ความจริงที่คุณยังไม่รู้เกี่ยวกับวัดธรรมกาย

ในห้อง 'งานบุญอื่นๆ' ตั้งกระทู้โดย common good fon, 5 มิถุนายน 2015.

  1. common good fon

    common good fon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    569
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,035
    ทำความเข้าใจเรื่อง ที่ดินวัดพระธรรมกาย
    ความจริงที่คุณยังไม่รู้ เกี่ยวกับวัดพระธรรมกาย (ตอนที่ 1)



    ที่มีการกล่าวหาโจมตีพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) เจ้าอาวาสวัดพระธรรมกาย ว่าโกงที่ดินวัดไป แล้วพอโดนทักท้วง จึงยอมคืนที่ดินให้กับวัด เรื่องนี้มีเรื่องราวความจริงอย่างไร ?
    ตอบ ความจริงมีดังนี้

    1. ญาติโยมที่เป็นผู้ถวายที่ดินยืนยันว่า ตั้งใจถวายที่ดินแด่พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) เพราะมีความศรัทธาในตัวท่าน ในโฉนดที่ดินก็ระบุไว้อย่างชัดเจนว่า เจ้าของที่ดินเดิมถวายพระราชภาวนาวิสุทธิ์ เพื่อใช้ในกิจการพระพุทธศาสนา

    2. หากถวายวัด ที่ดินนั้นจะกลายเป็นธรณีสงฆ์ ซึ่งมีข้อจำกัดในการใช้งาน คือ ไม่สามารถใช้สร้างวัดใหม่ขึ้นมาได้ แม้ว่าจะอยู่คนละจังหวัด เพราะจะกลายเป็นวัดซ้อนวัด ถือว่าผิดพระวินัย

    3. เจ้าของที่ดินหลายแปลงได้เดินทางมาเป็นพยานในศาล ยืนยันว่า ตั้งใจถวายที่ดินแด่พระราชภาวนาวิสุทธิ์ เป็นการส่วนตัว เพราะศรัทธาในการทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาของท่าน

    4. เจ้าหน้าที่กรมการศาสนาที่เป็นโจทก์ฟ้องร้อง กลับแย้งเจ้าของที่ดินว่า เมื่อเขียนในโฉนดว่า ถวายพระราชภาวนาวิสุทธิ์ เพื่อใช้ในกิจการพระพุทธศาสนา แสดงว่าต้องถวายวัด ซึ่งคำพูดนี้ ถือเป็นเรื่องแปลกประหลาดที่ขัดต่อความเป็นจริงมาก เพราะเจ้าของที่ดินได้ยืนยันแล้วว่า ถวายที่ดินแด่พระราชภาวนาวิสุทธิ์ แต่เจ้าหน้าที่กรมการศาสนากลับทำตัวรู้ดีกว่าเจ้าของที่ดิน แล้วหาเรื่องฟ้องวัด

    5. เจ้าหน้าที่กรมการศาสนาได้ยืนยันต่ออีกว่า “ ถ้าหากจะใช้ในกิจการพระพุทธศาสนา ที่ดินจะต้องเป็นของวัดเท่านั้น ”
    เมื่อ เจ้าหน้าที่กรมการศาสนาพูดอย่างนี้ ทนายจึงขอถามกลับว่า “หากพระราชภาวนาวิสุทธิ์นำที่ดินนี้ไปสร้างศูนย์
    ปฏิบัติธรรมเผยแผ่ธรรมะ จะถือเป็นกิจการของพระพุทธศาสนาหรือไม่ ? ”

    เจ้าหน้าที่กรมการศาสนาตอบว่า “ไม่เป็นกิจการพระพุทธศาสนา ต้องเป็นวัดอย่างเดียวเท่านั้น ”

    จากนั้นทนายก็ถามต่อว่า “ แล้วพุทธมณฑล ซึ่งไม่ได้เป็นวัด ถือเป็นกิจการพระพุทธศาสนาหรือไม่ ? ”

    เจ้าหน้าที่กรมการศาสนาหยุดคิด ! จึงทำให้ทนายพูดย้ำทันทีว่า “คิดให้ดีก่อนตอบ เพราะมีพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จด้วย ”

    จากนั้นเจ้าหน้าที่กรมการศาสนาจึงตอบว่า “พุทธมณฑลขอยกเว้น ถือเป็นกิจการพระพุทธศาสนา !”

    ***(อ้าว ! แล้วทำไมคราวนี้ ถึงยอมตอบว่าพุทธมณฑลเป็นกิจการศาสนา ทั้งๆ ที่ไม่ใช่วัด ตรงนี้น่าคิดไหม ??? แต่ทีพระราชภาวนาวิสุทธิ์ นำที่ดินที่เขาถวายมาสร้างศูนย์ปฏิบัติธรรมทำกิจกรรมพุทธศาสนาบ้าง กลับบอกไม่ใช่ !!! )

    6. ดูจากเรื่องราวทั้งหมด
    สาธุชนผู้มีใจเป็นธรรม ก็คงจะตอบได้ทันทีว่า เรื่องนี้ถือเป็นการหาเรื่องกัน คือ เอาเรื่องไม่เป็นเรื่อง มาทำให้กลายเป็นเรื่อง เพื่อโจมตีวัด !

    7. ปัจจุบันก็ยังมีสาธุชนจำนวนมากถวายที่ดินแด่พระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หรือ พระเทพญาณมหามุนีในปัจจุบัน) โดยทำพิธีถวายท่ามกลางสาธุชนเรือนแสน และได้เปล่งคำถวายถึง 3 รอบ ว่า.. “ถวายท่านเป็นการส่วนตัว ท่านจะนำไปใช้งานก็ได้ หรือหากที่ดินนั้นไม่เหมาะในการใช้งานจะนำไปจำหน่าย เพื่อนำทรัพย์มาใช้ในงานพระพุทธศาสนาก็ได้” ซึ่งมีการบันทึก
    วิดีโอไว้เป็นการยืนยันเจตนาของเจ้าของที่ดินตลอด เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้นมาอีก

    8. การที่สื่อมวลชนลง
    ข่าวว่า พระราชภาวนาวิสุทธิ์ “ คืน” ที่ดินให้วัด ถือเป็นการใช้คำที่ผิด ซึ่งก่อให้เกิดความเข้าใจผิดตามมาอีกมากมาย ทั้ง ๆ ที่ความจริง คือ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ ได้ยกที่ดินดังกล่าวให้วัดพระธรรมกาย โดยที่ไม่ได้ยักยอกมาแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะอยากให้เรื่องจบ อีกทั้งยังเป็นการทำตามพระลิขิตสมเด็จพระสังฆราช เพื่อรักษาพระเกียรติของท่านด้วยความบริสุทธิ์ใจ

    9. พระเทพญาณมหามุนี (หลวงพ่อธัมมชโย) ท่านบวชอุทิศชีวิตเพื่อพระพุทธศาสนามา 46 พรรษาแล้ว เป็นผู้สร้างวัดพระธรรมกายและวัดสาขาทั่วโลก 161 แห่ง เผยแผ่ธรรมะสู่ประชาชนนับสิบ
    ล้านคน มีคุณูปการมากมายต่อพระพุทธศาสนา ปัจจุบันท่านอายุกว่า 70 ปีแล้ว ทุ่มเทเวลาทั้งหมดเพื่อการปฏิบัติธรรม และเผยแผ่ธรรมะสู่ประชาชน ดังนั้นการกล่าวหาว่า ท่านยักยอกที่ดินวัด ถือเป็นเรื่องไร้สาระ เพราะหากเราเป็นท่านที่สร้างสถานที่ปฏิบัติธรรมหลายแห่งมากับมือขนาดนี้ จะมายักยอกที่ดินที่เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมไปทำไม ? ในเมื่อที่ดินนั้นท่านก็ให้สาธุชนมาใช้ปฏิบัติธรรม !


    “ สิ่งที่บุคคลผู้หนึ่งทำมาตลอดทั้งชีวิต เชื่อถือได้มากกว่าคำพูดโจมตีกล่าวร้ายของใคร ”

    ___________________________________________
     
  2. common good fon

    common good fon เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    31 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    569
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +1,035

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 1.jpg
      1.jpg
      ขนาดไฟล์:
      796.1 KB
      เปิดดู:
      185
    • 580410-2[1].jpg
      580410-2[1].jpg
      ขนาดไฟล์:
      735.2 KB
      เปิดดู:
      101
    • 580410-4[1].jpg
      580410-4[1].jpg
      ขนาดไฟล์:
      673.5 KB
      เปิดดู:
      106
    • 580410-3[1].jpg
      580410-3[1].jpg
      ขนาดไฟล์:
      638.4 KB
      เปิดดู:
      104
  3. ศนิวาร

    ศนิวาร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 เมษายน 2008
    โพสต์:
    7,337
    ค่าพลัง:
    +17,635
    ถ้านับถอยหลังไปตั้งแต่เริ่มก่อตั้งวัดพระธรรมกายเป็นต้นมา(ปี ๒๕๒๐) พฤติกรรมตามที่นายแพทย์ประเวศ วะสี กล่าวไว้ มีความเข้มข้นขึ้นตามลำดับ ทั้งในแง่ของการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อระดมทุน และความขัดแย้งภายในวัด นับแต่ตั้งชื่อวัด(ปี พ.ศ. ๒๕๒๔)ตามชื่อผู้บริจาคที่ดินจำนวน ๑๙๖ ไร่ ว่า “วัดวรณีย์ธรรมกายาราม” และเปลี่ยนมาเป็น “วัดพระธรรมกาย” ในปีเดียวกัน อันมีสาเหตุมาจากความขัดแย้งอย่างรุนแรงด้านความคิด เกี่ยวกับการสร้างวัด ซึ่งอาจารย์วรณีย์ ต้องการให้สร้างวัดตามประเพณีนิยมแบบไทยๆ แต่พระธัมมชโยไม่เห็นด้วย และขัดขวางกลั่นแกล้งทุกวิถีทาง อาจารย์วรณีไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะได้โอนกรรมสิทธิ์ในที่ดินยกให้เป็นของวัดเรียบร้อยแล้ว แต่มาถึงขั้นมีการทะเลาะแตกหักกับพระธัมมชโย และพระธัมมชโยได้สั่งตัดคำ “วรณีย์” ออกจากชื่อของวัด ๑ ซึ่งสอดคล้องกับคำให้สัม-ภาษณ์ของนายสมัคร สุนทรเวช หัวหน้าพรรคประชากรไทย ว่า

    “พ่อของนางสาววรณีย์เป็นลุงตน ได้รับมรดกมาจากป้า เมื่อจบการศึกษาจากต่างประเทศก็มาสอนที่วัดชนะสงคราม ได้เงินเดือนๆละ ๓,๐๐๐ บาท เมื่อคุณป้าคือ คุณหญิงหยด และคุณหญิงย้อย บอกให้นำเงินเดือนไปถวายพระ และด้วยความเลื่อมใสหลวงพ่อสด วัดปากน้ำ เมื่อลูกศิษย์ต้องการขยายวัดก็ได้มาชวน จึงได้บริจาคที่ดิน ๑๙๓ ไร่ให้ไป ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดในปัจจุบัน โดยใช้ชื่อในตอนแรกว่าวัดวรณีย์ธรรมกายารามจากนั้นไม่นาน มีข่าวว่านางสาววรณีย์จะนำเงิน ๕ ล้านบาทไปถวายหลวงพ่อลิงดำ ทำให้ลูกศิษย์หลวงพ่อสด ๒ องค์นี้ไม่พอใจ เมื่อวันเปิดตัววัดใหม่ ก็ไม่ได้เชิญนางสาววรณีย์ สุดท้ายญาติผู้พี่ของตนจึงได้นำเงินไปบริจาคให้วัดปากน้ำ สร้างศาลาหินอ่อนเพื่อนั่งสมาธิ ตั้งแต่นั้น วัดพระธรรมกายและคุณพี่วรณีย์ก็ขาดกัน และขอให้เปลี่ยนชื่อวัดใหม่ มีการใช้ชื่อธรรมกายมาจนถึงทุกวันนี้..”


    https://www.google.co.th/url?sa=t&r...PSwjG4Oqcj3rbOiyafl7bOQ&bvm=bv.95039771,d.c2E
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 6 มิถุนายน 2015

แชร์หน้านี้

Loading...