ของขวัญวันเกิด

ในห้อง 'เรื่องผี' ตั้งกระทู้โดย vacharaphol, 21 กุมภาพันธ์ 2006.

  1. vacharaphol

    vacharaphol เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    8,849
    ค่าพลัง:
    +27,174
    คอลัมน์ ขนหัวลุก

    ใบหนาด

    "ลูกนาวิน" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกเมื่อได้ของขวัญจากปรโลก

    พูดถึงเรื่องผีๆ สางๆ แล้ว ผมขอยอมรับว่าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง บางทีก็กลัวแต่บางทีไม่กลัวเลย โดยไม่เกี่ยวกับสถานที่และเวลา นี่พูดสำหรับผมนะ! เพราะสมัยก่อนผมอยู่บ้านแถวชานเมือง แค่สำโรงหรือบางนาก็ถือว่าไกลโข ผมนั่งรถเมล์กลับบ้านตอนดึก ต้องเดินเข้าซอยเปลี่ยว แถมมืดสลัวไปเกือบหนึ่งกิโลแน่ะ

    รถสองแถวน่ะเลิกวิ่งรับ - ส่งไปนานแล้ว มอเตอร์ไซค์รับจ้างก็ยังไม่มีเหมือนสมัยนี้ บ้านช่องก็ห่างๆ กันและห่างซอยด้วย บางคืนกว่าจะถึงบ้านยังไม่มีใครเดินไปมาซักคนเดียว...แทนที่จะกลัวผีกลับไม่กลัวแฮะ!

    แต่บางทีอยู่ในบ้านกลางวันแสกๆ ได้ยินเสียงอะไรก็ตกใจ เหลียวซ้ายแลขวาแล้ว แม้จะเป็นแค่เสียงกระแอมหรือเสียงกุกกักใกล้ๆ ก็เถอะ

    บางคืนไฟสว่างจ้า รู้สึกเหมือนมีใครมาถอนหายใจเฮือกอยู่ใกล้ๆ ถึงกับสะดุ้ง หันขวับไปมองแต่ก็ไม่เห็นใครซักคน บางคืนก็ระแวงว่ามีใครกำลังจ้องมองอยู่ทางด้านหลัง...เล่นเอาปากคอแห้งผากไปเลยละครับ

    นี่แหละที่ว่าไม่น่ากลัวผี แต่ก็กลับกลัว..ส่วนจะเป็นเพราะอะไรผมก็ยังนึกไม่ออก เขาว่าคนเรามีจังหวะขวัญอ่อน จิตตก มีอะไรนิดๆ หน่อยๆ ก็สะดุ้งผวาคล้ายๆ กับยามดวงตก ทำอะไรผิดพลาดไปหมด ทั้งที่คิดว่าได้ไตร่ตรองจนรอบคอบแล้วเชียวนะ มีสำนวนว่า "อยู่ผิดที่ผิดเวลา"

    วันนี้ผมจะเล่าเรื่องขนหัวลุกให้ฟัง!

    อย่างที่บอกแต่แรกน่ะแหละว่าผมเชื่อเรื่องผีห้าสิบ-ห้าสิบ แต่ยังไม่เคยถูกผีหลอกจังๆ ซักที แม้ว่าจะไปงานศพนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว หลายๆ วัดที่ว่าผีดุนักหนาก็ไปหลายหน แต่ยังไม่มีวี่แววว่าภูตผีจะมาหลอกหลอนซักครั้ง

    อ้อ! ที่เขาเล่าๆ กันเกี่ยวกับงานศพ คือศพที่เป็นญาติมิตร หรือไม่ก็เป็นญาติผู้ใหญ่ของเพื่อนฝูง...นี่แหละตัวดีนักเชียว เพราะเล่นล้อหลอนกันจนแทบหัวใจวายก็มี

    เช่นมีใครไปฟังสวดศพ ดันเห็นรูปผู้ตายที่ตั้งเด่นอยู่หน้าโลงส่งยิ้มหวานมาให้ บางรูปถึงกับยักคิ้วหลิ่วตาแน่ะ แทบจะหงายหลังล้มตึงไปตามๆ กัน

    บางทีมีคนมือบอน ชอบเคาะโลงพูดจาเย้าแหย่ให้ไปส่งเพื่อนคนนั้นคนนี้! ปรากฏว่ามีวิญญาณตามไปส่งจริงๆ คือเดินตามเข้าไปส่งในซอยเปลี่ยว หันหลังมาก็ร่างตะคุ่มๆ ที่จำได้แม่นยำว่า...เขาละ! ใช่เลย!

    กว่าจะเดินขาสั่นถึงบ้านก็เกือบหัวใจวายตายแน่ะครับ

    บางคนขับรถออกจากวัดได้ไม่นาน ก็มีกลิ่นอายแปลกประหลาดอวลซ่านอยู่ในรถ จำได้ว่าเป็นกลิ่นน้ำหอมที่ผู้ตายชอบใช้ เล่นเอาขนหัวลุกตั้ง แทบจะสิ้นเรี่ยวแรงขับรถ หรือไม่ก็ตกใจจนห้อตะบึง...เกือบกลายเป็นผีไปอีกราย

    คนเรายิ่งมีอายุมากขึ้น ก็ยิ่งต้องไปงานศพญาติมิตรบ่อยขึ้นด้วย เพื่อนรุ่นเดียวกันยังทยอยจากไปเรื่อยๆ ด้วยอุบัติเหตุบ้าง ด้วยโรคภัยไข้เจ็บบ้าง...ได้แต่ปลอบใจคนที่ยังเห็นหน้ากันว่า "เขาทำบุญมาแค่นั้น"

    ล่าสุดมีเพื่อนรุ่นน้อง อายุเพิ่งต้นสี่สิบต้องมาเสียชีวิตด้วยมะเร็งลำไส้ใหญ่

    โหน่งจบปริญญาโทมาจากอเมริกา เป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่ฐานะดีมาก ทำงานธนาคาร รูปหล่อแบบดารา แถมไม่ต้อง "เก๊กหล่อ" ก็มีสาวๆ รุมตอมหลายคนเพื่อนฝูงยุให้แต่งงาน พ่อแม่ก็ยุเพราะอยากอุ้มหลานเต็มทน แต่โหน่งก็ยังไม่ถูกใจใครซักที..อ้างว่ากลัวจะเข้ากับพ่อแม่ไม่ได้

    อ้อ! โหน่งไม่ใช่ประเภท "ชายรักชาย" นะครับ อย่าเข้าใจผิด!

    ตอนเขาล้มเจ็บนี่แหละ รู้แน่ว่าเป็นมะเร็งจนต้องผ่าตัด 2 ครั้ง แต่อาการก็ทรุดลงทุกทีจนรู้ว่าไม่รอดแน่ ต้องย้ายไปห้องไอซียู...พวกเราถึงพูดกันว่าโหน่งยังโชคดีที่ไม่ได้แต่งงาน ไม่งั้นเมียก็ต้องเป็นม่ายแต่ยังสาว หรือลูกต้องกำพร้าพ่อตั้งแต่เล็กๆ

    เราสนิทสนมกันมาก กินเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ วันเกิดผมเป็นต้องได้ของขวัญดีๆ ราคาแพงจากโหน่งทุกปี แต่วันเกิดเขากลับไม่บอกให้ใครรู้ซักคน

    ผมไปงานศพโหน่งทุกคืน รูปถ่ายยิ้มละไมมองสบตาเป๋ง..ถือว่าธรรมดามากเพราะรูปถ่ายนัยน์ตามองกล้องนี่ครับ ไม่ว่ารูปคนเป็นหรือคนตายก็คล้ายๆ กัน ที่น่าสังเกตคือรูปถ่ายคนตายมักจะมีนัยน์ตาเศร้าๆ แทบทุกคน..รูปโหน่งก็เช่นกัน แต่เขากลับยิ้มกว้างให้ผมเหมือนมีชีวิตจิตใจ

    ตอนแรกนึกว่าตาฝาด แต่พอจ้องมองก็เห็นซ้ำเหมือนรีไวนด์เทป..จากยิ้มนิดๆ เป็นกว้างขึ้นทุกที นัยน์ตาเศร้าหมองจ้องเป๋ง ท่ามกลางกลิ่นธูปควันเทียนน่าขนลุก

    ขับรถกลับบ้านใจคอไม่ดี เห็นภาพนั้นล่องลอยอยู่ในความทรงจำ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น..คืนต่อมาก็เห็นภาพซ้ำๆ ทุกคืนจนถึงวันเผา คิดว่าพรุ่งนี้จะไปเก็บเถ้าถ่านที่เหลือไปลอยอังคารกับพ่อแม่ของโหน่ง..นึกถึงว่าท่านจะกอดกันร้องไห้บนเมรุแบบวันเผาทำให้ใจคอเหี่ยวแห้งไปหมดเลยครับ

    คืนนั้นเอง ผมก็ฝันเห็นโหน่งเป็นครั้งแรกตั้งแต่เขาตายจากไป!

    ในฝันนั้น ผมกับโหน่งนั่งคุยกันสองคน จะเป็นที่ไหนไม่รู้แน่..นอกจากจะรู้ว่าเขาตายไปแล้ว แต่ไม่ได้นึกหวาดกลัวอะไรเลย จนกระทั่งเขาสบตาผมพูดยิ้มๆ ว่า..แฮปปี้เบิร์ธเดย์ครับ พี่เปี๊ยก! ขอให้มีความสุขมากๆ นะครับ

    อ๋อ..วันเกิดผมตรงกับที่เขาอาการหนักอยู่โรงพยาบาลพอดี ผมก็ขอบอกขอบใจเขา แล้วความฝันก็กลายเป็นเรื่องอื่นๆ จนกระทั่งรุ่งเช้า รีบอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปวัด

    คุณพระช่วย! เนกไทสีแดงสดใสยี่ห้อดัง เส้นละหลายพันบาทพาดอยู่ที่ราวแขวนเสื้อราวจะรอคอย! ผมหน้ามืดวูบจนต้องเกาะประตูตู้ไว้..วันเก็บอัฐิก็เป็นที่รู้กันว่าญาติมิตรจะแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าหลากสีสัน ลืมเลือนความโศกเศร้าเสียที

    ผมหยิบเน็คไทเส้นนั้นมาผูกหน้ากระจก ไม่แยแสว่าใครจะคิดยังไง อาจจะเห็นว่าเว่อร์ไปก็ช่าง..พยายามนึกว่าโหน่งเคยให้เน็คไทเส้นนี้เป็นของขวัญวันเกิดในปีก่อนๆ ก็นึกไม่ออก ช่างเถอะ! คนเราอาจจะหลงลืมกันได้ จริงไหมครับ?
     

แชร์หน้านี้

Loading...