ปฏิปทาพระธุดงคกรรมฐานสายหลวงปู่มั่น http://audio.palungjit.com/showthrea...=5775#post5775 9 บทเพลงประกอบสารคดีตามรอยพระอรหันต์ http://audio.palungjit.com/showthread.php?t=3020 เสียงธรรมบรรยายของ หลวงพ่อชา สุภทฺโท http://audio.palungjit.com/showthread.php?t=3022 อัตโนประวัติ พระอาจารย์ทูล ขิปฺปปญฺโญ http://audio.palungjit.com/showthread.php?t=3023
เพลงเพราะๆค่ะ เพลงอมตะ(ทางนฤพานของดังตฤณ) ตามลิงค์นี้นะคะ http://audio.palungjit.com/showthread.php?t=308
เหตุผลที่คนอกหักควรมีชีวิตอยู่..... นี่เป็นฟอร์เวิร์ดเมล ที่เจ้าของบล็อคได้มาจากพี่ที่ทำงาน ตอนที่เลิกกับแฟนปีที่แล้ว คิดว่า อาจจะเป็นประโยชน์ไม่น้อยกับคนที่ไม่สมหวังในความรัก ไม่ว่า คุณจะเป็นคนอกหัก หรือหักอกเค้า เชื่อว่าความเสียใจก็คงไม่แพ้กันค่ะ บางครั้งคนบอกเลิกน่ะ เสียใจมากและนานกว่าคนถูกบอกเลิกอีกนะ (ประสบการณ์ตรง อิอิ) >1. อยู่เพื่อคนที่เรารัก ซึ่งมีเยอะมากมาย พ่อแม่ ญาติ พี่น้อง เพื่อนฝูง >2. อยู่กินอาหารอร่อยๆ ของโปรด โดยไม่ต้องกังวลเรื่องน้ำหนัก สเต๊ก ช็อกโกแลต >พิซซ่า >3. อยู่เพื่อหาแฟนใหม่(ให้ได้ และให้ดีกว่าเดิม) >4. อยู่เพื่อทำสิ่งดีๆ ให้กับโลก โลกกำลังรอคนดี มีฝีมืออย่างเรา >5. อยู่เพื่องานที่กองสุมอยู่บนโต๊ะ ถ้าไม่มีเราสักคนใครจะสะสางได้ >6. อยู่เพื่อให้เห็นว่า เราเป็นคนเก่ง ที่ผ่านวิกฤติของชีวิตไปได้ >7. อยู่เพื่อพิสูจน์ว่า เวลารักษาแผลใจได้จริงๆ >8. อยู่เพื่อจะฟังเพลงอกหักทุกเพลง ที่แต่งขึ้นมาเพื่อเรา และมันจะเพราะมาก >9. อยู่เพื่อที่จะพูดคุยเรื่องละคร เรื่องเกมโชว์ >ไม่ต้องคุยเรื่องฟุตบอลอีกต่อไป >10. อยู่เพื่อจะเล่าเรื่องของวันนี้ เป็นเรื่องตลกของวันพรุ่งนี้ >11. อยู่เพื่อจะได้ดูหนังโรแมนติก คอมเมดี้ แทนที่จะต้องดูหนังบู๊ล้างผลาญ >12. อยู่เพื่อที่จะใช้ชีวิตแบบโดยไม่ต้องห่วงว่า >เราจะต้องโทรบอกใครหรือใครจะต้องโทรบอกเรา >13. อยู่เพื่อที่จะรู้ว่าค่าโทรศัพท์ของเราลดลง จนสามารถซื้อกระเป๋า รองเท้า >ที่อยากได้มานาน >14. อยู่เพื่อจะรู้ว่าจริงๆแล้ว >ก็แค่กลับมาทำตัวให้เหมือนตอนที่ยังไม่รู้จักเขาเท่านั้นเอง >15. อยู่เพื่อที่จะได้แต่งตัวตามสบาย ตามสไตล์เรา >16. อยู่เพื่อที่จะได้ดูแลตัวเองให้สวยขึ้น >17. อยู่เพื่อที่จะรู้ว่า ความสวยของเราไม่ได้หยุดชะงักเหมือนความสูง >18. อยู่เพื่อจะเรียนรู้ว่า คนอื่นก็เจอ...และเขาก็อยู่ได้ >19. อยู่เพื่อจะเรียนรู้ว่าชีวิตหนึ่ง...ต้องเจอบ้าง >20. อยู่เพื่อจะรู้ว่าการเสียน้ำตาเยอะๆ >ไม่ทำให้ร่างกายเสียศูนย์เหมือนโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน >21. อยู่เพื่อที่จะต้องเก็บเกี่ยวประสบการณ์ เพื่อให้คติ ข้อคิดกับคนอื่นได้ >22. อยู่เพื่อที่จะพูดคุยกับเพื่อนฝูงเรื่องเฮฮาปาร์ตี้ >ไม่ใช่ปรึกษาปัญหาหัวใจอีกต่อไป >23. อยู่เพื่อเรียนรู้ว่าการเดินคนเดียวทำให้มีพื้นที่เดินเยอะขึ้น >24. อยู่เพื่อที่จะเพิ่มคนเข้มแข็งให้กับโลกอีกหนึ่งคน >25. อยู่เพื่อให้เขาเห็นว่า ไม่มีเขา แต่โลกก็ยังหมุนและเราก็ไม่ตาย [IMG]ที่มา:http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=kaichanan&month=06-2007&date=06&group=1&gblog=16
โพสถ์ไว้อ่านเองไม่เกี่ยวกับใครในเวป พระอานนท์ - น้องหญิงพระพุทธเจ้าเคยตรัสไว้ว่า ปกติของ คนเราอาจรู้ได้ด้วยการอยู่ร่วยมกันและต้องอยู่ร่วมกันนานๆ ต้องมีโยนิโสนมสิการ ต้องมีปัญญารู้ว่า คนนี้ดีหรือไม่ดี นี่น้องหญิงพบเราเพียงครู่เดียว จะตัดสินได้อย่างไรว่า เราเป็นคนดี เราอาจอ้างชื่อพระอานนท์ก็ได้ โกกิลา - พระคุณเจ้าเป็นใครก็ช่างเถิด ข้าพเจ้ารักท่าน ซึ่งข้าพเจ้าสนทนาอยู่ด้วยเวลานี้ พระอานนท์ - น้องหญิง ความรักเป็นเรื่องร้าย มิใช่เป็นเรื่องดี พระศาสดาตรัสว่า ความรักเป็นเหตุให้เกิดทุกข์โศกและทรมานใจ เธอชอบความทุกข์หรือ โกกิลา - ข้าพเจ้าไม่ชอบความทุกข์เลยพระคุณเจ้า และความทุกข์นั้น ใครๆก็ไม่ชอบ แต่ข้าพเจ้ามีความรัก โดยเฉพาะรักพระคุณเจ้า พระอานนท์ - จะเป็นไปได้อย่างไรน้องหญิง ในเมื่อทำเหตุก็ต้องได้รับผล การที่จะมีรักและไม่ให้ทุกข์ติดตามมานั้น เป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ โกกิลา - แต่ข้าพเจ้ามีความสุขเมื่อได้เห็นพระคุณเจ้า ได้สนทนากับพระคุณเจ้า ผู้เป็นที่รักอย่างยิ่งของข้าพเจ้า พระอานนท์ - ถ้าไม่ได้เห็นอาตมา ไม่ได้สนทนากับอาตมา น้องหญิงจะมีความทุกข์ไหม โกกิลา - แน่นอนทีเดียว ข้าพเจ้าจะต้องมีความทุกข์อย่างมาก พระอานนท์ - นั่นแปลว่า ความรักเป็นเหตุให้เกิดทุกข์แล้วใช่ไหม โกกิลา - ไม่ใช่ พระคุณเจ้า นั่นเป็นเพราะการพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักต่างหากเล่า มิใช่เพราะความรัก พระอานนท์ - ถ้าไม่มีรัก การพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก จะมีได้หรือไม่ โกกิลา - ไม่ได้ พระคุณเจ้า พระอานนท์ - นี่แปลว่า น้องหญิงยอมรับแล้วใช่ไหม ว่าความรักเป็นสาเหตุชั้นที่หนึ่งที่ทำให้เกิดทุกข์ ผู้หญิงใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล โกกิลา - ความรักที่ก่อให้เกิดทุกข์ ที่พระคุณเจ้ากล่าวถึงนั้น คงเป็นความรักของคนที่รักไม่เป็นเสียแล้วกระมัง คนที่รักเป็นย่อมรักได้ โดยมิให้เป็นทุกข์ พระอานนท์ - น้องหญิงเคยรักหรือ เคยรักใครมาบ้างหรือไม่ โกกิลา - ไม่เคยมาก่อนเลย ครั้งนี้เป็นครั้งแรกและคงจะเป็นครั้งสุดท้ายอีกด้วย พระอานนท์ - ในเมื่อไม่เคย ทำอย่างไรเธอจะรักให้เป็น โดยไม่ต้องเป็นทุกข์ได้ น้องหญิง คนที่จับไฟนั้น จะจับเป็นหรือไม่เป็น จะรู้หรือไม่รู้ ถ้าลองได้จับไฟด้วยมือแล้ว คงร้อนเหมือนกันใช่ไหม โกกิลา - ใช่พระคุณเจ้า พระอานนท์ - ความรักก็เหมือนกับไฟนั่นแหละ การที่จะไม่ให้มือพองเพราะไฟเผามีอยู่ทางเดียว คือ อย่าจับไฟ อย่าเล่นกับไฟ รักก็เหมือนกัน ทางที่ปลอดภัยจากรักก็มีอยู่ทางเดียว ก็อย่ารัก ########## เมื่อไล่เท่าไหร่ก็ไม่ไป พระศาสดาได้ยินเลยเรียกนาง มาสนทนา พระพุทธเจ้า - ภคินี เธอรักใครพอใจในอานนท์หรือ โกกิลา - พระเจ้าค่า พระพุทธเจ้า - เธอรักอะไรในอานนท์ โกกิลา - ข้าพเจ้ารักนัยน์ตาพระอานนท์เจ้าข้า พระพุทธเจ้า - นัยน์ตานั้นประกอบด้วยเส้นพระสาทและเนื้ออ่อน ต้องหมั่นเช็ดสิ่งสกปรกในดวงตาอยู่เป็นนิจ มีขี้ตาไหลออกจากนัยน์ตาอยู่เสมอ ครั้นแก่ลงก็จะขุ่นมัว ฝ้าฟางไม่สดใส อย่างนี้ เธอจะรักนัยน์ตาของอานนท์อยู่หรือ โกกิลา - ถ้าอย่างนั้น ข้าพระองค์รักหูของพระอานนท์พระเจ้าค่า พระพุทธเจ้า - ภคินี หูนั้นประกอบด้วยเส้นเอ็นและเนื้อ ภายในช่องหู มีของโสโครกเป็นอันมาก มีกลิ่นเหม็น ต้องแคะไค้อยู่เสมอ ครั้นชราลงก็หนวก จะฟังเสียงอะไรก็ไม่ถนัด หรืออาจไม่ได้ยินเลย ดังนี้ เธอยังจะรักอยู่หรือ โกกิลา - ถ้าอย่างนั้น ข้าพเจ้ารักจมูกอันโด่งงามของพระอานนท์พระเจ้าค่า พระพุทธเจ้า - ภคนี จมูกนั้นประกอบด้วยกระดูกอ่อน มีโพรง ภายในมีเส้นขนกับของของโสโครก มีกลิ่นเหม็นเป็นก้อนๆ อย่างนี้เธอยังจะรักอีกหรือ พระพุทธองค์แสดงให้เห็นถึงความเป็นจริงของร่างกาย มีสิ่งปฏิกูล เหมือนถุงหนังบรรจุสิ่งโสโครก ที่ต้องเอาสิ่งสกปรกออกมาอยู่เสมอ แม้ภายนอกจะดี แต่อุปมาก็เหมือนหีบศพที่สวยงาม แต่ห่อหุ้มร่างเปื่อยเนาอยู่ฉันใดก็ฉันนั้น นอกจากนี้ ยังมีคำที่น่าสนใจอื่นๆจากเรื่องความรักความร้ายนี้นะคะ เช่น - อย่าให้ตัวเองตกอยู่ใต้อำนาจของความรัก เพราะการพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รักนั้น มันทรมาน และเรื่องจะบังคับมิให้พลัดพราก ก็เป็นเรืองสุดวิสัย เราต้องพลัดพรากจากสิ่งอันเป็นที่รัก ไม่วันใดก็วันหนึ่ง - เมื่อใดความรักและความหลงครอบงำ เมื่อนั้น บุคคลก็มืดมน เสมือนคนตาบอด- ในจักรวาลนี้ไม่มีไฟอะไรร้อนแรงและดับยากเท่าไฟรัก ความรักเป็นความเรียกร้องของหัวใจ มนุษย์เราทำอะไรลงไปเพราะเหตุเพียงสองอย่างเท่านั้น คือเพราะหน้าที่อย่างหนึ่ง และเพราะความเรียกร้องของหัวใจอีกอย่างหนึ่ง ประการแรก แม้จะทำสำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง มนุษย์ก็ไม่ค่อยจะเดือดร้อนเท่าใดนัก เพราะคนส่วนมากหาได้รักหน้าที่เท่ากับความสุขส่วนตัวไม่ แต่สิ่งที่หัวใจเรียกร้องนี่ซิ ถ้าไม่สำเร็จ หรือไม่สามารถสนองได้ หัวใจจะร่ำร้องอยู่ตลอดเวลา มันจะทรมานไปจนกว่าจะหมดฤทธิ์ของมันหรือมนุษย์ผู้นั้นตายจากไป - ความรักย่อมมีวงจรของมัน จนกว่ารักนั้นจะสิ้นสุดลง ชีวิตมักจะเป็นอย่างนี้เสมอ เมื่อใครคนหนึ่งพยายามดิ้นรนหาความรัก เขามักจะไม่สมปรารถนา แต่พอเขาทำท่าจะหนี ความรักก็ตามมา ความรักจึงมีลักษณะคล้ายเงา เมื่อบุคคลวิ่งตามมันจะวิ่งหนี แต่เมื่อเขาวิ่งหนี มันจะวิ่งตาม