ขอถามเกี่ยวกะเทพฮินดูหน่อยครับ ไม่รู้ต้องทำตัวยังไง

ผมอาจจะมีคำตอบในใจแล้ว แต่อยากฟังความเห็นครับ Fantasy นิดนึง
อาจจะมีเหล่าสาวกเทพพระพ่อพระแม่ทั้งหลายไม่พอใจก็ขอโทษด้วยครับ แต่ที่เขียนก็คือความจริง

คือว่าหลายปีก่อน จากชีวิตที่ดำเนินมาเรียบง่ายก็พบอุปสรรคต่างๆนาๆ
ทั้งความรัก การงาน สุขภาพ การเงิน ครบเลยมาพร้อมกัน -*-
แต่ที่เจ็บหนักคือความรัก บุญหรือกรรมก็ไม่รู้ก็พาตัวเองไปขอพึงพาบารมีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์แทบจะทุกอย่างที่พอจะมีอยู่ในโลกนี้ แต่ที่เน้นหนักแล้วเข้าไปพัวพันมากที่สุดก็คือเทพฮินดูแล้วก็ได้รับการบอกกล่าวว่าเรามีพระแม่อุมา ทุรคา ลักษมี กวนอิมคอยช่วยเหลือดูแล เราเลยปฏิบัติเพื่อขอให้ท่านๆช่วยเหลือขอให้คนรักกลับมา จริงบ้างไม่จริงบ้างเพราะเราก็ไม่รู้ไม่ได้มีญานวิเศษ จนเวลาผ่านไปด้วยความเจ็บปวดสาหัส และไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยจากคำขอร้องของเราต่อองค์เทพต่างๆโดยเฉพาะพระแม่อุมาเทวี จึงหมดศรัทธาต่อพระแม่ต่างๆนาๆเหมารวมทั้งเทพฮินดูทั้งหมด เอาทุกสิ่งทุกอย่างไปไว้ที่วัด (ตอนแรกจะทิ้งถังขยะแต่ก็ยังคิดได้นิดนึง) จากนั้นมาก็ไม่ได้ทำอะไร ปล่อยไปตามยถากรรมเพราะไม่รู้จะไปอ้อนวอนขอร้องกับใคร เพราะขนาดท่านเทพทั้งหลายยังไม่ช่วยอะไรเลย ปล่อยให้ใจมันเจ็บให้ชินไปเอง
แต่เหมือนจะยังมีเทพองค์อื่นๆเข้ามาในชีวิตโดยได้รู้จักกับคนที่มีญานต่างๆออกไปเช่นพระตรี พระนารายณ์ ซึ่งเขาก็ทำนายทายทักเรื่องที่ผ่านมาได้ตรง แต่เราก็ไม่อะไรแล้ว เพราะก็ไม่รู้ว่าจะยังไงต่อ ช่วยได้มั้ยก็ไม่ ก็เฉยๆ บวกกับอคติ ชาตินี้ชาติไหนๆฉันจะไม่บูชาเทพฮินดูแล้ว
มีปัญหาอะไรก็ไหว้พระขอพรเอา จนได้ยึดเหนี่ยวเอาพระพุทธศาสนาเป็นที่พึ่งสูงสุดของชีวิต เข้าใจกฏแห่งกรรมตราบจนถึงทุกวันนี้
เวลาก็ผ่านมานานหลายปี ทุกวันนี้ความเจ็บปวดมีอยู่ทุกวันแต่มันชินชา เรื่องเทพฮินดูก็ยังมีในวิถีชีวิต แต่ก็เฉยๆเสียมากกว่า ไม่ค่อยยินดียินร้าย ผสมกับหมดศรัทธาหมดไฟต่อเหล่าเทพ เพราะยังไงก็ช่วยฉันไม่ได้หรอก แต่ก็มีเหตุการณ์มีคนมาทำนายทายทักและแนะนำอยู่บ้างว่าให้ไหว้ท่านเถิด ท่านยังไม่ไปไหน คงเพราะวันเวลาผ่านไป หัวใจมันชินชาต่อเรื่องความรักอ่ะครับ ไม่ศรัทธาในความรักก็ไม่จำเป็นต้องขอ ก็เลยอืมไหว้ก็ได้ แต่ก็ไม่ได้ขออะไรเพราะคิดว่าขอไปก็เท่านั้นแหละ ไหว้เฉยๆก็พอ

ช่วงน้ำท่วมมีพี่คนนึงซึ่งเป็นพี่ของเพื่อนในเฟสบุ้คไปเจอรูปเราในเฟสบุ้คของเพื่อนแล้วเหมือนเขาสื่อได้และได้รับการบอกกล่าวอ่ะครับ เพื่อนเราจึงบอกมาถึงสิ่งที่ค้างคา จนผมได้คุยกับพี่เค้า เขาบอกว่าเขาไม่ได้ไม่เสียเพียงได้รับการบอกผ่านมา ว่าพระแม่ยังอยู่ประมาณนี้อ่ะครับ บอกว่าที่ผ่านมาเขาไม่ได้รับบุญจากเราเลย ก็เลยไม่ช่วยหรืออะไรประมาณนี้อ่ะครับ เราทิ้งเขาเขาก็เลยทิ้งเราบ้าง เขาว่าเป็นพระแม่ทุรคา ซึ่งก็ตรงกับหลายๆที่ที่เคยบอกไว้ ก็บอกว่าให้เราทำสมาธิแล้วเราจะเจอความรักอีกครั้งไรงี้ แต่ทุกวันนี้ผมก็สวดมนต์นะคับแต่ไม่ได้นั่งสมาธิ ซึ่งก็จริง พี่เขาบอกว่าเราสวดมนต์อย่างเดียว เขาได้รับน้อย เขาบอกว่ากับแฟนเก่าพระแม่พาเขาออกไปจากชีวิตเราเองเพราะไม่เหมาะสมกัน สงสัยว่ามีสิทธิ์อะไร พระแม่ก็เสียใจที่ทำให้เราเจ็บหนัก บลาๆ....จบที่แล้วแต่ว่าผมจะทำหรือไม่ทำ ไม่ได้เกี่ยวกับพระแม่อะไร ทำเองได้เอง คือทำสมาธินะครับ

คำถามคือ (ลองช่วยวิเคราะห์หน่อยครับ)
ชีวิตเราเทพเจ้าลิขิตได้ด้วยหรือ
เราจะสวดมนต์จะทำสมาธิแล้วถ้าเราอุทิศให้เขาแล้วเขาจะช่วยเราได้เหรอ
จุดประสงค์คืออะไรจากการบอกกล่าวครั้งนี้
ตอนนี้ผมนับถือพระพุทธเจ้าสูงสุด พระสาวก ผมควรทำอย่างไรครับ
ทำบุญสวดมนต์ ทำสมาธิแล้วอุทิศบุญให้พระแม่ทุรคาเหรอ แต่ทุกครั้งก็บอกว่าให้แก่เทพเทวดาที่คุ้มครองเราไรงี้นะ
ไม่รู้จะทำตัวยังไง (คงทำแบบเดิมแหละ สวดมนต์ ทำสามธิบ้าง ตอนอุทิศบุญคงจะมีกล่าวชื่อพระแม่ทุรคาเข้าไปด้วย) เพราะทุกอย่างมันสายไปแล้วนะผมคิดว่างั้น

 

ขนาด พ่อแม่ มีลูก ยังเป็นบ่วง คือมีทุกข์เลยครับ .. พุทธศาสนา รวมสู่ความสงบ โดยการไม่ยึดติด ถ้าติดโน่นติดนี่ คือมีบ่วงยึดติด ก็คือทุกข์ .. คนเรากลับมาเวียนว่ายตายเกิด เป็นพี่น้อง พ่อแม่ ลุงป้า ตายาย กันนี้ ก็เคยมีกรรมร่วมกันมาทั้งนั้น .. ถ้าเราไม่ยึดแม้กระทั่งพ่อแม่ ไม่ได้หมายความว่า ทิ้งละเลย ไม่สนใจ ไม่ใช่นะ ไม่ยึดติดหมายถึงว่า หมดห่วง หมดอาลัยอาวรณ์ เข้าใจความเป็นจริงของการเกิดแก่เจ็บตาย .. พ่อแม่ ก็คือคนเหมือนเรามีร่างกายจากธาตุ ดิน น้ำ ลม ไฟ แต่ท่านเป็นผู้ให้กำเนิด ดังนั้น บิดา มารดา ก็คือ พระพรหม ของลูกนั่นเอง แต่นั่นต้องอย่าลืมว่า จิตเรามาเอง หลายภพหลายชาติแล้วที่จิตเรา เกิด เป็นสัตว์บ้าง คนบ้าง เทวดา บ้าง จิตเราท่องไปต่างๆ อาศัยบิดามารดามาเกิด เช่นกันถ้าเรามีลูก จิตของลูกเราก็มาเอง เราไม่ได้ให้กำเนิดจิตของลูกด้วย.. สรุปคือ ถ้าเราห่วงลูกยึดติดมาก เมื่อลูกป่วย ทำตัวเกเรไม่ได้ดั่งใจ เราก็ทุกข์มาก.. ถ้าเราไม่มีลูก เราก็ไม่ทุกข์ หรือ ถ้าเราไม่มี แต่ใจอยากมี ก็เป็นทุกข์ เพราะยึดติดว่าอยากมี............... ถ้าเราอยากหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด.. การปฏิบัติเพื่อให้บรรลุพระโสดาบัน คือพระอริยบุคคลขั้นต้น จะมาเกิดอีกไม่เกิน 7 ชาติ อย่างน้อย 1.ต้องละ สักกายะฐิถิ คือความยึดมั่นถือมั่นในร่างกาย ตัวตน ละตัวกูของกู.. 2. ต้องละ สีลัพพปรามาส คือ ศีลวัตรนอกศาสนา พิธีกรรมแปลกๆ ให้ละ เชื่อกฏแห่งกรรม รักพระนิพพาน ให้ถือศีล 5 บริสุทธิ์ต่อเนื่องตลอดชีวิต ไม่ใช่ทำๆ ขาดๆ 3. วิจิกิจฉา คือ ความลังเลสงสัย ในพระรัตนตรัย ต้องละ วิจิกิจฉา เคารพพระรัตนตรัยสูงสุด ไม่ลังเลสงสัย ในบาป บุญ กฏแห่งกรรม เราจะปฏิบัติถึงพระนิพพานได้ ไม่มีใครพาไปได้ พระพุทธองค์เป็นเพียงแต่ผู้บอกทาง เราต้องทำเอง ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน..................................... สุดท้าย ความไม่ยึดมั่นถือมั่น แม้แต่คนที่เรารักที่สุด การพัดพราก ย่อมเกิดเป็นธรรมดา .. ความอยากได้ ความอยากไปให้ถึง ความอยากมี อยากเป็นนั่นนี่ ถ้าเราละได้ วางสงบ ก็ไม่ต้องกลัวอะไร แผ่เมตตา สื่อให้เขาเข้าใจ

 

เทพฮินดูมีจริงครับ แต่ว่าทางศาสนาพุทธไม่ได้ชื่อแบบนั้น

เช่น พระพิฆเนศ ก็จะเป็น ท่านท้าวมเหศัก เป็นต้นครับ

พระอิศวร ทางพุทธถือว่าเป็นพ่อปู่พระ อินทร์นั่นเอง

ดังนั้นชายาของพระอิศวร ก็คือ ท่านย่า นั้นเอง

แต่มีจริงครับ กราบไหว้ท่านเถอะ แค่ชื่อเรียกต่างกันเท่านั้น

เขาช่วยเราได้ แต่ต้องไม่เกินกฏแห่งกรรม อันไหนเกินกำลังท่านก็จะวางอุเบกขาครับ

 

ถ้าเรามีศรัทธาในอะไรก็แล้วแต่ ไม่ว่าจะเป็นพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์
เทพ พรหม เทวดา สิ่งที่เราจะทำให้ท่านเหล่านี้ได้มากที่สุดคือการปฏิบัติบูชา
คือท่านถือปฏิปทาใดเราก็สานต่อปฏิปทนานั้น ถือเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระของ
ท่าน และศรัทธาแบบนี้มีแต่จะเพิ่มขึ้นทุกวันเพราะเป็นศรัทธาอย่างแท้จริง ไม่มี
ข้อแลกเปลี่ยนว่าท่านนั้นจงบันดาลความสำเร็จ ความสมหวังให้ก่อนแล้วจึงจะทำ
อะไรให้ แบบนั้นมันเหมือนการค้าขายแลกเปลี่ยน ขายศรัทธาแลกความสำเร็จ
ถ้าเราปฏิบัติบูชาได้เราก็ไม่ต้องมานั่งกังวลว่าท่านจะประทานสิ่งนั้นสิ่งนี้ให้เรา
หรือไม่ และยิ่งเราสานต่อปฏิปทาท่านได้อุทิศบุญให้ท่านขอให้ท่านโมทนา ยินดี
กับเราท่านก็จะยินดีกับเราได้มากเป็นบุญต่อบุญอีก

 

เทพเจ้า เทวดา ทั้งหลาย ช่วยดลใจได้ครับ
แต่ถ้าเราไม่เอื้อเฟื้อ ไม่เคารพ ให้พวกท่านเหล่านั้นก่อนเลย ไฉนเลย ท่านเหล่านั้นจะช่วยเรา

ส่วนตัวผมเอง ก็ถือว่าท่านเหล่านั้นเป็นผู้ที่มีภพภูมิสูงกว่ามนุษย์เยอะ ก็กราบไหว้อย่างจริงใจเมื่อเจอนะครับ แต่ไม่ได้ถือเป็นสรณะ เหมือน พระพุทธ พระธรรม พระอริยสงฆ์ ครับ

 

โอ๊ย........................................ลองขอพระพุทธเจ้าดูสิ ขอยังไงก็อด
แล้วถ้าคนรักไม่ใช่คู่แท้ของคุณล่ะ ถ้าเทพเจ้าดลให้กลับมาจริง แต่ไม่ใช่เนื้อคู่ของคุณ ใครผิดเทพเจ้าก็ผิด คุณคิดหรอว่าความคิดของคุณมันดีประเสริฐพอ เราต้องเห็นตนว่าทำไมเราถึงไม่ได้เพราะอะไร

 

ไม่ได้บอกว่าความคิดผมประเสริฐสักหน่อยนะ และเรื่องขอมันเป็นอดีตไปแล้วครับ ถึงได้บอกว่าปัจจุบันไม่ได้หวังอะไรแล้วกะที่เคยขอกับพวกเขา
แค่สงสัยว่าควรจะทำยังไง เรานับถือพระพุทธเจ้าเป็นหนึ่งแล้ว ควรจะปฏิบัติยังไงต่อพวกเขา แล้วที่มาบอกเพื่ออะไรน่ะครับ

รบกวนอ่านให้ถ่องด้วยนะครับ

 

คำถามคือ (ลองช่วยวิเคราะห์หน่อยครับ)
ชีวิตเราเทพเจ้าลิขิตได้ด้วยหรือ
เราจะสวดมนต์จะทำสมาธิแล้วถ้าเราอุทิศให้เขาแล้วเขาจะช่วยเราได้เหรอ
จุดประสงค์คืออะไรจากการบอกกล่าวครั้งนี้
ตอนนี้ผมนับถือพระพุทธเจ้าสูงสุด พระสาวก ผมควรทำอย่างไรครับ
ทำบุญสวดมนต์ ทำสมาธิแล้วอุทิศบุญให้พระแม่ทุรคาเหรอ แต่ทุกครั้งก็บอกว่าให้แก่เทพเทวดาที่คุ้มครองเราไรงี้นะ
ไม่รู้จะทำตัวยังไง (คงทำแบบเดิมแหละ สวดมนต์ ทำสามธิบ้าง ตอนอุทิศบุญคงจะมีกล่าวชื่อพระแม่ทุรคาเข้าไปด้วย) เพราะทุกอย่างมันสายไปแล้วนะผมคิดว่างั้น

คำตอบก็คือ
ชีวิตเราเทพเจ้าลิขิตได้ หากผู้นั้นมีกรรมสัมพันธ์กับเทพเจ้าองค์นั้นๆ หรือก็คือเจ้ากรรมนายเวรนั่นเอง

จะบอกให้นะ ทุกคนที่เกิดมาล้วนมีองค์เทพคุ้มครองและหากรู้้ว่าเป็นองค์ไหน บูชาได้ถูกตัวถูกตน ขอได้ทุกเรื่องที่ไม่ผิดศีลธรรม ยกเว้น...ขอกันมั่วซั่ว อยู่กับองค์นี้แต่ไปขอกับองค์นั้น สรรเสริญองค์ที่ไม่ใช่ของตัวของตน คุ้มครองดูแลมาตั้งแต่เล็กแต่น้อย ดันไปเห็นคนอื่นดีกว่า ใครเขาจะช่วย

เคยได้ยินคำนี้มั้ย "มนุษย์....เหม็น เคี่ยวเข็ญเทวดา" พอไม่ได้ก็บอกว่าไม่ดี กราบไหว้แบบไหนล่ะ ยกมือประกบ ปะลกๆ หรือเปล่า

นับถือพระรัตนตรัยน่ะ ถูกแล้ว เลือกเอาซักทาง จะไปทางพุทธหรือไปทางเทพ ถ้าจะไปทั้งสองทางก็ต้องรู้จักการจัดการตัวเอง คิดก่อนทำ

การทำบุญทำกุศลใดๆ ไม่ว่าจะเป็นการสวดมนต์ นั่งสมาธิหรือตักบาตร สร้างโบส์ถ สร้างวิหาร ศาลาการเปรียญฯ ให้แผ่บุญไม่ใช่อุทิศบุญ เพราะองค์เทพเหล่านั้นไม่ใช่ดวงวิญาณทุกขเวทนา ไม่ต้องมารอรับส่วนบุญ ท่านเหล่านั้นทำบุญไว้ดีแล้วถึงได้ไปสู่ภพภูมิเทพเทวา การแผ่บุญเปรียบเสมือนการระลึกถึงคุณของท่านที่คุ้มครองดูแลเรา

อีกเรื่องนะ ที่บอกว่าคุณไม่สมหวังเรื่องความรักเป็นเพราะองค์ของคุณทำให้พลัดพราก โอ้ย...ไมรู้ว่าคิดได้ยังไง "รำไม่ดีโทษปี่โทษกลอง" ท่านจะมายุ่งอะไรด้วย เหล่าเทพเทวาล้วนศรัทธาในพระพุทธเจ้า ฟังธรรมะจากพระโอษฐ์โดยตรง ไม่ยุ่งเรื่องส่วนตัวของใครหรอก ยกเว้นผีเปรต ผีปอบที่อยู่กับคุณไม่ใช่องค์เทพแล้วมาแอบอ้าง ขอโทษนะถ้าพูดแรงไป อยากจะกระเทาะสนิมที่มันเกาะอยู่ออกให้เท่านั้นเอง อ้อ...ไม่ใช่ซิ ก็คุณบอกว่ามีคนบอกมาอีกทีว่าเป็นพระแม่ทุรคา ทำไมถึงเชื่อเค้าล่ะ?

 

ตามอย่างที่ท่าน nouk ว่าเลย และเรื่องของผีด้วย หลวงพ่อที่ผมนับถือ บอกว่า มีเยอะเหมือนกัน ที่ผี มาหลอก บอกว่าเป็นเทพ เพื่อหวังผลสักการะ
แต่แถมเพิ่มให้อีกนิดนึง
ผมเชื่อว่า เดินตามทางสายเอก ของพระพุทธเจ้า ขอเรื่องใด ที่ไม่เกินกฎแห่งกรรม ก็ขอได้เช่นกันครับ

 

ผมก็เคยมีความคิดเหมือนท่าน ทำไม ๆ หนอ ขอพรอย่างไร ขอให้ช่วยอย่างไร ก็ไม่สำเร็จ เลยไม่นับถือแต่ก็อุทิศส่วนกุศล เคยอ่านคอมเมนต์บางท่านว่า ท่านมาขอลาภสักการะจากเราเท่านั้น ยิ่งทำให้ผมหมดความนับถือไปใหญ่ หันกลับไปสวดมนต์ ไหว้พระ ขอระลึกนึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง พยายามคิดถึงผลที่เราได้รับในปัจจุบัน ทั้งความเจ็บช้ำ ความเจ็บปวด โดยเฉพาะเรื่องความรัก เรื่องพ่อแม่ ว่าสิ่งที่เราได้รับนั้น ล้วนเป็นมาจากกรรมที่เราเคยได้กระทำไว้ พยายามสวดมนต์ไหว้พระให้ได้ทุกวันในช่วงเช้า พยายามอุทิศส่วนกุศลแด่พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ พระโพธิสัตว์ แล้วช่วยนำส่งผลบุญแด่ บิดามารดา ครูบาอาจารย์ เทพประจำตัว พรหม เทพทั้งหลาย รวมถึงเจ้ากรรมนายเวร ผมคิดว่า เราคงต้องรับผมกรรมที่เราทำไว้ ถึงบุญกุศลจะสามารถช่วยบรรเทาได้บ้าง แต่คงต้องได้รับผลกรรมนั้น ๆ ส่วนประโยชน์ที่ได้รับจากเทพและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำตัวนั้น แต่ก่อนคงช่วยแนะแนวทางที่ควรจะไปล่วงหน้า แต่ก่อนเป็นเดือน ๆ หมายถึง ให้เตรียมตัวทำอะไรไว้ เพื่อเวลาที่เหตุการณ์นั้นมาถึงเราจะสามารถทำได้โดยดีและไม่เจ็บตัว แต่สมัียนี้ ล่วงหน้าไม่เกินนาทีในบางครั้ง ประโยชน์ของเทพประจำตัวนั้น มีแน่นอนครับ ควรอุทิศกุลศลแ่ด่เทพเหล่าันั้น ๆ และระลึกเสมอว่า สัตว์โลกล้วนเป็นไปโดยกรรมครับ

 

คุณ nouk ครับ ที่ว่าเทพทำให้พลัดพรากนั้น คือถามเขาอ่่ะครับว่ายังไง
เขาบอกว่าท่านทำให้จากไปไวกว่าเดิมไรงี้อ่ะครับ เพราะไม่เหมาะกัน เขาบอกนะ ไม่ได้ว่าเองครับ

สำหรับผมคงเดินทางสายพุทธนะครับ
คงไม่ได้บูชาเทพเคร่งครัดเหมือนก่อนละครับ แต่ก็อาจจะมีสวดมนต์บ้างก็พอครับ
แต่ทุกครั้งที่ทำบุญก็แผ่หรืออุทิศให้เทพเทวดาที่ดูแลรักษานะครับ แต่ไม่ได้เอ่ยชื่อใครคิดว่าเขาก็คงรับได้เหมือนกัน
แต่ถ้าจะให้ขอคงไม่แล้วอ่ะคับ ทั้งไม่กล้าและไม่หวังจะได้

แต่ถ้าการที่เขามาบอกเพื่อจะให้ผมปฏิบัติเพื่อเขา แล้วจะได้ความรักผมคงไม่เอาแล้วล่ะครับ
อยู่แบบนี้ก็คงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้ ทุกอย่างมันสายไปหมดแล้ว

ขอบคุณทุกคนนะครับที่มาร่วมแชร์ สิ่งนี้ติดค้างในชีวิตมาจะห้าปีแล้วครับ คงรอวันโลกแตกนี่แหละจะได้หายๆเสียที

 

คำถามคือ (ลองช่วยวิเคราะห์หน่อยครับ)
ชีวิตเราเทพเจ้าลิขิตได้ด้วยหรือ

กรรมลิขิตครับ

เราจะสวดมนต์จะทำสมาธิแล้วถ้าเราอุทิศให้เขาแล้วเขาจะช่วยเราได้เหรอ

ได้ครับ ถ้าไม่เกินกฎแห่งกรรม และเรามีบุญสัมพันธ์กับเทพองค์นั้น

จุดประสงค์คืออะไรจากการบอกกล่าวครั้งนี้
ตอนนี้ผมนับถือพระพุทธเจ้าสูงสุด พระสาวก ผมควรทำอย่างไรครับ

ก็นับถือพระพุทธเจ้าสูงสุดนะถูกแล้ว ส่วนเทพก็อยู่ในลำดับรองจากพระรัตนตรัย

ทำบุญสวดมนต์ ทำสมาธิแล้วอุทิศบุญให้พระแม่ทุรคาเหรอ แต่ทุกครั้งก็บอกว่าให้แก่เทพเทวดาที่คุ้มครองเราไรงี้นะ
ไม่รู้จะทำตัวยังไง (คงทำแบบเดิมแหละ สวดมนต์ ทำสามธิบ้าง ตอนอุทิศบุญคงจะมีกล่าวชื่อพระแม่ทุรคาเข้าไปด้วย)

จะปฏิบัติอย่างไรก็ปฏิบัติไป แล้วแต่ความพอใจ แต่อย่าไปลบหลู่สิ่งที่มองไม่เห็น เพราะสิ่งที่เหนือความคาดหมาย เหนือความรู้ของมนุษย์นั้นมีมากมายอย่างยิ่ง ปะเหมาะเคราะห์ร้ายจะเป็นการสร้างกรรมใส่ตัวด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

ก็เอาเป็นว่าผมตอบคำถามที่คุณตั้งไว้แล้ว ต่อไปเป็นส่วนที่ผมจะเสริม อาจไม่เกี่ยวกับคำถามที่คุณเปรยๆถามนะครับ

อยากจะบอกว่า องค์มหาเทพในศาสนาฮินดูนั้น นับถือพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นอย่างยิ่ง บางครั้งก็มีบทบาทสำคัญที่เกี่ยวกับศาสนาพุทธอย่างที่เราคาดไม่ถึง และองค์มหาเทพนี่แหละที่สอนให้เรารู้จักพึ่งตนเองก่อนที่จะพึ่งผู้อื่น ดั่งคำสั่งสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ว่า ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน....

เปรียบเทียบง่ายๆว่า มีมนุษย์อยู่ 2 คน คนหนึ่งก็ดิ้นรนไขว่คว้าด้วยความเข้มแข็ง กับอีกคนหนึ่งเล่นงอมืองอเท้าเป็นง่อยเสียอย่างนั้น อย่าว่าแต่เทพจะอยากช่วยเลย ขนาดมนุษย์ด้วยกันเห็นเข้า ถามว่าใครอยากช่วยคนที่เอาแต่งอมืองอเท้า ฉันใดก็ฉันนั้น องค์มหาเทพจะช่วยผู้ที่มีพลังบุญ มีคุณงามความดี มีความเข้มแข็ง เป็นผู้ที่สมควรได้รับความช่วยเหลือเพราะคุณงามความดีในตัวผู้นั้น หาใช่ช่วยเพียงเพราะผู้นั้นน่าสมเพชแต่อย่างเดียวไม่

เพราะฉะนั้น ใครก็ตามที่คิดหวังจะให้องค์มหาเทพช่วย โปรดคิดเสียใหม่ว่า เราสมควรได้รับความช่วยเหลือมั้ย เราอ่อนแอเกินไปหรือปล่าวที่เอะอะก็จะขอแต่ความช่วยเหลือผู้อื่น....

แต่ในสมัยนี้ ของจริงนะมีน้อย พวกคิดไปเอง หรือแอบอ้างเอาเทพมากอบโกยหาผลประโยชน์นะมีเยอะ ประเภทเจ้าไม่มา ข้าเป็นเจ้าเอง บางคนที่เค้าเจอของจริงเสียยิ่งกว่าจริง เค้ามาอ่านกระทู้ที่บอกว่าเทพไม่มีจริง เทพไม่ช่วยบ้างละ เค้าก็อ่านแล้วอมยิ้ม แบบว่าไม่เชื่อก็เรื่องของท่าน ..........

เอวัง ก็มีด้วยประการฉะนี้<!-- google_ad_section_end -->

 

อยากจะบอการขอพรจัง แต่ก็นะ คนมีอคติ บอกไปก็เท่านั้นอยากช่วย แต่ก็โดนอคติใส่ซะแล้วแงๆๆๆ ทำไมผมขออะไรก็ได้ตามปรารถนาล่ะ ว้า...........ผมนี่โชคดีแฮะ..........ของง่ายๆ........
ไงก็ขอโทษทีแล้วกันที่อยากจะบอกเหตุที่ขอพรไม่สำเร็จ อยากจะบอกแก่นแท้ แต่ช่างมันเถอะ ที่พูดดูไม่เหมือนเหตุผลหว่านล้อมคุณรู้สึกดีตาม เหมือนพวกเถาวัลย์พันต้นไม้ แต่มันก็ไม่สำคัญเท่าแก่นไม้ครับ โทษทีแล้วครับครับ

 

ขอบคุณครับคุณแจ๊กส์ คุณโชคดีที่ได้เมื่อร้องขอ ผมก็ยินดีด้วยครับ
แต่ผมผ่านจุดที่มันมี ..ความหวัง.. มาแล้วครับ
ถึงแม้ว่าจะยังอยากมีอยากได้แต่ผมก็คงไม่ขอแล้วครับ
ส่วนเทพต่างๆก็คงสวดมนต์บ้าง ไหว้บ้างแต่ก็คงไม่กล้าขอหรอกครับ
เอาแค่ทุกวันนี้ทำบุญสวดมนต์ทำสมาธิให้ใจสงบก็พอละครับ

 

นั่นแหละค่ะ ดีแล้วหล่ะคุณนักขัต การทำจิตให้ว่่างปราศจากการปรุงแต่ง ดีที่สุดค่ะ
อยู่กับปัจจุบัน ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด...ให้ถึงพร้อม อนาคตย่อมดีไปเอง วันข้างหน้าคุณอาจจะเจอคนที่ใช่ก็ได้ ใครจะไปรู้

 

คารมดี แต่งตัวดูดี หน้าตาสะอาดสะอ้าน มีอุปกรณ์อำนวยความสะดวก(รถยนต์ หรืออะไรก็ได้ที่สามารถให้บริการสาวได้) ปากว่า มือถึง แค่นี้ก็มีสาวๆก็มาให้เลือกเยอะครับ ต้องจริงจังจริงใจนะครับ ชอบคนไหนเอาคนนั้นเลย คนไหนไม่ชอบไม่ถูกใจ ก็ไม่ต้องไปสานต่อ ไม่ต้องให้ความหวังเขา ไม่เห็นต้องไปอาศัยเทพเจ้าอะไรเลย แต่ต้องใช้พระเจ้าให้เป็นประโยชน์ครับ คือ เงินในกระเป๋าตังค์