ฝึก กรรม-ฐาน ด้วยภาษาที่เข้าใจง่าย

ในห้อง 'ประสบการณ์อภิญญา' ตั้งกระทู้โดย ธรรม-ชาติ, 16 ตุลาคม 2013.

  1. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    พี่คะ
    เมื่อคืนตอนดูซีรี่ย์เกาหลีอยู่ อยู่ๆ ก็ไป map จิตตัวละครตอนที่ชีกำลังหลง ไปในความคิด ความจำในอดีต คือเนื้อเรื่องเป็นแบบนี้คะ ชีกำลังคิดถึงตอนคนรักตาย แล้วก็เอาความรู้สึกตรงนั้นมาเป็นเชื้อเพลิงเป็นกำลังใจในการทำชั่วต่อไป ในขณะที่กำลังหลงไปในอดีตนั้น เมิลก็เห็นเป็นก้อนกลมสีขาวขุ่น ๆ ค่อย ๆ มีสีดำห่อหุ้ม ปกคลุมจากข้างนอก

    เมิลก็เอออะไรว้า ไม่เคยเกิดอาการ map จิตตัวละครมาก่อน เกิดขึ้นแบบไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้วางแผนที่จะทำ มันเกิดขึ้นมาเอง

    พอ map จิตเสร็จ ตัวพากย์ก็ออกมาก็เออคนมันหลงมันก็ไม่เห็นความจริงในปัจจุบันอะนะ เกิดอะไรขึ้นจิตก็พากลับไปในอดีตนะ ทำจนเป็นนิสัย อนุสัย กมลสันดาน ถึงต้องใช้เวลานานในการหลุดออกมา=เวลาที่เข้าไป ที่พี่เคยบอกว่าไม่รู้แจ้งไม่หลุด สัตว์ย่อมติดในทุกข์ ก็เพราะไม่รู้ ไม่รู้ตัวจริง ๆ นะแหละ เวลาที่ย้อนอดีตพวกนี้
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 กันยายน 2014
  2. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ใช่แล้ว "ดับตัวดู หรือ หลุดพ้นจากตัวดู" ก็คือ "ดับชาติภพ หรือ หลุดพ้นจากชาติภพ" นั่นเอง
    +++ หากจะเป็น "พระโพธิสัตว์ตัวจริง" ก็ต้อง "เป็นตัวดูอย่างจริงจัง เท่านั้น" หากยังไม่รู้จัก "ตัวดู" ก็เป็นได้แค่เพียง "พระโพธิสัตว์จอมปลอม" เท่านั้นเอง
    +++ ตัวดูเท่านั้นที่เป็น "พระโพธิสัตว์แห่งชาติภพ" หากจะดับชาติภพ ต้องดับ "ตัวดู" เท่านั้นเอง ไม่มีอะไรมาก
     
  3. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ตรงนั้นคือ การ map จิตของนักแสดง ตอนนี้คงพอมองเห็นอะไรบางประการได้แล้วนะ
    +++ นักแสดง "อาชีโว" ดำรงค์ชีพอยู่ด้วย "การแสดงเป็นคนอื่น ที่ไม่ใช่ตน" (เสแสร้งแกล้งทำ หรืออีกนัยหนึ่งคือ โกหกตนเอง) ตรงนี้จะเป็น "สัมมาอาชีโว" ได้หรือไม่ ในทาง "กฏแห่งกรรม"
    +++ การที่จะเสแสร้งให้ดี "ต้องสร้าง ธรรมารมณ์ ให้เนียน" แต่หารู้ไม่ว่า "ธรรมารมณ์ที่กำลังสร้างอยู่นั้น" มันเป็น "ทุกข์" นั่นแหละ "เมฆหมอก แห่ง หย่อมความกด ได้รวมตัวอัดแน่นจน แสงส่องไม่ผ่าน" เลยกลายเป็น "สีดำ" ซึ่งเป็นการ "กำหนดภูมิ" ไปในตัว
    +++ นักแสดงมืออาชีพ คือ "นักเสแสร้งแกล้งทำ จนเป็นนิสัย" ในการเดินจิต คือ "นักกำหนดภูมิที่จะไป จนได้นิสัย" นั่นเอง
    +++ สำหรับนัก กรรม-ฐาน ให้ละเรื่องนี้ ไว้เป็นที่เข้าใจ เท่านี้ก็พอ

    +++ การ map จิต คือการทำ "มหาปัฏฐาน แบบ อยู่-ย้าย จากขันธ์ประธานสู่ขันธ์บริวาร เมื่อย้ายเข้าไปแล้ว ขันธ์ที่เข้าไปจะกลายตัวเป็นขันธ์ประธานตัวใหม่ ทันที" (อนันตนัย ไม่รู้จบจนกลายเป็น อจินไตย) นั่นเอง

    +++ ตัวพากษ์ หรือ ตัวพูดมาก ตรงนี้ให้คอยสังเกตุให้ดี มันมีโทษมหันต์ สำหรับผู้ที่ไม่รู้จักมัน แต่สำหรับผู้ที่รู้จักมันดีจนใช้งานมันได้ มันก็จะเป็น "คุณอนันต์" เพราะมันคือตัว "ปฏิสัมภิทาญาณ" นั่นเอง และยามใดที่ใช้มันจนคล่องแคล่วแล้ว ก็จะสามารถทำ อนุศาสนีปาฏิหาริย์ ได้ ดังนั้นตรงนี้เป็นจุดที่ระบุชี้ได้ว่า "อนุศาสนีปาฏิหาริย์ ย่อมมีรากฐานมาจาก ปฏิสัมภิทาญาณ" เท่านั้น

    +++ สัจจธรรมทางจิต เป็นเช่นนั้น พวกที่ "ละวางปล่อยวาง ในระดับสติขั้นที่ 1-2 ถือว่าละอุปสรรคจากความ ฟุ้งซ่าน" แต่ถ้าหาก "พยายามละวางปล่อยวางใน สติระดับ 3 และสูงกว่าซึ่งเป็นอาการของจิตล้วน ๆ (สัจจธรรม) ขึ้นมาแล้ว" ก็ถือว่า ผู้นั้นได้ปล่อยปละละเลยในสิ่งที่พระพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า "ตั้งสติมั่น (สติระดับ 3 ขึ้นไป) รู้ธรรมเฉพาะหน้า (สัจจธรรมที่เกิดขึ้น)"

    +++ ตรงนี้แหละที่ "จิตมันจะหวลกลับเข้าสู่สิ่งที่มันติดอยู่" และถ้าหาก "มันไม่รู้แจ้ง (ฝ่าด่าน) มันจะไม่ยอมพัฒนาขึ้นสู่ ระดับสูงขึ้นไป" และตรงนี้เท่านั้นที่จะชี้ได้ว่า "ใครเข้าสู่ระดับ 3 ได้แล้ว" นะครับ
     
  4. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    เมื่อคืนผมลองเดินจิตแบบต่างๆ แล้วปล่อยให้ตัวพูดมากพูดปรากฏว่ามันสามารถอธิบายสภาวะธรรมได้ตรงมาก บางอย่างผมไม่รู้จะเรียกยังไงพอมันพากษ์ออกมาผมยังอึ้งว่า เออจริงด้วย ที่มันพูดมันใช่เลย ทำให้ผมเข้าใจการเดินจิตแบบต่างๆ ได้ดีขึ้น เพราะเหมือนมีคนอธิบายว่า ทำอย่างนั้นมันคืออะไร และอธิบายได้ตรง
     
  5. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    อธิบายว่าอย่างไรบ้างคะ อยากรู้ด้วยคนนะคะ
     
  6. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ตัวพากษ์ หรือ ตัวพูดมาก ตรงนี้ให้คอยสังเกตุให้ดี มันมีโทษมหันต์ สำหรับผู้ที่ไม่รู้จักมัน แต่สำหรับผู้ที่รู้จักมันดีจนใช้งานมันได้ มันก็จะเป็น "คุณอนันต์" เพราะมันคือตัว "ปฏิสัมภิทาญาณ" นั่นเอง และยามใดที่ใช้มันจนคล่องแคล่วแล้ว ก็จะสามารถทำ อนุศาสนีปาฏิหาริย์ ได้ ดังนั้นตรงนี้เป็นจุดที่ระบุชี้ได้ว่า "อนุศาสนีปาฏิหาริย์ ย่อมมีรากฐานมาจาก ปฏิสัมภิทาญาณ" เท่านั้น

    +++ ฮั่นแน่... ก็ฝึกมาเหมือนกัน ยังชอบแอบ ลอกการบ้าน อีกเหรอ 555 ;););)
     
  7. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    อร้ายย โดนรู้ทันเลย :boo:
     
  8. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    พี่คะ ถ้าเราจะบอกอะไรคนทีหลงมาก ๆ นี่ เราต้องหยุดจิตเขาก่อนไหมคะ
    เมิลจำได้ตอนที่เมิลหลง มันจะมี moment หยุดเอง 1 กึก แล้วสติก็มาปัญญาก็เกิด
    หยุดจิตตัวเองนะได้อยู่ แต่จะทำยังไงให้จิตคนอื่นหยุดด้วย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 11 กันยายน 2014
  9. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ มั่นใจว่าเคยมีโพสท์ที่เกี่ยวกับ "พระพุทธองค์ หยุดจิต องคุลีมาล" อยู่ในกระทู้นี้แล้ว ลอง ๆ ค้นย้อนหลังดูนะ
    +++ ถ้าหาไม่เจอจริง ๆ แล้ว "คนที่หลงมาก ๆ" นี้เป็นคนสำคัญสำหรับเราหรือเปล่า หากเป็นคนสำคัญที่จำเป็นแล้วละก็
    +++ ให้ทบทวนย้อนไปที่ หน้า 31 โพสท์ที่ 616 "นักผจญเพลิง" แล้วให้ "สำรวจให้แน่ชัดว่า ปัฏฐาน ของเราพร้อมที่จะเข้า พจญเพลิงโมหะ แทนตัวเจ้าของแล้วหรือไม่"

    +++ นี่แหละ "ทำไมจึงให้ฝึกซ้อม การบุกลงไปในเพลิงของโมหะของผู้อื่น" แต่ต้องมั่นใจเสียก่อนนะว่า "มหาปัฏฐาน (ใส้เทียน) ของเรา คมเพียงพอ"
    +++ จากนั้น "ปล่อยให้ตัวพูดมาก มันทำงานอย่างอิสระ" แล้วจะเห็น "อภินิหารของ ตัวพูดมาก" ได้เอง

    +++ อืออออ.... การบ้านมาแล้ว "ลอกใครไม่ได้ซะด้วยดิ" อิอิ ทัมงัยดีหว่า... :( :( :'(
     
  10. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678

    ผมพบว่าผมสามารถช่วยมันปรุงก่อนจะเข้าไปเดินในธรรมรมณ์ พอเข้าไปเดินเล่นในธรรมรมณ์ สิ่งที่ปรุงก็จะอยู่ในธรรมรมณ์เลย บางคนอาจจะเห็นเป็นเรื่องสนุกไป ก็คือสร้างมันคือมาในจิต แล้วเขาไปเจอมันแบบเต็มๆ เข้าไป interact เสมือนมันมีจริง จับรู้สึกจริง ได้ยินเสียงจริง เห็นชัดเท่าตาเห็น หรือจะทดสอบเข้าไปยืนกลางธรรมรมณ์แล้วก็ช่วยมันปรุงเพิ่มมันก็ออกมา ตามที่เราปรุง โดยการพูดเพ้อเจ้อว่าอย่างนั้นอย่างนี้ เช่นบอกหลังประตูมี นาย ก ยืนอยู่ พอเปิดประตูนาย ก ก็ยืนอยู่เลย

    ตรงนี้ไม่ต่างกับ daydreaming แต่เป็นการเข้าไปอยู่ข้างในเลย แต่การที่เข้าไปอยู่ข้างในมีข้อดีตรงสามารถเข้าไปเรียนรู้กลไกลการทำงานของธรรมรมณ์ เช่นการปรุงแต่งเวลามีผัสสะเข้ามากระทบ ว่ามัน "มโนไปเอง" ได้มั่วขนาดไหน ตัวนี้น่ากลัวมากเพราะมันคืออวิชาตัวจริง

    ถ้าสร้างแล้วเขาไปเสพมันก็เหมือนที่คุณธรรมชาติชอบพูดว่า "ดูหนัง ฟังเพลง"
     
  11. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    รอคุณธรรมชาติมาแสดงธรรมในเรื่องนี้ครับ (f)
     
  12. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    ขอเพิ่มอีกอย่างนะครับ มันน่ากลัวตรงที่ถ้าเราปรุงออกมาเป็นคน มันจะเหมือนมีชีวิตด้วยซิครับเนี่ย พูดคุยได้ปรกติ ตรงนี้แหละครับน่ากลัวมาก เพราะคนที่เข้าไปเจอโดยเฉพาะเจอแบบไม่มีสติสตางค์ หรือไม่มีประสบการณ์พอ ไม่สามารถแยกแยะได้ว่ามันเป็นเพียงสิ่งที่ปรุงขึ้นมา ไม่ใช่ภพภูมิของจริง ยังอยู่ในธรรมรมณ์ตัวเอง ถ้าไปเชื่อสิ่งที่นิมิตปรุงแต่งเหล่านี้พูด อาจจะทำให้ลำบากได้
     
  13. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ถูกแล้ว ดังนั้นจึงได้เกริ่นไว้ตั้งแต่หน้าแรกว่า "กระทู้นี้ จะเริ่มตั้งแต่ สติ ระดับที่ 3 (กำหนดรู้) ขึ้นไป" เพราะผู้ที่สามารถ "กำหนด (เดินจิต) ให้ รู้ กายเวทนา หรือ กายจิต ได้เท่านั้น" จึงมีขีดความสามารถ "ออกมาจาก ความหลง" ตรงนี้ได้

    +++ สติระดับ 1 "ระลึกไม่รู้" คือ "ผู้ที่ยังไม่รู้จัก สติ ว่ามีอาการเป็นอย่างไร"
    +++ สติระดับ 2 "ระลึกรู้" คือ "ผู้ที่ยังต้องใช้ "สัญญา หรือ ความจำ" เป็นตัวนำร่อง ก่อนที่จะเข้าถึง สติ" และแน่นอน "ย่อมไม่ทำ สติ ให้มั่นคงได้เพียงพอ"
    +++ สติระดับ 3 "กำหนดรู้" คือ ผู้ที่สามารถ "กำหนดเข้าสู่ปัจจุบันขณะ แห่งสติ" ได้ทันที ตรงนี้คือ อาการเบื้องต้นของ "อยู่กับรู้" เพียงแต่ "ยังขาดความเข้าใจในสภาวะธรรม" เท่านั้นเอง

    +++ นักจิตวิทยา หรือ "จิตแพทย์" สามารถใช้เทคนิคของ "การจูงจิต" (ลองค้นใน กูเกิ้ล ก็พอรู้ได้) ทำการควบคุม จิต ของผู้ป่วยให้ทำ daydreaming (ดูหนัง ฟังเพลง) ได้ แต่เพื่อ "ผลในการรักษา" แต่ถ้าหาก ใครพอรู้เทคนิคตรงนี้แล้ว นำไปใช้ในการ "จูงจิตตนเอง โดยขาดการควบคุมจากผู้เชี่ยวชาญทางจิต หรือ ครูบาอาจารย์ที่ชัดเจนถึงผลลัพธ์แล้ว เมื่อไร" เมื่อนั้น จะไปโทษใครไม่ได้เลย (กรรมส่วนบุคคล)(กินยาเกินขนาด และ หมอไม่ได้สั่ง)

    +++ ผูที่จะ "ลงไปตรงนี้ได้โดยปลอดภัย" นั้น ขั้นต่ำ "ต้องทำ ตัวดู เป็นปัฏฐานได้แล้ว" (ตัวดูเป็นไส้เทียน) ไม่งั้น "เสร็จ" แน่นอน เพราะการทำ "การจูงจิต ให้เกิด daydreaming" ตรงนี้ สามารถทำให้ "หลงไหลและติดใจ" ได้อย่างง่ายดาย จริง ๆ แล้ว การทำตรงนี้ "ให้ผลเฉพาะอย่างในวงแคบ ๆ" เท่านั้นเอง แต่ก็คงต้องปล่อย "ให้ไปตามทางเอาเอง" กระทู้นี้เริ่มที่ "สติระดับ 3 และสูงกว่า" เท่านั้น นะครับ
     
  14. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ถูกแล้ว ตรงนี้ต้องได้ สติระดับที่ 4 "การกำหนดจิต ทั้งหมด ถูกรู้" เสียก่อน ไม่งั้นไม่มีทางรู้ได้เลยว่า "ไอ้ที่เห็นนั้น มันเป็นจิตใครสร้างมา" ต้องสามารถแยกแยะจริงเท็จได้ว่า "เป็นจิตอื่นเข้ามาสือสาร หรือเป็นจิตตน มโนสร้างชาติภพภูมิไปเอง" ตรงนี้ ผู้ที่ฝึกได้ตั้งแต่สติระดับที่ 4 ขึ้นไปเท่านั้น "จึงมีขีดความสามารถที่จะรู้ได้ชัดเจน" นะครับ
     
  15. เมิล

    เมิล เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +3,132
    เมิลจำได้อยุ่แต่ตอนนั้น เมิลหยุดจิตให้จิ้งหรีดหยุดร้อง แต่พอเป็นคน เมิลไม่แน่ใจว่าเหมือนกันไหม
    เมิลทำปัฎฐานให้พร้อมกว่านี้ก่อนดีก่า ก่อนจะเข้าไปผจญเพลิง เพลิงของตัวเองยังไม่ค่อยอยากเข้าไปเลย :'(
    มีอยู่ 4 คนที่สำคัญ แต่ที่จำเป็นมีแค่ 2 คน ...
    เวลาปล่อยให้ตัวพูดมากพุดนี่ มันเหมือนกับว่าเราพูดโดยที่ไม่ได้คิดไม่ได้นึกเลย
     
  16. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ ถูกต้อง และในขณะนั้น "เราไม่ใช่มัน และ มันไม่ใช่เรา รวมทั้ง เราไม่มี และ ไม่มีเรา อยู่ในสถานการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเลย" เหลืออยู่แต่เพียง "มีแต่ มันกับมัน เท่านั้้น" (เดินจิตใน มหาปัฏฐาน ดูแล้วมันจะ มันส์ เอง)

    +++ ตรงนี้คือ การปล่อยให้ ตัวพูดมาก ทำงานอย่างอิสระโดยไร้ การแทรกแซง ทั้งหมดมีแต่เพียง "รู้ กับ ถูกรู้" ที่ครอบคลุมสถานการณ์อยู่เท่านั้น จากนั้น "ตัวพูดมาก จะทำงานได้อย่าง ถูกต้องตามธรรมชาติ ของตัวมันเอง"
     
  17. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    เอาอะไรดีๆ มาให้อ่านนะครับ คนไหนที่ติดตามกระทู้นี้แล้วยังไม่ได้อ่านโพสต์นี้ที่คุณธรรมชาติไปโพสต์ไว้ในกระทู้ผม ถือว่าน่าเสียดายมาก ว่าด้วยเรื่องกายต่างๆ ผมกลับไปอ่านอีกรอบในตอนนี้ความเข้าใจคนละเรื่องกับแต่ก่อนที่เคยอ่านมานานแล้วเลยครับ

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2014
  18. mobilelizard

    mobilelizard เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 ตุลาคม 2005
    โพสต์:
    558
    ค่าพลัง:
    +4,678
    ตกลงกายอภัสสระพรหมที่พูดถึงในตอนนั้นคือ กายธรรมรมณ์เป็นแกนกายจิตเป็นเปลวเทียนหรือไม่ครับ แต่ผมว่าน่าจะใช่ตรงนี้ ที่ผมมักจะพูดในกระทู้ผมว่า "มันคือตัวตนที่แท้จริง" ที่ข้ามภพข้ามชาติมาตั้งแต่ไม่รู้นานเท่าไหร่
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 13 กันยายน 2014
  19. ธรรม-ชาติ

    ธรรม-ชาติ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 พฤษภาคม 2012
    โพสต์:
    2,566
    ค่าพลัง:
    +9,966
    +++ Perfect มาก ที่ได้ช่วยนำโพสท์เก่า ๆ ของผมเอามาเสริมไว้ในที่นี้ โดยเฉพาะในเรื่องของ "กาย" นั้น สามารถส่งได้ถึง สติระดับ 5 "อยู่กับตน"
    +++ ซึ่งทาง "สมถะ" ถือว่าไปจนถึง "ที่สิ้นสุดของ ฌาน" ได้ไม่ยาก (และมากกว่าในตำราเสียอีก โดยเฉพาะ อรูปฌาน ที่ไม่อยู่ใน อรูป 4 จะกล่าวทีหลัง) และ "ความเป็นตน" นั้นเป็นได้ตั้งแต่ ขันธ์ 1 (ขันธ์เดี่ยว) จนถึงขันธ์ 4 (กามาวจร สุคติภูมิ) และขันธ์ 5 ทั้งหมด
    +++ ส่วนทาง "วิปัสสนา" นี่คือ "ความรู้และเข้าใจ กาย ตามความเป็นจริง" เมื่อรู้และเข้าใจ จนเบ็ดเสร็จถ้วนทั่วแล้วเท่านั้น จึงรู้จัก "สักกายะทิฐิ" (การยึดเอามาเป็นกาย หรือ การยึดเอามาเป็นตน) นั่นเอง

    +++ กายอาภัสสระพรหม ในตำรานั้นกล่าวไว้แต่เพียง "เป็นรูปพรหม" เท่านั้น แต่ถ้าหาก "เดินจิตจาก กายเวทนา" แล้ว "สภาวะแห่ง อาภัสสระ" (อัตตาจิต หรือ ตัวดู เปล่งรังสี) จะเป็นถึง "อรูปพรหม" ซึ่งเป็น "อรูปฌาน" ที่ไม่มีในตำรา การเดินจิตตรงนี้ เดินจาก "เอกัคตา ที่เป็น อุเบกขา" สู่ "เอกัคตา ที่เป็น สภาวะตื่น" จากนั้นสู่ "เอกัคตา ที่เป็น สภาวะของพลังงานล้วน ๆ" จน "กาย" กลายมาเป็น "สภาวะพลังงานที่แผ่พลุ่งออกรอบด้าน เหมือน เตาปฏิกรณ์พลังงานปรมาณู ที่สถิตย์อยู่ใน อวกาศ" ตรงนี้ไม่มีความเป็น "รูปกาย" เหลืออยู่เลย มีแต่ "สภาพของสภาวะ เปล่งรังสี อยู่ในอวกาศ" เท่านั้น และรังสีที่เปล่งออกไปนี้ แต่ละเส้น "เป็นประกาย ดุจใยรุ้ง เลื่อมพราย ไปหมด" (อาภัสสระ) ผู้ที่เดินจิตถึงตรงนี้เท่านั้น จึงรู้ว่า "อาภัสสระพรหม นั้น" มีความตรงกับกับ "ไม่มีจิตอื่นยิ่งกว่า" ในพระไตรปิฏก และจะตรงกันกับ "จิตเดิมแท้ เปล่งประกาย ประภัสสร" ที่มีคำกล่าวไว้ ในสายการปฏิบัติของ "หลวงปู่มั่น" เท่านั้นเอง

    +++ ตรงนี้ลองถาม เมิล เล่น ๆ ดูก็ได้ แต่ไม่รู้ว่าจะกล้าอธิบายหรือเปล่า แต่ว่าเคยฝึกผ่านมาแล้ว

    +++ กายอาภัสสระพรหม เป็น กายธรรมารมณ์ ตามภาษาของหมวด มหาสติปัฏฐาน 4 ซึ่งเป็น "การเดินจิต ของตัวดู ล้วน ๆ" เป็นกายภาคพลังงาน ตรงนี้ควรเป็น การฝึกของเหล่า พุทธภูมิ ตัวจริงที่เอาจริงเท่านั้น เพราะความเป็น "พลังงาน และ ไม่มีจิตอื่นยิ่งกว่า" ตรงนี้เท่านั้นที่จะผ่าน "มหาประลัยกัลป์ในระดับ ล้างอสงไขย (เอกภพ Universe)" ได้ พิจารณาง่าย ๆ คือ "พลังงานที่เปล่งออก ของอาภัสสระพรหมนั้น สามารถต้าน พลังของประลัยกัลป์ ได้"

    +++ กายธรรมารมณ์ หรือ ตัวดู ตามปกติ สามารถตั้งเป็นแกนแห่ง กายจิต ได้ ในขณะที่ "เป็นรูป" เท่านั้น แต่ในยามใดที่ "ตัวดูเป็นอรูป" จะเป็นแกนไม่ได้เลย เพราะมีเพียง "ขันธ์เดี่ยว" ตัวเดียวเท่านั้น

    +++ ยกเว้นในกรณีที่มาจากการ "เดินมหาสติ ควบ 2 ฐาน" คือ กายเนื้อ+กายเวทนา คร่อมกันมาตั้งแต่ต้น แล้วพอถึง "รูปฌาน 3" ที่ "กายภายใน โล่งโปร่งใส มีความสุข" แล้วเดินจิตสู่ "รู้ และ ตื่น" (โดยข้าม อุเบกขา ไปดื้อ ๆ) แล้วอยู่กับ "สภาวะตื่น" ที่มี "กายครอบอยู่ข้างนอก" โดยที่ "เดินจิตที่ ตัวดู แต่มีสติ ครองกายเนื้อ" ไปด้วย ก็จะได้ "อาภัสสระพรหม ที่มี รูป เป็นองค์ประกอบ" แต่ตรงนี้จะใช้ในยาม "ข้ามอสงไขยไม่ได้" เพราะ "รูปจะถูกทำลาย" และเป็นตัวถ่วงให้ "ตัวดูสูญสลาย" ไปในขณะประลัยกัลป์นั่นเอง ตรงนี้จะเป็นการ เสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ของ พุทธภูมิ ที่อุตส่าห์บำเพ็ญมา

    +++ ต้องฝึกให้ถึงทั้ง 2 สภาวะเท่านั้น จึงจะ "รู้แจ้ง" ได้ว่า "สภาวะไหน ข้ามได้-ไม่ได้ อย่างไร" นะครับ
     
  20. จิตวิญญาณ

    จิตวิญญาณ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 สิงหาคม 2008
    โพสต์:
    274
    ค่าพลัง:
    +679
    มาแระ ผู้ให้ลอกการบ้าน อิอิ


    +++ ถ้าหาไม่เจอจริง ๆ แล้ว "คนที่หลงมาก ๆ" นี้เป็นคนสำคัญสำหรับเราหรือเปล่า หากเป็นคนสำคัญที่จำเป็นแล้วละก็

    ปกติ จะไม่ยุ่งหรือก้าวก่ายล่วงเกินจิตอื่น ส่วนเรื่องการแมบจิตแล้วรู้ มันจะเป็นไปของมันเองโดยอัตโนมัติ ไร้เจตนา เราไม่ใช่อยากรู้นะ แต่มันรู้เอง แต่กรณีนี้เป็นสมาชิกที่บ้านซึ่งเขามีบุญคุณต่อเราน่ะค่ะ เพราะฉะนั้น บุณคุณต้องทดแทน แฮ่ๆ


    +++ ให้ทบทวนย้อนไปที่ หน้า 31 โพสท์ที่ 616 "นักผจญเพลิง" แล้วให้ "สำรวจให้แน่ชัดว่า ปัฏฐาน ของเราพร้อมที่จะเข้า พจญเพลิงโมหะ แทนตัวเจ้าของแล้วหรือไม่"

    ตรงนี้ อาการของผู้ที่หลงมากๆ มันจะมาปรากฏขึ้นกับเรา ถูกไหมคะ ซึ่งตรงนี้หากเราแยกไม่ออก เราก็อาจจะเข้าใจว่าเป็นอาการของเราเอง เลยจะกลายเป็นว่า นักผจญเพลิง เข้าไปช่วยผู้ที่หลง เพื่อนำเขาออกมาจากกองเพลิง แต่ตัวเองกลับติดอยู่ในกองเพลิงเสียเองน่ะสิคะ แบบว่าหลายวันที่ผ่านมา กำลังพจญเพลิงโมหะของผู้มีพระคุณซึ่งเป็นสมาชิกในบ้านน่ะค่ะ ( ฝึกในขณะจิตปกติน่ะค่ะ )


    +++นี่แหละ "ทำไมจึงให้ฝึกซ้อม การบุกลงไปในเพลิงของโมหะของผู้อื่น" แต่ต้องมั่นใจเสียก่อนนะว่า "มหาปัฏฐาน (ใส้เทียน) ของเรา คมเพียงพอ"

    ตรงนี้มั่นใจบ้างแล้วว่า คมเพียงพอ แต่ก็ยังไม่คมเฉียบถึงขนาด ตัดให้ขาดเลยฉับๆๆ อิอิ แต่ยังไงก็คงยังต้องพึ่งบารมีครูบาอาจารย์ช่วยบอกวิธีออกจากกองเพลิง แบบ shortcuts น่ะค่ะ เพราะถ้าจะให้คลำหาทางออกเองนี่คงใช้เวลา แต่เท่าที่สังเกตุ สภาวะรู้เป็นไส้เทียน เปลวเทียนมันจะชี้ทิศทางให้ ถ้าเมื่อไหร่เราเผลอเข้าไปเป็นเปลวเทียน มันจะเกิดอาการเหมือนเข้าไปในภวังค์แล้วถูกตัดวูบ(ในวาระจิตเดียว)กลับมาอยู่เป็นไส้เทียนโดยอัตโนมัติเหมือนเดิมเลยน่ะค่ะ


    ปล. อาการนี้ถามเพื่อความเข้าใจนะคะ สมมุติว่า ช่วงที่เข้านอนน่ะค่ะ พอเอนกายหัวถึงหมอน หลับตาปุ๊บ แล้วได้ยินเสียงเหมือนอะไรระเบิด เสียงดังมาก แล้วเกิดแสงสว่างจ้า หลังจากนั้น เหมือนเราอยู่จุดหนึ่งหรือมิติหนึ่งซึ่งเป็นสภาวะรู้ คือ นิ่งอยู่กับสภาวะรู้ ที่ไม่มาไม่ไป ไม่เข้าไม่ออก ไม่มีอะไรเป็นอะไรน่ะค่ะ
     

แชร์หน้านี้

Loading...