การสังเกต++สัญชาตญาณเตือนภัยของสัตว์++สิ่งบอกเหตุ

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย mead, 22 พฤษภาคม 2007.

  1. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    ภัยธรรมชาติอย่างแผ่นดินไหวนั้นไม่มีใครทำนายได้ล่วงหน้าเลยว่าจะเกิดขึ้นที่ไหนเมื่อไร นักวิทยาศาสตร์หลายชาติหลายคณะในปัจจุบันกำลังศึกษาหาทางที่จะให้รู้ล่วงหน้าว่าจะเกิดเหตุขึ้นที่ไหนเมื่อไร แต่จนบัดนี้ยังไม่มีคณะไหนไขปัญหานี้ได้ แต่ว่ามีศาสตร์ชาวบ้านจากประเทศจีนบอกว่าให้สังเกตสัตว์ที่อยู่ใต้ดินเช่น หนู ถ้าหากสัตว์เหล่านี้แตกตื่นออกมาวิ่งเพ่นพ่านข้างบนพื้นดินอย่างโกลาหลแล้ว สิ่งที่ตามมาคือแผ่นดินไหว ดังนั้น ถ้าหากพบเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นขอให้รู้ไว้มันอาจเป็นสัญญาณเตือนภัยแผ่นดินไหวจากสัตว์ใต้ดินก็ได้

    [​IMG]


    นักสัตววิทยาฝรั่งเศสเฝ้าสังเกตสัตว์จากภาพทีวีวงจรปิด พบว่าในช่วงเกิดภัยสึนามิถาโถมเข้าประเทศศรีลังกา พวกมันแสดงพฤติกรรมบางอย่างที่รับรู้ล่วงหน้าก่อนที่ภัยร้ายจะถึงตัว แถมยังส่งเสียงแจ้งเตือนพรรคพวกให้รีบลี้ภัยขึ้นบนที่สูง

    ภาพทีวีวงจรปิดในมุมสูงของสวนสัตว์แห่งชาติ ยาลาในศรีลังกา แสดงให้เห็นสวนสัตว์ที่ถูกน้ำไหลบ่าเข้าท่วมจากคลื่นยักษ์สึนามิ แต่ไม่มีสัญญาณเลยว่าสัตว์สงวนอย่างช้าง เสือดาว กวาง หมาไน และจระเข้ ล้มตาย

    สภาพการณ์ดังกล่าวช่วยเพิ่มข้อมูลเล็กๆ น้อยๆ ให้เราได้รับทราบเกี่ยวกับภัยพิบัติอย่างคลื่นยักษ์ แผ่นดินไหว และภูเขาไฟระเบิด ซึ่งเมื่อเกิดปรากฏการณ์เหล่านี้ นกจะพากันบินหนี สุนัขหอนโหยหวน ฝูงสัตว์จะวิ่งแตกตื่น ไปหาสถานที่ปลอดภัยก่อนที่ภัยพิบัติจะมาเยือน

    "ในเรื่องของการสั่นไหว แรงสั่นสะเทือน หรือเสียงคลื่นนั้น สัตว์มีความสามารถ ซึ่งมนุษย์ไม่มี อาทิ ช้าง มีการสื่อสารของคลื่นเสียง ซึ่งมีย่านความถี่ต่ำกว่าระดับที่มนุษย์สามารถได้ยิน ช้างสามารถจับเสียงเหล่านี้ได้จากระยะไกลมาก เรียกได้ว่าอยู่ห่างไปหลายกิโลเมตรก็สามารถจับสัญญาณได้" เฮอร์เว ฟริตซ์" นักวิจัยพฤติกรรมสัตว์แห่งศูนย์วิจัยวิทยาศาสตร์แห่งชาติของฝรั่งเศส กล่าว

    ทั้งนี้ คลื่นเสียงความถี่ต่ำแบบที่เรียกว่าอัลฟราซาวนด์ มักมีความถี่ต่ำกว่า 20 เฮิรตซ์ ซึ่งต่ำกว่าระดับที่มนุษย์จะสามารถได้ยิน โดย ฟริตซ์นำเสนอทฤษฎี เพื่ออธิบายว่าเหตุใดช้างจึงอาจมีสัญญาณเตือนว่าจะเกิดคลื่น

    นั่นเป็นเพราะว่า ช้างน่าจะสามารถจับ "สัญญาณภาคพื้นดิน" ของการสั่นสะเทือนหรือเสียงจากอากาศที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนที่ของสัตว์หรือสิ่งอะไรก็ตามที่มีขนาดใหญ่ อันเป็นเสียงที่มนุษย์ไม่สามารถได้ยิน
    แต่ช้างก็ไม่ใช่สัตว์ประเภทเดียวที่สามารถจับสัญญาณอันตรายจากการสั่นสะเทือนได้ เพราะ กระต่ายและสัตว์สี่เท้าอื่นๆ ก็สามารถรับรู้ภัยล่วงหน้าได้ ผ่านทางพื้นดิน รวมถึง นกพิราบ ซึ่งอ่อนไหวมากกับการเปลี่ยนแปลงของความกดอากาศ

    ส่วน ผึ้ง ก็มีประสาทสัมผัสที่มีความแม่นยำสูงมาก และจะมีปฏิกิริยาต่อการเปลี่ยนแปลงของสนามแม่เหล็กในโลก ขณะที่ ค้างคาว อาศัยการรับฟังคลื่นเสียงและเสียงสะท้อน เพื่อจับตำแหน่งของสิ่งนั้นๆ
    นอกจากนั้น สัตว์ซึ่งอยู่ร่วมกันเป็นฝูงอย่างช้าง กวาง และนก ยังมี "รหัสเตือนภัย" อันทรงประสิทธิภาพ นั่นคือ เสียงร้องในแบบพิเศษที่สามารถเตือนเพื่อนร่วมฝูงให้หนีได้ทันเมื่อเห็นอันตรายใกล้เข้ามาก

    ประสาทสัมผัสเหล่านี้เชื่อว่า ช่วยให้สัตว์ต่างๆ ตรวจจับภัยอันตรายล่วงหน้าได้ เพียงแค่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นเล็กน้อย หรือในกรณีที่วัตถุเกิดการสั่นไหว จึงไม่แปลกเลยที่คลื่นสึนามิไม่สามารถทำอันตรายพวกมัน

    http://www.dmr.go.th/news/14_01_48_8.html
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤษภาคม 2007
  2. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    http://www.manager.co.th/Science/ViewNews.aspx?NewsID=9500000058495


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ประมงอิเหนาจับได้ "ปลาดึกดำบรรพ์" ฟอสซิลมีชีวิต !!</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>22 พฤษภาคม 2550 07:57 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>


    เอพี/เอเจนซี/ราชบัณฑิต - ชาวประมงอินโดจับ "ซีลาแคนท์" ปลาดึกดำบรรพ์ที่เชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้วตั้งแต่ยุคไดโนเสาร์ คาดอาจเป็นบรรพบุรุษสัตว์มีกระดูกสันหลัง แต่น่าฉงนใจที่ปลาน้ำลึกสามารถอยู่ได้นานบนผิวน้ำหลังถูกจับได้ถึง 17 ชั่วโมง


    ยูสตินูส ลาฮามา (Yustinus Lahama) ชาวประมงอินโดพร้อมลูกชายจับปลาหน้าตาประหลาดยาว 131 เซ็นติเมตร หนัก 51 กิโลกรัมได้เมื่อวันที่ 19 พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่พวกเขาออกหาปลาแถวเกาะสุลาเวสี ใกล้อุทยานทางทะเลของบูนาเคน (Bunaken National Marine Park) ซึ่งเป็นเขตที่มีความหลากหลายทางชีวภาพทางน้ำสูงสุดแห่งหนึ่งในโลก

    หลังจาก 2 พ่อลูกนำปลายักษ์ที่เหมือนหินไปให้เพื่อนบ้านดูและเก็บไว้ที่บ้านประมาณ 1 ชั่วโมง พวกเขาก็นำปลาตัวดังกล่าวกลับไปไว้ที่บ่ออนุบาล แต่น่าเสียดายที่ปลาลักษณะคล้ายซากฟอสซิลโบราณตายลงในอีก 17 ชั่วโมงถัดมา โดยผู้เชี่ยวชาญระบุว่าเป็นเพราะอยู่ในสภาพที่ยากแก่การดำรงชีวิต

    "ที่จริงปลาตัวนี้น่าจะตายตั้งแต่ 2 ชั่วโมงแรกที่ถูกจับขึ้นมาได้ เพราะปลาสายพันธุ์นี้อาศัยอยู่แต่ในน้ำลึก (ประมาณ 200 ฟุต) และสภาพอากาศหนาวเย็น"

    ศ.เกรโว กีรัง (Grevo Gerung) คณะประมง มหาวิทยาลัยแซมราตูลังกี (Sam Ratulangi University) อินโดนีเซียเผย พร้อมทั้งตั้งข้อสังเกตว่าเหตุใดปลาตัวนี้กลับอยู่ได้นานถึง 17 ชั่วโมง

    ปลาโบราณที่พ่อลูกคู่นี้จับได้คือ "ซีลาแคนท์ " (coelacanth) ซึ่งมีซากฟอสซิลเก่าแก่อายุ 60 ล้านปีปรากฎอยู่ในพิพิธภัณฑ์ปลาออสเตรเลีย และนักบรรพชีวินวิทยาเชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้วประมาณ 60 ล้านปีก่อนพร้อมๆ กับยุคไดโนเสาร์ เพราะไม่พบฟอสซิลอายุน้อยกว่านั้น

    ทว่ากลับมีการค้นพบซีลาแคนท์ตัวเป็นๆ ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2382 ในแถบชายฝั่งแอฟริกาสร้างความสนใจไปทั่วโลก จากนั้นก็มีรายงานการพบปลาดังกล่าวเรื่อยๆ แม้กระทั่งในแถบสุลาเวสีเองก็เคยพบมาแล้วเมื่อ 7 ปีก่อน

    ที่น่าสนใจคือ "ซีลาแคนท์" มีรูปร่างของครีบละม้ายคล้ายคลึงกับกระดูกแขนและขาของสัตว์บกมาก มีระบบการสืบพันธุ์ไม่เหมือนปลาชนิดอื่น คือเมื่อซีลาแคนท์ได้รับการผสมพันธุ์ก็จะฟักตัวเป็นลูกปลาและยังอาศัยอยู่ในท้องของแม่จนกระทั่งคลอดออกมา และไข่ปลาซีลาแคนท์เป็นไข่ปลาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกมีเส้นผ่านศูนย์กลางถึง 9 เซ็นติเมตร

    ด้วยลักษณะดังกล่าวทำให้นักชีววิทยาหลายคนมีความคิดว่าซีลาแคนท์คือบรรพบุรุษของสัตว์โลกที่มีกระดูกสันหลังทุกชนิด

    [​IMG]
     
  3. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    เมื่อความดำมืดแห่งจิตใจมนุษย์ถูกปลุกให้ตื่น โดยสามารถสัมผัสรับรู้ได้เกือบจะทั่วไปในยุคนี้ ดังตัวอย่างอันน้อยนิดที่ยกมา

    http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9500000058483


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>อนาถแท้!พ่อจับลูกยัดไมโครเวฟ แม่กลับโยนความผิดให้'ซาตาน'</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>22 พฤษภาคม 2550 04:46 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>


    ซีเอ็นเอ็น - พ่อใจอำมหิตจับลูกสาววัยแค่ 2 เดือน ยัดเข้าไมโครเวฟพร้อมกับอบทั้งเป็น แต่ที่น่าอนาจใจกว่าเมื่อฝ่ายแม่กลับไม่โทษสามี แถมโยนความผิดไปให้กับซาตานอีกต่างหาก จากรายงานของสถานีโทรทัศน์ท้องถิ่นเท็กซัส

    อีวา มารี มัลดิน กล่าวว่า โจซัว รอยซ์ สามีวัย 19 ปีของเธอ ไม่สามารถขัดขืนอาณัติของซาตาน ในการจับลูกสาวเข้าไมโครเวฟในวันที่ 10 พฤษภาคมได้ เนื่องจากว่าปีศาจไม่พอใจที่ โจซัว พยายามทำตัวเป็นนักบุญ

    "ซาตานมองว่าสามีของดิฉันเป็นภัยคุกคาม" มัลดิน ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ KHOU-TV ในฮุสตัน

    คณะลูกขุนสั่งฟ้อง โจซัว ในข้อหาทำร้ายร่างกายเด็กเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากพบหลักฐานว่าเขายัด อนา มารี ลูกสาววัย 2 ขวบเข้าไมโครเวฟเป็นเวลาราว 10-20 วินาที ซึ่งพิจารณาได้จากบาดแผลพุพองบนร่างกายของเด็ก

    เวลานี้ อนา มารี ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล โดยใบหน้าซีกซ้ายและมือซ้ายของเธอเป็นแผลพุพองจากการถูกเผา

    ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจเปิดเผยว่า โจซัว ให้การกับตำรวจถึงสาเหตุที่เขาจับ อนา มารี อบสดในไมโครเวฟเพราะว่าเขาบันดาลโทสะ ทว่าทางเมียกลับปฏิเสธ

    "เขาไม่เคยทำอะไรที่ทำให้เธอเจ็บ เขารักเธอมาก" ฝ่ายเมียแก้ต่างให้สามี ซึ่งในรายงานข่าวไม่ได้ระบุว่าเป็นพ่อแท้ๆของ อนา มารี หรือไม่

    ทั้งนี้ทาง มารี มัลดิน หวังว่าจะนำตัวของ อนา มารี กลับไปเลี้ยงตามเดิม ทว่าองค์กรพิทักษ์เด็กกำลังดำเนินเรื่องขอตัว อนา มารี ไว้ในอุปถัมภ์



    http://www.manager.co.th/Around/ViewNews.aspx?NewsID=9500000056370


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>โจ๋ยุ่นฆ่าตัดคอแม่วิปริตหนัก! หั่นแขนใส่แจกันตกแต่งห้อง</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>16 พฤษภาคม 2550 20:25 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เอเอฟพี
     
  4. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>หิมะตกหนักที่สุดในรอบ 20 ปี ในเขตภูเขาแอฟริกาใต้</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>

    22 พฤษภาคม 2550
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>พื้นที่ในเขตภูเขาของแอฟริกาใต้ ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะที่ตกหนักที่สุดในรอบ 20 ปี เมื่อช่วงสุดสัปดาห์นี้ สร้างความลำบากให้กับประชาชนที่ต้องใช้เส้นทางสัญจร และคาดว่าสภาพอากาศจะแจ่มใสขึ้นใน 2 วันนี้



    http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9500000058641


    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>


    อินเดียเผชิญปัญหามลภาวะจากฝุ่นควัน
    </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left></TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>22 พฤษภาคม 2550 </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ทางการอินเดียกำลังเผชิญปัญหาหนักในการแก้ไขปัญหามลภาวะจากฝุ่นควันในอากาศ ที่กำลังทำให้ทัชมาฮาล อนุสรณ์สถานแห่งความรักที่ยิ่งใหญ่ กำลังเปลี่ยนจากสีขาวกลายเป็นสีเหลือง โดยมาตรการหลายอย่างที่ผ่านมายังไม่ประสบผลสำเร็จ</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9500000058642



    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  5. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headline-bold>จีนพึ่งสัตว์ในสวนสัตว์ทำนายแผ่นดินไหว

    [​IMG]

    </TD></TR><TR><TD class=text-normal-th bgColor=#e9e9f3>ปักกิ่ง 22 พ.ค.- สวนสัตว์ในจีนเฝ้าสังเกตพฤติกรรมของสัตว์ที่เลี้ยงไว้อย่างใกล้ชิด เพื่อศึกษาพฤติกรรมที่จะใช้ทำนายการเกิดแผ่นดินไหว
    หนังสือพิมพ์ไชน่า เดลี่ รายงานว่า สวนสัตว์กวางโจว ในมณฑลกวางตุ้ง ทางตอนใต้ของประเทศ ได้ติดตั้งจุดสังเกตการณ์ใกล้นกยูง กบ งู เต่า กวาง และกระรอก เพื่อบันทึกพฤติกรรมของพวกมันแล้วเก็บเป็นข้อมูลให้แก่สำนักงานแผ่นดินไหวของเมือง ไชน่า เดลี่ อ้างผู้เชี่ยวชาญว่า สัตว์หลายชนิดมีพฤติกรรมแปลก ๆ ก่อนเกิดแผ่นดินไหว เช่น สัตว์ที่กำลังจำศีลจะตื่นและหนีออกจากที่จำศีล ขณะที่สัตว์น้ำจะกระโดดขึ้นมาจากผิวน้ำ อย่างไรก็ดี รายงานไม่ได้ระบุว่า สัตว์มีพฤติกรรมเหล่านี้นานเพียงใดก่อนเกิดแผ่นดินไหว หรือพฤติกรรมดังกล่าวใช้แจ้งเตือนภัยแผ่นดินไหวได้ทันเวลาหรือไม่

    ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานแผ่นดินไหว กล่าวว่า ก่อนเกิดแผ่นดินไหวจะสังเกตพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของสัตว์ได้ราว 130 ชนิด เช่น หนู และงู ที่ปกติไม่ออกจากที่ซ่อนในตอนกลางวัน จะวิ่งกันพล่าน ยีราฟจะวิ่งหนีห่างจากต้นไม้ ฮิปโปฯ จะขึ้นบก แต่หากจะเกิดสึนามิมันจะอยู่ในน้ำลึกเพื่อปกป้องตัวเองจากคลื่นยักษ์

    ส่วนที่สำนักงานแผ่นดินไหวในเมืองหนานหนิง เมืองเอกของเขตปกครองตนเองกว่างซี ทางตอนใต้ของจีน ได้ติดตั้งกล้องตรวจจับความเคลื่อนไหวของงู ที่สวนงูหลายแห่งตลอด 24 ชั่วโมง เนื่องจากงูเป็นสัตว์ที่ไวต่อแผ่นดินไหวมากที่สุด. – สำนักข่าวไทย


    [ 2007-05-22 : 10:36:29 ] </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  6. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เกิดเหตุดินถล่มในจีน สังเวย 7 ศพ สูญหายอีก 4</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left></TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>22 พฤษภาคม 2550 </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>สำนักข่าวซินหัวของทางการจีน รายงานว่า ฝนตกหนักทำให้เกิดดินถล่มในมณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน มีผู้เสียชีวิต 7 คน และสูญหายอีก 4 คน

    พายุฝนและลูกเห็บกระหน่ำเมื่อค่ำวันอาทิตย์ ทำให้เกิดดินถล่มในพื้นที่ชนบทหลายแห่งทางตะวันตกเฉียงใต้ กองดินและหินถล่มทับกลบถนนและบ้านเรือน ทำให้ชาวบ้าน 300 คน ต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัย

    ทั้งนี้ มณฑลเสฉวนเผชิญกับพายุฝนตกหนักหลายครั้งช่วง 2 เดือนก่อน หลังเผชิญกับภัยแล้งมานาน

    http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9500000058656

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  7. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    เรื่องเกี่ยวกับแผ่นดินไหวเนี้ยเป็นเรื่องที่ทำเอาผมอกสั่นขวัญแขวนได้ทุกที่เลย ( ไม่ว่าจะเกิดที่ไหนในโลก ) เพราะว่าผมเป็นคนหนึ่งที่ ประสบเหตุการณ์ สึนามิ แม้จะไม่โดนผลกระทบมาก แต่ก็เล่นเอาช็อก เหมือนกันนะ ผมเองก็มีข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเกิดผลกระทบจาการเกิดแผนดินไหวเมื่อคร่าวนั้นมาเสนอด้วยนะครับ

    เรื่องมีอยู่ว่าก่อนการเกิดแผนดินไหวเมื่อคร่าวนั้นนะครับ มีสถานที่อยู่แห่งหนึ่งครับ เป็น บ่อน้ำพุร้อน ที่ตั้งอยู่ที่อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ตั้งอยู่ห่างชายทะเล 400เมตรเอง ก่อนเหตุการณ์สึนามิ 2 วันเองครับ บ่อน้ำพุร้อนแห่งนี้แห้งไปเลยครับ คือมันไม่พุ่งออกมาเหมือนเคย เจ้าหน้าที่ทั้งดูดทั้งปั๊มครับ ก็ไม่มีออกมาสักหยดออกมาแต่ลมร้อนๆ

    เรียกว่าเสียหายตั้งแต่ สึนามิยังไม่เกิดเลย ที่ บ่อน้ำบาดาล บ้านผมนะครับ ตั้งแต่เกิดมาน้ำบาดาลบ้านผมยังไม่เคยแห้งเลยนะ แต่ก่อนเกิดเหตุ 2 อาทิตย์ได้นะ แห้งเหลือแต่โคลน ยายผมตกใจใหญ่ตอนนั้นชาวบ้านก็สังหรณืใจพิกลแล้วละว่าธรรมชาติมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น แต่ไม่นึกว่าขนาดนี้เลย

    http://www.pantown.com/board.php?id=14332&name=board2&topic=68&action=view
     
  8. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865
    มีเรื่องที่น่าแปลก น่าตกใจมาฝาก

    เราได้ดูข่าวต่างประเทศ 7 สี ตอนเช้า บอกว่า

    ผึ้งงานในอเมริกาอพยพหลบหนีไปหมด (ผึ้งเลี้ยง) ทิ้งนางพญาและผึ้งตัวอ่อนไว้ในรัง
    ค้นหาแล้วไม่พบซากศพของผึ้งงานเหล่านั้นเลย และก็ไม่เคยเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน

    เป็นการหายตัวของผึ้งงานในวงกว้าง (ซึ่งอาจจะเป็นทั้งประเทศ แต่ข่าวไม่ได้บอก) แต่ที่แน่ๆเรื่องนี้ เข้าที่ประชุม สส. ของอเมริกาที่วอชิงตัน นับว่าเป็นเรื่องใหญ่ระดับประเทศทีเดียว

    ผึ้งเป็นสัตว์ที่ไวต่อสนามแม่เหล็กโลก เพราะใช้เส้นแรงนี้บินออกไปหากินและกลับรัง หาเส้นแรงนี้มีอันเบี่ยงเบนไปก็มีผลกระทบกับผึ้ง ที่แปลกมากคือ เป็นในวงกว้างขนาดอเมริกา

    เชื่อว่าอันนี้เป็นสัญญานที่ร้ายแรงมากในยุคนี้
     
  9. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    ยุง

    http://www.engineeringtoday.net/magazine/articledetail.asp?arid=1757&pid=163

    สัญญานเตือนภัยจากธรรมชาติ


    วงการวิทยาศาสตร์ทั่วโลก ถือว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นภัยคุกคามต่อสภาพแวดล้อมที่ร้ายแรงที่สุด ในโลกของเรากำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน


    สิ่งที่น่าตกใจ ก็คือ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมีสาเหตุหลักมาจากการ ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เช่น น้ำมัน และถ่านหิน เป็นจำนวนมหาศาลของบรรดาประเทศอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่ ซึ่งเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจะมีผลกระทบหนักที่สุดกับประเทศกำลังพัฒนา



    กลุ่ม British Antarctic Survey กล่าวถึงผลการสำรวจสภาพขั้วโลกพบว่า แผ่นน้ำแข็งขนาดใหญ่ บริเวณตะวันตก ของแอนตาร์กติก อาจจะกำลังละลายหายไป

    และเหตุการณ์ดังกล่าวนี้ หากเกิดขึ้นจริงก็จะทำให้ระดับน้ำทะเลทั่วโลก เพิ่มขึ้นอีก 16 ฟุต

    และผลกระทบนี้จะเห็นได้ชัดในประเทศที่มีแนวชายฝั่งของประเทศที่ไม่ต่อเนื่องกัน เช่น ฟิลิปปินส์


    นอกจากนี้ยังอาจมีผลกระทบอื่นๆ เกิดตามมาอีก เช่น ปริมาณ ผลผลิตทางการเกษตรที่ลดลงอย่างรวดเร็ว และการระบาดของโรคเขตร้อน เช่น มาลาเรีย ที่เกิดจากยุงซึ่งเติบโตได้ดีในอากาศร้อน


    ด้วยระดับของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกที่สูงขึ้น ทำให้พืชและสัตว์หลายชนิดสูญพันธุ์ได้ หรืออาจเกิดการเปลี่ยนแปลงสปีชีส์ของสิ่งมีชีวิตหลายอย่าง
     
  10. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    http://www.sathai.org/story_thai/003-naturewarning.htm


    [SIZE=+1]เครื่องเตือนภัยจากธรรมชาติ [/SIZE]
    [SIZE=+1]ประสบการณ์ พ่อ พะตีจอนิ ปากากเญอ [/SIZE]
    [SIZE=+1]แห่งบ้านหนองเต่า อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่[/SIZE]


    ผู้เขียนได้อยู่กับลุงจอนิ โอโดเชา ในคืนดาวช้างวาดงวดอยู่บนท้องฟ้า กองไฟลุกโชนขึ้นริมขอบนาข้าว ใกล้กระท่อมกลางป่าเขาไกลลิบ ท่ามกลางเสียงกบเขียดกังวาลลั่น รอบตัวมีแต่ความมืดมิด ฟืนไฟลุกโชติช่วง พ่อจอนิเล่าถึง ธรรมชาติกับการพยากรณ์อากาศ ลางบอกเห็นที่ทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าได้อย่างน่าอัศจรรย์

    [​IMG]

    เราพูดถึงเครื่องรับในตัวคน ที่เป็นมรดกสัญชาตญาณตื่นรู้ สัมผัสโลกที่ติดตัวมา ถ่ายทอดส่งต่อกันมา ที่นับวันจะสูญหาย และถูกทำลายออกไปจากชีวิต​

    "ธรรมชาติการรับรู้ในตัวคนถูกทำลายไปหมดแล้วที่เหลือก็ขาดเป็นท่อนๆ คนไม่สนใจมันด้วย ไม่สำคัญแล้ว เขาเชื่อดาวเทียมมากกว่าเสียงกบเสียงเขียด"

    ..."คนเป็นยิ่งกว่าเครื่องจักร คนมีชีวิต ฉลาด รู้ไปทุกเรื่อง แต่เราปล่อยให้หลายส่วนตายไป ส่วนที่ดียังเหลืออยู่ เขาก็เอาไปสู้ไปรบกันมากกว่า"


    พ่อจอนิ พูดย้อนถึงวันเกิดสินามิทางภาคใต้ฝั่งตะวันตกว่า รู้สึกได้ถึงบ้านหนองเต่า
    "เฮาไปโบสถ์ เฮารู้สึกคืนนี้ต้องมีอะไรสักอย่าง ท้องฟ้าแปรปรวนตั้งแต่ตะวันตก ถึงตะวันออก ไม่เคยเห็นอย่างนี้มาก่อน เป็นลางบอกเหตุ เฮาสงสัย...พอรุ่งเช้า ตอน 8 โมงกว่าๆ นาฬิกาในโบสถ์แกว่งไปมา พอถึง 10 โมง วิทยุประกาศว่าเกิดพายุสึนามิขึ้นที่ภาคใต้แล้ว

    ....ถ้าสังเกตธรรมชาติดีๆ จะรู้เลย ปีนี้ทั้งปี ตอนลุงนอน รู้สึกว่ามีแผ่นดินไหวหลายรอบ แต่บอกคนอื่นอาจไม่มีใครเชื่อ พอฟังข่าวเขาก็บอกแผ่นดินไหวที่โน่นที่นี่ แต่ไม่รุนแรงเป็นอันตรายกับคน"

    ตัวรับสัญญาณข้างในตัวพ่อจอนิได้รับการฝึกฝนให้มีสัญญาจำอย่างต่อเนื่อง จึงสามารถรับรู้ถึงการสื่อสารของธรรมชาติจากพื้นดินที่ส่งสัญญาณบอกเรา​

    "โลกเป็นเนื้อเดียวกัน ไหวถึงกันอยู่แล้ว" ...(ในพระไตรฎิปกของพุทธศาสนา กล่าวไว้ว่า ในจักรวาลนี้ ไม่มีเขา ไม่มีเรา ไม่มีอะไร ก็เพราะไม่รู้จึงเห็นอย่างนั้นอย่างนี้ สิ่งที่มีอยู่จริงก็คือ จิตที่รับรู้ คิดว่าเรารู้ เราเห็น เรารู้สึกอย่างโน่นอย่างนี้ และกายก็คือสสารและพลังงานในแง่ฟิสิกส์ ทั้งอย่างเป็นหนึ่งเดียวกันหมด
    ดังนั้นเมื่อเราทำอย่างหนึ่งก็จะกระทบไปทั้งจักรวาล อนันตจักรวาลเพราะเรากับจักรวาลก็คือหนึ่งเดียวกัน ปัจจุบันวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ก็มีทฤษฏีหลายทฤษฏีที่สนับสนุนเรื่องนี้้..เสริมจากผู้เรียบเรียง)

    ถาม "แล้วเรื่องดินถล่มหล่ะ มีสัญญาณอะไรที่จะบอกเราได้บ้าง"

    "ดินจะทำทางของมันเป็นเดือนสองเดือนแล้ว มันบอกเหตุก่อน อย่างปกติดินบริเวณนั้นจะชื้นแฉะตลอด แต่มันแห้งผิดปกติ เขาเรียกว่าน้ำชั้นใต้ดินมันระเหยไป อย่างนี้สังเกตได้ คนเดินผ่านทุกวันจะรู้ มันบอกให้รู้ล่วงหน้า"

    จริงเท็จแค่ไหนไม่อาจยืนยัน แต่ถือเป็นมิติที่น่าทำความเข้าใจ น่าศึกษา​

    "ข้างในดินมีรูไฟอยู่แล้ว แกนกลางโลกเป็นไฟ มันมีรูอยู่ทั่วไป มันถึงมีน้ำร้อน มีน้ำอุ่น มีน้ำเย็น สังเกตน้ำบนผิดดินได้ เมื่อก่อนใกล้บ้านพ่อมีบ่อน้ำ มอก็มี ปลวกก็มี อยู่ๆ มัดกับปลวกทะเลาะกัน กระทั่งนายพญาปลวกออกมา ลูกหลานล้อมตัวมันไว้ สักพักหนึ่ง มดอีกชนิดหนึ่งก็รุมกัด เฮาคิดว่ามันน่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรสักอย่าง จู่ๆ ที่ประเทศอิหร่านทะเลาะกัน เจ้าฟ้าพระราชาอิหร่านหนี สังเกตดีๆ ธรรมชาติบอกเราได้"


    <TABLE cellSpacing=1 cellPadding=1 width="80%" align=center border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#ffff99 colSpan=2>ในตัวคนมีเครื่องวัดผิดถูกดีชั่ว เครื่องวัดที่เป็นนามธรรมเช่นนี้ จะไม่เกี่ยวข้องกับเสียงเตือนจากธรรมชาตินั้นหรือ พ่อจอนิบอกว่า "สิ่งเตือนภัยอยู่รอบๆ ตัวเรา มันบอกเราทุกอย่าง วันนี้ต่างกันวันวาน แต่พรุ่งนี้อาจเป็นอย่างเมื่อวันวานนี้ก็ได้

    เครื่องวัดธรรมชาติด้วยกัน ส่งผ่านตัวนำที่เป็นธรรมชาติด้วยกัน สัญญาณรับคลื่นความรู้สึกเช่นนี้ ดูเหมือนเป็นไปไม่ได้ แต่พ่อจอนิเชื่ออย่างสนิทใจว่า ธรรมชาติสะท้อนตัวมันเอง เป็นความรู้บอกคนได้ ทำให้คนมีชีวิตรอดได้​

    "ความชื้นในอากาศบอกเราได้ เวลาก่อไฟ ก่อไฟวัดฝนได้ ก่อไฟแล้วไฟหยุดๆ ติดๆ ฝนจะตก ถ้าก่อไฟแล้วไฟลุกต่อเนื่อง ฝนไม่ตก อันนี้ใช้วัดฝนได้ภายในสองสามวัน"

    หรือขยับให้มาใกล้ตัวหน่อย "เปิดประตูบ้านก็วัดฝนได้ ลองสังเกตดู ถ้าเปิดปิดประตูบ้านได้ง่ายๆ เปิดคล่อง ไม่อึดอัด ฝนไม่ตก ฝนจะแล้ง แต่ถ้าเปิดประตูยาก ประตูแน่น แสดงว่าฝนจะตก"

    หมาก็ใช้วัดฝนได้ "อยู่ๆ หมาลงไปอาบน้ำกลางวัน แสดงว่าแล้งยาวนาน"
    </TD></TR><TR><TD bgColor=#e3ffdd colSpan=2>
    ที่พ่อจอนิบอกมานี้ดูจะเป็นเรื่องชวนหัว ล้าหลัง คร่ำครึ ไม่ทันสมัย แต่ในชีวิตจริงของคนที่อยู่กับธรรมชาติป่าเขา ล้วนได้รับแรงส่งผ่านธรรมชาติ ได้ยินเสียงโต้ตอบจากภายนเหมือนเครื่องรับส่งชีวภาพที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด....ช่องว่างระหว่างโลกเก่ากับโลกใหม่ถูกทับถมด้วยคลื่อนวิทยุสื่อสาร คลื่นดาวเทียม คลื่นโทรศัพท์ ออกจะแม่นยำน่าเชื่อถือ ​

    แต่ความลี้ลับที่ซ่อนอยู่ในจิตของคนเรา กลับค่อยๆ เสื่อมลงเมื่อคนหัวไปพึ่งพาของพวกนั้นมากขึ้น เหมือนกับคนที่ทำเครื่องคิดเลยขึ้นมา่ช่วยคิดเลข แต่ต่อมาเมื่อใช้เครื่องคิดเลขไปนานๆ กลับพบว่าตัวเองคิดเลขเองไม่เป็น เช่นนี้เป็นต้น (ผู้เรียบเรียง)

    "หากธรรมชาติยังไม่ถูกทำลาย เรายังพึ่งพาธรรมชาติได้อยู่ มีธรรมชาติแล้วก็ต้องสังเกตธรรมชาติด้วย คนเมื่อก่อนอยู่รอดมาได้ก็ดูๆ มองๆ สังเกตมาทั้งนั้น"

    "ข้างในตัวคนต้องสนใจเรื่องธรรมชาติ ต้องมีธรรมชาติไว้ในใจก่อน มันถึงจะมีประโยชน์กับคนอื่นๆ ด้วย ในตัวคนไม่รับเสียอย่าง ทำอะไรไม่ได้"

    ก่อนพายุใหญ่จะมา มีเครื่องวัดลมสำคัญอีกอย่างหนึ่ง

    "ดูมดส้ม (มดแดง) ถ้ามันทำรังสูงๆ พายุจะมาบริเวณนั้น แต่ไม่น่าห่วง ลมไม่แรง ถ้ามดส้มทำรังอยู่กลางๆ ต้นไม้ พายุจะพัดกลางๆ ไม่รุนแรงมาก ถ้ามดส้มทำรังเตี้ยๆ ใกล้พื้นดิน พายุลมจะแรงมาก ให้ระวัง มดล้มรู้ล่วงหน้าก่อนพายุมา 3 เดือน"

    "มดส้มจะเปลี่ยนรังทุกปี ถ้าไม่เปลี่ยนที่ แสดงว่าลมพัดเหมือนเดิม เรื่องมดส้มแน่นอนมาก ดูได้เลย ไม่ผิดพลาด"

    ถาม "สัญญาณเตือนภัยที่เกี่ยวกับลม ยังมีอีกไหม๊"

    "ดอกไม้รัก ถ้าปีนั้นออกดอกเยอะลมพัดแรง"

    มาถึงเครื่องมือวัดฝนให้ดูที่ "หางแลนหรือหางตะกวดนี่แหละ ดูหางแลนที่เกิดในปีนั้น ถ้าเราจับได้ ดูหางมัน พบหางดำจะมีฝนเอยะ หรือสีดำมีอยู่สีห้าที่ ก็มีฝนเยอะ ดำๆ มืดๆ เป็นฝนแน่ ถ้าหากมีสีแดงสีดำอยู่สลับกัน แสดงว่าปีนั้น ฝนแล้งบ้าง ตกบ้าง สองอย่างมาด้วยกัน ถ้าหากสีแดงสีเหลือง ปีนั้นไม่มีฝน ฝนทิ้งช่วง"

    "ลูกมะเดื่อก็บอกฝน" พ่อจอนิเริ่มบทเรียนต่อไป "ถ้ามันออกลูกตรงปลายกิ่งเยอะ จะมีฝนปลายปี ถ้ามันออกลูกกลางต้น แสดงว่ามีฝนกลางปี ถ้ารวมอยู่ตรงโคนต้น หมายถึงมีฝนตกต้นปี"

    เสียงลมฟ้าอากาศ คงไล่สั่นสะเทือนลงตามก้านกิ่ง ไหวลึกไปถึงราก เป็นเมนูใบสั่งจากดินฟ้าอากาศ เป็นเมนูอากาศที่สอนให้คนไม่ประมาท รู้คาดการณ์ล่วงหน้า พร้อมให้ทำใจรับสภาพกับเพทภัยที่อาจจะเกิดขึ้น อย่างน้อยได้เตรียมใจหยั่งรู้ไว้ล่วงหน้า​

    เครื่องมือวัดฝนอีกอย่างคือ การล้างหน้าตอนเช้า "ตื่นขึ้นมาล้างหน้า รู้สึกหน้าลื่นๆ วันนั้นฝนจะตก"

    การขนทรายเข้าวัดก่อเจดีย์ทรายในประเพณีสงกรานต์ก็ทำนายฝนในปีนั้นได้ ​

    "ทุกปีมีการก่อกองทรายในวัด ต่างคนต่างขนทรายเข้าวัด ทำด้วยจิตใจสงบ ตั้งใจทำ ต่างคนต่างปักธงลงไปบนกองทราย ไม่มีใครล่วงรู้ล่วงหน้าว่าจะปักลงตรงไหน ปักกันไปเรื่อยๆ ถ้าปักธงเป็นกลุ่มๆ ช่วงยอดกองทรายเยอะ ฝนจะตกมากตอนปลายปี ถ้าปักธงช่วงกลางๆ เยอะ ฝนจะตกมากตอนต้นปี ถ้าปักกระจายไปทั่วกองทราย ปีนั้นฝนจะตกกระจายทั้งปี ไม่มากเกิน ไม่น้อยเกิน"

    </TD></TR><TR><TD vAlign=top colSpan=2>มาถึงเครื่องมือในการวัดฤดูหนาว "ให้ดูฝักมะขาม ถ้าฝักงอมาก มีลูกดกมาก ปีนั้นจะหนาวยาวนาน ถ้าหักงอสั้นๆ จะหนาวในช่วงสั้นๆ ถ้าฝักงอนิดๆ หน่อยๆ ปีนั้นไม่ต้องกลัวหนาว หนาวไม่นาน"

    ชีวิตที่ใกล้ชิดผูกพันอยู่กับธรรมชาติ ก็จะเห็นพืชพันธุ์ สัตว์ คน ต่างร่วมกันแสดงบอกเหตุบางอย่าง เสมือนแบบเรียนรู้ที่ธรรมชาติหยิบยื่นให้พิจารณา ล้วนสะท้อนแรงกระเพื่อมจากดินฟ้าอากาศ ด้วยมิติอันล้ำลึกบางอย่าง ซึ่งจะเรียกว่าสัญชาตญาณ/ปัญญาที่อยู่ในพืช ในสัตว์ เพื่อการปรับตัวให้อยู่รอด ข้ามผ่านฤดูกาลหนึ่งๆ ก็ได้

    อาศัยการอ่านและตีความเรื่องหมายที่ปรากฎให้เห็น เป็นหมายบอกการเตรียมพร้อมรับมือเป็นเหตุที่จะเกิดขึ้น จึงไม่แปลกที่เห็นการเคารพฟ้าดินของคนสมัยก่อน ที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นศรัทธา ที่คนรุ่นใหม่มองว่าเป็นความงมงาย

    พ่อจอนิบอกว่า คนสมัยก่อนเรียนรู้และเข้าใจธรรมชาติ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีเราอยู่มาจนถึงทุกวันนี้ เพราะสมัยก่อนไม่มีเครื่องวัด เครื่องเตือนภัยอะไร อาศัยการเรียนรู้ธรรมชาติ เล่ากันเหมือนนิืทานพื้นบ้านให้จดจำกัน ​

    "ทุกอย่างเกิดซ้ำได้ เกิดซ้ำๆ ให้คนจำ นำมาสอนถึงลูกถึงหลาน มันจริงทั้งนั้น เทคโนโลยีไปไกลถึงไหน เราก็ยังต้องใ้ช้ตาไว้ดู ใช้จมูกดมกลิ่น ใช้หูฟัง มือหยิบๆ จับๆ เท้าก็เดิน ต้นไม้ก็ยังออกดอกออกลูก แตกกิ่งแตกยอด มันเกี่ยวกันทั้งนั้น เป็นเรื่องเดียวกัน ไม่มีอะไรแยกอยู่โดยไม่เกี่ยวกับอย่างอื่น"

    ความรู้พยากรณ์อีกหลายชุด และไม่มีสอนในห้องเรียน แต่มีอยู่กลางแดด กลางป่า กลางทุ่ง ว่าด้วยการเคารพธรรมชาติ ไม่ละเมิดธรรมชาติ ล้วนเป็นสัญชาตญาณหรือปัญญาธรรมชาติที่ติดตัวมาแต่กำเนิด หรือจะเรียกว่าตามคติพุทธว่าเป็นสัญญาจำมาตั้งแต่อดีตชาตินั่นเอง การเรียนรู้ธรรมะ /ธรรมชาติ เป็นหนทางพึ่งตนเอง แบบไม่ต้องยืมมือเทคโนโลยี สัญชาตญาณหนีภัย ซื้อขายกันไม่ได้ แต่เรียนรู้กันได้

    บทเรียนแบบป่าๆ บ้านๆ เรียนรู้ด้วยประสบการณ์ มองซ้ำๆ นานปี ความรู้ประเภทนี้ไม่มีหนังสือให้เรียน ต้องออกไปเดินไปรู้เห็นเอง แม้จะแฝงไว้ด้วยความหวาดหวั่นลึกๆ แต่สิ่งมีชีวิตทั้งหลายก็ควรได้เรียนรู้ ไม่นิ่งนอนใจ ชีวิตเป็นเรื่องไม่แน่นอน ทำใจให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงกับสิ่งที่อาจเกิดขึ้น สิ่งที่เหนือความคาดหมายที่อาจเกิดขึ้น นั่นคือการฝึกตนให้อยู่ในความไม่ประมาทนั่นเอง
    </TD></TR><TR><TD colSpan=2></TD></TR><TR><TD colSpan=2>เรียบเรียงจาก "จดหมายเหตุจากดินฟ้าอากาศ ยามหนึ่ง อนาคาริก หน้า 33 เนชั่นสุดสับดาห์ ปี 14 ฉบับที่ 731 ,วันที่ 2 มิถุนายน 2549 และ ฉบับที่ 732 ,วันที่ 5 มิถุนายน 2549...โดย นายเมียงเหนือ
    </TD></TR></TBODY></TABLE>​
     
  11. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791

    เรื่องผึ้งที่อพยพ ที่อเมริกา มี alert email มานะ แต่ไม่ได้เอาลง เพราะไม่คิดว่ามันจะเกียวกัน มันมีการอพยพ หลายที่ แล้วหลายเดือนที่ผ่านมาแล้ว ถ้ามีอีกจะเอามาลงนะ:cool:
     
  12. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    quote=~:สิกขิม*เทวาลัย:~;


    [SIZE=+1]เครื่องเตือนภัยจากธรรมชาติ [/SIZE]
    [SIZE=+1]ประสบการณ์ พ่อ พะตีจอนิ ปากากเญอ [/SIZE]
    [SIZE=+1]แห่งบ้านหนองเต่า อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่[/SIZE]

    เราพูดถึงเครื่องรับในตัวคน ที่เป็นมรดกสัญชาตญาณตื่นรู้ สัมผัสโลกที่ติดตัวมา ถ่ายทอดส่งต่อกันมา ที่นับวันจะสูญหาย และถูกทำลายออกไปจากชีวิต

    "ธรรมชาติการรับรู้ในตัวคนถูกทำลายไปหมดแล้วที่เหลือก็ขาดเป็นท่อนๆ คนไม่สนใจมันด้วย ไม่สำคัญแล้ว
    เขาเชื่อดาวเทียมมากกว่าเสียงกบเสียงเขียด"

    ..."คนเป็นยิ่งกว่าเครื่องจักร คนมีชีวิต ฉลาด รู้ไปทุกเรื่อง แต่เราปล่อยให้หลายส่วนตายไป ส่วนที่ดียังเหลืออยู่ เขาก็เอาไปสู้ไปรบกันมากกว่า"


    พ่อจอนิ พูดย้อนถึงวันเกิดสินามิทางภาคใต้ฝั่งตะวันตกว่า รู้สึกได้ถึงบ้านหนองเต่า
    "เฮาไปโบสถ์ เฮารู้สึกคืนนี้ต้องมีอะไรสักอย่าง ท้องฟ้าแปรปรวนตั้งแต่ตะวันตก ถึงตะวันออก ไม่เคยเห็นอย่างนี้มาก่อน เป็นลางบอกเหตุ เฮาสงสัย...พอรุ่งเช้า ตอน 8 โมงกว่าๆ นาฬิกาในโบสถ์แกว่งไปมา พอถึง 10 โมง วิทยุประกาศว่าเกิดพายุสึนามิขึ้นที่ภาคใต้แล้ว

    ....ถ้าสังเกตธรรมชาติดีๆ จะรู้เลย ปีนี้ทั้งปี ตอนลุงนอน รู้สึกว่ามีแผ่นดินไหวหลายรอบ แต่บอกคนอื่นอาจไม่มีใครเชื่อ พอฟังข่าวเขาก็บอกแผ่นดินไหวที่โน่นที่นี่ แต่ไม่รุนแรงเป็นอันตรายกับคน"

    ตัวรับสัญญาณข้างในตัวพ่อจอนิได้รับการฝึกฝนให้มีสัญญาจำอย่างต่อเนื่อง จึงสามารถรับรู้ถึงการสื่อสารของธรรมชาติจากพื้นดินที่ส่งสัญญาณบอกเรา​

    "โลกเป็นเนื้อเดียวกัน ไหวถึงกันอยู่แล้ว" ...(ในพระไตรฎิปกของพุทธศาสนา กล่าวไว้ว่า ในจักรวาลนี้ ไม่มีเขา ไม่มีเรา ไม่มีอะไร ก็เพราะไม่รู้จึงเห็นอย่างนั้นอย่างนี้ สิ่งที่มีอยู่จริงก็คือ จิตที่รับรู้ คิดว่าเรารู้ เราเห็น เรารู้สึกอย่างโน่นอย่างนี้ และกายก็คือสสารและพลังงานในแง่ฟิสิกส์ ทั้งอย่างเป็นหนึ่งเดียวกันหมด
    ดังนั้นเมื่อเราทำอย่างหนึ่งก็จะกระทบไปทั้งจักรวาล อนันตจักรวาลเพราะเรากับจักรวาลก็คือหนึ่งเดียวกัน ปัจจุบันวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ก็มีทฤษฏีหลายทฤษฏีที่สนับสนุนเรื่องนี้้..เสริมจากผู้เรียบเรียง)

    ถาม "แล้วเรื่องดินถล่มหล่ะ มีสัญญาณอะไรที่จะบอกเราได้บ้าง"

    "ดินจะทำทางของมันเป็นเดือนสองเดือนแล้ว มันบอกเหตุก่อน อย่างปกติดินบริเวณนั้นจะชื้นแฉะตลอด แต่มันแห้งผิดปกติ เขาเรียกว่าน้ำชั้นใต้ดินมันระเหยไป อย่างนี้สังเกตได้ คนเดินผ่านทุกวันจะรู้ มันบอกให้รู้ล่วงหน้า"

    จริงเท็จแค่ไหนไม่อาจยืนยัน แต่ถือเป็นมิติที่น่าทำความเข้าใจ น่าศึกษา​

    "ข้างในดินมีรูไฟอยู่แล้ว แกนกลางโลกเป็นไฟ มันมีรูอยู่ทั่วไป มันถึงมีน้ำร้อน มีน้ำอุ่น มีน้ำเย็น สังเกตน้ำบนผิดดินได้ เมื่อก่อนใกล้บ้านพ่อมีบ่อน้ำ มอก็มี ปลวกก็มี อยู่ๆ มัดกับปลวกทะเลาะกัน กระทั่งนายพญาปลวกออกมา ลูกหลานล้อมตัวมันไว้ สักพักหนึ่ง มดอีกชนิดหนึ่งก็รุมกัด เฮาคิดว่ามันน่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรสักอย่าง จู่ๆ ที่ประเทศอิหร่านทะเลาะกัน เจ้าฟ้าพระราชาอิหร่านหนี สังเกตดีๆ ธรรมชาติบอกเราได้"

    quote

    ภูมิปัญญาชาวบ้านนี่ต้องอ่านดูครับ..
    เราแทบจะลืมกันไปหมดจริงๆ
    สัตว์เล็กสัตว์น้อย นี่ความสามารถไม่ได้ด้อยกว่ามนุษย์เลยครับ..
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤษภาคม 2007
  13. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    จำได้ว่าก่อนเกิด"สึนามิ"ทางใต้ วันเสาร์ก่อนเกิดเหตุ 1 วัน..
    ที่กรุงเทพตอนเช้าๆ มีหมอกจัดหนาทึบขาวโพลนทั่วไปหมด ทั้งๆที่อากาศไม่ได้หนาวเย็นเลยในตอนนั้น
    แต่มองไกลๆสัก 15 เมตรไม่เห็นแล้ว..ที่อื่นๆมีใครเห็นกันไหมคับ ?
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 22 พฤษภาคม 2007
  14. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    สัตว์เหล่านี้ถูกติดตั้งอุปกรณ์ที่เรียกว่า Digitalis เป็นแท่งแม่เหล็กเล็กๆที่เร้นอยู่ในรหัส DNA (นักวิทย์ฯยังหาไม่พบ)..เป็นตัวรับสัญญาณจากสนามแม่เหล็กโลก..คอยป้อนข้อมูลและทิศทางอยู่ตามปกติ

    แต่หลังๆมานี่จะเห็นปลาวาฬหลงทิศเป็นประจำ ซึ่งคงเกี่ยวข้องกับ "สนามแม่เหล็กโลก"ที่กำลังเบี่ยงเบนไปจากตำแหน่งเดิม..ปกติมันจะว่ายข้ามมหาสมุทรขึ้นลงทางทิศเหนือ-ใต้ เพื่อหาแหล่งอาหารและผสมพันธุ์ที่เหมาะสม..แต่ช่วงนี้พากันหลงทิศอยู่บ่อยๆ ขึ้นมาเกยหาดกันเป็นฝูงๆ เป็นเหตุการณ์ที่ไม่ค่อยปกติครับ
     
  15. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    ฝึกจิตให้นิ่งมีสมาธิอย่างเปี่ยมพลังอยู่เสมอ ตามแนวทางอันถูกต้อง

    หลีกเลี่ยงการพึ่งพาและเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีต่างๆ อันเป็นเหตุให้ประสาทสัมผัสด้านสัญชาติญาณแฝงเร้นเสื่อมถอย
     
  16. แม่นายมล

    แม่นายมล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    24 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    1,069
    ค่าพลัง:
    +6,258
    โมทนาไม่วาดไม่ไหว ขอบคุณทุกท่านที่นำความรู้
    ที่มีประโยชน์มาสู่พวกเรา เวลานั้นคงไม่ใช่ 10 ปีแน่นอน...(verygood)
     
  17. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    จริงแล้ว"เซลล์"ทุกอณูเซลล์ของร่างกายเราไม่ว่ามนุษย์หรือสัตว์ สามารถรับรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้เป็นเรื่องปกติ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของระบบเครือข่ายการรู้เห็นของจิตวิญญาณ รู้เห็นภาพรวมของโลกตามเส้นทางของกาลเวลา เป็นทั้งผู้รับ-ผู้ส่ง เป็น"ระบบเปิด" เชื่อมต่อกับระบบโลกอื่นๆทั้งหมด ย่อมเข้าใจจิตใจของโลก และเป็นส่วนหนึ่งของประสบการณ์ของโลกด้วยเสมอ...เรื่องเหล่านี้จึงไม่ใช่เรื่องแปลก เป็นเรื่องของธรรมชาติจริงๆครับ..

    ที่คุณสิกขิมฯ บอกถูกต้องครับ ควรอยู่ห่างๆสนามไฟฟ้าแม่เหล็กเทียมๆ พวกเครื่องไฟฟ้า เสาไฟฟ้าแรงสูง หรือแม้แต่จอคอมพิวเตอร์ได้ยิ่งดี..เหล่านี้ทำให้ระบบเซลล์ได้รับข้อมูลผิดพลาด เกิดความ Error ได้ง่ายๆครับ
     
  18. Khunkik

    Khunkik เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 กันยายน 2006
    โพสต์:
    2,150
    ค่าพลัง:
    +18,072
    มดขึ้นเต็มบ้านเลย ขึ้นไปอยู่ชั้นบนสุด แล้วยังขึ้นไปหลังตู้เสื้อผ้าด้วย แล้วก็เจาะขึ้นไปอยู่บนหลังคา ทั้งที่แต่ก่อนจะวนอยู่แค่ห้องครัวชั้นล่างเพราะของกินเยอะ ขึ้นไปอยู่ข้างบนไม่มีอะไรกิน ก็กินสบู่ กินยาสีฟัน กินโฟมล้างหน้า น้ำยาบ้วนปากที่อยู่ในห้องน้ำ น้ำมันชาตรี แล้วก็มากินหนังสือของหลวงปู่ฤษี แล้วจะกินอะไรอีกเนี่ย พอช่วงนี้ฝนทิ้งช่วง หายแซ่บหมดเลย มันจะมาก่อนน้ำ แล้วก็จะกิน กิน กิน ทุกอย่าง แล้วก็ ขน ขน ขน กันไปเก็บไว้ ก่อนแผ่นดินไหว 2 วัน อารมณ์ดีมั่กๆ เหมือนคนบ้า ติงต๊อง สติหลุดๆ ไงไม่รู้ ก็พูดกับพี่ที่ทำงานว่าอารมณ์ประหลาดอย่างนี้เดี๋ยวต้องมีอะไร พูดหลังเที่ยง พอบ่ายแผ่นดินก็ไหวเลย เมื่อเช้ารู้สึกซึมเศร้า เห็นคนเดินไปเดินมาสงสารมั่ก เห็นเด็กเล็กๆ ก็พาลหดหู่หัวใจ พอบ่ายเอ๊กซ์บอกภูเขาไฟระเบิด เฮ้อ!
     
  19. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    สัญญาณเตือน+เมฆแผ่นดินไหว+
    ถ้าสังเกตเห็นเมฆลักษณะดังภาพเหล่านี้ อาจเกิดแผ่นดินไหวได้ครับ
    มีบางคนเคยเห็นแสงสว่างวาป ปรากฎขึ้นที่ก้อนเมฆด้วยครับ

    An earthquake cloud comes from an impending hypocenter, so its tail generally points toward or predicts an impending epicenter. The more mass an earthquake cloud has, the bigger the subsequent earthquake. By comparing the mass of an earthquake cloud with those of former clouds, whose relevant magnitudes are in an earthquake catalog, the cloud can be used to predict its magnitude. Based on statistics from about 500 events, the longest delay from an earthquake cloud to its earthquake is 103 days, and their average is 30 days, so an earthquake cloud can predict the time. Therefore, an earthquake cloud can predict an earthquake. The Bam cloud is an excellent example to show that an earthquake cloud does in fact come from the Earth.






    <CENTER>[​IMG] </CENTER>

    Figure 4 Various Shapes of Earthquake Clouds Fig. 4 shows six different shapes of earthquake clouds, photographed by Shou from Pasadena (34.14 N, 118.14 W), California. Under each photo are the date and the direction Shou took the photo. The line-shaped cloud in Fig. 4.1 appeared suddenly like a launching rocket northwest of Pasadena, and predicted the 6.7 Northridge earthquake at 34.21N, 118.53W, in the same direction, on Jan. 17, 1994. The waveshaped cloud in Fig. 4.2 was from northwest to northeast, and predicted the 5.3 Northridge earthquake on Mar. 20, 1994. The line-shaped cloud in Fig. 4.3 appeared suddenly from northwest, and predicted the 7.1 Off Coast of Northern California earthquake at 40.40N, 125.68W on Sep. 1, 1994. The feather-shaped cloud in Fig. 4.4 from northwest to northeast predicted the 6.3 Off Coast of Oregon earthquake at 43.51N, 127.42W on Oct. 27, 1994. The lantern-shaped cloud in Fig.4.5 from northwest predicted the 6.8 Off Coast of Northern California earthquake at 40.55N, 125.53W on Feb. 19, 1995. The radiation-pattern-shaped cloud in Fig. 4.6 rising up from northeast predicted the 4.4 Joshua Tree earthquake at 34.59N, 116.28W, in the same direction, on Aug. 14, 1996. All these clouds were not described by meteorology (20), but the both wave-shaped and radiation-shaped clouds were denoted earthquake clouds by Chinese and Japanese scientists in 1979 (1).






    <CENTER>[​IMG] </CENTER>Figure 5 Northern California earthquake clouds This photo, taken by Shou from Pasadena, California toward the north on Aug. 3, 1997, shows four lines that had appeared about 10, 8, 3, and less than 1 minute respectively, before Shou took the photo. They all emerged suddenly looking like Line 4, straight, even width, and cloudless in the midst of clouds. They each took about 6 minutes to become a white, linear cloud. In the photo, Line 1 and 2 had already become clouds, and Line 3 had partially become a cloud, while Line 4 became a cloud 6 minutes after Shou took the photo. On Aug. 21, a pair of M4.9 earthquakes occurred at 38.5N, 118.5W, to the north of Pasadena, and were the only one of magnitude more than or equal to 4 from 34N to 42N within 175 days from May 7, 1997 to Oct. 28.

    http://www.gisdevelopment.net/proceedings/tehran/p_session2/bampf.htm
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤษภาคม 2007
  20. mead

    mead เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2005
    โพสต์:
    8,134
    ค่าพลัง:
    +62,441
    เมฆลักษณะนี้ น่าจะเกิดจากการที่พื้นดินปล่อยคลื่นพลังงานออกมากระทบชั้นบรรยากาศก่อนเกิดเหตุ..
    ว่าจะไปหารายละเอียดมาเพิ่ม ไว้ช่วยกันสังเกตครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 23 พฤษภาคม 2007

แชร์หน้านี้

Loading...