ตลิ่งจะพัง แผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย เกษม, 13 กุมภาพันธ์ 2011.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    นักวิทยาศาสตร์ทั่วโลก เรียกร้องยูเอ็นเตือนภัยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า


    เผยแพร่เมื่อ 11 พ.ค. 2015​

    นักวิทยาศาสตร์เกือบ 200 คน ร่วมกันลงชื่อเรียกร้องให้สหประชาชาติ กำหน­ดแนวทางเพื่อป้องกันอันตรายจากคลื่นแม่เหล­็กไฟฟ้า ที่ออกมาจากโทรศัพท์มือถือรวมถึงอุ­ปกรณ์ไร้สาย
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ทอร์นาโดกระหน่ำแถบมิดเวสต์ของสหรัฐฯ


    เผยแพร่เมื่อ 11 พ.ค. 2015​

    มีรายงานว่าพายุทอร์นาโดกว่า 70 ลูก ก่อตัวขึ้นในแถบมิดเวสต์และเพลนส์สเตทส์ขอ­งสหรัฐ สร้างความเสียหายในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะเมืองแวน (Van) ในรัฐเท็กซัสซึ่งเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้­รับความเสียหายมากที่สุด มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 คน ได้รับบาดเจ็บอีกหลายสิบคนและยังสูญหายไปอ­ีก 3 คน ขณะที่อาคารบ้านเรือนถูกพายุพัดพังระหว่าง 50 -100 หลัง รวมทั้งโรงเรียน 2 แห่งในพื้นที่ หน่วยบรรเทาสาธารณภัยเปิดเผยว่า พื้นที่ของเมืองแวนได้รับความเสียหายถึงร้­อยละ 30 จากพายุ

    นอกจากนี้่พายุทอร์นาโดยังพัดถล่มเมืองเดล­มอนท์(Delmont) ในรัฐเซาธ์ ดาโกตา สร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือนและสิ่งปล­ูกสร้าง อิทธิพลของพายุยังทำให้เกิดพายุฝนและพายุล­ูกเห็บ ส่งผลให้เกิดน้ำท่วม ต้นไม้และเสาไฟฟ้าหักโค่น

    หลังพายุสงบ ประชาชนต่างกลับมาเก็บกวาดซากค­วามเสียหายของบ้านเรือน ท่ามกลางซากปรักหักพังและซากรถยนต์ ที่ได้ร­ับความเสียหายจากพายุ ส่วนที่เมืองเลคซิตี้ ในรัฐไอโอวา มีรายงานว่าพายุทอร์นาโดสร้างความเสียหายใ­ห้กับหลังคาโรงเรียนมัธยมที่หลุดปลิวว่อนใ­นขณะที่นักเรียน 150 คน กำลังเข้าร่วมพิธีรับรางวัลแต่ไม่มีผู้ไ­ด้รับบาดเจ็บ
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เนปาลกำหนดยุติบรรเทาทุกข์ เมื่อเข้าฤดูมรสุม-ยอดผู้เสียชีวิตเกิน 8 พันคน


    เผยแพร่เมื่อ 11 พ.ค. 2015​

    เนปาลกำหนดยุติการบรรเทาทุกข์ผู้ประสบภัยแ­ผ่นดินไหว เมื่อฤดูมรสุมของปีนี้มาเยือน ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น เกิน 8,000 คนแล้ว บาดเจ็บอีกเกือบ 18,000 คน
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    การหลีกเลี่ยงอันตรายจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า

    [​IMG]

    ปัจจุบันเทคโนโลยี เข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันของคนเรามากขึ้น ซึ่งก็ล้วนอยู่ในอุปกรณ์ไฟฟ้าที่เราใช้งานกันอยู่นี่เอง ซึ่งอุปกรณ์เหล่านี้แม้จะช่วยอำนวยความสะดวกสบายให้กับเราก็ตามที แต่ก็ให้โทษด้วยเช่นกัน หลายคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่ออกมาจากอุปกรณ์ไฟฟ้า อาทิเช่น เตาไมโครเวฟ โทรทัศน์ โทรศัพท์มือถือ เป็นต้น ซึ่งอุปกรณ์แต่ละชนิด มีปริมาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาแตกต่างกัน

    ดังนั้นหากเราหลีกเลี่ยงการสัมผัสคลื่นโดยตรง หรือลดปริมาณการสัมผัสคลื่นได้ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงจากผลกระทบของคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่อาจเกิดกับร่างกายของเราได้ค่ะ

    วิธีการลดความเสี่ยง

    โทรศัพท์มือถือ :
    อย่าคุยโทรศัพท์นาน ยิ่งคุยนานเท่าไร ปริมาณคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่จะเข้าไปในศีรษะ ก็จะยิ่งมีมากเท่านั้น แต่หากจำเป็นต้องคุยเป็นเวลานาน ควรใช้ Small Talk แทนการแนบโทรศัพท์ไว้ที่หูโดยตรง โดย Small Talk แบบมีสาย จะลดปริมาณคลื่นได้มากกว่าแบบไร้สาย และควรวางโทรศัพท์ให้ห่างจากตัว เพื่อลดปริมาณคลื่นที่จะเข้าสู่ร่างกาย ทางที่ดีใช้โทรศัพท์บ้านแบบสายแทนได้ก็ดี เพราะไม่มีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมา

    โทรศัพท์ไร้สาย :
    ควรตั้งฐานเครื่องไว้ที่ช่องทางเดิน ไม่ควรวางไว้ในห้องนอนหรือห้องใดห้องหนึ่ง เพราะฐานเครื่องจะส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมา แม้ว่าเครื่องจะอยู่ในสถานะสแตนด์บายก็ตามที ดังนั้นหากจะเลือกซื้อ ควรเลือกรุ่นที่ไม่ได้ส่งสัญญาณตลอดเวลา และสามารถปิดสัญญาณได้เมื่อวางตัวเครื่องไว้กับฐานเครื่อง

    เครือข่ายไร้สาย (Wireless LAN) :
    เมื่อไม่ได้ใช้ ก็ควรที่จะปิดตัวกระจายสัญญาณหรือ Access Point เพราะจะกระจายคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าในระยะทางที่กว้าง แต่หากยุ่งยากเกินไป ก็ให้เลือกใช้รุ่นที่สามารถลดความเข้มของคลื่นแทนได้

    เตาไมโครเวฟ :
    อย่านั่งหรือยืนหน้าเตาไมโครเวฟ ระหว่างที่กำลังทำหรืออุ่นอาหาร เพราะถึงแม้ว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า จะถูกกำหนดให้อยู่เฉพาะที่เตาไมโครเวฟก็ตาม แต่ในบางครั้งคลื่นก็สามารถเล็ดลอดออกมาภายนอกได้ ดังนั้นยิ่งเราอยู่ห่างได้มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งดีเท่านั้น และเมื่ออาหารอุ่นเสร็จแล้ว ควรรอสักครู่ก่อนหยิบอาหาร ควรสวมถุงมือที่ทำด้วยผ้าก่อนหยิบทุกครั้ง จะช่วยลดคลื่นที่ยังตกค้างอยู่ได้บ้าง

    โทรทัศน์และคอมพิวเตอร์ :
    ไม่ควรนั่งอยู่ใกล้หน้าจอมากเกินไป เพราะนอกจากจะส่งผลเสียต่อดวงตาแล้วยังได้รับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่ส่งออกมาจากหน้าจออีกด้วย

    จะเห็นได้ว่าอุปกรณ์หลายชนิดที่กล่าวมาข้างต้น มักใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวันเป็นส่วนใหญ่ แม้ยังไม่มีข่าวออกมาว่ามีผู้ได้รับผลรุนแรงจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าก็ตามที แต่เราควรป้องกันตัวเองไว้ก่อนจะดีกว่าค่ะ

    ชุติมา สุวานิชย์ วันที่ : 21 มกราคม 2552 เวลา 8:56:53 น.

    อุปกรณ์ไฟฟ้าทุกชนิด มีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าทั้งนั้น แต่ก็จะมีมากน้อยแตกต่างกันไป แม้แต่ในสายไฟที่ใช้เดินในอาคาร บ้านเรือนก็มีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า แต่คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ที่ปล่อยออกมาก็มีปริมาณน้อยมาก

    โดย: t วันที่: 3 กันยายน 2552 เวลา:11:41:32 น.

    ไม่น่าเชื่อเลยว่าคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะร้ายแรงเหมือนกัน

    โดย: แตง-ครวรรค์ วันที่: 4 กันยายน 2553 เวลา:20:39:29 น.

    จริง ๆ แล้วคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้ามันอันตรายมาก ๆ มันเหมือนมลพิษในอากาศ ที่เราไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เลย คนส่วนใหญ่ก็รู้ถึงอันตราย แต่ก็ไม่ค่อยใส่ใจมาก เหมือนเส้นผมบังภูิเขา คล้ายกับอันตรายจากบุหรี่ คนก็รู้แต่ก็ยังสูบอะไรอย่างนั้น เพราะฉะนั้นป้องกันเอาไว้ดีกว่าแก้ เพราะไม่ว่าสถาบันใด ๆ ก็ไม่กล้าการันตี ว่าคลื่นนี้ปลอดภัยหรือไม่ปลอดภัยต่อสุขาภาพร่างกายของเรา

    แต่ที่แน่ ๆ มันเห็นผลในระยะสั้นและระยะยาว ในระยะสั้น เช่น เมื่อคุยโทรศัพท์นาน ๆ จะรู้สึกปวดหู ปวดศรีษะ มึน งง อยากอาเจียร หรือแม้แต่การใช้อินเตอร์เน็ต ถ้าใครเคยแพ้ท้องจากการตั้งครรภ์ จะรู้สึกได้ว่า เมื่อเวลาที่เราอยู่หน้าจอคอมฯ นานๆ หรือเข้าอินเตอร์เน็ต นานๆ ต่อเนื่องเกิน 1 ชั่วโมง จะเวียนศรีษะ เหมือนคนแพ้ท้อง มึนศรีษะ

    การป้องกันจากรังสีคลื่นแม่เหล็ไฟฟ้าจากโทรศัพท์

    ข้อแนะนำสำหรับประชาชนหรือผู้บริโภค เพื่อป้องกันมิให้เกิดอันตรายในอนาคต คือ

    1 ) ควรใช้แต่ละครั้งให้น้อยลง
    2) ควรใช้อุปกรณ์หูฟังทุกครั้งที่ใช้ เพราะจะทำให้ได้รับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าน้อยลง
    3) หลีกเลี่ยงการใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 10 ขวบ เพราะคลื่นแม่เล็กไฟฟ้าจะผ่านกะโหลกศีรษะของเด็ก เข้าสู่เยื่อสมองได้ลึกกว่าของผู้ใหญ่
    4) หลีกเลี่ยงใช้ในที่มีสัญญาคลื่นโทรศัพท์จากสถานีส่งต่ำ เพราะผู้ใช้จะได้รับปริมาณคลื่นที่ส่งออกมาจากโทรศัพท์มือถือสูงกว่าปกติ
    5) หลีกเลี่ยงการใช้ในขณะขับรถ เพราะทำให้ขาดสมาธิ จะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้
    6) หลีกเลี่ยงการใช้ในขณะเติมน้ำมันรถยนต์ เพราะจะทำให้เกิดอุบัติเหตุไฟไหม้ได้
    7) ควรปิดมือถือก่อนเข้าไปในบริเวณที่มีการรับจ่ายน้ำมันและก๊าซ และการขนย้ายเชื้อเพลิงหรือสารเคมี

    ทั้งนี้ หน่วยงานรัฐบาลที่รับผิดชอบ ควรจะมีการให้ข้อมูลข่าวสารทางวิชาการที่ถูกต้อง และทันเหตุการณ์กับประชาชน เพื่อสร้างความเข้าใจ ทำให้หมดความสงสัย และการตื่นตระหนัก และสร้างจิตสำนึกด้านความปลอดภัยในการใช้โทรศัพท์มือถือ รวมทั้งมีมาตรการควบคุมอันตรายที่จะเกิดขึ้น ซึ่งจะทำให้การแก้ไขปัญหา เกี่ยวกับอันตรายจากการใช้โทรศัพท์มือถือในประเทศไทย มีประสิทธิภาพและมีผลดีขึ้นในอนาคต

    โดย: คนรักสุขภาพ วันที่: 29 พฤศจิกายน 2553 เวลา:19:55:36 น.

    ที่มา www.bloggang.com/viewdiary.php?id=anotherside&month=01-2009&date=21&group=2&gblog=86
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    "ถ่าน" มีคุณสมบัติสารพัดประโยชน์จริงๆ

    [​IMG]

    หลายๆคน คงไม่เคยรู้ว่าถ่านหุงข้าวนี่มีประโยชน์มากกว่าใช้เป็นเชื้อไฟในการหุงหาอาหาร ถ่านยังเป็นเครื่องยาไทยที่สำคัญชนิดหนึ่ง และยังใช้ในการเกษตรอีกด้วย งั้นมาลองทำความรู้จักถ่านในด้านอื่นๆกัน ถ่านไม้ที่เราคุ้นเคยกันดีนั้นเป็นธาตุคาร์บอน ชนิดหนึ่ง ที่มีอยู่ทั่วไปบนโลก ร่างกายของคนสัตว์และสิ่งมีชีวิตต่างๆล้วนแต่ประกอบไปด้วยคาร์บอนทั้งนั้น ถ่านเป็นธาตุประเภทอโลหะ คือไม่ใช่โลหะ มีคุณสมบัติพิเศษมากมายชนิดที่หาธาตุอื่นใดมาเทียบได้ยาก มีทั้งชนิดที่สีดำสนิทและใสกิ๊งไม่มีสี มีทั้งที่เนื้อเปื่อยยุ่ยไปจนถึงแข็งแกร่งที่สุด ถ่านมีเชื้อสายเดียวกับเพชรและกราไฟต์ คนจีนเอาถ่านเข้าไปผสมกับเหล็กที่หลอมละลายนั้น แล้วเทน้ำเหล็กดังกล่าวลงในแม่พิมพ์ เมื่อเย็นลงก็ได้เหล็กที่แข็งมาก

    ถ่านของไม้แต่ละชนิดมีสรรพคุณที่แตกต่างกันออกไป

    สำหรับถ่านไม้ไผ่ ถ่านไม้ไผ่จะมีโพรงเล็ก ๆ จำนวนมากกว่าถ่านชนิดอื่น ๆ และ กระจาย อยู่ทั่วทิศทาง โพรงเล็ก ๆ เหล่านี้ทำหน้าที่ดูดซับกลิ่น ความชื้น ป้องกันคลื่นแม่เหล็ก คลื่นไฟฟ้า และรังสี ที่กระจายอยู่โดยรอบ ถ่านไม้ไผ่จะปล่อยประจุลบและรังสีอินฟราเรดยาวออกมาจากตัวเองได้ซึ่งทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ส่งผลให้สุขภาพดีขึ้น ผลดีของประจุลบที่มีต่อร่างกาย ประจุลบ ( Negative Ions ) สามารถที่จะเปลี่ยนอนุมูลอิสระให้กลายเป็นออกซิเจนได้ โดยการเข้าไปจับตัวกับอนุมูลนั้น ๆ ซึ่งหากเกิดปฏิกิริยาเช่นนี้ขึ้นภายในร่างกายของเรา จะทำให้ออกซิเจนภายในร่างกายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้สมองปลอดโปร่งขึ้น ระบบการไหลเวียนโลหิตในร่างกายดีขึ้น อันจะทำให้ร่างกายสามารถขับสารพิษตกค้างต่าง ๆ ออกไปได้ง่ายขึ้น และยังช่วยขัดผิวเพื่อขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ช่วยซ่อมแซมเซลล์ผิวหนังที่เสื่อมสภาพเนื่องจากอนุมูลอิสระทำให้ผิวพรรณสดใสขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยในเรื่องของการดูดซับไขมัน ดูดซับรังสีต่างๆ บำรุงผิว

    @ สรรพคุณของผงถ่านไม้ไผ่ @

    - ใช้พอกหน้า
    - ช่วยดูดซับเซลล์ผิวที่ตายแล้ว และสิ่งตกค้างจากรูขุมขน
    - ป้องกันและกำจัดแบคทีเรียที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิว
    - ช่วยดูดซับสารพิษ และสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
    - ดูดซับไขมันส่วนเกินที่ผิวหนัง และรูขุมขน
    - ปรับสภาพผิว บำรุงผิวให้เนียนนุ่ม สดใส
    - ช่วยลดการอักเสบสิว และอาการแพ้ของผิว เหมาะสำหรับผิวแพ้ง่าย
    - ช่วยดูดซับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ใช้ถ่านไม้ไผ่ที่ผลิตด้วยกรรมวิธีการเผาด้วยความร้อนสูงอย่างถูกวิธีเท่านั้น
    - แช่ผักเพื่อดูดพิษและสารเคมีในผัก - วิธีใช้ ผงถ่าน 1 ช้อนชาผสมน้ำ 3 ลิตร หรือ ใช้ถ่านก้อน 2-3 ก้อน แช่ทิ้งไว้นาน 20- 30 นาที เมื่อใช้แล้วเอาถ่านมาผึ่งให้แห้งและนำกลับไปใช้ได้อีกประมาณ 20 ครั้ง
    - นำถ่านก้อนมาวางไว้หน้าคอมพิวเตอร์ หน้าจอโทรทัศน์ บริเวณปลั๊กไฟใกล้หัวนอน หรือ บริเวณเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ เพื่อดูดซับรังสีจากเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือปลั๊กไฟ เพราะคลื่นรังสีจากเครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ จะทำลายคลื่นกระแสแม่เหล็กไฟฟ้าในสมอง เป็นเหตุให้เกิดโรคร้ายต่าง ๆ ขึ้น เช่น เซลล์สมองถูกทำลาย โรคอัลไซม์เมอร์ ความจำเสื่อม เซลล์ประสาททำงานผิดปกติ ปวดศีรษะ เนื้องอกในสมอง ไมเกรน เป็นต้น
    - นำผงถ่านผสมน้ำเพื่อแช่เท้า แช่มือ หรือ แช่ตัวเพื่อดูดซับพิษจากผิวหนัง
    - ผงถ่านผสมยาสีฟัน (หรือยาสีฟันผงถ่าน) ใช้แปรงฟันลดอาการเหงือกอักเสบ บวม แดง ลดหินปูน

    @ ประโยชน์ของถ่านในด้านสุขภาพ @

    - ทางการแพทย์นำไปใช้ในการกำจัดพิษ การฟอกเลือด และอื่นๆ ใช้กรองกลิ่นและก๊าซที่ไม่ต้องการ ในหน้ากากกรองสารพิษ และเครื่องฟอกอากาศ
    - อมถ่านที่เคี้ยวนานๆจะทำให้เหงือกหายอักเสบ แผลในปากหาย และลดอาการเจ็บคอและขจัดกลิ่นปาก ควรใช้ถ่านไม้เนื้ออ่อนหรือถ่านไม้ไผ่ที่ผ่านการจุดจนติดแดงแล้วเอามาดับหรือ
    - แก้ปัญหาฟันเหลืองทำให้ฟันขาว เอา ถ่านที่ใช้หุงต้ม...สีดำๆ มาเคี้ยวเบาๆ จากนั้นปากทั้งปากก็จะเป็นสีดำ เมื่อเคี้ยวจนพอใจแล้วก็บ้วนปากแล้วแปรงฟันธรรมดา แล้วฟันดูขาวขึ้นจริงๆ แต่ถ้ามีส่วนไหนยังไม่ขาวก็เอามาเคี้ยวก็เอาถ่านถูๆๆๆที่ฟันก็ได้เหมือนกันประหยัดดี ใช้เวลาไม่นาน
    - แก้ท้องเสีย รวมถึงลำไส้ใหญ่อักเสบมีเลือดออก ให้ลองหาผงถ่านมากินดู วิธีการใช้ผสมผงถ่าน 1 ช้อนชา ถึง 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำดื่ม 1 แก้ว แล้วดื่ม
    - แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ กรดมาก กินอาหารเป็นพิษ กินสารเคมีอันตรายกินถ่านที่เขาเผาในที่อุณหภูมิสูงกว่า 1000 องศาC ที่มีขายตามร้านขายยา
    - ช่วยดูดซับสารพิษ และสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย หรือ เมื่อมีอาการอาหารเป็นพิษ อาเจียน หรือ ท้องเสีย โดยสามารถลดพิษได้ถึง 60% จากสารพิษที่กินเข้าไป (ใน 30 นาทีแรกหลังกินลดพิษได้ถึง 89%) ดังนั้นควรดื่มน้ำผสมผงถ่านให้เร็วที่สุดหลังจากการได้รับพิษจะยิ่งทำให้ซับพิษได้มากขึ้น วิธีการใช้ผสมผงถ่าน 1 ช้อนชา ถึง 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำดื่ม 1 แก้ว แล้วดื่ม
    - ดูดซับไขมันส่วนเกิน เมื่อต้องการลดความอ้วน วิธีการใช้ผสมผงถ่าน 1 ช้อนชา ถึง 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำดื่ม 1 แก้ว แล้วดื่ม
    - ดูดซับพิษร้อนเมื่อมีอาการเป็นไข้ตัวร้อน วิธีการใช้ผสมผงถ่าน 1 ช้อนชา ถึง 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำดื่ม 1 แก้ว แล้วดื่ม
    - ดูดซับพิษจากการโดนสัตว์มีพิษ เช่น งู ตะขาบ เพื่อลดความรุนแรงของพิษก่อนนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาล นำผงถ่านผสมน้ำเล็กน้อยพอกแผลแมลงสัตว์กัดต่อยเพื่อดูดพิษและบรรเทาอาการปวดบวมแดง
    - ทางการแพทย์นำไปใช้ในการกำจัดพิษ การฟอกเลือด และอื่นๆ ใช้กรองกลิ่นและก๊าซที่ไม่ต้องการ ในหน้ากากกรองสารพิษ และเครื่องฟอกอากาศ

    @ สรรพคุณของผงถ่านกะลามะพร้าว @

    - นำมาใช้ผลิตเป็นถ่านกัมมันต์
    - ใช้ทำวัสดุกรองน้ำ
    - ใช้ในการดูดก๊าซและทำหน้ากากป้องกันก๊าซพิษ
    - อัดก้อนทำถ่านอัดก้อนให้ความร้อนสูงไม่มีควัน
    - ช่วยป้องกันและกำจัดแบคทีเรีย

    เป็นไงครับ ถ่านดำๆที่หลายคนไม่กล้าจับเพราะกลัวมือเปื้อน ถ่านสีดำที่หลายคนไม่ทราบถึงประโยชน์อันมากมายที่แท้จริง เมื่อเราต่างทราบความจริงกันอย่างนี้แล้ว เราจะไม่ลองหันมาใช้ถ่าน ซึ่งถูกจัดว่าเป็นหนึ่งในสมุนไพรไทย ภูมิปัญญาพื้นบ้านของเราดูบ้างเชียวหรือครับ

    ด้วยความปรารถนาดีครับจาก...

    ชมรมล้างพิษพิชิตโรค ล้างพิษตับ
    www. ชมรมล้างพิษพิชิตโรค.com
    www.facebook.com/Detoxification.2012
    https://www.youtube.com/watch?v=bz_E8WtMDZo
    จะเอาไขมันพอกตับออกจากร่างกายได้อย่างไร ? ? ?
    โดย รศ.นพ.สำเริง รัตนระพี
    https://www.youtube.com/watch?v=wJ58Ffwusik
    ล้างพิษตับ ดีอย่างไร โดย นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์

    ที่มา https://th-th.facebook.com/DetoxificationClub/posts/745164658903731
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ถ่านไม้ไผ่ " บันตัน " ในรายการ สโมสรสุขภาพ


    เผยแพร่เมื่อ 3 มิ.ย. 2012

    ถ่านไม้ไผ่ " บันตัน " ในรายการสโมสรสุขภาพ (อยู่ดีมีสุข - ตอนคนเอาถ่าน) วันที่ 1 มิถุนายน 2555 ทาง อสมท.9​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2015
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ถ่านกัมมันต์เขลางค์ ๑


    เผยแพร่เมื่อ 18 เม.ย. 2014​

    เผาถ่านลำไผ่รวกที่วิสาหกิจชุมชน นำมาขายให้เป็นถ่านไม้ไผ่ นำถ่านไม้ไผ่เข้ากระบวนการ ผลิตถ่านกัมมันต์ คาร์บอนบริสุทธิ์ แกร่ง แข็ง ค่าต้านทานเป็น ๐.๐๐ นำไฟฟ้าได้ดีมาก ศูนย์พลังงานทดแทน-เขลางค์ ๑ พร้อมแล้วที่จะผลิต ถ่านกัมมันต์จากไม้ไผ่ให้ลูกค้า สนใจติดต่อสอบถามที่ประธานศูนย์ คุณแหม่ม 084-1764545
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2015
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    วิปโยคซ้ำ! เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง ขนาด 7.3 เขย่าเนปาลอีกรอบ

    [​IMG]

    [​IMG]

    ชาวเนปาลเผชิญภัยพิบัติธรณีพิโรธซ้ำอีก...เกิดแผ่นดินไหวใหญ่ ขนาด 7.3 เขย่าประเทศเนปาล หลังเที่ยงวันนี้ ส่งผลให้ประชาชนในกรุงกาฐมาณฑุ ตื่นตระหนก รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เบื้องต้น เป็นเหตให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 คน

    เมื่อวันที่ 12 พ.ค.58 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานด่วน อ้างสำนักงานสำรวจภูมิศาสตร์ของสหรัฐฯ ว่า เกิดแผ่นดินไหวรุนแรง ขนาด 7.3 เขย่าเนปาลอีกแล้ว เพียง 2 สัปดาห์ หลังจากเพิ่งเกิดธรณีพิโรธใหญ่ ขนาด 7.8 บริเวณภาคกลางของประเทศเนปาล เมื่อวันที่ 25 เม.ย.ที่ผ่านมา และได้สร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่อชีวิตและทรัพย์สิน เนื่องจากมีอาคารบ้านเรือนและโบราณวัตถุ-โบราณสถาน ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก พังถล่มลงมาจำนวนมาก จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 8,000 คน

    บีบีซี แจ้งว่า ศูนย์กลางแผ่นดินไหวรุนแรงเขย่าเนปาล ล่าสุด เกิดขึ้นทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงกาฐมาณฑุ เมืองหลวง โดยห่างออกไปเป็นระยะทาง 83 กม. ใกล้กับชายแดนเนปาลด้านติดกับทิเบต และมีความลึก 18.5 กม. เมื่อเวลา 12.35 น. ของวันที่ 12 พ.ค. 58 ตามเวลาท้องถิ่น ขณะที่ ศูนย์กลางแผ่นดินไหว อยู่ใกล้กับเมืองนัมชี บาซาร์ ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากยอดเขาเอเวอเรสต์บนเทือกเขาหิมาลัยเท่าใดนัก แต่ความรุนแรงของแผ่นดินไหวสามารถทำให้ประชาชนในกรุงกาฐมาณฑุ รู้สึกสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พากันรีบวิ่งออกจากอาคารบ้านเรือนมาอยู่กลางแจ้ง จนถึงกับมีชาวเนปาลคนหนึ่งในเมืองหลวงกล่าวด้วยความตื่นตระหนกว่า แผ่นดินไหวครั้งนี้ เป็นแผ่นดินไหวใหญ่ ระดับ ‘บิ๊ก วัน’ (Big One) อย่างแท้จริง

    ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหว ขนาด 7.3 สามารถรับรู้ได้ไกลถึงกรุงนิวเดลี เมืองหลวงของอินเดีย เช่นเดียวกับกรุงธากา เมืองหลวงของประเทศบังกลาเทศเลยทีเดียว และ เบื้องต้น มีผู้เสียชีวิตแล้ว 4 คน และบาดเจ็บ 12 คน ในเมืองสินธุปัลโชค ทางภาคเหนือของกรุงกาฐมาณฑุ เนื่องจากอาคารบ้านเรือนพังถล่มลงมาจำนวนมาก

    ส่วนกระทรวงการต่างประเทศของไทย แจ้งความคืบหน้าว่า จากเหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.3 ที่เมือง Namche Bazar ห่างจากกาฐมาณฑุ 84 กม. เวลา 13.00 น. เวลาท้องถิ่น เบื้องต้นสถานทูตไทย ณ กรุงกาฐมาณฑุ รายงานคนไทยปลอดภัย.

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 12 พ.ค. 2558

    ส.ส.เนปาลในสภาวิ่งหนีวุ่น! แผ่นดินไหวใหญ่เขย่าซ้ำ ดับแล้ว 14 คน

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ธรณีพิโรธใหญ่เขย่าเนปาล ซ้ำสองในรอบไม่ถึง 3 สัปดาห์ คร่าชีวิตเหยื่อเคราะห์ร้ายรอบใหม่แล้ว 14 คน บาดเจ็บกว่าร้อย ขณะที่มีผู้บันทึกคลิปวิดีโอช่วงเวลาเกิดแผ่นดินไหว ทำให้ ส.ส.ที่กำลังประชุมในรัฐสภา ต้องรีบวิ่งออกมาด้วยความแตกตื่น

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าเหตุการณ์แผ่นดินไหวใหญ่ ขนาด 7.3 เขย่าภาคกลางของเนปาล เมื่อช่วงหลังเที่ยงของวันที่ 12 พ.ค.58 ตามเวลาท้องถิ่น หลังจากก่อนหน้าไม่ถึง 3 สัปดาห์ เพิ่งเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.8 ที่เนปาล คร่าชีวิตผู้คนกว่า 8,000 คนเมื่อ25เม.ย.ที่่ผ่านมาว่า ความรุนแรงของธรณีพิโรธ ล่าสุด เป็นเหตุให้อาคารบ้านเรือนที่ไม่มีความมั่นคงแข็งแรงพังถล่มลงมาเป็นจำนวนมาก จนมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 14 คน และบาดเจ็บกว่าร้อยคนแล้ว โดยในจำนวนเหยื่อเคราะห์ร้ายนั้น 5 คน อาศัยอยู่ที่เมืองสินธุปัลโชค ส่วนอีก 6 คน อยู่ที่เมืองโดลาคา ซึ่งใกล้กับศูนย์กลางแผ่นดินไหว และผู้เสียชีวิต 3 คน อยู่ที่กรุงกาฐมาณฑุ

    ขณะเดียวกัน ได้มีการเผยแพร่คลิปวิดีโอนาทีระทึกขวัญทางโลกออนไลน์ ช่วงเวลาเกิดแผ่นดินไหวเขย่าเนปาลหลังเที่ยงวันที่ 12 พ.ค. จนทำให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่กำลังประชุมกันอยู่ในรัฐสภา ที่กรุงกาฐมาณฑุ ต้องพากันรีบวิ่งออกจากห้องประชุม และส่งเสียงร้องด้วยความแตกตื่นและหวาดกลัวกันอย่างมาก

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 12 พ.ค. 2558

    มาเลย์-อิเหนา จับผู้อพยพเกือบ 2,000 คน หลังไทยปราบหนักแก๊งค้ามนุษย์

    [​IMG]

    ผู้อพยพทางทะเลจำนวนมากกว่าพันคน ถูกจับกุมตัวในประเทศมาเลเซีย หลังจากไทยซึ่งเคยเป็นจุดหมายหลักของผู้อพยพในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เริ่มกวดขันปราบปรามแก๊งค้ามนุษย์อย่างหนัก...

    สำนักข่าว ดิ อินดีเพนเดนท์ รายงานว่า ผู้อพยพกลุ่มดังกล่าวประกอบด้วยชาวบังกลาเทศผู้ยากจน และชาวโรฮีนจาจากประเทศเมียนมา ในจำนวนนี้เป็นเด็กหลายสิบคน ทั้งหมดโดยสารมาบนเรือ 3 ลำ และเดินทางถึงชายฝั่งประเทศมาเลเซียในช่วงกลางดึกวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในวันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ของอินโดนีเซียช่วยเหลือผู้อพยพจำนวนประมาณ 600 คน หลังจากเรือที่พวกเขาโดยสารมาเชื้อเพลิงหมด และต้องลอยเคว้งคว้างอย่างกลางทะเล จากการสอบสวนพบว่า ผู้อพยพถูกนายหน้าหลอกว่าอยู่ในน่านน้ำของมาเลเซีย

    ทั้งนี้ ผู้อพยพจากประเทศที่ยากจนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มักหลบหนีไปยังประเทศที่มั่งคั่งกว่าเช่น ไทย, อินโดนีเซีย และมาเลเซีย เพื่อหนีความยากจนและการข่มเหงรังแก และส่วนมากต้องจ่ายเงินจำนวนมหาศาลให้แก่นายหน้าค้ามนุษย์ ผู้อพยพบางส่วนเมื่อเดินทางถึงที่หมาย อาจถูกจับตัวเอาไว้ในค่ายกักกัน จนกว่าครอบครัวของพวกเขาจะยอมจ่ายเงินค่าไถ่ก้อนโต

    ดิ อินดีเพนเดนท์ ระบุว่า ไทยเคยเป็นจุดหมายหลักของผู้อพยพ แต่การกวาดล้างขบวนการค้ามนุษย์และผู้อพยพเข้าเมืองผิดกฎหมายอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา ทำให้เรืออพยพไม่อาจเข้าเทียบท่าได้ และเปลี่ยนเส้นทางไปยังมาเลเซียและอินโดนีเซียซึ่งเดินทางไปถึงได้ง่ายกว่า

    ขณะที่ คริส ลีวา ผู้อำนวยการโครงการ 'อารากัน' ซึ่งติดตามความเคลื่อนไหวของชาวโรฮีนจามานานหลายปี ระบุว่า ยังมีผู้อพยพชาวบังกลาเทศและชาวโรฮีนจาอีกประมาณ 6,000 คน ถูกผู้ค้ามนุษย์กักตัวอยู่บนเรือไม้ซึ่งมีสภาพแออัดหลายลำซึ่งยังคงลอยอยู่บริเวณช่องแคบมะละกาและน่านน้ำสากลใกล้เคียง โดยเป็นผลมาจากการปราบปรามการค้ามนุษย์อย่างหนักในไทย ทำให้พวกนายหน้าไม่กล้านำเรือเข้าฝั่ง

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 12 พ.ค. 2558

    ไต้ฝุ่นโนอึลพ้นฟิลิปปินส์ - เนปาลยอดตายยังพุ่ง

    [​IMG]

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานความคืบหน้าสถานการณ์พายุไต้ฝุ่น “โนอึล” ความรุนแรงระดับ 5 ที่เคลื่อนตัวผ่านภาคตะวันออกเฉียงเหนือของฟิลิปปินส์

    โดยเมื่อวันที่ 11 พ.ค.กรมอุตุนิยมวิทยาฟิลิปปินส์ได้เปิดเผยว่า พายุได้อ่อนกำลังลงอย่างต่อเนื่องหลังจากพัดขึ้นฝั่ง ความเร็วลมลดลงเหลือประมาณ 165 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากเดิมที่มีความเร็วลมสูงสุดถึง 220 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และคาดว่าจะอ่อนกำลังลงไปเรื่อยๆ ก่อนขึ้นฝั่งในพื้นที่ภาคใต้ของญี่ปุ่นประมาณวันที่ 12 พ.ค.

    สำหรับความเสียหายเบื้องต้น มีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นพ่อลูกวัย 70 ปี และ 45 ปี ตามลำดับ สาเหตุจากไฟฟ้าลัดวงจร ขณะที่ทางการฟิลิปปินส์ชี้แจงว่า จากการที่พายุอ่อนกำลังลงจึงทำให้ความเสียหายไม่รุนแรงอย่างที่คาดการณ์ไว้ ประกอบกับทางการได้เตรียมพร้อมล่วงหน้า สั่งอพยพชาวบ้านในเส้นทางพายุ อย่างในจังหวัดคากายัน และอิซาเบลา ก็ได้ช่วยเหลืออพยพออกจากพื้นที่ไปกว่า 3,500 คน ขณะที่ชาวบ้านก็มีประสบการณ์รับมือกับพายุด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตาม มีนักท่องเที่ยวประมาณ 5,000 คน ได้รับผลกระทบจากเหตุไต้ฝุ่นครั้งนี้ ไม่สามารถเดินทางออกจากเกาะท่องเที่ยวได้ เนื่องจากทางการสั่งระงับการให้บริการเรือข้ามฟากทั้งหมดเป็นการชั่วคราว

    ด้านสถานการณ์พายุตามฤดูกาลในพื้นที่ภาคกลางของสหรัฐฯนั้น ยังคงเกิดพายุทอร์นาโดต่อเนื่อง สร้างความเสียหายตามหมู่บ้านและเมืองต่างๆ ในรัฐเซาท์ดาโกตา และรัฐเท็กซัส มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 คน ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 9 คน ขณะที่พายุโซนร้อนที่พัดขึ้นฝั่งตอนใต้ของรัฐเซาท์แคโรไลนา ก็อ่อนกำลังลงเหลือแค่พายุดีเปรสชันความเร็วลมประมาณ 56 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    ส่วนสถานการณ์ในเนปาล ที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จากเหตุแผ่นดินไหว 7.8 แมกนิจูด ไปเมื่อวันที่ 25 เม.ย. นั้น ทางศูนย์รับมือสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติ ได้ปรับยอดผู้เสียชีวิตอย่างเป็นทางการ 8,019 คน บาดเจ็บ 17,866 คน ขณะที่อีก 366 คน ที่คาดว่ามีชาวต่างชาติรวมอยู่ด้วยยังคงสูญหาย ทั้งนี้ ทางศูนย์ดังกล่าวยังประเมินไว้ก่อนหน้านี้ว่า อาคารบ้านเรือนที่พังเสียหายจากเหตุวิปโยคครั้งนี้มีกว่า 300,000 หลัง.

    โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 12 พ.ค. 2558

    สุดซาบซึ้ง! ต้องดู แม่ลิงอุรังอุตัง รัก 3 เสือน้อยอย่างกับเป็นลูกแท้ๆ

    [ame]http://www.youtube.com/watch?v=7MwQYcY479o[/ame]

    ดูแล้วจะเห็นถึงความรักของแม่...ลิงอุรังอุตังเพศเมียหยอกล้อเล่นกับลูกเสือตัวน้อย ในสวนสัตว์แห่งหนึ่ง ราวกับเป็นแม่แท้ๆ ของพวกมัน แถมยังทั้งกอด แบกขึ้นบ่า เอาขวดนมมาป้อนด้วยความรักของแม่ที่มีต่อลูก

    สื่อต่างประเทศและเว็บไซต์ AnimalsMedia.com เผยแพร่คลิปวิดีโอสุดแสนซาบซึ้งใจ จนมีชาวเน็ตแห่เข้าไปดูหลังถูกโพสต์ลงยูทูบ ในโลกออนไลน์ แล้วกว่า 2 แสนวิว โดยเป็นคลิปที่บันทึกภาพความรักระหว่างแม่ลิงอุรังอุตังในสวนสัตว์แห่งหนึ่ง ที่มีต่อลูกเสือ 3 ตัว ด้วยความรักใคร่เอ็นดูราวกับมันเป็นแม่แท้ๆ ของลูกเสือน้อยเหล่านี้เลยทีเดียว

    เดอะมิร์เรอร์ ชี้ว่า ลำพังการได้เห็นลูกเสือในสวนสัตว์ก็ถือว่ามีความน่ารักแล้ว แต่คลิปวิดีโอความยาวประมาณ 30 วินาทีนี้ จะยิ่งทำให้มนุษย์อย่างพวกเราได้เห็นความรักของแม่ลิงอุรังอุตัง ที่นอกจากจะได้หยอกล้อเล่นกับลูกเสือสามตัว ทั้งอุ้ม ทั้งกอด แบกขึ้นบ่าด้วยความรักเอ็นดูราวกับเป็นแม่แท้ๆ ของพวกมันแล้ว แม่ลิงยังนำขวดนมมาป้อน แถมสายตาของแม่ลิงอุรังอุตังที่มองมายังลูกเสือน้อย ก็แสดงออกถึงความรักของแม่ที่มีต่อลูกอย่างมาก ขณะที่ลูกเสือก็หอมแก้มแม่ลิงอุรังอุตังด้วยความรักเช่นกัน

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 11 พ.ค. 2558

    ที่มา Property Perfect - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พายุถล่มมหาสารคาม ฟ้าผ่าตาย 3 เจ็บ 7 รถพังยับ 26 คัน

    [​IMG]

    พายุฤดูร้อนถล่มมหาสารคาม ในอำเภอวาปีปทุมฟ้าผ่าตาย 3 เจ็บ 7 ราย ขณะที่เทศบาลเมืองโครงหลังคาอาคารจอดรถ โกลบอลเฮาส์พังทับรถ 26 คัน เสียหายยับ...

    เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 12 พ.ค. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เกิดพายุฤดูร้อนพัดถล่ม เขตเมืองมหาสารคาม โดยมีฝนตกและลมพัดอย่างแรง ประมาณ 1 ชั่วโมง สร้างความเสียหายให้กับโครงหลังคาอาคารจอดรถ โกลบอลเฮาส์ สาขามหาสารคาม โดยพังเสียหาย 4 อาคารจากทั้งหมด 5 อาคาร ซึ่งโครงหลังคาได้ล้มทับรถยนต์เสียหาย 26 คัน โดยมีผู้บาดเจ็บเล็กน้อย 2 ราย

    นอกจากนี้ เสาไฟฟ้าแรงสูงริมถนนแจ้งสนิท ในเทศบาลเมืองมหาสารคาม เกิดหักโค่นทับถนนยาวกว่า 500 เมตร และหน้าวิทยาลัยอาชีวะศึกษามหาสารคาม ล้มลงกว่า 7 ต้น ทำให้การจราจรติดขัด ส่วนภายในตัวเมือง ตามถนนต่างๆ เกิดต้นไม้ล้มทับรถยนต์ บริเวณถนนนาควิชัย และโรงจอดรถของธนาคาร ธ.ก.ส มหาสารคาม และธนาคารออมสิน ที่เสียหายไปทับหลังคาบ้านชาวบ้าน

    ขณะที่ อำเภอวาปีปทุม มีฟ้าผ่าลงมา 3 ครั้ง มีบาดเจ็บ 7 ราย เสียชีวิต 3 ราย ประกอบด้วย นายวรวิทย์ ทัดทาอามาตย์ อายุ 76 ปี บ้านเลขที่ 57 ม.6 ต.โคกสีทองหลางฯ (ข้าราชการครูบำนาญ) บ้านโคกแปะ หมู่ 7 ต.โคกสีทองหลาง อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม นายไพทูรย์ ประวันมาตา อายุ 33 ปี บ้านเลขที่ 31 ม.7 ต.ดงใหญ่ อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม และนายอัมพร คิมเม อายุ 36 ปี บ้านเลขที่ 32 ม.5 ต.แคร อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม

    ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 13 พ.ค. 57 เกิดพายุพัดถล่มอย่างหนักในเมืองสุรินทร์ ส่งผลให้อาคารโกลบอลเฮาส์ร้านค้าวัสดุก่อสร้าง ในตำบลเฉนียง อำเภอเมือง ถูกฟ้าฝ่า ทำให้อาคารถล่มทับคนเสียชีวิต 3 ราย และได้รับบาดเจ็บ 1 ราย

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 12 พ.ค. 2558

    วสท. ชี้ภาคเหนือ อยู่แนวสะสมพลังงาน เสี่ยงแผ่นดินไหว

    [​IMG]

    รอยเลื่อนจากแผ่นดินไหวที่เนปาล คาดส่งผลมีความเสี่ยงแผ่นดินไหวภาคเหนือ แต่ไม่แรงเท่าเนปาล ย้ำใช้กฎหมายให้ทุกอาคารสูงรองรับแผ่นดินไหวระดับ 7 ได้ วสท.เตรียมพร้อมลดความสูญเสีย ของผู้ประสบภัยในเชียงราย

    วันที่ 12 พ.ค. 58 รศ.สิริวัฒน์ ไชยชนะ เลขาธิการ วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุแผ่นดินไหวรุนแรงในเนปาล ว่า แม้รอยเลื่อนในเนปาลจะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยโดยตรง แต่ความเสี่ยงที่จะเกิดแผ่นดินไหวในภาคเหนือยังคงมีอยู่ เนื่องจากแนวมุดตัวของแผ่นเปลือกโลกในย่านนี้ค่อนข้างจะแอคทีฟ คือมีการสะสมพลังงานและปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่อง

    สำหรับสถิติแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่เกิดในย่านนี้ตามลำดับปี คือ 1. เกาะสุมาตราเหนือ อินโดนีเซีย ค.ศ.2004 ขนาด 9.2 2. เกาะนีอาส อินโดนีเซีย ค.ศ.2005 และ 2007 ขนาด 8.7 และ 8.5 3. เมืองเหวินฉวน จีน ค.ศ.2008 ขนาด 7.9 4. หมู่เกาะอันดามัน อินเดีย ค.ศ.2009 ขนาด 7.5 5. มัณฑะเลย์ เมียนมา ค.ศ.2011 ขนาด 6.8 6. เมืองชเวโบ เมียนมา ค.ศ.2012 ขนาด 6.8 7. มหาสมุทรอินเดีย อินโดนีเซีย ค.ศ.2012 ขนาด 8.2 และ 8.6 8. มณฑลเสฉวน จีน ค.ศ.2013 ขนาด 6.6 9. อ.แม่ลาว จ.เชียงราย ประเทศไทย ค.ศ.2014 ขนาด 6.1 และ 10. เนปาล ค.ศ.2015 ขนาด 7.9

    ทั้งนี้ ประเทศไทยโอกาสที่จะเกิดแผ่นดินไหวนั้น นักวิชาการคาดว่าจะมีความรุนแรงอยู่ในระดับเพียง 6 กว่าๆ และใหญ่ที่สุดไม่เกิน 7 โดยโอกาสที่จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่แบบเนปาลในประเทศไทยค่อนข้างน้อย เนื่องจากการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกในแนวราบและน้อยกว่าเนปาลมาก ต่อปีอาจมีเพียงประมาณ 1 มิลลิเมตรเท่านั้น สิ่งสำคัญที่สุดคือการเตรียมพร้อมรับมืออย่างถูกต้อง และควรบังคับใช้กฎหมายให้ทุกอาคารสูงจะต้องรองรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวในระดับ 7 ได้ เนื่องจากอาคารที่มีความสูง จะมีผลกระทบสร้างความเสียหายรุนแรงอย่างมากโดยเฉพาะกับผู้คนที่อยู่ภายใน

    “วสท.จะนำประสบการณ์แผ่นดินไหวในเนปาลมาต่อยอดใช้ประโยชน์ในการบรรเทาช่วยเหลือผู้ประสบภัยใน จ.เชียงราย การเตรียมพร้อมเพื่อลดผลกระทบและความสูญเสีย ตลอดจนนำประสบการณ์แผ่นดินไหวเนปาลไปเผยแพร่จัดแสดงในศูนย์เรียนรู้แผ่นดินไหว จ.เชียงราย ซึ่ง วสท.และกรมทรัพยากรธรณีกำลังร่วมกันพัฒนาการเรียนรู้ให้เป็นแนว Active Learning”

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 12 พ.ค. 2558

    น้ำเน่า-ขยะล้น ฝรั่งไม่ปลื้ม แคนเซิลเที่ยวอ่าวนาง-เกาะพีพีกระจุย

    [​IMG]

    ผอ.ททท.สำนักงานกระบี่ เผย นักท่องเที่ยวสวีเดนร้องเรียนเจอน้ำเน่า-ขยะล้นแหล่งท่องเที่ยวทั้งที่อ่าวนาง และเกาะพีพีจนไม่ประทับใจ และพากันยกเลิกการเดินทางส่งผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวจากกลุ่มกำลังซื้อสูง วอนจังหวัดเร่งแก้ไข...

    เมื่อวันที่ 12 พ.ค.2558 นางวิยะดา ศรีรางกูล ผู้อำนวยการสำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานกระบี่ กล่าวว่า ปัญหาการท่องเที่ยวขณะนี้ได้มีเอเย่นต์ทัวร์รายใหญ่ในกลุ่มสแกนดิเนเวีย ได้แจ้งผ่านทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยที่สตอกโฮล์ม ว่า ขณะนี้มีนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาท่องเที่ยวในจังหวัดกระบี่ ได้ร้องเรียนปัญหาที่พบ คือ ปัญหาน้ำเสียที่ไหลลงในทะเล ทำให้ไม่กล้าลงเล่นน้ำ และปัญหาขยะส่งกลิ่นเหม็นในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวทั้งที่อ่าวนาง และเกาะพีพี ซึ่งทำให้นักท่องเที่ยวไม่ประทับใจ ขณะนี้จึงมีการแจ้งยกเลิกการเดินทางมาในพื้นที่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างมาก เพราะนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้เป็นกลุ่มใหญ่ที่มีกำลังซื้อสูง และเข้าพักในแต่ละครั้งใช้เวลานาน

    ผู้อำนวยการ ททท.สำนักงานกระบี่ กล่าวด้วยว่า หลังจากมีการแจ้งถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ก็ได้มีการหารือกัน เพื่อให้ทางจังหวัดกระบี่ได้แก้ไขปัญหานี้ โดยทางผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ได้ให้ความสำคัญในการแก้ไข แต่เนื่องจากเป็นปัญหาที่เกินขอบเขตความสามารถขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะเข้าไปแก้ไขได้ ก็จะต้องขอให้ทางส่วนกลางลงมาช่วยเหลือ เพราะหากไม่เร่งแก้ไข จะกระทบต่อการท่องเที่ยวมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้น ทางเอเย่นต์ทัวร์หลายราย ก็จะเดินทางมาดูพื้นที่ปัญหาในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมนี้ เพื่อดูสภาพพื้นที่จริงอีกด้วย.

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 12 พ.ค. 2558

    แผ่นดินไหวเนปาล ทำเขาหิมาลัยทรุด

    [​IMG]

    นักวิทยาศาสตร์เปิดเผยว่า แผ่นดินไหวใหญ่ที่เนปาลทำให้ทิวเขาหิมาลัยทรุดต่ำลงไปประมาณ 1 เมตร

    แต่จะถูกชดเชยจากการเคลื่อนไหวของแผ่นเปลือกโลกภายหลัง ช่วยชะลอกลับคืนสูงขึ้นอย่างช้าๆได้ ทั้งยัง จะต้องมีการตรวจสอบกับภาพถ่ายดาวเทียมของอาณาบริเวณ ซึ่งยอดเขาที่มีชื่อเสียงที่สุดของภูเขาหิมาลัยตั้งอยู่ด้วย นั่นคือยอดเขาเอเวอเรสต์

    นักวิทยาศาสตร์รายงานว่า ช่วงยาวของทิวเขาที่ทรุดต่ำลง เป็นช่วงยาวระหว่าง 80-100 กม. จากทิวเขาลังตัง หิมาล ทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงกาฐมาณฑุไป และช่วงทิวเขานี้ เป็นบริเวณซึ่งมีข่าวชาวพื้นเมืองและนักไต่เขา ต้องสูญหายไปหลายคน เพราะหิมะและดินถล่ม เนื่องมาจากแผ่นดินไหวรุนแรงขนาด 7.8 หนนี้

    นักวิทยาศาสตร์แห่งกองสำรวจทางธรณีวิทยาของสหรัฐอเมริกาเชื่อว่า ระดับความสูงยอดเขาหิมาลายันอื่นๆ รวมทั้งยอดเขากาเนช หิมาล ทางตะวันตกของทิวเขาลังตังนี้ ก็คงต้องทรุดต่ำลงด้วย.

    โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 12 พ.ค. 2558

    ไทยมีฝนเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเหนือ-อีสาน เตือนระวังลมแรง พายุลูกเห็บ

    [​IMG]

    เตือนวันนี้ทั่วไทยฝนเพิ่มขึ้น ยังคงต้องระวัง ลมกระโชกแรง พายุลูกเห็บ โดยเฉพาะเหนือ อีสาน ขณะที่ไทยตอนบนยังมีอากาศร้อน อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 43 องศาฯ ...

    วันที่ 12 พฤษภาคม ทีมข่าวไทยรัฐ ร่วมกับ Weather Company ของสหรัฐอเมริกา รายงานสภาพอากาศ เช้านี้ยังคงเป็นเช้าที่ตื่นมาพร้อมกับความแปรปรวนของสภาพอากาศ และที่สำคัญวันนี้มีอีกหนึ่งปัจจัยเข้ามาเยือนเมืองไทย และถือว่าเป็นชนวนตัวสำคัญ ที่เร่งทำให้เกิดฝนในพื้นที่ประเทศไทย

    โดยจากการตรวจสอบจากระบบพยากรณ์อากาศไทยรัฐทีวี พบว่าวันนี้ มีมวลอากาศเย็นประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคอีสาน และทะเลจีนใต้ ทำให้ลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีกำลังแรงขึ้น และนำความชื้นเข้ามาปกคลุมในไทยมากขึ้น โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ซึ่งก่อนหน้านี้บริเวณดังกล่าวโดยเฉพาะตอนบนของไทยมีสภาพอากาศที่ร้อนจัด ดังนั้น เมื่อมีความเย็นแผ่เข้ามาแบบนี้จึงไปช้อนเอาความชื้นที่อยู่ในพื้นดินลอยตัวขึ้นไปบนชั้นบรรยากาศ กลั่นตัวกลายเป็นกลุ่มเมฆฝนและฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ทำให้บริเวณดังกล่าว ยังคงมีพายุฝนฟ้าคะนองกับลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้บางแห่ง

    ส่วนลมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน และด้านตะวันตกของประเทศ ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนกระจายในระยะนี้ จากการคาดการณ์สถานการณ์ฝนตลอดทั้งวัน ตั้งแต่ตอนบนถึงตอนกลาง ปรากฏว่า วันนี้ฝนจะเริ่มก่อตัวในช่วงสายเป็นกลุ่มใหญ่ปกคลุมในพื้นที่ ภาคอีสาน โดยเฉพาะฝั่งตะวันตก ตั้งแต่หนองคาย สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ยโสธร อำนาจเจริญ ร้อยเอ็ด และอุบลราชธานี

    ส่วนในช่วงเที่ยงฝนจะยังคงตกบริเวณเดิม แต่จะกระจายตัวเพิ่มมากขึ้นในบริเวณ ภาคกลาง ภาคตะวันออก ช่วงบ่ายถึงเย็นกลุ่มฝน ฝนจะตกกระจายทั้งในภาคเหนือตอนล่าง ภาคอีสาน และภาคกลาง ฝั่งตะวันตก ช่วงค่ำไป ฝนจะตกลดลง แต่จะไปตกเน้นๆ บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย ขอนแก่น มุกดาหาร และนครพนม

    ส่วนฝนใต้ ช่วงสายก่อตัวเป็นกลุ่มใหญ่บริเวณตอนล่างของภาค ช่วงบ่ายกลุ่มฝนจะก่อตัวเป็นทางยาวตั้งแต่ จ.สุราษฎร์ธานี ยาวลงไปจนถึงจังหวัดยะลา ซึ่งจะตกหนักในบริเวณทางตอนล่างของภาค ช่วงเย็นตกเน้นๆ ในจังหวัดยะลา และนราธิวาส ก่อนที่จะค่อยๆ ซาลงในช่วงค่ำ ส่วนพื้นที่เสี่ยงลมกระโชกแรงคือ ภาคใต้ตอนล่าง และอีสานตอนล่าง ช่วงบ่ายโมง ถึงแม้จะฝนตกลงมาค่อนข้างเยอะในวันนี้ แต่บริเวณทางตอนบนของประเทศยังคงมีอากาศร้อน เฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 43 องศาเซลเซียส

    สภาพอากาศในแต่ละภาค

    ภาคเหนือ อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง บริเวณจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ ตาก พิษณุโลก และเพชรบูรณ์ อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 43 องศาเซลเซียส

    ภาคอีสาน อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดเลย อุดรธานี หนองคาย นครพนม สกลนคร มุกดาหาร อำนาจเจริญ อุบลราชธานี ชัยภูมิ และนครราชสีมา อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28 องศาเซลเซียส

    ภาคกลาง อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดราชบุรี กาญจนบุรี ลพบุรี และสระบุรี อุณหภูมิต่ำสุด 27 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 39 องศาเซลเซียส

    ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมากกับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากบริเวณจังหวัดนครนายก ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด อุณหภูมิต่ำสุด 26 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 38 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดเพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 34 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ฝั่งอันดามัน มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดพังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล อุณหภูมิต่ำสุด 25 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    กรุงเทพมหานคร อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 14 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง และมีโอกาสฝนตกในช่วงเที่ยง และช่วงเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 38 องศาเซลเซียส

    ขณะที่ พายุโซนร้อน 'ดอลฟิน' (DOLPHIN) มีศูนย์กลางบริเวณหมู่เกาะไมโครนีเซีย ในแปซิฟิกตะวันตก ห่างจากประเทศไทย 5,946 กม. มีความเร็วลมศูนย์กลาง 83 กม./ชม. มีแนวโน้มจะพัฒนาเป็นไต้ฝุ่นระดับ 1 ในเช้าวันที่ 14 พฤษภาคม 2558 และจะพัฒนาเป็นไต้ฝุ่นระดับ 4 ในเช้าวันที่ 17 พฤษภาคม 2558 พร้อมกับเคลื่อนที่ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือเข้าสู่ทะเลฟิลิปปินส์ต่อไป พายุโซนร้อน ดอลฟิน นี้ยังไม่มีผลต่อสภาวะอากาศของไทย.

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 12 พ.ค. 2558

    ที่มา Property Perfect - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เมื่อเปลือกโลกเทือกเขาหิมาลัยเคลื่อนตัว !!

    [​IMG]

    *** ถึง คุณ Falkman ****

    ภัยแม่น้ำโขง ทะลักเข้าแผ่นดินไทย ที่คุ้งน้ำ "เชียงแสน" จะรุนแรงยิ่งนัก....ทางภาคเหนือ...แม่น้ำโขง จะสร้างอันตรายและภัยพิบัติ...ถ้ามีฝนตกหนักมากทางตะวันตกของจีน หรือ เปลือกโลกเทือกเขาหิมาลัยเคลื่อนตัว หรือ กระทบกระเทือนรุนแรงโดยอากาศร้อนทันทีฉับพลัน...จะทำให้น้ำแข็งจำนวนมหาศาล บนเทือกเขาหิมาลัยทะลาย ละลายไหลลงสู่แม่น้ำต่างๆ ...

    ดังนั้น แม่น้ำที่จะรองรับน้ำได้ ๑ ในนั้นคือ แม่น้ำโขง...น้ำปริมาณมากจะไหลลงมาตามลำน้ำโขง....บริเวณเหนือสุดที่ติดกับแม่โขงบริเวณเชียงแสน เชียงของ...จะมีน้ำทะลักเข้าแผ่นดินไทย เกิดน้ำวนขนาดใหญ่...ดิน หิน ภูเขาจะหลุดทะลายไปตามกระแสน้ำ...ทุกสิ่งทุกอย่างจะถูกขุดรากถอนโคนไปตามกระแสน้ำ...

    น้ำจะไหลผ่านจังหวัดต่างๆ ตั้งแต่เหนือ จนถึงอ่าวไทย...จังหวัดที่น่าจะเสี่ยงและควรหาทางเตรียมหนีขึ้นเขาสูง....เชียงราย เชียงใหม่ ลำพูนบางส่วน พะเยา แพร่ ลำปาง ตาก กำแพงเพชรและจังหวัดที่อยู่ใต้ลงมาจนถึง กรุงเทพฯ ....ฝาก... "วาดภาพ พื้นที่อันตรายจากภัยน้ำโขง" ...จะมีประโยชน์มาก และจะทำให้เตรียมแผนรับสถานการณ์ได้ถูกต้อง...ภัยหนัก กรรมหนักทางน้ำในประเทศไทย ไม่ใช่มีเพียงเรื่องน้ำทะเล และซึนามิเท่านั้น...แม่น้ำโขง มหันตภัยทำลายล้างทั้งบาง

    - " หนุมาน ผู้นำสาร "
    17-01-2007 at 08:17 AM

    ที่มา http://palungjit.org/456182-post58.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 พฤษภาคม 2015
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เรือเทวดา

    [​IMG]

    ต้องเล่าที่มาก่อน...เทพราหูได้มาเตือนเรื่องน้ำ เตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่า คนเฉื่อยอย่างข้าพเจ้าก็ทำไม่รู้ไม่ชี้เพราะไม่อยากจะสนใจเรื่องเคราะห์ซ้ำกรรมซัดของคนอื่น เนื่องจากตนเองไม่ได้เดือดร้อนด้วย แต่ท่านเทพราหูก็มักจะสร้างเหตุให้ข้าพเจ้าต้องไปสอบถามท่านผู้มีญาณถึงการแอบติดตาม จ้องมอง จากบางสิ่งบางอย่างที่มองไม่เห็นแต่รู้สึกได้ด้วยจิต เมื่อทราบว่าเป็นท่านเทพราหู ข้าพเจ้าก็ชักตงิด ๆ เริ่มรำคาญว่างั้นเถอะ ก็เลยถาม-ตอบผ่านท่านผู้มีญาณไปว่า ท่านมาตามข้าพเจ้าอยู่ทำไม ท่านตอบว่ามาเตือนเรื่องน้ำ ข้าพเจ้าก็...ฮึ่ม น้ำอะไรอีกล่ะ ก็มันกำลังท่วมอยู่นี่ไง ที่ภาคกลางน่ะ ท่านก็ว่าไม่ใช่ ข้าพเจ้าก็ 0.0 อ้าว ยังมีอีกเหรอ แล้วมันจะท่วมที่ไหนอีก ท่านก็บอกว่าที่เชียงใหม่ เอ...ข้าพเจ้าก็เริ่มลังเล นึกในใจว่าก็มันท่วมไปแล้วนี่นา รอบที่แล้วที่ท่านมาเตือนทราบก่อนน้ำจะท่วมเชียงใหม่เมื่อวันที่ 29 ก.ย. 54 แต่ไม่ได้ออกข้อความเตือน เพราะไม่แน่ใจและไม่อยากสนใจ และทราบว่าถ้าน้ำจะท่วม มันจะท่วมในเมือง แต่บ้านตัวเองไม่ท่วมแน่ มั่นใจสุด ๆ ซึ่งก็เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ แต่รอบใหม่นี่มันจะท่วมยังไงหว่า ในเมื่อ เนสาด กับนาลแกก็ผ่านไปแล้ว ฝนทางภาคเหนือก็หยุดแล้ว พอถามท่านๆ ก็ตอบว่าน้ำมาจากน้ำโขง จึงเป็นที่มาของการตั้งกระทู้นี้เพื่อเตือนภัย รายละเอียดต่าง ๆ มีกระจัดกระจายอยู่ในกระทู้นี้แหละค่ะ

    ในที่นี้จะกล่าวถึงคลื่นยักษ์ที่จะเข้าถล่มปีหน้า 2555 คลื่นที่เข้ามามีหลายขนาด ความสูงของคลื่นอยู่ระหว่าง 26 – 65 เมตร และบางลูกอาจจะสูงเกือบ 100 เมตร เอาเฉพาะกรุงเทพฯ ก็แล้วกันนะ ภาคอื่น ๆ เอาไว้พูดทีหลัง เรื่องคลื่นยักษ์นี่จำไม่ค่อยได้ว่าถามท่านเทพราหูหรือท่านผู้ให้อภัยแล้ว ท่านผู้อ่านก็รับเอาแต่เนื้อ ๆ ไปก็แล้วกันนะคะ คลื่นยักษ์ที่จะเข้าถล่มกรุงเทพฯ มาจากทะเล ข้าพเจ้าถามแล้วถามอีกว่า น้ำมาจากทะเลหรือ? หรือว่ามาจากน้ำจืด? เขื่อนแตกหรือไง? ท่านก็ยืนยันว่ามาจากทะเล อ้าว 0.0 ถ้างั้นก็สึนามิน่ะสิ ท่านก็ตอบว่าใช่ ข้าพเจ้าถามทันทีว่าท่านผู้มีญาณรอดหรือเปล่า ท่านเห็นตัวเองลอยคออยู่ในน้ำ คือลอยอยู่เฉย ๆ ไม่ได้ว่ายไม่ได้เกาะอะไรทั้งนั้น ข้าพเจ้าก็ อืม...(วิเคราะห์ด้วยสติปัญญาไปด้วย) ข้าพเจ้าถามถึงหลานชาย ลูกชายของท่านผู้มีญาณ ก็ทราบว่าได้รับการช่วยเหลือไปก่อนหน้าท่านผู้มีญาณแล้ว ข้าพเจ้าชักงง ใคร? อะไร? มาช่วยยังไง?

    ท่านผู้มีญาณบอกว่าเห็นเรือ ข้าพเจ้าก็ถามว่าเรืออะไร ท่านผู้มีญาณก็ตอบว่าเรือไม้ ข้าพเจ้าก็...อืม ชักไม่ทันใจ การตั้งคำถามกับชาวโลกทิพย์ ถามคำเขาก็ตอบคำ ถามแค่ไหนเขาตอบแค่นั้น ไม่มีการอธิบายเพิ่มเติม เราต้องใช้สติปัญญาถามปัญหาเอาเอง เพราะเหตุนี้ท่านที่มานำเสนอการสื่อสารเกี่ยวกับข้อความต่าง ๆ แม้ว่าจะได้รับทราบมาเป็นเรื่องเดียวกัน แต่แตกประเด็นคำตอบไปหลากหลาย เพราะแต่ละคนเจาะถามปัญหาไม่เหมือนกัน แล้วแต่สติปัญญาของผู้ถามว่าจะสามารถถามได้ลึกซึ้งขนาดไหน บางทีคนอ่านก็สับสนกับข้อมูล ข้าพเจ้าจึงขออธิบายให้ทราบไว้ ณ ที่นี้

    ข้าพเจ้าถามว่าเรือไม้ที่ว่ามีลักษณะเป็นอย่างไร ท่านผู้มีญาณตอบว่าเป็นเรือไม้สีน้ำตาล เป็นไงล่ะท่านผู้อ่าน ถามคำก็ตอบคำ ข้าพเจ้าก็ถามอีก ลักษณะคล้ายเรือสำเภาหรือเปล่า ท่านผู้มีญาณตอบว่าเรื่อที่เห็นนั้นไม่มีใบ เป็นเรือไม้สีน้ำตาล หัวเรือและท้ายเรือมีอะไรแหลม ๆ ยกขึ้นไป ทำให้ข้าพเจ้าชักงงใหญ่ มันเรืออะไรหว่า ถามท่านผู้มีญาณไปว่าเรือโนอาหรือเปล่า(ถ้าเขียนโนอาผิดก็ขออภัย ท่านก็ตอบว่าไม่ใช่ การถาม-ตอบนี้ท่านผู้มีญาณจะอาราธนาถามพระพุทธเจ้าตลอด) ข้าพเจ้าถามว่าเป็นเรือมนุษย์ใช่หรือเปล่า ท่านก็ว่าไม่ใช่อีก ถามว่าเป็นเรือมนุษย์ต่างดาวหรือเปล่า ท่านก็ว่าไม่ใช่อีก เอาใหม่ ขอให้ท่านผู้มีญาณรวบรวมกำลังจิตอาราธนาพระใหม่ แล้วถามว่าเป็นเรือเทวดาใช่ไหม โป๊ะเช๊ะ เลยท่าน ท่านผู้มีญาณตอบว่าใช่ กว่าจะเจอคำตอบก็ทำเอาข้าพเจ้าเกือบจะจนคำถาม

    ข้าพเจ้ายังถามย้ำอีกสองสามครั้งว่าเรือเทวดาแน่นะ ท่านผู้มีญาณก็ตอบว่าใช่ ข้าพเจ้าขอให้ท่านผู้มีญาณดูผู้ควบคุมเรือ ท่านก็เห็นเทวดาทรงเครื่องเต็มยศ ยืนอยู่ในเรือ ข้าพเจ้าถามว่าท่านเทวดาช่วยหลานชายของข้าพเจ้าไปก่อนแล้วหรือ ท่านผู้มีญาณจึงหาเขาไม่เจอในตอนแรก เทวดาตอบว่าใช่ ข้าพเจ้าถามเทวดาผ่านผู้มีญาณว่าแล้วท่านจะช่วยท่านผู้มีญาณด้วยไหม เทวดาก็ตอบว่าช่วย ข้าพเจ้าถามว่าแล้วพ่อ แม่ กับน้องสาวอีกคนล่ะ ท่านจะช่วยพวกเขาไหม (เพราะท่านผู้มีญาณเห็นพวกเขาลอยคออยู่ในน้ำเหมือนกัน) เทวดาก็ตอบว่าช่วย ข้าพเจ้าถามย้ำอีกว่าช่วยทุกคนไหม ท่านก็ตอบว่าทุกคน ข้าพเจ้าก็พลอยยินดีไปกับพวกเขาด้วย พอถามถึงตัวเอง กลับไม่รอดแฮะเพราะหมดอายุขัยเสียก่อน แต่ถ้าจะอยู่ต่อต้องมาตั้งสัจจะกันใหม่ แบบว่าถ้าจะอยู่ต้องมีงานทำ แต่ต้องเป็นงานที่เป็นประโยชน์กับผู้อื่นและศาสนาเท่านั้น ต้องไม่ใช่งานที่เป็นไปเพื่อประโยชน์ส่วนตน อันนี้ขอคิดดูก่อนนะ แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ถามชื่อเทวดา เพราะไม่อยากรู้ ถึงรู้ชื่อข้าพเจ้าก็คงจะไม่รู้จักอีก ก็เลยไม่ถาม

    ข้าพเจ้าถามต่อไปว่าแล้วท่านจะช่วยคนอื่น ๆ ด้วยไหม ท่านก็ตอบว่าช่วย ข้าพเจ้าถามว่าถ้าช่วยพวกเขาไปแล้วท่านจะนำพวกเขาไปพักไว้ที่ไหน (แหงล่ะ มันคงไม่ใช่บนสวรรค์เป็นแน่) ท่านตอบสถานที่ให้ทราบ แต่ข้าพเจ้าจะไม่ขอเฉลยในที่นี้แต่หลายท่านอาจพอทราบมาบ้างแล้ว ขอให้สถานที่แห่งนั้นเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่จะถูกนำไปพักไว้ที่นั่นสมควรจะเป็นผู้ที่รอดเท่านั้น ท่านผู้อ่านไม่ต้องกังวลไปว่าท่านจะเป็นผู้รอดหรือไม่ เพราะนี่คือกระบวนการคัดสรรคนดี คนดีจะลอยคออยู่ได้โดยที่ว่ายน้ำไม่เป็น และไม่จำเป็นต้องออกแรงว่ายให้เหนื่อยเปล่า ส่วนคนชั่ว(ไม่รักษาศีล) จะจมทันทีแม้ว่าท่านจะว่ายน้ำเป็น และแม้ว่าท่านจะออกแรงว่ายสักเท่าไรก็ไม่เป็นผล น้ำจะดูดท่านลงข้างล่าง ก็เลยทำให้เข้าใจในทันที และขอสรุปให้ทราบดังนี้ค่ะ

    1.สวรรค์จะช่วยคนดีให้รอดพ้นอันตราย แต่มีเงื่อนไขว่าท่านต้องเป็นคนที่หนึ่งไม่หมดอายุขัย สองเป็นคนดี คือรักษาศีลห้าเป็นเบื้องต้น สำหรับคนที่ชอบให้ทาน และภาวนา แต่ไม่รักษาศีล ก็ต้องวัดดวงกันอีกที เพราะเมื่อท่านปราศจาก “สัจจะ” ในการยกเว้นการเบียดเบียนทั้งห้าข้อ ท่านอาจจะไม่รอดแต่ที่ไปของท่านก็ไม่เลว อย่างน้อยก็ขึ้นสวรรค์หรือพรหม

    2.สิ่งที่ท่านจะนำติดตัวไปได้มีเพียงย่ามใบเดียวเท่านั้น ควรจะเป็นย่ามที่มีซิป เป้หรือกระเป๋าถ้าไม่มัดติดตัวให้แน่นหนา มันจะหลุดกระจุยกระจายหมด และการสะพายย่ามต้องสะพายเฉียง

    3.สิ่งของที่ควรจะอยู่ในย่าม คือ เมล็ดพันธุ์พืชต่าง ๆ ที่ท่านชอบรับประทาน นอกนั้นไม่มีประโยชน์ จะรอบคอบอีกหน่อยก็อาจจะเอาน้ำดื่มใส่ขวดเล็ก ๆ ไว้ในย่ามสักขวด ไฟแช็ก กันน้ำได้ยิ่งดี และมีพก จะเป็นมีดพับหรือมีดเข้าฝักอย่างไรก็แล้วแต่ที่ลงย่ามได้ เชือกสักเส้นก็ดี และแถมอีกนิดรองเท้าแตะเบา ๆ พอช่วยให้เดินได้บนป่าเขาลำเนาไพร

    4.ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีเพื่อนร่วมทาง เพราะเรือแต่ละลำจะนำท่านไปเป็นกลุ่ม ๆ ไปทำความรู้จักกันที่โน่นก็แล้วกันนะคะ ส่วนคนที่พลัดพรากจากคนที่รักก็ไม่ต้องห่วง ถ้า ภรรยา/สามี พ่อ แม่ ลูก หลาน ญาติ พี่น้อง และเพื่อนของท่านได้รับการช่วยเหลือก็อาจจะไปเจอกันที่โน่น เป็นการผจญภัยที่น่าอัศจรรย์จริงเชียว

    5.คลื่นยักษ์จะเข้าโจมตีเมืองหลวง ในช่วงเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม 2555

    ข้อสรุปที่ข้าพเจ้านำเสนอให้ทราบ เหมาะสำหรับผู้ที่คิดจะปักหลักอยู่ในพื้นที่ สู้จนวินาทีสุดท้าย ส่วนท่านที่มีกลุ่มและมีเป้าหมายชัดเจนแล้ว ท่านก็คงจะอพยพไปก่อนที่ภัยจะมา คนที่เหลืออยู่ก็จะเป็นกลุ่มคนไม่รู้ กับกลุ่มคนที่รู้แต่ไม่ไป คือยอมตายว่างั้นเถอะ ก็สุดแท้แต่ท่านจะใช้สติปัญญาพิจารณาก็แล้วกันนะคะ ขอให้ทุกท่านโชคดี

    ภาคอื่นรอรวบรวมและเรียบเรียงข้อมูลก่อนนะคะ ขอบคุณค่ะ

    ที่มา เรือเทวดา - อื่นๆ - สัจจธรรมแห่งชีวิต - Wunjun Group
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    แผ่นดินไหวที่เนปาล อาจเป็นสิ่งเตือนภัยให้คนไทยเตรียมตัว

    [​IMG]

    เตือนน้ำท่วม พ.ย.54 ชาวเมืองเชียงใหม่ เชียงรายและผู้ที่สนใจช่วยเข้ามาอ่านหน่อยค่า

    เดือนพฤศจิกายน 2554 น้ำโขงจะล้นฝั่งไหลบ่าท่วมแนวชายฝั่งโขง และเข้าสู่สายสาละวิน จะเข้าทางไหนก็ไม่ทราบค่ะ ไม่ได้ดูแผนที่ แต่จะขอกล่าวถึงเฉพาะประเทศไทย เขตที่ได้รับอิทธิพลของน้ำเป็นอันดับต้น ๆ คือ อ.เชียงของ จ.เชียงราย จากนั้นน้ำจะทะลักเข้า อ.เมือง จ.เชียงราย เป็นสายนองเนืองสู่ อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ แม่น้ำปิงท่วมท้นอีกครั้ง ระดับน้ำใน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ที่อยู่ใกล้แม่น้ำปิงระดับน้ำสูงประมาณมิดหัวคน และคาดว่าจะสูงกว่าหัวคนด้วยซ้ำ ประมาณเกือบครึ่งเสาไฟฟ้า ต่อจากนั้นน้ำจะหลากลงสู่ภาคเหนือตอนล่าง ไปอ่อนแรงลงแถว ๆ สุโขทัย จังหวัดที่อยู่ใต้เชียงใหม่ลงไปก็เตรียมตัวแก้ไขสถานการณ์ให้ดี

    การจะห้ามธรรมชาตินั้นห้ามไม่ได้ แต่เมื่อเขามาแล้วเราก็ต้องมีสติเตรียมการรับมือ อย่างน้อยก็มองหาที่ปลอดภัย ถุงยังชีพเล็ก ๆ สักคนละใบ ถ้าจะให้ดีคนที่ทราบข่าวนี้ควรจะเตรียมพร้อมดูสถานการณ์ไว้ ถ้าเห็นว่าไม่ดีให้รีบเผ่น หมายถึงว่า ให้ติดตามข่าวเกี่ยวกับแม่น้ำโขง ถ้าเขาล้นฝั่งเข้าไทยแถว ๆ อ.เชียงของ จ.เชียงรายเมื่อไร ผู้ที่อยู่ใต้น้ำให้หลบเข้าที่ปลอดภัยได้เลย อย่าลืมถุงยังชีพที่จะบรรเทาความหิวและหนาวเหน็บสัก 1-2 วัน เพราะความช่วยเหลืออาจจะไปถึงท่านล่าช้า เนื่องจากใคร ๆ ก็เดือดร้อนกันถ้วนหน้า

    ขยายความ => น้ำโขงมาจากไหน น้ำโขงที่ล้นฝั่งมาจากแม่น้ำฮวงโห ในประเทศจีนล้นเขื่อน คือน้ำในเขื่อนมีมาก เมื่อน้ำมากเขื่อนก็รับไม่ไหวจึงจำเป็นต้องระบายออก(เหมือนเขื่อนไทยนั่นแหละ) เมื่อเขื่อนปล่อยน้ำมามากน้ำไหลลงสู่ที่ต่ำอย่างเร็วและแรงมันจะพัดพาดินโคลนตามมาด้วย และเนื่องจากน้ำมีปริมาณมากจึงทำให้เกิดอุทกภัยตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เท่าที่ทราบมาคือเขื่อนจีนไม่แตกเพียงแต่เขาระบายน้ำออกมากเท่านั้นเอง

    ท่านใดทราบข้อมูลนี้ให้ช่วยบอกกล่าวแก่เจ้าหน้าที่ในท้องถิ่นที่เกี่ยวข้องด้วยนะคะ เผื่อท่านจะได้มีเวลาเตรียมพร้อมรับสถานการณ์และช่วยเหลือชาวบ้านตาดำ ๆ ให้อยู่รอดปลอดภัยต่อไป

    แจ้งมาเพื่อทราบ ท่านพระราหูฝากเตือนมาค่า หนูแจ้งให้แล้วนะคะท่าน(พระราหู) แต่ใครจะพิจารณาอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับปัญญาของท่านทั้งหลาย เราคงไปบังคับให้ใครเชื่อไม่ได้ เกิดก็ดี ไม่เกิดก็ดี มันดีอยู่ที่ใจ ไม่ใช่ดีอยู่ที่อารมณ์ฝากบอกต่อด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

    อืม...มีข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องน้ำโขงค่ะเพิ่งได้มาวันที่ 18 ต.ค. 54 ที่ดิฉันเคยบอกว่าความรุนแรงระดับปานกลางนั้นมันก็ใช่ คือมันปานกลางสำหรับโลกทิพย์ค่ะ แต่มันค่อนข้างหนักสำหรับชาวไทย น้ำโขงจะท่วมเป็นบริเวณกว้างเหมือนกัน ตอนน้ำเข้าจะมาแบบถาโถมชนิดที่ชาวบ้านไม่ทันตั้งตัว ถ้ามีอาสาเฝ้าระวังภัยก็จะช่วยได้ระดับหนึ่ง ถ้าน้ำมาเขาจะได้ตีเกราะป่าวร้องให้ประชาชนทราบล่วงหน้า จะให้ดีควรยกของขึ้นที่สูงไว้ก่อน มีเพื่อนมีฝูงก็ช่วยบอกต่อไปด้วยนะคะ จังหวัดที่อยู่ติดน้ำโขงเตรียมใจไว้ได้เลยว่าไม่พ้นภัยทางน้ำ ทางเชียงของดิฉันถามให้แล้ว ความรุนแรงก็ระดับปานกลาง คือเป็นทางน้ำไหลผ่านเข้า แต่แย่หน่อยตรงที่มันไหลเข้ามาเรื่อย ๆ ไม่หยุดง่าย ๆ ตัวเมืองเชียงใหม่เทวดาท่านบอกว่าน้ำท่วมสูงระดับอกถึงคอตามสภาพพื้นที่สูงต่ำ แต่ที่น่าแปลกใจคือน้ำท่วมขังอยู่เป็นเดือน เนื่องจากน้ำโขงเติมเข้ามาเรื่อย ๆ คุณ...บอกน้องชายได้เลยว่าคงต้องทำใจ ถึงน้ำจะท่วมไม่สูงมากแต่มันขังเพราะน้ำไหลเข้าไม่หยุด แต่ที่หนักเห็นจะเป็นน่าน มีคนตายด้วยอ่ะ ตั้งเป็นร้อย ๆ แน่ะ อาจถึงสองร้อยกว่า โอ คุณพระคุณเจ้าช่วยด้วย แล้วข้าพเจ้าจะไปบอกใครดี ใครจะเชื่อล่ะนี่ ทุกอย่างย่อมเกิดแต่เหตุ ได้แต่สังเวชค่ะ

    จุดที่น้ำเข้าด่านแรก

    ให้เฝ้าระวังน้ำโขงที่อำเภอเชียงของ ตรงที่หัวขวานมันงอเข้ามาน่ะค่ะ จุดนั้นจะเป็นจุดแรกที่น้ำโขงจะล้นเข้า อ.เชียงของ แล้วเข้าสู่ อ.เมืองเชียงราย ต่อจากนั้นไปไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าถ้าเข้า อ.เชียงของ อ.เมืองเชียงราย แล้วมันก็จะเข้าสู่สายน้ำปิง แล้วก็บ่าท่วมมาเรื่อย ๆ จนเข้าถึงเมืองเชียงใหม่ ตัวเมืองเชียงใหม่เป็นแอ่งกะทะใบใหญ่ที่รับน้ำเยอะที่สุด ใครที่อยู่แถว อ.เชียงของ ติดน้ำโขง ถ้าเห็นน้ำเข้าแล้วช่วยเตือนต่อ ๆ กันไปด้วยนะคะ ถ้ามีญาติเพื่อนฝูงที่เชียงใหม่ก็ให้แจ้งพวกเขาทราบด้วย ใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร แล้วแต่บุญแต่กรรม แต่ขอให้ช่วยแค่เตือนก็พอค่ะ

    ประกาศอย่างเป็นทางการ

    เดือนพฤศจิกายน 2554 น้ำโขงจะเดินทางถึงเชียงใหม่ ภัยครั้งนี้ไม่สามารถต้านทานได้ ไม่ต้องเตรียมป้องกันอะไรทั้งนั้น อพยพอย่างเดียว โดยเฉพาะคนที่อยู่ริมน้ำปิงทั้งสองฝั่ง น้ำจะท่วมสูงจากถนน 3-5 เมตร ขึ้นอยู่กับระดับพื้นที่สูงต่ำ แต่ริมน้ำปิงอันตราย วันที่น้ำถึงเชียงใหม่ไม่ทราบ แต่ให้อพยพออกจากพื้นที่เสี่ยงภัยให้เสร็จสิ้นก่อนวันที่ 16 พ.ย. 54 เพื่อความปลอดภัยในทรัพย์สินและครอบครัวของท่าน หากใครจะปักหลักอยู่ในพื้นที่ให้อพยพขึ้นไปอยู่ชั้นสองหรือชั้นสาม เตรียมเครื่องยังชีพให้พร้อมอยู่ได้สักประมาณ 1 เดือน โดยเฉพาะน้ำดื่ม น้ำใช้ ข้าวสาร อาหารแห้ง เพราะมันเริ่มขาดแคลนแล้ว

    เหตุผลที่ต้องขึ้นประกาศอย่างเป็นทางการเนื่องจากเมื่อเย็นวานพระอาจารย์ใหญ่(องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า)เสด็จมาเตือนเอง บอกให้ข้าพเจ้าแผ่เมตตาให้เทวดา เทพาอารักษ์ นางไม้ ภูต ผี ปีศาจที่ไร้ที่อยู่ที่อาศัย ขอความร่วมมือจากผู้มีจิตเป็นกุศลทุกท่านร่วมใจกันแผ่เมตตาให้พวกเขาเหล่านั้นด้วยนะคะ ถึงแม้เราจะห้ามไม่ได้แต่ก็ช่วยให้ผ่อนหนักเป็นเบาได้

    การเตรียมการของภาคท้องถิ่น

    ตอนนี้ผู้บริหารท้องถิ่นของจังหวัดเชียงใหม่ทราบเรื่องน้ำโขงจะท่วมเชียงใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว จากข้อมูลของที่ปรึกษาประจำหมู่บ้าน ท่านกรุณาแจ้งให้ทราบว่า มีกลุ่มเตือนภัยของพระศรีอริเมตไตรยได้นำข้อมูลทั้งแผนที่ดาวเทียม ซีดีภาพ และข้อมูลของปริมาณน้ำในเขื่อนจีนไปบรรยายให้ผู้บริหารท้องถิ่นรับทราบแล้ว ตอนแรกท่านก็ไม่เชื่อ แต่เมื่อได้เห็นข้อมูลทางวิทยาศาสตร์และภูมิศาสตร์แล้ว จึงได้มีการปรึกษาหารือกันระหว่างผู้บริหารท้องถิ่นระดับสูง จนถึงสูงสุด ตอนนี้จังหวัดเชียงใหม่สั่งให้ภาคท้องถิ่นเตรียมการรองรับผู้อพยพที่จะได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำโขงไหลเข้าน้ำปิงท่วมเมืองเชียงใหม่ และได้มีการกำหนดสถานที่ไว้เรียบร้อยแล้ว และต่อไปนี้เป็นการประกาศของภาคประชาชน ไม่ขออ้างอิงราชการใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะภาคราชการไม่สามารถประกาศได้โดยตรง เนื่องจากอาจสร้างความไม่ปกติสุขให้แก่พี่น้องชาวเชียงใหม่ ข้อมูลมีว่าดังนี้

    1. น้ำแข็งจากเทือกเขาหิมาลัยละลายไหลลงสู่แม่น้ำโขง (ในประเทศจีนเรียกชื่ออะไรไม่รู้) ทำให้น้ำโขงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และกำลังไหลเข้าเขื่อนจีน ขณะนี้อยู่ในภาวะที่กำลังจะรับไม่ไหวแล้ว

    2. เมื่อเขื่อนจีนรับน้ำไม่ไหวจะปล่อยน้ำออกมาจำนวนมหาศาล มีผลทำให้น้ำโขงเอ่อล้นอย่างรวดเร็ว น้ำจะเข้าท่วมแถวจังหวัดเชียงรายก่อน มีการเตรียมการกันไว้ว่าถ้าทราบว่าน้ำโขงเข้าท่วมเชียงรายเมื่อไร จังหวัดเชียงใหม่จะมีเวลาประกาศให้ประชาชนอพยพภายใน 1 วัน

    3. สถานที่ที่กำหนดให้เป็นศูนย์พักพิง เริ่มจากค่ายทหารตั้งแต่ อ.แม่ริม ยาวไปจนถึง อ.จอมทอง ศูนย์พักพิงที่ใกล้เมืองที่สุดคือ ศูนย์บริการของ มช. ใกล้ตลาดพะยอม สนามกีฬา 700 ปี สนามฝึก รด. หลังศาลากลาง และบริเวณของ มช.ที่แม่เหียะ ในบริเวณอะไรไม่ทราบแถววัดเจ็ดยอด(ขออภัยจำชื่อไม่ได้) และโรงเรียนรอบนอกอีกหลายแห่ง และยังมีอีกหลายแห่งที่กำหนดให้เป็นศูนย์พักพิง ข้อมูลตรงนี้ข้าพเจ้าไม่ทราบท่านต้องไปติดต่อสอบถามกับกรรมการหมู่บ้าน ที่ปรึกษาหมู่บ้าน อบต. อบจ. หรือกำนัน ผู้ใหญ่บ้านดูเอาเอง โดยศูนย์พักพิงทั้งหมดจะอยู่นอกเขตพื้นที่น้ำท่วม โดยใช้เขตคันคลองชลประทานเป็นเส้นแบ่ง เขตที่ปลอดภัยคือฝั่งสนามกีฬา 700 ปี เป็นต้นไป

    4. สถานที่พักพิงของพระอยู่ที่วัดฝายหิน หลัง มช.

    5. ขณะนี้การเตรียมการดำเนินไปได้ 60% แล้ว ทหาร ราชการ และท้องถิ่นกำลังเตรียมรถบรรทุกคันใหญ่ ๆ ไว้อพยพประชาชนเกือบจะพร้อมแล้ว

    6. ขอบเขตของน้ำท่วม ใช้ถนนซุปเปอร์ไฮเวย์เป็นแนวกั้น ตีอ้อมไปถึงถนนวงแหวนรอบใน(หนองหอย-สนามบิน) บ้านที่ถูกล้อมอยู่ภายในถนนเหล่านี้ท่วมหมด ระดับน้ำจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับพื้นที่สูงต่ำ

    7. จุดที่ใช้น้ำปิงเป็นเส้นแบ่งเขตระหว่างลำพูนกับเชียงใหม่ ฝั่งเมืองลำพูนจะจมบาดาล น้ำท่วมไปถึงอำเภอป่าซาง ฝั่งเชียงใหม่รอด (เส้นทางไปหนองตอง) แต่ฝั่งติดน้ำปิงไม่รอดแม้ว่าจะอยู่เขตเชียงใหม่ก็ตาม

    8. น้ำปิงเอ่อท่วมไปตลอดแนวฝั่งปิงจนถึงเขื่อนตาก มวลน้ำก้อนใหญ่นี้จะถึงภาคกลางก็ต่อเมื่อเขื่อนตากรับน้ำไม่ไหว ถ้าเป็นเช่นนั้นภาคกลางจะโดนน้ำท่วมซ้ำอีกรอบแถมอาจจะหนักกว่าเดิม เพราะน้ำที่เดินทางไปหาท่านเป็นน้ำจากน้ำโขงไม่ใช่น้ำฝนหรือน้ำในเขื่อนในประเทศเหมือนรอบแรก

    9. ประชาชนจะทำอย่างไรก็เชิญพิจารณาตามข้อมูลและข้อแนะนำที่มีอยู่ในห้องนี้ (โปรดย้อนกลับขึ้นไปอ่านคำแนะนำที่ประกาศฯ)
    __________________
    บล๊อกโมทนา http://moothana.blogspot.com
    งานอดิเรก http://nawajan.blogspot.com

    --------------------------------------------------------------------------------
    แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย natthapatpun : เมื่อวานนี้ เมื่อ 04:09 PM

    ที่มา นึกไป เขียนไป: เตือนน้ำท่วม พ.ย.54 ชาวเมืองเชียงใหม่ เชียงรายและผู้ที่สนใจช่วยเข้ามาอ่านหน
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 พฤษภาคม 2015
  13. Amata_club

    Amata_club เป็นที่รู้จักกันดี สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    27,076
    ค่าพลัง:
    +52,178
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ระทึก! ธรณีพิโรธ 6.8 ริกเตอร์ เขย่าญี่ปุ่น ไม่มีเตือนสึนามิ

    [​IMG]

    ยูเอสจีเอสรายงาน เกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.8 แมกนิจูด ในทะเลทางตะวันออกของประเทศญี่ปุ่น ห่างจากชายฝั่งไม่กี่สิบกิโลเมตร แต่ไม่มีการเตือนภัยคลื่นยักษ์สึนามิ...

    สำนักสำรวจธรณีวิทยาแห่งชาติสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส) รายงานว่า เมื่อเวลา 04:12 น. ตามเวลาประเทศไทย เกิดแผ่นดินไหวความรุนแรงระดับ 6.8 ในทะเลทางตะวันออกของเกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น จุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวมีความลึก 38.9 กม. อยู่ห่างจากเมืองโอฟุนาโตะ และเมืองคามาอิชิ ในจังหวัดอิวาเตะ ไปทางตะวันออกเฉียงใต้ราว 33 และ 42 กม. ตามลำดับ

    แผ่นดินไหวลูกนี้ยังอยู่ห่างจากกรุงโตเกียวไปทางตะวันออกเฉียงเหนือราว 412 กม. แต่ไม่มีการประกาศเตือนภัยคลื่นยักษ์สึนามิ และในเบื้องต้นยังไม่มีรายงานว่าเกิดความเสียหาย หรือมีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิตหรือไม่

    ทั้งนี้ เมื่อเดือน มี.ค. 2011 ญี่ปุ่นเผชิญกับธรณีพิบัติครั้งใหญ่จากแผ่นดินไหวระดับ 9.0 แมกนิจูด ทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามิโถมซัดใส่ชายฝั่งทางตะวันออกของเกาะฮอนชู มีผู้เสียชีวิตและสูญหายรวมกว่า 18,000 คน โดยจังหวัดอิวาเตะเป็นหนึ่งในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสึนามิมากที่สุด

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 13 พ.ค. 2558

    เนปาลช้ำหนัก! เจอดินไหวซ้ำ-อาฟเตอร์ช็อก 6.3 ดับเพิ่ม 68 ศพ

    [​IMG]

    [​IMG]

    เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงในประเทศเนปาลซ้ำเป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ตามด้วยอาฟเตอร์ช็อกรุนแรงถึง 6.3 แมกนิจูด ทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีก 68 รายรวมทั้งในอินเดียและทิเบต...

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ที่เนปาลเป็นครั้งที่ 2 เมื่อวันอังคารที่ 12 พ.ค. เพียง 2 สัปดาห์หลังประเทศแถบภูเขาแห่งนี้เผชิญแผ่นดินไหวระดับ 7.8 เมื่อวันที่ 25 เม.ย. โดยแผ่นดินไหวระลอกล่าสุดสร้างความเสียหายเพิ่มเติมให้แก่อาคารบ้านเรือน และทำให้มีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 68 ราย และมีผู้บาดเจ็บอีกราว 1,261 คน

    ตามรายงานของสำนักสำรวจธรณีวิทยาแห่งชาติสหรัฐฯ (ยูเอสจีเอส) แผ่นดินไหวใหญ่ครั้งที่ 2 มีขนาด 7.3 แมกนิจูด จุดศูนย์กลางอยู่ลึกลงไปใต้ดิน 15 กม. อยู่ห่างจากกรุงกาฐมาณฑุไปทางตะวันออกเฉียงเหนือเพียง 76 กม. และเพียงครึ่งชั่วโมงต่อมา ก็เกิดอาฟเตอร์ช็อก ความรุนแรง 6.3 แมกนิจูด ในพื้นที่เดียวกันนี้

    แผ่นดินไหวครั้งล่าสุดมีขนาดใกล้เคียงกับแผ่นดินไหววันที่ 25 เม.ย. แต่เมื่อเทียบในเชิงการปล่อยพลังงาน แผ่นดินไหวครั้งก่อน ถือว่ามีขนาดใหญ่กว่าถึง 3 เท่า และรุนแรงกว่าถึง 5.6 เท่า

    อย่างไรก็ตาม ถึงแผ่นดินไหวครั้งล่าสุดในเนปาลจะเบากว่า แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะไม่สร้างความเสียหาย โดยนายคามาล สิงห์ บาม โฆษกตำรวจชาวเนปาล เปิดเผยว่า จนถึงคืนวันอังคารพวกเขาพบผู้เสียชีวิตในประเทศแล้ว 50 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 1,260 คน นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ยังสามารถช่วยเหลือผู้รอดชีวิตจากซากตึกที่พังถล่มเพราะแผ่นดินไหวครั้งใหม่ได้อีกหลายสิบคน

    ความเสียหายยังกระจายออกไปยังประเทศข้างเคียง โดยสำนักข่าว ซินหัว ของจีน รายงานว่า มีผู้หญิงรายหนึ่งในทิเบตเสียชีวิตหลังจากมีหินร่วงลงมาจากภูเขามาทับรถของเธอ ขณะที่นายคัลดีป ธัตวาเลีย โฆษกกระทรวงมหาดไทยอินเดียเผยว่า พบผู้เสียชีวิตในประเทศอย่างน้อย 17 ราย

    แผ่นดินไหวครั้งใหม่ยังสร้างความเสียหายต่อจิตใจของชาวเนปาล ที่ยังไม่หายหวั่นวิตกจากแผ่นดินไหว 7.8 เมื่อ 25 เม.ย. ชาวกรุงกาฐมาณฑุและพื้นที่อื่นๆ ตัดสินใจอาศัยอยู่ภายในเต็นท์กลางแจ้งต่อไป หลายคนไม่แน่ใจว่าจะได้กลับบ้านของพวกเขาอีกหรือไม่

    ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า เกิดดินถล่มที่เขตสินธุปัลโชค ทางตะวันออกของประเทศ ซึ่งได้รับความเสียหายอย่างหนักอยู่แล้วจากแผ่นดินไหวเมื่อเดือนก่อน บ้านเรือนหลายหลังในหลายชุมชนพังถล่มลงมา ด้านประชาชนที่เมืองลุคลา ซึ่งเป็นหน้าด่านสู่ยอดเขาเอเวอเรสต์ เร่งเดินทางไปยังสนามบินทันทีหลังเกิดแผ่นดินไหว เพื่อหาพื้นที่โล่งแจ้ง ซึ่งพวกเขาเชื่อว่าเป็นที่ปลอดภัยที่สุดในขณะนี้

    อนึ่ง เมื่อวันอังคาร นาวาเอก คริส ซิมส์ แห่งกองทัพเรือสหรัฐฯ ออกมายืนยันว่า มีเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพสหรัฐฯ ซึ่งเข้าร่วมสนับสนุนในปฏิบัติการบรรเทาทุกข์ในเนปาล หายไป 1 ลำ ขณะที่พันเอก สตีฟ วอร์เรน โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯระบุว่า เฮลิคอปเตอร์ดังกล่าวเป็นรุ่น 'ยูเอช-1 ฮิวอี้' (UH-1 Huey) หายไปพร้อมนาวิกโยธิน 6 นาย และเจ้าหน้าที่ของเนปาลอีก 2 คน โดยจนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบชะตากรรมของเฮลิคอปเตอร์ลำนี้

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 13 พ.ค. 2558

    อีกแล้ว! พันธมิตรอาหรับทิ้งบอมบ์คลังแสงเยเมน บึมเละดับอื้อ 69 ศพ

    [​IMG]

    เครื่องบินรบของกลุ่มพันธมิตรอาหรับนำโดยซาอุดีอาระเบีย โจมตีทางอากาศทำลายคลังแสงใกล้เมืองหลวงเยเมน ทำให้เกิดระเบิดอย่างรุนแรง จนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก...

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เครื่องบินรบของกลุ่มพันธมิตรอาหรับและตะวันออกกลาง นำโดยประเทศซาอุดีอาระเบีย ดำเนินการโจมตีทางอากาศทำลายคลังเก็บอาวุธ ซึ่งตั้งอยู่ในค่ายทหารใกล้กรุงซานา เมืองหลวงของประเทศเยเมน ทำให้เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง จนมีผู้เสียชีวิตถึง 69 ราย และบาดเจ็บอีกอย่างน้อย 250 คน

    การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงคืนวันจันทร์ แต่การระเบิดของอาวุธในคลังแสงซึ่งตั้งอยู่ในค่ายทหารบนภูเขาโนกุม ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องจนถึงช่วงเที่ยงวันอังคาร โดยแรงระเบิดส่งคลื่นกระแทกและซากปรักหักพังจากคลังแสงไปยังชุมชนที่อยู่บริเวณตีนเขา ทำให้บ้านเรือนได้รับความเสียหาย ผู้คนบาดเจ็บล้มตาย

    ทั้งนี้ การโจมตีคลังแสงครั้งล่าสุดของกลุ่มพันธมิตรฯ เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมง ก่อนที่ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างกลุ่มพันธมิตรกับกลุ่มติดอาวุธอิสลามไซดี หรือกบฏฮูธิ ในเยเมน จะมีผลบังคับใช้ในเวลา 23:00 น. วันจันทร์ที่ 11 พ.ค. โดยตามข้อตกลงทั้ง 2 ฝ่ายจะพักรบกันนาน 5 วัน เพื่อส่งเสบียงอาหารและส่งของบรรเทาทุกข์ให้แก่ผู้ประสบภัยเหตุความรุนแรง

    นายอาเดล อัล-จูเบียร์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศแห่งซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นผู้นำคณะกรรมการของกลุ่มพันธมิตรฯ กล่าวว่า อาจมีการขยายระยะเวลาหยุดยิง หากการส่งสิ่งของบรรเทาทุกข์ประสบความสำเร็จ และกบฏฮูธิและผู้สนับสนุนของพวกเขาไม่แสดงท่าทีเป็นปฏิปักษ์

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 13 พ.ค. 2558

    ยังไม่พบเบาะแสก่อการร้าย! รถไฟแอมแทรคในสหรัฐฯตกราง ตาย 5 เจ็บ 50

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    อุบัติเหตุสยอง...รถไฟโดยสารแอมแทรคในสหรัฐฯ ตกราง ส่งผลให้หัวรถจักรและโบกี้รถไฟ 7 โบกี้พังเสียหายหนัก เสียชีวิตแล้ว 5 คน บาดเจ็บครึ่งร้อย เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุที่ทำให้รถไฟตกราง และยังไม่พบเบาะแสโดนก่อการร้าย

    เมื่อวันที่ 13 พ.ค.58 สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเกิดอุบัติเหตุสะเทือนขวัญ รถไฟโดยสาร ‘แอมแทรค’ ในสหรัฐฯ ประสบเหตุตกราง ทางตอนเหนือของเมืองฟิลาเดลเฟีย รัฐเพนซิลเวเนีย เมื่อคืนวันที่ 12 พ.ค. (ตามเวลาท้องถิ่น) เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 5 คน และบาดเจ็บถึง 50 คน ในจำนวนนี้บาดเจ็บสาหัส 6 คน ขณะที่ทางการท้องถิ่นได้ระดมส่งพนักงานดับเพลิงและทีมกู้ภัยมาช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุ หลังรับทราบเหตุร้าย

    นายไมเคิล นัตเตอร์ นายกเทศมนตรีเมืองฟิลาเดลเฟียกล่าวด้วยความร้อนใจว่า มีโบกี้ถึง 7 โบกี้ และหัวรถจักรรถไฟได้รับความเสียหายอย่างหนักจากอุบัติเหตุรุนแรงครั้งนี้ ขณะที่ ทางบริษัทการเดินรถไฟแอมแทรคแจ้งว่า มีผู้โดยสารเดินทางมากับรถไฟขบวนนี้ประมาณ 238 คน และมีพนักงานการรถไฟทำงานอยู่ 5 คน โดยผู้โดยสารส่วนใหญ่สามารถออกมาจากรถไฟได้ รวมทั้ง นายแพตทริก เมอร์ฟีย์ อดีตวุฒิสมาชิกรัฐเพนซิลเวเนีย ก็เดินทางมากับรถไฟขบวนนี้เช่นกัน และโชคดีที่เขาได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย

    สำหรับรถไฟโดยสารที่ประสบเหตุตกราง เป็นรถไฟสายภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขบวนที่ 188 จากรัฐวอชิงตัน ไปยังนิวยอร์ก ซึ่งจุดที่ประสบเหตุ อยู่ทางตอนเหนือของเมืองฟิลาเดลเฟีย โดยเบื้องต้น ยังไม่ทราบสาเหตุที่ทำให้รถไฟตกราง และขณะนี้ เจ้าหน้าที่สำนักงานสืบสวนสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) กำลังลงพื้นที่เพื่อช่วยตรวจสอบหาสาเหตุของอุบัติเหตุสะเทือนขวัญ ขณะเดียวกัน ยังไม่มีเบาะแสใดๆ บ่งชี้ว่า เป็นการก่อการร้าย ส่วนเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการความปลอดภัยการคมนาคมแห่งชาติของสหรัฐฯ จะเดินทางมาถึงเพื่อตรวจสอบหาสาเหตุอุบัติเหตุในเช้าวันพุธที่ 13 พ.ค. (ตามเวลาท้องถิ่น)

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 13 พ.ค. 2558

    ที่มา Property Perfect - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  15. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    กทม. แจ้งปรับโครงสร้างอาคารก่อสร้างก่อนปี 40 รับภัยพิบัติ

    [​IMG]

    สำนักการโยธา ระบุ อาคารก่อสร้างก่อนปี 2540 เสี่ยงได้รับผลกระทบหากเกิดแผ่นดินไหว แจ้งเจ้าของปรับปรุงโครงสร้าง-ตัวอาคาร ขณะที่ตึกร้างทั่ว กทม. มี 67 อาคาร

    วันที่ 13 พ.ค. 58 นายไทวุฒิ ขันแก้ว ผู้อำนวยการกองควบคุมอาคารสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร เปิดเผยถึงอาคารและสิ่งก่อสร้างในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ว่า อาคารเก่าและอาคารร้างที่ก่อสร้างก่อนปี 2540 ที่ไม่ได้ถูกออกแบบให้รองรับแผ่นดินไหว เนื่องจากก่อสร้างก่อนกฎหมายบังคับ มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบหากเกิดแผ่นดินไหวขึ้น อาจเกิดความเสียหายได้ กองควบคุมอาคารสำนักการโยธา จึงแจ้งเจ้าของอาคารที่ก่อสร้างก่อนปี 2540 ให้ปรับปรุงโครงสร้างและตัวอาคารให้รองรับภัยพิบัติ

    พร้อมทั้งจัดทำหนังสืออาคารเก่าในยุคใหม่ต้านภัยพิบัติ จำนวน 20,000 เล่ม แจกจ่ายให้ผู้ประกอบการให้ความรู้เกี่ยวกับการขออนุญาตดัดแปลงอาคารให้มีความปลอดภัย โดยหลักปฏิบัติจะต้องมีสถาบันหรือวิศวกรเป็นผู้ตรวจสอบอาคารนั้นๆ ส่วนอาคารที่ออกแบบต้านแผ่นดินไหวตามกฎกระทรวง 2540 ไม่มีปัญหา สามารถรองรับเหตุการณ์แผ่นดินไหวได้

    สำหรับตึกร้างที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักการโยธา จากการสำรวจมี 41 โครงการ 67 อาคาร อาคารร้างทั้งหมดมีกฎกระทรวงเมื่อปี 2552 ให้ตึกร้างที่หยุดการก่อสร้างเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจหรือมีเหตุอย่างอื่นที่ไม่สามารถที่จะก่อสร้างต่อไปได้ ให้ได้รับสิทธิในการก่อสร้างโดยยึดถือใบอนุญาตเดิมพื้นที่ก่อสร้างเท่าเดิม

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 13 พ.ค. 2558

    พายุถล่มชัยนาท บ้านพังเสาไฟฟ้าหักโค่น

    [​IMG]

    พายุฤดูร้อนถล่มจังหวัดชัยนาท ในตำบลกะบกเตี้ย เสาไฟฟ้าหักโค่น 10 ต้น บ้านเรือนประชาชนเสียหายกว่า 50 หลัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ให้การช่วยเหลือ ขณะ กฟผ.เร่งซ่อมแซมไฟฟ้าให้สามารถใช้งานได้ตามปกติ

    เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 13 พ.ค. 58 นายเศรษฐสิทธิ์ ภพสุวรรณ นายก อบต.กระบกเตี้ย อ.เนินขาม จ.ชัยนาท พร้อมเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อ.เนินขาม และ อบต.กะบกเตี้ย ร่วมกันตรวจสอบและสำรวจความเสียหายบ้านเรือนของประชาชนภายในตำบล ภายหลังจากการเกิดพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกอย่างรุนแรงในพื้นที่เมื่อเวลา 19.00 น. เมื่อวันที่ 12 พ.ค. 58 ที่ผ่านมา

    โดยความรุนแรงของพายุทำให้ต้นไม้หักโค่นจำนวนมากตลอดสองข้างทาง ส่วนบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหายหลังคาปลิวจากแรงลม จำนวนกว่า 50 หลังคาเรือน โดยเฉพาะบนถนนสายหันคา-หูช้าง พื้นที่ ม.15 ต.กะบกเตี้ย เสาไฟฟ้าหักโค่นจำนวน 10 ต้น ทำให้ในพื้นที่ ต.กะบกเตี้ย หลายหมู่บ้านไม่มีไฟฟ้าใช้ จึงทำการให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะบ้านเรือนที่หลังคาเสียหายทั้งหลัง เจ้าหน้าที่ได้จัดหาเต็นท์และอาหารแห้งเครื่องยังชีพเข้าให้ความช่วยเหลือ อย่างเร่งด่วน

    ขณะที่เจ้าหน้าที่จากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค กำลังเร่งแก้ไขปัญหาสายไฟฟ้าเพื่อให้สามารถทำการจ่ายไฟฟ้าให้ประชาชนโดยเร็วที่สุด โดยมีอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญูจังหวัดนำเลื่อยเครื่องยนต์เข้าตัดกิ่งไม้และต้นไม้ที่ล้มกีดขวางถนนเพื่อเปิดการจราจรให้ประชาชนสามารถสัญจรผ่านได้

    อย่างไรก็ตาม ทางอำเภอเนินขาม และทาง อบต.กระบกเตี้ย ได้ให้ความช่วยเหลือเบื้องต้น เป็นถุงยังชีพ ส่วนเรื่องของเงินช่วยเหลือต้องทำการตรวจสอบบ้านที่เสียหายให้ครบทุกครัวเรือนเสียก่อน แต่หากหลังไหนเสียหายเยอะจะช่วยเหลือในทันที

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 13 พ.ค. 2558

    อ.นาแก ระดมกำลังช่วยชาวบ้านถูกพายุฤดูร้อนพัดบ้านพังเสียหาย

    [​IMG]

    [​IMG]

    ปลัด อ.นาแก และเจ้าหน้าที่กาชาด ระดมกำลังลงพื้นที่ฟื้นฟูช่วยชาวบ้านเหยื่อพายุฤดูร้อนพัดบ้านพังเสียหาย ด้าน ปภ.เตือนชาวบ้าน เฝ้าระวังต่อเนื่อง ระบุพายุฤดูร้อนรุนแรงกว่าทุกปี...

    เมื่อวันที่ 13 พ.ค.2558 นายบำรุง ศิลาชัย ปลัดอาวุโส อำเภอนาแก พร้อมด้วย นายกิตติวัฒน์ ปัททุม ปลัดอำเภอฝ่ายกิจการพิเศษ บัญชา ศรีชาหลวง นายก อบต.พิมาน ร่วมกับคณะเหล่ากาชาดอำเภอนาแก นำสิ่งของเครื่องอุปโภค บริโภค และเงินสด จำนวนรายละ 2,000 บาท ไปแจกจ่ายช่วยเหลือ ชาวบ้าน ในพื้นที่ บ้านสุขเกษม หมู่ 7 ต.พิมาน อ.นาแก จ.นครพนม ที่ประสบปัญหาพายุพัดบ้านเรือนพังเสียหาย กว่า 10 หลัง มีเสียหายหนักสุด เป็นบ้านไม้ยกสูงล้มพังทั้งหลัง จำนวน 1 หลัง คือบ้านของ นายศุภกฤษ เพ็ชรฤทธิ์ เกิดอายุ 46 ปี บ้านเลขที่ 19 หมู่ที่ 7 ต.พิมาน อ.นาแก จ.นครพนม นอกจากนี้ยังได้ระดมกำลังเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง อส. ทหาร และผู้นำชุมชน เข้าไปฟื้นฟู ซ่อมแซมบ้านพักอาศัย ลดค่าจ้างแรงงาน บรรเทาความเดือดร้อน ให้มีที่พักอาศัย โดยมี องค์การบริหารส่วนตำบลพิมาน เป็นผู้สนับสนุนในเรื่องงบประมาณจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง ตามสภาพความเสียหาย เบื้องต้นรายละประมาณ 20,000 บาท

    รายงานข่าวแจ้งว่า ในปีนี้พายุฤดูร้อนส่งผลกระทบรุนแรงกว่าทุกปี ในรอบเดือนที่ผ่านมา พื้นที่นครพนม ได้รับความเสียหาย กว่า 2,000 หลัง ส่วน อำเภอนาแก เสียหาย ประมาณ 100 หลัง ส่งผลให้สูญเสียงบประมาณภาครัฐมหาศาล โดยสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครพนม ยังคงประกาศเตือนประชาชนในพื้นที่เฝ้าระวังต่อเนื่อง.

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 13 พ.ค. 2558

    เศรษฐกิจซบเซารับเปิดเทอม ร้านขายชุดนักเรียน ยอดขายลดฮวบ!

    [​IMG]

    เศรษฐกิจแย่ ร้านขายเสื้อผ้านักเรียนเมืองตรังครวญ ยอดขายไม่ดี สินค้าหลักทางการเกษตรราคาตกต่ำ ทำให้ผู้ปกครองมีรายได้น้อยประหยัดมากขึ้น แถมเจอห้างสรรพสินค้าเป็นคู่แข่งรายใหญ่จัดโปรโมชั่นลดราคาอื้อ

    เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 13 พ.ค. 58 ผู้สื่อข่าวลงสำรวจบรรยากาศและราคาชุดนักเรียนในเขตเทศบาลนครตรัง ในช่วงก่อนเปิดเทอม พบว่า ยอดขายชุดนักเรียนในปีนี้ ซบเซากว่าปีที่ผ่านมา โดยปัจจัยหลักเกิดจากสภาพเศรษฐกิจไม่ดี ส่งผลให้ยอดขายลดลง

    จากการสอบถาม นางสาวชลธิรา เย่าตัก อายุ 30 ปี เจ้าของร้านชลธิรา ขายชุดนักเรียนหน้าตลาดสดเทศบาลนครตรัง เปิดเผยว่า พ่อแม่ผู้ปกครองมาซื้อชุดนักเรียนให้กับบุตรหลานจำนวนค่อนข้างเยอะ ในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งยอดขายในปีนี้ลดลงกว่าปีที่แล้วเยอะมาก เพราะสภาพเศรษฐกิจไม่ดี สินค้าทางการเกษตรอย่างยางพาราและปาล์มน้ำมันตกต่ำ ส่งผลให้พี่น้องชาวตรังที่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรและทำสวนปาล์มน้ำมัน มีรายได้ลดลง ทำให้ต้องประหยัดค่าใช้จ่ายมากยิ่งขึ้น

    โดยการซื้อขายชุดนักเรียนในปีนี้ พ่อแม่ผู้ปกครองซื้อสินค้าแค่ที่จำเป็น เช่นซื้อเสื้อทีละ 1-2 ตัว จากเดิมที่เคยซื้อทั้งเสื้อและกางเกงหรือกระโปรงยกชุด และยังลดจำนวนการซื้อลง จากที่เคยซื้อ 3-4 ชุด ก็เหลือเพียง 1-2 ชุดเท่านั้น

    ด้าน นางสาวอรวรรณ วัชโรธยางกูร เจ้าของร้านฮั่วมุ่ย 42 หน้าตลาดสดเทศบาลนครตรัง เผยว่า ทางร้านยังคงราคาชุดนักเรียนไว้เช่นเดิม ตั้งแต่ปี 2555 มาจนถึงปัจจุบัน ไม่ได้มีการปรับราคาเพิ่มแต่อย่างใด แต่เสื้อผ้าแต่ละชิ้นจะมีราคาที่แตกต่างกันออกไปตามขนาด โดยระดับอนุบาลราคาจะอยู่ที่ชุดละประมาณ 300 บาท ระดับประถม อยู่ที่ 300-350 บาท มัธยมก็ตามขนาดของเสื้อผ้า มีตั้งแต่ 100 กว่าบาทขึ้นไป โดยในปีนี้ ลูกค้ามาซื้อชุดนักเรียนน้อยลง เนื่องมาจากหลายโรงเรียนได้มีการรับชุดนักเรียนไปขายเอง ทำให้ร้านข้างนอกขาดรายได้

    นอกจากนั้น นางสาวอรวรรณ กล่าวต่อว่า ปัญหาสินค้าทางการเกษตรตกต่ำ รวมถึงการที่มีห้างสรรพสินค้ามาเปิดบริการและมีโปรโมชั่นเรียกลูกค้า ก็ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองหันไปซื้อของในห้างมากกว่ามาซื้อจากร้านข้างนอก เพราะมีราคาที่ถูกกว่า สะดวกสบายกว่า อีกทั้งยังมีการลดแลกแจกแถม ทำให้ยอดการขายชุดนักเรียนของทางร้านในปีนี้ถือว่าซบเซาอย่างหนัก

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 13 พ.ค. 2558

    อีสานระวังฝนตก-ลมแรง ตลอดสัปดาห์ เหนือร้อนจัด

    [​IMG]

    ทั่วไทยอากาศยังแปรปรวน อีสานระวังฝนตกลมแรงตลอดสัปดาห์ ขณะที่เหนือยังร้อนจัดอุณหภูมิแตะ 42 องศาเซลเซียส...

    วันที่ 13 พฤษภาคม ทีมข่าวไทยรัฐ ร่วมกับ Weather Company ของสหรัฐอเมริกา รายงานสภาพอากาศ พบว่า วันนี้มวลอากาศเย็นจากประเทศจีนยังคงแผ่ลงมาปกคลุมบริเวณ ภาคอีสานตอนบน และทะเลจีนใต้ ส่งผลให้ลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุม ประเทศไทยตอนบน และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้นด้วย ซึ่งจะพัดนำความชื้นจากทะเล เข้ามาปะทะกับอากาศร้อนที่จัด โดยเฉพาะทางตอนบนของประเทศ ทำให้บริเวณ ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง และลมกระโชกแรง ส่วนลมตะวันตกเฉียงใต้ยังคงพัดปกคลุม ทะเลอันดามัน และด้านตะวันตกของประเทศ ทำให้ภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนกระจายในระยะนี้

    จากการคาดการณ์สถานการณ์ฝนตลอดทั้งวัน ตั้งแต่ตอนบนถึงตอนกลาง ปรากฏว่า วันนี้ฝนจะเริ่มก่อตัวตั้งแต่ในช่วงเช้าบริเวณทางตอนบนของภาคอีสาน หนองคาย อุดรธานี และนครพนม และในช่วงสายจะก่อตัวเป็นกลุ่มใหญ่ขึ้น ตกกระจายทั้งในภาคอีสาน และภาคตะวันออก ระดับปานกลางถึงหนัก จะไปเทอยู่ที่จังหวัดนครพนม และอุดรธานี

    ส่วนในช่วงเที่ยงถึงบ่าย กลุ่มฝนจะขยับเข้ามาตกเพิ่มบริเวณแถวๆ รอยต่อระหว่างภาคอีสานกับภาคกลาง ที่ จ.นครราชสีมา ชัยภูมิ สระบุรี และลพบุรี รวมถึงบริเวณภาคกลางตอนล่าง และกรุงเทพมหานครฝั่งตะวันตกด้วย และช่วงเย็นกลุ่มฝน จะไปตกหนักใน จ.สุพรรณบุรี อุทัยธานี และกาญจนบุรี ก่อนที่ในช่วงค่ำจะเลื่อนขึ้นไปตกหนักแถวๆ บริเวณภาคเหนือตอนล่าง จ.สุโขทัย และกำแพงเพชร และจะค่อยๆ ซาลงในช่วงดึก

    ส่วนสถานการณ์ฝนในภาคใต้ จะเริ่มก่อตัวในช่วงบ่ายที่จังหวัดยะลา และนราธิวาส และในช่วงเวลาประมาณ 4 โมงเย็น จะย้ายไปตกทางตอนกลางของภาค ในจังหวัดกระบี่และตรัง ส่วนในช่วงเย็นจะไปตกเน้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และจะซาลงในช่วงดึก ประมาณ 3 ทุ่ม ปริมาณฝนสะสมตลอดทั้งวันนี้มากสุดถึง 644 มิลลิเมตร ในบริเวณภาคอีสาน ฝั่งตะวันตก ถึงแม้ว่าจะฝนตกลงมาค่อนข้างเยอะในวันนี้ แต่บริเวณทางตอนบนถึงตอนกลางของประเทศยังคงมีอากาศร้อน เฉลี่ยสูงสุดอยู่ที่ประมาณ 42 องศาเซลเซียส

    สภาพอากาศในแต่ละภาควันนี้

    ภาคเหนือ มีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัด บางพื้นที่ โดยมีโอกาสเกิดพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่

    ภาคอีสาน อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนอง เป็นแห่งๆร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรง

    ภาคกลาง มีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัด บางพื้นที่ โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองและลมกระโชกแรงเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่

    ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมากกับมีฝนฟ้าคะนองกระจายร้อยละ 40 ของพื้นที่

    ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจายร้อยละ 40 ของพื้นที่ ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ฝั่งอันดามัน มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจายร้อยละ 40 ของพื้นที่ ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    ปิดท้ายที่กรุงเทพมหานคร มีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจายร้อยละ 27 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 27 สูงสุด 36 องศาเซลเซียส

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 13 พ.ค. 2558

    ที่มา Property Perfect - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เครื่องสำรองไฟและเครื่องแปลงไฟ ในยามที่เกิดภัยพิบัติ




    เผยแพร่เมื่อ 12 เม.ย. 2013​
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2015
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    สุขาเคลื่อนที่ในยามที่เกิดภัยพิบัติ


    เผยแพร่เมื่อ 29 เม.ย. 2015​
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2015
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    แชร์สนั่น! คลิปก้อนเมฆ คล้ายพระพุทธรูป ลอยเหนือกว๊านพะยา

    [​IMG]

    ฮือฮา! คลิปก้อนเมฆคล้ายพระพุทธรูปศิลา ลอยสูงเหนือกว๊านพะเยา จนนักท่องเที่ยวต่างบันทึกภาพเหตุการณ์ และยกมือไหว้ขอพร ซึ่งเป็นปรากฏการณ์เพียง 1.30 นาที ขณะที่โลกโซเชียลได้มีการส่งภาพแชร์กันถึงความศักดิ์สิทธิ์...

    เมื่อวันที่ 13 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.พะเยา ได้เกิดปรากฏการณ์มีก้อนเมฆคล้ายพระพุทธรูป มีลำแสงทอประกายพวยพุ่งออกจากด้านบนของเศียรองค์พระ ที่ลอยสูงอยู่เหนือกว๊านพะเยา ใกล้กับวัดติโลกอาราม ที่มีหลวงพ่อศิลากว๊านพะเยาประดิษฐานอยู่ โดยมีการแชร์ภาพผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ โดยคลิปดังกล่าว เป็นคลิปที่นักท่องเที่ยวชาวจีนกลุ่มหนึ่งประมาณ 10 คน บันทึกไว้ได้ ขณะกำลังยืมชมทิวทัศน์กว๊านพะเยา โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เห็นต่างตกตะลึงกับภาพที่เห็นตรงเบื้องหน้า ต่างพากันถ่ายรูป ขณะที่บางรายก็ยกมือขึ้นไหว้ เพื่อขอพรจากก้อนเมฆที่มีรูปเหมือน พระพุทธรูป ที่เห็นอยู่เบื้องหน้า โดยคลิปดังกล่าว มีความยาวประมาณ 1.30 นาที

    ขณะที่ในโลกโซเชียลที่มีการส่งแชร์ต่อคลิปดังกล่าว ต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ไปว่า เป็นความศักดิ์สิทธิ์ขององค์หลวงพ่อศิลากว๊านพะเยา พระพุทธรูปหินทราย อายุกว่า 500 ปี ที่ประดิษฐานอยู่ที่วัดติโลกอารามกลางกว๊านพะเยา ที่ทางอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา (นายธนเษก อัศวนุวัตร) เป็นผู้ริเริ่มในการกู้วัดดังกล่าว ที่จมอยู่ใต้กว๊านพะเยา รวมถึงได้อัญเชิญหลวงพ่อศิลากว๊านพะเยา ไปประดิษฐานที่วัดแห่งนี้ หลังจากชาวบ้าน ขุดพบหลวงพ่อศิลาฯ ได้ที่วัดติโลกอารามกลางกว๊านพะเยา เมื่อปี พ.ศ. 2526 ก่อนจะอัญเชิญมาประดิษฐานชั่วคราวอยู่ที่วัดศรีอุโมงค์คำ ต.เวียง อ.เมือง จ.พะเยา หลายสิบปี ก่อนจะทำพิธีอัญเชิญมาประดิษฐาน ณ วัดติโลกอารามกลางกว๊านพะเยา จนถึงปัจจุบัน

    โดยทางจังหวัดได้มีการจัดกิจกรรมเวียนเทียนทางน้ำรอบวัดติโลกอาราม ทุกวันสำคัญทางศาสนาปีละ 3 ครั้ง จนเป็นที่รู้จัก และศรัทธาของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติเป็นอย่างดี ทำให้มีผู้คนหลั่งไหลมาร่วมกิจกรรมเวียนเทียนกันเป็นจำนวนมากทุกปี

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คลิปดังกล่าว ยังไม่ได้มีการพิสูจน์จากผู้เชี่ยวชาญว่าเป็นการตัดต่อ หรือตกแต่งคลิปหรือไม่ และยังไม่ทราบวันเวลาที่ถ่ายคลิปดังกล่าวเนื่องจาก ผู้แชร์คลิปได้ติดต่อสอบถามไปยังเจ้าของคลิปที่เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน แต่เจ้าของคลิป ยังไม่มีการตอบกลับมาแต่อย่างใด.

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 14 พ.ค. 2558

    ชีวิตชาวเขาหิมาลัย แขวนบนเส้นด้าย

    [​IMG]

    นักวิทยาศาสตร์ของอินเดียได้กล่าวเตือนว่า ผู้ที่พักอาศัยอยู่บนที่ราบคงคา ทางเหนือของอินเดียและที่ทิวเขาหิมาลัย อาจจะตกอยู่ในชะตากรรมของการมีชีวิตอยู่บนผืนแผ่นดินไหวที่จวนจะเกิดขึ้นอีกเพราะเหตุว่ามีเค้าลางว่ากำลังจะเกิดแผ่นดินไหว ในแถบภาคกลางที่เขาหิมาลัย โดยที่ความรุนแรงไม่อาจคาดประมาณได้ ซึ่งอาจจะสร้างความพินาศที่ไม่อาจจะนึกถึง

    นักวิทยาศาสตร์ของศูนย์เยาฮัน เนห์รู เพื่อการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ชั้นสูงแห่งอินเดีย ได้เคยทำงานวิจัยเกี่ยวกับดินแดนแห่งนั้นมานานนับปี เชื่อว่าช่วงแห่งความสงบในภาคกลางของดินแดนหิมาลัยนั้น น่าจะหมดเวลามานานแล้ว

    สาเหตุของเรื่องนี้อันหนึ่ง ก็เนื่องมาจากการผลักดันของเปลือกโลก ที่เห็นได้ชัด ก็เนื่องจากเทือกเขาหิมาลัยเกิดจากการผลักดันของแผ่นเปลือกโลกระหว่างกัน แผ่นเปลือกโลกอินเดียได้ถูกผลักดันขึ้นไปทางเหนือทางทิเบต และข้อมูลความจริงที่ปรากฏก็คือ ดินแดนทางใต้ของทิเบตเป็นจุดที่เปลือกโลกมายันกันอยู่

    ในการศึกษาจากการขุดค้นที่บริเวณรามนครในภาคกลางของหิมาลัย ส่อว่าเคยเกิดแผ่นดินไหวใหญ่ในศตวรรษที่ 13 และ 14 มาแล้ว ตั้งแต่นั้นก็เงียบสงบมาเรื่อย ซึ่งส่อว่าแรงความเค้นได้สะสมพอกพูนอยู่ในบริเวณนั้น ได้เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งอาจจะปลดปล่อยออกมาเป็นแผ่นดินไหวใหญ่ได้ และหากมันเกิดระเบิดออกมาเมื่อไร จะก่อความเสียหายอย่างมหาศาล.

    โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 14 พ.ค. 2558

    ยูนิเซฟเป็นห่วงเด็กในเนปาล หลังเกิดแผ่นดินไหวรอบ 2

    [​IMG]

    ยูนิเซฟเป็นห่วงเด็กทุกคนในเนปาลผู้ซึ่งต้องผ่านเหตุการณ์ร้ายๆ มากมาย โดยเฉพาะหลังจากเกิดเหตุแผ่นดินไหวครั้งรุนแรงอีกครั้งในเนปาลเมื่อวันที่ 12 พฤษภาคมที่ผ่านมา ยูนิเซฟกังวลถึงผลกระทบที่ภัยพิบัตินี้อาจมีต่อเด็กๆ ผู้ซึ่งเปราะบางอยู่แล้ว

    เพื่อช่วยเหลือเด็กๆ เหล่านี้ ยูนิเซฟได้จัดให้มีนักจิตวิทยาเพื่อพูดคุยกับเด็กที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงทางด้านจิตใจ เพื่อให้พวกเขาคลายความทุกข์และพร้อมจะก้าวเดินต่อไป ข้อมูลเพิ่มเติม UNICEF - Thailand | Protecting children's rights

    วิธีการบริจาค
    โอนเงินเข้าบัญชียูนิเซฟที่

    • ธ.กรุงเทพ (กระแสรายวัน) สาขาสำนักงาน ก.พ. เลขที่บัญชี 201-3-01324-4
    • ธ.กรุงไทย (กระแสรายวัน) สาขาบางลำพู เลขที่บัญชี 167-6-00662-1
    • ธ.กรุงศรีอยุธยา (กระแสรายวัน) สาขาบางลำพู เลขที่บัญชี 011-0-06153-6
    • ธ.กสิกรไทย (กระแสรายวัน) สาขาบางลำพู เลขที่บัญชี 008-1-09766-6
    • ธ.ไทยพาณิชย์ (กระแสรายวัน) สาขาบางลำพู เลขที่บัญชี 003-3-10443-3

    บริจาคออนไลน์ได้ที่ UNICEF - Thailand | Protecting children's rights
    บริจาคผ่านเคาน์เตอร์ เซอร์วิส ที่ร้านเซเว่นอีเลฟเว่น ทุกสาขา
    สามารถบริจาคผ่านบัตรเครดิตได้ โดยติดต่อยูนิเซฟที่หมายเลขโทรศัพท์ 02 356 9299 โดยส่งเอกสารการโอนเงินของท่าน พร้อมชื่อ ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ และระบุ “เนปาล” มาที่ยูนิเซฟ เพื่อยูนิเซฟจะออกใบเสร็จรับเงินเป็นหลักฐานการบริจาค โดยแฟกซ์มาที่ 02 356 9229 หรือ mailto : psfrbangkok@unicef.org

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 14 พ.ค. 2558

    นครสวรรค์ ฝนทิ้งช่วง ประกาศภัยแล้ง 15 อำเภอ

    [​IMG]

    สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ประกาศภัยแล้ง 15 อำเภอ จังหวัดนครสวรรค์ฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน แนะเกษตรกรจัดสรรน้ำเป็นระบบ

    เมื่อช่วงเช้า วันที่ 14 พ.ค. 58 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านริมอ่างเก็บน้ำคลองโพธิ์ ต.แม่เปิน อ.แม่เปิน จ.นครสวรรค์ ต้องเตรียมพร้อมแปลงนาสำหรับทำนาในช่วงฤดูฝนที่จะมาถึง หลังจากที่ผ่านมาไม่มีแหล่งน้ำในพื้นที่สำหรับทำนา เนื่องจากฝนทิ้งช่วงมานานหลายเดือน

    จากการเปิดเผยของเกษตรกรในพื้นที่บอกว่า ในพื้นที่เกิดภาวะฝนทิ้งช่วงมาอย่างยาวนาน ทำให้ฤดูกาลทำนาต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด ในขณะที่อ่างเก็บน้ำคลองโพธิ์ที่มีอยู่ในพื้นที่ มีน้ำเหลือน้อยต่ำกว่าสปิลเวย์ ไม่สามารถปล่อยน้ำให้กับเกษตรกรได้ เบื้องต้นเกษตรกรยังต้องคงปล่อยที่นาให้ว่างเปล่ากันเป็นจำนวนมาก

    ขณะที่ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครสวรรค์ เผยว่า ภัยแล้งได้ครอบคลุมทุกพื้นที่ของจังหวัดนครสวรรค์ และได้ประกาศภัยแล้งไปแล้วทั้งหมด 15 อำเภอ ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 41 ตำบล 360 หมู่บ้าน นอกจากนี้ พื้นที่การเกษตร ทั้งไร่นา พืชสวน ได้รับความเสียหายรวม 30,141 ไร่ อย่างไรก็ตาม ยังได้แจ้งเตือนว่าควรจัดสรรการใช้น้ำอย่างเป็นระบบ เนื่องจากสถานการณ์น้ำท่าในพื้นที่ต่างๆ ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ต่ำ

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 14 พ.ค. 2558

    ไทยตอนบนร้อนจัด ยังมีฝนตกหลายพื้นที่

    [​IMG]

    เช้านี้ยังมีความแปรปรวนของสภาพอากาศ ขณะที่ตอนบนของไทย โดยเฉพาะภาคเหนือ อีสาน กลาง และตะวันออก ยังเกิดฝนตกในหลายพื้นที่ แต่ภาพรวม จะตกปริมาณน้อยกว่าวานนี้

    วันที่ 14 พฤษภาคม ทีมข่าวไทยรัฐ ร่วมกับ Weather Company ของสหรัฐอเมริกา รายงานสภาพอากาศ พบว่า มีมวลอากาศเย็นประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมภาคอีสาน และทะเลจีนใต้ ทำให้ ลมตะวันออกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมประเทศไทยตอนบนมีอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับนำความชื้นเข้ามาปกคลุมในประเทศไทย โดยเฉพาะภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ซึ่งก่อนหน้านี้บริเวณดังกล่าวโดยเฉพาะตอนบนของไทยมีสภาพอากาศที่ร้อนจัด ดังนั้น เมื่อมีความเย็นแผ่เข้ามาแบบนี้จึงไปช้อนเอาความชื้นที่อยู่ในพื้นดิน ลอยตัวขึ้นไปบนชั้นบรรยากาศ กลั่นตัวกลายเป็นกลุ่มเมฆฝน และฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้นในหลายพื้นที่ ทำให้บริเวณดังกล่าว ยังคงมีพายุฝนฟ้าคะนอง กับลมกระโชกแรงเกิดขึ้นได้

    อย่างไรก็ตาม ภาพรวมฝนในวันนี้ จะน้อยกว่าเมื่อวาน เพราะฝนที่ตกหนักในหลายพื้นที่เมื่อวานเกิดจากความร้อน ที่สะสมมานาน ดังนั้นฝนที่จะตกต่อไปนี้คงต้องรอให้สะสมความร้อนเต็มที่ เพื่อที่จะกลั่นไอน้ำให้ลอยขึ้สู่ท้องฟ้า กลายเป็นกลุ่มเมฆอีกครั้ง

    การคาดการณ์ปริมาณฝนในวันนี้

    ฝนจะเริ่มก่อตัวตั้งแต่ในช่วงเช้า บริเวณภาคกลาง และภาคอีสานตอนบน โดยจะตกหนักในพื้นที่ จ.หนองคาย อุดรธานี ช่วงสาย ฝนเริ่มก่อตัวทางยาวในตอนบนของอีสาน ตกหนักในนครพนม นครสวรรค์ ตกกระจายตัวใน ชลบุรี ระยอง

    ช่วงเที่ยงยังคงมีกลุ่มฝนตกกระจายตัวในอีสานตอนบน ก่อนที่ช่วงบ่ายกลุ่มฝน นั้นจะกระจายตัวเพิ่มมาอยู่ในแนวเขาใหญ่ และภาคตะวันออก และตกปานกลาง ถึงหนักบางพื้นที่ในจังหวัดกาญจนบุรี ช่วงเย็นกลุ่มในจะตกกระจายทั่วภาคตะวันออก และฝั่งตะวันตกของประเทศ ช่วงหัวค่ำกลุ่มฝนจะไปตกที่ จ.สุรินทร์

    ส่วนฝนใต้วันนี้ เริ่มก่อตัวตั้งแต่ช่วงบ่าย ตกกระจายตัวในจังหวัด พังงา กระบี่ ตรัง ช่วงเย็นฝนที่ตรังซาลง ตกต่อในกระบี่ พังงา และจะตกแบบนี้ไปจนถึงช่วงค่ำ ก่อนที่จะซาลง

    ขณะที่ พื้นที่เสี่ยงน้ำหลากดินถล่ม เนื่องจากมีปริมาณฝนตกสะสมในพื้นที่ลาดเชิงเขามาก ในกรณีที่มีฝนตกต่อเนื่องอีก คือ ที่ อ.พระแสง จ.สุราษฎร์ธานี สำหรับที่ จ.สงขลา อ.สทิงพระ อ.สิงหนคร อ.เมือง อ.จะนะ อ.เทพา เนื่องจากคลื่นห่างฝั่งยังมีความสูง จึงอาจเป็นอุปสรรคในการระบายน้ำฝนจากคลอง ร.1 และ ร.2

    สภาพอากาศในแต่ละภูมิภาค

    ภาคเหนือ มีอากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุดวันนี้ 25 สูงสุด 43 องศาเซลเซียส

    ภาคอีสาน อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีพายุฝนฟ้าคะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 30 ของพื้นที่ และลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 25 สูงสุด 38 องศาเซลเซียส

    ภาคกลาง อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน และมีอากาศร้อนจัดบางพื้นที่ โดยมีพายุฝนฟ้า คะนองเป็นแห่งๆ ร้อยละ 20 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 27 สูงสุด 38 องศาเซลเซียส

    ภาคตะวันออก มีเมฆเป็นส่วนมากกับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรง บางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26 สูงสุด 36 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 26 สูงสุด 33 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    ภาคใต้ฝั่งอันดามัน มีเมฆเป็นส่วนมาก กับมีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 40 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 24 สูงสุด 34 องศาเซลเซียส ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร

    กรุงเทพมหานคร อากาศร้อนกับมีฟ้าหลัวในตอนกลางวัน โดยมีฝนฟ้าคะนองกระจายร้อยละ 25 ของพื้นที่ กับลมกระโชกแรงบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 28 สูงสุด 35 องศาเซลเซียส

    ขณะที่ ไต้ฝุ่น ดอลฟินส์ (DOLPHIN) ความแรงระดับ 2 มีศูนย์กลางบริเวณหมู่เกาะไมโครนีเซีย ในแปซิฟิกตะวันตก ห่างจากประเทศไทย 5,374 กม. มีความเร็วลมศูนย์กลาง 167 กม./ชม. ทิศทางการเคลื่อนที่ไปทางตะวันตกเฉียงเหนือด้วยความเร็ว 22 กม./ชม. มีแนวโน้มจะพัฒนาเป็นไต้ฝุ่นระดับ 3 ในเวลา 13.00 น. ของวันนี้ (14 พ.ค.) และจะพัฒนาเป็นไต้ฝุ่นระดับ 4 ในเช้าวันที่ 16 พฤษภาคม พร้อมกับเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ไปทางเหนือสู่เกาะอิโว (Iwo) ประเทศญี่ปุ่นต่อไป อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ไต้ฝุ่น ดอลฟินส์ (DOLPHIN) ความแรงระดับ 2 นี้ ยังไม่มีผลต่อสภาวะอากาศของไทย

    โดย ไทยรัฐออนไลน์ 14 พ.ค. 2558

    ที่มา Cisco - ข่าวไทยรัฐออนไลน์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 14 พฤษภาคม 2015
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    แม่น้ำสาละวิน (Salween River)


    เผยแพร่เมื่อ 22 เม.ย. 2012​

    แม่น้ำสาละวิน (Salween River) เป็นแม่น้ำสายที่ยาวเป็นอันดับที่ 26 ของโลก ยาว 2,800 กิโลเมตร [2] มีต้นกำเนิดจากการละลายของหิมะเหนือเทือกเ­ขาหิมาลัย ไหลผ่านมลฑลยูนนาน ประเทศจีน ที่ซึ่งเรียกสายน้ำนี้ว่า นู่เจียง และผ่านประเทศพม่าผ่านรัฐฉาน รัฐกะยา รัฐกะเหรี่ยง ซึ่งเป็นแม่น้ำกั้นพรมแดน ระหว่างพม่ากับไทยที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน และไหลลงมาบรรจบกับแม่น้ำเมย หลังจากนั้นแม่น้ำสาละวินจึงไหลวกกลับเข้า­ประเทศพม่า และไหลลงสู่มหาสมุทรอินเดียที่อ่าวเมาะตะม­ะ รัฐมอญ
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เขื่อนสาละวิน บนคราบน้ำตาชาติพันธ์ุ


    เผยแพร่เมื่อ 9 ก.พ. 2015​
     

แชร์หน้านี้

Loading...