[IMG] อรุณสวัสดิ์ค่ะ...^-^... ของฝากในวันนี้... "สิ่งที่ควรรีบขอเร็วๆ...คือ...ขอโทษ... สิ่งที่ควรให้เร็วๆ...คือ...ให้อภัย..." สุขภาพดี มีความสุขมากๆนะคะ...^^...
ลมหายใจที่ละเอียดในขณะบริกรรมนั้นถือว่าเข้าสู่วิถีแห่งการทำสมาธิที่ถูกต้องแล้ว เพราะจะเบาบางมากเหมือนไม่แน่ใจว่าหายใจอยู่รึป่าวนั่นเอง ก็บริกรรมไปเรื่อยๆ แต่แนะนำว่าไม่ควรทำเกิน 30 นาทีนะคะ ในการทำสมาธิ เพราะจิตแต่ละคนจะเริ่มมีการปรุงแต่งหลังจากนั้นแล้ว หากยังไม่ถูกฝึกให้ดีก่อนก็ไม่ควรนั่งนานนัก
และเกิดสุขโดยจิตที่ปรุงแต่งเอง ว่านั่นคือหนทางดับทุกข์ ซึ่งเป็นหนทางแห่งการทำวิปัสสนูปกิเลส หรือเรียกว่าวิปัสสนาตกน้ำ เป็นการทำที่สูญเปล่า การที่นิดเห็นแสงสว่างนั้นที่หน้าผาก นั่นก็คือฐานจิตที่บอกให้รู้ว่าอยู่ตรงนั้น ไม่ต้องไปตามหรือสงสัย ทุกๆ ครั้งที่เริ่มทำสมาธิก็กำหนดองค์บริกรรมพุทโธและไปอยู่ที่ฐานจิตได้เลยค่ะ
การทำสมาธิ บางคนอาจเกิดเห็นแสงสว่างในสมาธิ ซึ่งเรียกว่าโอภาส และบางคนก็จะเกิดน้ำตาไหล หรือขนลุก หรือ มีอาการตัวเล็กตัวใหญ่ในจิตขณะทำ ซึ่งเป็นอาการปิติ แต่นั่นแค่เป็นการมาลองดีของกิเลส ให้รู้ว่าเกิดอะไรก็พอค่ะ หรือจะเรียกว่ารู้สักแต่ว่ารู้ไม่ต้องตามไปดูว่ามีอะไรต่อ บางคนหลงตามไปกับสิ่งที่คิดว่านั่นเป็นทางแห่งการเจริญสมาธิ
ค่ะคุณนิด ขอให้เจริญในธรรมนะคะ ถ้ากลัวคุณหมอก็ไปหาคุณหมอหน้าตาใจดีๆ สิคะจะได้ไม่น่ากลัว เผื่อได้แฟนเป็นหมอไง อิอิอิ
ซึ่งทั้ง 5 จุดนั้นก็คือฐานจิตของแต่ละคน และเมื่อเรารู้ว่าฐานเราอยู่ที่ใดก็จดจำไว้อย่าเปลี่ยนไปมา ซึ่งนั่นจะทำให้เราไม่เจริญในการทำสมาธิ แห่งการทำสมถะกรรมฐานก่อนจะก้าวไปสู่วิปัสนากรรมฐาน
และในระหว่างที่บริกรรม จิตนั้นจะเกาะเกี่ยวกับลมหายใจไป สู่ฐานจิตในร่างของเรา ซึ่งแต่ละคนฐานจิตก็ต่างกัน บางคนฐานจิตนั้นจะอยู่ที่ปลายจมูก บางคนอยู่ที่หน้าผาก บางคนอยู่ที่ใบหน้า บางคนอยู่ที่หน้าอกเบื้องซ้าย ซึ่งก็คือหัวใจ และบางคนอยู่ที่หน้าท้อง
การรู้ลมหายใจเข้า-ออกไปพร้อมกับคำบริกรรมนั้น เพื่อให้จิตเรานั้นมีที่ยึด ก่อนเข้าสู่สมาธิ เปรียบเหมือนคำบริกรรมนั้นเป็นพี่เลี้ยงจูงเราเดิน เมื่อเราเดินไปได้ซักพัก คำบริกรรมนั้นจะหายไปเอง นั่นก็คือ พี่เลี้ยงก็หมดหน้าที่คอยจูงเรานั่นเองค่ะ