ตลิ่งจะพัง แผ่นดินถิ่นอธรรมจะถล่มเป็นทะเล

สาหร่าย KKU S2 ผลิตไบโอดีเซล​

เผยแพร่เมื่อ 26 ก.ค. 2013​

พลังงานเชื้อเพลิงจากฟอสซิลน้อยลงทุกวัน ผู้คนทั่วโลกก็ค้นหาพลังงานอื่นๆ มาทดแทน เมืองไทยเราเองก็เช่นกัน ที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นก็มีการนำสาหร่ายสีเ­ขียวขนาดเล็ก มาวิเคราะห์วิจัยเพื่อนำมาผลิตไบโอดีเซล การนำสาหร่ายมาผลิตไบโอดีเซล ต้องใช้ความรู้และต้นทุนที่ค่อนข้างสูง แต่หากมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ไบโอดีเซลจากสาหร่ายสีเขียวขนาดเล็กก็สามา­รถใช้ทดแทนพลังงานเชื้อเพลิงจากฟอสซิลได้ใ­นไม่ช้า

 

ผลิตเชื้อเพลิงเอทานอล​

เผยแพร่เมื่อ 24 เม.ย. 2013​

รายการท่องไปกับนายเกษตร ตอน มทส. ผลิตเชื่อเพลิงเอทานอล 100% จากมันสำปะหลัง รายการท่องไปกับนายเกษตร เป็นรายการท่องเที่ยวเชิงเกษตร สอดแทรกสาระ แนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง แถมยังได้ความรู้ของการทำการเกษตรอย่างยั่­งยืน ที่ทุกท่านจะได้รับชม และสัมผัสกับวิถีชีวิตของเกษตรกรชาวไทย ผู้มีความรู้ทางด้านการเกษตร ที่มากไปด้วยความสามารถ บวกกับภูมิปัญญาของพี่น้องชาวเกษตรกรชาวไท­ย โดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ทั้งสนุก และได้รับความรู้มากมาย ที่ท่านสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้จริงแบบไม­่มีสงวนลิขสิทธิ์

 

การทำแอลกอฮอล์​

เผยแพร่เมื่อ 21 ก.ย. 2013​

การผลิตแอลกอฮอร์เพื่อใช้เอง สำหรับเกษตรกร สอนโดย ปราชญ์ชาวบ้าน อ.อธิศพัฒน์ ที่โรงเรียนชาวนาไทยป่าสักน้อย ต.ป่าสัก อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ซึ่งมี คุณสุกัญญา เจริญพร (คนดีศรีแผ่นดินของจังหวดเชียงราย) ซึ่งยอมทุ่มเททุกอย่างเพื่อชาวบ้าน เป็นการเดินทางตามรอยเศรษฐกิจพอเพียง อย่างมุ่งมัน

 

สารคดี ยาพิษในชีวิตประจำวัน​

เผยแพร่เมื่อ 12 ธ.ค. 2014​

 

"เครื่องปั่นไฟ" สิ่งจำเป็นเมื่อไม่มีไฟฟ้าใช้​

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=IqSgdb6wUlI]Kantoเครื่องปั่นไฟดีเซล - YouTube[/ame]

 

เครื่องผลิตไบโอดีเซล​

 

แห่ชมซากุระเมืองไทยบานสะพรั่ง​

​

นักท่องเที่ยวจำนวนมากแห่ชมซากุระเมืองไทย หรือนางพญาเสือโคร่ง บาน พร้อมสัมผัสไอหนาว บนยอดภูลมโล เมืองเลย

เมื่อเวลา 06.00 น. วันที่ 18 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการท่องเที่ยว บริเวณยอดภูลมโล ภายในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า บ้านตูบค้อ หมู่ 6 ต.กกสะทอน อ.ด่านซ้าย จ.เลย ซึ่งเป็นช่วงที่ต้นพญาเสือโคร่ง หรือซากุระเมืองไทยกว่าแสนต้นบนเนื้อที่ 1,200 ไร่ บนความสูงกว่าระดับน้ำทะเล 1,600 เมตร ผลิดอกสีชมพูบานสะพรั่ง อวดสายตานักท่องเที่ยว ซึ่งแห่ขึ้นชมพร้อมสัมผัสอากาศหนาวหลังเทศกาลปีใหม่ บนยอดภูลมโล ซึ่งอุณหภูมิหนาวเย็นอยู่ที่ 6 องศา และมีลมแรงสร้างความประทับใจให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจากทั่วสารทิศ จนเป็นเหตุให้การจราจรติดขัด ที่พัก รีสอร์ท โฮมเสตย์ ถูกจองเต็ม ขณะชาวบ้านเผ่าม้ง บ้านตูบค้อต่างนำรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อ ออกมาขับรับจ้างขนนักเที่ยวขึ้นชมวิวบนยอดภูลมโล คิดอัตราค่าโดยสาร 2,000 บาทต่อเที่ยว สร้างรายได้เข้ากระเป๋าเป็นกอบเป็นกำ

โดยทุ่งพญาเสือโคร่ง 1,200 ไร่ อยู่ในความรับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า ปีนี้ดอกซากุระ นางพญาเสือโคร่ง ออกดอกบานช้ากว่าปกติประมาณ 15 วัน เนื่องจากภาวะฝนแล้งเมื่อปีที่ผ่านมา และลมหนาวมาช้า ประกอบกับ ความกดอากาศสูงจากจีนแผ่ลงมาจึงทำให้ดอกพญาเสือโครงผลิดอกบานเต็มทุ่ง โดยนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางขึ้นชมดอกซากุระเมืองไทย หรือ นางพญาเสือโคร่ง บนยอดภูลมโล อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า สามารถขึ้นได้ 2 เส้นทาง ได้แก่ทางด้านต.กกสะทอน อ.ด่านซ้าย จ.เลย เช่ารถของกลุ่มการท่องเที่ยว ชาวกกสะทอน คันละ 2,000 บาท และที่บ้านร่องกล้า ต.เนิ่นเพิ่ม อ.นครไทย จ.พิษณุโลกค่าบริการเช่ารถคันละ 1,000 บาทส่วนนักท่องเที่ยวที่มีรถยนต์ส่วนตัวมา สามารถขับขึ้นชมดอกซากุระที่ยอดภูลมโลได้โดยเสียค่าธรรมเนียมเข้า สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า.

เดลินิวส์ วันอาทิตย์ 18 มกราคม 2558 เวลา 18:02 น.

สสจ.ชวนเลิกใช้โฟมบรรจุอาหาร!ชี้สาเหตุเกิดมะเร็ง​

​

สสจ.รณรงค์ชักชวนเลิกใช้โฟมบรรจุอาหาร ชี้ส่งผลให้เกิดการปนเปื้อนของสารมีพิษ สาเหตุการเกิดมะเร็ง ทำให้เป็นหมัน และเด็กทารกที่คลอดอาจมีภาวะดาวน์ซินโดรม

เมื่อวันที่ 18 ม.ค. นายประภาส วีระพล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม เปิดเผยว่าสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมีหนังสือแจ้งความเห็นและข้อเสนอแนะของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเรื่อง “การจัดการอันตรายจากโฟมที่ใช้สำหรับบรรจุภาชนะอาหาร“ เนื่องจากตระหนักว่า ปัจจุบันมีการใช้โฟมบรรจุอาหารปรุงสำเร็จซึ่งส่วนใหญ่มีความร้อนเกิน 70 องศาเซลเซียส และมีไขมัน ส่งผลให้เกิดการปนเปื้อนสารเคมี เช่น สารสไตรีน เบนซิน พทาเลท กับอาหารที่ใช้โฟม ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก สมองเสื่อม เป็นพิษต่อระบบสืบพันธุ์ ทำให้เป็นหมันหญิงมีครรภ์อาจทำให้เกิดลูกที่มีอาการดาวน์ซินโดรม เป็นต้น

นอกจากนี้ขยะจากโฟมบรรจุอาหารเป็นขยะที่ย่อยสลายยากใช้เวลาถึง 450 ปี กว่าจะสลายตัวได้หมด ซึ่งหลายประเทศ เช่น ไต้หวัน ฝรั่งเศสสหรัฐอเมริกาในบางรัฐ เช่น นิวยอร์ค ซานฟรานซิสโก ได้ยกเลิกการใช้กล่องโฟมเป็นภาชนะบรรจุอาหาร ดังนั้น กระทรวงสาธารณสุขจึงได้มอบให้กรมอนามัย เป็นหน่วยงานหลักในการจัดทำโครงการรณรงค์ ลด ละเลิกการใช้ภาชนะโฟมบรรจุอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทย โดยได้กำหนดแนวทางรณรงค์ 4 ข้อ ได้แก่

1. สำรวจสถานการณ์การใช้โฟมบรรจุอาหาร ดาว์นโหลดแบบฟอร์มได้ที่http://foodsan.anamai.moph.go.th

2. การให้ความรู้ผู้ประกอบการค้าอาหาร

3. จัดกิจกรรมรณรงค์ลดละ เลิกการใช้โฟมบรรจุอาหารและการเลือกใช้ภาชนะทดแทนโฟมที่ปลอดภัยย่อยสลายได้ตามธรรมชาติเช่น ใบตอง ใบบัว กระดาษชานอ้อย มันสำปะหลัง ข้าวโพดพลาสติกที่ย่อยสลายได้ (Biodergradableplastic) ซึ่งปัจจุบันราคาจำหน่ายแพงกว่าโฟมบรรจุอาหารไม่มาก

4. กำหนด วัน ดีเดย์เลิกการใช้ภาชนะโฟมบรรจุอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทย เช่น วันที่ 5 มิถุนายน(วันสิ่งแวดล้อมโลก)หรือกำหนดวันอื่นๆที่เหมาะสม โดยให้มีการมอบป้ายรณรงค์”ร้านที่ปลอดภัยไม่ใช้โฟมบรรจุอาหาร” สำหรับร้านที่เลิกการใช้โฟมไม่น้อยกว่า4 เดือน นับจนถึงวันรับมอบป้าย

นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครพนม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังมีพิธีมอบรางวัลยกย่องชมเชย หน่วยงาน/ผู้ประกอบการ/สถานที่ปลอดโฟมบรรจุอาหารเช่น หน่วยงานราชการ โรงเรียน มหาวิทยาลัย เทศบาล ตลาดสด ร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้าฯลฯ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนมจึงขอเชิญชวนหน่วยงานราชการ สถานศึกษาองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น สถานประกอบการขายอาหารทุกแห่งในจังหวัดนครพนม ได้พิจารณาลด ละ เลิก การใช้ภาชนะโฟมบรรจุอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีของคนไทยหากหน่วยงานใดสามารถดำเนินการตามเป้าหมาย เป็นสถานที่ปลอดโฟมบรรจุอาหารขอให้แจ้งมายัง สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดนครพนม เพื่อมอบเกียรติบัตร ยกย่องชมเชยที่เป็นหน่วยงานตัวอย่างในการคุ้มครองสุขภาพที่ดีของประชาชนต่อไป.

เดลินิวส์ วันอาทิตย์ 18 มกราคม 2558 เวลา 19:53 น.

วอนธารน้ำใจช่วยคนพิการ!พายุถล่มบ้านพัง​

​

วอนธารน้ำใจช่วยคนพิการ!พายุถล่มบ้านพัง

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 18 ม.ค. นายประทีป อมรวัฒน์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 บ้านพังสิงห์ ต.ท่าเรือ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เข้าให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนเพื่อให้เป็นสื่อกลางประสานไปยังผู้มีจิตเมตตา และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าช่วยเหลือนางศรีนาง ศรีวิลัย อายุ 50 ปี สาวใหญ่ชาวกาฬสินธุ์ ป่วยเป็นอัมพาตจนเคลื่อนไหว และช่วยตัวเองไม่ได้ ต้องใช้ชีวิตอย่างลำเค็ญ ทนทุกข์อยู่กับสามีใต้ซากกระท่อมไม่มีเลขที่ ริมถนนสายพังสิงห์-หนองนก หมู่ 1 ซึ่งเคยใช้เป็นที่บังแดดฝน แต่เพิ่งถูกลมพายุพัดจนพังเป็นที่น่าเวทนายิ่งนัก หลังทราบข้อมูลผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ตรวจสอบพบกระท่อมดังกล่าวพบนางศรีนาง ซึ่งร่างกายซีกขวาเป็นอัมพาต นั่งอยู่บนแผ่นไม้ที่ปูเรียงกันในซอกเล็ก ๆ ท่ามกลางข้าวของเครื่องใช้ที่วางกระจัดกระจายระเกะระกะรกรุงรังเป็นที่น่าเวทนา มีเพียงหลอดไฟฟ้าส่องสว่างซึ่งต่อตรงจากมิเตอร์ที่ติดตั้งบนเสาไฟฟ้าริมถนน เข้าไปในเพิงพักเพียงดวงเดียว

นางศรีนาง กล่าวว่า เมื่อประมาณ 30 ปีก่อน ตนเดินทางจาก จ.กาฬสินธุ์ มาทำงานเป็นพนักงานร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวเมืองนครศรีธรรมราช และได้มาพบและอยู่กินกับนายสุเทพ หลีกิมเซ้ง อายุ 63 ปี สามี ก่อนจะพากันมาสร้างกระท่อมดังกล่าว กระทั่งเมื่อ 4-5 ปีที่ผ่านมา ตนล้มป่วยอัมพฤกษ์ และเป็นอัมพาตช่วยตัวเอง และทำมาหากินไม่ได้มา 3-4 ปีแล้ว ซ้ำเมื่อไม่นานมานี้กระท่อมที่พักอาศัยก็มาถูกพายุฝนกระหน่ำจนพังถล่มลงมาทั้งหลัง ตนและสามีไม่มีปัญญาซ่อมหรือสร้างใหม่ ต้องจำใจมุดเข้าไปอาศัยกินนอนอยู่ใต้กองซากปรักหักพังของกระท่อม

ด้านนายประทีป กล่าวว่า ตนและคณะกรรมการหมู่บ้านไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามหาทางช่วยเท่าที่จะทำได้ แต่เนื่องจากนางศรีนางไม่มีชื่อในพื้นที่จึงไม่มีสิทธิรับเบี้ยยังชีพคนพิการ แต่หลังกระท่อมที่อยู่อาศัยพังตนได้ทำเรื่องขอความช่วยเหลือไปยัง อบต.ท่าเรือ จนได้สนับสนุนกระเบื้องมุงหลังคามาให้ แต่ยังขาดวัสดุอุปกรณ์อื่น ๆ ซึ่งคาดว่าต้องใช้งบประมาณอย่างน้อย 30,000 บาท จึงอยากจะวอนขอให้ผู้ใจบุญช่วยกันบริจาคสิ่งของหรือวัสดุอุปกรณ์ต่าง ๆ สำหรับสร้างกระท่อมหรือบ้านให้กับนางศรีนาง ซึ่งตนและเพื่อนบ้านพร้อมที่จะออกแรงช่วยกันสร้างเอง จึงอยากวอนขอไปยังผู้มีใจบุญและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือนางศรีนางผ่านตนหรือคณะกรรมการหมู่บ้านที่หมายเลขโทรศัพท์ 081-4883010 จะถือเป็นพระคุณอย่างยิ่ง.

เดลินิวส์ วันอาทิตย์ 18 มกราคม 2558 เวลา 19:25 น.

ผวาช้างป่านับร้อยบุกเร่งถอนมันขาย​

​

จันทบุรีประกาศ ต.พวา อ.แก่งหางแมว เป็นพื้นที่ภัยพิบัติช้าง หลังโขลงช้างป่าอ่างฤาไนนับร้อย บุกถล่มไร่มันสำปะหลังประธานสภาท้องถิ่นเสียหายกว่า 10 ไร่ ขณะ จนท.ทหารและป่าไม้ เร่งอพยพชาวบ้านออกนอกพื้นที่ชั่วคราวหวั่นได้รับอันตราย

เมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 18 ม.ค. ผู้สื่อข่าวได้เดินทางลงพื้นที่ไปติดตามความคืบหน้ากรณีโขลงช้างป่าจากเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าเขาอ่างฤาไนกว่า 100 ตัว ที่ย้อนกลับเข้ามาหากินในพื้นที่ชาวบ้านต.พวาอ.แก่งหางแมวจ.จันทบุรี โดยได้บุกเข้าไปหาอาหารกินภายในไร่มันสำปะหลังของนายประสิทธิ์ แซ่ลี้ ประธานสภาเทศบาล ต.พวา ได้รับความเสียหายกว่า 10 ไร่ เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (17 ม.ค.) ซึ่งล่าสุดได้มีการเกณฑ์สมาชิกในครอบครัว พร้อมญาติพี่น้องและคนงานเร่งเก็บเกี่ยวมันสำปะหลังที่ยังหลงเหลือจากการทำลายของโขลงช้างป่า เพื่อนำไปขึ้นรถกระบะขนออกไปขายให้กับโรงงานแปรรูป เกรงโขลงช้างจะย้อนกลับเข้ามาหากินอีกรอบ

ส่วนสาเหตุที่ทำให้ช้างป่าแตกโขลง เนื่องจากยังมีชาวบ้านบางคนฝืนคำเตือนเจ้าหน้าที่ทำการจุดประทัดยักษ์ไล่ทำให้ช้างป่าแตกโขลงกระจัดกระจายออกหากิน บางกลุ่มแตกกระเจิงหันหน้าตรงเข้าหมู่บ้านทำให้ต้องรีบประสานงานเจ้าหน้าที่ทหารและป่าไม้ ตลอดจนเจ้าหน้าที่ชุดดูแลช้างป่าเร่งอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่เป็นการชั่วคราวจนกว่าโขลงช้างป่าจะออกจากหมู่บ้าน จึงจะให้ชาวบ้านกลับเข้าบ้านเรือนใช้ชีวิตได้ตามปกติ

ขณะที่นายอรุณ นัคโค หัวหน้าชุดดูแลช้างป่า เผยว่า สถานการณ์ขณะนี้ช้างป่าจำนวนกว่า 100 ตัว จากเขาอ่างฤาไนได้แตกโขลงกระจัดกระจายออกหากินในพื้นที่ 3 จุดหลัก ประกอบด้วยบริเวณเขาตะแบก หลังหมู่บ้านบ่อมะเดื่อ และบริเวณเขาไผ่รอยต่อเขาป่ายายไทย จากนั้นจะกลับเข้ามารวมตัวหลบซ่อนในป่าเกาะกลางหมู่บ้านพื้นที่ หมู่ 1 ต.พวา และจะกระจายออกหากินในช่วงหัวค่ำของทุกวัน เบื้องต้นยังคงสนธิกำลังร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารและเจ้าหน้าที่ป่าไม้ผลัดเวรยามกระจายกำลังออกตรวจตรารักษาความปลอดภัยให้กับชาวบ้านตลอด 24 ชม. หลังจากทางจังหวัดได้ประกาศให้พื้นที่ ต.พวา อ.แก่งหางแมว เป็นพื้นที่ภัยพิบัติช้างป่า

เดลินิวส์ วันอาทิตย์ 18 มกราคม 2558 เวลา 08:45 น.

เมืองสองแควแล้งหนัก ชลประทานวอนอย่าปลูกข้าวนาปรัง​

​

ชาวนาหลายพื้นที่ใน จ.พิษณุโลก กำลังประสบปัญหาภัยแล้งอย่างหนัก ต่างระดมติดตั้งเครื่องสูบน้ำขึ้นไปเก็บไว้ในที่นา ด้านชลประทานแจงเหตุไม่ปล่อยน้ำเพราะมีไม่เพียงพอ

เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลายพื้นที่ใน จ.พิษณุโลกกำลังประสบปัญหาภัยแล้งอย่างหนัก น้ำในแม่น้ำยมสายหลัก ที่ไหลผ่านจาก จ.สุโขทัย ผ่านเข้าสู่ อ.บางระกำ แห้งขอดเป็นช่วง ๆ ขณะที่แม่น้ำยมสายเก่า ที่ไหลผ่าน อ.พรหมพิราม ต.บ้านกร่าง อ.เมืองพิษณุโลก และไหลเข้าสู่ ต.ท่านางงาม ต.บางระกำ อ.บางระกำ แทบจะไม่มีน้ำเหลือติดก้นคลอง ประชาชนที่อยู่ริมคลอง ต่างมาจับปลาที่ขังอยู่ตามแอ่งน้ำ ขณะที่ชาวนาต่างระดมติดตั้งเครื่องสูบน้ำขึ้นไปเก็บไว้ในที่นาของตนเอง เพื่อใช้น้ำในการทำนาปรังรอบแรก เนื่องจากกรมชลประทานไม่มีน้ำเพียงพอที่จะปล่อยน้ำเข้าสู่แม่น้ำยมสายเก่าได้

นายบรรดิษฐ์ อินต๊ะ ผู้อำนวยการโครงการชลประทานพิษณุโลก เปิดเผยว่า ในช่วงที่ผ่านมามีเกษตรกรปลูกข้าว 190,000 ไร่ ในเขตชลประทาน เริ่มประสบปัญหาภัยแล้ง และในอนาคตอีก 4 เดือนข้างหน้า พื้นที่นี้เป็นพื้นที่เสี่ยงจะถูกภัยแล้งคุกคามอย่างหนัก ถ้าจะร้องขอให้ชลประทานส่งน้ำไปช่วย กรมชลประทานยืนยันว่า เราไม่มีน้ำเพียงพอที่จะส่งน้ำไปช่วย พี่น้องเกษตรกรต้องดูแหล่งน้ำต้นทุน บ่อน้ำตื้น สระเก็บน้ำในพื้นที่ ต้องใช้ประโยชน์ให้เต็มศักยภาพ วิงวอนให้พี่น้องเกษตรกรที่จะเริ่มปลูกข้าวใหม่ ขออย่าปลูกเลย เพราะเราไม่มีน้ำเพียงพอที่จะส่งไปให้ในช่วงฤดูแล้งนี้อย่างมีประสิทธิภาพ

เดลินิวส์ วันเสาร์ 17 มกราคม 2558 เวลา 17:58 น.

ที่มา http://www.dailynews.co.th/

 

สงครามโลกครั้งที่ 3 พุทธพยากรณ์​

เผยแพร่เมื่อ 25 ธ.ค. 2012​

 

เก็บอาหารไว้ได้นานๆ ด้วยการซีลสูญญากาศ​

 

ไขปริศนามนุษย์ต่างดาวแห่งเขากะลา​

เผยแพร่เมื่อ 6 พ.ค. 2014​

 

ประโยชน์ของเกลือต่อสุขภาพ​

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=lTgGYCPASvY"]YouTube[/ame]

 

เจาะใจ : มหันตภัยธรรมชาติ​

อัปโหลดเมื่อ 24 เม.ย. 2011​

เจาะใจเทปนี้จะพาไปเจาะลึกเรื่องราวเกี่ยวก­ับภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นกับโลกของเราว่าทำ­ไม ? ภัยธรรมชาติเกิดบ่อยขึ้นและทุกครั้งที่เกิ­ดก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น คำตอบเหล่านี้จะถูกไขโดยสามผู้เชี่ยวชาญ "ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา" , "ดร.วรภัทร์ ภู่เจริญ" และ "นาวาอากาศเอกสมศักดิ์ ขาวสุวรรณ" ออกอากาศวันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน 2554

 

สมุนไพรใกล้ตัว​

 

สารคดี อาวุธชีวภาพ​

เผยแพร่เมื่อ 25 ต.ค. 2014​

 

สารคดี เจาะลึกเยลโลว์สโตน​

เผยแพร่เมื่อ 13 ก.ย. 2013​

 

มาลาวีหาทางป้องกันโรคที่มากับน้ำท่วม​

​

มาลาวีหาทางป้องกันโรคระบาดที่มากับน้ำท่วม เน้นภารกิจเร่งด่วน หลังน้ำท่วมใหญ่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 176 ศพ

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากเมืองบลันไทร์ประเทศมาลาวี เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ว่าผลจากภาวะน้ำท่วมใหญ่ในประเทศมาลาวี ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนไปแล้ว 176 ศพ และไร้ที่อยู่อาศัยอีกอย่างน้อย 200,000 คน โดยเฉพาะในบางพื้นที่นั้นจมอยู่ใต้น้ำแทบจะทั้งหมู่บ้าน บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายเช่นเดียวกับพืชผลทางการเกษตรและปศุสัตว์

นายจอห์นมาคินา ผู้อำนวยการองค์กรการกุศลออกซ์แฟม ประจำมาลาวีเปิดเผยที่กรุงลิลองเวว่าอันตรายที่มากับน้ำท่วมคือโรคระบาดร้ายแรง เช่น มาลาเรีย,อหิวาตกโรค,ท้องร่วง ถือเป็นภารกิจสำคัญเร่งด่วนที่ต้องดำเนินการช่วยเหลือ เพราะที่มาของแหล่งน้ำสำหรับบริโภคมาจากพื้นที่บางจุดที่จมน้ำ และอาจมีการปนเปื้อนขณะนี้ทางองค์การ ออกซ์แฟมกำลังดำเนินการช่วยเหลือด้วยการแนะนำวิธีป้องกัน และให้ความรู้กับประชาชนว่าจะทำน้ำให้สะอาดบริสุทธิ์ สำหรับการอุปโภคบริโภคอย่างไรดี เมื่ออยู่ในเต็นท์ที่พักและชุมชน

พื้นที่ตอนใต้ของประเทศมาลาวี ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วม ซึ่งบางพื้นที่นั้นยังเข้าไปไม่ถึง เพราะเส้นทางถูกตัดขาดจากน้ำท่วม ส่วนบางพื้นที่ที่น้ำลดแล้วประชาชนที่อยู่ในเต็นท์ที่พัก ก็เริ่มกลับคืนสู่บ้านเรือนที่อาศัยแล้ว รัฐบาลมาลาวี เป็นผู้นำในการประสานงานความช่วยเหลือ กับหน่วยงานบรรเทาทุกข์ แต่ก็ยังคาดว่าอาจจะยังมีฝนตกหนักลงมาอีก

เดลินิวส์ วันจันทร์ 19 มกราคม 2558 เวลา 00:05 น.

แคนาดาฆ่าทิ้งหมาป่า 184 ตัว เพื่อคุ้มครองแคริบู​

​

ทางการรัฐบริติช โคลัมเบียในแคนาดา มีแผนกำจัดหมาป่าเกือบ 200 ตัว เพื่อปกป้องประชากรกวางแคริบูที่ใกล้สูญพันธุ์

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากเมืองออตตาวาประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 17 ม.ค.ว่า ทางการแคนาดามีแผนยิงหมาป่า 184 ตัว จากเฮลิคอปเตอร์ เพื่อลดจำนวนประชากรของพวกมัน และอนุรักษ์แคริบู ซึ่งเป็นกวางชนิดหนึ่งในแถบอเมริกาเหนือ แต่แผนการดังกล่าวถูกกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง

ทางการรัฐบริติช โคลัมเบีย ระบุว่า จำเป็นต้องฆ่าหมาป่า เพื่อรักษาชีวิตของกวางแคริบู ในแถบเทือกเขาเซาท์เซลเคิร์ก และภูมิภาคเซาท์พีซ ในรัฐ เนื่องจากมีความเป็นไปได้ว่ากวางแคริบูอาจสูญพันธุ์ ทั้งนี้ ประชากรกวางแคริบูที่พบเห็นได้ในรัฐบริติชโคลัมเบียของแคนาดา กับรัฐวอชิงตันและรัฐไอดาโฮในสหรัฐ ลดจำนวนลงจาก 46 ตัวในปี 2552 เหลือเพียง 16 ตัว ในปี 2557

ดังนั้นทางเจ้าหน้าที่มีแผนจัดการหมาป่า โดยใช้เฮลิคอปเตอร์ในการไล่ล่า ก่อนที่หิมะจะละลาย แต่นายเอียนแมคอัลลิสเตอร์ เจ้าหน้าที่แปซิฟิก ไวล์ด กลุ่มอนุรักษ์สัตว์ กล่าวว่า การเพิกเฉยต่อการล้มตายของกวางแคริบู เป็นสาเหตุของปัญหาที่กวางแคริบูเผชิญ เราควรปกป้องถิ่นที่อยู่ของมัน และจำกัดการวิ่งของรถบนหิมะ ตลอดจนหยุดสร้างถนนหนทาง ที่ล้วนเป็นสาเหตุให้ประชากรกวางแคริบูลดลง

เดลินิวส์ วันเสาร์ 17 มกราคม 2558 เวลา 18:11 น.

หนุ่มไต้หวันเสพติดเกมเล่น 3 วัน ดับคาที่​

​

หนุ่มไต้หวันโหมเล่นเกมคอมพิวเตอร์อย่างหนัก 3 วันติดต่อกันจนเสียชีวิตคาคอมพิวเตอร์ แพทย์ระบุตายเพราะหัวใจล้มเหลว

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงไทเปในไต้หวันเมื่อวันที่ 17 ม.ค.ว่า หนุ่มชาวไต้หวันวัย 32 ปี เสียชีวิตหลังหมกหมุ่นกับการเล่นเกมคอมพิวเตอร์อย่างหนักถึง 3 วัน ติดต่อกันที่ร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ ในเมืองเกาสงทางใต้ของเกาะไต้หวัน ทำให้เขาเป็นรายที่ 2ในปีนี้ ที่เสียชีวิตเพราะเล่นเกม โดยหนุ่มแซ่เซียะรายนี้ เสียชีวิตบนเก้าอี้ในร้านอินเตอร์เน็ต ขณะที่ ลูกค้าคนอื่นคิดว่าเขานอนหลับ แต่เมื่อพนักงานในร้านเข้าไปเรียกพบว่า เขาไม่หายใจแล้วจึงรีบนำส่งโรงพยาบาลแต่เขาเสียชีวิตแล้ว

หนังสือพิมพ์ไทเปไทม์แจ้งว่า แพทย์ยืนยันหนุ่มแซ่เซียะเสียชีวิตเพราะหัวใจล้มเหลว ซึ่งเขาเสียชีวิตเนื่องจากเล่นเกมคอมพิวเตอร์นานเกินไป ทั้งนี้ หนุ่มเซียะเป็นลูกค้าประจำของทางร้าน เขามักนั่งเล่นเกมติดต่อกันหลายวัน อย่างไรก็ตาม ไม่เป็นที่แน่ชัดว่านายเซียะเสียชีวิตตอนไหนในระหว่างเล่นเกมต่อสู้

ก่อนหน้านี้หนุ่มวัย 38 ปี ถูกพบกลายเป็นศพคาเก้าอี้ในร้านอินเตอร์เน็ตคาเฟ ที่เมืองนิวไทเปเมื่อวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา หลังนั่งเล่นวิดีโอเกม 5 วัน ติดต่อกัน ตำรวจบอกว่ากรณีการเสียชีวิตของทั้งคู่ เพราะลูกค้ารายอื่นไม่สนใจคนรอบข้าง ก้มหน้าเล่นเกมต่อไป ส่วนร้านอินเตอร์เน็ต คาเฟ ตำรวจได้เข้าไปเก็บรวบรวมหลักฐาน

เดลินิวส์ วันเสาร์ 17 มกราคม 2558 เวลา 17:35 น.

เกิดอะไรขึ้นกับเงินฟรังก์สวิส​

​

สกุลเงินฟรังก์สวิส ซึ่งเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ปลอดภัยสำหรับการลงทุนมากที่สุด สร้างความปั่นปวนให้กับตลาดทั่วโลกเมื่อวันพฤหัสบดี หลังธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ กลับมาลอยค่าเงินเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 17 ม.ค. ว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สกุลเงินฟรังก์สวิส คือหนึ่งในสินทรัพย์ที่ได้รับความเชื่อถือและมีความปลอดภัยสำหรับการลงทุนมากที่สุดในโลก เนื่องจากสวิตเซอร์แลนด์มีฐานะทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับมั่งคั่งและมีเสถียรภาพ อย่างไรก็ตาม ธนาคารแห่งชาติสวิส ( เอสเอ็นบี ) สร้างเซอร์ไพรส์สะเทือนวงการเงินโลกเมื่อวันพฤหัสบดี ด้วยการกลับมาลอยค่าเงินฟรังก์สวิสเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี โดยไม่ผูกค่าเงินของตัวเองเอาไว้กับสกุลเงินยูโรอีกต่อไป

แน่นอนว่าผู้ที่ถือครองเงินฟรังก์สวิส ย่อมได้กำไรจากการปรับเปลี่ยนนโยบายในครั้งนี้ ขณะที่นักลงทุนและบรรดาบริษัทนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ต่างขาดทุนกันถ้วนหน้า หลายรายถึงขั้นต้องงัดกองทุนฉุกเฉินออกมาใช้ เพื่อให้อยู่รอดในตลาดต่อไป

เอสเอ็นบีออกมาตรการควบคุมอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินฟรังก์สวิสกับสกุลเงินอีกหลายประเทศบนโลก เมื่อเดือนก.ย. 2554 โดยหนึ่งในนั้นคือสกุลเงินยูโร เนื่องจากการแข็งค่าอย่างต่อเนื่องของเงินฟรังก์สวิสส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในประเทศ และลดศักยภาพด้านการส่งออกสินค้าของสวิตเซอร์แลนด์ในสายตาของประเทศคู่ค้า เอสเอ็นบีจึงกำหนดกรอบล่างค่าเงินของประเทศเอาไว้ที่ 1.20 ฟรังก์สวิส ต่อ 1 ยูโร พร้อมทั้งกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ -0.25% ก่อนปรับลดลงอีกตามประกาศเมื่อวันพฤหัสบดีเป็น -0.75% เพื่อชะลอการแข็งตัวของค่าเงิน

การผูกติดค่าเงินฟรังก์สวิสเอาไว้กับเงินยูโรมีแนวโน้มที่จะสร้างปัญหาให้กับเอสเอ็นบีในอนาคต จากการที่ค่าเงินยูโรอ่อนตัวลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่มีความเป็นไปได้สูงมากว่า ธนาคารกลางยุโรป ( อีซีบี ) เตรียมใช้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ ( คิวอี ) เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจในภูมิภาคและดันเงินยูโรให้กลับมาแข็งค่าขึ้น ซึ่งอาจเป็นการเพิ่มภาระให้เอสเอ็นบีในการต้องเข้ามาแทรกแซงค่าเงินต่อไป

ด้วยเหตุที่เงินของสวิตเซอร์แลนด์เป็นหนึ่งในสกุลเงินที่มีอัตราการหมุนเวียนในตลาดสูงที่สุดในโลก การตัดสินใจของเอสเอ็นบีจึงส่งผลกระทบต่อทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกันถ้วนหน้า โดยเฉพาะกลุ่มเทรดเดอร์ที่ลงทุนไปกับเงินยูโร มีรายงานว่าซิตีกรุ๊ป และดอยเชอร์ แบงก์ สูญเสียมูลค่าทรัพย์สินในตลาดกว่า 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 4,950 ล้านบาท ) ทันทีที่เอสเอ็นบีประกาศปรับเปลี่ยนนโยบาย แม้สถาบันการเงินทั้งสองแห่งยังคงสงวนท่าทีในเรื่องนี้ก็ตาม

ขณะที่บริษัทหลักทรัพย์ เอฟเอ็กซ์ซีเอ็ม ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในนครนิวยอร์ก เผยว่ามูลค่าทรัพย์สินของบริษัทในตลาดลดลงมากถึง 225 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 7,425 ล้านบาท ) ส่งผลให้ต้องกู้เงินฉุกเฉิน 300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 9,900 ล้านบาท ) เพื่อให้บริษัทสามารถดำเนินธุรกิจได้ต่อไป อย่างไรก็ตาม ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มากที่สุดหนีไม่พ้นชาวสวิสเอง เนื่องจากราคาสินค้าส่งออกของประเทศแพงขึ้นจากเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้าราวร้อยละ 15-20 ลดขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการในตลาดโลกโดยปริยาย

เดลินิวส์ วันเสาร์ 17 มกราคม 2558 เวลา 17:10 น.

ฝรั่งเศสจวกเหตุจลาจลเพราะการ์ตูน "ชาร์ลี เอ็บโด"​

​

รัฐบาลฝรั่งเศสประณามเหตุประท้วงรุนแรงจนมีผู้เสียชีวิตแล้ว 10 ศพที่ไนเจอร์ โดยมีสาเหตุจากการ์ตูนล้อเลียนศาสดาของ "ชาร์ลี เอ็บโด" ว่าเป็นเพราะขาดความเข้าใจในนโยบายปกป้องเสรีภาพทางความคิดของรัฐบาลปารีส

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงนีอาเม ประเทศไนเจอร์ เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ว่าประธานาธิบดีมาฮามาดู อิสซูฟู ผู้นำไนเจอร์ แถลงเมื่อวันอาทิตย์ เรียกร้องให้ประชาชนอยู่ในความสงบ หลังเหตุจลาจลตลอดช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยกลุ่มประชาชนที่ไม่พอใจการ์ตูนล้อเลียนศาสดา ที่ปรากฏอยู่บนปกของหนังสือพิมพ์ "ชาร์ลี เอ็บโด" ฉบับพิเศษ วางจำหน่ายเมื่อวันพุธที่แล้ว เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 10 ศพ ขณะที่โบสถ์อีก 8 แห่งในกรุงนีอาเมถูกเผาทำลายและปล้นสะดม

ด้านประธานาธิบดีฟรองซัวส์ ออลลองด์ ผู้นำฝรั่งเศส กล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งที่ไนเจอร์และอีกหลายประเทศบนโลก ว่าเป็นผลจากการขาดความเข้าใจในนโยบายปกป้องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของรัฐบาลฝรั่งเศส ด้านนายโลรองต์ ฟาบิอูส์ รมว.กระทรวงการต่างประเทศ ประณามเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นในไนเจอร์ ซึ่งถึงขั้นมีการฉีกและเผาทำลายธงชาติฝรั่งเศส อีกทั้งยังส่งผลให้สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำกรุงนีอาเมเตือนภัยชาวฝรั่งเศสให้อาศัยอยู่แต่ภายในบ้านในระยะนี้ด้วย

ในเวลาเดียวกัน ศาลฝรั่งเศสมีคำสั่งห้ามการเดินขบวนทางการเมืองในกรุงปารีส ด้วยจุดมุ่งหมายที่อาจเป็นการชี้นำให้เกิดความแตกแยกหรือหวาดกลัวทางศาสนา ขณะที่ตำรวจนำศพของนายเชอรีฟ คูอาชี 1 ใน 2 คนร้ายกราดยิงสังหารหมู่ 12 ศพที่สำนักงานของชาร์ลี เอ็บโด ในกรุงปารีส เมื่อวันที่ 7 ม.ค. ไปฝังที่สุสานแห่งหนึ่งชานกรุงปารีส โดยไม่มีการจารึกชื่อและเผยตำแหน่งของหลุมศพ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา ส่วนศพของพี่ชายคือนายซาอิด คูอาชีนั้น เจ้าหน้าที่แยกนำไปฝังไว้ที่สุสานแห่งหนึ่งในเมืองแร็งส์ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ

เดลินิวส์ วันจันทร์ 19 มกราคม 2558 เวลา 11:42 น.

ที่มา http://www.dailynews.co.th/

 

เขื่อนแม่น้ำโขง​

อัปโหลดเมื่อ 31 พ.ค. 2011​

 

*** กรรม แม่น้ำโขง ****​

แผนที่เดินทางคร่าวๆ จากกรุงเทพไปเชียงของ หลวงพระบาง วังเวียง เวียงจันทน์ กลับกรุงเทพ​

*** กรรม แม่น้ำโขง ****

ผลการกระทำในอดีต...กำลังจะกลับมาเล่นงานเราในอนาคต...อันใกล้เมื่อไม่มี ผู้มีอำนาจคนใด เชื่อคำเตือนจาก โลกุตตระ....เรื่องภัยแม่น้ำโขงจะไหลพัดภาคเหนือของประเทศไทย เมื่อนั้น...จึงเป็นกรรมของประชาชนจำนวนมาก ที่จะต้องปรากฏ หากเชื่อ...ต้องเตรียมการป้องกันสร้างทางน้ำใหม่บริเวณ เชียงแสน ไปเชียงของ

เชียงแสน และ เชียงของ อยู่ติดแม่น้ำโขงฝั่งไทย...บริเวณเหนือสุดของประเทศไทย...แม่น้ำโขงไหลจากที่สูงไปที่ต่ำ...คือ จากเหนือ ลง ใต้...เพราะพื้นที่ภูมิภาคของภาคเหนือ และภาคกลาง จะเอียงลงทางด้านทิศใต้...ให้สังเกต แม่น้ำโขงจะไหลลงใต้ได้สะดวก...แต่เมื่อถึงบริเวณ เชียงแสน แม่น้ำโขง จะมีลักษณะโค้งน้ำวกกลับขึ้นทิศเหนือ คล้ายอักษรภาษาอังกฤษ ตัว U ...แล้วจะโค้งกลับลงมาทางใต้อีกที ที่บริเวณ เชียงของ...

จุดที่เชียงแสน จะวิกฤติหนักมากสำหรับประเทศไทย...เมื่อถึงวันที่น้ำจำนวนมากจากเทือกเขาหิมาลัย ไหลลงมาในปริมาณมากกว่าปกติที่เราเคยพบเห็นกันมา...น้ำจะท่วมบริเวณนี้ก่อน และด้วยกระแสน้ำที่แรง น้ำจะทะลักล้นเข้าแผ่นดินไทย ...เพราะ แม่น้ำโขงรูปตัว U จะทำให้น้ำไหลไม่ทัน เหมือนปกติ...เมื่อทะลักเข้ามา จะท่วมและพัดทุกอย่างหายไปหมด...แม้กระทั่งภูเขาบางลูก จะถูกพัด หินจะหลุดออกมา...กลิ้งไปเรื่อย...จะไปหมดพลังกลายเป็นทราย และกรวดบริเวณแถวกำแพงเพชร และตากจำนวนมาก ...

แต่น้ำก็จะไหลลงใต้ไปเรื่อย จนกว่าจะออกลงอ่าวไทย ซึ่งต้องผ่านเมืองหลวงกรุงเทพ ฯ .......

ฝากให้ช่วยทำรูปแผนที่ขึ้นมา แสดงให้คนได้เห็น ได้มีโอกาสรู้ ได้มีโอกาสเชื่อ และเตรียมการทัน....สิ่งนี้เป็นความเมตตาจาก โลกุตตระ ที่พยายามเตือนมาเตือนหลายคนมานานแล้ว...แต่ไม่มีผู้ใหญ่ ผู้นำเชื่อถือ...จึงเป็นกรรมตามชะตาลิขิต....หาก จะหลีกหนีกรรมใหญ่นี้...จำเป็นต้องเชื่อในคำ โลกุตตระ...ด้วยการระเบิดเส้นทางน้ำ ให้ตัดตรงจาก เชียงของ ไปถึงเชียงแสน....

เมื่อกรรม มาถึง ประเทศไทย คนไทยจำนวนมากจะรอดพ้นจากกรรมครั้งนี้...ขอให้ช่วยกันพยายามโน้มน้าวคนไทยให้เชื่อก่อน...เมื่อเขาเชื่อ เขาจะช่วยกันให้รัฐบาลทางการมาเตรียมการแก้ไข ป้องกันได้ทัน...สิ่งที่จะเกิดขึ้นจากแม่น้ำโขงครั้งนี้ คือ ...นิมิต ของคนจำนวนมากที่เคยฝัน หรือสมาธิจนเห็น...คือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านเมตตาแล้ว...แต่ยังไม่มีใครประมวลเห็นเป็นภาพใหญ่...เมื่อข้าพระพุทธเจ้าคิดพิจารณา จึงเห็นภัย...จึงนำมาเตือนกันต่อไป

- " หนุมาน ผู้นำสาร "
23-02-2007, 04:13 AM

ที่มา http://palungjit.org/threads/แม่โขงสะอื้น-อยู่หรือไปอีก-10-ปีรู้เรื่อง.72287/?langid=2

17 ม.ค. 58

เมื่อครู่ หมอหลวงมาอุดหนุนสินค้าที่ร้าน ได้คุยกันเรื่องน้ำที่จะมาท่วมกรุงเทพฯ ว่าจะมาจากที่ไหน? หมอบอกเขื่อนจีนจะแตกจากการวินาศกรรม จากฝ่ายตรงข้าม หมอบอกได้หาเงินจากเปอร์เซนต์ทางเมืองจีน มาช่วยบิ๊กตู่ทำงานอยู่

มหาประชาบดี ๙๗

ที่มา แจ้งข่าวเตือนภัยทางอีเมล์จากคุณ k_97

“...ภาคเหนือจะเกิดแม่น้ำสายใหม่ จังหวัดกาญจนบุรีจะมีทะเล เขื่อนบางเขื่อน น้ำจะเป็นน้ำทะเล ภูเขาจะพังและแยกออก น้ำทะเลก็จะทะลักเข้ามา เป็นต้น แล้วประเทศไทยเราก็จะมีภูเขาไฟระเบิดขึ้นมาตั้ง 3-4 แห่ง แต่อย่าถามว่าอีกเมื่อไหร่ อย่าถามเรื่องเวลา ถ้าผมบอกไปมันก็จะเลื่อน และถ้าเลื่อน มนุษย์ก็จะเจอเรื่องหนักหนาสาหัสกว่า คือมันจะแรงขึ้นกว่าเดิมอีกเท่าตัว...

ที่มา สัมภาษณ์พิเศษ: อาจารย์ปริญญา ตันสกุล (จากนิตยสารหญิงไทย ฉบับที่ 708 ปีที่ 30 ปักษ์แรก เดือนมีนาคม พ.ศ. 2548)

 

อียิปต์ตั้งเป้าพึ่งพาพลังงานหมุนเวียน​

​

ประธานาธิบดีอับเดล-ฟัตตาห์ เอล-ซิซี ของอียิปต์ กล่าวในที่ประชุมพลังงานที่กรุงอาบูดาบีของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ถึงแผนการพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียน ที่จะสร้างผลผลิตทางพลังงานให้ประเทศได้ราวร้อยละ 20 ภายในปี 2563

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงอาบูดาบี ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ว่า นายอับเดล-ฟัตตาห์ เอล-ซิซี ประธานาธิบดีอียิปต์ กล่าวในการประชุมสุดยอดพลังงานโลกในอนาคต เวิลด์ ฟิวเจอร์ เอเนอร์จี ซัมมิท (ดับเบิลยูอีเอฟเอส) ประจำปี 2558 ที่กรุงอาบูดาบีของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อวันจันทร์ ว่า การจัดหาพลังงานและการจัดสรรปริมาณความต้องการ เป็นประเด็นสำคัญลำดับต้นๆ ในนโยบายการพัฒนาของอียิปต์ และเนื่องจากปริมาณทรัพยากรด้านพลังงานแบบเดิมที่มีอย่างจำกัดในปัจจุบัน อียิปต์จึงมีแผนจะหันมาพึ่งพาพลังงานหมุนเวียน เช่น ลมและแสงอาทิตย์ ให้มากขึ้น และมีสัดส่วนเป็นร้อยละ 20 ของการผลิตพลังงานในประเทศให้ได้ภายในปี 2563 โดยจะต้องผลิตไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์และลมให้ได้ 4,300 เมกะวัตต์ ให้ได้ภายใน 3 ปี

นายเอล-ซิซี กล่าวว่า เป้าหมายในยุทธศาสตร์การพัฒนาด้านพลังงานของอียิปต์ ไม่เพียงตอบสนองต่อความต้องการในการบริโภคและการเติบโตทางเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ต้องเป็นไปอย่างยั่งยืนเพื่อสร้างความมั่นคงทางพลังงานของประเทศ ในขณะเดียวกันก็ต้องปลอดภัยต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ซึ่งรัฐบาลกำลังมองหาทางเลือกใหม่อย่างก๊าซธรรมชาติกและเชื้อเพลิงหนักคุณภาพต่ำ เพื่อใช้ในการผลิตพลังงานในประเทศ หลังในช่วงหลายปีที่ผ่านมามีปริมาณการผลิตลดลงมากจากสถานการณ์วุ่นวายทางการเมือง

นอกจากนี้ นายเอล-ซิซี ยังกล่าวถึงแผนที่จะเปลี่ยนอียิปต์ ให้กลายเป็นศูนย์กลางทางการค้าและการหมุนเวียนทางพลังงาน โดยอาศัยข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์ที่เป็นพื้นที่ตรงกลาง ระหว่างประเทศผู้ผลิตรายใหญ่และกลุ่มผู้บริโภค.

เดลินิวส์ วันจันทร์ 19 มกราคม 2558 เวลา 21:35 น.

หิมะถล่มในญี่ปุ่นฝังกลบนักท่องเที่ยวดับ 4 ราย​

​

เหตุหิมะถล่มในจังหวัดนางาโนะและนีงาตะ ทางตะวันตกของกรุงโตเกียว เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีนักท่องเที่ยวเสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย และสูญหายอีก 3 ราย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ว่า เหตุหิมะถล่มที่สกีรีสอร์ตในจังหวัดนางาโนะและจังหวัดนีงาตะ ทางตะวันตกของกรุงโตเกียว เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ราย รายแรกเป็นชายชาวญี่ปุ่นวัย 48 ปี ถูกหิมะถล่มใส่ขณะกำลังเล่นสโนว์บอร์ดในสกีรีสอร์ตแห่งหนึ่งที่จังหวัดนีงาตะ เมื่อวันเสาร์ เช่นเดียวกับชายชาวญี่ปุ่นวัย 35 ปี อีกคน

เหยื่ออีก 2 ราย เป็นนักท่องเที่ยวชายชาวอาร์เจนตินา วัย 50 ปี และ 54 ปี ซึ่งเดินทางไปท่องเที่ยวยังเรียวโอ สกี ปาร์ค ในจังหวัดนางาโนะ ที่อยู่ห่างออกไปทางตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงโตเกียวราว 400 กิโลเมตร ร่วมกับเพื่อนชาวต่างชาติคนอื่นๆ ซึ่งเป็นชาวนิวซีแลนด์ 1 คน และชายหญิงชาวออสเตรเลียอีก 1 คู่ โดยโฆษกหญิงของสำนักงานตำรวจท้องถิ่นเผยว่า ชายชาวอาร์เจนตินาทั้งคู่ออกไปเล่นสกีเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. วันอาทิตย์ เพียงไม่นานก่อนหิมะจะถล่มลงมาฝังร่างพวกเขา เพื่อนที่มาด้วยกันจึงรีบโทรแจ้งเหตุฉุกเฉินและนำตัวผู้บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ก่อนพวกเขาจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยหิมะที่ถล่มลงมากินพื้นที่กว้างราว 30 เมตร และยาวราว 200 เมตร

นอกจากนี้ ตำรวจนางาโนะได้แถลงเรื่องปฏิบัติการค้นหานักปีนเขาชาวญี่ปุ่น 3 คน ที่มีอายุระหว่าง 50 - 60 ปี ซึ่งหายตัวไประหว่างออกไปเล่นสกีบนภูเขา โดยพวกเขามีกำหนดกลับลงมาที่เชิงเขาในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ แต่ก็ไม่ปรากฏตัว.

เดลินิวส์ วันจันทร์ 19 มกราคม 2558 เวลา 19:08 น.

ค้าปลีกสหรัฐเดือน ธ.ค.ปีที่แล้วลดลงต่ำสุด​

​

ยอดค้าปลีกในสหรัฐเดือน ธ.ค.ปีที่แล้วลดลง ประมาณร้อยละ 0.1 เป็นการลดลงประจำเดือนที่มากที่สุดตั้งแต่เดือน ม.ค.ปีที่แล้ว แต่เศรษฐกิจสหรัฐยังคงขยายตัวและอัตราการสร้างงานก็เพิ่มขึ้นด้วย

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงวอชิงตันประเทศสหรัฐ เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ว่าตัวเลขค้าปลีกในสหรัฐเดือน ธ.ค.ปีที่แล้วลดลง จากข้อมูลล่าสุดของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐ โดยยอดขายลดลงประมาณร้อยละ 0.1 ซึ่งเป็นการดิ่งลงประจำเดือนที่มากที่สุดตั้งแต่เดือน ม.ค.ปีที่แล้ว ตัวเลขดังกล่าว บ่งบอกให้รู้ว่าในปีที่ผ่านมา ยอดขายในร้านค้าต่างๆ และในห้างสรรพสินค้าของสหรัฐเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 4 ซึ่งเป็นการเติบโตในระดับที่ต่ำที่สุดตั้งแต่ปี 2552 ทั้งนี้ตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคคิดเป็นกว่า 2 ใน 3 ของเศรษฐกิจสหรัฐ ยิ่งไปกว่านั้นตัวเลขก่อนหน้านี้สำหรับเดือน พ.ย.ก็ลดลงด้วยหลังมีการทบทวน

มีการเพิ่มขึ้นของยอดขายในเดือนดังกล่าวเพียงร้อยละ 0.4 ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 อย่างไรก็ตามแม้ว่า ยอดค้าปลีกจะลดลงแต่เศรษฐกิจสหรัฐ ก็ยังคงขยายตัวและสร้างงานเพิ่มตัวเลขในช่วงต้นเดือนนี้พบว่า มีการสร้างงานเพิ่มขึ้น 252,000 ตำแหน่งในเดือน ธ.ค.ปีที่แล้วขณะที่ อัตราการว่างงานลดลงจากร้อยละ 5.8 อยู่ที่ร้อยละ 5.6 ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดตั้งแต่เดือน มิ.ย.2551

เดลินิวส์ วันจันทร์ 19 มกราคม 2558 เวลา 18:38 น.

นายกฯยิว-ญี่ปุ่น ร้องขอความร่วมมือระดับทวิภาคี​

​

นายกรัฐมนตรีอิสราเอลและญี่ปุ่น ประกาศร่วมมือทางเศรษฐกิจ ในระหว่างการเยือนกรุงเยรูซาเล็มของนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงเยรูซาเล็มประเทศอิสราเอล เมื่อวันที่ 19 ม.ค.ว่า นายกรัฐมนตรีเบนจามินเนทันยาฮู แห่งอิสราเอลพร้อมด้วยนายกรัฐมนตรีชินโซอาเบะของญี่ปุ่น กล่าวเรียกร้องความร่วมมือทางเศรษฐกิจระดับทวิภาคีอย่างใกล้ชิด ในระหว่างหารือกันที่กรุงเยรูซาเล็ม นายกฯเนทันยาฮูบอกว่าอนาคตเป็นของผู้ที่มีนวัตกรรม ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีนวัตกรรมเช่นเดียวกับอิสราเอล ดังนั้นเมื่อสองประเทศร่วมมือกันจะได้ประโยชน์อย่างมหาศาล

นายอาเบะ ซึ่งนับเป็นผู้นำญี่ปุ่นคนแรกที่เยือนอิสราเอลตั้งแต่ปี 2549 กล่าวว่าทั้งญี่ปุ่นและอิสราเอล เป็นสองประเทศที่ไม่ได้มีทรัพยากรธรรมชาติมากมาย แต่เรามีทรัพยากรมนุษย์ ทั้งนี้ นายกฯอาเบะเดินทางเยือนตะวันออกกลางเป็นเวลา 6 วัน พร้อมคณะผู้ติดตามและเจ้าหน้าที่รัฐบาลกว่า 100 คน รวมทั้งประธานบริษัทญี่ปุ่น

เดลินิวส์ วันจันทร์ 19 มกราคม 2558 เวลา 17:59 น.

ต่างศาสนาอินเดียปะทะเดือดย่างสด 3 ราย​

​

ชาวฮินดูในรัฐพิหารของอินเดีย เผาวอดบ้านหลายสิบหลังของชาวมุสลิม ส่งผลให้มีผู้ถูกไฟครอกเสียชีวิตอย่างน้อย 3 ราย และมีผู้ถูกยิงเสียชีวิตอีก 1 ราย เหตุเพื่อแก้แค้นให้กับเด็กหนุ่มชาวฮินดูที่ถูกลักพาตัวและฆ่า ซึ่งชาวมุสลิมถูกกล่าวหาว่าอยู่เบื้องหลัง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองปัฏนา ประเทศอินเดีย เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ว่า กลุ่มชาวฮินดูที่โกรธแค้นในหมู่บ้านซาราเยียน ทางตอนเหนือของเมืองปัฏนา รัฐพิหารทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ก่อเหตุเผาบ้านหลังคามุงจากของชาวมุสลิมในชุมชนราว 20 หลัง เมื่อวันอาทิตย์ ส่งผลให้มีชาวมุสลิมถูกไฟเผาไหม้เกรียมอยู่ภายในบ้านอย่างน้อย 3 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิตอีก 1 ราย ถูกพบในทุ่งหญ้าในหมู่บ้าน มีบาดแผลถูกยิงพรุนทั่วร่าง โดยเจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องสงสัยชาวฮินดูได้แล้วอย่างน้อย 14 คน ขณะที่บรรยากาศยังคงเป็นไปอย่างตึงเครียดแม้เจ้าหน้าที่จะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้แล้วก็ตาม

นายอตุล ปราสาท ผู้บริหารรัฐพิหาร กล่าวว่า เหตุขัดแย้งครั้งนี้เริ่มต้นมาจากการหายตัวไปของวัยรุ่นชายชาวฮินดูคนหนึ่ง ก่อนที่เขาจะถูกพบเป็นศพที่ฟาร์มใกล้เคียงในสัปดาห์ต่อมา โดยกลุ่มชาวฮินดูที่เป็นชุมชนชาวประมงกล่าวหาว่าเป็นฝีมือของกลุ่มชาวมุสลิม เนื่องมาจากความไม่พอใจที่เด็กหนุ่มคนดังกล่าวไปสนิทสนมกับวัยรุ่นหญิงชาวมุสลิมคนหนึ่ง

ทั้งนี้ ชาวฮินดูนับเป็นประชากรส่วนใหญ่ที่มีสัดส่วนร้อยละ 80 ของชาวอินเดียที่มีทั้งหมดประมาณ 1,200 ล้านคน ขณะที่ชาวมุสลิมมีเพียงร้อยละ 13 โดยส่วนใหญ่อาศัยอยู่ร่วมกันอย่างสันติกระจายไปในทุกพื้นที่ของประเทศ แต่ก็ยังคงมีความขัดแย้งและการปะทะกันบ้างเป็นครั้งคราว.

เดลินิวส์ วันจันทร์ 19 มกราคม 2558 เวลา 16:32 น.

ม็อบต้านผู้อพยพเยอรมนีงดเคลื่อนไหวหลังแกนนำถูกขู่ฆ่า​

​

ตำรวจเยอรมนีในเมืองเดรสเดน สั่งห้ามการชุมนุมต่อต้านผู้อพยพของกลุ่ม "เพกิดา" ตลอดทั้งวันจันทร์นี้ หลังมีรายงานนักรบจีฮัดขู่ลอบสังหารหนึ่งในแกนนำ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเดรสเดน ประเทศเยอรมนี เมื่อวันที่ 19 ม.ค. ว่าสำนักงานตำรวจเมืองเดรสเดน ออกแถลงการณ์สั่งห้ามขบวนการเคลื่อนไหวทางการเมืองในนาม "เพกิดา" ที่มีแนวคิดต่อต้านผู้อพยพจากตะวันออกกลาง จัดการเดินขบวนในวันนี้ เช่นเดียวกับแนวร่วมกลุ่มอื่นที่ห้ามเคลื่อนไหวทุกประเภทเช่นกัน เนื่องจากได้รับข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าสมาชิกระดับหัวหน้าของเพกิดาอาจตกเป็นเหยื่อของการลอบสังหาร แต่ไม่ได้กล่าวชัดว่าหมายถึงใคร

อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์ "บิลด์" รายงานว่า ผู้ที่อาจตกเป็นเหยื่อ คือนายลุทซ์ บัคมันน์ หัวหน้ากลุ่มเพกิดานั่นเอง ซึ่งได้รับคำข่มขู่จากบุคคลกลุ่มหนึ่งซึ่งทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์เป็นภาษาอาหรับ ว่าเพกิดาเป็น "ศัตรูทางศาสนา" ขณะที่นิตยสารข่าวรายสัปดาห์ "ชปีเกล" รายงานเมื่อวันศุกร์ว่า หน่วยข่าวกรองต่างประเทศของรัฐบาลเยอรมนี สามารถดักจับการสื่อสารระหว่างกลุ่มนักรบจีฮัดกลุ่มหนึ่ง ที่มีใจความสื่อถึงการเตรียมโจมตีการเดินขบวนของกลุ่มเพกิดา ที่ตามกำหนดต้องเกิดขึ้นในวันนี้

ย้อนกลับไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่แล้ว นายกรัฐมนตรีอังเกลา แมร์เคิล ผู้นำเยอรมนี แถลงยืนยันการให้ความสำคัญและปกป้องศาสนาทุกศาสนาอย่างเท่าเทียมกัน และ 1 วันต่อมา ตำรวจเยอรมนีกระจายกำลังตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยเป็นแหล่งกบดานของกลุ่มนักรบหัวรุนแรงทางศาสนา 11 แห่ง และจับกุมผู้ต้องสงสัยได้ 2 คน

เดลินิวส์ วันจันทร์ 19 มกราคม 2558 เวลา 13:37 น.

ที่มา http://www.dailynews.co.th/

 

ผวาหลุมยุบ เชื่อผลพวงจากแผ่นดินไหว​

​

บ้านดงมะเฟือง ต.จอมหมอกแก้ว อ.แม่ลาว จ.เชียงราย พบหลุมยุบขนาดใหญ่กลางทุ่งนา กว้าง-ลึก 4 เมตร เชื่อเป็นผลมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่ เมื่อเดือน พ.ค. ปี 57

เมื่อวันที่ 19 ม.ค. นายกอบชัย เมืองที ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 9 บ้านดงมะเฟือง ต.จอมหมอกแก้ว อ.แม่ลาว จ.เชียงราย ได้รับแจ้งจากลูกบ้านว่า พบหลุมยุบขนาดใหญ่กลางทุ่งนา บริเวณท้ายหมู่บ้าน จึงนำเจ้าหน้าที่รุดไปตรวจสอบ ในที่เกิดเหตุพบหลุมยุบขนาดใหญ่ ปากหลุมมีความกว้าง 4 เมตร และลงไปลึก 4 เมตร ทั้งนี้ชาวบ้านเชื่อว่าการเกิดหลุมยุบดังกล่าวน่าจะมาจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 5 พ.ค. 2557 ขนาด 6.3 ริกเตอร์ และยังเกิดอาฟเตอร์ช็อกตามมามากกว่า 1,000 ครั้ง

ด้าน นางบุษรินทร์ อานุนามัง รองนายก อบต.จอมหมอกแก้ว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของทาง อบต. และวิศวกร ลงพื้นที่ตรวจสอบหาสาเหตุ ในเบื้องต้นได้ขอให้ชาวบ้านช่วยกันพื้นที่ดังกล่าวเอาไว้ เพราะเกรงว่าจะมีผู้ไม่รู้พลัดตกลงไป และจะนำข้อมูลไปหารือกับนายก อบต.จอมหมอกแก้ว ว่า จะดำเนินการอย่างไรต่อไป พร้อมกันนี้จะได้ประสานงานเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วมตรวจสอบอย่างละเอียดด้วย.

เดลินิวส์ วันจันทร์ 19 มกราคม 2558 เวลา 15:55 น.

อย.สุ่มตรวจแอปเปิ้ลห้างดัง รู้ผลเย็นนี้​

​

อย.จับมือ มกอช. ลุยตรวจแอปเปิ้ลห้างดัง หลัง อย.มะกัน ส่งหนังสือแจ้งเตือน 2 สายพันธุ์อันตราย เก็บ 10 ตัวอย่างส่งตรวจ คาดรู้ผลเย็นนี้ ยันออกมาตรการเข้ม ตีกลับสินค้าทันที วอน ปชช.มั่นใจ ยังไม่มีแอปเปิ้ลเจ้าปัญหาเข้าไทย

เมื่อวันที่ 19 ม.ค. สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ (มกอช.) ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ลงพื้นที่ตรวจสอบแอปเปิ้ลนำเข้าจากต่างประเทศ ที่วางขายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านแคราย หลังจากที่องค์การอาหารและยา สหรัฐอเมริกา ได้ออกหนังสือแจ้งมายังประเทศไทยให้ตรวจสอบและเรียกเก็บแอปเปิ้ลพันธุ์กาล่า และแกรนนี่สมิธ ภายใต้เครื่องหมายการค้าแกรนนี่เบสต์ (Granny’s Best) และบิ๊กบี (Big B) จากบริษัทไบดาส บรอส (Bidart Bros.) เนื่องจากพบความสัมพันธ์กับการก่อโรคลิสเทริโอซิส(Listeriosis) ซึ่งเป็นอันตรายต่อเด็กแรกเกิด หญิงมีครรภ์ คนชรา หรือผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง นพ.ไพศาล ดั่นคุ้ม รองเลขาธิการ อย. กล่าวว่า เบื้องต้น อย.ได้มีมาตรการคุมเข้มการนำแอปเปิ้ลเข้ามาจำหน่ายในประเทศดังนี้

1. หากเป็นแอปเปิ้ลทั้ง 2 สายพันธุ์ ยี่ห้อบิ๊กบี และแกรนนี่ เบสต์ ของบริษัทตามที่สหรัฐอเมริกาแจ้งไว้นั้น จะส่งสินค้าคืนโดยไม่เปิดตู้

2. ในกรณีเป็นแอปเปิ้ล 2 สายพันธุ์ที่นำเข้าจากสหรัฐอเมริกา แต่ไม่ใช่ยี่ห้อบิ๊กบี และแกรนนี่ เบสต์ ไม่ได้สั่งอายัดตามกฎหมาย แต่จะขอความร่วมมือจากบริษัทนำเข้าว่าอย่าเพิ่งกระจายสินค้าจนกว่าจะมีการตรวจหาเชื้อโรคแล้วเสร็จ

3.ดำเนินการตรวจสอบหาเชื้อโรคในแอปเปิ้ลทุกสายพันธุ์ ทุกยี่ห้อ จากทุกประเทศที่นำเข้ามาในประเทศไทย แต่ไม่ได้อายัดสินค้าไว้ ทั้งนี้ แอปเปิ้ลที่เข้ามาประเทศไทยเมื่อวันศุกร์จำนวน 2 ตู้คอนเทรนด์เนอร์นั้น มีตู้หนึ่งที่เป็นสายพันธ์การ่า และแกรนนี่สมิธ แต่ไม่ใช่ยี่ห้อของบริษัทไบดาส แต่ อย.ก็ได้มีการเก็บตัวอย่างเพื่อตรวจสอบเช่นกัน ซึ่งคาดว่าน่าจะทราบผลประมาณ 4-5 วัน

ด้าน น.สพ.ศักดิ์ชัย ศรีบุญซื่อ เลขาธิการ มกอช. กล่าวว่า ยืนยันว่าแอปเปิ้ลตัวที่เป็นปัญหาตามที่สหรัฐอเมริกาแจ้งมานั้น ไม่ได้มีการนำเข้ามาในประเทศไทยแต่อย่างใด ส่วนที่เข้ามาเมื่อวันศุกร์นั้น เป็นคนละบริษัทกัน แต่ก็ต้องเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ โดยได้เก็บตัวอย่างแอปเปิ้ลที่วางขายตามห้างสรรพสินค้า 10 ตัวอย่าง มาตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ และผลจะออกในเย็นวันนี้ และจะสุ่มตัวอย่างแอปเปิ้ลไปตรวจอย่างนี้จนถึงเดือน มี.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม จากการตรวจไปยังสหรัฐอเมริกาพบว่าคนที่ป่วยโรคลิสเทริโอซิสส่วนใหญ่มาจากการรับประทานแอปเปิ้ลเคลือบคาราเมล และเมื่อสอบสวนเชิงลึกพบว่าแอปเปิ้ลนี้มาจากฟาร์มขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ซึ่งขายสินค้าให้กับบริษัทไบดาส

“เพราะว่าคนอเมริกันมั่นใจในระบบเกษตรของตัวเองมาก เลยรับประทานโดยไม่ล้างก่อน โดยเฉพาะเมื่อนำไปเคลือบคาราเมล ก็ไม่ได้ล้างอีก อย่างไรก็ตามแอปเปิ้ลเคลือบคาราเมล ไม่ได้มีการนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย ดังนั้นขอให้ประชาชนมั่นใจและรับประทานได้ตามปกติ แต่ขอให้ล้างให้สะอาดก่อน” น.สพ.ศักดิ์ชัย กล่าว และว่า ประเทศไทยมีการนำเข้าแอปเปิ้ลจากประเทศจีนมากที่สุดถึงร้อยละ 80 ที่เหลือนำเข้าจากสหรัฐฯ นิวซีแลนด์ และแอฟริกาใต้ เป็นต้น.

เดลินิวส์ วันจันทร์ 19 มกราคม 2558 เวลา 14:39 น.

ภาคเหนือ-อีสานยังเย็นต่อเนื่อง​

​

กรมอุตุนิยมวิทยา เผยบริเวณความกดอากาศกำลังแรงจากจีนที่แผ่เสริมลงมาปกคลุมไทยอย่างต่อเนื่องส่งผลให้อากาศเย็น โดยเฉพาะภาคเหนือและอีสาน อุณหภูมิจะลดลงอีก ขณะลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังค่อนข้างแรงทำใหือ่าวไทยคลื่นลมแรง ส่วนพายุโซนร้อน "เมฆขลา" อ่อนตัวเป็นดีเปรสชั่นแล้ว

เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 19 ม.ค. กรมอุตุนิยมวิทยารายงาน ลักษณะอากาศทั่วไปว่า บริเวณความกดอากาศสูงกำลังค่อนข้างแรงจากประเทศจีนยังคงแผ่เสริมลงมาปกคลุมประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ส่งผลให้ประเทศไทยตอนบนยังคงมีอากาศหนาวเย็นอย่างต่อเนื่องโดยทั่วไป เว้นแต่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีกระแสลมแรงด้านตะวันตกในระดับสูงกำลังเคลื่อนผ่าน ทำให้มีอุณหภูมิลดลงอีก 1-3 องศาเซลเซียส ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพเนื่อง จากอากาศที่หนาวเย็นในระยะนี้ไว้ด้วย

สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้ และอ่าวไทย มีกำลังค่อนข้างแรง ทำให้บริเวณอ่าวไทยจะมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง อนึ่ง พายุโซนร้อน “เมฆขลา” บริเวณตอนกลางของประเทศฟิลิปปินส์ได้อ่อนกำลังลงเป็นพายุดีเปรสชั่นแล้ว กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่าจะสลายตัวบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปประเทศฟิลิปปินส์ ควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนออกเดินทางไว้ด้วย โดยพายุนี้ไม่มีผลกระทบต่อลักษณะอากาศของประเทศไทย

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้

ภาคเหนือ อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกในตอนเช้า และอุณหภูมิจะลดลงอีก 1-2 องศาเซลเซียส อุณหภูมิต่ำสุด 15-16 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 24-30 องศาเซลเซียส บริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-14 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 11-16 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 27-29 องศาเซลเซียส บริเวณยอดภูอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 5-12 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

ภาคกลาง อากาศเย็นถึงหนาว กับมีหมอกบางในตอนเช้า และอุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 15-17 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออก อากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้าและอุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 16-21 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-32 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) ตั้งแต่จังหวัดสุราษฎร์ธานีขึ้นมา: อากาศเย็นในตอนเช้า ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ตั้งแต่จังหวัดนครศรีธรรมราชลงไป: มีเมฆบางส่วน กับมีฝนบางแห่ง ร้อยละ 10 ของพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 18-23 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 28-30 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีเมฆบางส่วน อุณหภูมิต่ำสุด 20-24 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 30-33 องศาเซลเซียส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 1-2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้าและอุณหภูมิจะเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย อุณหภูมิต่ำสุด 18-20 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 29-31 องศาเซลเซียส ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

เดลินิวส์ วันจันทร์ 19 มกราคม 2558 เวลา 07:06 น.

ที่มา http://www.dailynews.co.th/