ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    “มนุษย์คริสตัลไลน์” (Crystalline Human) !!!

    [​IMG]

    Chayutt สมาชิก

    บางส่วนจากข้อความของ The Source Creator เรื่อง: Upgrading to a Multidimensional Operating System เมื่อวันที่: 4/10/13 ผ่านทาง: Goldenlight ที่มา:Ascension update: Council of Angels, Archangel Michael and Source Creator via Goldenlight: Upgrading to a Multidimensional Operating System 10-4-13 | Goldenlight ~ The Golden Light Channel: Higher Frequency Information from the Angelic Realms for the

    ....มันเป็นสิ่งสำคัญมากในเวลานี้ ที่พวกคุณจะต้องทำให้ตัวเองร่าเริงและมีชีวิตชีวาอยู่เสมอ และจะต้องทำให้จิตใจของตัวเองสว่างไสวอยู่เสมอด้วย เพราะว่ามันจะช่วยเร่งกระบวนการนี้ (กระบวนการเลื่อนระดับขึ้น – ผู้แปล) ให้แก่พวกคุณได้ เพราะว่าโลกที่อยู่ในมิติที่สูงกว่านั้น มันเป็นโลกที่เต็มไปด้วยแสงสว่างเจิดจ้าอย่างมาก และตอนนี้ก็กำลังมีมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ที่กำลังถูกสร้างขึ้นมาอยู่ด้วย ซึ่งก็คือพวกคุณนั่นเอง ที่จะกลายไปเป็นมนุษย์ลูกผสมระหว่าง “กายแสงสว่าง” (Light Body) และกายแบบเก่า ที่มีโครงสร้างพื้นฐานเป็นธาตุคาร์บอน (Carbon-base) ซึ่งนี่แหละคือมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ที่ว่านี้ ที่เรียกว่า “มนุษย์คริสตัลไลน์” (Crystalline Human) หละ

    และมันก็เป็นส่วนหนึ่งของแผนการแห่งการสร้างสรรค์ของฉันเองด้วย และพวกคุณทุกคน ก็ได้ขันอาสาลงมาเข้าร่วมในแผนการนี้ ตั้งแต่ก่อนที่พวกคุณจะลงมาเกิดในภพชาตินี้แล้วด้วย และพวกคุณก็จะค่อยๆเริ่มจดจำแผนการนี้ได้มากขึ้นเรื่อยๆ และถ้าพวกคุณกำลังสงสัยอยู่ว่า “พันธสัญญาทางจิตวิญญาณ” (Soul Contact) หรือ “ภาระกิจด้านจิตวิญญาณ” (Soul Mission) ของตัวเองบนดาวเคราะห์โลกดวงนี้ ในภพชาตินี้ คืออะไรหละก็..ถ้างั้น..นี่ไงหละคือคำตอบของพวกคุณหลายคนหละ

    นี่แหละคือพันธสัญญาทางจิตวิญญาณหมายเลขหนึ่งของพวกคุณหละ ท่ามกลางพันธะสัญญาทางจิตวิญญาณทั้งหลายของพวกคุณแต่ละคน พวกคุณได้พากันขันอาสาลงมาเพื่อเข้าร่วมใน “การทดลองครั้งนี้” แล้ว ซึ่งเป็นการทดลองเพื่อเปลี่ยนรูปแบบจากมนุษย์ที่มีร่างกายแบบ carbon-base ไปเป็นมนุษย์ที่มีร่างกายแบบ crystalline-base แทน

    ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น พวกคุณก็จะอยู่ในโลกที่น่าพิศวง ที่พวกคุณกำลังช่วยกันสร้างขึ้นมาอยู่นี้ อันที่จริงแล้ว ในตอนนี้ พวกคุณก็กำลังอยู่ในโลกที่ว่านั้นเรียบร้อยแล้วด้วยซ้ำไป เพราะว่ากาลเวลาเป็นแค่มายาการอย่างหนึ่งเท่านั้นเอง และบ้านของพวกคุณก็จะเป็นบ้านคริสตัลไลน์, พวกคุณจะสร้างสรรค์สิ่งต่างๆขึ้นมาได้ในทันทีทันใด, พวกคุณจะสามารถติดต่อสื่อสารทางโทรจิตได้, พวกคุณจะสามารถเหาะลอยตัวไปไหนมาไหนได้ ซึ่งนี่แหละคือวิธีที่พวกเขาใช้สร้างปิระมิดแห่งอียิปต์หละ เพราะว่าตอนนั้น รูปธรรมชีวิตที่มาจากระบบดวงดาวอื่นๆ ที่มาอาศัยอยู่บนดาวเคราะห์โลกในช่วงเวลานั้น มีความสามารถในการเคลื่อนย้ายวัตถุด้วยพลังจิตได้

    ปิระมิดเหล่านั้น ทำหน้าที่เป็นเครื่องรับ-ส่งสัญญาณ (transmitter) ของพลังงานที่มาจากมิติที่สูงๆกว่า เพื่อมาป้อนให้กับเมืองหลายๆเมืองในขณะนั้น แต่ว่าพลังงานของพวกมันก็ได้ถูกตัดขาดไป พร้อมๆกับการล่มสลายของมนุษยชาติในช่วงเวลานั้น ชาวแอตแลนติสและชาวเลมูเรีย เคยเป็นอารยธรรมที่อยู่ในมิติที่สูงกว่ามาก่อน และพวกคุณหลายคน ก็เคยมีชีวิตอยู่ในช่วงเวลานั้นด้วย อย่างที่ผู้รับสาส์นเคยกล่าวไว้ ในข้อความสื่อสารชุดก่อนๆของเธอ

    ส่วนชาวอาการ์ธา (Agartha) ที่กำลังอาศัยอยู่ “ภายใน” ลูกโลกในขณะนี้ ก็คือผู้ที่มาจากอาณาจักรเลมูเรีย ที่ได้ลงไปสร้างเมืองต่างๆไว้ภายในลูกโลก ในตอนที่พวกเขารู้ว่าอาณาจักรเลมูเรียกำลังจะล่มสลายแล้ว ซึ่งถ้านับถึงตอนนี้ อารยธรรมของพวกเขาก็ได้เจริญรุ่งเรืองอยู่ภายในลูกโลกมานานกว่า 20,000 ปีแล้ว สิ่งมีชีวิตที่อยู่ในมิติที่สูงกว่าเหล่านี้ ปราถนาที่จะรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพวกคุณ เมื่อสมองและร่างกายเนื้อและจิตสำนึก/ความตระหนักรู้ของพวกคุณถูกยกระดับขึ้น จนสูงถึงขั้นหนึ่งแล้วเท่านั้น ซึ่งก็คือขั้นที่พวกคุณได้เปลี่ยนสภาพ กลายไปเป็นรูปธรรมชีวิตแห่งคริสตัลไลน์ 80 – 90% แล้ว

    หรืออีกนัยยะหนึ่งก็คือ เมื่อพวกคุณสามารถยกระดับคลื่นความถี่แห่งการสั่นสะเทือนของตัวเองให้สูงขึ้นจนมากพอ ที่จะสามารถทำให้เข้ากับพวกเขาได้แล้วนั่นเอง และจุดนี้เอง ก็เป็นจุดที่พวกคุณจะได้พบกับครอบครัวชาวดวงดาวของตัวเองอีกด้วย หรือได้กลับไปรวมกับครอบครัวชาวดวงดาวของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง และมันก็เป็นเงื่อนไขเดียวกัน สำหรับรูปธรรมชีวิตที่อยู่ในมิติที่สูงๆกว่าทั้งหลาย ที่อยู่ในจักรวาลนี้ และที่อยู่ในระบบดวงดาวอื่นๆด้วย เช่น ชาวกลุ่มดาว Sirius, Pleiades, Andromeda เป็นต้น และรวมถึงระบบดวงดาวอื่นๆอีกมากมาย ....

    ...สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ก็คือ การยกระดับคลื่นความถี่ของการสั่นสะเทือนของตัวพวกคุณเองให้สูงขึ้น โดยการฝึกฝนร่างกายเนื้อและสมองของพวกคุณเอง ให้พวกมันสามารถอยู่ในมิติที่สูงกว่าให้ได้ โดยการช่วยเหลือร่างกายเนื้อและสมองของพวกคุณเอง ให้พวกมันยอมรับคลื่นความถี่ที่สูงกว่าให้ได้ โดยการบอกพวกมันว่า “ไม่เป็นไรๆ” และโดยการย้ำเตือนตัวพวกคุณเองว่า พวกคุณได้สมัครใจที่จะมาเข้าร่วมในแผนการนี้ ตั้งแต่ก่อนที่พวกคุณจะลงมาที่นี่แล้ว...

    ที่มา http://palungjit.org/threads/ข้อควา...ของมนุษยชาติ-ไปสู่มิติที่-5-a.246190/page-392
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 5 ตุลาคม 2013
  2. ด้วยรัก30

    ด้วยรัก30 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    29 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    3,985
    ค่าพลัง:
    +1,223
    อินทตวายโลก
    คุณเกษมน่าจะสรุปเป็นข้อๆเป็นภาษาไทยไว้จะได้มาดูกันว่าอะไรเป็นจริงและจะเกิดประมาณเมื่อไร ใครเป็นบอกหรือทายไว้ให้ ถ้าจริงจะช่วยกันอุทิศบุญให้กัน ถ้าไม่จริงก็อ่านผ่านไปเท่านั้น
     
  3. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ขอเชิญร่วมงานบุญหล่อพระทองคำแท้หนัก 1 ตัน(10 ต.ค. 56)

    [​IMG]

    karissa สมาชิก

    "...จะมีสักกี่ชาติ จะมีสักกี่ครั้ง ที่เราจะได้สร้างมหากุศลอันยิ่งใหญ่
    ที่บริสุทธิ์ บริบูรณ์ เช่นนี้ติดตัวไป..."

    ขอเชิญผู้มีบุญ ศิษยานุศิษย์ และลูกหลานหลวงปู่ทั่วโลก
    ร่วมพิธีหล่อรูปเหมือนหลวงปู่วัดปากน้ำ ภาษีเจริญ
    พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) องค์ที่ 7 ด้วยทองคำ

    ในวันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2556 ณ วัดพระธรรมกาย
    (วันคล้ายวันเกิดครบรอบ 129 ปี พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร))

    สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมร่วมบุญ ได้ที่ โทรศัพท์ 02-831-1000
    (ขอเชิญผู้ไปร่วมงานแต่งชุดขาวๆ โดยพร้อมเพรียงกัน : เสื้อขาว กางเกง กระโปรง หรือผ้าถุงขาว)

    กำหนดการวันคล้ายวันเกิดพระมงคลเทพมุนี
    วันพฤหัสบดีที่ 10 ตุลาคม พ.ศ.2556

    06.40 น.
    - พิธีตักบาตร ณ บ้านแก้วเรือนทองคุณยายฯ
    09.30 น.
    - ปฏิบัติธรรม / พิธีบูชาข้าวพระ
    11.00 น.
    - พิธีถวายทองคำเพื่อหล่อหลวงปู่ฯ
    - พิธีถวายภัตตาหารเป็นสังฆทาน
    - เสร็จพิธี
    13.30 น.
    - พิธีจุดเทียนใจ ไฟนิรันดร์ อนันตชัย
    - ปฏิบัติธรรม
    14.20 น.
    - พิธีรับถวายปัจจัยบูชาธรรม
    14.40 น.
    - เจ้าภาพผู้มีบุญเดินทางจากห้องแก้วสารพัดนึก ไปร่วมพิธีที่บริเวณหน้ารัตนบัลลังก์
    15.00 น.
    - พิธีหล่อรูปเหมือนทองคำพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) พระผู้ปราบมาร
    16.00 น.
    - เสร็จพิธี
    - พิธีมอบเหรียญที่ระลึก และเมล็ดพันธุ์ ดอกดาวรวย
    -----------------------------------------

    ที่มา http://palungjit.org/threads/เชิญร่วมงานบุญหล่อพระทองคำแท้หนัก-1-ตัน-10-ตค-56-a.510887/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    อินตาตวายโลก(อินทราธิราชทายโลก)

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=9IGgDYN6v74]พระอินทน์ตวายโลก.wmv - YouTube[/ame]​
    joni_buddhist สมาชิก

    คำทำนายคัดมาจากกัณฑ์ที่ ๑๐ แห่งตำนานพระเจ้าเลียบโลก เนื้อความ พระพุทธเจ้าทรงพุทธพยากรณ์โลกแก่พระอินทร์ และพระอินทร์ได้นำมาบอกเล่าแก่อินทสมภารฤาษี เชิงดอยเกิ้งเมืองลี้ อินทสมภารได้แต่งคำทำนายนั้นไว้และ ต่อมา พ่อครูสิงห์คำแม่ครูแจ่มจันทร์ได้นำมาเรียบรียงเป็นซอล่องน่านครับ ท่านใดอยากอ่านพระเจ้าเลียบโลกต้องไปดูที่ศูนย์หนังสือมช.ครับปริวัตรเป็นภาษากลางโดยอาจารย์สิงฆะ วรรณสัย

    ที่มา http://palungjit.org/threads/อินตาตวายโลก-อินทราธิราชทายโลก.335281/
     
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก กัณฑ์ที่ ๑๐

    [​IMG]

    นโม ตสฺสตฺถุฯ เอกํ สมยํ สาลียํ ปพฺพเต วิหรติ อถ โข สกฺโฏ เทวมินฺโท เตสํ ปุญญํ เทวโลกโต โอตริตฺวา ภควนฺตํ อภิวาเทตฺวา ปุจฺฉิสตฺถารํฯ

    ดูรา สัปบุรุษทั้งหลาย ยังมีในกาลสมัยครั้งหนึ่ง สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงอยู่จำพรรษาที่ภูเขาจาลีเป็นพรรษาที่ ๒๐ หลังจากพระพุทธองค์ตรัสรู้แล้วในกาลครั้งนั้น พระยาอินทราธิราชได้สดับพระธรรมเทศนา จากพระพุทธเจ้าแล้ว ก็ทรงทราบว่า "การกระทำบุญในพระพุทธศาสนามีอานิสงส์มาก" ทรงใคร่ทราบอานิสงส์แห่งผู้กระทำบุญนั้น จึงเสด็จลงมาจากชั้นฟ้าดาวดึงส์เทวโลก เสด็จเข้ามาสู่สำนักของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ภูเขาจาลีบรรพต

    เมื่ออภิวาทแล้วแล้วก็กราบทูลถามว่า "ข้าแด่พระพุทธเจ้า คนและเทวดาทั้งหลายได้กระทำบุญเป็นต้นว่า รักษาศีล ฟังธรรม เจริญเมตตาภาวนาอยู่บ่อยๆ ได้กระทำเมื่อพระพุทธองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ก็ดี ได้กระทำเมื่อพระพุทธองค์เสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้วก็ดี จะมีอานิสงส์เป็นประการใด" ในกาลนั้น สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสดับปัญญาเช่นนั้น เพื่อจะทรงอธิบายปัญญานั้นให้ชัดเจนจึงตรัสว่า

    "นิพฺพตฺเต โลกนายเก ปยฺจวสฺสสหสฺสานิ สาสนํ มม ติฏฐติ" "ดูรา มหาราช ตถาคตจะเทศนายังโทษและคุณที่มีอยู่ในศาสนาทั้งหมดให้แก่ท่านบัดนี้ เมื่อตถาคตนิพพานไปแล้วจะตั้งพระศาสนาไว้ ๕,๐๐๐ พรรษา เพื่อไว้โปรดช่วยเหลือคนและเทวดาทั้งหลาย

    ดูรา มหาราช คนทั้งหลายหมู่ใดได้กระทำบุญ ให้ทาน รักษาศีลและภาวนาในพ้นพรรษาที่หนึ่ง จะมีผลอานิสงส์แสนโกฏิ ฯ

    ดูรา มหาราช คนทั้งหลายหมู่ใดได้กระทำบุญให้ทาน รักษาศีลและภาวนาในพรรษาที่สอง ไทยธรรมวัตถุก็ไม่ค่อยจะบริสุทธิ์มาก จิตใจก็ไม่ค่อยจะเลื่อมใสมาก เขาเหล่านั้นจะได้อานิสงส์หนึ่งแสนฯ ประการหนึ่ง

    คนทั้งหลายกระทำบุญน้อยก็ดี มากก็ดี ในศาสนาตถาคตพันพรรษาที่สาม คนทั้งหลายไม่ค่อยมีศรัทธามาก มักข่มเหงบังคับกันกระทำ บุญจึงไม่ค่อยบริสุทธิ์สักเท่าใด เขาทั้งหลายจะได้อานิสงส์หนึ่งหมื่นฯ

    ดูรา มหาราช คนทั้งหลายจะทำบุญ แม้นจะมากสักปานใดก็ดี ในพรรษาที่สี่ ไทยธรรมวัตถุก็ไม่บริสุทธิ์ ใจก็ไม่ค่อยเชื่อ ไม่ค่อยจะเลื่อมใสสักเท่าใด เขาจะได้อานิสงส์หนึ่งพัน ฯ

    ดูรา มหาราช คนทั้งหลายกระทำบุญไหว้นบบูชา ให้ท่านจะน้อยก็ดีจะมากก็ดี แต่จิตใจเขาไม่เลื่อมใสในพันพรรษาที่ห้า จะได้อานิสงส์น้อยเท่าที่พอจะได้ เหตุไฉนจึงว่าเช่นนั้น เพราะเหตุว่าคนทั้งหลายเต็มไปด้วยโลภะ โทสะ โมหะ หนาแน่นไปด้วยบาปกรรม ภัยทั้ง ๓ ประการคือ ทุพภิกขภัย ภัยอันเกิดขาดข้าวน้ำ พยาธิภัย ภัยอันเกิดจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งหลาย ยุทธภัย ภัยอันเกิดจากการรบราฆ่าฟัน คนทั้งหลายจะฆ่าฟันเบียดเบียนกันเป็นจำนวนมาก ประการหนึ่ง

    ดูรา มหาราช เมื่อตถาคตนิพพานไปแล้ว ๕๐๐ พรรษา ผู้หญิงทั้งหลายังบวชเป็นภิกษุณีได้ ต่อแต่นั้นไปจะบวชเป็นภิกษูณีไม่ได้

    ดูรา มหาราช ในเมื่อตถาคตนิพพานไปแล้วได้พันพรรษาแรก จะมีพระยาองค์หนึ่ง ชื่อว่า ปัตตมาลิกมหาราช จะรวบรวมธาตุตถาคตแล้วแจกจ่ายแผ่กระจายไป ก่อเป็นเจดีย์ได้ ๘๔,๐๐๐ หลัง ประดิษฐ์อยุ่ในเมืองทั้งหลายได้ ๘๔,๐๐๐ เมือง พระยาองค์นั้นจะเฉลิมฉลองอบรมสมโภชพระธาตุนานได้ ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน จึงจะสำเร็จบริบูรณ์

    ดูรา มหาราช เมื่อตถาคตนิพพานไปแล้ว ๑,๐๐๐ พรรษา พระสงฆ์ที่เป็นลูกศิษย์ตถาคต จะมีวาทะความคิดความเห็นแตกต่างกัน ต่างหมู่ก็ต่างคิดว่าตัวฉลาด รู้อรรถธรรมคำสอนจะกระจายกันไป ทุกบ้านทุกเมือง หมู่หนึ่งมีลูกศิษย์ ๑๐๐,๐๐๐ รูป หมู่หนึ่งมีลูกศิษย์ ๘๐,๐๐๐ รูป หมู่หนึ่งมีลูกศิษย์ ๖๐,๐๐๐ รูป หมู่หนึ่งจะมีลูกศิษย์ ๔๐,๐๐๐ รูป พระสงฆ์ทั้งหลายแต่ละหมู่จะมีวาทะแตกต่างกัน มีข้อวัตรปฏิบัติต่างกัน ต่างก็อวดตัวว่ารู้ฉลาด จะพากันจาริกไปทุกบ้านทุกเมือง แล้วไปสั่งสอนคนทั้งหลายในประเทศต่างๆ

    ในกาลยามนั้น คนทั้งหลายที่อุปัฏฐากพระสงฆ์หมู่ใด ก็จะว่าพระสงฆ์หมู่นั้นดี จะเกิดเป็นฝักเป็นฝ่าย จะมีใจศรัทธาเชื่อและเลื่อมใสจริงๆ ไม่ค่อยมี จะมีแต่ความสงสัยในคำสอน จะบังเกิดความไม่แน่ใจ

    ดูรา มหาราช เมื่อตถาคตนิพพานไปแล้วได้ ๑,๕๐๐ พรรษา ภิกษุสงฆ์ทั้งหลายจะไปประชุมพร้อมกันในที่ต่างๆ กัน เหตุว่าภิกษุสงฆ์จะต่างหมู่ต่างเหล่ากันทุกหนทุกแห่ง เมื่อตถาคตนิพพานไปได้แล้ว ๑,๖๐๐ พรรษา ท้าวพระยาในสกลชมพูทวีปทั้งมวลองค์ใดมีอาณารัฐเขตแดนใด ก็จะประชุมกันจัดแจงในอาณาเขตของตนและคนของใครของมัน แล้วก็ต่างจะยกย่องกันเองว่าเป็นใหญ่

    เมื่อตถาคตนิพพานไปแล้วได้ ๑,๗๐๐ พรรษา ท้าวพระยาในสกลชมพูทวีปทั้งสิ้น ก็จะบังเกิดมานะโลภะตัณหา จะใช้อำนาจเข้ายึดเอาบ้านเมืองใหญ่ไร่นาคามเขต ตลอดถึงประเทศบ้านเมืองของกัน จะทะเลาะวิวาทกัน จะแย่งเอาราชสมบัติบ้านเมืองของกันเป็นอันมาก

    เมื่อตถาคตนิพพานไปแล้วได้ ๑,๘๐๐ ปี พระยาธรรมิกราชเกิดมาเป็นเจ้าเป็นใหญ่ มีเดชานุภาพพอประมาณ ท้าวพระยาและคนทั้งหลายจะสมมุติยกย่องกันว่าเป็นธรรมิกราช โดยที่แท้จะเป็นพระยาธรรมิกราช องค์ประเสริฐหามิได้ เป็นเพราะคนทั้งหลายเกรงกลัวฤทธิ์เดชานุภาพของพระยาตนนั้นเท่านั้น คนทั้งหลายจึงหยุดพักการรบราฆ่าฟัน หากลียุคมิได้ ตอนนี้ท้าวพระยาอำมาตย์รัฐประชาณาราษฏร์ทั้งหลาย จะอยู่ดีมีสุขสิ้นกาลในระหว่างนั้น

    ดูรา มหาราช เมื่อตถาคตนิพพานไปแล้วได้ ๑,๙๐๐ พรรษา ภิกษุสงฆ์ทั้งสิ้นในชมพูทวีปนี้จะแสวงหาพระอรหันต์องค์วิเศษจริงไม่มีแม้แต่องค์เดียว เมื่อตถาคตนิพพานไปแล้วได้ ๑,๙๑๗ พรรษา ภิกษุสามเณรทั้งหลายจะทำการย่ำยีในพระธรรมคำสอนของตถาคต จะสึกจากที่นี้แล้วไปบวชที่โน้นๆ ไม่มั่นคงแน่นอน จะมีในกาลยามนั้น ยิ่งกว่านั้นภิกษุทั้งหลายจะไม่ปฏิบัติตามพระธรรมวินัย ไม่เกรงกลัวในสิกขาปาราชิก จะมีแต่โลภะตัณหาแย่งชิงวัดวาอารามซึ่งกันและกัน ทำให้เกิดความยากลำบากยากใจเป็นอันมาก

    เมื่อศาสนาตถาคตล่วงไปแล้ว ๑,๙๑๘ พรรษา จะเกิดกลียุคทุพภิกขภัยอดอยากเป็นอันมาก คนทั้งหลายจะทะเลาะวิวาทกันด้วยอาการต่างๆ เมืองเหนือจะรบกับเมืองใต้ บ้านเหนือจะฟันบ้านใต้ พี่น้องก็จะทะเลาะวิวาทกัน พ่อจะฆ่าลูก ลูกจะฆ่าพ่อ ผัวเมียจะฆ่ากัน พี่น้องมิตรสหายก็จะฆ่ากัน ลูกศิษย์และอุปัชฌาย์จะกล่าวโทษซึ่งกันและกันฆ่าฟันกัน จะเกิดมีในกาลยามนั้นครั้งหนึ่ง

    ดูรา มหาราช เมื่อศาสนาตถาคตล่วงไปได้ ๑,๙๑๙ ปี ท้าวพระยาในชมพูทวีปทั้งสิ้น จะเบียดเบียนทำร้าย ปรับไหมจับกุมใส่คุกใส่ขื่อใส่คา แย่งชิงเอาสิ่งของจากราษฎรแห่งตน จะบังเกิดมีทุกหนทุกแห่ง ลูกท้าวหลานพระยาทั้งหลายจะชิงสมบัติราชบัลลังก์ของพ่อจนเกิดศึก ผู้คนพลเมืองจะตายเป้นจำนวนมากและจะเป็นเช่นนี้ทุกหนทุกแห่ง ในหมู่ผู้คนทั้งหลาย เมียจะพยายามหาทางเอาชนะผัว ลูกก็จะหาทางเอาชนะพ่อแม่ น้องก็จะพยายามหาทางเอาชนะพี่

    อาคันตุกะคือแขกผุู้มาอาศัยก็จะหาทางเอาชนะเจ้าของที่ พระภิกษุหนุ่มก็จะหาทางเอาชนะพระภิกษุแก่ ลูกศิษย์ก็จะหาทางชนะครู บังเกิดเป็นข้าศึกศัตรูแก่กัน วัดวาอารามศิษย์โยมคณะสงฆ์จะมีวิสัยใจคิดต่างๆ กัน ต่างคนก็ต่างอวดรู้ธรรมอันชอบ แม้ท้าวพระยามหากษัตริย์ เสนาอำมาตย์ นักปราชญ์ หญิงชายทั้งหลาย ต่างคนก็ต่างว่าตนฉลาด จะมีมานะบังเกิดความโกรธแก่กัน ทะเลาะวิวาทกันด้วยไร่นาเขตคาม ประเทศราชสมบัติ สิ่งของเงินทองช้างม้าข้าคนปศุสัตว์ เรือกสวน จะเกิดเป็นโกลาหล ปรับไหมฆ่าฟันกันตายเป็นอันมาก

    เมื่ออายุพระศาสนาล่วงไปได้ ๒,๐๐๐ พรรษา ภิกษุสามเณร คฤหัสถ์ชายหญิงทั้งหลาย ในชมพูทวีปนี้จะโกหกหลอกลวงด้วยปริยายต่างๆ

    ดูรา มหาราช เมื่อศาสนาตถาคตล่วงไปได้ ๒,๐๑๑ พรรษา คนทั้งหลายจะเล่าลือโกหกกันว่า "พระยาธรรมิกราชเกิดในบ้านในเมืองนี้" บางคนก็จะกล่าวอวดอ้างตนเองเป็นพระยาธรรมิกราช เครื่องทิพย์ทั้งหลาย คือ จักร พระขรรค์ชัยศรีเป็นต้น ก็เกิดมี แม้นเทวดา อินทร์ พรหม ก็มาค้ำชูอุดหนุนด้วยเครื่องทิพย์ทั้งหลาย ชื่อนั้นชื่อนี้ แล้วก็จะบังเกิดเป็นโกลาหลเป็นศึก รบราฆ่าฟันซึ่งกันและกันถึงแก่ฉิบหาย เหตุว่าไว้ใจตนเองว่า "เราจะชนะปราบคนทั้งหลาย" นั้นแล

    ดุรา มหาราช ในเมื่อตถาคตนิพพานไปแล้วได้ ๒,๐๐๐ พรรษานั้นจะมีพระอรหันต์ ๕ องค์ องค์หนึ่งชื่อว่า ธรรมจุฬ จะหล่อรูปตถาคตด้วยทอง องค์หนึ่งชื่อว่า ทิศาปาโมกข์ จะหล่อรูปตถาคตด้วยทองคำทั้งแท่ง องค์หนึ่งชื่อว่า นารทะ จะสร้างรูปตถาคตด้วยแก้ว องค์หนึ่งชื่อว่าคุตตเถร จะสร้างรูปตถาคตด้วยหินทั้งก้อน องค์หนึ่งชื่อว่า โพธิสัมภาร จะสร้างรูปตถาคตด้วยแก่นไม้จันทน์

    ดูรา มหาราช รูปตถาคตที่หล่อด้วยทอง(แดง,เหลือง)นั้น ไปสถิตอยู่ที่เมืองในบ้านเมืองที่ใด บ้านเมืองที่นั้นย่อมไม่จำเริญวัฒนา ลูกท้าวหลานพระยาในบ้านในเมืองที่นั้น มักจะคดโกงเข้าหากัน จะชิงกันกินบ้านกินเมือง จะชิงไร่ชิงสวนชิงเขตชิงแดนกัน จะเกิดความเดือดร้อนในบ้านในเมืองที่นั้น ด้วยภัยอุบาทว์ทั้งหลายเป็นอันมาก แม้นภิกษุสามเณรก็ไม่มีใจซื่อสัตย์ต่ออุปัชฌาย์อาจารย์ของตนฯ

    พระพุทธรูปทองคำนั้น หากไปสถิตอยู่ในบ้านใดเมืองใด บ้านนั้นเมืองนั้นก็จะประสบความสมบูรณ์พูนสุข เจริญด้วยเงินทองสมบัติ เป็นที่สุขสำราญบานใจยิ่ง หาภัยอุบาทว์อันใดมิได้ พระพุทธรูปไม้จันทน์สถิตอยู่บ้านใดเมืองใด บ้านนั้นเมืองนั้นจะเกิดศึกสงครามไม่ขาดฯ พระพุทธรูปหินไปสถิตอยู่บ้านใดเมืองใด บ้านนั้นจะชุ่มเย็นเป็นสุข ฟ้าฝนบริบูรณ์ยิ่งฯ

    พระพุทธรูปแก้วไปสถิตอยู่บ้านใดเมืองใด บ้านนั้นเมืองนั้น ชาวเมืองท้าวพระยา เสนาอำมาตย์จะชิงกันเป็นใหญ่เป็นโต พระภิกษุสงฆ์ก็จะทะเลาะวิวาท ถกเถียงกันด้วยเรื่องวัดวาอารามลูกศิษย์ลูกหาที่เป็นพรรคเป็นพวก เมื่อใดพระพุทธศาสนา ๒,๐๐๐ พรรษา ต่อไปภายหน้าพระพุทธรูปทั้ง ๕ องค์นี้จะออกมาปรากฏ คือ - ปี จะปรากฏองค์หนึ่ง

    ดูรา มหาราช พระพุทธรูปทองคำนั้นจะประดิษฐานทสรัฐ พระพุทธรูปแก้วจะประดิษฐานอยุ่ในเมืองอุตตรรัฐ คือเมืองที่อยู่ทางทิศเหนือ พระพุทธรูปหินจะประดิษฐานอยู่ในเมืองนาค คือเมืองนาคอันอยู่ท้ายแม่น้ำ พระพุทธรูปทอง(แดง,เหลือง) และพระพุทธรูปแก่นไม้จันทน์ จะประดิษฐานอยู่ในลังกาทวีป ดูรามหาราช ถ้าว่าพระพุทธรูปทั้ง ๕ องค์นั้นไปปรากฏพร้อมกันอยู่ชุมนุมในที่เดียวกันในเมืองใด บ้านเมืองนั้นก็จะรุ่งเรืองเป็นสุขมาก และในฐานะที่นั้นก็จะเป็นเหมือนเมื่อตถาคตยังมีชีวิตอยู่

    ดูรา มหาราช พระพุทธรูปทั้ง ๕ องค์นั้นพระอรหันต์สร้างไว้ เพื่อให้เป็นที่สักการบูชาของคนและเทวดาทั้งหลายสืบต่อไปจนตราบสิ้น ๕,๐๐๐ พรรษา

    ดูรา มหาราชพระพุทธรูปทั้ง ๕ องค์นั้นถ้าไปรวมชุมนุมกันอยู่บ้านใดเมืองใด บ้านนั้นเมืองนั้นก็จะร่มเย็นเป็นสุขเป็นอันมาก ส่วนพระยาธรรมิกราชองค์ที่จะมาช่วยยกยอศาสนาแห่งตถาคตในพันพรรษที่สามนั้นก็จะเกิดในเมืองนั้น คือเมืองที่มีพระพุทธรูปทั้ง ๕ องค์ไปรวมกันอยู่

    ดูรา มหาราชเมื่อตถาคตนิพพานไปแล้ว ๒,๐๑๕ พรรษา ภิกษุสงฆ์ทั้งหลายจะกระทำอุเบกขาวางเฉยต่อกัน คือไม่ไปมาหาสู่กัน ต่างจะอยู่หมู่ใครหมู่มัน ไม่อยู่ร่วมพร้อมเพรียงกันตามพระธรรมวินัย ใน ๗ พรรษาที่พระสงฆ์กระทำอุเบกขาแก่กันนั้นแล ภิกษุทั้งหลายจะฉิบหายตายกันเป็นอันมาก นักบวชและคฤหัสถ์ชายหญิงผู้มีปัญญา จงรีบรักษาศีลให้บริสุทธิ์ เจริญเมตตาภาวนาไปอย่าให้ขาด จึงจะพ้นจากภัยอันใหญ๋นั้น

    ดูรา มหาราช เมื่อศาสนาตถาคตล่วงไปได้ ๒,๐๑๗ พรรษา ต่อไปภายหน้า พระยาะรรมิกราชผู้ประเสริฐ จะเกิดมาบำรุงยกย่องพระพุทธศาสนา เสมอเหมือนพระเจ้าปัตติมาลิกอโศกมหาราชนั้น พระเจ้าอโศกธรรมราชประสูติในปีเต่าสี (มะโรง) พระยาธรรมิกราชองค์ที่จะเกิดในพันพรรษาที่สองนั้นจะประสูติในปีก่าเร้า (ระกา) องค์ที่จะเกิดในพันพรรษมที่สามนั้นจะประสูติในปีสัน (ปีวอก) พระยาธรรมิกราชที่จะมาเกิดในพันพรรษาที่สี่นั้น จะประสูติในปีเป้า (ฉลู) ในพรรษาที่ห้านั้นจะไม่มีพระยาธรรมิกราชเกิดแม้แต่องค์เดียว เพราะว่ามนุษย์ทั้งหลายหนาแน่นไปด้วยบาป ไม่สนใจเชื่อในธรรมเสียแล้ว เพราะเหตุนั้นพระยาธรรมิกราชจึงไม่เกิดขึ้น

    ดูรา มหาราช เมื่อตถาคตนิพพานไปแล้วได้สองพันย่างเข้าสู่เขตสามพันนั้น จะมีอุบาสกผู้หนึ่งประกอบด้วยจิตใจที่มีศรัทธาปสาทะเป็นอันมาก มีความดำริว่า "พระพุทธเจ้าก็นิพพานไปแล้ว เราจะสร้างรูปพระพุทธเจ้าเพื่อไหว้สักการบูชาและอุปัฏฐากบำรุงไว้ที่ใกล้บ้านเราเถิด" แล้วก็สร้างกุฏิวิหารไว้ในที่ใกล้บ้านของตน อุปัฏฐากรักษาอยู่เป็นประจำ คนทั้งหลายมาเห็นเช่นนั้นต่างว่าก็ดีด้วยกันทั้งสิ้น เลยเลียนแบบกันสร้างพระพุทธรูปกุฎิวิหารไว้ไหว้สักการบูชาทุกบ้านทุกเมือง

    ในกาลต่อไปนั้นต่อไปภายหน้า ภิกษุสงฆ์ทั้งหลายตามปรกติจะปฏิบัติตามคำสอนของตถาคต ย่อมอยู่วัดในป่าห่างไกลจากบ้านเมือง ๕๐๐ วา ที่จะมาอยู่ในวัดใกล้บ้านนอกคำสั่งสอนตถาคตนั้นไม่มีเลย แต่ว่าภายหน้าแต่นี้นั้น ภิกษุเข้าไปบิณฑบาตในบ้าน เห็นวิหารและพระพุทธรูปอยู่เช่นนั้นก็เข้าไปหยุดพักฉันข้าว ควรนอนก็นอนไป เพราะขี้เกียจเดินทาง เหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดมีขึ้นไป เขาก็เลยได้ปราศรัยคุ้นเคยกับอุบาสกเจ้าศรัทธา จะอยู่พักเมตตาเป็นเวลาชั่วครั้งชั่วคราวก่อน ถึงเวลาก็จะจากไป

    ภายหน้าแต่นั้นอุบาสกทั้งหลายก็จะคิดว่า "หากว่าเรามีภิกษุมาอยู่เฝ้าพระพุทธรูป เอาใจใส่แผ้วถางทำความสะอาดก็จะเป็นการดี" พวกเขาก็จะหาโอกาสอาราธนานิมนต์ให้พักอยู่แก่ภิกษุทั้งหลาย เพราะเหตุแห่งความขี้เกียจและมากด้วยตัณหา ก็จะอยู่รับเมตตารับทานของศรัทธาในอาวาสบ้านนั้น ก็จะเลียนแบบกันไปทุกหนทุกแห่งทุกบ้านทุกเมือง ต่อมาภายหลังภิกษุที่อยู่ป่าไกลบ้าน มาเห็นภิกษุอยู่อาวาสใกล้บ้านอุดมสมบูรณ์ด้วยปัจจัยทั้งสี่ ก็บังเกิดตัณหา จะพากันออกจากป่ามาอยู่อาวาสใกล้บ้านที่ละองค์สององค์

    อาวาสป่าก็เลยเหลือน้อยลงตามลำดับ จนกระทั่งอาวาสป่าหมดไป จะคงเหลืออยู่เมืองละแห่งสองแห่ง ส่วนอาวาสใกล้บ้านก็จะแพร่ขยายออกเป็นจำนวนมาก นับด้วยร้อยด้วยพันอาวาส ภายหน้าภิกษูที่อยู่วัดบ้านจะอุดมด้วยลาภสักการมาก ภิกษุที่อยู่ป่าก็จะทิ้งวัดป่าเสีย หนีมาอยู่วัดบ้าน วัดบ้านก็จะมีเป็นเป็นแสนเป็นหมื่นวัด ภายหน้าแต่นั้น บ้านหนึ่งๆ จะมีวัด ๒ วัด ๓ วัด บ้านใหญ่จะมีวัดถึง ๑๐ วัด เมืองใหญ่จะมีวัดถึง ๑๐,๐๐๐ วัด ๑๐๐,๐๐๐ วัด

    เหตุการณ์ทั้งหลายที่กล่าวมานี้จะเกิดมีในพันพรรษาที่สาม คนทั้งหลายที่เกิดมาในยามนั้นจะมีความเข้าใจว่า "มีแต่อาวาสบ้านอย่างเดียวที่เป็นต้นเป็นแบบของศาสนา" ส่วนอาวาสป่านั้นเข้าใจว่าเป็นปลายในกาลยามนั้น คนผู้หาปัญญามิได้ก็เข้าใจว่า "วัดบ้านเป็นต้นมูลเท่านั้น" และเข้าใจว่า "ภิกษุที่อยู่ในวัดป่านั้นไม่สมควรจะได้รับกฐิน ผ้ากฐินนั้นสมควรแก่พระอยู่วัดใกล้บ้านเท่านั้น" ส่วนพระชินบุตรผู้อยู่ป่าก็จะค่อยลดน้อยถอยจำนวนลงทุกที จนกระทั่งบางเมืองมีอยู่ ๑-๒ รูป บางเมืองบางบ้านก็ไม่มีเลย แม้แต่รูปเดียว คนทั้งหลายที่มีปสาทศรัทธาเลื่อมใสในภิกษุผู้อยู่อาวาสป่า ก็จะลดน้อยถอยลงไปจะเหลือ ๑ คน ๒ คน บางเมืองจะไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว

    ดูรา มหาราช เมื่อศาสนาตถาคตย่างเข้ามาสู่เขต ๓,๐๐๐ พรรษา พวกทมิฬชาวป่าทั้งหลายจะบังเกิดศรัทธาเลื่อมใสในคุณพระแก้วทั้ง ๓ ประการ เขาจะรู้จักให้ทาน รักษาศีล ฟังพระธรรมเทศนา เจริญเมตตา เขาก็จะสร้างกุฏิวิหารอุปัฏฐากภิกษุสงฆ์ทุกหนทุกแห่ง ประการหนึ่ง พ่อค้าหรือคนทั้งหลายที่เดินทาง เมื่อพวกเขาเข้าไปพักนอนในวัดวาอาราม เขาจะทำสกปรกลามกเหมือนดังพักอยู่ตามศาลา คนทั้งหลายไม่ชอบฟังเทศน์ฟังธรรมคำสอนที่พูดถึงครองวัตรปฏิบัติอันเคร่งครัด แม้พระภิกษุสามเณรทั้งหลายก็ไม่ศึกษาเล่าเรียนพระวินัยและพระไตรปิฎกตามธรรมแห่งตถาคต คฤหัสถ์นักบวชทั้งหลายไม่สนใจปฏิบัติตามธรรมในนิบาตนิกายและวิสุทธิอะไรเลย ภิกษุทั้งหลายที่อยู่วัดบ้านจะสนิทคุ้นเคยซึ่งกันและกัน เลยยินดีพอใจในกันและกัน เขาทั้งหลายจะยินดีในคุณแห่งภิกษุผู้อาวาสป่านี้นั้นไม่มีแม้แต่คนเดียว

    ภิกษุผู้อยู่ป่าตามธรรมคำสั่งสอนแท้นั้นพวกเขากลับเข้าใจเสียว่า เป็นผู้ปฏิบัติต่ำช้าไม่ประกอบด้วยธรรมวินัย และเขาจะเข้าใจว่าภิกษุที่อยู่อาวาสบ้านเป็นผู้ปฏิบัติชอบตามธรรมวินัย จะเกิดถ้อยคำกระทบกระทั่งซึ่งกันและกันเล็กน้อย แล้วหาโทษใส่ภิกษุผู้อยู่ป่า ขับไล่ภิกษุผู้ปฏิบัติชอบธรรมวินัยเหล่านั้นให้หนีออกไป ซึ่งจะมีต่อไปภายหน้า ประการหนึ่ง คนทั้งหลายจะไม่สนใจสร้างวัดป่า และจะไม่ถวายผ้ากฐินเครื่องบริขารแก่ภิกษุที่อยู่ป่า ประการหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายจะไม่รับรักษาสิกขาบทและศีลธรรม สงฆ์ทั้งหลายจะชอบเรียนชอบฟังธรรมในนิบาต ๕๐๐ ชาดกโวหารประการเดียว ไม่ชอบไม่สนใจเรียนธรรมวินัย จะบังเกิดมีในยามนั้น

    เหตุการณ์ต่างๆ ที่ว่ามานี้จะบังเกิดมีเมื่อศาสนาตถาคตล่วงไปแล้ว ๒,๐๐๐ พรรษาย่างเข้าสู่ ๓,๐๐๐ พรรษา จนตลอดถึงพ้นพรรษาที่สี่ ในเมื่อพระพุทธศาสนาย่างเข้าสู่ ๓,๐๐๐ พรรษานั้น ภิกษุสงฆ์ทั้งหลายจะเลิกละข้อวัตรปฏิบัติอันชอบอันดีเสีย แล้วจะกระทำสิ่งใดก็ดี ไม่ว่าด้วยใจ ด้วยวาจา ตลอดถึงการนั่งการนอนการยืนการเดิน ก็ไม่สังวรตามวินัย จะทำกริยาอาการเหมือนดังคฤหัสถ์ จะปฏิบัติตามคติแห่งคฤหัสถ์ คือได้รู้ได้เห็นคฤหัสถ์กระทำ พูดจา เดินลุกด้วยอาการที่มัวเมาในเบญจกามคุณอย่างใด ภิกษุทั้งหลายก็จะทำตามด้วยโลภะตัณหาบ่อยๆ เมื่อตายไปเขาก็จะไปร้องไห้อยู่ในนรกนั้นแล

    ในปัจจุบันนี้หากว่าตัณหาแรงแสวงหาลาภสักการะ เมื่อได้วัตถุเงินทองมากพอที่จะจ่ายเลี้ยงตนได้แล้วเขาก็จะสึกออกไป บางองค์เป็นคนขี้เกียจในการทำงานก็จะข่มใจทนอยู่ แต่ไม่รู้ในธรรมคำสอน ก็จะปฏิบัติผิดวินัย เพียงแต่อยู่ไปกินไปในศาสนาจนตราบสิ้นอายุ หาความละอายต่อวินัยธรรมมิได้ เมื่อตายไปแล้วก็จะไปเสวยทุกข์ในนรก เมื่อยังไม่ตายก็จะได้ต้องทุกขเวทนาด้วยภัย ๑๐ ประการ ประการหนึ่ง ตั้งแต่พันพรรษาที่สามเป็นต้นไป คฤหัสถ์ นักบวชทั้งหลายจะทำบุญน้อยก็ดี มากก็ดี เขากลับไม่ตั้งปณิธานปรารถนาถึงนิพพานเพื่อดับทุกข์ในสงสารในศาสนาตถาคตนี้ แต่พวกเขากลับตั้งปณิธานปรารถนาหานิพพานในศาสนาแห่งพระอริยเมตไตรยเจ้าอย่างเดียว เพราะฉะนั้นพึงรู้ว่า ศาสนาแห่งตถาคตยังดำรงอยู่ในพันพรรษาที่สามนั้นเถิด

    ดูรา มหาราช สักขีพยานแห่งศาสนาตถาคตพึงรู้ดังต่อไปนี้เถิด เมื่อตถาคตนิพพานไปแล้ว ๑,๐๐๐ พรรษา แรกแห่งพระพุทธศาสนา คนทั้งหลายในบ้านเมืองมัชฌิมประเทศและเมืองใหญ่ ๑๖ เมือง จะมีร่างกายสูง ๖ ศอก มัชฌิมบุรุษ ในพันพรรษาที่สองร่างกายของคนจะสูง ๕ ศอก มัชฌิมบุรุษ ในพรรษาที่สาม ร่างกายของคนจะสูง ๔ ศอก มัชฌิมบุรูษ ในพรรษาที่สี่ ร่างกายของคนจะสูง ๓ ศอก มัชฌิมบุรุษ ในพันพรรษาที่ห้า ร่างกายของคนจะสูง ๒ ศอก มัชฌิมบุรุษ เป็นส่วนมาก (ศอกมัชฌิมบุรุษ ๑ ศอกเท่ากับ ๒ ศอกของปัจจุบัน)

    กถาสักขีห้าพรรษามีไว้ว่า "วิ สะ สี สุ ทา" คือว่าในพันพรรษาที่หนึ่งนั้นชื่อว่า วิมุตติยุค คฤหัสถ์นักบวชทั้งหลายจะได้ถึงมรรคถึงผลด้วยวิมุตติธรรม คือ เมื่อได้ฟังธรรมแล้วย่อมจะได้สำเร็จเป็นอรหันต์เป็นส่วนมาก จะได้ถึงด้วยการปฏิบัตินอกจากฟังสัจธรรม ก็ยังมีอีกมากจนไม่อาจจะคณานับได้ฯ ในพันพรรษาที่สองนั้น ปาณสัตว์ทั้งหลายจะได้ถึงสมาธิธรรม คือต้องตั้งมั่นอยู่ในข้อปฏิบัติอันเคร่งครัดแท้ จึงจะได้ถึงมรรคผลเป็นส่วนมากฯ

    ในพันพรรษาที่สามนั้น ปาณสัตว์ทั้งหลายจะสนใจเอาใจใส่ เพื่อทำศีลให้บริสุทธิ์และต้องปฏิบัติตามข้อวัตร มรรคธรรมอยู่ไม่ขาด จึงจะได้ถึงมรรคผลเป็นส่วนมากฯ ในเมื่อพระพุทธศาสนาถึงพันพรรษาที่ห้า ปาณสัตว์คือคนและนักบวชทั้งหลายจะแข่งกันสร้างทานวัตถุไทยธรรม จะมุ่งเอาทานผลเป็นปัจจัยและต้องปฏิบัติไม่ขาดในคลองแห่งภาวนา จึงจะสำเร็จได้มรรคได้ผลฯ

    ดูรา มหาราช ตถาคตตั้งศาสนาไว้ ๕,๐๐๐ พรรรษา เพื่อโปรดคนและเทวดาทั้งหลาย มีเช่นนี้

    ดูรา มหาราช เมื่ออตถาคตนิพพานไปแล้วได้ ๒,๐๐๐ พรรษากับอีก ๑ พรรษา ชื่อว่าเข้าเขต ๓,๐๐๐ พรรษาเมื่อใด ถ้าถึงกึ่งกลาง ๕,๐๐๐ พรรษา น้ำเต้าก็จะจมไป ก้อนหินก็จะลอยฟูขึ้นมาตั้งอยู่เหนือน้ำ คือว่าคนทั้งหลายที่เคยเป็นมิจฉาทิฐิ มีทมิฬชาวเขาเป็นต้น พวกเขากลับจะมีใจเลื่อมใสในคุณแห่งพระรัตนตรัย จะเลิกละมิจฉาทิฐิเสีย จะรู้จักให้ทานรักษาศีล ฟังเทศน์และเจริญภาวนา อุปัฏฐากพระรัตนตรัย สร้างกุฏิวิหารเป็นที่เจริญรุ่งเรืองเป็นอันมาก เมื่อเขาตายไปก็จะได้เข้าถึงสวรรค์และโมกขนิพพาน เหตุนี้จึงได้ชื่อว่า "ก้อนหินจมอยู่ในน้ำกลับลอยฟูขึ้นมา"

    อีกประการหนึ่ง คฤหัสถ์นักบวชทั้งหลายที่เกิดมาท่ามกลางพระรัตนตรัย รู้จักกรรมอันเป็นบุญเป็นบาปแท้ๆ แต่กลับกลายเป็นคนพาลปัญญาอ่อน ไม่รู้จักศีล ไม่รู้จักบุญ และไม่เลื่อมใสในคุณพระรัตนตรัย จะประพฤติแต่ทางชั่วทางบาปเป็นอันมาก เมื่อเขาตายไปก็จะจมลงไปในอบายทั้งสี่ เหมือนน้ำเต้าจมลงไปในน้ำนั้น

    ดูรา มหาราช ท้าวพระยามหากษัตริย์ทั้งหลายในชมพูทวีปทั้งสิ้น จะมีความหยาบช้า ไม่ปฏิบัติตามทศพิธราชธรรมจะทิ้งเสนาผู้เฒ่าผู้แก่ผู้รู้หลักพิจารณาตามโบราณ แล้วจะยกเสนาผู้น้อยผู้หนุ่มตั้งไว้ในที่พิจารณาราชกิจกรรมทั้งมวล พวกเขาจะกระทำตามอำนาจแห่งโลภะ ตัณหา เบียดเบียนราวีประชาราษฎรไพร่เมืองแห่งตนให้ถึงแก่ความพินาศไป

    เมื่อท้าวพระยามหาราชกษัตริย์และเสนาอำมาตย์ไม่ตั้งอยู่ในความยุติธรรมเช่นนั้น เทวดาที่รักษาโลกทั้งสิ้นก็จะขึงเครียดไม่พอใจ ก็จะบันดาลสิ่งที่ไม่วัฒนาผาสุกให้เกิดขึ้น แม้คนหญิงชายทั้งหลายก็จะทำกรรมชั่ว ตามแบบอย่างแห่งท้าวพระยาเสนาอำมาตย์เหล่านั้น ในการนั้นเทวดาทั้งหลายก็จะบันดาลเหตุวิปริตต่างๆ ให้ เช่น ในฤดูที่ฝนจะตกกลับให้แดดออก ในกาลที่ควรแดดออกกลับให้ฝนตก เมื่อนั้นรสแผ่นดินก็จะซึมลงไปใต้แผ่นดิน พืชข้าวกล้าถั่วงาของปลูกของฝังทั้งสิ้นก็เลยไม่งอกไม่งามเหี่ยวแห้งเฉาไป แมลงทั้งหลายก็จะมากินมาดูดรากและลำต้นแห่งพืช ทำให้เกิดความเสียหายประการหนึ่ง

    ฤดูทั้งหลายจะไม่เท่ากัน ต้นไม้เครือเถาวัลย์ พืชที่ปลูกไว้ก็ดี ที่ขึ้นมาเองในป่าก็ดี กาลที่ไม่ควรออกดอกก็จะออกดอก กาลที่ไม่ควรออกผลก็จะออกผล พืชทั้งหลาย เช่น ข้าว ถั่ว งา ผลไม้ เต้า แตงเกิดเป็นลูกเป็นผลขึ้นมา เทวดาและยักษ์ทั้งหลาย ก็เอาข้าวสารที่เป็นพิษมาใส่ไว้ กลายเป็นตัวหนอนตัวแมลงถึงคราวที่คนทั้งหลายไปเก็บไปเกี่ยว สมควรจะได้ผลมากก็จะได้ผลน้อย เมื่อคนทั้งหลายเอาข้าวลีบข้าวแมงแตงเต้า ลูกไม้ ยอดไม้ ราก หัว หน่อ และเปลือกของพืชทั้งหลายเหล่านั้นมากิน ก็ชื่อว่ากินสารพิษของยักษ์และเทวดาทั้งหลายใส่ไว้ มันก็ซึมเข้าไปในกระดูก ในเส้นเลือด ในท้อง แห่งคนทั้งหลาย จะกลับกลายเป็นโรคต่างๆ จนไม่อาจจะนับได้ เป็นตุ่มเป็นฝี เป็นสรรพยาธิแล้วก็ตายไป จะมีเป็นจำนวนมาก บางครั้งได้ยินเสียงฟ้าร้องมาแล้วกลับสว่างหายไป หาน้ำฝนมิได้ประการหนึ่ง

    ท้าวพระยาเสนาอำมาตย์ก็จะบังคับเก็บภาษีอากรจากประชาชน เพิ่มทวีขึ้นไปทุกปีทุกเดือนจะเบียดเบียนปรับไหมประชาชนอยู่ไม่ขาด อุปมาเหมือนไหน้ำที่มีน้ำอยู่เต็มแล้วกลับตักน้ำมาใส่อยู่ตลอดเวลา ส่วนไหเปล่าที่หาน้ำมิได้ กลับตักขอดออกเสียนั้นแล ประการหนึ่ง

    ดูรา มหาราช ในกาลยามนั้น ในบริเวณเมืองเดียวกัน ครึ่งหนึ่งฝนจะตกเล็กน้อย อีกครึ่งหนึ่งฝนจะไม่ตกเลย ประการหนึ่ง กลียุคเพราะแต่งตั้งชื่อเสียงยศศักดิ์ให้แก่คนอันธพาลสันดานหบาบ ให้เขามียศศักดิ์เป็นใหญ่เป็นโตก็จะมีขึ้นประการหนึ่ง กลียุคเพราะทะเลาะวิวาทกันจะเกิดมีทุกหนทุกแห่ง คนจะตายจะแยกจากกันด้วยอำนาจแห่งความโกรธ ตัณหา มานะไม่ยอมอ่อนข้อให้แก่กัน ก็จะเกิดขึ้นเป็นอันมาก ประการหนึ่ง

    ท้าวพระยาทั้งหลายก็จะจัดให้ประชาชนทำงานทั้งหลายจนไม่มีเวลาหยุดพัก คนทั้งเมืองจะทำแต่งานเจ้าองค์เดียว ภายหน้าแต่นั้น คนทั้งหลายก็จะประสบความทุกข์ยากลำบากใจ จะคิดสิ่งใดก็เกิดความระแวงสงสัย เลยไม่คิดสร้างคิดทำอะไร บ้านเมืองก็จะยิ่งแห้งแล้งอดอยากเหมือนดั่งดวงจันทร์แรม ๑ ค่ำ จนถึงวันเดือนดับนั้น ท้าวพระยาผู้เป็นหัวหน้าทั้งหลาย ก็จะยิ่งบังคับเก็บภาษีอากร เบียดเบียนประชาชนให้ฉิบหาย คนทั้งหลายจะมีใจแตกแยก จะพากันเร้นลี้หนีออกจากบ้านจากมืองไปอยู่ประเทศอื่นเมืองไกล ประการหนึ่ง

    ท้าวพระยามหากษัตริย์จะจัดการให้ลูกหญิงหลานหญิงที่เป็นเชื้อขัตติยราชสกุล ให้ป็นภรรยาของข้าแกล้วคนหาญทำให้เสียเชื้อชาติราชสกุล อุปมาเหมือนดังหมาจิ้งจอกขี้ใส่ชามอ่างทองคำนั้นแล ท้าวพระยามหากษัตย์เกิดมาเป็นเจ้าเป็นใหญ่ แต่กลับหาเดชานุภาพฤทธิ์มิได้เลย จะได้ไหว้และเป็นบริวารของท้าวพระยาเสนาอำมาตย์ ผู้มีใจบาปหยาบช้าเหมือนดั่งสุวรรณหงส์ไปเป็นบริวารแห่งกาดำนั้นแล

    ดูรา มหาราช ประการหนึ่งผัวเมียอยู่กินด้วยกันมีฐานะหาเงินทองร่วมกัน แต่ไม่รู้จักใจกัน คนหนึ่งแสวงหาเงินทองมาเก็บไว้อยู่ไม่ขาด แต่อีกคนหนึ่งกลับมีใจคดเคี้ยว แอบขโมยไปใช้จ่ายเสีย อุปมาเหมือนดั่งว่า ผู้หนึ่งฝั่นเชือกหนังได้เท่าใดก็ม้วนกองไว้ข้างหลัง หมาตัวหนึ่งอยู่ข้างหลัง คอยกัดกินเชือกหนึ่งอยู่ตลอดเวลา ไม่ให้เชือกเส้นนั้นยาวต่อไปได้ ประการหนึ่ง เด็กหญิงอายุเพียง ๑๑-๑๒ ขวบ ก็จะเอาผัวเมื่อเอาแล้วก็จะมีลูกมีเต้า ทำให้เฒ่าไว ตายไว อุปมาเหมือนไม้ไผ่กอเล็ก กับแตกกิ่งตกใบแพร่กระจายไปนั้นแล

    ดูรา มหาราช แม้นภิกษุสงฆ์ทั้งหลายก็จะบังเกิดด้วยโลภตัณหา ในลาภสักการ จะนำเอาธรรมเทศนาของตถาคตไปเทศน์ให้อุบาสกอุบาสิกาฟัง นึกแต่เพื่อให้ได้ลาภสักการมากินมาบริโภค แม้ที่สุดที่ที่ไม่ควรจะแสดงก็แสดง เป็นต้นว่า กลางบ้าน ประตู เวียงและทางหลวง เขาก็จะไปแสดงธรรมเพื่อเอาเครื่องบูชามากิน อุปมาเหมือนดังชายผู้หนึ่งเอาแก่นไม้จันทร์อันวิเศษ ไปแลกเอาก้อนอาจมมาไว้ ประการหนึ่ง

    เมื่อตถาคตนิพพานไปแล้วเข้าสู่เขตพันที่สามแห่งพระพุทธศาสนา บ้านเมืองที่มีอยู่ท่ามกลางชมพูทวีปก็จะเกิดโกลาหล เกิดศึกเกิดโจรรบราฆ่าฟันกันเป็นที่คับขันยิ่ง แต่จะมีแต่บ้านนอกบ้านป่าจะอยู่เย็นเป็นสุข สะดวกสบายในการทำบุญอยู่ไม่ขาด อุปมาเหมือนน้ำในสระใหญ่ น้ำท่ามกลางจะขุ่นข้น แต่น้ำทางมุมทางขอบสระจะใสสะอาด

    ดูรา มหาราช เมื่อศาสนาตถาคตเข้าสู่พันพรรษาที่สาม มีในกาลใด ภัยอุบาทว์จะมีเกิดขึ้นในกาลยามนั้น ภัยทั้ง ๑๐ ประการจะเกิดขึ้นในท่ามกลางกึ่งกลาง ๕,๐๐๐ พรรษา ภัยทั้ง ๑๐ ประการนั้น ได้แก่อะไรหรือ

    ดูรา มหาราช นักบวชทั้งหลายไม่ตั้งอยู่ในวินัยธรรมคำสอนของตถาคต ใจบาปหยาบช้าเป็นจำนวนมาก ๑๐๐ รูป ๑,๐๐๐ รูป จะมีที่ชอบธรรมอยู่สัก ๑-๒ รูป บางที ไม่มีเลยแม้แต่รูปเดียว แม้ท้าวพระยาเสนาอำมาตย์ตลอดถึงประชาชนหญิงชายทั้งหลายก็ไม่ประกอบด้วยธรรมเป็นจำนวนมาก ๑,๐๐๐ คน จะมีชอบธรรมสัก ๑-๒ คน บางบ้านบางเมืองไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว เหตุว่ามีบาปกรรมอันหนาแน่นยิ่งนัก เทวดา อินทร์ พรหมทั้งหลาย ก็จะบันดาลให้ยักษ์ คนธรรพ์ นาค ครุฑ ทั้งหลายลงมาราวีเบียดเบียนคนและสัตว์ทั้งหลาย จะกระทำให้เป็นโรคระบาดพินาศ ทั้งสัตว์และคนก็จะถึงแก่ความตายเป็นจำนวนมาก ประการหนึ่ง

    ยักษ์และเทวดาทั้งหลาย จะบันดาลให้หัวใจนักบวชทั้งหลายให้ต่ำช้า ให้มีความโกรธความขึ้งเครียดดูถูก ดูแคลนซึ่งกันและกัน องค์ที่มีอายุน้อยก็จะเหยียบย่ำองค์ที่มีอายุมาก องค์ที่มีอายุก็ไม่รักไม่เกรงองค์ที่มีอายุต่ำกว่า ลูกศิษย์ก็ไม่เคารพรักอุปัชฌาย์อาจารย์ อุปัชฌาย์อาจารย์ก็ไม่รักไม่เกรงลูกศิษย์ ใครจะสั่งสอนใครไม่ได้เท่าแต่จะสะสมบาปเป็นนิรันดร์ เขาทั้งหลายก็จะประสบภัยเหล่านั้น แม้ท้าวพระยามหากษัตริย์เสนาอำมาตย์และคนทั้งหลาย อันเทวดาและยักษ์หากมาบันดาลหัวใจ เขาก็ไม่ยอมอ่อนน้อม ไม่รักไม่ยำเกรงกัน

    ต่างคนต่างก็ว่าตนเองมีบุญสมภารมาก มีเดช มียศ มีบริวาร กล้าหาญมาก มีความฉลาดมาก และมีกำลังมาก พระยาเมืองน้อยก็จะดูถูกพระยาเมืองใหญ่ พระยาเมืองใหญ่ก็จะดูถูกพระยาเมืองน้อย ลูกน้องไม่เคารพนับถือนาย ลูกชายหญิงไม่รักไม่ยำเกรงพ่อแม่ ผู้น้อย ผู้หนุ่มไม่รักไม่ยำเกรงผู้แก่ผู้เฒ่า ผู้เป็นเจ้าเป็นใหญ่จะเบียดเบียนไพร่ฟ้าข้าไทย โทษมีน้อยจะปรับไหมหลาย โทษบ่ควรตายก็จะห่า จะบีบบังคับเอาข้าวเอาของเงินทองให้ถึงความพินาศฉิบหาย จะได้เป็นทาสเป็นข้าของท่านผู้อื่น จะมีเป็นจำนวนมากประการหนึ่ง

    เทวดาจะมาบันดาลให้ผู้น้อยผิดใจกับผู้ใหญ่ บันดาลให้ผู้ใหญ่ผิดใจกับผู้น้อย เมืองน้อยผิดใจกับเมืองใหญ่ บ้านน้อยผิดใจกับบ้านใหญ่ เรือนใต้ผิดใจกับเรือนเหนือ เรือนเหนือผิดใจกับเรือนใต้ พ่อแม่พี่น้องมิตรสหายก็จะทะเลาะวิวาทกัน หากว่าทะเลาะวิวาทผิดเถียงกันด้วยเรื่องการฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การเล่นชู้ การแช่งชิงเอาทรัพย์ สิ่งของไร่นาคามเขต หรือแม้สมบัติสิ่งใดก็ดี ท้าวพระยาเสนาอำมาตย์ก็จะพิจารณาคดีความไม่ชอบธรรม ย่อมจะตัดสินความด้วยฉันทาคติ โทสาคติ โมหาคติ หาอุบายกินของจ้าง คือ สินชุกสินบน ควรชนะก็ตัดสินให้แพ้ ควรแพ้ก็ตัดสินให้ชนะ บาปกรรมทั้งหลายร้านแรงยิ่ง ก็จะบันดาลให้วิวาทฟ้องร้องกัน เลยเกิดเป็นโกลาหล จะเกิดศึกใหญ่รบราฆ่าฟันกันตายเป็นอันมาก เหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดในระหว่างกึ่งกลาง ๕,๐๐๐ พรรษา ประการหนึ่ง

    คนจะตายเพราะเสือกัด เงือกกัด และจะตายเพราะตะขาบ แมงป่อง งูต่างๆ กัด คนและสัตว์จะบังเกิดไข้ร้อนไข้หนาว มือเท้าเย็นและตายเป็นโรคปวดท้อง เจ็บคอ, ลงเลือด, เป็นกษัย, บางคนเดินอยู่ดีๆ ก็จะล้มตาย จะนั่งตาย นอนตาย ยืนตาย ตายด้วยภัยทั้งหลายต่างๆ ในเวลานั้นแดดร้อน ยิ่งฝนก็ร้ายยิ่ง ฟ้าก็ร้องไม่ตามปกติ จะผ่าคนและสัตว์ให้ถึงแก่ความตาย แม้น้ำก็ร้ายยิ่ง จักบังเกิดแก่คนสัตว์ทั้งหลายตามวิบาก บาปกรรมทุกๆ ประการ

    ดูรา มหาราช คนทั้งหลายจะตายเพราะทุพภิกภัย ตายเพราะฆ่าฟันกัน ตายเพราะภัยอุบาทว์ต่างๆ คนทั้งหลายจะถึงแก่พินาศฉิบหายเป็นอันมาก บ้านก็จะว่างเรือนก็จะเปล่า คนทั้งหลายไม่เป็นอันทำมาหากินส่วนตัว ต้องถูกบังคับทำงานให้แก่ทำงานให้เจ้านาย (สำนวนเดิมว่า "คนทั้งหลายจักเยียะเป็นสร้าง เท่าจักช้างไปเอาเจ้าทั้งหลายการนายนักบ่ขาด") อยู่ตลอดเวลา แม้นทำไร่ทำนาก็ไม่ได้ผล จะแห้งแล้งตายเพราะแดดกล้า พืชทั้งหลายเป็นต้นว่า ตัวหนอนก็จะลงมากินข้าวกล้าในนา แม้นข้าวกล้าจะเป็นต้น เป็นกอ เป็นรวงแล้ว นกและหนูก็จะเบียดเบียน เมล็ดข้าวก็จะลีบ ควรจะได้ ๑๐๐ สัด จะได้สัก ๑๐ สัด หรือได้ครึ่งหนึ่งลงมา หากทำนาไม่มากก็จะไม่ได้อะไรเลย ทุกขเวทนาทั้งหลายจะบังเกิดแก่คนทั้งหลายในยามนั้นแล

    ดูรา มหาราช คนและสัตว์ทั้งหลายที่ประสบภัยพิบัติต่างๆ และต้องพินาศตายไปเช่นนั้น มิใช่ว่าจะเป็นไปทั่วบ้านทั่วเมืองหาได้ไม่ บางแห่งจะดูดีมีสุข บางแห่งจะเป็นทุกข์เป็นภัยมาก คือที่ดีก็มีมาก ที่ร้ายก็ร้ายมาก ภัยที่กล่าวมาแล้วจะปรากฏขึ้นในประเทศแดนใด ประเทศแดนนั้นจะฉิบหายพินาศ คน ๒-๓ เมืองจะรวมกันได้ ๑ เมือง บ้าน ๒-๓ บ้านจะรวมกันเป็น ๑ บ้านก็ไม่พอ ๒-๓ เรือนรวมกันเป็น ๑ เรือน ๒-๓ เรือนจะรวมวัวควายได้อย่างละตัวก็หามิได้ ภัยเหล่านี้จะบังเกิดมีในกลางพรรษาพันที่สามของ ๕,๐๐๐ พรรษา (ได้แก่พุทธศักราช ๒๕๐๐ เป็นต้นไป)

    ดูรา มหาราช ในกาลตอนนั้นศาสนาตถาคตจะหม่นหมองไปเป็นอันมาก

    ดูรา มหาราช เป็นผู้เจ้าเป็นใหญ่แก่เทวดาทั้งหลาย ท่านจงดูแลศาสนาตถาคตอย่าได้ประมาท จงสั่งให้บุตรองค์ที่ชอบธรรมลงมาเกิดในพันพรรษาละ ๑ องค์ เพื่อมาอุ้มชูส่งเสริมยกย่องพระพุทธศาสนาใน ๕,๐๐๐ พรรษานี้ให้เจริญ รุ่งเรืองต่อไปเถิด"

    สมเด็จอินทราธิราช ทรงสดับพุทธพยากรณ์เช่นนั้นก็ทรงมีพระทัยโสมนัสยินดีเป็นอันมาก ทรงอภิวาทกราบไหว้พระพุทธเจ้าด้วยความเคารพ แล้วก็เสด็จคืนสู่ชั้นฟ้าอันเป็นที่อยู่แห่งพระองค์ ต่อมาพระอินทร์ก็ทรงนำ ทิพฺพปลฺลวํ ยังดอกลิโลคำ อันเป็นทิพย์ต้นหนึ่งมาปลูกไว้บนยอดภูเขาที่เป็นเขตแดนแห่งโยนกโลกที่นั้น แล้วก็เสด็จมาเล่าถ้อยคำที่พระพุทธเจ้าทรงพยากรณ์นั้นให้แก่พระฤาษีชื่อ อินทสัมภารที่อยู่ในภูเขาที่นั้นว่า ดังนี้ "ข้าแด่เจ้าฤาษีในกาลเมื่อเต็มบริบูรณ์แห่งพันพรรษาครั้งหนึ่งๆ ดอกลิโลคำทิพย์ต้นนี้ ซึ่งประกอบด้วยก้าน ๒ ก้อน ก็จะคลี่บานมีกาบได้ดอกละ ๑๐๐ กาบ จะมีทุกๆ พันพรรษา (คือครบ ๑,๐๐๐ ปีจะบานครั้งหนึ่งในรอบ ๕,๐๐๐ ปี ตามอายุของพระพุทธศาสนา) เพื่อพระยาธรรมิกราชทุกพระองค์

    ข้าแด่เจ้าฤาษี ขอท่านอย่าได้ประมาทเลย โปรดเล็งดูกาลเวลาอันเป็นไปแห่งพระพุทธศาสนา ตลอดถึงภาวะอันภัยทั้งหลายจะพึงบังเกิดขึ้น ขอท่านจงบอกกล่าวแก่คนทั้งหลายต่อไปภายหน้าเถิด ข้าแด่เจ้าฤาษี ในเมื่อพระพุทธศาสนาล่วงไปได้ ๒,๐๐๐ ปี เมื่อใดพืชทั้งหลาย เช่นว่าเครือเขาเถาวัลย์หญ้าและต้นไม้ทั้งหลาย ที่มีอยู่ในแผ่นดินทั้งสิ้น ก็จะมีดอกมีผลในกาลที่ไม่ใช่ฤดูที่ควรเป็น ทั่วไปในแผ่นดินทั้งหมด นิมิตแห่งดอกไม้เหล่านั้นเป็นการแสดงบอกเหตุภัยว่า "จะบังเกิดมีต่อไปในภายหน้า" เป็นต้นว่า ตั้งแต่นี้ต่อไปภายหน้าคนทั้งหลายไม่ว่าผู้น้อยไม่ว่าผู้ใหญ่ในชมพูทวีป จะไม่ปฏิบัติตามธรรม เขาจะมีใจเป็นบาป ไม่มีความละอายและสะดุ้งกลัวต่อบาป จะยุยงส่งเสริมให้เกิดเป็นศึกเป็นโจรฆ่าฟันล้มตายเป็นอันมาก ประการหนึ่ง

    คนทั้งหลายจะโกหกหลอกลวงไม่มีศีลไม่มีสัตย์ จะสร้างข่าวลือหลอกลวงกันว่า "เจ้าตนมีบุญคือพระยาธรรมิกราชเกิดแล้ว ที่เมืองนั้นเมืองนี้" บางคนก็จะหลอกลวงว่า "เรานี้แหละเป็นพระยาธรรมมิกราช" ข้าแด่พระฤาษี คนที่เป็นพ่อแม่ผู้เฒ่าผู้แก่ ก็จะทะเลาะวิวาทโต้เถียงกับลูกหลาน คนที่เป็นลูกหลานก็จะทะเลาะวิวาทโต้เถียงพ่อแม่ผู้เฒ่าผู้แก่ เขาทั้งหลายจะบริภาษซึ่งกันและกันด้วยประการต่างๆ ในกาลครั้งนั้น ลูกศิษย์ทั้งหลายก็จะทะเลาะวิวาทโต้เถียงอาจารย์แห่งตน คนทั้งหลายจะทะเลาะวิวาทยื้อแย่งกัน ในเรื่องสิ่งของเงินทอง ข้าวกล้า ไร่นา เขตแดนบ้านช่องเป็นต้น จะเกิดเหตุเบียดเบียนเข่นฆ่ากันถึงแก่พินาศ

    ข้าแด่พระฤาษี ท้าวพระยากษัตริย์ทั้งหลายในชมพูทวีปทั้งสิ้น จะรบราแย่งชิงราชสมบัติของกันและกัน และจะแย่งข้าวเปลือกข้าวของ ช้างม้า ข้าคน ไร่นา วัวควายต่างๆ เป็นต้น ในกาลครั้งนั้นท้าวพระยาเสนาอำมาตย์ผู้ใหญ่จะตัดสินถ้อยคำก็ไม่ชอบธรรม จะตัดสินความด้วยอคติ เมื่อได้เงินสินบนแล้วก็แบ่งกันกิน ประชาชนราษฎรทั้งมวลจะลำบากเข็ญใจอดอยากโหยหิวตลอดไป

    ข้าแด่เจ้าฤาษี ในกาลนั้น รสของปุ๋ยจะจมลงไปในแผ่นดิน ทำให้แผ่นดินไม่มีรส ไม่มีปุ๋ยปลูกพืชใดๆ ก็ไม่งอกงาม เมื่อแผ่นดินสิ้นรส สัตว์ทั้งหลายที่เป็นศัตรูพืช เช่น ตั๊กแตน ตัวหนอนเป็นต้น ก็ย่อมมาเบียดเบียนกัดกินข้าวกล้าและพืชทั้งมวล จนไม่อาจออกดอกออกผล คนทั้งหลายก็จะอดอยากทอดหิวไปทุกที

    ข้าแด่เจ้าฤาษี ขอท่านจงโปรดเล็งดูหมู่มนุษย์ทั้งหลายและศาสนาของพระพุทธเจ้า เพราะว่าคนทั้งหลายจะเบียดเบียนรบชิงกัน และพวกเขาทั้งหลายก็จะเกิดความทุกข์ ยากไร้เข็ญใจ ไม่มีข้าวน้ำโภชนาหารจะกิน เมื่อเกิดความอดอยากก็เลยหาสิ่งที่จะเลื่อมใสยึดถือไม่ได้ จะเป็นเหตุให้ไม่ทำบุญจะทำแต่กรรมอันเป็นบาป ข้าพเจ้านี้มาบอกแก่ท่านฤาษี ก็เพื่อประสงค์ให้ท่านกำหนดรู้ยังกาลอันเป็นอายุแห่งพระพุทธศาสนา ๕,๐๐๐ พรรษา

    ข้าแด่ท่านฤาษี ท่านจงพิจารณาสังเกตดูนิมิตทั้งหลาย ๑๐๑ จำพวก (บางฉบับว่า ๑๐๘ จำพวกๆ แปลว่า เภท หรือชนิด) เหล่านี้ ถ้าบังเกิดมีขึ้นเมื่อใด ท่านจงบอกกล่าวแก่คนทั้งหลายเถิด บุพนิมิตเหล่านี้เช่น "ม้ากินหญ้าด้วยวัว" มีเมื่อใด "คนทั้งหลายทือกุบทั้งหัวหุ้มหน้า" (สวมหมวกหลุบหน้า) "มือลูบลงปกตา" (มือลูบผมลงมาคลุมตา) " ถือถงกำด้ามดาบ" (สะพายย่ามถือดาบ) "แบกง้าวทราบเท่าเล้ารั้วนา" (แบกง้าวทั่วไปใหญ่เท้าเสาล้อมนา) "คนทือหูรานำหน้า" (ถือเอาโหรเป็นใหญ่) "พ่อค้ามักสืบคำโจร" (พ่อค้าหากินกับพวกโจร เช่น ซื้อของโจร เป็นนายหน้าไถ่จากโจร เป็นต้น) "ผีทงบินวนอากาศ" (อันตรายร้ายมาจากอากาศ เช่นจากการทิ้งระเบิดเป็นต้น" "นักปราชญ์บ่รู้คลองบุญ" (เป็นนักปราชญ์หรือเป็นบัณฑิตแต่ไม่ทราบทางแห่งบุญ)

    "ฝูงเป็นขุนบ่รู้ตกแต่ง" (เป็นราชการ แต่รู้สิ่งที่ชอบที่ควร หรือตัดสินความไม่มีความเที่ยงธรรม) "เอาผ้าสี่แจ่งแปลงถง" (ใช้ผ้าเช็ดหน้าแทนย่าม) "ฝนตกลงบ่ใช่เมื่อ" (ฝนตกไม่ถูกต้องตามฤดูกาล) "ฝูงใบ้เบื่อคลองธรรม" "คนบ่ยำนักบวช" (คนไม่เคารพยำเกรงนักบวช) "คนพาลอวดเป็นอาจารย์" (เอาคนพาลเป็นอาจารย์ บางฉบับว่า "คนพาลโจทก์อาจารย์") "ผิดโบราณแต่งไว้ " "คนผู้ไร้เกิดเป็นดี" "หญิงอายุ ๑๐ ปีมีชู้" "ผู้รู้คนบ่นับ" (ไม่นับถือผู้มีความรู้ ความฉลาด) "คนมักขับฝูงชีหนีจากที่" (ชาวบ้านขับไล่พระให้สึกหรือให้หนีออกจากอาวาส) "สายฟ้าคลี่เป็นทุง" (ฟ้าแลบยาวเหมือนธงแผ่นผ้าที่แขวนไว้บนค้างสูง ธงนี้จะยาวตั้งแต่ ๑ วาขึ้นไปถึง ๔ วา จะพบทั่วไปในงานปอยหลวงทางลานนาไทย) "ผีหุงบินอากาศ" (ผีหุงก็คือ ผีหง, ผีโหง)

    "นักปราชญ์พ้อยรู้พลาง" (เป็นนักปราชญ์บัณฑิตแต่กลับโกหกหลอกลวง) "คนเทียวทางยกโทษ" (หาโทษแก่คนเดินทาง หรือหาเรื่องใส่อาคันตุกะ) "ฝูงนักบวชบ่ยำกัน" (พระเณรไม่เคารพนับถือกัน) "เงินคำถูกกว่าเบี้ย" "เบี้ย ๑๐๐ หยุดเสียซาว" (เงินคำไร้ค่า เบี้ย ๑๐๐ จะเหลืออยู่ ๘๐ หายไป ๒๐) "ชาวเจ้าตลิรู้ล่าย" (ภิกษุสงฆ์โกหก หลอกลวง) "ผู้น้อยม่านกินเมือง" (คนชาวบ้านรวมกันจะยึดครองบ้านเมือง) "ขุนนายเรืองไถ่เอาข้า" (ข้าราชการหาเรื่องเบียดเบียนปรับไหม ชาวบ้านแล้วหาเรื่องไถ่เอามาเป็นบริวารหรือทาสของตัว) "ฟ้าร้องดังเสียงลวา" (เสียงฟ้าร้องเหมือนลาร้อง) "แร้งกาตอมอากาศ" "เป็นพยาธิอ้างหาผี" (เจ็บป่วยขึ้นมาไม่หาหมอ แต่ไปหาผีหรือพวกเข้าทรงรักษา) "ฝูงเป็นชีใจบาปกล้า" (พระภิกษุสามเณรเป็นผู้มีใจบาปหยาบช้า)

    "ฝูงพ่อค้าช่างลัก" (พ่อค้าขี้โกงขี้ขโมย) "คนทั้งหลายมักบ่ยำคนแก่คนเฒ่า" (ไม่เคารพนับถือคนเฒ่าคนแก่) "ฝูงคนเจ้าทอกุบคะยม" (พระถือหมวกให้เด็กวัด) "ฝูงชีชมพาดาบ" (พระเณรชอบพกอาวุธ) "ตุ๊พระหาบค้าหาเงิน" (พระเณรแสวงหาเงินด้วยการค้าขายหรืออยู่ในลักษณะการค้าขายแลกเปลี่ยน) "เมินนานจักหม่นเส้า" (ไม่นานก็จักหมองมัว) "ต้นข้าวจักลาบเสียรวง" ทั้งทุ่งหลวงจักตายแล้ง" "บ่อจักแห้งเซาะกิน" "แผ่นดินจักร้อนปานไฟไหม้" "คนใบ้จักหาลักกัน" "เสียงมี่นั้นบนอากาศ" (เสียงอึงมี่บนอากาศ) "ขวานฟ้าจักฟาดลงมา" "แผ่นดินหนาไหวหวั่น" "ลมจักปั่นบ้าไม่ไป" "อัคคินาร้อนในโลก" "คนต้านโศกคำพรอง" (คนจะพูดถึงแต่ความเศร้าโศกและความพยายาม)

    "ตลิปองสอดล่า" (จักคิดหาทางหนีออกไปจากที่ตัวเคยอยู่) "เฮื่อ (เหงื่อ) จักย้อยหน้าพระสัตถา" "สองตาใสจักหลับอยู่" "เจดีย์วู่เป็นควันไฟ "แผ่นดินยับยะแยก" "สายฟ้าจักแถกคนตาย" (แถก คือเถือ) "สระและหนองแลายเป็นเลิด" (เลิดคือเลือด) "หมู่แมงบังเกิดเต็มนา" (แมงบ้ง คือ ตัวหนอน) "หมูหมาหอนสะสู่" "ช้างม้าลู่ตกเมือง" "ผียักษ์เรืองทั่วท้อง" "ผียักษ์ลั่นม็อกกลาง" (ลั่นม็อกแปลว่ายิงปืน "ม็อก" ย่อมาจากคำว่า "อะม็อก" แปลว่าปืนหรือปืนใหญ่) "นกหนูกืนกัดเข้า" (เข้าคือข้าว) "ไก่เถื่อนเพ้ามาเมือง" (เพ้า แปลว่า รุม, ตอมเป็นฝูง) "เสนาเรืองไหมไพร่แล้สู่กันกิน" (ข้าราชการปรับไหมประชาชนได้เงินแล้วก็เอาไปเลี้ยงกัน) "นักบวชและคนจักหาศีลบ่ได้" "เที่ยงจักเตื่อมแถมผู้ไร้หื้อเป็นทุกข์" (ย่อมจะเพิ่มเติมทับถมคนที่ทุกข์อยู่แล้วให้ทุกข์ยิ่งๆ ขึ้นไปอีก)

    "คนจักหาความสุขบ่ได้" "จักปลงหาบไว้กลางทาง(จักวางหาบไว้กลางทาง)" "คนจักโอยครางอยากข้าว" "หายใจเส่าครางตาย" (หายใจกระเส่าคร่ำครวญแล้วก็ตายไป) "นิมิตทั้งหลายฝูงนี้จักเคิงขาบ" (นิมิตเหล่านี้จะบังคับให้เกิดความเคืองเข็ญ ขาบแผลงเป็นขนาบ คือบังคับกดไว้) "นักบวชและคนผู้บาปจักตาย" "ฝูงหญิงชายใคร่บ่เชื่อ" เที่ยงจักได้หันหอกดาบเรื่อมาเถิงตน" "แม้นเลือดคนและเลือดช้าง" ไหลเพียงพ่างข้างตาตีน"

    เมื่อใด ภัยทั้งหลายเหล่านี้หมดไปแล้ว พระยาธรรมิกราชก็จะลงมาปราบสกลชมพูทวีป ยกย่องพระพุทธศาสนาให้รุ่งเรืองยั่งยืนนาน ในสมัยกึ่งกลางพระพุทธศาสนา และให้เจริญสืบต่อไปจนกระทั่ง พระบรมสารีริกธาตุทั้งหลายมาประชุมกัน อันเป็นที่ปริโยสานแห่งพระพุทธศาสนา ๕,๐๐๐ พรรษานั้นแล

    สมเด็จพระอินทราธิราชองค์เป็นใหญ่แก่เทวดาทั้งหลาย ตรัสเล่าคำเหล่านี้ให้แก่พระอินทสัมภารฤาษี ที่อยู่ยอดเขาคำหลวง ในเมืองหริภุญชัยนคร แล้วพระองค์ก็เสด็จขึ้นไปสู่วรรคโลกอันเป็นที่อยู่แห่งพระองค์ ก็มีวันนั้นแล

    พุทธตำนานกัณฑ์ที่ ๑๐ ก็จบด้วยประการฉะนี้

    ที่มา พุทธตำนานพระเจ้าเลียบโลก โดยสิงฆะ วรรณสัย

    http://palungjit.org/threads/อินตาตวายโลก-อินทราธิราชทายโลก.335281/
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ตุลาคม 2013
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    จีนอพยพประชาชนหลายแสนหนีไต้ฝุ่น “ฟิโทว์"

    [​IMG]

    จีนสั่งอพยพประชาชนเกือบครึ่งล้านหนีพายุไต้ฝุ่น “ฟิโทว์” ที่จะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งในเช้าวันจันทร์นี้ ซึ่งจะทำให้เกิดฝนตกหนักใน 5 มณฑล รวมทั้งเซี่ยงไฮ้ และไต้หวันด้วย

    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 6 ต.ค.ว่า ทางการจีน เปิดเผยว่า ชาวจีนจำนวน 417,000 คน ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ต้องอพยพออกจากพื้นที่ และเรือประมงต้องรีบกลับเข้าฝั่งในวันนี้ ก่อนพายุไต้ฝุ่น “ฟิโทว์” พัดขึ้นฝั่ง ซึ่งคาดว่าพายุกำลังแรงลูกนี้ จะเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งในเช้าวันจันทร์นี้ ระหว่างมณฑลเจ้อเจียง และฝูเจี้ยน จากการเปิดเผยของศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติ

    เจ้าหน้าที่ของมณฑล กล่าวว่า ภายในเที่ยงวันนี้ เรือประมงมากกว่า 65,000 ลำ ต้องเดินทางกลับเข้าฝั่ง หรือหลบเจ้าพื้นที่ปลอดภัย รัฐบาลมณฑลเจ้อเจียง แถลงว่า มีประชาชน 289,000 คน ถูกอพยพ ขณะที่ รัฐบาลมณฑลฝูเจี้ยน บอกว่า มีชาวประมงและชาวบ้านประมาณ 128,000 คน อพยพ ซึ่งรวมทั้งคนแก่และเด็ก 7,000 คน ซึ่งอาศัยอยู่ในเรือนแพ

    ศูนย์อุตุนิยมวิทยาของจีน รายงานว่า ไต้ฝุ่น “ฟิโทว์” จะทำให้เกิดฝนตกหนักใน 5 มณฑล รวมทั้งเซี่ยงไฮ้ และไต้หวันด้วยในช่วง 3 วันข้างหน้า พื้นที่ชายฝั่งหลายแห่ง อาจมีฝนตกมากถึง 250 มิลลิเมตร

    เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2556 เวลา 16:54 น.

    ญี่ปุ่นยกเลิกเที่ยวบินเข้า-ออกโอกินาวาหนีไต้ฝุ่น "ฟิโทว์"

    [​IMG]

    สายการบินชั้นนำของญี่ปุ่นและฮ่องกงยกเลิกให้บริการเที่ยวบินเข้า-ออกเกาะโอกินาวาชั่วคราว หลังพายุไต้ฝุ่น "ฟิโทว์" มีแนวโน้มเคลื่อนตัวเข้าถล่มเกาะใหญ่ทางตอนใต้ของญี่ปุ่นแห่งนี้

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 5 ต.ค. ว่าสายการบิน "เจแปน แอร์ไลน์ส" "ออล นิปปอน แอร์เวย์ส" "พีช เอวิเอชั่น" และ "ดรากอน แอร์" สายการบินเอกชนของฮ่องกง ประกาศระงับให้บริการเที่ยวบินเข้า-ออกสนามบินเมืองนาฮา ซึ่งเป็นเมืองเอกของเกาะโอกินาวา ทางตอนใต้ของประเทศ เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงได้รับอิทธิพลจากพายุไต้ฝุ่น "ฟิโทว์" ซึ่งกำลังเคลื่อนที่ออกจากทะเลจีนใต้ มุ่งหน้าทิศตะวันออกเฉียงเหนือ

    ขณะที่บริษัทโอกินาวา อิเล็กทริค พาวเวอร์ ผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าในพื้นที่ เผยได้รับรายงานประชาชนตกอยู่ในภาวะขาดแคลนกระแสไฟฟ้าแล้ว 200 ครัวเรือน สันนิษฐานว่า กระแสลมกระโชกแรกพัดพาให้เสาไฟฟ้าหักโค่น

    ส่วนศูนย์อุตุนิยมวิทยาแห่งชาติของทางการจีนออกประกาศเตือนภัยพายุในระดับสีส้ม หรือขั้น 2 จาก 4 ในมณฑลเจ้อเจียงและฝูเจี้ยน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงได้รับอิทฑิพลจากพายุลูกดังกล่าว ที่กำลังจะเคลื่อนตัวเข้าถล่มไต้หวันเป็นแห่งแรก

    ทั้งนี้ ฟิโทว์ เป็นภาษาไมโครนีเซีย หมายความถึงดอกไม้พื้นเมืองชนิดหนึ่ง โดยเมื่อเวลา 04.00 น. ตามเวลามาตรฐานสากล ( 11.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ) โดยพายุยังคงมีความเร็วลมศูนย์กลาง 137 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเคลื่อนตัวค่อนข้างช้า

    เดลินิวส์ วันเสาร์ที่ 5 ตุลาคม 2556 เวลา 16:42 น.

    สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐผ่านกฎหมายจ่ายเงินเดือนย้อนหลัง

    [​IMG]

    สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐผ่านกฎหมายให้จ่ายเงินเดือนย้อนหลังแก่ลูกจ้าง 800,000 คนของหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐที่ถูกปิดไปเพราะวิกฤตงบประมาณ โดยให้มีผลย้อนหลังในทันทีที่สามารถเปิดทำการได้อีกครั้ง

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 6 ต.ค.ว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐได้ลงมติในระหว่างสมัยประชุม เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาด้วยคะแนนเสียง 407-0 ผ่านร่างกฎหมายให้จ่ายเงินเดือนแก่ลูกจ้างของหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐ จำนวน 800,000 คนที่ต้องถูกปิดทำการไปเพราะวิกฤตงบประมาณของรัฐสภาสหรัฐ โดยให้มีผลย้อนหลังในทันทีที่สามารถเปิดทำการได้อีกครั้ง ส่วนวุฒิสภาสหรัฐก็คาดว่าจะเห็นชอบกับร่างกฎหมายฉบับนี้ แต่ยังไม่ทราบว่าจะเข้าสู่วาระการประชุมเมื่อใด แต่ทำเนียบขาวก็เห็นด้วยกับร่างกฎหมายจ่ายเงินเดือนย้อนหลังให้ลูกจ้างหน่วยงานรัฐบาลกลางสหรัฐ

    รัฐบาลกลางสหรัฐต้องปิดทำการหน่วยงานบางส่วน ตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.ที่ผ่านมา อันเป็นวันเริ่มต้นปีงบประมาณ 2557 ทั้งนี้เพราะความขัดแย้งระหว่างพรรคเดโมแครตกับพรรครีพับลิกันในรัฐสภาสหรัฐ

    หลังลงมติเสร็จสิ้นแล้ว สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ มีแผนเดินทางออกนอกเมือง และจะไม่กลับมากรุงวอชิงตันอีก จนกว่าจะถึงค่ำวันจันทร์ที่ 7 ต.ค.นี้

    เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2556 เวลา 00:20 น.

    ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์
     
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    "ผู้นำศรัทธาใหม่"ในคำทำนายของนอสตราดามุส !!!

    [ame=http://www.youtube.com/watch?v=zEe03EOJPEQ]คำพยากรณ์ของนอสตราดามุส - YouTube[/ame]​
     
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    "สระแก้ว"วิกฤติน้ำป่าพัดรถตกถนน 2 คัน ชาวบ้านสูญหาย 2 ราย

    [​IMG]

    "สระแก้ว" ยังวิกฤติน้ำป่าพัดรถยนต์กู้ภัย รถกระบะตกถนนน้ำจมมิด ชาวบ้านสูญหาย 2 รายยังหาไม่เจอ

    เมื่อเวลา 16.00 น วันที่ 6 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมบริเวณ อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้วว่า อ.เขาฉกรรจ์มี 4 ตำบล เป็นที่ต่ำน้ำได้ไหลท่วมจมไป 3 ตำบล มีผู้ถูกพัดสูญหายยังหาไม่พบ 2 ราย ฟาร์มหมู 500 ตัว จมน้ำ อบจ.สระแก้ว ร่วมกับ ทหารกองกำลังบูรพา ได้นำเรือท้องแบนเข้าไปให้การช่วยเหลือ ขณะที่รถกู้ภัยออฟโรดยกสูงของมูลนิธิสว่างสระแก้วจุดวังใหม่นำนักข่าวเข้าไปสำรวจหมู่บ้านเขาฉกรรจ์ หมู่ 1 ได้ถูกกระแสน้ำพัดตกลงข้างทางรถจมมิดคันต้องสละรถกระโดดลงน้ำได้รับความเสียหาย ส่วน ที่ อ.เมืองสระแก้ว ยังมีรายงานรถกระบะ 1 คัน น้ำพัดตกถนน คนขับได้รับบาดเจ็บหน่วยกู้ภัยได้ช่วยเหลือออกมาได้

    ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า ขณะที่ถนนสาย 33 สุวรรณศร กรุงเทพ-อรัญประเทศ และสาย 359 เขาหินซ้อน-สระแก้ว ถูกน้ำท่วมตัดขาดรถยนต์รถโดยสารทุกชนิดไม่สามารถสัญจรไปมาได้ ตำรวจทางหลวงสระแก้วและ สภ.เมืองสระแก้ว ได้ให้ใช้เส้นทางเลี่ยงเมืองเข้าไปนถนสายน้ำตกปางสีดา ซึ่งเป็นถนนตามหมู่บ้าน สร้างความเดือดร้อนที่ผู้สัญจรหลงทางและเสียเวลาอ้อมเป็นชั่วโมง ทั้งนี้ในรอบ 20 ปีสระแก้วไม่เคยประสบปัญหาภัยน้ำท่วมใหญ่เช่นครั้งนี้ ในขณะที่ตลาดเทศบาลอรัญประเทศระดับน้ำยังเพิ่มขึ้นชั่วโมงละ 10 ซม.สูงนับเมตร รวมทั้งที่ตลาดโรงเกลือด้วย

    เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2556 เวลา 17:18 น.

    ปลอดประสพ ลุยน้ำอยุธยายันน้ำคงที่

    [​IMG]

    ปลอดประสพ ลุยน้ำอยุธยายันน้ำคงที่

    เมื่อวันที่ 6 ต.ค. นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี และประธาน กบอ. ลงพื้นที่ตำบลบางชะนี อำเภอบางบาล เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำ โดยมีนายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้การต้อนรับ ซึ่งการลงพื้นที่อำเภอบางบาลในครั้งนี้เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่แก้มลิงของอำเภอบางบาล ซึ่งขนาดนี้มีการปล่อยน้ำลงพื้นที่แก้มลิงครบทั้งสองแห่งแล้ว โดยพื้นที่อำเภอบางบาล เป็นพื้นที่น้ำท่วมเป็นประจำทุกปี ล่าสุด มีบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 101 หมู่บ้าน 7,243 ครัวเรือน 24,121 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 870 ไร่ วัด 14 แห่ง โรงเรียน 15 แห่ง และสถานที่ราชการ 7 แห่ง จากนั้นคณะของนายปลอดประสพได้ลงเรือมอบถุงยังชีพให้กับเจ้าอาวาสวัดโบถส์ ที่ถูกน้ำท่วมสูงกว่า 2 เมตร

    นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกรัฐมนตรี และประธาน กบอ. กล่าวว่าในขณะนี้สถานการณ์น้ำท่วมเริ่มคงที่ น้ำมีการลดระดับลง โดยเขื่อนเจ้าพระยา ลดการระบายน้ำลง เพื่อให้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ได้ระบายน้ำได้อย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันจะดูแนวทางในการระบายน้ำผ่านคลองระพีพัฒน์แต่ก็จะระบายได้ในปริมาณไม่สูงมากเนื่องจากเกรงว่าจะกระทบกับคลองรังสิต และกรุงเทพฯ ซึ่งในอนาคตไม่เกิน 3 ปีนี้ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาจะไม่ถูกน้ำท่วมอย่างแน่นอนเพราะทางรัฐบาลจะสร้างแม่น้ำเจ้าพระยาสายที่ 2 เพื่อระบายน้ำลงสู่ทะเล และเพิ่มพื้นที่การรับน้ำ

    เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2556 เวลา 18:50 น.

    "เจ้าพระยา"น้ำสูงขึ้น พระลุยทำสะพานให้คนทำบุญ

    [​IMG]

    "เจ้าพระยา" น้ำสูงขึ้นกว่า 30 ซม.พระวัดน้ำวนเตรียมเรือออกบิณฑบาต พร้อมทำสะพานไม้ให้ญาติโยมมาทำบุญ

    เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาได้เพิ่มระดับสูงขึ้นหลังจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนพระราม 6 เร่งปล่อยน้ำเพราะปริมาณความจุเกิดกำหนด ส่งผลกระทบให้บ้านเรือนที่อยู่สองฟากฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาตลอด18 กม.ได้รับผลกระทบที่ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นกว่า30 ซม.

    ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ที่วัดน้ำวน ต.บางเดื่อ อ.เมือง จ.ปทุมธานี พระภิกษุสงฆ์ต้องร่วมกันทำสะพานไม้ทอดยาวตั้งแต่ซุ้มประตูวัดที่ติดกับเส้นทางปทุมธานีสายในจนถึงริมแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อความสะดวกของพระภิกษุสงฆ์ในการทำศาสนกิจ และเพื่อญาติโยมที่จะเดินทางมาทำบุญที่วัด โดยเฉพาะวังมัจฉาริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีฝูงปลาสวายนับล้านตัวอาศัยอยู

    พระมนตรี วรจิตโต พระลูกวัดน้ำวน เปิดเผยว่า วัดนี้ปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นกว่า30 ซม.จนปริมาณน้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่วัด พระภิกษุที่จำวัดจึงต้องช่วยกันทำทางเดินสะพานไม้และซ่อมเรือไม้ รวมทั้งเครื่องยนต์เพื่อเตรียมความพร้อมหากปริมาณน้ำสูงขึ้นจนไม่สามารถเดินบิณฑบาตได้ จะได้มีเรือใช้ในการประกอบศาสนกิจของสงฆ์.

    เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2556 เวลา 16:44 น.

    ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์
     
  9. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    หย่อมพายุขึ้นประจวบฯ 7 ต.ค. เตือน 9 จังหวัดชายฝั่งระวังฝนตกหนัก

    [​IMG]

    กรมอุตุฯออกประกาศกลางดึก หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงขึ้นฝั่งประจวบฯ 7 ต.ค. เตือนประชาชน 9 จังหวัดชายฝั่งระวังฝนหนัก ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยมีกำลังแรง คลื่นสูง 2-3 เมตร เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง

    กรมอุตุนิยมวิทยา ได้ออกประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา เรื่อง"ฝนตกหนักบริเวณภาคตะวันออก ภาคใต้ และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย" เป็นฉบับที่ 9 ลงนามโดยนายวรพัฒน์ ทิวถนอม อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา เมื่อเวลา 23.00 น.วันที่ 6 ต.ค.ว่า หย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงที่ปกคลุมบริเวณทะเลอ่าวไทยใกล้กับชายฝั่งประจวบคีรีขันธ์ มีแนวโน้มจะเคลื่อนขึ้นฝั่งวันที่ 7 ต.ค.นี้ ในขณะเดียวกัน มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย ก็มีกำลังแรงขึ้น จึงคาดว่าจะทำให้บริเวณทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย มีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่

    ประกาศดังกล่าวแจ้งให้ประชาชนบริเวณจังหวัดระยอง จันทบุรี ตราด เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง พังงา และภูเก็ต ระวังอันตรายจากฝนตกหนักในช่วงวันที่ 6-8 ต.ค.56 ไว้ด้วย

    สำหรับคลื่นลมบริเวณอ่าวไทย คาดว่าจะมีกำลังแรง คลื่นสูง 2-3 เมตร จึงขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กที่มีขนาดความยาวน้อยกว่า 10 เมตร หรือ 5 วา ควรงดออกจากฝั่งในช่วงวันที่ 6-9 ต.ค. 56

    เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม 2556 เวลา 23:18 น.

    “ลำตะคอง”ล้นตลิ่งเอ่อท่วมเมืองโคราช

    [​IMG]

    โคราชฝนตกต่อเนื่อง เกิดมวลน้ำสะสมในลำน้ำลำตะคอง จนล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมชุมชนบางส่วนในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา

    วันที่ 7 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำในลำตะคอง ลำน้ำสายหลักที่ไหลผ่านตัวเมืองนครราชสีมา ระยะทางกว่า 9 กม. มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง บางจุดได้เอ่อท่วมบ้านเรือนประชาชนที่อาศัยอยู่ริมน้ำ และถนนเส้นทางสัญจร โดยเฉพาะในถนนมิตรภาพ ซอย 4 เขตเทศบาลนครนครราชสีมา น้ำไหลท่วมชุมชนมากกว่า 100 หลังคาเรือน ถนนในซอยมีน้ำท่วมสูง 20-30 ซม. รถขนาดเล็กสัญจรผ่านยากลำบาก ส่วนที่จุดสะพานข้ามลำน้ำ ระดับน้ำสูงจนแตะท้องสะพาน และมีแนวโน้มจะสูงขึ้นอีก เทศบาลนครนครราชสีมา นำเครื่องผักดันน้ำมาติดตั้ง เพื่อเร่งผลักน้ำให้ไหลเร็วขึ้น

    ขณะที่ นายสุรวุฒิ เชิดชัย นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา เดินทางตรวจสอบระดับน้ำในชุมชน 2 ฝั่งริมลำตะคอง ก่อนสั่งการให้เจ้าหน้าที่เตรียมรับมือสถานการณ์น้ำท่วมที่อาจรุนแรงขึ้น มีการเตรียมกระสอบทรายแจกจ่ายให้ประชาชนวางแนวกั้นน้ำ รถยนต์ขนาดใหญ่เพื่อรับส่งประชาชน และกางเต้นท์อำนวยการไว้คอยช่วยเหลือตลอด 24 ชม. คาดการณ์ว่าสถานการณ์ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด และเชื่อว่าจะไม่รุนแรงเหมือนที่เคยเกิดวิกฤติน้ำท่วมใหญ่เมืองโคราชเมื่อปี 2553

    ด้าน นายอนุวัช เพลิดจันทึก ประธานชุมชนมิตรภาพซอย 4 เทศบาลนครนครราชสีมา เผยว่า ขณะนี้ชาวบ้านในชุมชนกว่า 700 หลังคาเรือน เริ่มได้รับความเดือดร้อนจากผลกระทบน้ำลำตะคองล้นตลิ่งเข้าท่วมบ้านเรือนบางส่วน ส่วนถนนเส้นทางจราจรถูกน้ำท่วมสูง 30 ซม. ระยะทางประมาณ 1 กม. ซึ่งน้ำที่ล้นตลิ่งเป็นมวลน้ำจากพื้นที่ใต้เขื่อนลำตะคอง เขต อ.สีคิ้ว สูงเนิน และขามทะเลสอ ซึ่งเป็นน้ำสะสมจากฝนที่ตกต่อเนื่องตลอดทั้งสัปดาห์ ไม่ใช่น้ำที่ปล่อยมาจากเขื่อนลำตะคอง คาดว่าหากไม่มีฝนตกลงมาเพิ่ม สถานการณ์น่าจะคลี่คลายในอีก 3 วัน.

    เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2556 เวลา 09:19 น.

    ชาวประจวบฯ ระทมน้ำป่าไหลท่วมบ้าน

    [​IMG]

    ชาวประจวบฯระทม น้ำป่าเทือกเขาตะนาวศรีไหลท่วมบ้านเรือนประชาชน หลังจากมีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน

    วันที่ 7 ต.ค. หลังจากมีฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ทำให้น้ำป่าจากเทือกเขาตะนาวศรีไหลเข้าท่วมในเขตเทศบาลเมืองประจวบคีรีขันธ์ เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรต้องอำนวยความสะดวกพร้อมกับสั่งปิดเส้นทางบนถนนเกาะหลักตั้งแต่แยกหน้าไพรเวท ถึงสี่แยกถนนเพชรเกษม เนื่องจากมีน้ำท่วมสูงประมาณ 70 เซนติเมตร ทำให้รถเล็กไม่สามารถใช้เส้นทางดังกล่าวได้ นอกจากนั้นน้ำป่ายังไหลเข้าท่วมผิวจราจรบนถนนประจวบศิริบริเวณด้านหน้าโรงเรียนกิตติคุณ ต่อมาเจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรทาสาธารณภัย(ปภ.) เทศบาลเมืองฯ ได้ระดมเครื่องสูบน้ำ พร้อมแจ้งเตือนประชาชนริมถนนประจวบศิริ ให้เร่งอพยพสิ่งของไปไว้ในพื้นที่สูง เนื่องจากได้รับรายงานว่าจะมีน้ำป่าไหลลงมาสมทบอีกในช่วงบ่าย

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงกลางดึกที่ผ่านมา น้ำป่าได้ไหลเข้าท่วมถนนเพชรเกษมขาขึ้น กทม. บริเวณบ้านหนองตาเลือ อ.กุยบุรี ถึง บ้านบ่อนอก อ.เมือง และบริเวณถนนเพชรเกษมขาขึ้น กทม. บริเวณหน้าทางเข้านิคม กม. 5 ระดับน้ำสูงกว่า 30 – 50 ซม. ทำให้รถยนต์จำนวนมากที่ใช้เส้นทางประสบอุบัติเหตุได้รับความเสียหายยางแตก เนื่องจากถนนช่วงดังกล่าวผิวการจราจรมีหลุมลึกจำนวนมากเป็นระยะทางประมาณ 5 – 10 กิโลเมตร ( กม. ) ขณะนี้เจ้าหน้าที่แขวงการทาง กรมทางหลวง ได้เร่งติดตั้งป้ายเตือนเพื่อให้รถทุกประเภทชะลอความเร็ว

    จ.ประจวบคีรีขันธ์ สภาพน้ำท่วมบนถนนเพชรเกษม ซึ่งเป็นเส้นทางหลังที่จะต้องสัญจรเดินทางสู่ 14 จังหวัดภาคใต้ ขณะนี้บริเวณ หลักกิโลเมตรที่ 282-283 บ้านบ่อน้ำทิพย์ หมู่ที่ 5 ต.สามกระทาย อ.กุยบุรี มีน้ำท่วมสูงกว่า 50 เซนติเมตร (ซม.) ระหว่างหลัก กม.ที่ 285-286 บ้านดอนกลาง หมู่ที่ 10 ต.สามกระทาย ปริมาณน้ำสูงประมาณ 50 เซนติเมตร ทำให้การจราจรติดขัด ทำให้ต้องระดมเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัย อำนวยความสะดวกในการใช้เส้นทาง

    เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2556 เวลา 10:29 น.

    สระแก้วยังระทมน้ำท่วมขังสูงเขตเทศบาลเมือง

    [​IMG]

    พ่อเมืองสระแก้ว ลุยตรวจสภาพน้ำท่วมพื้นที่ พบถนนเขตเทศบาลเมืองสระแก้ว น้ำยังท่วมสูง ด้าน "ปลอดประสพ" เตรียมขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ตรวจสถานการณ์ช่วงบ่าย

    วันที่ 7 ต.ค. นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผวจ.สระแก้ว ตรวจสภาพน้ำท่วมบริเวณถนน 4 เลน สาย 33 สุวรรณศร กรุงเทพฯอรัญประเทศ เขตเทศบาลเมืองสระแก้ว ถูกน้ำท่วมสูงร่วม 2 เมตร และถนนสาย 359 เขาหินซ้องสระแก้ว ประชาชนนักท่องเที่ยวไม่สามารถสัญจรไปมาได้ถูกตัดขาด ต้องใช้เรือแทน

    ผวจ.สระแก้ว กล่าวว่าสถานการณ์น้ำหนักขึ้น มีฝนตกเพิ่มขึ้นอีกเมื่อคืนทำให้ระดับน้ำสูงเพิ่ม ที่ อ.เมือง รับน้ำที่ไหลจากเขาสอยดาวไล่ลงมาอำเภอวังสมบูรณ์ อ.วังน้ำเย็น และ อ.เมือง เพิ่มขึ้น การสัญจรเป็นไปด้วยความยากลำบาก ขณะนี้ถนนทุกเส้นทางที่มายัง จ.สระแก้ว ถูกตัดขาดทั้งหมด การช่วยเหลือพี่น้องชาวบ้านที่ถูกน้ำท่วมยังดำเนินการกันอยู่อย่างเต็มกำลังโดยมีอาสาสมัครจากจังหวัดต่างๆระดมกันมาช่วยเหลือจำนวนมาก ช่วงบ่ายวันนี้ นายปลอดประสพ สุรัสวดี รอง นายรัฐมนตรี จะเดินทางมาตรวจเยี่ยมผู้ประสบอุทกภัยทาง เฮลิคอปเตอร์ ที่ อ.อรัญประเทศ และ อ.เขาฉกรรจ์ ด้วย

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากภาวะน้ำท่วมเขต อ.เมือง อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว ทำให้เครื่องสูบน้ำประปาจมน้ำ ของสำนักงานประปาจังหวัดสระแก้ว ไม่สามารถจ่ายน้ำให้ประชาชนได้ รับเดือนร้อนขาดน้ำกินน้ำใช้ 2 วันแล้ว โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชสระแก้ว ได้ขาดน้ำต้องแก้ไขโดยสูบน้ำจากสระของโรงพยาบาลและขอน้ำจากสระขุดของเทศบาลไปปล่อยแล้วสูบมากรองด้วยเครื่องกรองน้ำของโรงพยาบาล และต้องใช้อย่างประหยัด ส่งผลให้ร้านค้าร้ายอาหารในตัวเมืองทุกแห่ง โรงแรม ต้องปิดหยุดกิจการ .

    เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2556 เวลา 11:43 น.

    ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    สลดเรือผู้อพยพมาอิตาลีล่มตายพุ่งเพิ่มเป็น 194 ศพ

    [​IMG]

    จำนวนยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุเรือประมงขนส่งผู้อพยพชาวแอฟริกัน ที่ต้องการเดินทางมาอิตาลีอับปางเพิ่มขึ้นอีก 83 ศพ ในจำนวนนี้มีเด็ก 1 ศพ จนทำให้ขณะนี้ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 194 ศพ และยังมีผู้สูญหายอีกราว 150 ราย

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเกาะลัมเปดูซา ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ว่า ทางการอิตาลีส่งนักประดาน้ำ จำนวนมาก ออกดำน้ำค้นหาศพผู้เสียชีวิตจากเรือผู้อพยพชาวแอฟริกันอับปางเมื่อกลางดึกวันพฤหัสที่ผ่านมา ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน นอกชายฝั่งเกาะลัมเปดูซาแล้ว ทั้งนี้ พบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 83 ศพ ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 1 ศพ ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งเป็น 194 ศพแล้ว โดยเรือดังกล่าวบรรทุกผู้อพยพชาวแอฟริกันราว 500 ราย ส่วนใหญ่มาจากประเทศเอริเทรีย

    อย่างไรก็ตาม ขณะนี้อิตาลีได้ระดมช่วยเหลือผู้อพยพจนมีผู้รอดชีวิตแล้ว 155 ราย ขณะที่จากยอดผู้เสียชีวิต 194 ศพที่เจ้าหน้าที่สามารถกู้ขึ้นมาได้ขณะนี้ เป็นผู้หญิงจำนวน 55 ศพ เด็กอีก 5 ศพ และศพจำนวนมากเชื่อว่าน่าจะติดอยู่ในซากเรือที่จมอยู่ก้นทะเล ห่างจากชายฝั่งเกาะลัมเปดูซา ประมาณ 1 กิโลเมตตร

    สาเหตุของเรืออับปางมาจากการเผชิญสภาพอากาศที่เลวร้ายของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทั้งนี้ ศูนย์ผู้อพยพบนเกาะลัมเปดูซาที่สร้างมาเพื่อรองรับผู้อพยพได้เพียง 250 ราย แต่จนถึงขณะนี้ผู้ลี้ภัยที่เข้ามาในศูนย์มีมากถึงกว่า 1,000 รายแล้วทำให้ศูนย์ดังกล่าวแน่นขนัด นอกจากนี้ นางเซซีล คเยงเก รมว.กระทรวงบูรณาการของอิตาลี ยังได้กล่าวว่า ประเทศต้นทางของผู้ลี้ภัยอย่างโซมาเลีย ซีเรียและเอริเทรีย ควรเร่งจบปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศ เพื่อช่วยลดภาระของยุโรปที่ต้องรองรับผู้ลี้ภัยจำนวนมากในแต่ละปี

    เดลินิวส์ นจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2556 เวลา 09:42 น.

    ม็อบชาวพุทธพม่าโหดฆ่าหั่นศพเผาเหยื่อในรัฐยะไข่

    [​IMG]

    ม็อบชาวพุทธพม่าโหดฆ่าหั่นศพและเผาชายคนหนึ่งในมัสยิด จนลูกชายวัย 17 ปีจำศพผู้เป็นพ่อไม่ได้ ในเหตุการณ์รุนแรงครั้งล่าสุดในรัฐยะไข่ ซึ่งมีผู้เสียชีวิต 5 ศพ

    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากเมืองธันด์เว ประเทศพม่า เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ว่า กลุ่มหัวรุนแรงชาวพุทธในพม่า สุดโหดฆ่าหั่นศพและเผานายขิ่น เนียง จนลูกชายจำศพผู้เป็นพ่อไม่ได้ ในเหตุการณ์รุนแรงที่เกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่งจากขบวนการที่นำโดยพระสงฆ์ในพม่า ซึ่งถูกกล่าวหาว่า เป็นผู้จุดชนวนความรุนแรงต่อต้านชาวมุสลิมในพม่า เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเคลื่อนย้ายศพของนายขิ่น เนียง ออกจากมัสยิดที่ถูกรื้อค้นกระจุยกระจายในหมู่บ้านเปียว ไช หลังจากเขาถูกฟันโดยชาวพุทธในรัฐยะไข่จนเสียชีวิต

    ตุน ตุน เนียง ลูกชายวัย 17 ปี ซึ่งออกมาจากที่ซ่อนตัวเพื่อมาดูศพของผู้เป็นพ่อที่เหลือแต่ซากดำเป็นตอตะโก กล่าวว่า พ่อของเขาวิ่งหนีชาวยะไข่ไม่ทัน

    ทั้งนี้ นายขิ่น เนียง เป็น 1 ใน 5 ของชาวมุสลิมที่เสียชีวิต และชาวพุทธรัฐยะไข่ 4 คนได้รับบาดเจ็บในเหตุการณ์ความรุนแรง 4 วันในเมืองธันด์เว ในรัฐยะไข่ ทางตะวันตกของประเทศ ซึ่งเป็นรัฐหนึ่งที่นักท่องเที่ยวต่างชาตินิยมเดินทางมาท่องเที่ยวที่ชายหาด “งาปาลีบีช” ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงกัน ไม่ไกลจากสถานที่พักตากอากาศ ม็อบชาวพุทธพร้อมอาวุธท่อนไม้, หนังสติ๊ก และดาบ เริ่มออกอาละวาดไล่ทำลายชาวบ้านมุสลิม เผาบ้านเรือนไปหลายสิบหลังเมื่อวานนี้

    ความรุนแรงทางเชื้อชาติในพม่า คร่าชีวิตประชาชนไปแล้วอย่างน้อย 240 ศพ และไร้ที่อยู่อาศัยอีก 140,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2555 เหตุการณ์นองเลือดครั้งล่าสุดในเมืองธันด์เว แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลปฏิรูปของพม่า ซึ่งพยายามที่จะหยุดยั้งขบวนการคลั่งชาติชาวพุทธ ที่รู้จักกันในชื่อกลุ่ม 969 ที่กำลังลุกลาม และควบคุมสมาชิกของพรรคการเมืองชนกลุ่มน้อยในรัฐยะไข่ กลับทำให้ความรุนแรงซับซ้อนยุ่งยากมากขึ้น

    ขบวนการ 969 นำโดยพระสงฆ์หัวรุนแรงหลายรูป ซึ่งเทศสอนชาวบ้านว่า ศาสนาอิสลามเป็นภัยคุกคาม และเรียกร้องให้กลุ่มผู้สนับสนุนหลีกเลี่ยงการแต่งงานข้ามศาสนา และให้คว่ำบาตรธุรกิจที่เป็นของชาวมุสลิม

    ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจในเมืองธันด์เว กล่าวว่า พวกเขาจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยได้ 6 คน ซึ่งรวมทั้งประธานพรรคพัฒนาชาติยะไข่ หรืออาร์เอ็นดีพี และผู้สนับสนุนขบวนการ 969 ทั้งนี้ สมาชิกพรรคอาร์เอ็นดีพี มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์รุนแรงต่อต้านชาวมุสลิมเมื่อเดือนตุลาคม ปีที่แล้ว ซึ่งมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 89 คน เหตุการณ์ความรุนแรงล่าสุดนี้ เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกับการเยือนรัฐยะไข่ 3 วันของประธานาธิบดีเต็ง เส่ง ความตึงเครียดกลับพุ่งสูงขึ้นเมื่อเขาเดินทางถึงเมืองธันด์เวเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

    เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2556 เวลา 08:51 น.

    ประธานสภาสหรัฐลั่นไม่เพิ่มเพดานหนี้ถ้ารัฐบาลไม่ยอมอ่อนข้อ

    [​IMG]

    สภาคองเกรสสหรัฐยืนกรานทางเดียวที่จะยุติวิกฤตงบประมาณของประเทศได้ คือการที่รัฐบาลต้องยอมเจรจาเรื่องกฎหมายประกันสุขภาพ มิเช่นนั้นนอกจากหน่วยงานรัฐจะไม่ได้กลับมาเปิดทำการแล้ว การขยายเพดานหนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นด้วย

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 6 ต.ค. ว่านายจอห์น โบห์เนอร์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ให้สัมภาษณ์ในรายการ "ดิส วีค" ทางสถานีโทรทัศน์เอบีซี วิจารณ์ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ และนายแฮร์รี รีด ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภา ว่าทั้งคู่ควร "ยอมแพ้" และยอมรับว่า ทางเดียวที่จะยุติวิกฤต "โกเวอร์นเมนท์ ชัทดาวน์" หรือการต้องปิดตัวของหน่วยงานรัฐ เนื่องจากไม่ได้รับงบประมาณจากสภาคองเกรส ที่เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. คือการที่ทั้งรัฐบาลต้องเจรจากับสภาคองเกรสอย่าง "จริงจัง" ในเรื่องกฎหมายปฏิรูประบบประกันสุขภาพ หรือ "โอบามาแคร์"

    นอกจากนี้ โบห์เนอร์ยังกล่าวโทษโอบามา ว่าเป็นผู้ที่นำพาประเทศให้ตกอยู่ในความเสี่ยงสูงที่จะผิดนัดชำระหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ด้วยการตั้งเงื่อนไขที่มาจากเหตุผลส่วนตัว ดังนั้น สภาคองเกรสจะไม่อนุมัติการเพิ่มเพดานหนี้ให้แก่รัฐบาลกลางภายในวันที่ 17 ต.ค.ด้วย ตราบใดที่ผู้นำประเทศยังไม่ยอมประนีประนอมเช่นนี้ ถือเป็นสัญญาณอันตรายว่า ทุกฝ่ายควรเตรียมตัวเข้าสู่วิกฤตเศรษฐกิจอีกครั้งได้เลย

    ขณะที่นายแจ็ค ลูว์ รมว.กระทรวงการคลังสหรัฐ ให้สัมภาษณ์ในรายการ "สเตท ออฟ เดอะ ยูเนียน" ทางสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นเอ็น ซึ่งเป็น 1 ใน 4 รายการที่เขาตระเวนไปปรากฏตัวเมื่อวันอาทิตย์เพียงวันเดียว ยืนกรานว่า สภาคองเกรสต้องขยายเพดานหนี้ให้กับรัฐบาล ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

    เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2556 เวลา 09:36 น.

    ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ตุลาคม 2013
  11. นิวรณ์

    นิวรณ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กันยายน 2008
    โพสต์:
    9,051
    ค่าพลัง:
    +3,456
    [​IMG]

    ฮือฮา ความสัมพันธ์ระหว่าง " แดง เหลือง และ แตงโม "....................ในภาพชื่อ " มื้อสุดท้าย !!! "

    ปล. คิกที่รูปเพื่อไปดูลิงอิงอ้าง
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 7 ตุลาคม 2013
  12. bluejet

    bluejet เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 ธันวาคม 2008
    โพสต์:
    352
    ค่าพลัง:
    +2,181
    ไวรัสคล้าย ซาร์ (MERS) ระบาดในซาอุดิอาระเบีย มีผู้เสียชีวิตไปแล้ว ๕๘ คน มีผู้ป่าย ๑๓๖ คน

    กำลังกลัวกันว่า ในช่วงที่มีพิธีฮัจจ์ ที่เมกกะ อาจมีชาวต่างชาติติดเชื้อ เมื่อกลับบ้าน ก็จะพาไวรัสแพร่ไปทั่วโลก

    MERS outbreak affects 136 in Saudi | Family & Health | World Bulletin
     
  13. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    น้ำท่วมเขมรสังเวยแล้ว 83 ศพ

    [​IMG]

    มีรายงานผู้เสียชีวิตไปแล้วกว่า 150 ศพในประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อันเนื่องมาจากภาวะน้ำท่วมในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา มีต้นไม้หักโค่นในเขตปราสาทนครวัดของกัมพูชาด้วย

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ว่า มีฝนตกหนักทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมบ้านเรือนราษฎร และ พื้นที่เกษตรกรรมในประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพราะอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นที่พัดกระหน่ำอย่างต่อเนื่องในช่วงฤดูฝน

    ที่ประเทศกัมพูชา ตัวเลขผู้เสียชีวิตจากภาวะน้ำท่วม ตั้งแต่กลางเดือนก.ย.ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นเป็น 83 ศพแล้วเมื่อนับถึงวันที่ 7 ต.ค. เกือบครึ่งหนึ่งเป็นเด็ก ตามรายงานของคณะกรรมการบริหารจัดการพิบัติภัยแห่งชาติ นอกจากนั้นก็ยังมีประชาชนกว่า 10,000 ครอบครัวต้องอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย ขณะที่โรงเรียนและบ้านเรือนต้องจมอยู่ใต้น้ำ

    ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักและลมกระโชกแรง ยังทำให้ต้นไม้ใหญ่ ซึ่งมีความสูงราว 30 เมตร หักโค่นลงมาในอาณาบริเวณของปราสาทนครวัด ในจังหวัดเสียมเรียบ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกัมพูชา เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา

    ส่วนในประเทศไทย มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้ว 34 ศพ และประชาชน 1.9 ล้านคนได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วม

    ไต้ฝุ่น “หวู่ติ๊บ” สร้างความเสียหายให้กับประเทศเวียดนามเมื่อช่วงปลายเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ด้วยลมกระโชกแรง ทำให้หลังคาบ้านเรือนราษฎรเกือบ 200,000 หลังปลิวว่อนไปพร้อมกระแสลม และมีรายงานผู้เสียชีวิต 40 ศพ นับตั้งแต่ต้นเดือนก.ย.ที่ผ่านมา

    เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2556 เวลา 20:59 น.

    ฟิลิปปินส์ ผ่านกฎหมายเพิ่มโทษพวกทารุณสัตว์

    [​IMG]

    รัฐบาลฟิลิปปินส์ เอาจริงผ่านกฎหมายเพิ่มโทษผู้กระทำทารุณกรรมสัตว์เป็นลงโทษจำคุกสูงสุด 3 ปี หรือปรับ 580 ดอลลาร์สหรัฐ หลังมีคลิปภาพเด็กหญิงกำลังรุมตีลูกสุนัขอย่างโหดร้ายจนตายคามือ ทำให้สื่อสังคมออนไลน์โกรธแค้นอย่างมาก

    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ว่า ทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ เปิดเผยวันนี้ ท่ามกลางความโกรธแค้นของสื่อสังคมออนไลน์ กรณีคลิปวิดีโอภาพเด็กหญิง 3 คนรุมตีลูกสุนัขจนตายคามือ ว่ารัฐบาลฟิลิปปินส์ เห็นชอบผ่านร่างกฎหมายเพิ่มบทลงโทษสำหรับผู้ที่กระทำทารุณกรรมต่อสัตว์แล้ว โดยนายอาบีเกล วอลเต โฆษกประธานาธิบดีเบนิกโน อาคีโน ยืนยันว่า นายอาคีโน ได้ลงนามในร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว เพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมายแล้ว ก่อนเดินทางไปยังอินโดนีเซียเพื่อเข้าร่วมประชุมเอเปกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

    กฎหมายฉบับนี้ จะเพิ่มโทษสูงสุดจำคุก 3 ปี และหรือปรับเป็นเงิน 250,000 เปโซ (580 ดอลลาร์สหรัฐ) กฏหมายฉบับก่อนหน้า กำหนดโทษสูงสุดไว้ที่จำคุก 2 ปี และหรือปรับ 5,000 เปโซ ประธานาธิบดีอาคีโน ลงนามร่างกฎหมายฉบับใหม่ไปเมื่อวันที่ 3 ตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันที่สื่อสังคมออนไลน์ในฟิลิปปินส์ ระเบิดอารมณ์โกรธแค้นกรณีที่มีการเผยแพร่คลิปความป่าเถื่อนของเด็กหญิง 3 คน ซึ่งดูเหมือนจะเป็นวัยรุ่นแล้ว กำลังทำร้ายลูกสุนัขที่ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด จนตาย

    เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 7 ตุลาคม 2556 เวลา 20:08 น.

    ชาวอเมริกันโทษทั้ง"รัฐบาล-คองเกรส"นำบ้านเมืองเจอวิกฤตงบประมาณ

    [​IMG]

    ผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนในสหรัฐจากหลายสำนักออกมาตรงกันว่า ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาล พรรครีพับลิกัน หรือพรรคเดโมแครต ทุกฝ่ายต่างต้องรับผิดชอบที่ทำให้ประเทศต้องเผชิญวิกฤตการเงินครั้งใหม่ แต่พรรครีพับลิกันดูจะโดนตำหนิหนักที่สุด

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 7 ต.ค. อ้างอิงผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนของสื่อมวลชนอเมริกันและบริษัทวิจัยชื่อดัง 3 แห่ง ในหัวข้อวิกฤตงบประมาณ ที่นำไปสู่การปิดหน่วยงานรัฐหลายแห่ง หรือ "โกเวอร์นเมนท์ ชัทดาวน์" ซึ่งเริ่มมาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค.

    เริ่มจากผลสำรวจของหนังสือพิมพ์เดอะ วอชิงตัน โพสต์ ร่วมกับสถานีโทรทัศน์เอบีซี รวบรวมความคิดเห็นจากกลุ่มตัวอย่าง 1,005 คน ระหว่างวันที่ 2-6 ต.ค. ปรากฏว่า คะแนนนิยมในตัวประธานาธิบดีบารัค โอบามา ตลอดจนพรรคเดโมแครตและพรรครีพับลิกัน ยังคงอยู่ในระดับติดลบ อย่างไรก็ตาม คะแนนการไม่ยอมรับในพรรครีพับลิกันเพิ่มขึ้นมาก โดยอยู่ที่ 70% เพิ่มขึ้นถึง 7% เมื่อเทียบกับสัปดาห์ที่แล้ว

    ต่อด้วยผลสำรวจของสำนักวิจัยพิว รวบรวมความคิดเห็นจากชาวอเมริกัน 1,000 คน ระหว่างวันที่ 3-6 ต.ค. พบว่า 38% ของกลุ่มตัวอย่างตอบว่า พรรครีพับลิกันต้องรับผิดชอบวิกฤตงบประมาณครั้งนี้ ขณะที่ 30% กล่าวโทษโอบามาเพียงคนเดียว ส่วนอีก 19% มองว่าผู้นำสหรัฐต้องรับผิดชอบร่วมกับสภาคองเกรส

    ด้านผลสำรวจของสำนักข่าวซีเอ็นเอ็น ร่วมกับสำนักวิจัยโออาร์ซี รวบรวมความคิดเห็นจากกลุ่มตัวอย่าง 1,009 คน ระหว่างวันที่ 3-6 ต.ค. เช่นกัน ปรากฏว่า 63% กล่าวโทษพรรครีพับลิกันว่าเป็นต้นเหตุของโกเวอร์นเมนท์ ชัทดาวน์ 57% คิดว่าเป็นความผิดของพรรคเดโมแครต และ 53% มองว่าโอบามาต้องรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว

    อย่างไรก็ตาม กลุ่มตัวอย่างในทุกโพลกล่าวตรงกันว่า ต้องการให้ทุกฝ่ายยอมลดทิฐิ และหันหน้าเข้าหากัน เพื่อหาทางออกจากการ "แช่แข็งประเทศ" ครั้งนี้อย่างประนีประนอมที่สุด

    เดลินิวส์ วันอังคารที่ 8 ตุลาคม 2556 เวลา 09:33 น.

    ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์
     
  14. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ท่วมแล้ว “อมตะนคร” เฟส 6,8 หนักสุด !!!

    [​IMG]
    น้ำท่วมบริเวณทางเข้าและเฟส 7 ของนิคมอมตะนคร อ.เมือง จ.ชลบุรี​

    น้ำเอ่อท่วมนิคมอมตะนครชลบุรี บริเวณเฟส 7 ส่วนเฟส 6 และ 8 ยังคงมีน้ำขึ้นมาท่วมมากสุด ขณะที่ฝนยังตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้รถสัญจรได้ทางเดียว ส่งผลให้การจราจรภายในนิคมติดขัดอย่างมาก

    รายงานข่าวแจ้งว่า เช้าวันนี้(8 ต.คง) น้ำได้ไหลเข้าท่วมบริเวณนิคมอมตะนคร อ.เมือง จ.ชลบุรี โดยเฉพาะบริเวณเฟส 6 และ 8 มีน้ำขึ้นมาท่วมมากสุด ขณะที่ฝนยังตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้รถสัญจรได้ทางเดียว ส่งผลให้การจราจรภายในนิคมติดขัดอย่างมาก

    อนึ่ง วานนี้ นิคมอมตะได้ประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กรมทางหลวง และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี เพื่อกำหนดแผนดำเนินงานในการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในเขตพื้นที่โดยรอบนิคมอุตสาหกรรมอมตะนครแบบบูรณาการ โดยได้เร่งระบายน้ำที่ไหลเข้ามาท่วมขังยังพื้นที่ทางเข้า-ออกภายในนิคมฯ จ.ชลบุรีบริเวณเฟส 9-10 ซึ่งมีระดับน้ำสูง 8-15 เซนติเมตร ซึ่งไม่ส่งผลกระทบต่อกระบวนการผลิตของโรงงานภายในนิคมอุตสาหกรรม เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวเป็นเพียง 1 ใน 12 ช่องทางที่ใช้เข้า-ออกของนิคมฯ และอมตะยังมีทางที่ใช้สัญจรเข้าออกอีกหลายทาง

    นอกจากนี้ นิคมฯ อมตะได้เตรียมกระสอบทรายจำนวน 10,000 ถุงให้ความช่วยเหลือแก่ผู้ประกอบการในพื้นที่เฟส 9 และเฟส 10 เพื่อนำไปก่อกำแพงป้องกันน้ำท่วมหากเกิดกรณีมีปริมาณน้ำฝนเข้ามาเติม โดยผู้ประกอบการสามารถติดต่อขอรับได้ที่ บริษัท อมตะฟาซิริตี้ เซอร์วิส จำกัด และในส่วนของชุมชนโดยรอบพื้นที่นิคมฯ อมตะได้มอบสิ่งของยังชีพเพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้นให้แก่ผู้ประสบภัยรอบพื้นที่นิคมฯ พร้อมกับทำการติดตั้งเครื่องผลักดันน้ำด้วยระบบไฟฟ้าไว้ตามจุดต่างๆ ที่คาดว่ามีปริมาณน้ำมาก เพื่อเร่งระบายน้ำลงสู่คลองพานทอง และคลองชลประทานให้ไหลลงสู่แม่น้ำบางปะกงต่อไป

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 8 ตุลาคม 2556 15:15 น.

    ที่มา www.thaiday.com/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9560000126452
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Untitled.jpg
      Untitled.jpg
      ขนาดไฟล์:
      149.1 KB
      เปิดดู:
      2,195
  15. เสาวนีย์ วรสิริ

    เสาวนีย์ วรสิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +366
    ขอให้ผู้ที่ตายจากภัยทั้งหลายจงไปสู่สุขคติเทอญ
     
  16. เสาวนีย์ วรสิริ

    เสาวนีย์ วรสิริ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    6 พฤศจิกายน 2007
    โพสต์:
    70
    ค่าพลัง:
    +366
    ขอให้ผู้ที่ตายจากภัยทั้งหลายจงไปสู่สุขคติเทอญขอให้ทุกประเทศร่มเย็นค่ะ
     
  17. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    พระราชทานถุงยังชีพบ้านลอยน้ำให้ชาวกรุงเก่า

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    มูลนิธิเพื่อนพึ่ง(ภาฯ)ยามยาก พระราชทานถุงยังชีพและบ้านลอยน้ำให้ชาวกรุงเก่า โดยเฉพาะที่ อ.บางบาล ชาวบ้านเดือดร้อนหนัก น้ำท่วมสูงถึงชั้นสอง การเดินทางเป็นไปอย่างยากลำบาก ชาวบ้านต่างซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณฯ

    เมื่อวันที่ 9 ต.ค. พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ โปรดให้รศ.ดร.นพ.พิชิต สุวรรณประกร รองประธานมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง(ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย เป็นผู้แทนพระองค์มอบถุงยังชีพระราชทานให้ผู้ประสบอุทกภัยใน ต.น้ำเต้า ต.ทางช้าง อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา จำนวน 1,200 ถุง ที่วัดโรงนา ต.น้ำเต้า

    ต่อจากนั้นได้เดินทางไปที่ ม.1 ต.ไทรน้อย อ.บางบาล มอบบ้านลอยน้ำให้กับนายเสน่ห์ ดีประเสริฐ อายุ 54 ปี ชาวบ้านที่บ้านถูกน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร ไม่สามารถพักอาศัยในบ้านได้ โดยบ้านลอยน้ำที่มอบให้เป็นทุนทรัพย์ของมูลนิธิ ในราคา 25,000 บาท ซึ่งการทำบ้านลอยน้ำใช้เวลาเพียง 1 วันในการสร้าง โดยช่างของมูลนิธิและชาวบ้านร่วมกัน

    นายเสน่ห์ ผู้รับมอบบ้านเปิดเผยว่า บ้านของตนถูกน้ำท่วมสูงเกือบชั้นที่ 2 การเดินทางไปมาลำบาก รู้สึกซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงเห็นความยากลำบากของประชาชน สร้างบ้านลอยน้ำมอบให้ สำหรับบ้านลอยน้ำสามารถพักอาศัยได้ถึง 10 คน มีห้องน้ำในตัวด้วย ซึ่งจะให้ชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงกันเข้าพักอาศัย และใช้เดินทางไปที่ถนนได้

    สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ขณะนี้น้ำได้เอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมที่อยู่อาศัยและพื้นที่การเกษตร จำนวน 11 อำเภอ 122 ตำบล 753 หมู่บ้าน 45,617 ครัวเรือน จำนวน 155,818 คน พื้นที่การเกษตรเสียหาย 3,963 ไร่ ส่วนระดับน้ำในแม่น้ำป่าสัก และแม่น้ำน้อย เฉลี่ยลดลง10-15 ซม. ส่วนแม่น้ำเจ้าพระยายังทรงตัว

    เดลินิวส์ วันพุธที่ 9 ตุลาคม 2556 เวลา 13:12 น.

    ราชบุรี ระทึก! เจ้าหน้าที่ช่วย 130 นร.หนีน้ำป่า

    [​IMG]

    น้ำป่าทะลักท่วม เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชีพัดถนนขาด ระดมเจ้าหน้าที่ช่วย 130 นักเรียนที่เข้าไปทำกิจกรรมปลูกป่าทำโป่งเทียม หนีออกมาอย่างทุลักทุเล

    เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 9 ตุลาคม 2556 นายประทีป เหิมพยัคฆ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี ต.บ้านบึง อ.บ้านคา จ.ราชบุรี เปิดเผยภายหลังตรวจสอบเส้นทางถูกน้ำป่าไหลหลากเข้าท่วมทางเข้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี ว่า โดยเมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมามีระดับน้ำสูงเกือบ 3 เมตร และน้ำป่าได้กัดเซาะถนนทางเข้าเขตรักษาพันธุ์ฯ ไม่สามารถสัญจรผ่านเข้าออกได้ ส่งผลให้นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2- 6 โรงเรียนเบญจมราชูทิศ จ.ราชบุรี จำนวน 130 คน ซึ่งเข้าไปทำกิจกรรมเข้าค่ายปลูกป่าทำโป่งเทียม ตั้งแต่วันที่ 7 -10 ต.ค. ต้องยกเลิกกำหนดการก่อนกำหนด และเดินทางออกจากเขตรักษาพันธุ์ฯ ด้วยความทุลักทุเล

    นายประทีป เหิมพยัคฆ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงค่ำวันที่ 8 ต.ค.มีฝนตกลงมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตนเห็นว่าสถานการณ์ไม่น่าไว้ใจ จึงได้ให้เจ้าหน้าที่เร่งนำรถบัสที่รับส่งนักเรียนออกไปก่อน กระทั่งเวลา 23.00 น. ปริมาณน้ำป่าได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนพัดถนนและท่อระบายน้ำได้ รับความเสียหายไปกับกระแสน้ำ ต่อมาวันที่ 9 ต.ค. จึงได้นำเด็กนักเรียนออกจากเขตรักษาพันธุ์ฯ ด้วยการให้เจ้าหน้าที่ไปตัดไม้ไผ่เพื่อสร้างสะพานไม้ทอดข้ามให้นักเรียนเดินออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างการช่วยนำนักเรียนออกมาจากเขตรักษาพันธุ์ฯ นายณรงค์ ครองชนม์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี นายพินิจ ร่มโพธิ์รีย์ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านบึง ได้เดินทางมาดูสถานการณ์ และได้ประสานให้เจ้าหน้าที่กรมชลประทาน ชะลอการปล่อยระบายน้ำจากอ่างเก็บน้ำห้วยท่าเคย เพื่อลดระดับน้ำช่วยเหลือนำเด็กนักเรียนออกมาจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าแม่น้ำภาชี ได้เป็นผลสำเร็จ

    อย่างไรก็ตามนายธีระ อุนทะอ่อน นายช่างฝ่ายจัดสรรน้ำ เปิดเผยว่า อ่างเก็บน้ำห้วยท่าเคยเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดกลางมีปริมาณความจุประมาณ 23 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะนี้น้ำในอ่างมีประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ หรือกว่า 20 ล้านลูกบาศก์เมตรแล้ว เนื่องจากมีฝนตกแถบเทือกเขาตะนาวศรีไหลหลากเข้ามาในอ่างมีปริมาณมากทำให้เราจำเป็นต้องระบายน้ำออกจากอ่างโดยเร็ว แต่ก็ได้พยายามระบายน้ำให้น้อยประมาณ 6 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที และจำเป็นจะต้องเร่งระบายน้ำออกอีก เพื่อรักษาระบบของอ่างไว้ จึงส่งผลให้มีพื้นที่ได้รับผลกระทบบริเวณด้านล่าง

    ขณะเดียวกันทางเจ้าหน้าที่ได้รับรายงานว่าเกิดฝนตกหนักติดต่ออย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้น้ำป่าจากเทือกเขาตะนาวศรีกำลังไหลหลากลงมาอีกระลอกจากบ้านพุระกำ บ้านวังโค ต.ตะนาวศรี บ้านท่ามะขาม ต.สวนผึ้ง ซึ่งก็จะทำให้พื้นที่ดังกล่าวจะมีปริมาณน้ำเพิ่มสูงขึ้นในอีกไม่ช้านี้.

    เดลินิวส์ วันพุธที่ 9 ตุลาคม 2556 เวลา 13:06 น.

    น้ำท่วมขอนแก่นหลายตำบลเดือดร้อน

    [​IMG]

    สถานการณ์น้ำท่วมที่ อ.ชนบท จ.ขอนแก่น ชาวบ้านหลายตำบลเริ่มได้รับความเดือดร้อนหลังน้ำจากแม่น้ำชีเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตรเป็นวงกว้าง

    เมื่อวันที่ 9 ต.ค. นายศิริวัฒน์ พินิจพานิชย์ นายอำเภอชนบท กล่าวถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่ อ.ชนบท จ.ขอนแก่นว่า ขณะนี้ปริมาณน้ำในแม่น้ำชีเริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จนเอ่อล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตรที่ติดกับแม่น้ำชีเนื่องจาก อ.ชนบทเป็นพื้นราบลุ่ม ทำให้น้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร และชาวบ้านที่อยู่ตามริมแม่น้ำชี โดยเฉพาะที่บ้านท่าม่วง .ศรีบุญเรือง และบ้านท่าข่อย ต.ชนบท จะเป็นบริเวณที่น้ำไหลผ่าน จึงได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี พระราชทานเงินให้กับกรมชลประทาน ในการก่อสร้างสะพานข้ามอาคารระบายน้ำขนาดเล็ก บริเวณอ่างเก็บน้ำหนองกองแก้ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนที่สัญจรไปมาได้สะดวกยิ่งขึ้น

    ขณะที่บ้านกุดหล่ม หมู่ที่ 7 ต.ศรีบุญเรือง เด็กนักเรียนและผู้ใหญ่ กำลังนำกระสอบทรายมากั้นน้ำที่กำลังทะลักเข้าท่วมนาข้าว ที่กำลังตั้งท้องกว่า 3,700 ไร่ โดยนายสำรอง ขุรี ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 8 บ้านวังเวิน กล่าวว่า น้ำชีได้ทะลักเข้ามาเมื่อกลางดึกของวันที่ 8 ต.ค. และไม่มีทีท่าว่าระดับน้ำจะลดลง ซึ่งหากกระสอบทรายไม่สามารถกั้นน้ำได้ พื้นที่นาข้าวตลอดจนบ้านเรือนประชาชนจะถูกน้ำท่วม

    นอกจากนี้ยังพบว่าถนนเรียบแม่น้ำชีถูกตัดขาด ระหว่างบ้านวังเวินและบ้านละว้า น้ำได้กัดเซาะถนนขาด ทำให้น้ำได้ไหลเข้าท่วมนาข้าวของเกษตรกร เบื้องต้นทางอำเภอได้ประสานขอทรายและกระสอบ เพื่อนำมาอุดรอยรั่วเพื่อไม่ให้น้ำไหลเข้านาข้าวไปมากกว่านี้.

    เดลินิวส์ วันพุธที่ 9 ตุลาคม 2556 เวลา 12:29 น.

    ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ท้อได้แต่ห้ามถอย !!!

    [​IMG]

    ถาม: ความเพียรในการประกอบอาชีพอย่างหนึ่ง ความอดทนต่อแรงบีบคั้นของกรรมอย่างหนึ่ง ความท้อถอยต่อปัญหาชีวิตเราท้อถอยได้แค่ไหนครับ ?

    ตอบ: ท้อได้แต่ห้ามถอย (หัวเราะ) เพราะฉะนั้นห้ามใช้คำว่าท้อถอยต้องแยกออก ท่อได้แต่ห้ามถอย ตราบใดที่ยังมีช่องทางอยู่แม้แต่ ๑ เปอร์เซ็นต์ เราก็ต้องดิ้นรนไป ถ้าดิ้นรนจนสุดกำลังกาย กำลังสติปัญญา กำลังคน กำลังทรัพย์แล้วไม่สามารถแก้ไขได้ ค่อยยอมรับว่าเป็นกฎของกรรม ถ้าเราไปยอมรับ ๆ อย่างเดียวอันนั้นมันขาดปัญญา มันประเภทยอมรับแบบควายที่หลวงพ่อชาท่านด่าลูกศิษย์ท่านน่ะ พายุมันพัดหลังคามันเปิดไป

    พระท่านก็นั่งตากแดดตากฝนภาวนาของท่าน หลวงพ่อชาทนดูไม่ได้ก็ไปเตือน คุณซ่อมหลังคาเสียหน่อยสิ พระลูกศิษย์บอกไม่ต้องหรอกครับ ผมปล่อยวางแล้ว หลวงพ่อชาบอกว่า ควายมันปล่อยวางได้ดีกว่าคุณอีก มันทนแดดทนฝน...มันโง่หรือมันฉลาด ถ้าปล่อยวางแบบคุณ เขาเรียกว่าปล่อยวางแบบควาย (หัวเราะ)

    เพราะฉะนั้นท้อได้แต่ห้ามถอยนะ ไปข้างหน้าแล้วตาย เขาชมว่ากล้า ถอยหลังมาตาย เขาว่าขี้ขลาด เลือกเอา (หัวเราะ)

    คัดลอกบางส่วนมาจาก กระโถนข้างธรรมาสน์ ฉบับที่ ๖๕ หน้าที่ ๒

    ที่มา www.grathonbook.net/book/65.2.html
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ตุลาคม 2013
  19. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    10 มหันตภัย ล้างแผ่นดิน !!!

    [​IMG]

    อันดับ 10 : น้ำตก (RAGING WATER)

    แม้มันจะรั้งท้าย แต่ความยิ่งใหญ่ของน้ำและหน้าผาสูงชันอาจ ข่มขวัญคุณได้ ไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ มันบอกความน่าสะพรึงกลัวของน้ำตก เราหลีกห่างมันได้ถ้าเราไม่อยากเข้าใกล้ แต่วิธีที่เยี่ยมกว่าคือ ลองเข้าไปใกล้ไปสัมผัสพลังมหาศาลความยิ่งใหญ่ของสายน้ำ จากทั่วโลกมีอยู่ 4 แห่งที่น้ำตกขึ้นชื่อว่าสุดยอด น้ำตกไนแอการ่า, น้ำตก, วิกตอเรีย, น้ำตกอิกวาซู และน้ำตกแอนเจิล แหล่งที่สุดทั้งการผจญภัยแบบสูงเสียดฟ้า ทั้งงดงาม ทั้งน่ากลัว ทั้งใหญ่ยักษ์ อยู่ในที่เดียว

    อันดับ 9 : น้ำพุร้อน (GUSHING GEYSERS)

    บนพื้นพิภพมีบางสิ่ง กำลังปะทุขึ้น ร้อนขึ้นอีก และพุ่งสู่เบื้องบนแทน ด้วยชื่อ..น้ำพุร้อน ความร้อนอาจหลอมละลายทุกอย่าง แต่พลังเกรี้ยวกราดนี้เรายังพอเข้าใกล้ได้ เป็นเรื่องแปลกที่ปฏิกิริยาของเปลือกโลก และความร้อนไม่ทำให้พวกเรากลัวแต่อย่างใด บ่อน้ำพุร้อนที่ทะเลสาบโบโกเรีย น้ำพุร้อนอีกนับร้อยในไอซแลนด์ นิวซีแลนด์กับบ่อน้ำพุก็คู่กัน และแหล่งน้ำพุร้อนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอยู่นี่ อุทยานแห่งชาติเยลโล่สโตน บ่อน้ำร้อนนับหมื่นแห่งกับภาพการพุ่งขึ้นของน้ำพุร้อนขนาดมหึมา " โอลด์ เฟธฟูล " คอยชักชวนให้นักท่องเที่ยวต่างถวิลหา และอยากเข้าไปสัมผัสอยู่เนืองๆ

    อันดับ 8 : ฟ้าผ่า (LIGHTNING STRIKES)

    หนีห่างจากต้นไม้ให้ไกลที่สุดเท่าที่จะ เป็นไปได้ เพราะต่อไปนี้ของเราเกี่ยวกับสายฟ้าฟาดที่เร็ว และเฉียบพลันจนคุณไม่ทันตั้งตัว เสียงเปรี้ยงปร้างยามฝนตก คือ อันตรายที่อย่าเข้าใกล้ สนามไฟฟ้าขนาดใหญ่จากก้อนเมฆ และน้ำ เมื่อปะทะกับอุณหภูมิเบื้องล่าง สายฟ้าฟาดก็แผดเปรี้ยงลงมา มันไม่เคยปรานีใคร เพราะฉะนั้นอยู่ห่างจาก ต้นไม้ต่อไปนี้เอาไว้ ต้นซีควอย่า, ต้นสน, ต้นเอล์ม, ต้นโอ๊ค, ต้นแอช ไม่งั้นอาจทำให้คุณตายเอาง่ายๆ

    อันดับ 7 : ไฟป่า (WILD FIRE)

    นี่คือความรุนแรงอันดับ 7 ไฟป่า เพลิงพิโรธที่ส่งผลเสียมากกว่าผลดี แม้มันจะเกิดจากธรรมชาติ และน้ำมือมนุษย์อยู่บ้าง แต่เมื่อมันเกิดขึ้นเราก็ไม่สามารถควบคุมได้ ในทุกปีไฟป่าเกิดขึ้นนับหมื่นนับแสนครั้งจากทั่วโลก มันลุกลามเกินการควบคุม ที่สหรัฐฯ ทุกหน้าร้อนเหมือนส่งสัญญาณว่าไฟป่ากำลังจะมา ทุ่งหญ้าแพร์รี่ หรือแม้แต่บึงเอเวอร์ เกด สภาพอากาศ กิ่งไม้ต้นไม้ที่เป็นเชื้อเพลิงช่วยไฟป่าให้โหมกระหน่ำจนยาก ที่จะหยุดยั้ง ไม่ว่าจะเกิดจากอะไรก็ตาม..ธรรมชาติ หรือฝีมือมนุษย์ ไฟป่าก็นำความหายนะมาเยือนทุกครั้ง

    อันดับ 6 : ฝน (DOWNPOUR)

    พลังของน้ำบ่อยครั้งได้คร่าชีวิตคนให้ตายภายในคราวเดียว ฝนตกแบบฟ้ารั่ว การตัดไม้ทำลายป่า น้ำท่วมจนล้นตลิ่ง ส่วนหนึ่งคืออุทกภัยที่สร้างความเสียหายอย่าง ประเมินค่ามิได้ น้ำหลากท่วมแม่น้ำโดยเฉพาะ แม่น้ำไนล์, มิสซิสซิปปี้, แม่น้ำเหลือง, แม่น้ำคงคา เพราะทุกอย่างเกิดจากความมักง่ายของมนุษย์ ซึ่งผลที่ได้คือความเสียหาย ย่อยยับทั้งชีวิต และทรัพย์สินจำนวนมหาศาล

    อันดับ 5 : หิมะถล่ม (AVALANCHE)

    เกล็ดหิมะสีขาวๆ ถ้ารวมกันเป็นก้อน และถล่มลงมา คุณลองคิดสิว่ามันจะเป็นอย่างไรต่อไป โอกาสรอดคงยาก หรือมีแค่เพียง 0.01% เพราะทั้งความหนาว แรงกระแทกมหาศาล มันจะปิดบังคุณซะมิดจนหายใจไม่ออก พลังระเบิดของมันทลายบ้านทั้งหลังได้สบายมาก พื้นที่ที่มีลานน้ำแข็ง รือหิมะปกคลุมจัดว่าเป็นพื้นที่อ่อนไหว แรงสะเทือนจากแผ่นดินไหว หรือนักสกี ช่วยทำให้มันถล่มลงมาเร็วขึ้น ตามสถิติหิมะได้คร่าชีวิตคนบน เทือกเขาร็อคกี้ เทือกเขาแอนดีส เทือกเขาแอลป์ และเทือกเขาในออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ นับครั้งไม่ถ้วน และมันก็จะมีขึ้นอีกเรื่อยๆ

    อันดับ 4 : คลื่นยักษ์ (GIANT WAVE)

    นี่คือคลื่นยักษ์ที่ได้ชื่อว่าร้ายกาจที่ สุด สึนามิ มันมาแบบเงียบเชียบ และโถมเข้าใส่อย่างไม่ยั้งกับสถิติอันน่าสะพรึงกลัวของมัน จำนวนผู้เสียชีวิตนับหมื่นต่อผลงานเพียง 1 ครั้ง มันก่อตัวขึ้นในทะเล วิ่งมาเป็นขบวน และปะทะชายฝั่งด้วยความเร็ว และแรง ทำลายทุกอย่างที่ขวางหน้า กำแพงน้ำมหึมา ความเร็ว 680 ไมล์ต่อชั่วโมง สูงท่วมหัวเกือบ 100 ฟุต ต่อให้คุณว่ายน้ำเก่งแค่ไหนก็ยังพ่ายแพ้ราบคาบ

    อันดับ 3 : ลมพายุ (SUPER WINDS)

    ยิ่งรุนแรงมากขึ้น โอกาสที่จะรอดชีวิตก็น้อยเต็มที อันดับ 3 พบกับพลังมหาวินาศของลม ลมพายุลูกใหญ่ที่หมุนด้วยความเร็ว และแรงเหลือกำลัง มันกวาดทรัพย์สินไปเรียบ และทิ้งลงอย่างกองขยะ พายุหมุนเขตร้อน เฮอริเคน, ใต้ฝุ่น, ไซโคลน และที่ร้ายที่สุด ทอร์นาโด พายุหมุนรูปงวงช้าง ที่วิ่งด้วยความเร็ว 318 ไมล์ต่อชั่วโมง เพชฌฆาตตัวจริงที่คร่าชีวิตคน และทำลายทรัพย์สินให้แหลกเป็นจุณในพริบตา

    อันดับ 2 : แผ่นดินไหว (EARTHQUAKES)

    แผ่นดินสะเทือน รอยแยกเล็กๆ บนพื้นดิน ใครจะรู้บ้างว่าสัญญาณเตือนภัยกำลังมา นี่คือภัยธรรมชาติที่รุนแรงเป็นที่ 2 มันสร้างความหายนะให้แก่ทุกคนที่เจอ แผ่นดินไหวเกิดขึ้นในโลกนับครั้งไม่ถ้วน บางครั้งเปลือกโลกขยับน้อยๆ โดยเราไม่รู้สึก แต่ถ้าทวีความรุนแรงขึ้นมา แผ่นดินก็สั่นไหวสะท้านสะเทือนขึ้นอย่างฉับพลัน 75% ของพลังงานจากแผ่นดินไหวทั่วโลกเกิดขึ้นที่ขอบมหาสมุทรแปซิฟิก รอยเคลื่อนตัวของเปลือกโลก ความรุนแรงที่วัดได้เกินกว่ามาตรฐาน อาจทำให้มีผู้เสียชีวิต อาคารบ้านเรือนเสียหาย และความพินาศที่ไม่สามารถหยุดมันได้

    อันดับ 1 : ภูเขาไฟ (SUPER VOLCANO)

    อันดับ 1 คือธรณีพิโรธของแท้ เราไม่มีทางรู้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไร ไม่มีทางรู้ล่วงหน้า มหันตภัยธรรมชาติอันดับหนึ่งคือ ภูเขาไฟ เพลิงพิโรธร้อนแรงที่ระเบิดออกมา ที่สุดแห่งความหายนะซึ่งเฝ้ารอเวลา ที่สุดแห่งภัยพิบัติ ความโหดร้ายที่ทรงพลังสุดยอดซึ่ง เป็นภัยคุกคามโลก มันก่อตัวขึ้นจากการปะทุรุนแรงใต้พื้นพิภพ และการพุพอง ของเปลือกโลก ลาวาเหลวร้อนแดงไหลได้เร็วถึง 60 ไมล์ต่อชั่วโมง

    ขณะ ที่เมฆหมอกฝุ่นควันพิษกระจายขึ้นสู่ท้องฟ้า อุณหภูมิสูง ลาวาเดือดผุด แก๊ซมรณะ จะทำทุกสิ่งให้ย่อยยับ ภูเขาไฟนั้น สามารถที่จะทำให้เกิดความหายนะอื่น ๆ ตามที่ด้วย เช่น เกิดแผ่นดินไหว คลื่นยักษ์ด้วยถ้าเกิดในทะเล รวมทั้งไฟป่าด้วย นี่ยังมีภูเขาไฟที่ยังระเบิดไม่หมดอีกมากมาย มันคือหายนะทำลายล้างโลกอย่างแท้จริงเป็นความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ ต้องจำไว้ก่อนตาย

    ที่มา http://www.kroobannok.com/blog/24408
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • Untitled.jpg
      Untitled.jpg
      ขนาดไฟล์:
      238.2 KB
      เปิดดู:
      1,411
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 ตุลาคม 2013
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    Gravity หนังดีที่น่าดู !!!

    [​IMG]

    บอกไว้ก่อนว่า Gravity อาจไม่ใช่สำหรับทุกคน แต่ถ้าใครชอบหนังแนว Stand Alone Action อย่าง 127 Hours, Moon, Frozen, Buried ซึ่งเน้นตัวละครไม่มาก แล้วไม่เน้นเรื่องบทดำเนินเรื่อง แนะนำห้ามพลาดเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

    ซึ่งหนังเรื่องนี้สุดยอดทั้งพลังการแสดงของ Sandra Bullock เจ้แสงดาวสามารถแบกบทได้ทั้งเรื่องได้อย่างสมน้ำสมเนื้อกับประสบการณ์ที่ผ่านมาอย่างโชกโชน หนังเรื่องนี้ยอมรับว่าเจ้แกเอาคนดูอยู่ได้อยู่หมัดจริงๆ และ George Clooney ก็สมบทได้ดีเช่นกัน ตลอดเรื่องทำให้เราคนดูลุ้นว่าตัวละครสองตัวนี้จะเอาชีวิตรอดจากอุบัติเหตุทางอวกาศได้หรือไม่

    อีกส่วนที่อยากชื่นชมคือ เทคนิค การถ่ายภาพ CG Sound Track ประกอบ แปลกใหม่ ตื่นตาตื่นใจดี ยอมรับเลยว่า Visual Effect เรื่องนี้เนียนมาก การถ่ายภาพแบบฉาก Long Take เจ๋งดี องค์ประกอบทุกอย่างมันเป้ะคือดูแล้วรู้เลยว่าคนสร้างตั้งใจทำหนังเรื่องนี้ดีมาก และยิ่งดู 3D แล้วมันเป็นอะไรที่ตื่นตาตื่นใจมาก

    ส่วนบทเนื้อเรื่องอย่างที่บอกอย่าไปแคร์จุดนั้น เพราะจุดประสงค์ของ Gravity ไม่ได้อยู่บทดำเนินเรื่องซับซ้อนซ่อนเงื่อนอะไร ขอแค่มันให้ความตื่นเต้น + ความรู้เกี่ยวกับประสบการณ์ในอวกาศอย่างถูกต้องก็พอใจมากๆแล้ว เชื่อว่าผู้กำกับ Alfonso ศึกษาการท่องอวกาศ ก่อนทำหนังเรื่องนี้อย่างจริงจังได้อย่างดี อย่างไรก็ตาม ในความเรียบง่าย เคว้งคว้าง ของบท คนแต่งได้แฝงแง่คิดดีๆกลับมาด้วย

    จะไม่แปลกใจถ้าเห็นหนังเรื่องนี้เข้าชิงออสการ์ โดยเฉพาะสาขานำหญิง ถ่ายภาพ เทคนิคพิเศษ Soundtrack ประกอบ ณ.ตอนนี้ Gravity ได้คะแนน IMDB ระดับ 8.0+ | Rottentomatoes ที่ 98% Certified Fresh

    ก็สุดท้ายไม่ขอบอกอะไร นอกจากแนะนำให้ดู Gravity ในโรงจริงๆ จะ Digital หรือ 3D/4DX/IMAX จะดีมาก เพราะถ้ารอดูแผ่นหรือโหลดดู คุณอาจจะเสียอรรถรสการรับชมไปหลาย แน่นอน

    ที่มา Review วิจารณ์ Gravity ขอบคุณ Alfonso สำหรับ trip ท่องอวกาศดีๆ [No Spoil] - Pantip
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...