การบำบัดโดยพลังจิต...ทางเลือกใหม่ของผู้ป่วยวันนี้

ในห้อง 'จิตวิทยา & สุขภาพ' ตั้งกระทู้โดย DevilBitch, 8 กรกฎาคม 2005.

  1. DevilBitch

    DevilBitch เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 มกราคม 2005
    โพสต์:
    9,776
    ค่าพลัง:
    +36,838
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=795 align=center bgColor=#ffffff border=0><TBODY><TR><TD><TABLE style="BACKGROUND-REPEAT: no-repeat" cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" background=/images/back/bg_logo.gif border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="76%"><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top width="98%" height=286><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top height=459><TABLE style="BACKGROUND-POSITION: right 50%; BACKGROUND-IMAGE: url(/images/back/bg_02.gif); BACKGROUND-REPEAT: repeat-y" cellSpacing=0 cellPadding=5 width="100%" border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD width="89%" height=455>อังกฤษได้ชื่อว่าเป็นประเทศศิวิไลซ์ประเทศหนึ่งในโลก เป็นประเทศที่คิดค้นริเริ่มวิทยาการใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะวิวัฒนาการทางการแพทย์เจริญก้าวหน้าไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าชาติอื่นๆ ที่พัฒนาแล้วในโลก ขณะเดียวกันความเชื่อในเรื่องการรักษาโรคภัยไข้เจ็บก็มิได้จะอยู่แต่กับแพทย์แผนปัจจุบันที่ให้การรักษากันตามโรงพยาบาลเท่านั้น ในอังกฤษมี "ทางเลือกบำบัด" หลายทางให้ผู้ป่วยตัดสินใจเลือกว่าจะจัดการกับโรคภัยไข้เจ็บของตนอย่างไร และเรื่องต่อไปนี้ก็เป็นการบำบัดอีกทางหนึ่งแม้จะเป็นทางเลือกของคนเฉพาะกลุ่ม แต่ก็ได้รับความสนใจไม่น้อย<?XML:NAMESPACE PREFIX = O /><O:p></O:p>


    ผู้เขียนได้รับบทความชิ้นหนึ่งจาก คุณ กมลทิพย์ เอฟเว่นส์ สุภาพสตรีไทยที่ไปใช้ชีวิตในประเทศอังกฤษ เธอก็ไดพบวิชาการบำบัดโดยใช้พลังจิต และศึกษาอย่างจริงจัง ปัจจุบันเธอทำงานเป็นนักบำบัดฯ ซึ่งเรื่องราวของเธอหญิงไทยเคยเสนอไปบ้างแล้วเมื่อปีก่อน<O:p></O:p>

    บทความที่คุณกมลทิพย์ส่งมานี้ได้ตีพิมพ์ในหนังสือ The Time ของอังกฤษ ฉบับประจำวันที่ 12 ตุลาคม ปี 1999 ในหมวด Alternative Health (ทางเลือกเพื่อสุขภาพ) หัวเรื่องขึ้นเป็นคำถามตัวใหญ่ว่า "การบำบัดโดยพลังจิตช่วยลูกชายของฉัน แต่มันทำได้อย่างไร?" เขียนโดย เวอโรนีค มิสเทียน<O:p></O:p>

    [​IMG]ในบทความนี้กล่าวถึงนักบำบัดโดยใช้พลังจิต (Healer) คนหนึ่งชื่อ แองจี้ บุกซ์ตัน วัย 40 ปี ซึ่งเปิดบ้านของเธอที่ถนน Albans ในเมือง Hertfordshire ให้การบำบัดรักษาโรคหลายชนิด เพียงเธอใช้มือเปล่าทั้งสองเคลื่อนไปมารอบๆ ร่างกายผู้ป่วยชั่วระยะเวลาไม่นานนัก ผู้เข้ารับการรักษาก็จะรู้สึกอาการป่วยดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์ใจ ในแต่ละวันจะมีผู้ป่วยมาหาเธอ พวกเขาเหล่านั้นมีอาการของโรคหลายๆ โรคแตกต่างกันไป มีตั้งแต่โรคซึมเศร้า ไมเกรน โรคไขข้ออักเสบ ไปจนถึงโรคร้ายแรงอย่างเช่น มะเร็ง เป็นต้น<O:p></O:p>

    เธอกล่าวทำนองว่า มือของเธอมี "พลัง" บางอย่างที่ช่วยให้การบำบัดได้ผล พลังนั้นอำนาจเปรียบเสมือนพลังของความศรัทธาที่เกิดขึ้นในจิต<O:p></O:p>

    "ทันทีที่ฉันเริ่มลงมือรักษาผู้ป่วย ฉันจะรู้สึกถึงพลังงาน มือของฉันเริ่มร้อนและเสียวแปลบๆ เธอว่า<O:p></O:p>

    แองจี้นำพลังงานนั้นส่งผ่านไปยังผู้ป่วย เขาจะสัมผัสได้โดยเริ่มจากความรู้สึกที่ผ่อนคลายอย่างล้ำลึก จิตใจค่อยๆ หลุดพ้นจากความกดดันบีบคั้น ระบบต่างๆ ภายในร่างกายไหลเวียนดีขึ้น สภาพร่างกายถูกปรับให้เกิดความสมดุล แองจี้อธิบายว่า<O:p></O:p>

    "เมื่อร่างกายของคุณมีความสมดุล มันก็จะทำการบำบัดรักษาตัวของมันเองได้ โรคภัยไข้เจ็บก็จะทุเลาล๊"<O:p></O:p>

    แต่สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการหนักเกินกว่าที่จะเยียวยารักษาได้แล้ว การบำบัดตามวิธีที่แองจี้ทำนี้อาจจะไม่สามารถช่วยให้เขารอดชีวิตได้ แต่เมื่อเขาได้รับการบำบัดอย่างต่อเนื่องเขาก็จะอำลาโลกไปอย่างสงบ ไม่ทุกข์ทรมานเหมือนผู้ป่วยอื่นๆ<O:p></O:p>

    ซึ่งประสบการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นแล้วกับ "แซม" ลูกชายของเธอ<O:p></O:p>

    แซม เริ่มป่วยเป็นมะเร็งในเม็ดเลือด หมอตรวจพบเมื่ออาการของเขาน่าเป็นห่วงแล้ว พอทราบว่าลูกเป็นโรคร้าย ความรู้สึกของแองจี้ไม่ต่างกับคนที่กำลังพบกับความสูญสิ้นแล้วทุกสิ่งทุกอย่าง<O:p></O:p>

    ตอนนั้นแองจี้ยังไม่ได้เป็นนักบำบัดที่มีความชำนาญอย่างทุกวันนี้ เพียงแต่เธอเคยมีโอกาสได้ไปเข้าคอร์ส "การบำบัดรักษาโรคโดยจิต" ที่สถาบัน The Netional Federation of spiritual Healer (NFSH) สาเหตุที่เข้าไปอบรมก็เพราะ ในปี 1988 แม่ของเธอป่วยเป็นมะเร็งในรังไข่ระยะสุดท้าย เธอรู้สึกสิ้นหวังเมื่อทราบว่าหมอไม่สามารถจะช่วยชีวิตแม่ของเธอได้ เธอจึงเริ่มมองหาทางเลือกในการรักษาอื่นๆ ทำให้เธอได้ทราบว่ายังมีอีกตั้งมากมายหลายวิธีที่มนุษย์เราสามารถจะเลือกใช้ในการรักษาดูแลตนเองให้หายจากการเจ็บป่วยได้โดยไม่ต้องพึ่งวิธีทางการแพทย์เสมอไป เธอเริ่มต้นค้นหาทางเลือกใหม่ๆ ที่ใช้ในการบำบัดรักษาอการเจ็บป่วย<O:p></O:p>

    และแองจี้ก็ได้มาพบกับทางเลือกบำบัดที่สถาบัน NFSH แห่งนี้ แต่เธอก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับมันมากนักจนกระทั่งแซมป่วย เธอจึงเริ่มนำความรู้นั้นมาปัดฝุ่นใช้กับเขา รวมทั้งขอให้บุคลากรทางการแพทย์ที่ดูแลแซมให้ความร่วมมือกับเธอด้วย<O:p></O:p>

    เมื่อเธอเริ่มทำการบำบัดให้แซม แรกๆ เขารู้สึกเหมือนแม่ของเขาเพี้ยนไปเสียแล้ว แต่เมื่อได้รับการบำบัดไปสักระยะหนึ่ง เขารู้สึกว่าอาการเจ็บป่วยทรมานบรรเทาลง และเรียกร้องขอให้แองจี้การบำบัดอยู่เรื่อยๆ<O:p></O:p>

    นางพยาบาลที่ดูแลแซมในโรงพยาบาล Creat ormon Street ที่ลอนดอนตั้งข้อสังเกตว่าแซมจะเป็นผู้ป่วยเด็กที่ดูเหมือนไม่มีความทุกข์ทรมานเลย ปริมาณความเจ็บปวดของเขาผ่อนคลายลงมาก หลังจากที่ได้รับการบำบัดจากแองจี้ เธอให้ข้อคิดว่า<O:p></O:p>

    "การที่แองจี้ให้การบำบัดฯแก่แซมทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างแม่ลูกคู่นี้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นกว่าเดิม จึงไม่น่าแปลกว่าแซมเสียชีวิตด้วยอาการที่สงบ"<O:p></O:p>

    "ใช่ถึงแม้แองจี้จะไม่สามารถยื้อยุดชีวิตลูกเอาไว้ได้ แต่เธอก็ไม่รู้สึกเสียใจมากนัก เพราะเขาจากไปอย่างไม่ทุกข์ทรมาน หลังจากเผชิญกับโรคร้ายนานถึง 3 ปีเธอเล่าว่า<O:p></O:p>

    "พ่อของแซมเขาผิดหวังที่ฉันช่วยชีวิตลูกไว้ไม่ได้ แต่ฉันก็ทำเต็มที่แล้ว เด็กที่ป่วยในโรงพยาบาลจำนวนมากต้องเจ็บปวดทรมาน และหมอต้องเพิ่มขนาดยามากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเขาตาย แต่สำหรับแซมแล้วน่าประหลาดใจไหมว่า 18 เดือนก่อนที่เขาจะจาไปนั้น แซมไปโรงเรียนอย่างเด็กปกติทั่วไป และในวันที่เขาสิ้นลมนั้นไม่มีใครคาดคิดเลยเพราะเขาเพิ่งเตะฟุตบอลเล่นกับ นิก พี่ชายของเขาในสวนหลังบ้าน"<O:p></O:p>

    แองจี้อธิบายว่านักบำบัดทั้งหลายที่ให้การบำบัดในรูปแบบของพลังศรัทธาในจิตหาใช่เป็นผู้วิเศษไม่ เขาเหล่านั้นเพียงแต่เรียนรู้ในวิธีการปรับตัวให้เข้ากับพลังที่มีอิทธิพลเหนือเขา ซึ่งอาจจะเรียกว่า "พระผู้เป็นเจ้า" หรือ "พลังจักรวาล" หรือ "พลังแห่งชีวิต" แล้วนำพลังนี้ผ่านมาทางมือไปสู่ผู้ป่วย จากนั้นผู้ป่วยจะรู้สึกผ่อนคลายอย่างลึกๆ จิตใจที่ถูกพันธนาการด้วยความกดดันถูกปลดปล่อยให้เป็นอิสระ ความสมดุลเกิดขึ้นในร่างกาย ในที่สุดอาการเจ็บป่วยก็จะหายไปเอง<O:p></O:p>

    จากการทดลองใช้พลังนี้บำบัดให้กับผู้ป่วยจำนวน 100 คน มีรายงานถึงผลที่น่าพอใจทีเดียว คือ หลังจากที่ผู้ป่วยเหล่านั้นได้พบนักบำบัด สุขภาพของพวกเขาฟื้นตัวขึ้น คุณภาพชีวิตดีขึ้น โดยไม่สามารถจะอธิบายหรือยืนยันได้ด้วยพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ว่าทำไมมันถึงเป็นไปได้เช่นนั้น<O:p></O:p>

    และนั่นก็เป็นสิ่งที่วงการแพทย์แผนใหม่ มองข้ามไปอย่างน่าเสียดาย ยกตัวอย่างเช่น ศาสตราจารย์ เอ็ดซาร์ด เอิร์นส์ แห่งมหาวิทยาลัย Exter ทำงานในแผนกแพทย์เกื้อกูล (Complementary Medicine) ได้เฝ้าสังเกตการณ์การบำบัดโดยใช้พลังทางจิต ตามหลักเกณฑ์ทางวิทยาศาสตร์มากกว่า 20 กรณีศึกษา สรุปผลออกมาว่า ผู้ป่วยบางคนได้รับความช่วยเหลืออย่างเห็นได้ชัดก็จริง แต่เขาก็ยังไม่ยอมปักใจลงไปว่าที่เป็นเช่นนั้นเพราะสามารถจะวัดได้ด้วย ในขณะที่การบำบัดในทางอื่นๆ เช่นการฝังเข็ม หรือ การใช้สมุนไพร สามารถจะชี้แจงการทำงานของมันได้"<O:p></O:p>

    ดังนั้นศาสตราจารย์ เอ็ดชาร์ด จึงมีความเห็นว่าการบำบัดโดยพลังจิตในแบบที่แองจี้ใช้อยู่นี้อาจจะอันตรายได้ หากเราตั้งความหวังไว้สูงมาก หรือเชื่อว่าการบำบัดฯจะช่วยให้หายได้ แล้วปล่อยให้โรคกำเริบลุกลามมากเข้าจนแพทย์ไม่อาจจะแก้ไขได้ เขาเห็นว่าเป็นการสูญเสียโอกาสสำคัญในการรักษาอย่างถูกทาง<O:p></O:p>

    แต่จุดนี้ผู้บำบัดโดยจิตจำนวนมากก็ได้ออกมายืนยันว่าพวกเขาไมได้ใช้การบำบัดฯนี้ทดแทนการรักษาทางการแพทย์ แต่ใช้การบำบัดควบคู่ไปด้วยกันทั้งสองอย่าง สมาชิก 7000 ของ NFSHจะมีโค๊ดประจำตัว นักบำบัดไม่พยายามวินิจฉัยอาการของโรค ไม่สั่งยาหรือห้ามผู้ป่วยไปพบแพทย์ อีกทั้งไม่พยายามบังคับให้ผู้ป่วยเลื่อมไสศรัทธาวิธีการบำบัดนี้ นอกจากเขาจะรู้สึกศรัทธาด้วยตัวเขาเอง<O:p></O:p>

    ส่วนทางด้าน ดร.คราอิก บราวน์ ประธานของ NFSH ซึ่งทำงานเป็นแพทย์ทั่วไปมา 20 กว่าปี ภายหลังเขาก็ได้นำเอาการบำบัดโดยจิตมาใช้ร่วมกันในการรักษาคนไข้เขาแล้วพบว่าได้ผลเป็นที่น่าพอใจมากทีเดียว เขากล่าวว่า<O:p></O:p>

    "พวกเราตระหนักถึงคุณประโยชน์ของการบำบัดฯกันเป็นอย่างดี เพียงแต่เราไม่สามารถที่จะอธิบายถึงการทำงานของมัน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพลังงานนี้ไม่มีอยู่ในโลก ถ้าจะเปรียบเทียบให้เข้าใจ ผมอยากอธิบายว่ามันคล้ายๆ กับความรัก รู้สึกที่ดีต่อกัน เป็นมิตรกัน สร้างสิ่งแวดล้อมที่เอื้อเฟื้อเกื้อกูลกัน เขาจะมีความรู้สึกเป็นสุขมากขึ้น คนที่เจ็บไข้อยู่ก็จะฟื้นคืนสู่สภาวะปกติโดยเร็ว การบำบัดโดยพลังจิตก็เป็นไปในแนวทางนั้น<O:p></O:p>

    ถ้านักบำบัดฯ มีจิตที่สงบ มีความคิดที่สร้างสรรค์ สามารถเข้าไปถึงแหล่งกำเนิดแห่งความสันติ ความเมตตา และนำสิ่งเหล่านี้ออกมาถ่ายทอดผ่านไปยังผู้ผ่วยเขาก็จบพบกับผลดีจากการบำบัดอย่างแน่นอน<O:p></O:p>

    ผู้ที่สนใจอยากได้ข้อมูลเพิ่มเติมในเรื่องการบำบัดโดยพลังจิต นี้สามารถติดตามอ่านบทความชุด "ทางเลือกบำบัด" ซึ่ง คุณกมลทิพย์ เอฟเว่นส์ จะเขียนให้อ่านกันในหญิงไทยฉบับต่อๆ ไป พร้อมกันนั้น คุณผู้อ่านก็อาจจะหาความรู้เพิ่มเติมได้จากหนังสือ "ออร่า" มหัศจรรย์แห่งกายแสงของมนุษย์ จัดพิมพ์โดย สำนักพิมพ์เพื่อนดี หรือเปิดเวบไซต์ www.beaconhealing.com


    From: <O:p></O:p>
    <O:p></O:p>


    http://www.yingthai-mag.com/detail.asp?ytcolumnid=102&ytissueid=586&ytcolcatid=2&ytauthorid=52


    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top height=17></TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. aelovejack

    aelovejack บุคคลทั่วไป

    ค่าพลัง:
    +0
    น่าสนใจ
     

แชร์หน้านี้

Loading...