไม่ต้องการให้ผู้มีตาทิพย์ทราบนั่นเอง เช่น การใช้ตาทิพย์ดูคนทรงเจ้า บางครั้ง ก็อาจมองไม่เห็นกายทิพย์หรือจิตวิญญาณของเทพที่เข้าทรง ทำให้เกิดการปรามาสว่าหลอกลวงกัน แท้แล้ว อาจหลอกลวงจริง หรือหลอกลวงบางส่วน หรือไม่ลอกลวงเลยก็ได้ อธิบายอย่างนี้ ที่หลอกลวงจริงเพราะไม่มีเทพนั้นเกี่ยวข้องในการเข้าทรงเลยก็มี, ที่หลอกลวงบางส่วนเพราะเทพองค์นั้นๆ อาจส่งพลังมาให้จริง แต่คนทรงได้แต่งเสริมเติมข้อความไปเพื่อประโยชน์ส่วนตนก็ได้, ที่ไม่หลอกลวงเลย เพราะเทพองค์นั้นๆ ส่งพลังมาจริงๆ แต่ตาทิพย์มองไม่เห็นเพราะพลังละเอียดมาก อีกทั้งคนทรงก็ไม่ได้แต่งเสริมใดๆ ทำหน้าที่ไปตามตรง อันนี้ เป็นไปได้ทั้งสามกรณี ต้องพิจารณาด้วยปัญญาและญาณไปเป็นกรณีๆ ไป ไม่อาจยึดมั่นถือมั่นข้อสรุปไปใช้ได้กับทุกกรณี ในการวินิจฉัยเรื่องจิตวิญญาณในกายสังขาร จึงต้องวินิจฉัยให้ชัดว่ามีจิต, วิญญาณ หรือเพียงพลังบางส่วนอยู่บ้าง



    จิตวิญญาณมากกว่าหนึ่งดวง จะแย่งกันครองความเป็นใหญ่ในกายสังขาร

    อันธรรมทั้งหลายล้วนมีใจเป็นประธาน กายสังขารหนึ่งๆ ถ้ามีจิตมากกว่าหนึ่งดวงแล้ว ก็จะมีใจเป็นประธานของจิตทุกดวง ถ้าใจเราอยากให้จิตดวงใดเป็นใหญ่ หรือให้ออกจากร่างไปก็สามารถทำได้ กรณีที่ใจมีพลังมากพอหรือฝึกฤทธิ์ทางใจ ( มโนมยิทธิ) มาระดับหนึ่ง แต่ถ้าพลังใจน้อยกว่าพลังจิตบางดวง ก็อาจถูกจิตดวงนั้นๆ ครอบงำได้เหมือนกัน เช่น ในคนที่มีจิตวิญญาณปอบหรือกระสืออาศัยอยู่ หากใจห่อเหี่ยวไม่มีกำลังใจแล้ว ยิ่งทำให้จิตวิญญาณของปอบหรือกระสือยิ่งครอบงำร่างกายนั้นได้มากขึ้น จิตวิญญาณแต่ละดวงล้วนมีจิต คิดได้ ชอบและเกลียดได้เหมือนเทพเทวดาหรือกายทิพย์ที่มีจิตทั่วไป ดังนั้น เมื่อมาอาศัยในกายสังขารเดียวกันแล้ว จึงแตกแยก ไม่สามัคคีกัน ทั้งยังแย่งกันเป็นใหญ่ในกายสังขารนั้นๆ ก็ได้ เช่น ในคนที่มีจิตวิญญาณปอบอาศัย ปอบจะครอบงำร่างกายและจิตวิญญาณเดิมของเจ้าของร่าง เพื่อเป็นใหญ่ในกายสังขารนั้นๆ ในคนที่มีจิตวิญญาณอื่นๆ ที่ไม่ใช่ปอบหรือกระสือก็สามารถพบเหตุการณ์เดียวกันนี้ได้ เช่น ในคนที่เลี้ยงผีพราย, ยักษ์, กุมารทอง, มังกรทอง ฯลฯ จิตวิญญาณเหล่านี้ ล้วนอาศัยแทรกอยู่ในกายสังขารของผู้เลี้ยงทั้งสิ้น และรอคอยวันที่ใจอ่อนกำลังลง ขาดกำลังใจ หรือจิตวิญญาณเดิมอ่อนล้าหมดพลัง ก็จะทำการยึดครองร่างนั้นๆ ในที่สุด เช่น ในกลุ่มหมอผีที่เลี้ยงผีพราย หากหมดสิ้นวิชชาอาคม ผีพรายก็สามารถยึดครองกายสังขารนั้นได้



    จิตวิญญาณปอบทำอย่างไรกับจิตวิญญาณเจ้าของร่าง?

    คนที่มีปอบอาศัยในกายสังขาร ถ้าปอบครอบงำเต็มที่ ปอบจะรอคอยเวลาเจ้าของร่างตาย เมื่อตายลงปอบจะรอจังหวะสับเปลี่ยนจิตวิญญาณ กล่าวคือ กายทิพย์หรือวิญญาณจะมีสองวิญญาณ วิญญาณหนึ่งเป็นของเจ้าของร่าง วิญญาณหนึ่งเป็นปอบ วิญญาณทั้งสองจะดับสลายไม่พร้อมกัน ถ้าวิญญาณของเจ้าของร่างมีบุญมากกว่าปอบ ปอบจะรอให้วิญญาณนี้ดับสลายลง แล้วจิตของปอบจึงจะจุติออกไปจากร่าง ปอบก็หลุดพ้นจากความเป็นปอบแล้วจุติใหม่ได้วิญญาณเท่ากับบุญที่กายทิพย์ที่สลายนั้นมีอยู่ ส่วนเจ้าของร่างจะถูกปอบกักขังดวงจิตไว้ก่อน จนกระทั่งวิญญาณที่ปอบทิ้งไว้ดับสลายลง ดวงจิตของเจ้าของร่างก็จะจุติโดยออกไปขณะวิญญาณปอบสลาย แล้วเกิดใหม่เป็นปอบ แทนปอบตัวเก่า นี่คือ วิธีที่ปอบจะพ้นจากความเป็นปอบ ปอบบางตนเดิมได้ร่างที่มีบุญน้อย ก็จะหาร่างใหม่ที่มีบุญพอให้ตนหลุดพ้นความเป็นปอบ แล้วถ่ายทอดความเป็นปอบให้เจ้าของร่างรับช่วงแทน อย่างนี้อาจเรียกได้ง่ายๆ ว่า
     

แชร์หน้านี้

Loading...