เอ ประโยคท้ายนั้นพูดสภาวะตัวเองใช่บ่ รู้อย่างเดียวถูกแล้ว จะเห็นว่า มันแค่รู้ ไม่เติมอะไรหลังรู้ เลยไม่เอาแม้รู้ มันเลยหยุดที่รู้ งง ไหม ภาวนาเสร็จ จึงพบว่า ไม่ได้อะไรมา ไม่เสียอะไรไป และเพราะรู้สึกอยู่ตลอดว่า ไม่ได้ภาวนาเพื่อเอาอะไร มันจึงเริ่มใหม่ทุกวัน ถ้าได้ทัศนะที่ว่า เริ่มใหม่ทุกวัน นี่ใกล้เคียงแล้ว ผลิกจากนี้จะเห็นแต่สายดับ เห็นแต่มันผ่านไปอย่างเดียว จบอย่างเดียว ไม่ใช่เกิดดับ เกิดดับแล้ว จะดับ ลูกเดียว มีเคว้ง ให้ดูเคว้งย้ำลงไปเลยนะ
ผิดตรงคนสอนคนแรกนั้นแหละ มีอุบายก็จริง แต่ไม่รู้ถ้วนเรื่องอินทรีย์ ทำให้ใช้อุบายเดิมกับคนทุกคน โดยลืมดูไปว่า หากทำให้ศรัทธาก่อน แล้วบอกให้ทิ้ง สุดท้ายคนบางอินทรีย์จะทิ้งไม่ได้ตามอุบาย ทำให้ติด แรงกว่า และแก้ไม่ได้ จนกว่าจะเลิกติดต่อกันสักระยะ กำลังที่สกดไว้ หมดลง ทีนี้ก็ขึ้นกับคนที่เรียนแล้วว่า จะทำกรรม แล้วยึดไว้แค่ไหน แต่เนื่องจากไม่ใช่ สติ ตัวจริงที่เกิดขึ้นเอง แต่เกิดด้วยอำนาจ ก็จะทำ ให้ยังไงก็ไม่เข้าใจธรรม
เรื่องลูก บทบาทใครเด่น ก็ต้องปล่อย อย่าไปแข่งด้วย ลูกจะสับสน(โดยสถิติ) หากใครเด่น แล้วอีกฝ่ายยอม ก็จะไม่มีปัญหามาก
ธรรมดานี่ พึ่ง 4 ขวบกันหรือไง ลูกชายอะ แต่พอ 10 ขวบ ก็กลับข้าง นู้น ไปตอน 13 - 15 ก็ พ่อแม่ค่อยปวดหัวใจ :)
อิอิ พระอาจารย์พูดถึง เล่าปัง ด้วยแฮะ แต่....เล่าปังนี้ใครไม่รู้นะ....รู้แต่ว่าเราน่าจะผูกพัน...อาจจะเป็น...ทาสเขา..ทำนองนั้น