ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ระดมกำลังเปิดเส้นทางชายแดนเสาหินได้แล้ว
วันอังคารที่ 17 กันยายน 2556 เวลา 07:18 น.

















ระดมเครื่องจักรเปิดเส้นทางชายแดนเสาหินได้แล้ว หลังทำงานตลอดทั้งวันทั้งคืน แต่ต้องเพิ่มความระมัดระวัง โดยเฉพาะช่วงข้ามลำห้วยอาจมีน้ำป่าทะลัก


เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 17 ก.ย. นายไพบูลย์ ใจตูม ปลัดอำเภอฝ่ายป้องกันอำเภอแม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ได้ระดมกำลังคนรวมทั้งเครื่องจักรของอบจ.แม่ฮ่องสอนและอบต.เสาห่ิน ทั้งกลางวันกลางคืน เพื่อเปิดเส้นทางสายแม่สะเรียง – เสาหิน ถนนสู่ชายแดน ให้พี่น้องประชาชน 6 หมู่บ้าน 800 กว่าครอบครัว สามารถเดินทางไปมาได้ตามปกติ หลังจากถูกดินพังถล่มปิดทับเส้นทาง ไหล่ทางทรุด ซึ่งแต่ละจุดต้องใช้ระยะเวลาในการทำงานอย่างมากทั้งการไถ่เปิด และกลบถมดินถนนที่ทรุดตัวเป็นบริเวณกว้าง แต่ก็สามารถเปิดเส้นทางได้แล้ว

อย่างไรก็ตามยังไม่มั่นใจในความปลอดภัยของการใช้เส้นทางมากนัก เนื่องจากหากฝนตกลงมาต่อเนื่อง ดินอาจสไลด์อีก ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยาได้ประกาศเตือนว่าฝนจะตกเพิ่มขึ้นแน่นอนในระยะนี้ จึงฝากเตือนผู้ขับขี่ระมัดระวังขณะฝนตกหนักเมื่อวิ่งผ่านลำห้วยกว่า 50 แห่ง แต่ละจุดยังมีประมาณน้ำสูง อาจมีน้ำป่าทะลัก ทำให้เกิดอันตรายได้

ระดมกำลังเปิดเส้นทางชายแดนเสาหินได้แล้ว | เดลินิวส์

 

ชาวบ้านโผงเผงผวาน้ำมาเก็บของหนีจ้าละหวั่น
วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2556 เวลา 23:25 น.




ชาวบ้านโผงเผงรีบเก็บข้าวของหนีน้ำ หลังเขื่อนเจ้าพระยาปล่อยน้ำเพิ่มขึ้น ประกอบกับในพื้นที่ฝนพรำต่อเนื่อง เผยหากน้ำเท่าปี 54 คงย่ำแย่อีก แต่ถ้าน้อยกว่าน่าจะรอดเพราะดีดบ้านให้สูงขึ้นแล้ว


เมื่อวันที่16 ก.ย. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปสำรวจในพื้นที่ ต.โผงเผง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง พบนางทุเรียน มะลิวัลย์ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 64/1 หมู่ 6 ซึ่งปลูกบ้านพักเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูงอยู่ริมคลองโผงเผง ใกล้กับสะพานข้ามคลองโผงเผง กำลังรีบเก็บข้าวของที่จำเป็นขึ้นหนีน้ำเป็นการใหญ่

นางทุเรียน เล่าว่า เขื่อนเจ้าพระยาปล่อยน้ำเพิ่มขึ้นประกอบกับในพื้นที่มีฝนตกต่อเนื่อง ทำให้ระดับน้ำในคลองโผงเผงเพิ่มสูงขึ้นและทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนริมคลองหลายหลัง รวมถึงบ้านตนด้วย พืชผักสวนครัวที่ปลูกไว้ริมคลองเสียหายหมด ตนและสมาชิกในครอบครัวจึงช่วยกันเก็บข้าวของที่สำคัญให้พ้นน้ำ ไม่ให้เสียหายเหมือนน้ำท่วมใหญ่ปี 54 ถ้าน้ำปีนี้เท่ากับปี 54 ตนเองและครอบครัวคงต้องไปนอนในเต็นท์ริมถนนเช่นเคย แต่ถ้าระดับน้ำไม่ถึงปี 54 ก็น่าจะอาศัยกันได้เพราะดีดบ้านให้สูงขึ้่น 1.30 เมตรแล้ว

ชาวบ้านโผงเผงผวาน้ำมาเก็บของหนีจ้าละหวั่น | เดลินิวส์

 

ถ้าเรามีอำนาจนะ เรื่องแผ่นดินไหวและพายุ นี่ไม่ต้องห่วง สบายมาก เอาอยู่
ประเทศไทย สบายหายห่วง นอนหลับให้สบายเหอะ เรารับมือเอง 555

วิญญานกระต่ายป่า ข้างวัด / นักรบแสง
.

 

ภูเขาไฟระเบิดที่อินโดนีเซีย​

​

ภูเขาไฟทางตะวันตกของอินโดนีเซีย ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง ส่งกลุ่มควันหนาทึบและเถ้าละอองลอยขึ้นไปสูง 3 กม. และประชาชนหลายพันคนต้องอพยพหนีเพื่อความปลอดภัย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองคาโร ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ว่า กลุ่มควันและเถ้าละอองลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าสูงขึ้นไปราว 3 กม. หลังการปะทุครั้งที่สองในรอบสัปดาห์นี้ของภูเขาไฟ “ซินาบุง” ในเขตจังหวัดสุมาตราเหนือ บนเกาะสุมาตรา ทางตะวันตกของอินโดนีเซีย ส่งเสริมดังกึกก้องราวกับฟ้าผ่า ได้ยินได้ไกลหลายกม. นอกจากนั้นเถ้าละอองยังลอยหล่นลงมาปกคลุมพื้นที่ ทั้งหมู่บ้าน บ้านเรือนราษฎร ถนนหนทางและต้นไม้ ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัยป้องกัน รวมทั้งต้องใช้ร่ม

ประชาชนราว 3,000 คน ต้องอพยพออกจากพื้นที่ หลังจากเกิดการปะทุครั้งแรกเมื่อวันอาทิตย์ที่ 15 ก.ย.ที่ผ่านมา รวมแล้วมีผู้อพยพ 9,420 คนแล้ว ซึ่งในพื้นที่รัศมีโดยรอบ 3 กม.นั้น เจ้าหน้าที่ประกาศให้อพยพในทันทีและถือเป็นพื้นที่อันตราย

เมื่อเดือนที่แล้ว มีผู้เสียชีวิต 5 ศพและอพยพประชาชนหลายร้อยคน เพราะการระเบิดของภูเขาไฟบนเกาะเล็กๆในจังหวัดอีสต์ นูซา เตงการา แต่ที่รุนแรงที่สุดเป็นการระเบิดของภูเขาไฟ เมราปี ในชวากลาง มีผู้เสียชีวิตไปกว่า 350 ศพเมื่อปี 2553

เดลินิวส์ วันอังคารที่ 17 กันยายน 2556 เวลา 23:46 น.

น้ำท่วมใหญ่ในเม็กซิโกยอดตายพุ่ง 55 ศพ​

​

น้ำท่วมหนักในเม็กซิโก ทำให้เมืองอคาปุลโก เมืองท่องเที่ยวสำคัญตกอยู่ในสถานการณ์ปั่นป่วน เนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ติดอยู่ในพื้นที่ ทางโรงแรมต้องปันส่วนอาหาร ส่วนยอดผู้เสียชีวิตทั่วประเทศอย่างน้อย 55 ศพ

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากเมืองอคาปุลโก รัฐกูเรโร ประเทศเม็กซิโก เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ว่า อคาปุลโก เมืองตากอากาศชายฝั่งทะเลที่มีชื่อเสียงของเม็กซิโก ตกอยู่ในสถานการณ์ปั่นป่วนเมื่อวานนี้ ขณะที่ โรงแรมหลายแห่งต้องจัดสรรปันส่วนอาหารให้นักท่องเที่ยวหลายพันคนที่ติดอยู่ในพื้นที่น้ำท่วมใหญ่ หลังจากพายุกำลังแรงเคลื่อนตัวเข้าถล่มสร้างความเสียหายหนักสุดในรอบหลายสิบปี ซึ่งมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 55 ศพทั่วประเทศ โดยอาคารผู้โดยสารของสนามบินระหว่างประเทศอคาปุลโก น้ำท่วมสูงถึงเอว และถนนหลายสายสำคัญหลายสายถูกตัดขาด นักท่องเที่ยวประมาณ 40,000 คน ยังติดอยู่ในเมืองชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกแห่งนี้ หลังจากฝนตกหนักต่อเนื่องนาน 3 วัน

แม้ว่าจะมีโรงแรมหลายแห่งได้ขยายเวลาให้นักท่องเที่ยวพักอยู่ต่อไปโดยไม่คิดค่าเช่าเพิ่ม แต่หลายคนก็ยังไม่รู้ว่า พวกเขาจะสามารถเดินทางกลับบ้านได้เมื่อไหร่
ขณะที่ เจ้าหน้าที่ของสายการบิน รายงานการกลับมาให้บริการอีกครั้งหนึ่งแล้ว หลังจากฝนเริ่มซาลง แต่นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่เดินทางออกจากเมืองอคาปุลโก ก็ทำให้ต้องรอเที่ยวบินนานกว่าปกติ

เจ้าหน้าที่รัฐบาล แถลงว่า ฝนตกหนัก น้ำท่วมครั้งนี้ สร้างความเสียหายต่อรัฐกูเรโร คิดเป็นเงินสูงกว่า 5,000 ล้านเปโซ หรือ 387 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

เดลินิวส์ วันพุธที่ 18 กันยายน 2556 เวลา 05:18 น.

เผย 7 ล้านคนต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนจากวิกฤติซีเรีย​

​

ยูเอ็นเผย มีประชาชนประมาณ 7 ล้านคนที่ได้รับความเดือดร้อนจากความขัดแย้งในซีเรีย ต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเร่งด่วน ซึ่งยังมีปัญหาอยู่ เนื่องจากต้องใช้เงินจำนวนมากกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงคูเวต ซิตี้ ประเทศคูเวต เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ว่า วาเลรี อามอส ผู้ประสานงานด้านบรรเทาภัยฉุกเฉินของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น เปิดเผยวันนี้ว่า มีประชาชนประมาณ 7 ล้านคนต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนด้านมนุษยธรรม จากความขัดแย้งในซีเรีย พร้อมกล่าวว่า ความจำเป็นเร่งด่วนในปีนี้ ต้องใช้เงินสูงถึง 4,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนจำนวนของผู้ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วนนั้น กว่า 2 ล้านคนอยู่นอกซีเรีย ขณะที่อีกกว่า 4 ล้านคนไร้ที่อยู่อาศัยในประเทศ

เธอกล่าวต่อที่ประชุมในคูเวตว่า เรากำลังทำในสิ่งที่สามารถทำได้ แต่ยังไม่เพียงพอ พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงานประสานงานด้านบรรเทาภัยฉุกเฉินยูเอ็น มีเจ้าหน้าที่ประมาณ 1,000 คนอยู่ในพื้นที่ ส่วนใหญ่อยู่ในซีเรีย เธอยังกล่าวด้วยว่า ต้องใช้เงินมากในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมสำหรับเหยื่อของความขัดแย้งในซีเรีย

ทั้งนี้ มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 110,000 คนตั้งแต่เกิดความรุนแรงต่อต้านรัฐบาลของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ปะทุขึ้นในเดือนมีนาคม 2554

เดลินิวส์ วันอังคารที่ 17 กันยายน 2556 เวลา 22:39 น.

ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์

 

กทม.เตือน37จุดอ่อนน้ำท่วมทั่วกรุง
วันพุธที่ 18 กันยายน 2556 เวลา 12:04 น.


กรุงเทพมหานคร ออกเตือนชาวกรุง ระวังน้ำท่วม 37 จุดอ่อน หลังมีฝนตกหนักติดกันหลายวัน

เมื่อวันที่ 18 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรุงเทพมหานคร ออกแจ้งเตือน จุดอ่อนทั่วกรุงเทพ ที่อาจเกิดน้ำท่วมได้ง่าย หลังพายุฝนพัดกระหน่ำลงมาหนักติดกันหลายวัน มีทั้งหมด 37 จุด คือ

เขตดุสิต 4 แห่งคือ
1 ลานพระบรมรูปทรงม้า ฝั่งสวนอัมพร
2.ถนนราชวิถี ช่วงหน้าราชภัฎสวนดุสิตและเชิงสะพานกรุงธนบุรี
3.ถนนสามเสน ช่วงหน้าโรงเรียนโยธินบูรณะ
4.ถนนนครไชยศรี ช่วงหน้ากรมสรรพสมิต

เขตราชเทวี 3 จุดคือ
1.ถนนนิคมมักกะสัน ช่วงทางรถไฟถึงถนนราชปรารภ
2.ถนนพญาไทช่วงหน้ากรมปศุสัตว์
3.ถนนศรีอยุธยาช่วงสน.พญาไท และวังสวนผักกาด

เขตพญาไท 1 จุดที่ถนนประดิพัทธ์ จากแยกสะพานควายถึงคลองเปรมประชากร

เขตจตุจักร 2 จุด คือ
1.ที่ถนนรัชดาภิเษก หน้าธนาคารกรุงเทพ และ
2.ถนนงามวงศ์วานแยกเกษตร ช่วงหน้าตลาดอมรพันธ์

เขตบางซื่อ 1 จุดที่ ถนนประชาราษฎร์สาย 2 ช่วงแยกเตาปูน

เขตหลักสี่ มี 2 จุดที่
1.ถนนแจ้งวัฒนะจากคลองประปาถึงซอยแจ้งวัฒนะ 14 และ
2.ถนนงามวงศ์วาน ช่วงหน้าตลาดพงษ์เพชร

เขตสายไหม 1จุด ที่ถนนพหลโยธิน จากปากซอยพหลฯ58ถึงสุดเขตกรุงเทพฯ

เขตดินแดง 4 จุด คือ
1. ถนนดินแดง ช่วงปากซอยสุทธิพร2
2. ถนนประชาสงเคราะห์ช่วงหน้าตลาดห้วยขวาง
3.ถนนรัชดาภิเษก ช่วงหน้าห้างโรบินสัน และ
4.ถนนประชาสุข ช่วงหน้าไปรษณีย์

เขตสวนหลวง 1 จุด ที่ถนนพัฒนาการ ช่วงจากคลองลาวถึงถนนศรีนครินทร์

เขตประเวศ 1 จุด ที่ถนนศรีนครินทร์ บริเวณโรงแรมโนโวเทล

เขตพระโขนง 1 จุดที่ถนนสุขุมวิท ฝั่งขาออกช่วงหน้าตลาดบางจาก

เขตวังทองหลาง 1จุดที่ถนนลาดพร้าว ช่วงตัดกับถนนประดิษฐ์มนูธรรม

เขตบึงกุ่ม 1 จุดที่ถนนนวมินทร์ ซอยนวมินทร์36 ถึงซอยโพธิ์แก้ว

เขตบางกะปิ 1 จุดจากถนนศรีนครินทร์ ช่วงคลองกะจะถึงแยกลำสาลี

เขตพระนคร 1 จุดที่ถนนสนามไชย จากซอยเศรษฐการถึงถนนท้ายวัง

เขตสัมพันธวงศ์ มี 2 จุดคือ
1.ที่ถนนเจริญกรุง (แยกหมอมี)จากถนนแปลงนามถึงแยกหมอมี และ
2.ที่ถนนเยาวราชฝั่งเหนือ จากถนนทรงวาดถึงถนนราชวงศ์

เขตบางรัก 1 จุดที่ถนนสุรวงศ์จากใต้ทางด่วนถึงแยกสุรวงศ์

เขตสาทร 2 จุด คือ
1.ที่ถนนจันทน์จากซอยบำเพ็ญกุศลถึงไปรษณีย์ยานนาวา และ
2.ถนนสวนพลูจากถนนสาทรใต้ถึงถนนนางลิ้นจี่

เขตคลองเตย 1 จุด คือ ที่ถนนพระราม 3 ช่วงห้าแยก ณ ระนอง ถึงถนนเชื้อเพลิง

เขตวัฒนา 1 จุดที่ถนนสุขุมวิท 26

เขตบางบอน 1 จุดที่ถนนบางบอน1 จากถนนเอกชัยถึงคลองบางโคลัด

เขตบางขุนเทียน 1 จุด ที่ถนนบางขุนเทียน จากถนนพระราม2 ถึงถนนบางขุนเทียนชายทะเล

เขตทุ่งครุ 1 จุดที่ถนนประชาอุทิศ จากคลองรางจากถึงหน้าเขตทุ่งครุ

เขตบางแค 1 จุด ที่ถนนเพชรเกษม แยกพุทธมณฑลสาย2 ถึงปากซอยเพชรเกษม63

เขตตลิ่งชัน 1 จุดที่ถนนฉิมพลี จากถนนบรมราชชนนีถึงทางรถไฟสายใต้.


กทม.เตือน37จุดอ่อนน้ำท่วมทั่วกรุง | เดลินิวส์

 

เพลงขลุ่ยเพราะๆ
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=WRl7fS68X00]เพลงจีนเพราะมาก - YouTube[/ame]

 

ปภ.เตือน 15 จังหวัดอีสานระวังอันตรายจากฝนตกหนัก 18-20 ก.ย.​

​

ปภ.เตือน 15 จังหวัดภาคอีสาน ระวังอันตรายจากภาวะฝนตกหนัก จากอิทธิพลพายุดีเปรสชั่น ในช่วงวันที่ 18 - 20 ก.ย.56

เมื่อวันที่ 18 ก.ย. นายฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากการประสานข้อมูลสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่า พายุดีเปรสชั่นในทะเลจีนใต้จะเคลื่อนเข้าปกคลุมประเทศเวียดนามตอนกลาง และประเทศไทยบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือในระยะต่อไป ส่งผลให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง และด้านตะวันออกมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง ช่วงวันที่ 18 - 20 ก.ย.

จึงขอเตือนประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยบริเวณที่ลุ่มริมแม่น้ำ และที่ลาดเชิงเขา 15 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ชัยภูมิ สุรินทร์ บุรีรัมย์ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด กาฬสินธุ์ สกลนคร นครพนม มุกดาหาร อุบลราชธานี อำนาจเจริญ ศรีสะเกษ และยโสธร ติดตามพยากรณ์อากาศ และประกาศเตือนภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด รวมถึงหมั่นสังเกตสัญญาณความผิดปกติทางธรรมชาติ จะได้อพยพหนีภัยได้อย่างทันท่วงที

นายฉัตรชัย กล่าวต่อว่า ปภ.ได้ประสาน 15 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 5นครราชสีมา เขต 6 ขอนแก่น เขต 7 สกลนคร และเขต 13 อุบลราชธานี จัดเจ้าหน้าที่และมิสเตอร์เตือนภัยติดตาม เฝ้าระวังสถานการณ์ภัยตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมจัดเตรียมเครื่องมืออุปกรณ์ประจำจุดเสี่ยงให้พร้อมเผชิญเหตุ และช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ทันทีที่เกิดสถานการณ์ภัย รวมถึงตรวจสอบฝาย อ่างเก็บน้ำ คันกั้นน้ำให้อยู่ในสภาพมั่นคงแข็งแรง อีกทั้งจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังตามแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ เพื่อประกาศแจ้งเตือนภัยและอพยพนักท่องเที่ยวได้อย่างทันท่วงที

สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากภาวะฝนตกหนัก สามารถติดต่อ ขอความช่วยเหลือได้ที่ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดในพื้นที่ หรือสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป.

เดลินิวส์ วันพุธที่ 18 กันยายน 2556 เวลา 16:35 น.

เม็กซิโกระทมยอดตายพายุถล่มพุ่ง 80 ศพ​

​

จำนวนผู้เสียชีวิตจากพายุฤดูร้อน 2 ลูกที่พัดกระหน่ำชายฝั่ง 2 ด้านของเม็กซิโกพร้อมกัน เพิ่มเป็นอย่างน้อย 80 ศพ ขณะที่สภาพอากาศยังไม่มีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากพายุ 1 ใน 2 ลูกทวีกำลังแรงขึ้นอีก

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองอากาปุลโก ประเทศเม็กซิโก เมื่อวันที่ 18 ก.ย. อ้างอิงรายงานจากสำนักงานป้องกันภัยพลเรือนเม็กซิโกระบุ พายุโซนร้อน "อิงกริด" และ "มานูเอล" ที่เคลื่อนตัวเข้าถล่มเม็กซิโกในเวลาไล่เลี่ยกันตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ สร้างความเสียหายเป็นวงกว้างใน 12 รัฐ จากทั้งหมด 32 รัฐของประเทศ ทำให้เกิดฝนตกหนัก น้ำท่มและดินถล่มโดยทั่วไป ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 80 ศพ และไร้ที่อยู่อาศัยอีกกว่า 220,000 คน ถือเป็นครั้งแรกในรอบ 55 ปีที่เม็กซิโกเผชิญอิทธิพลรุนแรงของพายุ 2 ลูกพร้อมกัน

ทั้งนี้ หนึ่งในสถานที่สำคัญซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนัก คือสนามบินนานาชาติอากาปุลโก ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ซึ่งจมอยู่ใต้บาดาลทั้งหมด เจ้าหน้าที่ต้องลำเลียงนักท่องเที่ยวกว่า 40,000 คนที่ติดค้างไปใช้บริการที่สนามบินทหารแทน

อย่างไรก็ตาม ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติ ( เอ็นเอชซี ) ของสหรัฐ พบว่าพายุโซนร้อนมานูเอลกลับทวีกำลังแรงขึ้นอีก ด้วยความเร็วลมศูนย์กลาง 115 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดจะกลายเป็นพายุเฮอริเคนแล้วเคลือ่นตัวเข้าถล่มฝั่งตะวันออกของเม็กซิโกซ้ำอีกครั้งในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

เดลินิวส์ วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน 2556 เวลา 07:31 น.

พระผู้ใหญ่พม่าเรียกร้องยุติความรุนแรงทางศาสนา​

​

พระสงฆ์ที่มีอาวุโสของพม่า เรียกร้องให้ยุติความรุนแรงทางเชื้อชาติและศาสนา ระหว่างการจัดพิธีรำลึก 6 ปีเหตุจลาจลต่อต้านรัฐบาลเผด็จการทหารพม่า เพื่อจะไม่ทำลายประชาธิปไตยที่กำลังตั้งไข่

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่า เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ว่า พระภิกษุอาวุโส สันดาร์ สิริ ซึ่งเป็นผู้นำ “การปฏิวัติสีส้ม” เรียกร้องวันนี้ให้ยุติความรุนแรงทางศาสนาในพม่า ขณะที่พระสงฆ์จำนวนมากเข้าร่วมรำลึก 6 ปีของเหตุการณ์จลาจลที่ล้มเหลวในอดีตประเทศเผด็จการแห่งนี้ โดยพระสงฆ์รูปนี้ กล่าวปราศรัยต่อที่ชุมนุมสงฆ์และแขกประมาณ 100 รูป/คน ที่วัดแห่งหนึ่งในกรุงย่างกุ้ง ว่า เส้นทางประชาธิปไตยปรากฏขึ้นให้เห็นแล้ว เพื่อจะได้ไม่เป็นการทำลายประชาธิปไตย เราเรียกร้องให้ทุกคนหลีกเลี่ยงความรุนแรงทางเชื้อชาติและศาสนา

ทั้งนี้ ความรุนแรงทางศาสนา ซึ่งส่วนใหญ่เป้าหมายโจมตีอยู่ที่ชาวมุสลิม ทำให้เกิดความแตกแยกอย่างถลำลึกในพม่า ประเทศที่ประชากรส่วนใหญ่นับถือศาสนาพุทธ ซึ่งกลายเป็นเงาดำทะมึนบดบังการปฏิรูปทางการเมืองที่ได้รับเสียงชื่นชมจากนานาชาติ ตั้งแต่สิ้นสุดการปกครองของทหารในปี 2554 โดยมีประชาชนประมาณ 250 คนเสียชีวิต และมากกว่า 140,000 คน ไร้ที่อยู่อาศัยในเหตุการณ์รุนแรงที่ปะทุขึ้นในหลายเมืองตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2555 ชาวมุสลิม ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย ตกเป็นเป้าการรณรงค์ชาตินิยม ที่นำโดยพระสงฆ์หัวรุนแรงบางรูป

มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 31คน และพระสงฆ์ถูกจับกุมหลายร้อยคนในเหตุจลาจลเมื่อปี 2550 ซึ่งเริ่มต้นขึ้นจากการประท้วงต่อต้านการขึ้นราคาน้ำมัน และกลับลุกลามกลายเป็นการประท้วงใหญ่เพื่อต่อต้านการปกครองของเผด็จการทหารที่ดำเนินมาอย่างยาวนานหลายสิบปี หลังจากเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ภายใต้รัฐบาลปฏิรูปของอดีตนายพลเต็ง เส่ง เมื่อปีที่แล้ว พระสงฆ์ได้จัดการชุมนุมครั้งแรกเพื่อรำลึกเหตุการณ์ประท้วงดังกล่าว

เดลินิวส์ วันพุธที่ 18 กันยายน 2556 เวลา 17:53 น.

ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์

 

"พลังงานใหม่" ที่สะอาดและปราศจากมลพิษ !!!​

​

Chayutt สมาชิก

สาระคดีน่าชมครับ เกี่ยวข้องกับยุคพลังงานใหม่โดยตรงเลยหละครับ
เรื่อง Thrive ซึ่งตอนนี้มี Subtitle ภาษาไทยแล้วนะครับ

ต้องขอขอบคุณผู้ทำ subtitle ให้เราได้อ่าน ได้เข้าใจด้วยนะครับ

[ame="http://www.youtube.com/watch?v=px_HaA96kuE"]?????????????? Thrive - Thai Sub - YouTube[/ame]

ทางรอดของชีวิต Thrive - Thai Sub - YouTube

.........................................................................

ที่มา http://palungjit.org/threads/ข้อควา...ของมนุษยชาติ-ไปสู่มิติที่-5-a.246190/page-386

 

เหยื่อไวรัสคล้ายซาร์สในซาอุฯดับเพิ่มอีก 2 ราย​

​

ชาวซาอุฯเสียชีวิตด้วยไวรัสเอ็มอีอาร์เอส คู่แฝดซาร์ส เพิ่มอีก 2 ราย รวมผู้เสียชีวิตเฉพาะในซาอุฯ เป็น 49 ราย ทั่วโลกติดเชื้อนี้ 114 คน เสียชีวิตไป 54 ราย

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงริยาด ประเทศซาอุดีอาระเบีย เมื่อวันที่ 19 ก.ย.ว่า กระทรวงสาธารณสุขซาอุดีอาระเบีย แถลงวันนี้ว่า มีชาวซาอุดีอาระเบียเสียชีวิตเพิ่มอีก 2 ราย หลังจากติดเชื้อไวรัสคล้ายซาร์ส “เอ็มอีอาร์เอส” รวมยอดผู้เสียชีวิตจากไวรัสคล้ายซาร์ส เฉพาะในซาอุฯ เป็น 49 รายแล้ว โดยล่าสุด หญิงวัย 75 ปี ซึ่งป่วยเป็นโรคเรื้อรังอยู่แล้ว เสียชีวิตในเมืองเมดินา ทางตะวันตกของประเทศ ขณะที่ชายวัย 83 ปี ซึ่งก็ป่วยเป็นโรคเรื้อรังเช่นกัน เสียชีวิตในกรุงริยาด

กระทรวงสาธารณสุขซาอุฯ ยังระบุด้วยว่า มีผู้ป่วยรายใหม่เพิ่มอีก 3 คน รวมเป็น 107 คนที่ติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์มรณะชนิดนี้ในซาอุฯ ซึ่งเป็นประเทศที่มีการระบาดของไวรัสตัวนี้เลวร้ายที่สุด

ด้านองค์การอนามัยโลก หรือฮู ระบุเมื่อวันที่ 7 ก.ย.ว่า ได้รับแจ้งว่ามีผู้ติดเชื้อไวรัส เอ็มอีอาร์เอสทั่วโลกแล้ว 114 คน ในจำนวนนี้ มีผู้เสียชีวิตแล้ว 54 ราย ขณะที่ บรรดาผู้เชี่ยวชาญก็กำลังพยายามมอย่างหนักเพื่อทำความเข้าใจกับไวรัสเอ็มอีอาร์เอส หรือโรคระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรงตะวันออกกลาง ที่ยังไม่มีวัคซีนป้องกัน

ไวรัสเอ็มอีอาร์เอส ถูกยกให้เป็นไวรัสพี่น้องของไวรัสซาร์ส ที่ระบาดในเอเชียเมื่อปี 2546 และมีผู้ติดเชื้อ 8,273 คน ในจำนวนนี้เสียชีวิตไปร้อยละ 9

เดลินิวส์ วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน 2556 เวลา 17:01 น.

เม็กซิโกโคลนถล่มยอดตายพุ่งเฮอริเคนจ่อกระหน่ำซ้ำ​

​

พายุเฮอริเคนลูกใหม่กำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้ชายฝั่งทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ หลังพายุ2 ลูกเพิ่งพัดสร้างหายนะแผ่นดินถล่มจนมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 80 ราย และผู้คนอีกหลายสิบยังคงสาบสูญ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองอากาปุลโก ประเทศเม็กซิโก เมื่อวันที่ 19 ก.ย.ว่า นายเอนริเก้ เปนา นีเอโต ประธานาธิบดีเม็กซิโกกล่าวว่า เกิดเหตุโคลนถล่มบริเวณหมู่บ้านในพื้นที่ภูเขา ทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐเกร์เรโร ทำให้มีผู้สูญหายแล้วราว 43 ราย เสียชีวิตอย่างน้อย 15 ราย ประชาชนมากกว่า 280 รายต้องอพยพออกจากพื้นที่

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ทางการระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตขณะนี้พุ่งเป็นราว 80 ราย ทั่วประเทศ หลังจากที่พายุโซนร้อน “มานูเอล” และพายุเฮอริเคน “อินกริด” พัดเข้ากระหน่ำขนาบชายฝั่งสองด้านของประเทศ เป็นเหตุให้ฝนตกหนัก เกิดน้ำท่วมครั้งใหญ่และแผ่นดินถล่มในหลายพื้นที่

นอกจากนี้ ศูนย์พายุหมุนแห่งชาติสหรัฐ (เอ็นเอชซี)รายงานว่า พายุโซนร้อน “มานูเอล” มีกำลังลมเพิ่มขึ้นเป็น 115 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจนพัฒนากลายเป็นพายุเฮอริเคน และกำลังเคลื่อนตัวเข้าหารัฐซีนาโลอา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ

อย่างไรก็ตาม พายุทั้งสองส่งผลกระทบต่อประชาชนเม็กซิโกราว 220,000 ราย สิ่งก่อสร้างและบ้านเรือนมากมายถูกทำลาย โดยเฉพาะในเมืองอากาปุลโก โดยถนนสายหลัก2 สาย จากเมืองดังกล่าวที่มุ่งหน้าไปกรุงเม็กซิโก ซิตี เสียหายอย่างหนักจากเหตุแผ่นดินถล่ม ขณะที่ในตัวเมืองอากาปุลโก ก็ถูกน้ำท่วมอย่างหนัก นักท่องเที่ยวและชาวบ้านนับหมื่นรายถูกตัดขาดจากโลกภายนอก จนกระทั่งเมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ท้องฟ้าเริ่มโปร่งใสฝนที่ตกหนักเริ่มหยุด ทำให้เจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถเข้าไปช่วยเหลือประชาชนที่อยู่ในเมืองได้แล้ว

ทั้งนี้ สนามบินพาณิชย์ของเมืองอากาปุลโกถูกน้ำท่วมอย่างหนักจนไม่สามารถใช้การได้ชั่วคราว ทางการจึงต้องเปิดสนามบินของทหารเพื่อให้นักท่องเที่ยวมากกว่า 5,000 จากทั่วโลก ทยอยเดินทางกลับประเทศแล้ว

เดลินิวส์ วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน 2556 เวลา 14:42 น.

อัสซาดขอบคุณรัสเซียที่ช่วยให้ไม่ถูกโจมตี​

​

ประธานาธิบดีซีเรีย กล่าวขอบคุณรัสเซีย ที่ช่วยไม่ให้ถูกโจมตี ถือเป็นการสร้างความสมดุลใหม่ของโลก ขณะที่ รัสเซียระบุว่า รายงานการตรวจสอบอาวุธเคมีของคณะเจ้าหน้าที่ยูเอ็น มีอคติและเลือกข้าง ส่วนฝรั่งเศสออกมาโต้ ไม่สามารถใครสงสัยในความเป็นกลางของเจ้าหน้าที่

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงดามัสกัส ประเทศซีเรีย เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ว่า ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย ออกมากล่าวขอบคุณรัสเซีย ผู้สนับสนุนหลัก ที่ช่วยรัฐบาลของเขาในการหลีกเลี่ยงการ “โจมตีที่สร้างความเสียหาย” จากกองกำลังกบฏที่ได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจตะวันตก โดยอัสซาดกล่าวว่า รัสเซียกำลังช่วยสร้างความสมดุลของโลกใหม่ หลังจากรัสเซียคัดค้านการใช้กำลังโจมตี หากรัฐบาลดามัสกัสปฏิเสธที่จะทำตามข้อตกลงมอบอาวุธเคมีที่มีอยู่ให้องค์กรอิสระระหว่างประเทศควบคุม

แถลงการณ์ของนายอัสซาดมีขึ้นระหว่างการประชุมกับนายเซอร์เก เรียบคอฟ รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศรัสเซีย ซึ่งเขากล่าวว่า ประธานาธิบดีอัสซาด แสดงความขอบคุณต่อรัสเซียที่แสดงจุดยืนช่วยเหลือซีเรียในการป้องกันการโจมตีที่จะก่อให้เกิดความเสียหาย และป้องกันการก่อการร้ายที่ได้รับการสนับสนุนจากชาติตะวันตก ภูมิภาคและชาติอาหรับ เขากล่าวเพิ่มเติมว่า จุดยืนของรัสเซีย ต่อวิกฤติซีเรีย ก่อให้เกิดความหวังของในการสร้างความสมดุลใหม่ของโลก

นายเรียบคอฟ ซึ่งเดินทางไปยังกรุงดามัสกัสเมื่อวานนี้ กล่าวหาคณะผู้ตรวจสอบอาวุธของสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ที่เข้าไปตรวจสอบการโจมตีด้วยอาวุธเคมีในซีเรีย ว่า “ลำเลียงและเลือกข้าง” รัสเซียได้รับหลักฐานว่า ฝ่ายกบฏมีส่วนเกี่ยวข้องกับการใช้อาวุธเคมีโจมตี ขณะที่ รัฐบาลซีเรียก็ปฏิเสธการใช้อาวุธเคมีโจมตีพื้นที่ของฝ่ายค้าน และประณามว่าเป็นฝีมือกบฏ

ด้านฝรั่งเศส ออกมาปฏิเสธคำกล่าวอ้างของรัสเซียว่า รายงานของยูเอ็นเกี่ยวกับการใช้อาวุธเคมีในซีเรียนี้ ลำเอียง โดยนายโลรองต์ ฟาบิอุส รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส กล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงปารีสว่า ไม่มีใครสงสัยในความเป็นกลางของเจ้าหน้าที่ตรวจสอบที่ยูเอ็นแต่งตั้ง พร้อมกล่าวเพิ่มเติมว่า รู้สึกประหลาดใจมากต่อการยืนยันของรัสเซีย

เดลินิวส์ วันพุธที่ 18 กันยายน 2556 เวลา 20:47 น.

ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์

 

ราหูกับเสาร์ในราศีตุล‘คดีคนการเมือง’‘ก็แรง!’ แข่งดวงแตก​

​

กระแสข่าวเกี่ยวกับ “แวดวงคนการเมืองในประเทศไทย” มีประเด็น ’อื้ออึง“ เพิ่มขึ้นอีก จากการที่เมื่อวันที่ 10 ก.ย. ที่ผ่านมา ศาลฎีกา แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีการพิพากษาคดีที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีเกี่ยวกับการจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง พร้อมอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย ตามโครงการพัฒนาระบบบริหารและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. โดยอดีต รมช.มหาดไทย รายหนึ่ง ถูกตัดสิน ’จำคุก“ 12 ปี!!

คนการเมืองในไทยถูกตัดสินจำคุกอีกราย

คดีของคนการเมืองในไทยยิ่งน่าจับจ้อง??

ทั้งนี้ กล่าวสำหรับแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกานั้น ตามข้อมูลเกิดขึ้นภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 รัฐธรรมนูญฉบับที่มีการใช้อยู่ในปัจจุบัน ก็ยืนยันในหลักการเดียวกัน โดยแผนกคดีอาญาแผนกนี้มีขึ้นเพื่อรองรับปัญหาเกี่ยวกับการทุจริตและประพฤติมิชอบ ของนักการเมือง และข้าราชการระดับสูง ที่มีเพิ่มมากขึ้น เพื่อให้กระบวนการยุติธรรมในการดำเนินคดีในส่วนนี้ดำเนินการได้อย่างไม่ล่าช้า และมีประสิทธิภาพมากเพียงพอ

คดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่แผนกคดีอาญาแผนกนี้มีอำนาจพิจารณาพิพากษา คือ...1. คดีที่ นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ส.ส. ส.ว. หรือข้าราชการการเมืองอื่น ถูกกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติ กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการตามประมวลกฎหมายอาญา กระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น, 2. คดีที่บุคคลตามข้อ 1 หรือบุคคลอื่น เป็นตัวการ ผู้ใช้ ผู้สนับสนุน ในการกระทำความผิดทางอาญาตามข้อ 1, 3. คดีซึ่งประธานวุฒิสภาส่งคำร้องให้ศาลพิจารณาพิพากษาข้อกล่าวหาว่ากรรมการ ป.ป.ช. ร่ำรวยผิดปกติ กระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ, 4. คดีที่ร้องขอให้ทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้นผิดปกติของบุคคลตามข้อ 1 หรือ ผู้บริหารท้องถิ่นและสมาชิกสภาท้องถิ่น ตกเป็นของแผ่นดิน, 5. คดีที่กล่าวหาว่าบุคคลอื่นเป็นผู้ให้ ผู้ขอให้ หรือรับว่าจะให้ ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใด แก่บุคคลตามข้อ 1 เพื่อจูงใจให้กระทำ ไม่กระทำ หรือประวิงการกระทำ อันมิชอบด้วยกฎหมาย

6. คดีที่บุคคลตามข้อ 1 สมาชิกสภาท้องถิ่น เจ้าหน้าที่รัฐตามที่ ป.ป.ช.กำหนด จงใจไม่ยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบ จงใจยื่นด้วยข้อความอันเป็นเท็จ ปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้ง, 7.คดีที่นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ส.ส. ส.ว. ประธานศาลฎีกา ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ประธานศาลปกครองสูงสุด อัยการสูงสุด ถูกกล่าวหาว่าร่ำรวยผิดปกติ ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ ส่อว่ากระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ และ ป.ป.ช.มีมติว่าข้อกล่าวหามีมูล, 8. คดีที่กล่าวหาว่ากรรมการตรวจสอบหรืออนุกรรมการผู้ใดร่ำรวยผิดปกติ ปฏิบัติหน้าที่โดยขาดความเที่ยงธรรม กระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ หรือทุจริตต่อหน้าที่

ก็จะมีในส่วนของข้าราชการ และบุคคลอื่นด้วย

แต่หลัก ๆ คือคดีของ “ผู้ดำรงตำแหน่งการเมือง”

กับคดีที่แผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในศาลฎีกาเพิ่งตัดสินไป นั่นก็ส่วนหนึ่ง ซึ่งถ้าจะว่ากันถึงคดีของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและคดีของนักการเมืองในไทยในภาพรวม ปัจจุบันมีคนในแวดวงการเมืองที่มีคดีจำนวนไม่น้อย โยงอยู่กับกฎหมายหลาย ๆ ส่วน ซึ่งคงไม่อาจจะแจงได้ครบถ้วนด้วยเนื้อที่จำกัด อย่างไรก็ตาม หลังมีกรณีอดีตรัฐมนตรีถูกตัดสินจำคุก 12 ปี กระแส ’คดีที่เกี่ยวข้องกับคนการเมือง“ ก็นับว่า “อื้ออึง” ขึ้นไม่น้อยเลย และก็อาจจะมีใครที่นึก ’เสียวสันหลังว่าจะดำเนินตามรอย“ หรือไม่-อย่างไร?!?!?

ทั้งนี้ ยิ่งถ้าคนในแวดวงการเมืองที่มีคดีนั้นสนใจโหราศาสตร์ด้วย ก็อาจยิ่ง ’หวาดเสียวอิสรภาพ“ ของตนเอง?!?!? ซึ่งย้อนไปในช่วงตั้งแต่ต้นปี 2556 นักโหราศาสตร์หลายคนได้ทายทักดวงเมืองไทยในปีมะเส็งรอบนี้ไว้ประมาณว่า... ปีนี้มี 2 พระเคราะห์ใหญ่ คือดาวเสาร์ กับราหู โคจรร่วมกันอยู่ตรงราศีตุล ซึ่งตำราโหรบ่งชี้ว่า “ดวงเมืองแตก” และ ราศีตุล เป็นราศีรูปตาชั่งที่หมายถึง กฎหมาย การดำเนินการที่เกี่ยวกับกฎหมายต้องระวัง

ไม่เท่านั้น!! โหรรายหนึ่ง คือ อ.เก่งกาจ จงใจพระ ก็ได้ทายทัก “ดวงการเมืองไทย” ปีนี้ไว้ด้วยว่า... ราหู ตัวแทนศาล อยู่ในราศีตุล มีกำลังเป็นราชาโชค ดาวเสาร์ ตัวแทนผู้พิพากษา อยู่ในราศีตุล เป็นมหาอุจจ์ มีกำลังแรง และทำมุมตรีโกณดาวพฤหัสบดีในมุมอับที่ราศีเมถุน ปีนี้ คดีของนักการเมือง จากสิ่งที่ได้สร้างไว้ในอดีต ถูกฟ้องร้องนำขึ้นสู่ศาลยุติธรรม มีเกณฑ์จะถูกตัดสินอย่างเฉียบขาด!?!?! และก็อาจจะมีกรณีของคนในแวดวงการเมืองหลายพรรคและหลายฝ่าย!?!? ที่ได้รับผลในเรื่องกฎหมาย เรื่องการพิพากษา

’ถูกตัดสินอย่างเฉียบขาด“ ถึงตอนนี้ยิ่งน่าจับตา

กับคดี ’คนในแวดวงการเมือง“ จะมีใครอีก???

ที่โดน ’ราหูกับเสาร์ในราศีตุล“ ดับแสง?????.

เดลินิวส์ วันศุกร์ที่ 13 กันยายน 2556 เวลา 00:00 น.

ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์

 

ผวจ.กรุงเก่าเตือนน้ำขึ้นอีก 80 ซ.ม.​

​

ผวจ.กรุงเก่าเตือนน้ำขึ้นอีก 80 ซ.ม.พร้อมส่งหนังสือไปยังองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น แจ่้งเตือนชาวบ้านระวังผลกระทบ จ่อประกาศเป็นภัยพิบัติ

เมื่อเวลา 9.00 น.วันที่ 20 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระดับน้ำในแม่น้ำน้อย และแม่น้ำเจ้าพระยาสูงขึ้นอีก 25 ซ.ม. ทำให้น้ำเอ่อเข้าท่วมอีกหลายหมู่บ้าน ล่าสุดน้ำเข้าท่วมที่หมู่ 1 ต.ภูเขาทอง อ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งอยู่ติดแม่น้ำเจ้าพระยา โดยระดับน้ำสูงกว่าถนนในหมู่บ้านประมาณ 60-80 ซ.ม. ประชาชนต้องเดินลุยน้ำออกจากบ้าน และบางคนได้นำเรือออกมาใช้กันแล้ว และเริ่มมีการขนของขึ้นไว้ที่ถนนแล้ว

ด้าน นายวิทยา ผิวผ่อง ผวจ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่าในช่วงเช้าได้เรียกป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดฯ ชลประทาน และหัวหน้างานท้องถิ่นมาหารือและได้มีหนังสือแจ้งไปยังอำเภอเสนา บางบาล และผักไห่ ให้แจ้งกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกตำบล ให้ประชาชนขนสิ่งของขึ้นที่สูงมากกว่า 80 ซ.ม. ทั้งนี้เนื่องจากในช่วงนี้มีมรสุมต่อเนื่อง ทางเขื่อนเจ้าพระยาได้แจ้งว่าจำเป็นที่จะต้องระบายน้ำในวันที่ 21 ก.ย.นี้ในปริมาณ 1800 ลบ.ม.ต่อวินาที และมวลน้ำก้อนดังกล่าวนี้จะถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยาในวันที่ 22 ก.ย. ทำให้ระดับน้ำสูงขึ้นอย่างน้อย 70-80 ซ.ม.อย่างแน่นอน ซึ่งหากพบว่าระดับน้ำสูงขึ้นมาก ก็จะประกาศเป็นพื้นที่ภัยพิบัติทันที

เดลินิวส์ วันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2556 เวลา 09:56 น.

สุรินทร์อ่วม! น้ำท่วมหนักในรอบ 40 ปี​

​

เมืองช้างท่วมหนักในรอบ 40 ปี รถติดไม่สามารถสัญจรผ่านตัวเมืองได้ ต้องใช้ทางอื่นเลี่ยง ขณะที่น้ำจากเทือกเขาพนมดงรักยังคงไหลบ่าท่วมถนน-พื้นที่การเกษตรและหมู่บ้าน เดือดร้อนหนัก

เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ผู้สื่อข่าวประจำ จ.สุรินทร์ รายงานถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.สุรินทร์ หลังจากเกิดฝนหนักตลอดทั้งวันทั้งคืนที่ผ่านมา จากพิษ"พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ " ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมพื้นที่ทางการเกษตรทั้ง 17 อำเภอของจังหวัดสุรินทร์ และหมู่บ้านในพื้นที่ลุ่มต่ำแล้วบางส่วน

โดยเฉพาะที่บริเวณ 4 แยกเลี่ยงเมืองเทพธานี ต.สลักได อ.เมือง จ.สุรินทร์ ซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่ประชาชนใช้สัญจรผ่านไปยังกรุงเทพฯและเดินทางผ่านไปยัง จ.ศรีสะเกษ และ จ.อุบลราชธานี ถูกน้ำท่วมขังสูงกว่า 60-80 ซ.ม.รถยนต์ไม่สามารถสัญจรผ่านได้ ขณะที่รถทัวร์โดยสารและรถยนต์ส่วนบุคคลของประชาชนต่างจอดชะงักติดยาวเหยียดเพื่อรอกลับรถเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นเนื่องจากไม่สามารถสัญจรผ่านเข้าไปยังตัวเมือง จ.สุรินทร์ได้ ขณะที่รถยนต์บางคันพยายามจะฝ่ากระแสน้ำแต่ต้องจอดตายอยู่กลาง 4 แยกก็มี

ทั้งนี้น้ำท่วมตั้งแต่ 4 แยกเลี่ยงเมืองเทพธานี ไปจนถึงถนนในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ โดยเฉพาะบริเวณวิทยาลัยอาชีวะศึกษาสุรินทร์ โรงเรียนสิรินธร โรงพยาบาลสุรินทร์ ซึ่งอยู่ในตัวเมืองและถนนรวมถึงชุมชนหลายชุมชนก็ถูกน้ำเข้าท่วมหนักอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบ 40 ปี

อย่างไรก็ตามได้มีการประกาศปิดโรงเรียนที่ถูกน้ำท่วมขังในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์จนกว่าสถานการณ์จะกลับคืนสู่ภาวะปกติ นอกจากนี้มีรายงานว่าหมู่บ้านในเขต ต.ตั้งใจ อ.เมือง ก็ถูกน้ำท่วม รวมถึงถนนและเส้นทางต่างๆในพื้นที่ ต.เมืองที อ.เมือง จ.สุรินทร์ ก็ถูกน้ำท่วมตัดขาดอีกด้วย

-ขณะที่เมื่อเวลา เวลา 21.05 น.ของคืนที่ผ่านมา (19 ก.ย.) มีรายงานว่าน้ำจากเทือกเขาพนมดงรักชายแดนไทย-กัมพูชา กำลังไหลบ่าทะลักเข้ามาสมทบในพื้นที่ อ.สังขะ ทำให้ถนนหลายสายมีน้ำท่วมสูง 30 -50 ซ.ม.ขึ้นไป โดยเฉพาะที่บริเวณ 4 แยกป้อมตำรวจทางหลวง อ.สังขะ-4 แยกต้นตาลเขตเทศบาลตำบลสังขะ ที่มีน้ำท่วมถนนสูงกว่า 50 ซ.ม. ส่วนถนนสาย 24 โชคชัย-เดชอุดม ก่อนขึ้นเนิน ตชด.214 เป็นเส้นทางที่น้ำจากเทือกเขาพนมดงรักตัดผ่านมีความแรง ประชาชนผู้สัญจรต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษหวั่นเกิดอุบัติเหตุขึ้นได้

ส่วนเส้นทางจากบ้านตาพราม-บ.อามุย ต.เทพรักษา อ.สังขะ น้ำท่วมสูง รถเล็กไม่สามารถสัญจรผ่านได้ มีรายงานเพิ่มเติมว่า เมื่อช่วงเช้ามืด ชาวบ้านพยายามขับขี่รถจักรยานยนต์ฝ่ากระแสน้ำบริเวณดังกล่าวแต่ถูกน้ำซัดรถจักรยานยนต์หายไปพร้อมทั้งคนขับคนซ้อน แต่ทั้ง 2 คนสามารถว่ายน้ำขึ้นฝั่งรอดมาได้อย่างหวุดหวิดอีกด้วย นอกจากนี้ พบว่า มี 4 หมู่บ้านในตำบลพระแก้ว และหมู่บ้านตะเคียน ต.สังขะ อ.สังขะฯได้ถูกน้ำเอ่อเข้าท่วมบ้าน สูงกว่า 40 ซ.ม.แล้ว ชาวบ้านต่างเร่งเก็บสิ่งของไว้ที่สูง ส่วนถนนระหว่าง อ.สังขะ-อ.ศรีณรงค์-อ.ศรีขรภูมิ น้ำท่วมถนนสูงในหลายจุดระยะทางกว่า 10 กิโลเมตร

สำหรับ อ.ที่กำลังประสบอุทุกภัยในขณะนี้ ประกอบด้วย อ.เมือง อ.สังขะ ศรีณรงค์ ศีขรภูมิ สำโรงทาบ รัตนบุรี และอ.จอมพระ ส่วน อ.ท่าตูม และอ.ชุมพลบุรี ปริมาณน้ำในแม่น้ำมูลเริ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง คาดว่าภายใน 2-3 วันนี้ จะมีน้ำจาก จ.นครราชสีมา ไหลมาสมทบอีกระลอก อาจส่งผลกระทบให้นาข้าวและหมู่บ้านที่อยู่ติดแม่น้ำมูลถูกน้ำท่วมได้ ทั้งนี้หากฝนยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดคาดว่าเมืองช้างจะประสบอุทกภัยอ่วมในหลายพื้นที่ ซึ่งถือว่าหนักสุดในรอบ 40 ปี

เดลินิวส์ วันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2556 เวลา 08:48 น.

รุมจวกพ่อเมืองทัวร์นอก ปล่อยน้ำท่วมเมืองช้างหนักสุดในรอบ 40 ปี​

​

รุมจวกพ่อเมืองทัวร์นอก ปล่อยน้ำท่วมเมืองช้างหนักสุดในรอบ 40 ปี เจอพิษพายุดีเปรสชันซัดจมบาดาล โรงเรียนสั่งปิดชั่วคราว

เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ภายหลังกรมอุตุนิยทวิทยา ออกมาระบุว่า จ. สุรินทร์ เป็นพื้นที่ที่มีฝนตกหนักมากที่สุดในประเทศไทย ถึง 213 มิลลิเมตร จากพิษดีเปรสชันจากทะเลจีนใต้นั้น ผู้สื่อข่าวประจำจ. สุรินทร์ ได้ประมวลสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ โดยพบว่า เมื่อเวลา 21.00 น.ที่ผ่านมา ปริมาณน้ำฝนที่ตกทั้งวันทั้งคืน ประกอบกับปริมาณน้ำที่ไหลมาจากเทือกเขาพนมดงรักเขตชายแดนไทย-กัมพูชา ได้ไหลบ่าทะลักเอ่อล้นเข้าท่วมถนนหลายสาย โดยเฉพาะบริเวณ 4 แยกป้อมตำรวจทางหลวง อ.สังขะ จนถึง 4 แยกต้นตาลเขตเทศบาลตำบลสังขะ ระยะทางกว่า 3 กม. ที่พบว่าปริมาณน้ำได้ท่วมสูงพื้นถนนกว่า 60 ซม. ขณะที่ถนนระหว่าง อ.สังขะผ่านไปยัง อ.ศรีณรงค์ จนถึง อ.ศรีขรภูมิ ถูกน้ำท่วมถนนสูงกว่า 1 ฟุตในหลายจุด รวมระยะทางนับสิบกม. ถือว่าหนักสุดในรอบ 40 ปี

มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า มีหมู่บ้านถูกน้ำท่วมหนักแล้วใน 4 หมู่บ้านของ ต.พระแก้ว อ.สังขะ ที่ระดับน้ำสูงกว่า 50 ซม. ชาวบ้านต้องขนสิ่งของขึ้นที่สูง อีกทั้งปริมาณในพื้นที่ อ.สังขะกำลังเพิ่มระดับขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากฝนยังไม่มีทีท่าหยุดตก นอกจากนี้ยังพบว่ามีพื้นที่หลายอำเภอน้ำเริ่มเอ่อล้นและท่วมถนน โรงเรียนและหมู่บ้านในบางพื้นที่แล้ว ประกอบด้วย อ.สังขะ ศรีณรงค์ ศีขรภูมิ สำโรงทาบ รัตนบุรี และอ.จอมพระ ส่วน อ.ท่าตูม และอ.ชุมพลบุรี ปริมาณน้ำมูลเริ่มสุงขึ้น คาดว่าภายใน 2-3 วันนี้ จะมีน้ำจาก จ.นครราชสี ไหลมาสมทบ

ขณะที่ในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ น้ำได้เอ่อท่วมถนน บ้านเรือนประชาชน โรงเรียนในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์สูงกว่า 50 ซม. ครึ่งค่อนเมือง โรงเรียนต้องประกาศหยุดการเรียนการสอนชั่วคราวจนกว่า ฝนจะหยุดตกและรอให้ปริมาณน้ำที่ท่วมขังลดลงและเบาบางก่อน ขณะที่ชาวบ้านได้เปลี่ยนวิกฤตเป็นโอกาสอาศัยช่วงน้ำหลากออกหว่านแห่จับปลา ที่หลุดมาจากบ่อเลี้ยงต่างๆ เพื่อนำไปจำหน่ายและเป็นอาหารอีกด้วย ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า หลายพื้นที่เขตอ.เมืองสุรินทร์ น่าเป็นห่วง เนื่องจากน้ำท่วมขังสูงขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ชาวบ้านมีความเสี่ยงตลอดทั้งคืนนี้ นอกจากนี้หลายพื้นที่ยังพบต้นไม้หักโค่นจากฤทธิ์พายุด้วย

นายปริญญาธร งามแดง อายุ28ปี บ้านอยู่ย่านถนนเทศบาล2 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.สุรินทร์ กล่าวว่า อยู่มาหลายปีเพิ่งเคยเห็นปีนี้เป็นปีแรกที่ท่วมสูงขนาดนี้ เวลาเกิดน้ำท่วมก็ออกมาหว่านปลาได้ปลามาประกอบอาหารกันในครอบครัว ส่วนปีนี้ได้ปลามาก็ปล่อย วอนหน่วยงานช่วยมาแก้ไขด่วน เนื่องจากจนถึงขณะนี้ยังไม่มีส่วนราชการเข้าดูแลเลย กลัวเหลือเกินว่าคืนนี้น้ำจะท่วมมิดบ้าน แม้จะได้ตกปลาแต่คงหมดสนุก

นายพชราเพชร จำปาจีน อายุ33ปี เจ้าของร้านขายของชำ กล่าวว่า บ้านตนไม่เคยท่วมมาก่อน สูงสุดก็ท่วมริมฟุตบาตแต่ปีนี้เกิดท่วมหนักมากขึ้นเป็นเมตรเลย ตนก็ได้แต่เฝ้ารอให้ฝนหยุดตกขนข้าวของเครื่องใช้ไปเก็บไว้บนที่สูงเพราะน้ำยังไม่ไปไหน ระบายไม่ทัน ยังไหลวนอยู่รอบๆบริเวณนี้ เวลารถยนต์แล่นผ่านก็ทำให้เกิดคลื่นยักซัด โต๊ะเก้าอี้ในร้านกระเด็นไปคนละทิศคนละทางเลย

ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวพบว่า ตลอดช่วงค่ำถึงดึกที่ผ่านมา ชาวบ้านในเขตเทศบาลเมืองต่างวิพากษ์วิจารณ์ปัญหาน้ำท่วมครั้งนี้ แต่กลับไม่เห็นมีส่วนราชการเข้ามาดูแลแก้ไข ผู้สื่อข่าวจึงโทรศัพท์สัมภาษณ์ผวจ.สุรินทร์ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ โดยทราบจากผู้ใกล้ชิดว่าเดินทางไปต่างประเทศ

เดลินิวส์ วันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2556 เวลา 08:48 น.

ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์

 

ด้วยรักและห่วงใย...จากคุณลุง K_97

๒๐ ก.ย. ๕๖ ช้างหัก

นิมิต เห็นช้างหินแตกหักออกเป็นชิ้นๆ จากนั้นตัวเองก็นำแต่ละชิ้นมาประกอบกันจนเป็นรูปร่างขึ้นมา ตามตำราถ้าฝันเห็นรูปปั้นช้างจะหมายถึงความสำเร็จ

การเตรียมการเรื่องภัยพิบัติ ถึงแม้ช่วงนี้โดยเฉพาะประเทศเรา จะไม่ค่อยมีข่าวความเสียหายมากนักก็อย่าได้วางใจ การเตรียมความพร้อมอย่าแผ่วอย่าประมาท ภาพนิมิตเป็นภาพสมุติว่าจะเกิดอะไรเท่านั้น ไม่สามารถบอกวันเวลาและพื้นที่ๆเกิดได้ ต้องเฝ้าดูไปจนพ้น ปี๖๑ ถึงจะเบาใจได้

ถ้าเห็นว่าภาพสัญญาณที่ได้รับเป็นความจริง และคิดจะช่วยเหลือผู้ที่สมควรช่วย ก็ต้องบอกเล่าต่อๆกันไปให้เขาได้รับรู้ เพื่อที่เขาจะเตรียมในส่วนของตัวเองเมื่อมีภัยมาจะได้ตั้งรับได้

การคิดช่วยเหลือผู้อื่น เป็นการสร้างบารมีให้กับตัวเอง และช่วยคุ้มครองครอบครัวของตัวเองด้วย

การหนีภัย ไม่ควรอยู่โดดเดี่ยวจะอันตรายมาก ควรรวมกันเป็นหมู่คณะจะได้ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ให้หาที่ๆคิดว่าปลอดภัยอยู่ใกล้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ สิ่งสำคัญความดีต้องมีพอ

มหาประชาบดี ๙๗

ที่มา แจ้งข่าวเตือนภัยจากลุงเคอิสรา(ตัวจริง)ทางอีเมล์ครับ

 

ขอบคุณคุณเกษมที่ยังคงมุ่งมั่นทำในสิ่งที่เป็นประโยชน์รวมทั้งคุณลุงเคด้วยค่ะ
(เป็นกำลังใจทุกท่านที่มุ่งประโยชน์ส่วนรวม)

 

เอามาหัยดูกันคับสายหลวงพ่อเยี้อนคับ

 

18 อ่างเก็บน้ำสุรินทร์รับฝนอีกไม่ไหวแล้ว​

​

น้ำยังคงท่วมหนักในจังหวัดสุรินทร์ โรงเรียนสั่งปิด การจรจรอัมพาต ขณะที่ปริมาณน้ำใน 18 อ่างเต็มความจุแล้ว เตือนปชช.เร่งรับมือ

เมื่อวันที่ 20 ก.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.สุรินทร์ หลังเกิดฝนตกหนักต่อเนื่องหลายวัน ว่า น้ำยังคงท่วมหนักในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองสุรินทร์ บางแห่งน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร โรงเรียนทุกแห่งต้องสั่งปิดการเรียนการสอน ส่วนการค้าขายก็เงียบเหงา เพราะ 5 หมู่บ้านรอบเขตเศรษฐกิจก็ถูกน้ำไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือน ขณะที่รพ.สุรินทร์ มีน้ำท่วมสูงเฉลี่ย สูง 30-50 ซม.

ด้าน อ.สังขะ ระดับน้ำในเขตเทศบาลตำบลสังขะ ถนนสายสังขะ -บัวเชด ระยะทาง 3 กม. มีน้ำท่วมสูงกว่า 60 ซม. ขณะที่ถนนสาย 24 สีคิ้ว-เดชอุดม ช่วง ต.บ้านชบ ก่อนถึงสี่แยกป้อมตำรวจทางหลวงสังขะ น้ำจากเทือกเขาพนมดงรัก ยังคงไหลบ่าข้ามถนน ระดับสูง 30-50 ซม. ผู้ใช้รถต้องใช้ความระมัดระวังเป็นอย่างมาก เพราะน้ำไหลเชี่ยวกราก

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายพิภพ ดำทองสุข รองผวจ. ได้ประชุมร่วมกับนายเจษฎา บุญสุริยา ผอ.โครงการชลประทานห้วยเสนง และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามประเมินสถานการณ์และแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ซึ่งพบว่าปริมาณฝนที่เกิดจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชั่นตลอด 2 วันที่ผ่านมา มีปริมาณน้ำฝนมาก ประกอบกับน้ำที่ไหลมาจากเทือกเขาพนมดงรัก ลงสู่อ่างเก็บน้ำ 18 แห่งในจังหวัดเต็มความจุ 100เปอร์เซ็นต์แล้ว โดยมีบางแห่งเช่นที่อ่างเก็บน้ำลำพอก อ.ศีขรภูมิ ปริมาณน้ำมากเกินความจุจนล้นอ่างออกมา ทางชลประทานจึงได้แจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ท้ายอ่างเตรียมรับมือแล้ว

ขณะที่อ่างเก็บน้ำห้วยเสนง ซึ่งเป็นอ่างเก็บน้ำหลัก ปริมาณน้ำก็เกินความจุและไหลล้นสปริงเวย์ออกมา ทำให้บริเวณท้ายอ่างและหมู่บ้านใกล้เคียง ร่วมทั้งเขตเทศบาลบางส่วนน้ำเริ่มไหลเข้าท่วมแล้ว นอกจากนี้ผู้คนจำนวนมากต่างพากันไปเที่ยวและเล่นน้ำที่ล้นออกมาอย่างสนุกสนาน อย่างไรก็ตามคาดหมายกันว่า หากมีฝนตกลงมาอีกก็จะทำให้เกิดน้ำท่วมสูงขึ้นกว่าที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน

เดลินิวส์ วันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2556 เวลา 20:10 น.

ราษฏรแม่ลาน้อยปลื้มรับถุงยังชีพพระราชทาน​

​

ราษฏรผู้ประสบภัยแม่ลาน้อย สุดปลาบปลื้มรับถุงยังชีพพระราชทานช่วยเหลือผู้ประสบภัย ภายหลังพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงห่วงใยราษฏร โปรดเกล้าฯให้ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ มอบถุงยังชีพแม่ฮ่องสอน 1500 ครอบครัว

วันนี้ (20 ก.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ จัดหน่วยสงเคราะห์เคลื่อนที่ ออกไปช่วยเหลือราษฎรที่ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัย ในท้องที่ จ.แม่ฮ่องสอน เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่ราษฎรที่กำลังประสบความเดือดร้อนอยู่ในขณะนี้ โดย มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้มอบให้นายกองเอก วิลาศ รุจิวัฒนพงศ์ ประธานฝ่ายบรรเทาทุกข์ และ คณะจากส่วนกลาง พร้อมกรรมการมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน เดินทางไปมอบเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ราษฎรที่ประสบอุทกภัย ณ ศาลาประชาคมอ.แม่ลาน้อย จำนวน 500 ครัวเรือน โดยมี นายทวีศักดิ์ วัฒนธรรมรักษ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน หัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้การต้อนรับ โดยในช่วงเช้าที่ผ่านมา คณะได้เดินทางมอบให้กับราษฏรในพื้นที่ อ.ปาย 500 ครอบครัว อ.ขุนยวม 500 ครอบครัว รวมทั้งหมดที่ราษฏรจังหวัดแม่ฮ่องสอนได้รับความเดือดร้อนและได้รับมอบถุงยังชีพพระราชทาน 1,500 ครัวเรือน

สำหรับสภาพปัญหาและความเสียหายในท้องที่ จ.แม่ฮ่องสอน ฝนที่ยังคงตกต่อเนื่องในหลายอำเภอ ของ จ.แม่ฮ่องสอน หลายหมู่บ้านบนยอดดอยยังคงได้รับผลกระทบจากน้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม เส้นทางคมนาคมยากลำบาก จากน้ำกัดเซาะเส้นทาง

เดลินิวส์ วันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2556 เวลา 18:44 น.

สคร.7 เตือนระวังโรคร้ายมากับน้ำ​

​

สคร.7 เตือนระวังโรคร้ายมากับน้ำ แนะประชาชนเร่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคโดยการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

เมื่อวันที่ 20 ก.ย. นพ.ศรายุธ อุตตมางคพงค์ ผอ.สำนักงานป้องกันควบคุมโรคที่ 7 (สคร.7) อุบลราชธานี เปิดเผยว่า ในระยะนี้มีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน และสภาพอากาศเปลี่ยนเเปลงเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคหลายชนิด ที่สามารถแพร่ระบาดได้ง่ายและรวดเร็ว หากประชาชนดูแลรักษาสุขภาพอนามัยไม่ถูกต้อง อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการเจ็บป่วยด้วยโรคต่างๆ ซึ่งสามารถแพร่ระบาดได้ง่ายและรวดเร็ว เช่น ไข้เลือดออก โรคติดต่อของระบบทางเดินอาหาร โรคติดเชื้อทางผิวหนัง โรคติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ อันตรายที่เกิดจากสัตว์มีพิษ รวมทั้งอันตรายจากการจมน้ำและไฟฟ้าดูด

ซึ่งโรคที่มักเกิดการระบาดได้ในช่วงฤดูฝน ที่พบบ่อยได้แก่ 1.กลุ่มโรคทางเดินหายใจ 5 โรค ได้แก่ โรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ คออักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ หรือปอดบวม ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียในอากาศ ติดต่อกันง่ายโดยการไอ-จาม หากป่วยเป็นปอดบวมอาจเสียชีวิตได้ อาการคือ มีไข้สูง หายใจเร็วหรือเหนื่อยหอบ 2.โรคติดต่อทางน้ำและอาหารที่พบบ่อยคือ การกินเห็ดพิษ ดื่มน้ำหรือกินอาหารที่มีเชื้อโรคปนเปื้อน 3.โรคที่เกิดจากยุงและสัตว์ต่างๆ 4.โรคที่พบบ่อย คือ ไข้เลือดออกจากเชื้อไวรัสในยุงลาย โรคมาลาเรียซึ่งมียุงก้นปล่องในป่ากัด โรคไข้สมองอักเสบ เจ อี (Japanese Encephalitis) เกิดจากถูกยุงรำคาญในทุ่งนากัด และโรคเลปโตสไปโรซิส หรือโรคไข้ฉี่หนู เชื้อจะปะปนในดินโคลนที่ชื้นแฉะ ทั้ง 4 โรคจะมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะมาก โดยโรคฉี่หนูจะมีอาการเด่น คือ ปวดกล้ามเนื้อโดยเฉพาะที่น่องและโคนขาอย่างรุนแรงตาแดง 4.โรคที่เกิดจากการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย เช่น โรคมือเท้าปาก เกิดจากเชื้อไวรัสคอกซากีไวรัส เอนเทอโรไวรัส และ 5.โรคที่มักเกิดในภาวะน้ำท่วมมี 2 โรค ได้แก่ โรคตาแดงจากเชื้อไวรัสที่อยู่ในน้ำสกปรกเข้าตาโรคน้ำกัดเท้าจากเชื้อรา

ดังนั้นประชาชนควรเร่งสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคโดยการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ งดสูบบุหรี่ รักษาร่างกายให้อบอุ่นอยู่เสมอ ล้างมือ ล้างเท้าให้สะอาดหลังลุยน้ำย่ำโคลน หรือสวมรองเท้าบู๊ท หลีกเลี่ยงการเดินในพื้นที่ชื้นเเฉะ เพื่อป้องกันโรคฉี่หนู ป้องกันอย่าให้ยุงกัด โดยนอนในมุ้ง ทายากันยุงจากพืชธรรมชาติ ทำลายเเหล่งเพาะพันธุ์ยุงลายรอบบ้าน หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ป่วยที่เป็นไข้หวัด ล้างมือบ่อยๆด้วยน้ำเเละสบู่ เเละดูเเลบ้านเรือนให้สะอาด เพื่อไม่ให้สัตว์นำโรคเเละสัตว์มีพิษหนีน้ำมาอาศัยในบ้าน ที่สำคัญหากประชาชนเจ็บป่วยหรือไม่สบาย ขอให้รีบไปพบแพทย์ทันที และถ้ามีข้อสงสัยถึงอาการของโรคและวิธีปฏิบัติ สามารถติดต่อได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลฮอตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข โทรศัพท์ 1422 และศูนย์ปฏิบัติการกรมควบคุมโรค โทรศัพท์ 0-2590-3333.

เดลินิวส์ วันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2556 เวลา 16:19 น.

ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์

 

ไต้ฝุ่น “อูซางิ” จ่อถล่มซ้ำฟิลิปปินส์ ไต้หวันและจีน-พร้อมรับมือเต็มที่​

​

พายุไต้ฝุ่น “อูซางิ” จ่อถล่มฟิลิปปินส์ ไต้หวันและจีน ในสุดสัปดาห์นี้ ทั้ง 3 ชาติ เตรียมพร้อมรับมือแล้ว พร้อมเตือนเรือประมงและประชาชนให้ระวังน้ำท่วมฉับพลัน ดินถล่ม และคลื่นทะเลยกตัวสูง คาดว่าจะเป็นพายุที่รุนแรงที่สุดในปีนี้

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 20 ก.ย.ฟิลิปปินส์และไต้หวัน เตรียมพร้อมรับมือพายุไต้ฝุ่น “อูซางิ” ซึ่งเจ้าหน้าที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยา ระบุว่า อาจเป็นพายุไต้ฝุ่นที่มีกำลังแรงที่สุดในปี 2556 โดยขณะนี้ ไต้ฝุ่นลูกนี้เคลื่อนตัวอยู่ห่างจากภาคตะวันออกเฉียงใต้ ค่อนไปทางตะวันออกของไต้หวันประมาณ 560 กิโลเมตร และห่างจากภาคเหนือของฟิลิปปินส์ 360 กิโลเมตรในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งทั้งไต้หวันและฟิลิปปินส์ ได้ประกาศเตือน และเตือนเรือประมงให้เพิ่มความระมัดระวัง พายุลูกนี้คาดว่าจะพัดเข้าถล่มจีนในช่วงสุดสัปดาห์นี้

ปากาซา สำนักงานพยากรณ์อากาศของฟิลิปปินส์ แถลงว่า ไต้ฝุ่น “อูซางิ” เคลื่อนตัวด้วยกำลังลม 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และทวีความรุนแรงมากขึ้นในวันนี้ เจ้าหน้าที่รัฐบาลฟิลิปปินส์ประกาศเตือนพายุลูกนี้แล้วว่า จะทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน ดินถล่มและคลื่นทะเลยกตัวสูง หรือสตอร์ม เซิร์จ ในหลายจังหวัดทางภาคเหนือของประเทศ ซึ่งขณะนี้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยฉุกเฉินและสาธารณสุข เตรียมพร้อมให้ความช่วยเหลือประชาชนไว้แล้ว

ขณะเดียวกัน สำนักงานพยากรณ์อากาศของไต้หวัน ก็ประกาศเตือนเมื่อเช้าวันนี้ และคาดว่าจะมีฝนตกหนักทางภาคเหนือและตะวันออกของเกาะไต้หวัน ขณะที่ สำนักงานมหาสมุทรของจีน ก็ประกาศเตือนภัยพายุไต้ฝุ่น ฉุกเฉินชั้นที่ 1 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในการตอบโต้ภัยพิบัติทางทะเลของจีน ส่วนศูนย์พยากรณ์อากาศแห่งชาติของจีน ก็ประกาศเตือนภัยสีเหลือง ในระดับการเตือนภัยสภาพอากาศด้วย

ทั้งนี้ ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 คน และไร้ที่อยู่อาศัยหลายพันคน หลังจากไต้ฝุ่นอูตอร์ พัดถล่มภาคเหนือของฟิลิปปินส์

เดลินิวส์ วันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2556 เวลา 13:00 น.

พม่าแผ่นดินไหว 2 ครั้งซ้อน​

​

เกิดเหตุแผ่นดินไหวในพม่าขนาด 5.6 ริกเตอร์ ห่าง อ.ปางมะผ้า แม่ฮ่องสอน 665 กม. เบื้องต้นไม่มีรายงานความเสียหาย

เมื่อเวลา 18.52 น. วันที่ 20 ก.ย. ศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติรายงานว่า เกิดเหตุแผ่นดินไหวบนบก บริเวณพรมแดนประเทศพม่า – อินเดีย ห่างจาก อ. ปางมะผ้า จ. แม่ฮ่องสอน 665 กม. แรงสั่นสะเทือนขนาด 5.6 ริกเตอร์ เบื้องต้นไม่มีรายงานความเสียหาย และไม่มีผลกระทบต่อประเทศไทย ซึ่งหากมีข้อมูลเพิ่มเติมทางศูนย์เตือนภัยพิบัติแห่งชาติจะแจ้งให้ทราบต่อไป ต่อมาเวลา 19.24 น. ได้เกิดแผ่นดินไหวในพม่าซ้ำเป็นครั้งที่ 2 วัดแรงสั่นสะเทือนได้ 5.7 ริกเตอร์ ห่างจากทิศตะวันตกเฉียงเหนือของ อ.ปางมะผ้า 423 กม. ยังไม่มีรายงานความเสียหายเช่นเดียวกัน

เดลินิวส์ วันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2556 เวลา 20:06 น.

ยอดตายพายุถล่มเม็กซิโกทะลุ 100 ศพ​

​

ชาวเม็กซิโกส่วนใหญ่ยังคงเผชิญกับสภาพอากาศเลวร้าย ที่ทำให้เกิดฝนตกหนัก และดินถล่มตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 100 ศพ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองลา ปินตาดา ประเทศเม็กซิโก เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ว่านายลูอิส เฟลิเป ปูเอนเต ผู้ประสานงานสำนักงานป้องกันภัยพลเรือนเม็กซิโก แถลงถึงจำนวนผู้เสียชีวิตจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน "อิงกริด" และ "มานูเอล" ซึ่งเคลื่อนตัวเข้าถล่มชายฝั่งตะวันตกและตะวันออกของประเทศในเวลาไล่เลี่ยกัน เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ว่าอยู่ที่อย่างน้อย 97 ศพ ในจำนวนนี้ 65 ศพ พบที่รัฐเกร์เรโรเพียงแห่งเดียวเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม มีรายงานการเกิดดินถล่มทับหมู่บ้านแห่งหนึ่งในเมืองลา ปินตาดา ในรัฐเกร์เรโร เมื่อวันพุธ ฝังกลบชาวบ้านทั้งเป็นเกือบ 70 ศพ ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยค้นพบร่างผู้เสียชีวิตแล้ว 15 ศพ ดังนั้น หากรวมกับจำนวนผู้เสียชีวิตจากอุทกภัย ตัวเลขจะอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 100 ศพ และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้อนรก เนื่องจากกระบวนการค้นหายังไม่เสร็จสิ้น

ขณะที่ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติ ( เอ็นเอชซี ) ของสหรัฐ พบความเปลี่ยนแปลงว่า พายุโซนร้อนมานูเอลทวีกำลังแรงเป็นพายุเฮิริเคนระดับ 1 ตามมาตรวัดพายุซัฟเฟอร์-ซิมป์สัน นอกจากนี้ ยังพบการก่อตัวของพายุโซนร้อนลูกใหม่นอกชายฝั่งตะวันออกของเม็กซิโกด้วย ทำให้ชาวเม็กซิโกยังต้องรับมือกับสภาพอากาศอันเลวร้ายต่อไปอีก

เดลินิวส์ วันศุกร์ที่ 20 กันยายน 2556 เวลา 09:47 น.

ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์

 

ฝันเห็นจานบิน บางอย่าง เหมือนในหนัง ฝันชัดเจน

ส่งผู้บุกรุกลงมา ทำให้โลก สิ่งมีชีวิต ฯ เสียหายโดยสิ้นเชิงไปโซน ๆหนึ่งเลยที่เดียว แต่การบุกรุกเพื่อเพิ่มพื้นที่ก็มีเรื่อย ๆ แต่ก็โดนต้านไว้ได้โดยชาวโลก

 

แม่น้ำป่าสักเพิ่มระดับ วัดดังเมืองกรุงเก่าน้ำท่วมแล้ว​

​

ปภ.กรุงเก่าแจ้งระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักเพิ่มสูงขึ้นอีก 50-80 เซนติเมตร มีผลทำให้บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ ขณะที่แม่น้ำเจ้าพระยาล้นเอ่อท่วมวัดกษัตราธิราชวรวิหาร แล้ว

เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 22 ก.ย. นายอุดมศักดิ์ ขาวหนูนา หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำในวันนี้พบว่า เขื่อนเจ้าพระยาระบายอยู่ที่ 1,912 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ผ่านอ่างทอง 1,942 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ผ่านบ้านป้อม พระนครศรีอยุธยา 990 เพิ่มขึ้น 78 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ผ่านคลองโผงเผง 630 คลองบางบาล 170 เพิ่มขึ้น 20 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จึงมีผลทำให้แม่น้ำป่าสักมีระดับน้ำสูงขึ้นอีก 50 - 80 เซนติเมตร ประกอบกับเขื่อนพระรามหก ระบายน้ำอยู่ที่ 550-600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที

ขณะเดียวกัน บ้านที่อยู่ริมแม่น้ำป่าสัก บริเวณหน้าศาลแขวงอยุธยา มีบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบจากน้ำล้นตลิ่ง น้ำไหลเข้าท่วมชั้นล่าง เจ้าของบ้านเร่งขนย้ายสิ่งของไว้ที่สูง ซึ่งประชาชนที่มีบ้านเรือนอยู่ริมตลิ่ง น้ำจะท่วมเช่นนี้เป็นประจำทุกปี ส่วนที่วัดกษัตราธิราชวรวิหาร อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา พบว่าปริมาณน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาที่ไหลผ่านบริเวณหน้าวัด เริ่มไหลเอ่อเข้าท่วมวัดแล้ว หลังจากที่ระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องวันละ 10 – 20 เซนติเมตร ทำให้ทางวัดต้องรีบเร่งป้องกันน้ำที่ไหลเข้าท่วมแล้ว

เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2556 เวลา 10:27 น.

ทหารมอบถุงยังชีพให้ผู้ประสบภัยในศูนย์อพยพ​

​

ทหารมอบถุงยังชีพให้ผู้ประสบภัยในศูนย์อพยพ ก่อนระดมกำลังพล 200 นาย อพยพชาวบ้านใน 2 ตำบลที่ถูกน้ำท่วมหนัก

เมื่อเวลา 08.00 น. พลตรี นิรุทธ เกตุสิริ ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกสุรินทร์ มอบถุงยังชีพให้กับประชาชนที่อพยพมายังศูนย์อพยพชั่วคราว สโมสรนายทหาร ค่ายวีรวัฒน์โยธิน จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งเป็นผู้ประสบอุทกภัยจากชุมชนไตรรงค์และหมู่บ้านถาวรนิเวศน์ หมู่ที่ 13 บ้านโสน ตำบลนอกเมือง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์

จากนั้นได้นำรถบรรทุกขนาดใหญ่ 7 คัน เรือ 5 ลำและกำลังพล 200 นาย ออกให้ความช่วยเหลือชาวบ้านในพื้นที่ ตำบลเฉนียง และ ตำบลนอกเมือง ซึ่งถูกน้ำเอ่อเข้าท่วมสูงกว่า 1 เมตร ซึ่งถือว่าเป็นสถานการณ์น้ำท่วมที่รุนแรงที่สุดในรอบ 30 ปี

อย่างไรก็ตาม ผู้บังคับการจังหวัดทหารบกสุรินทร์ ได้กำชับให้กำลังพลทั้งหมด อยู่ช่วยเหลือในพื้นที่ จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย โดยเน้นให้จัดลำดับการช่วยเหลือผู้สูงอายุ เด็กและสตรี เป็นลำดับแรก..

เดลินิวส์ วันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2556 เวลา 19:52 น.

พายุ "อุซางิ" เคลื่อนตัวมุ่งหน้าเข้าจีน​

​

พายุไต้ฝุ่น “อุซางิ” มุ่งหน้าจีนตอนใต้ เตือนจะเดินทางเกาะไต้หวัน ฮ่องกง และมณฑลกวางตุ้งตรวจสอบสภาพอากาศเสียก่อน

เมื่อวันที่ 22 ก.ย. กรมอุตุนิยมวิทยา รายงานสภาพอากาศว่า ขณะนี้มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามันภาคใต้และอ่าวไทย ทำให้บริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูง 2-4 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณดังกล่าวระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือ และเรือเล็กที่มีความยาวน้อยกว่า 10 เมตร หรือ 5 วา ควรงดออกจากฝั่งในระยะ 2-3 วันนี้ ในขณะที่หย่อมความกดอากาศต่ำยังคงปกคลุมบริเวณตอนกลางของประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ยังคงทำให้บริเวณภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีฝนตกชุกและมีฝนตกหนักบางพื้นที่

อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “อุซางิ” (USAGI) บริเวณตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะไต้หวัน กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตกค่อนทางเหนือเล็กน้อย และจะเคลื่อนตัวเข้าสู่ประเทศจีนตอนใต้ประมาณวันที่ 23 ก.ย.นี้ สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปเกาะไต้หวัน ฮ่องกง และมณฑลกวางตุ้ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ควรตรวจสอบสภาพอากาศก่อนเดินทาง.

เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2556 เวลา 09:57 น.

ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์

 

โคลนถล่มเริ่มคลี่คลายเม็กซิโกเร่งหาผู้รอดชีวิต​

​

เจ้าหน้าที่เม็กซิโกเริ่มเปิดใช้งานถนนที่เสียหาย พร้อมทั้งเร่งนำนักท่องเที่ยวจำนวนหลายหมื่นคนที่ติดอยู่ในเมืองอากาปุลโก ซึ่งถูกตัดขาดจากโลกภายนอกเนื่องจากน้ำท่วมสูง เดินทางทยอยกลับประเทศ

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองอากาปุลโก ประเทศเม็กซิโก เมื่อวันที่ 20 ก.ย.ว่า นักท่องเที่ยวราว 40,000 ชีวิต กำลังเดินทางออกนอกเมืองอากาปุลโก หลังติดอยู่นาน1สัปดาห์ ทั้งนี้ พื้นที่ครึ่งหนึ่งของเมืองดังกล่าวถูกน้ำท่วมเสียหาย อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยวผู้โชคดีราว 24,000 ราย สามารถใช้สนามบินทหารที่ทางการเปิดให้ใช้ฉุกเฉิน เพื่อขึ้นเครื่องบินกลับประเทศสำเร็จแล้ว นอกจากนี้ น้ำที่ท่วมสูงทำให้จระเข้หลายตัวหลุดออกมาจากฟาร์มเลี้ยง

ขณะที่หน่วยกู้ภัยยังคงต้องเร่งค้นหาผู้สูญหายอีกจำนวนหนึ่งจากเหตุการณ์โคลนถล่ม บริเวณหมู่บ้าน “ลา ปินตา”ในเขตภูเขา รัฐเกร์เรโร ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ

เม็กซิโกถูกพายุเฮอริเคน “อินกริด”และพายุโซนร้อน “มานูเอล” พัดถล่มขนาบชายฝั่งทั้ง2ด้านของประเทศ ทำลายบ้านเรือนประชาชนไปกว่า 10,000 หลัง เป็นเหตุให้เกิดน้ำท่วมสูงและโคลนถล่ม จนมีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 100 ราย นอกจากนี้ พายุโซนร้อนมานูเอล ยังทวีกำลังลมกลายเป็นพายุเฮอริเคนเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา พัดเข้าถล่มรัฐซีนาโลอา ส่งผลกระทบต่อผู้คนราว 100,000 ราย มีและรายงานผู้เสียชีวิต 3 ราย อย่างไรก็ตาม รัฐที่ได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ รัฐเกร์เรโร ซึ่งมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 65 ราย

เดลินิวส์ วันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2556 เวลา 10:31 น.

ซูเปอร์ไต้ฝุ่น "อูซางิ" ขึ้นฝั่งที่ฟิลิปปินส์แล้ว​

​

ซูเปอร์ไต้ฝุ่น "อูซางิ" เคลื่อนตัวเข้าถล่มฟิลิปปินส์เป็นประเทศแรก ทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองเป็นวงกว้าง อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 21 ก.ย. ศูนย์พายุเฮอริเคนแห่งชาติ ( เอ็นเอชซี ) ของสหรัฐ รายงานว่า พายุไต้ฝุ่น อูซางิ เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งที่จังหวัดบาตาเนส ซึ่งเป็นหนึ่งในเกาะย่อยของเกาะลูซอน ทางตอนเหนือของฟิลิปปินส์ เมื่อเวลา 04.00 น. ตามเวลามาตรฐานสากล ( 11.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ) ด้วยความเร็วลมที่สูงถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เทียบเท่าพายุเฮอริเคนระดับ 4 จาก 5 ระดับ ตามมาตรวัด ซัฟเฟอร์-ซิมป์สัน ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักทั่วทั้งเกาะ ทางการฟิลิปปินส์ประกาศยกระดับเตือนภัยธรรมชาติเป็นขั้นสูงสุด และอพยพประชากรแล้วกว่า 100 ครัวเรือน

ขณะที่ทางการไต้หวันประกาศเตรียมพร้อมรับมืออย่างเต็มที่ เนื่องจากตั้งอยู่ในเส้นทางที่พายุจะเคลื่อนตัวผ่านต่อไปเช่นกัน โดยสั่งอพยพประชาชนล่วงหน้าแล้ว 2,500 คน ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่อาศัยอยู่ทางตะวันออกและทางใต้ พร้อมกับเตรียมกำลังทหารไว้ช่วยเหลือผู้ประสบภัยกว่า 25,000 นาย

ส่วนทางการฮ่องกงประกาศเตือนภัยพายุในระดับ "รุนแรง" และเตือนให้ประชาชนเพิ่มความระมัดระวัง หากมีความจำเป็นต้องออกนอกเคหะสถาน ด้านสายการบินคาร์เธย์ แปซิฟิก ประกาศยังให้บริการตามปกติ แต่อาจต้องระงับเที่ยวบินบางเส้นทางในอนาคตอันใกล้นี้

ล่าสุดทางการจีนยกระดับเตือนภัยพายุเป็นสีแดง หรือขั้นสูงสุด โดยเฉพาะในมณฑลกวางตุ้ง เจ้อเจียง และฝูเจี้ยน ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ อันเป็นเส้นทางเคลื่อนผ่านของพายุ

เดลินิวส์ วันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2556 เวลา 12:43 น.

ยุโรปหวั่นผู้ลี้ภัยซีเรียทะลักเข้าประเทศ​

​

สหภาพยุโรป (อียู)เปิดเผยว่า พวกเขาอาจต้องแบกรับภาระผู้ลี้ภัยชาวซีเรียที่กำลังทะลักเข้ามาในยุโรปเนื่องจากเหตุการณ์ความขัดแย้งไม่มีแนวโน้มว่าจะสิ้นสุดลงเร็วๆนี้

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เมื่อวันที่ 21 ก.ย.ว่า เหตุการณ์ความขัดแย้งที่พัฒนากลายเป็นสงครามกลางเมืองซีเรียซึ่งยืดเยื้อมานานกว่า 30 เดือน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 110,000 คน ผู้ที่ต้องอพยพลี้ภัยมาอาศัยอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านมีจำนวนราว 2 ล้านคน นอกจากนี้ ประชาชนภายในประเทศที่ต้องไร้ที่อยู่อาศัยมีจำนวนราว 4 ล้านคน

คณะกรรมาธิการยุโรป ออกแถลงการณ์เตือนประเทศในภูมิภาคให้เตรียมกับจำนวนผู้ลี้ภัยจากซีเรียที่มีแนวโน้มจะเพิ่มมากขึ้นทุกที โดยเฉพาะหากซีเรียถูกสหรัฐใช้ขีปนาวุธยิงถล่ม เจ้าหน้าที่หนึ่งในคณะกรรมาธิการกล่าวว่า ประชาชนซีเรียเริ่มหมดหวังกับสถานการณ์ภายในประเทศมากขึ้น พวกเขาจึงมีเป้าหมายในการอพยพมาแสวงหาความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในยุโรป และประเทศที่เป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งขณะนี้คือ อิตาลี เนื่องจากผู้อพยพซีเรียมักใช้เส้นทางจากอียิปต์โดยสารเรือในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแล้วมาขึ้นฝั่งที่อิตาลี โดยเฉพาะในแคว้นปกครองตนเองซิซิลี ทางตอนใต้ของประเทศ ทำให้อิตาลีต้องแบกรับผู้ลี้ภัยแล้วกว่า 4,600 คน ภายในปี 2556นี้ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วที่มีเพียง 369 คน ทั้งนี้ นายแองเจลิโน แอลเฟโน รมว.มหาดไทย ต้องออกมาประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน เนื่องจากเขตดังกล่าวกำลังเต็มไปด้วยผู้อพยพ แต่อิตาลีได้เตรียมรับมือด้วยการเตรียมเตียงผู้ลี้ภัยสำรองไว้แล้วจำนวน 16,000 เตียง

นอกจากนี้ ข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) ได้ออกมาเรียกร้องให้อียูตกลงเตรียมรับผู้อพยพชาวซีเรียจำนวน10,000 คน แล้ว โดยเยอรมนีสัญญาว่าจะรับไว้ 5,000 คน ออสเตรียและฟินแลนด์จะรับไว้ประเทศละ 500 คน ขณะที่อังกฤษประกาศว่า จะให้เงินชดเชยแทนแต่ไม่ยอมรับผู้อพยพเข้าประเทศ ส่วนฝรั่งเศสยังคงนิ่งเฉยไม่ให้คำตอบใดๆ ทั้งนี้ นายโฮเซ มานูเอล บาร์โรโซ ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ต้องให้เงินสนับสนุนยูเอ็นเอชซีอาร์เป็นจำนวนกว่า 400 ล้านยูโร (16,800 ล้านบาท)

เดลินิวส์ วันเสาร์ที่ 21 กันยายน 2556 เวลา 14:41 น.

ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์

 

ข้าวสารอาหารแห้ง น้ำมันและปัจจัยสี่ จะแพงสุดๆในปีหน้า 2557 !!!​

(ท่านผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณอย่างสูง)​

​

สาส์นจากป่าลึกของครูบาอาจารย์ ฉบับที่ 1

1. สงครามเกิดขึ้นแน่นอน แต่ไม่เรียกว่าสงครามโลกครั้งที่สาม เพราะไม่ได้แย่งออกเป็นสองขั้วสองฝ่ายอย่างในอดีตที่ผ่านมา แต่เป็นสงครามกองโจรหรือสงครามใหญ่ มีความโหดร้ายทารุณสูงสุดเท่าที่โลกเคยพบเคยเห็นมา

โดยแบ่งฝ่ายได้ดังนี้

1.1 จีน เกาหลีเหนือ รัสเซีย อินเดีย
1.2 อเมริกา อังกฤษ อิตาลี ยุโรปและเกาหลีใต้
1.3 ฝ่ายตะวันออกกลาง ที่เป็นสาวกกองโจรของอุสมา บินลาดีน
1.4 ฝ่ายที่ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดๆ เช่น ญี่ปุ่น ไทย

2. คดีเขาพระวิหาร ฝ่ายไทยจะมีชัย ทำให้ฝ่ายเขมรเดือดร้อน ประกอบกับแมนโนซิตตี้หน้าเหลี่ยมวางแผนกลับบ้าน จึงเกืดเป็นการจุดชนวนสงครามกับบ้านเรา ประมาณกลางเดือนพฤษภานี้

3. ราคาทองคำจะผันผวนอยู่แค่ระยะไม่เกิน 1 ปี และราคาทองจะตกถึงบาทละหมื่นหรือต่ำกว่านั้น หลังจากนั้นภายในปี 2557 ราคาทองจะพุ่งสูงสุดจนไม่สามารถกำหนดราคาที่แท้จริงได้อีกต่อไป ตลอดช่วงภาวะะสงครามใหญ่คราวนี้ 2556-2558

4. ข้าวสารอาหารแห้ง น้ำมันและปัจจัยสี่ จะแพงสุดๆในปีหน้า 2557

5. ปีนี้ภัยพิบัติทั่วโลก จะรุนแรงถึงขีดสุด ได้แก่ อัคคีภัย(ไฟป่ามรณะ) แผ่นดินไหวทั้งบนบกและใต้น้ำ น้ำท่วมเนื่องจากภาวะน้ำแข็งขั้วโลกละลายหมดสิ้นและซุปเปอร์ซึนามิ เกิดความเสียหายทั่วโลก ประมาณสามสิบเปอร์เซ็นต์ สำหรับประเทศไทย เสียหายน้อยที่สุดคือไม่เกินสิบเปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งสองฝั่ง และภาคใต้ส่วนใหญ่ โดยเฉพาะเขตที่ติดชายทะเล

จึงเรียนมาเพื่อให้ญาติธรรมคนไทย ใจรักชาติรักพระนิพพาน ได้รับทราบและนำไปเป็นแหล่งข้อมูลดิบ ในการค้นคว้าพิจารณาหาหลักฐานข้อเท็จจริง ที่ถูกต้องที่สุดสืบต่อไป จนกว่าไทยจะก้าวเข้าสู่ยุคชาติก้องฟ้า ชาววิไลในอนาคตอันใกล้นี้

ทีมงานสงเคราะห์แผ่นดิน รายงานสดจากป่าลึก อุตรดิตถ์

วันที่ 19 เมษายน พ.ศ.2556

ที่มา มหาปลี นอกวัด: สารจากท่านฤาษีลิงกัง ถิรธมฺโม