ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

มั่นใจปี 2556 ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่างน้ำไม่ท่วม - ทิศทางเกษตร
วันศุกร์ที่ 13 กันยายน 2556




ปริมาณน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ที่มีผลต่อลุ่มเจ้าพระยา ณ วันที่ 28 สิงหาคม 2556 เขื่อนภูมิพล มีปริมาณน้ำ 4,772 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือร้อยละ 35 เขื่อนสิริกิติ์ มีปริมาณน้ำ 4,646 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 48 เขื่อนกิ่วลม มีปริมาณน้ำ 66 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 62 เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน มีปริมาณน้ำ 413 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 44 และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำ 143 ล้าน ลบ.ม. หรือเพียงร้อยละ 18

5 เขื่อนใหญ่ดังกล่าวมีปริมาณน้ำรวมกันเพียง 10,040 ล้าน ลบ.ม. หรือประมาณร้อยละ 40 ของปริมาณการกักเก็บเท่านั้น ซึ่งยังสามารถรองรับน้ำได้รวมกันอีกไม่น้อยกว่า 14,700 ล้าน ลบ.ม. ดังนั้นหากพายุหรือฝนตกหนักในพื้นที่เหนือเขื่อน เขื่อนก็จะสามารถกักเก็บน้ำไว้ได้ทั้งหมด

นายเลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ อธิบดีกรมชลประทานกล่าวว่าหากปริมาณน้ำเหนือในปีนี้เท่ากับปี 2554 ก็จะไม่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ซ้ำรอยอย่างแน่นอน และกรมชลประทานจะบริหารจัดการน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่อย่างมีประสิทธิภาพ ที่สำคัญพื้นที่ต้นน้ำกลางน้ำ ยังมีพื้นที่รับน้ำได้มีจำนวนมหาศาล โครงการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยในระยะเร่งด่วนทุกโครงการ ก็จะแล้วเสร็จก่อนเดือนกันยายน 2556 นอกจากนี้ในเกือบทุกลุ่มน้ำ โดยเฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยา มีระบบโทรมาตรที่สมบูรณ์แบบที่สุดซึ่งจะทำให้บริหารจัดการน้ำทั้งลุ่มน้ำสอดคล้องเป็นหนึ่งเดียวและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

ริมแม่น้ำเจ้าพระยาได้มีการสร้างคันกั้นน้ำ ต่อจากคันกั้นน้ำของกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่สะพานพระราม 5 ไปจนถึง อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะใช้ถนนของกรมทางหลวงชนบท และกรมทางหลวง เป็นคันกั้นน้ำ โดยจะเสริมและยกระดับให้สูงขึ้น สูงกว่าระดับน้ำท่วมสูงสุดในปี 2554 ประมาณ 50 เซนติเมตร

มีการยกระดับถนนพหลโยธินช่วง อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา ให้สูงขึ้นเพื่อเป็นคันกั้นน้ำ มีการสร้างคันกั้นน้ำที่คลองระพีพัฒน์ เพื่อผันน้ำไปยังฝั่งตะวันออก และแม่น้ำนคร นายก ก่อนที่จะออกสู่ทะเลที่แม่น้ำบางปะกง

ถัดจากคลองระพีพัฒน์ลงมา มีการสร้างคันกั้นน้ำตามแนวพระราชดำริ เริ่มจากถนนติวานนท์ บริเวณ ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี เชื่อมต่อกับคันกั้นน้ำเดิมจนมาถึงสถานีสูบน้ำจุฬาลงกรณ์ จากนั้นก็จะสร้างคันกั้นน้ำตามแนวทิศใต้ของคลองรังสิตประยูรศักดิ์จนถึงคลอง 7 จากคลอง 7 เลี้ยวขวาไปตามถนนเลียบคลอง 7 ฝั่งตะวันออก (ทางหลวงชนบทหมายเลข ปท 3004) จะยกระดับถนนให้สูงขึ้นเพื่อทำเป็นแนวคันกั้นน้ำจนถึงถนนนิมิตใหม่ ซึ่งเป็นคันกั้นน้ำเดิมของกรุงเทพมหานคร จากนั้นเลี้ยวซ้ายไปตามถนนประชาร่วมใจ ผ่านประตูระบายน้ำมีนบุรีถึงถนนสุวินทวงศ์ต่อเชื่อมไปยังถนนสุขาภิบาล 3 ถนนร่มเกล้า ไปจนถึงคลองประเวศบุรีรมย์ เชื่อมต่อถนนอ่อนนุช ถนนกิ่งแก้ว ลงทางใต้ต่อกับถนนบางพลี-ลาดกระบัง คันกั้นน้ำตามแนวพระราชดำรินี้ จะช่วยป้องกันน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพฯ

ด้านนายธนา สุวัฑฒน ผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชน ในฐานะโฆษกกรมชลประทาน กล่าวว่า กรมชลประทานได้เพิ่มศักยภาพการระบายจากน้ำคลองรังสิตประยูรศักดิ์ โดยได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาด 3 ลบ.ม.ต่อวินาที จำนวน 12 เครื่องที่สถานีสูบน้ำจุฬาลงกรณ์เพิ่มขึ้น อีกทั้งจะดำเนินการปรับปรุงเครื่องสูบน้ำที่มีอยู่เดิม 2 สถานี โดยเปลี่ยนเครื่องสูบน้ำจากขนาด 3 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็นเครื่องสูบน้ำขนาด 6 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที สถานีละ 6 เครื่อง รวม 12 เครื่อง ซึ่งจะทำให้สามารถระบายน้ำจากคลองรังสิตประยูรศักดิ์ออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาได้สูงสุดถึง 108 ลบ.ม.ต่อวินาที หรือคิดเป็นปริมาณน้ำที่ระบายสูงสุดต่อวันถึงประมาณ 9.33 ล้าน ลบ.ม.

นอกจากนี้เพื่อช่วยระบายน้ำออกสู่แม่น้ำเจ้าพระยาให้เร็วขึ้น ยังได้ก่อสร้างสถานีสูบน้ำกึ่งถาวรบริเวณปากคลองรังสิตประยูรศักดิ์ พร้อมกับติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาด 6 ลบ.ม.ต่อวินาที จำนวน 8 เครื่อง และอยู่ระหว่างการจัดหางบประมาณติดตั้งอีก 12 เครื่อง รวมเป็น 20 เครื่อง ซึ่งจะสามารถสูบน้ำได้ถึง 120 ลบ.ม.ต่อวินาที

ด้านตะวันออกของคลองรังสิตประยูรศักดิ์ ได้ปรับปรุงสถานีสูบน้ำเสาวภาผ่องศรี บริเวณคลอง 13 ให้สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ เพื่อสูบน้ำออกไปยังแม่น้ำนครนายก ซึ่งขณะนี้มีเครื่องสูบน้ำขนาด 3 ลบ.ม.ต่อวินาที จำนวน 15 เครื่อง รวม 45 ลบ.ม.ต่อวินาที หรือประมาณวันละ 3.8 ล้านลบ.ม.กรมชลประทานจึงให้ความมั่นใจว่าในปี 2556 นี้น้ำจะไม่ท่วมพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่างรวมทั้งกรุงเทพมหานครเช่นปี 2554 ที่ผ่านมา.

 

มั่นใจว่า ตอนล่างน้ำไม่ท่วมแน่ เพราะ เขื่อนไม่มีน้ำ ทั้งๆที่กำลังจะเข้าหน้าหนาว หมดฝน แล้งหน้าจะมีน้ำกินไหมนี่ เฮ้อ

 

เปรูประกาศภาวะฉุกเฉินเตรียมหนีภูเขาไฟปะทุ​

​

ทางการเปรูประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินใน 9 เขต ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการปะทุของภูเขาไฟ “อูบินัส” ที่ระเบิดปล่อยแก๊สพิษและเถ้าถ่านออกมาแล้ว 7 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานกรุงลิมา ประเทศเปรู เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ว่า เจ้าหน้าที่ของทางการได้แจกจ่ายหน้ากากกันแก๊สพิษให้กับประชาชน และประกาศว่าจะใช้เวลา 60 วัน ในการอพยพย้ายชาวบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านซึ่งได้รับผลกระทบจากการระเบิดของภูเขาไฟ ทั้งนี้ เถ้าถ่านที่ปะทุออกมา ได้เข้าทำลายพืชผลทางการเกษตร และทำให้แหล่งน้ำเป็นพิษ

นักภูเขาไฟวิทยาจากสถาบันฟิสิกส์ของเปรูกล่าวว่าภูเขาไฟอูบินัสเกิดระเบิดและพ่นเถ้าถ่านขึ้นไปบนฟ้าราว 2,500 เมตร ทั้งนี้ การระเบิดครั้งแรกเกิดขึ้นวันที่ 1 ก.ย. ที่ผ่านมา จากนั้นก็มีการระเบิดอื่นๆตามมาอีก 6 ครั้ง

ภูเขาไฟดังกล่าวตั้งอยู่ในแคว้นโมเกกวา ทางตอนใต้ของประเทศ มีความสูง 1,250 กิโลเมตร ส่วนสาเหตุของการระเบิด สถาบันธรณีวิทยาเหมืองและแร่ธาตุระบุว่า เกิดจากหิมะที่ตกสะสมอยู่บริเวณปล่อง ทำให้ภูเขาไฟไม่สามารถปล่อยพลังงานที่ต้องระบายตามธรรมชาติออกมาได้ จึงเป็นเหตุให้ระเบิดในที่สุด

เดลินิวส์ วันศุกร์ที่ 13 กันยายน 2556 เวลา 09:41 น.

โคโลราโดอ่วมน้ำท่วมหนักดับ 3 ศพ​

​

เกิดเหตุน้ำท่วมฉับพลันในรัฐโคโลราโด ทางตะวันตกของสหรัฐ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 3 ศพ ประชาชนหลายร้อยครัวเรือนต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครลอสแองเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 12 ก.ย. ว่าเจ้าหน้าที่กู้ภัยเมืองโบลเดอร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเมืองเดนเวอร์ เมืองเอกของรัฐโคโลราโด พบผู้เสียชีวิตแล้ว 2 ศพ ส่วนอีก 1 ศพพบที่เมืองโคโลราโด สปริงส์ เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่า ทั้ง 3 คนอาจเสียชีวิตจากกการตกลงไปท่ามกลางกระแสน้ำเชี่ยวกรากที่ไหลเข้าท่วมบ้านเรือน อันเนื่องมาจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก

ขณะที่เทศบาลเมืองแจมสทาวน์ ซึ่งอยู่ใกล้กับเมืองโบลเดอร์ สั่งอพยพราษฎรหลายร้อยครัวเรือนออกจากที่อยู่อาศัยเป็นการชั่วคราว เนื่องจากมีแนวโน้มว่า มวลน้ำจะไหลต่อมาที่นี่ แม้ฝนจะตกน้อยลงบ้างแล้วตาม

ด้านสำนักงานอุตุนิยมวิทยารัฐโคโลราโดออกประกาศแนะนำให้ประชาชนขนย้ายสิ่งของขึ้นที่สูง โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของรัฐ เนื่องจากเรดาร์ตรวจพบกลุ่มเมฆฝนหนาแน่นในบริเวณดังกล่าว คาดจะทำให้เกิดฝนตกหนัก และน้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ตลอดทั้งสัปดาห์นี้

เดลินิวส์ วันศุกร์ที่ 13 กันยายน 2556 เวลา 07:53 น.

รัสเซียขู่เอาจริงหากเกาหลีเหนือเปิดเตานิวเคลียร์​

​

รัสเซียประกาศขู่จัดการขั้นเด็ดขาดกับเกาหลีเหนือหากโสมแดงเปิดเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์จากแร่พลูโตเนียมขึ้นมาอีกครั้ง หลังสหรัฐพบภาพควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากบริเวณใกล้เคียงกับเตา

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 12 ก.ย.ว่า แหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ทางการทูตของรัสเซียกล่าวกับสำนักข่าวอินเตอร์แฟ็กซ์ว่า เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ยองเบียนสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี 2529 แต่ต้องปิดใช้งานมา 8 ปีแล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เกาหลีเหนือมีทีท่าว่าจะทำการเดินเครื่องเตาดังกล่าวอีกครั้ง และหากเรื่องนี้เป็นความจริง เกาหลีเหนือจะต้องพบกับหายนะครั้งใหญ่ที่มาจากรัสเซียอย่างแน่นอน

การประกาศเตือนของรัสเซียมีขึ้นหลังจาก นักวิจัยจากสถาบันสหรัฐ-เกาหลี ของมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ ซึ่งตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกาเผยแพร่ภาพดาวเทียมที่ทางสถาบันบันทึกไว้ ในเว็บไซต์ 38 North เมื่อวันที่ 31 ส.ค. พร้อมทั้งระบุว่า พบกลุ่มควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากอาคารที่ตั้งอยู่ด้านข้างของเตา ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าโสมแดงกำลังพยายามเปิดเครื่องกำเนิดไฟฟ้าให้กับเตาอยู่

อย่างไรก็ตาม นายกลิน เดวีส์ ผู้แทนพิเศษสหรัฐประจำเกาหลีเหนือ กล่าวว่า หากเกาหลีเริ่มเดินเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์จากแร่พลูโตเนียมขนาด 5 เมกะวัตต์ ขึ้นมาอีกครั้ง จะถือเป็นการละเมิดมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี)และละเมิดสนธิสัญญาว่าด้วยการไม่แพร่กระจายอาวุธนิวเคลียร์ปี 2548 อย่างร้ายแรง ทั้งนี้ เกาหลีเหนือเคยออกมาประกาศในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมาว่า ในอนาคตโสมแดงจะเดินเครื่องเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ยองเบียนเพื่อเพิ่มแสนยานุภาพให้กับกองทัพอีกด้วย

เดลินิวส์ วันศุกร์ที่ 13 กันยายน 2556 เวลา 10:31 น.

ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์

 

เตรียมรับมือกับการพังทะลายของค่าเงินดอลล่าร์ !!!​

​

สุกิจSukit สมาชิก

Thanong Fanclub

จะเกิดอะไรขึ้นหลังการ RESET

เมื่อระบบการเงินโลก RESET หลังการพังทะลายของค่าเงินดอลล่าร์ จะเกิดอะไรขึ้นมาแทนที่

Jim Rickardsผู้แต่งหนังสือ Currency Wars: The Making of the Next Global Crisis บอกว่า ทุกคนรู้ดีว่าเงินดอลล่าร์ไปไม่รอด และเขาคิดว่าดอลล่าร์จะหมดอิทธิพลในการเป็นเงินสกุลหลักของโลกในอีก 3 ถึง5ปีข้างหน้า

Rickardsบอกว่า จะมีความเป็นไปได้4แนวทางหลังการRESET ระบบเงินดอลล่าร์ คือ

1. โลกเราจะเข้าสู่ระบบหลายๆเงินสกุลหลักของโลก (world reserve currencies) ไม่มีเงินสกุลใหนมีอิทธิพลมากจนเกินไป

2. เงินSpecial Drawing Rights หรือSDR ของไอเอ็มเอฟจะมาเป็นเงินสกุลหลักสกุลเดียว World Currency

3. โลกเรากลับไปสู่ระบบมาตรฐานทองคำ Gold Standard โดยที่ค่าเงินอิงกับทอง

4. โลกพังแล้วก็มีมาตรการเผด็จการจัดการปัญหาจราจล ตามมาด้วยมาตรการที่เข้มมากขึ้น เพราะวิกฤติเอาไม่อยู่หลังการ RESET

หมายเหตุ ผมชอบJim Rickards เพราะคิดว่าเขาน่าจะเป็นคนวงใน

Thanong Fanclub
11/9/2013

So I’ve got four in my sights, one is a world of multiple reserve currencies, one is the world currency, which is the SDR, the special drawing right issued by the IMF, one would be a gold standard and the fourth would be just some kind of collapse followed by executive orders and more draconian measures. So some analysts who get that far say, okay, they begin to assign probabilities, they say well, there’s a 20% probability of that and a 30% probability of this. I think that’s nonsense, the fact is there’s a 100% probability of one of them and zero for the rest...

We’re in a new currency war, it started in 2010 - Rickards - PODCASTS - Mineweb.com Mineweb

เฉลย QUIZ
1. โลกเราจะเข้าสู่ระบบหลายๆเงินสกุลหลักของโลก (world reserve currencies) ไม่มีเงินสกุลใหนมีอิทธิพลมากจนเกินไป

ระบบหลายหลากเงินสกุลหลักของโลก World Reserve Currenciesจะเกิดขึ้นได้ โดยที่ไม่มีมหาอำนาจใดผูกขาดอำนาจในระบบการเมืองและการเินโลกแต่เพียงผู้เดียว พูดกันง่ายๆ ต้องคานอำนาจกันมาก ต่างคนต่างไม่ไว้ใจกัน

ในนณะนี้เงินสกุลที่สำคัญที่สุดในโลกคือ1.ดอลล่าร์สหรัฐฯ รองลงมาคือ2. ยูโร 3. เยน 4. ปอนด์ 5. แคนเนเดียนดอลล่าร์ และ6. ออสเตรเลี่ยนเดอลล่าร์

ที่เป็นตัวแปรคือ1. SDR 2. ทอง และ3. เงินหยวนของจีน

นี้คือภาพที่ปรากฎตอนนี้ของโครงสร้างระบบเงินกระดาษโลกที่กลุ่มแองโกลอเมริกันผูกขาดเกือบจะเบ็ดเสร็จ มีแท่นพิมพ์เงินอย่างหนาแน่น กระจายไปทั่วตามศูนย์กลางการเงินและเศรษฐกิจต่างๆ และมันของธรรมดาที่กลุ่มแองโกล อเมริกันจะไม่ยอมสูญเสียอำนาจในระบบการเงินโลกไปง่ายๆ ถ้าจะรบก็ต้องรบโดยผ่านสงครามตัวแทน ตามHegelian Dialectic ถ้าดอลล่าร์มีอันต้องเป็นไป จะมีตัวตายตัวแทนขึ้นมาเสียบ แคนเนดียนดอลล่าร์และออสเตรเลียนดอลล่าร์ ซึ่งทั้งคู่เป็นส่วนหนึ่งของเครือจักรภพปอนด์สเตอรลิงค์ เริ่มกลายเป็นเงินที่ใช้ในทุนสำรองระหว่างประเทศของธนาคารกลางต่างๆ อย่างน้อยเป็นที่หนุนหลังเวลาเกิดวิกฤติ

แต่ภาพที่ปรากฎในโลกของกลุ่มบริกส์ และตลาดเกิดใหม่ที่คนส่วนมากมองไม่เห็น เพราะยังฝังใจยึดมั่นในระบบกระดาษปัจจุบัน คือจะมีหลายๆสกุลเกิดขึ้นมาแข่ง และพร้อมที่จะดั้มพ์ทิ้งดอลล่าร์คือ

1.หยวน ซึ่งกำลังทำหยวนสว๊อปกับค่าเงินต่างๆในโลก โดยไม่เอาดอลล่าร์

2. อินเดียรูปีกำลังเริ่มทำ rupee-based payment คือเคลียร์บัญชีการชำระเงินระหว่างประเทศกันโดยผ่านรูปี ไม่ต้องผ่านดอลล่าร์

3.รูเบิ้ลของรัสเซียที่ต้องการมีบทบาทมากขึ้นในการเงินระหว่างประเทศ เพราะปูตินมีท่าทีชัดว่าจะล้มดอลล่าร์ให้ได้

4. มารค์เยอรมัน เป็นค่าเงินเงาที่ซ้อนอยู่ใต้ยูโรในเยอรมันนี สามารถเอาออกมาใช้ได้ทุกเมื่อ ถ้าระบบการเงินโลกมีปัญหา หรือกรณีที่ยูโรไปไม่ไหวในการแบกcostของประเทศสมาชิกยูโรอื่นๆที่กำลังล่มละลายกัน

เงินของกลุ่มบริกส์ หรือมาร์คในลำดับต่อไป จะมีทองคำ หรือทรัพย์สินหนุนหลัง จะไม่เหมือนเงินกระดาษของกลุ่มแอลโกล อเมริกันที่พิมพ์ออกมาเปล่าๆจากกลางอากาศไม่มีอะไรหนุนหลัง คือหนุนกันไปหนุนกันมา โดยพื้นฐานแล้วเป็นค่าสมมุติ ที่มีฐานมูลค่าเป็นศูนย์ และเป็นหนี้ติดลบด้วยซ้ำ คือทุกๆดอลล่าร์ที่พิมพ์ออกไป เป็นหนี้พร้อมดอกเบี้ยที่คนรับดอลล่าร์ต้องหามาคืนเฟดเดอรัล รีเชร์ฟในที่สุด และเนื่องจากเฟดเป็นผู้พิมพ์เงินดอลล่าร์แต่ผู้เดียว คนอื่นๆพิมพ์ไม่ได้ เพราะฉะนั้นในทางทฤษฎี เฟดต้องพิมพ์เงินเป็นจำนวนเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ เพื่อให้คนใช้เงินดอลล่าร์สามารถคืนเฟดได้

ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซีย ได้ประกาศย้ำจุดยืนของกลุ่มบริกส์ในการประชุมกลุ่มG-20ที่St Petersburg ระหว่างวันที่5-6 กันยายนที่ผ่านมาว่า ทางกลุ่มบริกส์จะตั้งกองทุน$100,000ล้าน ที่จะทำหน้าที่คล้ายๆกับIMFเพื่อช่วยเหลือกัน ในกรณีที่ค่าเงินถูกโจมตีหรือมีวิกฤติ (เหมือนอย่างที่บราซิลและอินเดียกำลังโดนถล่มค่าเงินตอนนี้อยู่) ความจริงข้อเสนอนี้ตกลงกันเรียบร้อยช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาที่การประชุมผู้นำบริกส์ อันประกอบด้วยบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีนและแอฟริกาใต้ ที่แอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพ

คำประกาศนี้แสดงว่าบริกส์ไม่เอาWorld Bank/IMFที่เป็นโครงสร้างปัจจุบันที่ดูแลระเบียบการเงินโลกให้กลุ่มแองโกลอเมริกัน และความขัดแย้งกันระหว่างสหรัฐฯอเมริกา อังกฤษ และฝรั่งเศสพวกหนึ่ง และรัสเซียจีนอีกพวกหนึ่งในปัญหาวิกฤติซีเรีย โดยที่ฝ่ายหลังพร้อมWalk Outหรือเดินออกจากที่ประชุมยูเอ็นตลอดเวลา แสดงว่าบริกส์ไม่มองยูเอ็นอยู่ในสายตา คือไม่เรียกว่ายูเอ็นเป็นพ่อ พร้อมที่จะสลัดหลุดจากยูเอ็นที่ตั้งขึ้นมาหลังสงครามโลกครั้งที่สอง พร้อมๆกับWorld Bank/IMF เพื่อคุมระบบการเมืองโลกอีกซีกหนึ่งของอำนาจ

ส่วนเงินบาทและเงินของตลาดเกิดใหม่อื่นๆ เป็นเงินบริวาร ต้องคอยดูทิศทางลม ว่าจะไปเชื่อมไปผูกกับใคร ไม่ใช้ทำเป็นไม่รู้หนาวรู้ร้อนดันทุรังเดินไปข้างหน้า โดยไม่รู้ว่ามีระเบิดฝังดินที่ตรงใหน

thanong
12/9/2013

2. เงินSpecial Drawing Rights หรือSDR ของไอเอ็มเอฟจะมาเป็นเงินสกุลหลักสกุลเดียว World Currency

หลังวิกฤติ2008 ทางสหรัฐฯเริ่มรู้ตัวแล้วดอลล่าร์ไปไม่รอด มีความพยายามที่จะผลักดันให้เงินSDR ของทางกองทุนการเงินระหว่างประเทศ เป็นเงินสกุลหลักของโลกแทนดอลล่าร์ ถ้าดอลล่าร์มีอันต้องเป็นไป เพื่อว่ากลุ่มแองโกลอเมริกันจะยังคงคุมระบบการเงินโลกได้อีกต่อไป เงินSDR เป็นเงินที่เป็นยูนิต ไม่มีการหมุนเวียนในตลาด เป็นเงินสมมุติซ้อนอยู่บนเงินกระดาษอีกต่อหนึ่ง SDRดำรงอยู่ในตะกร้าเงินอันประกอบด้วยดอลล่าร์ ยูโร เยน ปอนด์ หลักๆ เอาไว้ช่วยในการเสริมสภาพคล่องให้ประเทศที่มีปัญหาวิกฤติดุลบัญชีทุน balance of paymentsติบลบหนักๆ หรือเงินไหลออกทำให้ค่าเงินร่วง ดิ่งเหว โดยสามารถเอา SDRมาอุดชั่วคราว ยันเอาไว้ แต่ดอลล่าร์ยังคงเป็นเงินสกุลหลักที่ใช้ในการช่วยเหลือโดยแลกกับการปฏิรูปโครงสร้างการเงินและเศรษฐกิจ จนประเทศที่ขอความช่วยเหลือต้องขายทรัพย์สินตกเป็นของต่างชาติ

ทางกลุ่มแองโกล อเมริกันพยายามดันกลุ่มG-20เป็นรัฐบาลโลก หรือWorld Government เพื่อมาแทนที่ระเบียบโลกปัจจุบัน ถ้าหากว่าต้องมีอันเป็นไป พร้อมกับการล่มสลายของดอลล่าร์ โดยที่เงินสกุลหลักของโลก World Currency ที่จะมาแทนดอลล่าร์คือ SDR และธนาคารกลางของโลกที่จะทำหน้าที่ประสานงานคือIMF หรือ World Central Bank ต้องยอมรับว่าพวกนี้มีความคิดเพ้อเจ้อไม่เบา ทำให้โลกเจ้งแล้วยังอยากจะมีอำนาจเพิ่มอีก

SDRเป็นเงินสมมุติอยู่บนเงิกระดาษ ไม่มีสินทรัพย์อะไรหนุน ไม่รู้ว่าจะทำให้คนเชื่อถือได้อย่างไร เพราะถ้าดอลล่าร์พังคนคงจะเข็ดเงินกระดาษที่ไม่มีอะไรหนุนไปอีกนาน แต่IMF มีทองตุนอยู่มากอันดับสามของโลก ตามหลังสหรัฐฯและเยอรมัน อาจจะใช้ทองหนุนก็ได้ โดยระดมทองจากนานาประเทศเข้ามา คือต้อนวัต้อนควายเข้าคอกนั้นเอง

ให้ดูอีกทีว่าว่าเงินทุนสำรองระหว่างประเทศ ที่ถือว่าเป็นเงินก้นถุง แสดงความร่ำรวยของชาติต่างๆบนโลกนี้ เป็นเงินสกุลของกลุ่มแองโกล อเมริกันทั้งนั้น เงินทุนสำรองระหว่างประเทศ(Foreign Reserves) ในระบบการเงินโลกขณะนี้มีทั้งหมด $11ล้านล้าน แบ่งเป็น allocated reserves $6ล้านล้าน & unallocated reserves $5ล้านล้าน

เท่าที่เข้าใจ allocated reservesน่าจะเป็นส่วนที่เปิดเผยว่าลงเงินสกุลใด unallocated reservesคือ ทุนสำรองที่ไม่เปิดเผยว่าอยู่สกุลใด ปรากฎว่าในส่วน allocated reservesปรากฎว่า

เงินดอลล่าร์มีปริมาณมากสุดในฐานะที่เป็นเงินสกุลหลักของโลก อยู่ที่$3.7ล้านล้าน
ยูโร $1.43ล้านล้าน
ปอนด์ $234,747ล้าน
เยน $236,234ล้าน
สวิสฟรังค์ $16,115ล้าน
แคนนาเดียนดอลล่าร์ $94,926ล้าน
ออสเตรเลี่ยนดอลล่าร์ $98,663ล้าน

เงินหยวน รูปีและรูเบิ้ล ไม่รู้อยู่แห่งหนตำบลใด ทั้งๆที่จีนมีเศรษฐกิจใหญ่อันดับสองของโลกแล้ว

แต่ One World Governmentผ่านจี-20, One World Currencyผ่านเอสดีอาร์, One World Central Bank ผ่านไอเอ็มเอฟ คงจะไม่เกิด ถ้าไม่มีสงครามโลก โดยที่กลุ่มแองโกลอเมริกันต้องชนะเด็ดขาดเหมือนช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เพราะว่ากลุ่มบริกส์ไม่ยอมเล่นตามเกมนี้แน่ๆ ดังเห็นได้จากความขัดแย้งเรื่องซีเรีย และการจัดตั้งกองทุน$100,000ล้านเพื่อปกป้องค่าเงินของสมาชิก ในกรณีที่โดนดอลล่าร์โจมตี

พูดกันง่ายๆ SDR จะเกิดขึ้นมาได้ ต้องข้ามศพไปหลายพันล้านศพ

Thanong Fanclub
12/9/2013

3. โลกเรากลับไปสู่ระบบมาตรฐานทองคำ Gold Standard โดยที่ค่าเงินอิงกับทอง

ต่อจากซีรีส์ที่แล้วที่Jim Rickards ทำนายสี่เหตุที่อาจจะเกิดต่อหลังการรีเซ็ทของระบบดอลล่าร์ ความเป็นไปได้ที่สาม คือการที่โลกจะกลับไปสู่ระบบมาตรฐานทองคำที่สหรัฐฯยกเลิกเมื่อปี 1971

ผู้ที่ต้องการกลับไปสู่มาตรฐานทองคำมากที่สุดน่าจะเป็นจีน รัสเซีย และอินเดีย โดยดูจากพฤติกรรมการกว้านซื้อทองในระยะหลายๆปีที่ผ่านมา ทางจีนได้แสดงชัดว่าอยากจะเห็นโลกเรากลับไปสู่ระบบค่าเงินคงที่ fixed exchange rate system เพื่อเสถียรภาพของค่าเงินสกุลต่างๆ

สมัย Bretton Woods ค่าเงินคงที่ค่อนข้างมาก แต่พอหลังจากที่สหรัฐฯเลิกผูกดอลล่าร์กับทอง ค่าเงินไม่มีอะไรเป็นสมอหลัก แกว่งไปแกว่งมาโดยไม่มีหลัก เพราะว่าระบบการเงินโลกเข้าสู่ระบบกระดาษที่ค่าเงินลอยตัว Fiat currency system and floating exchange rate system การผันผวนของค่าเงินอย่างรุนแรงระหว่างดอลล่าร์ ปอนด์ มาร์ค และ เยน และตอนนี้ยูโร เป็นสาเหตุสำคัญทำให้ระบบเศรษฐกิจโลกไม่มีเสถียรภาพ บริกส์จึงต้องการล้มระบบนี้และล้มดอลล่าร์ที่เป็นเงินสกุลหลักของโลกไปในตัว

จีนมีทองอยู่แล้ว 15,000ตัน และอินเดียมีรวมทั้งประเทศ30,000ตัน มีการเตรียมการแล้วว่า ถ้าระบบเงินกระดาษพังเพราะพิมพ์เงินมากจนเฟ้อไปหมด จะเลิกผูกค่าเงินกับดอลล่าร์และไปผูกกับทอง หรืออิงกับทองแทน ค่าเงินประเทศอื่นๆที่ไม่มีทรัพย์สินอะไรหนุนหลังจะลำบาก เมื่อเปรียบเทียบกับค่าเงินที่มีทรัพย์สินหนุนหลัง ดอลล่าร์ตอนนี้พิมพ์ออกมาเปล่าๆไม่มีอะไรหนุน

มาร์ก เฟเบอร์บอกว่า ธนาคารกลางถือทองอยู่ประมาณ 21%ของพอร์ตเงินทุนสำรองระหว่างประเทศทั้งหมด ส่วนมากแล้วเป็นธนาคารกลางของประเทศที่พัฒนาแล้ว ส่วนธนาคารกลางประเทศกำลังพัฒนาถือทองประมาณ 1-2%ของพอร์ต ธนาคารแห่งประเทศไทยถือทอง3% พูดง่ายๆ ณ ขณะนี้พวกธนาคารกลางยังไม่เห็นความสำคัญเพียงพอในการถือทอง

แต่ถ้าเราดูตัวเลขไม่ทางการ จะเห็นว่าทองคำที่เคยอยู่โลกตะวันตกสมัยก่อนล่าอาณานิคม หรือก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง ขณะนี้กำลังถูกย้ายมาอยู่โลกตะวันออกมากขึ้น โดยจีนและอินเดียเป็นผู้ซื้อรายใหญ่สุด แน่นอนจีนและอินเดียมองการไกลเห็นแล้วว่าระบบเงินกระดาษปัจจุบันอยู่ได้ไม่นาน สักวันจะต้องล่มสลาย จึงมีการเตรียมการตุนทอง เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงในอนาคต

จึงเป็นที่มาที่ไปของการต่อสู้ระหว่างระบบเงินกระดาษนำโดยสหรัฐฯและระบบมาตรฐานทองคำที่อยากจะแจ้งเกิดในภูมิภาคเอเซียนี้ เพื่อเป็นการปลดแอกจากการเป็นเชลยของดอลล่าร์สหรัฐฯ

Thanong Fanclub
13/9/2013

4. โลกพังแล้วก็มีมาตรการเผด็จการจัดการปัญหาจราจล ตามมาด้วยมาตรการที่เข้มมากขึ้น เพราะวิกฤติเอาไม่อยู่หลังการ RESET

ข้อสุดท้ายนี้ สุดจะจินตนาการครับ เพราะไม่มีใครรู้ได้ว่าถ้าระบบการเงินโลกล่ม แล้วจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น เพราะมันคงจะต้องโกลาหลวุ่นวายกันน่าดู อย่างที่บอกว่าแล้ว ระบบการเงินโลกมีการรีเซ็ทสามครั้งในศตวรรษที่แล้ว สองครั้งแรกเกิดจากสงครามโลก 1 และ2 แต่ครั้งที่สามเป็นการรีเซ็ทที่ไม่ได้มาจากสงครามคือปี1971เมื่อสหรัฐฯเลิกผูกเงินดอลล่าร์กับทอง ลอยตัวพิมพ์เงินฟรีๆให้โลกใช้

เข้ามาศตวรรษที่ 21 เราเจอ2เหตุการณ์ใหญ่ คือ

1. เหตุการณ์ 9/11 ในปี2001เลย อาจจะเป็นการเริ่มต้นของการรีเซ็ทระบบโลกทางภูมิศาสตร์การเมืองก็เป็นไปได้ และแผนการนี้ยังคงดำเนินอยู่

2. การพังทะลายของวอลล์สตรีทในปี 2008ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการรีเซ็ทระบบการเงินโลกเช่นกัน

รัสเซียและจีนขวางสหรัฐฯเรื่องซีเรียในตะวันออกกลาง ทำให้มีความตรึงเครียดมากขึ้นในเวทีการเมืองและความมั่นคงของโลก ตอนนี้ยังชักกะเย่อกันอยู่ระหว่างมหอำนาจ ถ้าหากว่ามีการถล่มกันจริงๆ โอกาสเกิดสงครามโลกครั้งที่สามมีเกือบ100% ซีเรียเป็นผลต่อเนื่องจาก9/11 ของการครอบครองตะวันออกกลางอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งเป็นพิมพ์เขียวของการรื้อฟื้นอาณาจักรบาบิโลน

ส่วนการพังทะลายของวอลล์สตรีทเป็นผลต่อเนื่องจากระบบการเงินกระดาษfiat currency system และระบบหนี้debt-based system ที่ทำให้มีเงินกระดาษท่วมโลก ทรัพย์สินกระดาษมาแทนทรัพย์สินจริงที่จับต้องได้ โดยมีหนี้ที่ไม่มีวันใช้หมด กลายเป็นโมเดลหลัก ทุกๆประเทศ ทุกๆบริษัทต้องวิ่งตามหนี้ที่ตัวเองก่อ เพราะว่าเป็นสูตรว่าถ้าจะโต ต้องกู้เงินอนาคตมาใช้ก่อน การออกบอนด์ การระดมทุนจากตลาดหุ้นและการกู้เงินแบงค์เป็นการใช้เงินอนาคตทั้งนั้น ท้ายที่สุดความสามารถในการหาเงิน จะวิ่งไม่ทันหนี้ ตัวเลขมันเห็นๆกันอยู่

อีกประการหนึ่งเฟดของสหรัฐฯมีการกดดอกเบี้ยต่ำลงมาเรื่อยๆตั้งแต่1981 ทำให้เกิด ฟองสบู่ในระบบการเงินโลกโดยรวมมาตลอดระยะเวลา30กว่าปี กระทิงทุกตัวท้ายที่สุดต้องมีวันจบอายุขัยลง จะช้าหรือจะเร็วเท่านั้น

พอระบบการเงินโลกล่มปี2008 จำเป็นต้องมีการรีเซ็ท แต่สหรัฐฯเลือกที่จะพิมพ์เงินอุ้มทั้งระบบแทน ทำให้โลกไม่ได้เห็นราคาทรัพย์สินถูกปรับลงมา หรือการปฏิรูปล้างไพ่จากภาวะฟองสบู่ในอดีตที่ก่อตัวมานาน คิวอีขณะนี้เห็นการสร้างฟองสบู่รอบใหม่ และมันกำลังมาถึงทางตัน เราเริ่มเห็นสัญญานผิดปกติหลายอย่าง

1. มาร์ค ฟาเบอร์ และบิล แฟรงเคนไสต์บอกว่าเฟดสูญเสียอำนาจในการคุมดอกเบี้ยแล้ว พลังตลาดถูกเฟดและระบบการเงินโลกที่อยู่ในเครือข่ายกดอยู่ให้อยู่ภาวะผิดธรรมชาติ คือดอกเบี้ย0% เป็นเวลานาน5 แล้วยากที่จะดำรงต่อไป ถ้าพลังตลาดจะฝืนพลังการปั่นดอกเบี้ยลงของเฟดในกาลข้างหน้า เฟดจะไม่มีเครื่องไม้เครื่องมือพอที่จะต้าน เพราะว่าใช้กระสุนหมดแล้ว ถ้าดอกเบี้ยขึ้นเอาไม่อยู่ ตลาดบอนด์ที่เป็นฟองสบู่จะพัง ตลาดอนุพันธ์จะนัวเนีย แบงค์จะล้ม เงินจะเฟ้อ ค่าเงินจะตกกระจุยกระจาย

2. ไซปรัสมีการยึดเงินฝากประชาชน และโปแลนด์มีการยึดเงินกองทุนบำนาญของประชาชน Eric Sprottบอกว่าระบบการเงินโลกตะวันตกได้ออกกฎหมายเตรียม bail in หรือจะเอาส่วนของผู้ถือหุ้นไปล้างหนี้เสียของแบงค์ในกรณีที่แบงค์ล้ม และหักเงินฝากประชาชน หรือยึดเงินฝากประชาชนไปเลย เพื่อล้างความเสียหายของแบงค์ เพราะฐานเงินของแบงค์ใหญ่กว่าฐานการคลังของประเทศมาก อุ้มไม่ไหว แบงค์เป็นปีศาจทีสูบเลือดโตไม่มีวันหยุด เมื่อไม่มีเลือดให้สูบต่อก็ต้องสูบเลือดตัวเองจนตายไปเอง

3. Jim Sinclair และMarc Faber บอกว่าอย่าฝากเงิน หรือเก็บทองในระบบแบงค์ของโลกตะวันตก เพราะทางบัญชี แบงค์พวกนี้ล้มหมดแล้ว ให้เอาเงิน หรือทรัพย์สินมาฝากกับธนาคารแถวเอเซียแทน มั่นคงกว่า

4. ทรัพย์สินกระดาษกำลังถูกปั่นขึ้นรอบสุดท้าย และท้ายที่สุดต้องเสื่อมค่าลงมาตามเหตุปัจจัย เพราะมันไม่สามารถปั่นต่อไปได้อีก จะมีการย้ายไปทรัพย์สินที่จับต้องได้แบบหนีตาย

5. ระบบมาตรฐานทองคำ ระบบเงินสกุลหลายๆสกุล กำลังมาท้าทายระบบดอลล่าร์ เป็นตัวเร่งอย่างหนึ่ง ให้เกิดการรีเซ็ท

เพราะฉะนั้นเวลาเกิดรีเซ็ทในสามถึงห้าปีข้างหน้าตามที่ Marc Faber Jim Rickardsพูด โลกจะเข้าสู่ความยุ่งเหยิงจนไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น จะเป็นการเปลี่ยนถ่ายความร่ำรวยอย่างฉับพลัน และอาจเกิดสงคราม เกิดchaosจราจล ไม่มีการเชื่อใจกัน เพราะจะมีการเบี้ยวกันไปเบี้ยกันมา หนี้ล้ม ไร้ขื่อแป อาจจำนำไปสู่ระบบของแลกของ บาร์เตอร์แทน คือเอาทองมา เอาน้ำมันไป

ที่ประเทศกรีซได้มีการคิดระบบเงินใหม่เป็นเครดิต เพราะหายูโรลำบาก ช่างตัดผมได้เครดิตมา 5หน่วย สามารถเอาไปแลกเป็นกาแฟได้สองถุงอะไรทำนองนี้ ต่างคนต่างอยู่

ก็สุดแล้วแต่จะจินตนาการของแต่ละคนครับ เพราะไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นจริงๆ เกิดโรคห่ามาระบาดโลก ซึนามิมาและทอร์นาโดมาซัดอีกหลายๆลูก แผ่นดินไหวอย่างรุนแรง พวกภัยพิบัติที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือไม่ธรรมชาติก็อาจจะมารีเซ็ททั้งระบบได้

Armageddon อย่างนี้ก็ตัวใครตัวมันครับ จบแล้วซีรี่ส์นี้ที่อธิบายเพิ่มเติมจากความเห็นของของ Jim Rickards

thanong
13/9/2013

ที่มา http://palungjit.org/threads/ติดตามสถานะการณ์.497341/page-70

 

อย่าพึ่งมั่นใจว่าน้ำจะไม่มีในเขื่อน พายุเข้าประเทศไทยตอนบนเคยเข้าล่าสุด ประมาณกลางเดือนตุลาคม จำช้างสารได้ไหม.... ลูกเดียวน้ำเต็มเขื่อน และตอนนี้น้ำท่วมแถวประเทศลาว ดูแผนที่อากาศและแนวปะทะอากาศ พายุคงไม่จบง่าย คราวนี้แค่หย่อมความกดอากาศ น้ำยังท่วมตั้งหลายที่

 

ข้อมูล-ข่าวสาร จากเพื่อนต่างมิติ !!!​

​

 

อิตาลีช่วยผู้ลี้ภัยซีเรียหลายร้อยคนใกล้จมทะเล​

​

หน่วยยามฝั่งอิตาลี ช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวซีเรีย ที่เรือกำลังใกล้จมทะเลในสภาพทะเลคลั่ง ทั้งหมดกว่า 800 คน มีทั้งเด็กและผู้หญิงจำนวนมาก

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงโรม ประเทศอิตาลี เมื่อวันที่ 14 ก.ย.ว่า หน่วยยามฝั่งของอิตาลี เปิดเผยวันนี้ว่า ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียหลายร้อยคนได้รับความช่วยเหลือในทะเลที่กำลังมีคลื่นลมแรง และนำขึ้นชายฝั่งทางตอนใต้ของอิตาลี ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยเรือ 3 ลำบรรทุกผู้ลี้ภัย 809 คน ซึ่งรวมทั้งผู้หญิงและเด็กจำนวนมาก ถูกสกัดนอกชายฝั่งของเกาะลัมเปดูซา ในทะเลเมดิเตอร์เรเนีย และนอกชายฝั่งแผ่นดินใหญ่ของเขตคาลาเบรีย

เจ้าหน้าที่ยามฝั่ง กล่าวว่า มีเรือลำหนึ่งบรรทุกผู้โดยสาร 171 คน อยู่ในสภาพที่ลำบากกำลังค่อย ๆ จมลงในทะเล เมื่อเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือมาได้ห่างจากเขตคาลาเบรีย ประมาณ 40 กิโลเมตร นอกจากนี้ ยังมีผู้ลี้ภัยอีกทั้งหมด 359 คน ได้รับความช่วยเหลือนอกชายฝั่งซีราคูเซ ในซิซิลี และ 171 คนที่ได้รับความช่วยเหลือนอกชายฝั่งคาลาเบรีย ดูเหมือนจะมาจากซีเรีย

ทั้งนี้ มีผู้ลี้ภัยชาวซีเรียจำนวนมาก เดินทางเข้าอิตาลีและเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ในช่วงหลายเดือนมานี้ และสหประชาชาติ หรือยูเอ็น ประเมินว่า มีประมาณ 3,300 คน ทะลักเข้าอิตาลี ตั้งแต่เริ่มต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา

ขณะนี้ มีผู้ลี้ภัยมากกว่า 2 ล้านคน หลบหนีสงครามกลางเมืองในซีเรีย ส่วนใหญ่เข้าไปขอลี้ภัยในอิรัก จอร์แดน ตุรกีและเลบานอน ประเทศเพื่อนบ้าน จากจำนวนประชากรประมาณ 20 ล้านคน และความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมา 2 ปีครึ่ง ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้วมากกว่า 100,000 คน

เดลินิวส์ วันเสาร์ที่ 14 กันยายน 2556 เวลา 21:34 น.

สหรัฐ-รัสเซีย ตกลงเรื่องอาวุธเคมีซีเรีย​

​

สหรัฐและรัสเซียบรรลุข้อตกลงกันได้เมื่อวันเสาร์ เกี่ยวกับการทำลายอาวุธเคมีของซีเรีย หลังการเจรจาอย่างตึงเครียดติดต่อกันเกือบ 3 วันที่เมืองเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ โดยจะให้ซีเรียส่งมอบรายการอาวุธที่มีภายใน 1 สัปดาห์ และจัดการทำลายในกลางปีหน้า

สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานจากนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 14 ก.ย. ว่า รัฐบาลสหรัฐอเมริกาและรัสเซีย บรรลุความตกลงกันเมื่อวันเสาร์ เกี่ยวกับการส่งมอบและทำลายอาวุธเคมีของซีเรีย ซึ่งจะทำให้หลีกเลี่ยงการโจมตีทางทหารของสหรัฐต่อซีเรีย ที่อาจเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ ความตกลงมีขึ้นหลังการเจรจาหารืออย่างเคร่งเครียด เป็นเวลาเกือบ 3 วัน ที่เมืองเจนีวา สวิตเซอร์แลนด์ ระหว่าง นายจอห์น แคร์รี่ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ กับ นายเซอร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ที่เป็นฝ่ายเสนอแผนการ

การแถลงข่าวร่วมหลังบรรลุความตกลง นายแคร์รี่กล่าวว่า ภายใต้ข้อตกลง รัฐบาลซีเรียจะส่งมอบรายการอาวุธเคมีที่มีอยู่ในครอบครองทั้งหมด ภายใน 1 สัปดาห์ และต้องเปิดทางให้คณะเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญของสหประชาชาติ เดินทางเข้าไปตรวจสอบภาคสนามในซีเรีย ไม่เกินเดือน พ.ย. ก่อนที่การทำลายอาวุธเคมีของซีเรียทั้งหมดจะมีขึ้นในช่วงกลางปี 2557 นายแคร์รี่ กล่าวอีกว่า หากรัฐบาลซีเรียไม่ปฏิบัติตามข้อตกลง จะต้องถูกลงโทษตามมาตรา 7 ของกฎบัตรสหประชาชาติ ซึ่งครอบคลุมถึงการคว่ำบาตรและปฏิบัติการทางทหาร

หลังการแถลงข่าว เจ้าหน้าที่ทางการสหรัฐรายหนึ่ง เผยต่อผู้สื่อข่าวว่า รัฐบาลสหรัฐเชื่อว่าซีเรียมีโครงการอาวุธเคมี 45 แห่งทั่วประเทศ และปัจจุบันทุกแห่งอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลซีเรีย ของประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด แต่ พล.อ.เซลิม ไอดริส ผบ.สูงสุดกองกำลังกบฎซีเรีย เผยว่า กองทัพรัฐบาลซีเรียได้เริ่มเคลื่อนย้ายอาวุธเคมีเหล่านี้บางส่วน ข้ามแดนไปไว้ที่เลบานอนและอิรัก ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาแล้ว เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบของยูเอ็นที่อาจจะเกิดขึ้น.

เดลินิวส์ วันเสาร์ที่ 14 กันยายน 2556 เวลา 18:30 น.

น้ำท่วมโคโลราโด ยอดตายพุ่งเป็น 4 ศพแล้ว อพยพกว่า 2,500 คน​

​

น้ำท่วมใหญ่รัฐโคโลราโด หลังฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 4 ศพแล้ว และยังมีประชาชนอีกกว่า 80 ชีวิตยังไม่ทราบชะตากรรม ส่วนอีกกว่า 2,500 คน ต้องอพยพออกจากบ้านเรือน

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากรัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐ เมื่อวันที่ 14 ก.ย.ว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมรุนแรงในรัฐโคโลราโด เพิ่มขึ้นเป็น 4 รายแล้ว ขณะที่ เจ้าหน้าที่เตือนประชาชนหลายพันคนให้อพยพออกจากเมืองโบลเดอร์ และพื้นที่รอบนอกหลายแห่ง เจ้าหน้าที่กล่าวว่า เจ้าหน้าที่ได้พบศพของผู้หญิงชาวเมืองโบลเดอร์ไม่ทราบชื่อคนหนึ่ง หลังจากเธอถูกกระแสน้ำซัดออกจากรถยนต์ของเธอที่จมอยู่ในน้ำเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ส่วนชายอีกคนหนึ่ง อยู่ในรถยนต์คันเดียวกัน ก็เสียชีวิตด้วยขณะพยายามที่จะช่วยเหลือเธอ นอกจากนี้ ยังมีประชาชนอีกกว่า 80 คนยังไม่ทราบชะตากรรม

ทั้งนี้ ฝนที่ตกหนักต่อเนื่องหลายวัน ทำให้เกิดความเสียหายอย่างหนักต่อบ้านเรือน และทางการต้องเข้าให้ความช่วยเหลือประชาชนมากกว่า 2,500 คน สำนักงานบริหารของเมืองโบลเดอร์ทุกแห่ง ถูกปิดให้บริการเมื่อวานนี้ ขณะที่ คาดว่าจะยังมีฝนตกหนักจนถึงคืนวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น

สำนักงานพยากรณ์อากาศแห่งชาติ ระบุว่า วัดปริมาณน้ำฝนได้มากกว่า 38 เซนติเมตร หรือ 15 นิ้ว ในสัปดาห์เดียว ซึ่งเท่ากับเกือบครึ่งของฝนตกเฉลี่ยทั้งปีของภูมิภาคนี้ ด้านประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ลงนามในคำสั่งฉุกเฉิน อนุมัติงบประมาณความช่วยเหลือภัยพิบัติฉุกเฉินจากส่วนกลางให้กับเมืองโบลเดอร์แล้ว นอกจากนี้ ยังมีอีกหลายเมือง ไม่ว่าจะเป็นเมืองเจมส์ทาวน์, ลียงส์ และลองมอนต์ ก็ได้รับความเดือดร้อนจากอุทกภัยครั้งนี้เช่นกัน

เดลินิวส์ วันเสาร์ที่ 14 กันยายน 2556 เวลา 07:27 น.

ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์

 

'นาซา'ชี้ สนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์จะสลับขั้วใน 3-4 เดือนหน้า​

​

นักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐฯและองค์การนาซาเผย สนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ จะสลับขั้วกันใน 3-4 เดือนข้างหน้า เป็นปรากฏการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อโลกและสุริยจักรวาล...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 7 ส.ค. ว่า จากการเปิดเผยในเว็บไซต์องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ของสหรัฐฯ สนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ กำลังจะสลับขั้วในอีกไม่เกิน 3-4 เดือนข้างหน้า หลังจากผู้สังเหตุการณ์ทั่วโลกพบเห็นสัญญาณเตือนหลายอย่างในปีนี้ และอาจส่งผลกระทบต่อภูมิอากาศโลก, การเกิดพายุ และอาจทำให้ดาวเทียมเสียหาย

ปรากฏการณ์สนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์สลับขั้ว จะเกิดขึ้นทุกๆ 11 ปี (บวกลบ 3 ปี) ในแต่ละวัฏจักรดวงอาทิตย์ โดยมีสัญญาณคือ ช่วงสูงสุดสุริยะ (Solar Maximum : โซลาร์แมกซิมัม) หรือช่วงที่ดวงอาทิตย์มีจุดดับบนพื้นผิวมากที่สุด ซึ่งระหว่างที่ปรากฏการณ์นี้ขึ้นสู่จุดสูงสุด การระเบิดของพลังงานแสงอาทิตย์จะเพิ่มปริมาณของรังสีคอสมิคและยูวีที่พุ่งตรงมายังโลก ส่งผลกระทบต่อการสื่อสารวิทยุ, เกิดเปลวสุริยะ และส่งผลกระทบต่อุณหภูมิโลก

ดร. ท็อดด์ ฮุกเซมา นักฟิสิกส์สุริยะจากมหาวิทยาลัยสเตนฟอร์ด เปิดเผยต่อ 'นาซา ไซแอนซ์' หน้าข่าวสารวิทยาศาสตร์บนเว็บไซต์ของนาซา ว่า ดูเหมือนเรามีเวลาไม่เกิน 3-4 เดือนนับจากนี้ ที่จะเกิดการสลับขั้วสนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์อย่างสมบูรณ์ การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกระทบเป็นระลอกคลื่นไปทั่วทั้งระบบสุริยจักรวาล

ด้าน ดร.ฟิล เชียร์เรอร์ นักฟิสิกส์สุริยะอีกคน จากมหาวิทยาลัยสเตนฟอร์ด อธิบายว่า ระหว่างเกิดปรากฏการณ์สนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์สลับขั้ว ขั้วสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์จะอ่อนกำลังลงจนหยุดนิ่งทั้งสองขั้ว ก่อนปรากฏอีกครั้งในโดยสลับขั้วกัน

การสลับขั้วสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ สามารถส่งผลต่อรังสีคอสมิก ทำให้อนุภาคของมันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วใกล้เคียงกับแสง ซึ่งอาจทำอันตรายต่อนักบินอวกาศ และสถานีอวกาศ นักวิจัยบางคนเชื่อว่า รังสีนี้อาจสามารถส่งผลกระทบโดยตรงต่อโลกด้วย

โดย ไทยรัฐออนไลน์
7 สิงหาคม 2556, 03:50 น.

ที่มา 'นาซา'ชี้ สนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์จะสลับขั้วใน 3-4 เดือนหน้า - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

 

เตือนภัย ฝนตกหนัก น้ำท่วม แผ่นดินไหว !!!​

[ame=http://www.youtube.com/watch?v=aUoKqGyug-Q]คำทำนายน้ำท่วม ภัยพิบัติโลก ประเทศไทย เดือนต.ค. 2556 2013 - YouTube[/ame]

 

ขอโทษคร้าบผม..กดผิดคับ..ตั้งใจจะกดอนุโมทนา..*-*

 

มั่วรึเปล่าเนี่ย ทำไมรู้ดีจังเลย สงสัยมาจากกรมหลับอุตุล่ะมั้ง นะ
ทำนายวันฝนตกล่วงหน้าได้เป็นตุเป็นตะ ไม่สมจริงเอาซะเล้ย ไม่เชื่อหรอก

ตกหนักเป็นพักๆ เพื่อให้น้ำระบายได้ทัน นี่สิความน่าจะเป็น
ไม่มีหรอกครับ ที่จะตกหนักจนน้ำท่วมแยะๆ เหมือนปี ฮ่า4

โดยเฉพาะแผ่นดินไหวเกินหก แสนรู้ไปหน่อยล่ะมั้ง นะ
ว่าจะเกิดได้ในเดือนตค. กล้าดียังไง มาแช่งกันอย่างนี้ บ้าป่าววะ

ปล.ไม่ได้ว่าท่านเกษมนะ ที่ว่าบ้าป่าววะ
แต่ว่าอีบ้าที่พูดจาไม่น่าฟังนะครับ อย่าเข้าใจผิด


นักรบดำ / โคนันกะโคแนน
.

 

หวังว่าซักวัน คงมีใครมาเคลียร์ค่าเสียหายได้นะครับ
ถ้าขาใหญ่หลวง แปลงบารมีเป็นทุนได้อย่างสวยงาม
ยึดประเทศกลับมาให้ยอดฝีมือแห่งชาติ มาบริหารได้เร็วๆ ก็ดี

ปตท.เอ๋ย รอก่อนเหอะน่า งานนี้ต้องเคลียร์กันยาว หลายตอนจบ


นักรบดำ / โคนันกะโคแนน
.

 

ใช่ๆ เห็นด้วยครับ ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่มีน้ำในเขื่อน มากจนพอใช้แล้งหน้า
เอ..ปีทีแล้วมีน้ำเต็มเขื่อนหรือครับ แล้วทำไมมันแล้งเร็วจังล่ะครับ ปีนี้

พายุจะมาก็ต่อเมื่อน้ำไม่มากพอครับ ถ้าน้ำแยะ พายุไม่มาหรอก
(ตั้งใจคิดเอาเองนะครับ อย่าหาว่าเพ้อเจ้อนะ แค่โม้เฉยๆ 555)


วิญญานกระต่ายป่า ข้างวัด / นักรบแสง
.

 

มนุษย์ทำลายสิ่งแวดล้อมทำลายธรรมชาติมาก ภัยพิบัติจึงมีมากขึ้นไม่ใช่เรื่องแปลก เราทุกคนอยู่ได้กันไม่นาน เกิน70นี่ก็ถือว่าเป็นกำไรแล้ว เพราะถึงยังไงก็ต้องตายไม่ว่าจะตายอย่างไรเราก็หนีไม่พ้น จะตายเร็วตายช้าก็แล้วแต่ผลบุญผลกรรมของแต่ละคนที่เคยสร้างมา สิ่งสำคัญที่สุดในเวลานี้ไม่ใช่ความกังวลเรื่องภัยพิบัติต่าง เพราะสิ่งใดจะเกิดย่อมเกิดตามเหตุตามปัจจัย เมื่อมีปัจจัยแล้วมีเหตุแล้ว ยังไงก็ต้องเกิด จะไปกังวลกันมากทำไม เราเกิดมาชาตินี้ทั้งที..มั่นสร้างบุญสร้างบารมีมากๆมั่นเจริญภาวนารักษาศิลสม่ำเสมอ เพราะมีแต่สิ่งเหล่านี้เท่านั้นที่จะติดตัวเราไปได้มั่นทำมั่นสร้างกันมากๆๆเถอะครับ อย่าเสียทีที่ได้เกิดมาเป้นมนุษย์ มันเป็นเรื่องยากนะที่เราจะได้เกิดมาเป็นมนุษย์แล้วยังได้มาเกิดในร่มโพธิของพระพุทธศาสนา.....อย่าประมาทกันครับ

 

สหรัฐเร่งช่วยเหยื่อน้ำท่วมโคโลราโด 100 ชีวิตไม่ทราบชะตากรรม​

​

เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสหรัฐ เร่งเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมในรัฐโคโลราโดอย่างรีบด่วน โดยขณะนี้ ยืนยันแล้วว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 4 ศพ และอีกกว่า 100 ชีวิต ยังไม่ทราบชะตากรรม

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากเมืองโบลเดอร์ รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐ เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ว่า เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสหรัฐ เร่งเดินทางเข้าไปในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมใหญ่ทั้งทางบกและทางอากาศเมื่อวานนี้ เพื่ออพยพชาวโคโลราโด ที่ยังติดค้างอยู่ในพื้นที่น้ำท่วม ขณะที่ แม่น้ำหลายสายของเมืองก็เต็มไปด้วยเศษขยะและน้ำขุ่นสีน้ำตาลกลายเป็นทะเลโคลน ไหลทะลักเข้าท่วมในหลายเมืองและพื้นที่การเกษตรบริเวณใกล้เทือกเขาร็อกกี มีการยืนยันแล้วว่า มีผู้เสียชีวิต 4 ศพ ตั้งแต่เริ่มต้นน้ำท่วมใหญ่เมื่อวันพุธที่ผ่านมา และยังมีประชาชนอีกหลายร้อยคนในพื้นที่ประสบภัยยังไม่ทราบชะตากรรม โดยเขตภัยพิบัติครั้งนี้ ครอบคลุมพื้นที่เกือบ 11,655 ตารางกิโลเมตร เกือบเท่ากับรัฐคอนเนตทิคัต

เจ้าหน้าที่กล่าวว่า คนที่ยังไม่ทราบชะตากรรม อาจติดอยู่ในพื้นที่ หรือไม่ก็ได้รับบาดเจ็บ และอาจมีบางคนที่หลบหนีออกจากพื้นที่น้ำท่วม แต่ไม่ได้ติดต่อเพื่อน หรือญาติพี่น้อง อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่า จะพบศพผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก

น้ำท่วมในเมืองโบลเดอร์ ซึ่งยืนยันว่ามีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 4 ศพ ดูเหมือนจะมีผู้เสียชีวิตเพิ่มอีกเป็นรายที่ 5 ซึ่งเป็นผู้หญิงวัย 60 ปี ถูกกระแสน้ำพัดพาไป โดยสำนักงานนายอำเภอเมืองลาริเมอร์ ระบุผ่านทวิตเตอร์ว่า หญิงสูงวัยผู้นี้ สูญหาย ซึ่งคาดว่าน่าจะเสียชีวิตแล้ว หลังจากน้ำไหลทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนของเธอ

เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน 2556 เวลา 09:08 น.

ไต้ฝุ่นมานหยี่ใกล้ถล่มญี่ปุ่น​

​

พายุไต้ฝุ่นมานหยี่เคลื่อนตัวมุ่งหน้าเข้าหาญี่ปุ่นแล้ว

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ว่า พายุไต้ฝุ่นมานหยี่ได้เคลื่อนตัวมุ่งหน้าเข้าสู่ภาคกลางของญี่ปุ่นเมื่อวันอาทิตย์ ทำให้เกิดฝนตกหนัก ท่ามกลางเสียงเตือนจากเจ้าหน้าที่ให้ระวังน้ำท่วมและลมกระโชกแรง สำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่นรายงานว่า ไต้ฝุ่นมานหยี่ มีความเร็วลมใกล้จุดศูนย์กลาง 126 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ คาดว่า จะเข้าถล่มญี่ปุ่นโดยตรงในเช้าวันจันทร์ เวลาประมาณ 09.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นหรือตรงกับ 07.00 น.ตามเวลาในไทย จากนั้นจะมุ่งหน้าเข้าสู่กรุงโตเกียวและพื้นที่โดยรอบ

นอกจากนี้ ไต้ฝุ่นมานหยี่ ยังอาจส่งผลกระทบต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะซึ่งเจ้าหน้าที่กำลังดำเนินความพยายามอย่างหนักในการควบคุมโรงไฟฟ้าที่มีน้ำปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีไหลลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิก ก่อนหน้านี้ ไต้ฝุ่นมานหยี่พัดกระหน่ำพื้นที่แถบชายฝั่งแปซิฟิก ก่อให้เกิดฝนตกหนักและลมกระโชกแรง แต่ไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บ หรือสิ่งปลูกสร้างได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง

เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน 2556 เวลา 16:05 น.

เฮอริเคนอินกริดจ่อถล่มเม็กซิโก อพยพประชาชนวุ่น​

​

เฮอริเคนอินกริดจ่อถล่มเม็กซิโกวันพรุ่งนี้ ทางการต้องเร่งอพยพประชาชนหลายพันคนไปอยู่ในที่ปลอดภัย คาดจะเกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากเมืองซาลาปา ประเทศเม็กซิโก เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ว่า พายุเฮอริเคน “อินกริด” นับเป็นเฮอริเคนลูกที่ 2 ในฤดูมรสุมของมหาสมุทรแอตแลนติก เคลื่อนตัวอยู่นอกชายฝั่งเม็กซิโก เมื่อวานนี้ กระตุ้นให้มีการอพยพประชาชนหลายพันคน โดยในช่วงเย็นวานนี้ เฮอริเคน อินกริด เคลื่อนตัวด้วยความเร็วลมที่จุดศูนย์กลาง 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีศูนย์กลางอย่างห่างจากเมืองทุซปัน ประเทศเม็กซิโก ไปทางตะวันออกประมาณ 315 กิโลเมตร และกำลังเคลื่อนตัวขึ้นไปทางเหนือด้วยความเร็ว 11 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ศูนย์เฮอริเคนแห่งชาติสหรัฐในเมืองไมอามี ระบุว่า หากเฮอริเคนอินกริด เคลื่อนตัวไปตามทิศทางที่คาดการณ์ไว้ มันจะขึ้นฝั่งเม็กซิโกในวันพรุ่งนี้ โดยรัฐตาเมาลีปัส จะเกิดฝนตกหนัก ขณะที่รัฐบาลระบุในแถลงการณ์ฉบับหนึ่งว่า การจัดงานฉลองวันชาติในหลายเมืองเช่นเมืองทัมปีโก, มาเดอโร และอัลตามิรา ต้องถูกยกเลิก ซึ่งพิธีฉลองรำลึกการต่อสู้เพื่อแยกตัวเป็นเอกราชจากสเปนของเม็กซิโก จะจัดขึ้นในวันนี้และวันพรุ่งนี้

ส่วนเจ้าหน้าที่ในรัฐเวราครูซ ในอ่าวเม็กซิโก ก็เริ่มอพยพประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งตั้งแต่เมื่อคืนวันศุกร์ที่ผ่านมา และเจ้าหน้าที่ป้องกันภัยพลเรือน กล่าวว่า มีประชาชนมากกว่า 5,300 คน ต้องถูกอพยพไปอยู่ในที่ปลอดภัย โดยมีประมาณ 3,500 คน ไปอยู่ในที่พักพิงชั่วคราวของรัฐบาล ส่วนที่เหลือพักอยู่กับครอบครัวและเพื่อน ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บจากพายุลูกนี้

เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 15 กันยายน 2556 เวลา 11:17 น.

ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์

 

ไต้ฝุ่น "มานหยี่" ถล่มภาคกลางญี่ปุ่นอ่วม​

​

พายุไต้ฝุ่น "มานหยี่" เคลื่อนตัวเข้าถล่มภาคกลางของญี่ปุ่นแล้ว ท่ามกลางความกังวลว่า อิทธิพลของพายุอาจส่งผลกระทบต่อโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ "ฟูกูชิมะไดอิจิ"

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 16 ก.ย. อ้างอิงรายงานของสำนักงานอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น ซึ่งระบุว่า พายุไต้ฝุ่น มานหยี่ มีความเร็วลมศูนย์กลาง 162 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เคลื่อนที่ด้วยความเร็ว 45 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขึ้นฝั่งที่เมืองโทโยฮาชิ ในจังหวัดไอจิ บนเกาะฮอนชู ทางตอนกลางของประเทศ เมื่อเวลา 08.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ( 06.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ) คาดว่าจะทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ลมกระโชกแรง น้ำท่วมฉับพลัน และดินถล่ม ทั่วทั้งเขตชูบุและคันไซ จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวเตรียมรับมือภัยธรรมชาติที่อาจเกิดขึ้น

ขณะที่สถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเครายงานว่า เที่ยวบินในประเทศอย่างน้อย 350 เที่ยวบิน ที่มีกำหนดออกเดินทางในวันนี้ถูกยกเลิกแล้ว ส่วนใหญ่เป็นเที่ยวบินที่เดินทางเข้า-ออกกรุงโตเกียว ด้านการรถไฟญี่ปุ่นประกาศระงับให้บริการในบางเส้นทาง

ส่วนบรรยากาศที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ "ฟูกูชิมะไดอิจิ" ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือยังคงปกติ แต่หลายฝ่ายเริ่มแสดงความกังวลแล้วว่า โรงไฟฟ้าอาจได้รับความเสียหายเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากพายุมีแนวโน้มเคลื่อนตัวขึ้นไปทางตอนเหนือ

แม้ยังไม่พบผู้เสียชีวิตจากอิทธิพลของพายุ แต่มีรายงานผู้สูญหายแล้ว 1 คนในจังหวัดชิงะ เป็นหญิงชราวัย 70 ปี และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 6 คน

เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2556 เวลา 08:10 น.

สถานการณ์น้ำท่วมรัฐโคโลราโดยังวิกฤติ​

​

สถานการณ์อุทกภัยในรัฐโคโลราโด ทางตะวันตกตอนกลางของสหรัฐ ยังวิกฤตหนัก เนื่องจากยังมีผู้สูญหายอีกกว่า 500 คน ขณะที่ทางการเตือนฝนจะยังคงตกหนักต่อเนื่องไปอีกหลายวัน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากเมืองเดนเวอร์ รัฐโคโลราโด ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ว่านายจอห์น ฮิกเคนลูเปอร์ ผู้ว่าการรัฐโคโลราโด แถลงถึงความคืบหน้าในการจัดการวิกฤตอุทกภัยครั้งเลวร้ายที่สุดในรอบ 4 ทศวรรษว่า พายุฝนฟ้าคะนองคืออุปสรรคสำคัญของเจ้าหน้าที่กู้ภัย ในการลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือราษฎรกว่า 1,000 คน ซึ่งยังคงติดอยู่ภายในที่อยู่อาศัย และรอรับการอพยพจากเจ้าหน้าที่ ทำให้ภารกิจต้องหยุดชะงักเป็นระยะ

ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตอยู่ที่อย่างน้อย 4-6 ศพ แต่มีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากยังมีผู้สูญหายอีกไม่ต่ำกว่า 500 คน ส่วนใหญ่อยู่ที่เมืองโบลเดอร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุด มีปริมาณน้ำฝนล่าสุดสูงถึง 18.3 เซนติเมตร ประชาชนกว่า 2,000 คนต้องอพยพออกจากบ้านเรือน

ด้านสำนักงานอุตุนิยมวิทยารัฐโคโลราโดพยากรณ์ว่า ทั่วทุกพื้นที่ของรัฐจะยังคงเผชิญสภาพอากาศเลวร้ายเช่นนี้ต่อไปอีกหลายวัน โดยเฉพาะระหว่างวันจันทร์ถึงวันอังคารนี้ คาดว่าจะมีฝนตกลงมาอย่างหนักอีก

ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ ลงนามประกาศให้รัฐโคโลราโดเป็นพื้นที่ภัยพิบัติแล้ว พร้อมกับจัดสรรงบประมาณช่วยเหลือเบื้องต้น 5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ( ราว 160 ล้านบาท )

เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2556 เวลา 07:24 น.

ม็อบเขมรปะทะเดือดสังเวย 1 ศพ​

​

เกิดการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างผู้ชุมนุมประท้วงกับตำรวจปราบจลาจลในกรุงพนมเปญของกัมพูชา เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ยังผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 1 ศพและบาดเจ็บอีก 10 คน เพราะผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านนายกรัฐมนตรีฮุนเซนด้วยข้อกังขาเกี่ยวกับผลการเลือกตั้ง

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ว่า ตำรวจปราบจลาจลต้องยิงระเบิดควัน แก๊สน้ำตา และ ฉีดด้วยน้ำแรงดันสูง เข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลซึ่งมีเพียงก้อนหินเป็นอาวุธ ในกรุงพนมเปญ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา นับเป็นวิกฤตการณ์ทางการเมืองล่าสุดที่เกิดขึ้นในประเทศกัมพูชา นับตั้งแต่การเลือกตั้งเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา มีข้อกังขาเกี่ยวกับผลการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคฝ่ายค้านหาว่า มีโกงการเลือกตั้งอย่างมโหฬาร

ส่วนจุดที่มีการปะทะกันอย่างรุนแรงอยู่ที่บริเวณโดยรอบกรุงพนมเปญ ตำรวจปราบจลาจลต้องใช้ไม้กระบองไล่ตีกลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงซึ่งมีก้อนหินขว้างใส่ ใกล้กับทางต่างระดับ ซึ่งอยู่ห่างจุดชุมนุมใหญ่ 5 กม.

นายอู วิรัก ประธานศูนย์เพื่อสิทธิมนุษยชนกัมพูชา เปิดเผยว่า มีผู้ชุมนุมประท้วงถูกยิงเสียชีวิต 1 ศพ โดยถูกยิงเข้าที่ศีรษะ แต่ก็ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าใครเป็นคนยิง และ ยังมีบาดเจ็บอีก 10 คน ขณะที่นายเคง ติโต โฆษกกองกำลังสารวัตรทหารกัมพูชา แถลงว่า ยังไม่สามารถยืนยันได้เรื่องผู้ชุมนุมถูกยิงเสียชีวิต และ เจ้าหน้าที่ก็ไม่ได้ใช้กระสุนจริงแต่อย่างใด

เหตุรุนแรงเกิดขึ้นหลังจากผู้ชุมนุมราว 20,000 คนซึ่งสนับสนุนพรรคฝ่ายค้าน พรรคกู้ชาติ ของนายสม รังสี ได้ไปชุมนุมกันที่สวนสาธารณะในกรุงพนมเปญ เพื่อเรียกร้องให้ตั้งกรรมการอิสระขึ้นมาสอบสวนการเลือกตั้งเมื่อเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้งกัมพูชา ประกาศผลการเลือกตั้งให้พรรครัฐบาล พรรคประชาชนกัมพูชา ของนายกรัฐมนตรีฮุนเซน ชนะเลือกตั้ง ด้วยจำนวนส.ส. 68 ที่นั่ง จากทั้งหมด 123 ที่นั่ง ส่วนพรรคฝ่ายค้านได้ไป 55 ที่นั่ง

เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2556 เวลา 02:54 น.

ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์

 

ปี 2556 นี้ ให้ระวังเรื่องแผ่นดินไหวและภัยจากท้องทะเลเป็นพิเศษ !!!​

​

สำหรับ ดวงเมือง ในปี พ.ศ. 2556 นี้ หมอนิด กิจจา ทวีกุลกิจ ระบุว่า การเมืองยังคงร้อนแรง และยิ่งจะร้อนแรงมากกว่าเดิมด้วยซ้ำ เพราะปัญหาที่สะสมมาตั้งแต่ พ.ศ. 2555 จะมาปะทุขึ้นในปีนี้ ทำให้รัฐบาลมีสิทธิโดนฟ้าผ่าจาก 2 ปัจจัย คือ หนึ่ง "จากตุลาการ" และ สอง "จากคนมีสี" ซึ่งอาจจะกดดันรัฐบาลในรูปแบบต่าง ๆ

หมอนิด กิจจา ย้ำว่า การเปลี่ยนแปลงรัฐบาลจะทำให้ไม่มีการเลือกตั้งเป็นเวลาอย่างน้อย 5 ปี กลุ่มนักการเมืองรุ่นเก่า ๆ จะยุติบทบาทไปอีกอย่างน้อย 5 ปี และจะมีการถวายพระราชอำนาจคืนให้ในหลวงทรงแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีขึ้นมาใหม่ ซึ่งแม้รัฐบาลพรรคเพื่อไทยไปแล้ว พรรคประชาธิปัตย์ก็ยังไม่ได้เป็นรัฐบาลเช่นกัน โดยดวงเมืองก็จะยังไม่ดียาวไปถึงปี พ.ศ. 2558 จะเกิดความวุ่นวาย การแก่งแย่งขึ้นระหว่างคนมีสีและคนมีอำนาจ แต่เหตุการณ์จะจบลงใน 3-6 เดือน แต่บ้านเมืองจะเริ่มเข้ารูปเข้ารอย ได้คนดีมาปกครองประเทศ

ส่วนในเรื่องเศรษฐกิจ หมอนิด มองว่า ดวงเมืองด้านเศรษฐกิจในปี 2556 ยังไม่ดี การส่งออกไม่เป็นไปตามเป้า หุ้นจะตกมากในช่วงเดือนมีนาคม-พฤษภาคม แต่จะมีธุรกิจบางประเภทที่ดี คือ โทรศัพท์มือถือ สินค้าวัยรุ่น

อีกเรื่องหนึ่งที่คนไทยให้ความสนใจมากก็คือ เรื่องภัยพิบัติ และภัยธรรมชาติ ซึ่ง หมอนิด บอกว่า ปี 2556 นี้ ให้ระวังเรื่องแผ่นดินไหวและภัยจากท้องทะเลเป็นพิเศษ ในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม โดยเฉพาะทางภาคใต้ ให้ระวังพายุที่จะสร้างความเสียหายอย่างรุนแรงต่อประชาชน อุบัติเหตุใหญ่ ๆ ในปีนี้ก็จะมีอุบัติเหตุทางเครื่องบิน ทางรถไฟ และทางเรือ รวมทั้งปีนี้จะเกิดไฟไหม้บ่อย

ส่วนเรื่องน้ำท่วมกรุงเทพมหานครนั้น หมอนิด ย้ำว่า ไม่ต้องห่วง เพราะในปี 2556 จะไม่เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมกรุงเทพมหานคร แต่ต้องระวังปี 2557 ที่จะมีภัยธรรมชาติจากน้ำที่น่ากลัวมาอีกครั้ง ซึ่งจะรุนแรงกว่าอุทกภัยใหญ่ในปี 2554 เสียอีก ต้องระวังเขื่อนทางทิศเหนือ และทิศตะวันตกจะมีปัญหา ทำให้กรุงเทพมหานครจมใต้บาดาลในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม และเกิดความสูญเสียครั้งใหญ่

ที่มา http://horoscope.kapook.com/view53745.html

 

ชาวอิเหนา 6,000 คน อพยพหนีภูเขาไฟระเบิด​

​

ชาวอินโดนีเซียเกือบ 6,000 คนจากหลายหมู่บ้าน เร่งอพยพไปอยู่ในที่พักพิงชั่วคราว หลังจากภูเขาไฟซินาบัง ปะทุเมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากเมืองเมดาน ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ว่า ชาวอินโดนีเซียเกือบ 6,000 คน อพยพออกจากหมู่บ้านหลายแห่ง หลังจากภูเขาไฟซินาบัง สูง 2,600 เมตร ในจังหวัดสุมาตราเหนือ ทางตะวันตกของอินโดนีเซีย ปะทุเมื่อเช้าวันอาทิตย์ที่ผ่านมา หลังจากสงบอยู่ 3 ปี โดยได้เพิ่มเขม่าควันและเถ้าถ่านขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยการหินก้อนเล็ก ๆ ไหลลงไปตามหมู่บ้าน นายซูโตโป เปอร์โว นูโกรโฮ โฆษกของสำนักงานบรรเทาภัยพิบัติแห่งชาติ กล่าววันนี้ว่า มีประชาชน 5,956 คน ต้องอพยพไปอยู่ในที่พักพิงชั่วคราวกระจายอยู่ตามสถานที่ต่าง ๆ 7 แห่ง

ประชาชนที่อพยพส่วนใหญ่ มาจาก 6 หมู่บ้านที่ตั้งอยู่ในรัศมี 3 กิโลเมตรของภูเขาไฟลูกนี้ ในเขตคาโร ซึ่งปะทุครั้งสุดท้ายในเดือนสิงหาคม 2553 มีผู้เสียชีวิต 2 คน และทำให้มีผู้อพยพประมาณ 30,000 คน

เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2556 เวลา 18:23 น.

เฮอริเคน-โซนร้อนผนึกกำลังถล่มเม็กซิโกดับแล้วกว่า 20 ศพ​

​

พายุเฮอริเคน “อินกริด” และพายุโซนร้อน “มานูเอล” ผนึกกำลังกันถล่มชายฝั่งเม็กซิโก ทำให้เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วม และดินถล่ม ล่าสุดมีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 20 คน ประชาชนหลายพันต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัย

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงเม็กซิโกซิตี ประเทศเม็กซิโก เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ว่า ศูนย์พายุหมุนแห่งชาติสหรัฐ (เอ็นเอชซี)รายงานว่า พายุโซนร้อนมานูเอล ได้เคลื่อนตัวเข้าถล่มชายฝั่งด้านมหาสมุทรแปซิฟิกของเม็กซิโก ทำให้เกิดเหตุแผ่นดินถล่ม ที่เมืองมานซานีโย รัฐโกลีมา หลังจากนั้นจึงอ่อนกำลังมีความแรงลมที่ 85 กม./ชม. และกำลังเคลื่อนตัวไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ

นอกจากนี้ พายุดังกล่าวยังได้พัดกระหน่ำ รัฐเกร์เรโร ทางตอนใต้ของประเทศ พบรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 20 คน ประชาชนมากกว่า 2,000 คน ต้องอพยพออกจากที่อยู่ อีกทั้งยังทำให้บ้านเรือนกว่า 21,000 หลังไม่มีไฟฟ้าใช้ ทั้งนี้ พายุยังเคลื่อนตัวเข้าถล่มรัฐอีดัลโก และรัฐปวยบลา ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนกลางของประเทศ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอีก 6 ราย

พายุมานูเอล ยังเป็นเหตุให้ท่าเรือของรัฐต้องประกาศหยุดให้บริการระบุเส้นทางชั่วคราว และออกคำเตือนไม่ให้ประชาชนลงเล่นน้ำ เนื่องจากมีรายงานผู้ที่ออกไปพายเรือสูญหายแล้ว 2 ราย อีกทั้งน้ำที่ท่วมสูงยังทำให้ต้องปิดถนนสายหลักที่มุ่งหน้าไปสู่สนามบินนานาชาติ ในเมืองอากาปุลโก ในรัฐเกร์เรโร ด้วย

ส่วนพายุเฮอริเคนอินกริด กำลังเคลื่อนตัวเข้าปะทะชายฝั่งทางตะวันออกของประเทศ เป็นเหตุให้เกิดแผ่นดินถล่มที่ภูเขาบริเวณตอนกลางของรัฐปวยบลา มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กชายวัยรุ่น 16 ปี 1คน นอกจากนี้ เฮอริเคนยังทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำของรัฐเวรากรูซเอ่อล้น และประชาชนกว่า 6,000 คน ต้องอพยพออกจากที่อยู่อาศัยแล้ว

เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2556 เวลา 10:51 น.

ซีเรีย ตกลงทำลายอาวุธเคมีตามข้อเสนอของยูเอ็น​

​

รมว.การสื่อสารของซีเรียให้สัมภาษณ์สื่ออังกฤษ ประกาศยอมรับแผนการร่วมระหว่างสหรัฐกับรัสเซีย ซึ่งผ่านความเห็นชอบจากสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ระบุให้ซีเรียทำลายอาวุธเคมีทั้งหมดของตน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ว่า นายโอมราน อัล-ซอห์บี รมว.การสื่อสารซีเรีย กล่าวขณะให้สัมภาษณ์กับ “ไอทีวี”สถานีโทรทัศน์ของอังกฤษ” ว่า ซีเรียตกลงยอมให้คำมั่น ที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงร่วมระหว่างสหรัฐกับรัสเซีย ที่ผ่านความเห็นชอบของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ซึ่งระบุให้ซีเรียอนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญเข้าไปตรวจสอบจำนวนอาวุธเคมีของดามัสกัส ก่อนเข้าสู่กระบวนการทำลายอาวุธดังกล่าวให้หมดสิ้น โดยนายซอห์บี ยังระบุอีกว่า ขณะนี้ซีเรียได้เตรียมการโดยการเริ่มจดบัญชีอาวุธเคมีที่ตนมีอยู่ในครอบครองแล้ว

อย่างไรก็ตาม นายจอห์น แคร์รี่ รมว.กระทรวงต่างประเทศสหรัฐ ยังกล่าวอีกว่า สหรัฐยังคงตรึงกำลังที่จะสามารถเข้าโจมตีซีเรียได้ทุกเมื่อ หากซีเรียบิดพลิ้วไม่ทำตามข้อตกลงที่ตนให้คำมั่นไว้

นอกจากนี้ รัฐบาลซีเรียยังแสดงออกถึงความโกรธแค้นสหรัฐ เนื่องจากวอชิงตันประกาศให้ความช่วยเหลือด้านอาวุธกับกลุ่มกบฏ

เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2556 เวลา 12:08 น.

ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์

 

เพื่อนจากต่างดาว ตอบคำถามของมนุษย์ชาวโลก !!!​

​

ที่มา
http://palungjit.org/threads/ข้อควา...ของมนุษยชาติ-ไปสู่มิติที่-5-a.246190/page-386

 

ญี่ปุ่นอ่วมหนักไต้ฝุ่น "มานหยี่" ถล่มดับแล้ว 3 ศพ​

​

อิทธิพลของพายุไต้ฝุ่น "มานหยี่" ซึ่งยังคงถล่มภาคกลางของญี่ปุ่นอย่างหนัก ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 ศพ และสร้างความกระทบกระเทือนให้โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ "ฟูกูชิมะไดอิจิ" ต้องปล่อยน้ำปนกัมมันตังสีระดับต่ำลงสู่ทะเล

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 17 ก.ย. อ้างอิงรายงานจากสถานีโทรทัศน์เอ็นเอชเค ระบุการพบผู้เสียชีวิตจากอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นมานหยี่แล้วอย่างน้อย 3 ศพ เป็นหญิงชราวัย 71 ปี ในจังวัดชิงะ ทางตะวันตกของประเทศ ซึ่งถูกดินถล่มลงมาทับ ขณะที่หญิงชราวัย 77 ปี ในจังหวัดฟูกูอิที่อยู่ไม่ห่างออกไปนัก เสียชีวิตจากสาเหตุเดียวกัน ส่วนผู้เสียชีวิตอีกรายเป็นชายวัย 63 ปี เสียชีวิตจากการพลัดตกลงมาจากบันไดช่าง ระหว่างพยายามปีนขึ้นไปปิดหน้าต่าง

ด้านจำนวนสูญหายอยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 5 คน และมีผู้บาดเจ็บอีกราว 130 คน นอกจากนี้ บ้านเรือนกว่า 4,000 หลังต้องจมอยู่ใต้บาดาล ซึ่งในจำนวนนี้ราว 270 หลังถูกดินถล่มและลมพัดกระโชกเข้าสร้างความเสียหายด้วย ขณะที่สำนักงานอุตุนิยมวิทยาแห่งชาติรายงานว่า พายุซึ่งเคลื่อนตัวขึ้นฝั่งเมื่อวันจันทร์ มีแนวโน้มเคลื่อนที่ต่อไปทางตอนเหนือของประเทศ คาดจะถล่มกรุงโตเกียวภายในช่วงบ่ายของวันนี้ตามเวลาท้องถิ่น

มีรายงานด้วยว่า บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศ ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะไดอิจิ ได้รับอิทธิพลจากพายุไต้ฝุ่นลูกนี้ด้วยเช่นกัน ทำให้เกิดพายุฝนฟ้าคะนองทั่วพื้นที่ กระตุ้นให้เท็ปโกตัดสินใจระบาย "น้ำเสีย" เพิ่มบางส่วน ซึ่งนายโย โคชิมิสึ โฆษกของเท็ปโกยืนยันว่า น้ำที่ระบายออกมา 1 ลิตร ปนเปื้อนธาตุสตรอนเชียม 24 เบ็กแรล ถือว่ายังต่ำกว่าเกณฑ์อันตรายซึ่งกำหนดเอาไว้ที่ไม่เกิน 30 เบ็กแรล อย่างไรก็ตาม เท็ปโกไม่ได้เผยปริมาณน้ำปนเปื้อนสารพิษ ที่จำเป็นต้องระบายออกสู่ทะเลว่ามีปริมาณเท่าใด

เดลินิวส์ วันอังคารที่ 17 กันยายน 2556 เวลา 08:28 น.

อดีตเจ้าหน้าที่บุกกราดยิงในฐานทัพเรือสหรัฐดับ 13 ศพ​

​

เกิดเหตุกราดยิงภายในฐานทัพเรือสหรัฐ ชานกรุงวอชิงตัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 13 ศพ รวมถึงมือปืน ซึ่งคาดว่าเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ภายในฐานทัพแห่งนี้ ขณะที่ทำเนียบขาวยกระดับมาตรการอารักขา "โอบามา" และลดธงครึ่งเสาถึงปลายสัปดาห์นี้

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 16 ก.ย.อ้างอิงแถลงการณ์ของสำนักงานสอบสวนกลางแห่งสหรัฐ ( เอฟบีไอ ) ระบุการเกิดเหตุกราดยิงภายในอู่ต่อเรือของกองทัพเรือสหรัฐ ซึ่งตั้งอยู่บริเวณนาวียาร์ด ริมแม่น้ำอนาคอสเตีย ทางตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงวอชิงตัน เมื่อเวลาราว 08.20 น. ตามเวลาท้องถิ่น ( 19.20 น. ตามเวลาในประเทศไทย ) ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 12 ศพ และบาดเจ็บอีกราว 14 คน โดยผู้ต้องสงสัยคือนายแอรอน อเล็กซิส วัย 34 ปี ชาวอเมริกันผิวสี จากเมืองฟอร์ตเวิร์ธ ในรัฐเทกซัส เคยรับราชการในกองทัพเรือระหว่างปี 2550-2554 ก่อนออกไปเป็นพนักงานสัญญาจ้างฝ่ายพลเรือนของกระทรวงกลาโหม

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุของอเล็กซิส ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ยิงวิสามัญเสียชีวิตคาที่เกิดเหตุ แต่เผยเพียงกำลังเร่งสืบสวนในเวลานี้ว่า ผู้ต้องสงสัยพกอาวุธสงครามทั้งปืนเออาร์-10 และปืนไรเฟิล ฝ่าด่านตรวจภายนอกเข้ามาก่อเหตุอุกอาจดังกล่าวได้อย่างไร

หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่สั่งปิดนาวียาร์ดและถนนที่อยู่โดยรอบทั้งหมด พร้อมระดมกำลังทั้งทางบกและทางอากาศ เพื่อตามล่าตัวผู้ต้องสงสัยอีกคนหนึ่งตามคำบอกเล่าของพยาน ว่าเป็นชายผิวสีเช่นเดียวกับอเล็กซิส อายุราว 40-50 ปี แต่งกายคล้ายทหาร พร้อมกับสั่งห้ามประชาชนในละแวกที่เกิดเหตุออกนอกเคหะสถาน จนกว่าจะได้รับการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่

ในเวลาไล่เลี่ยกัน มีรายงานการสั่งปิดประตูทำเนียบขาวทุกด้าน พร้อมกับการประกาศยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยเป็นขั้นสูงสุด หลังมีชายคนหนึ่งจุดประทัดแล้วโยนข้ามรั้วเข้ามาภายในทำเนียบขาว ขณะที่ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ แถลงแสดงความเสียใจไปยังครอบครัวของผู้สูญเสีย พร้อมกับประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรุนแรง และสั่งให้ทำเนียบขาว ตลอดจนสถานที่ราชการทุกแห่งที่ประดับธงชาติสหรัฐ ลดธงครึ่งเสาเพื่อไว้อาลัยให้แก่ผู้เสียชีวิตจนถึงวันศุกร์ที่ 20 ก.ย.นี้

เดลินิวส์ วันอังคารที่ 17 กันยายน 2556 เวลา 07:32 น.

ตุรกีสอยเฮลิคอปเตอร์ซีเรียละเมิดน่านฟ้าร่วง​

​

ตุรกีอ้างยิงเฮลิคอปเตอร์ของซีเรียที่บินละเมิดนานฟ้าตกในดินแดนของซีเรียวันนี้ หลังจากเฮลิคอปเตอร์ซีเรียบินล่วงล้ำเข้ามาถึง 2 กิโลเมตร

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงอังการา ประเทศตุรกี เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ว่า นายบูเลนต์ อาริงซ์ รองนายกรัฐมนตรีตุรกี เปิดเผยว่า เครื่องบินรบของตุรกี ยิงเฮลิคอปเตอร์ของซีเรียลำหนึ่ง ตกในวันนี้ หลังจากบินล่วงล้ำน่านฟ้าตุรกี และยังคงลาดตระเวนตามแนวพรมแดน “วันนี้ เวลา 14.20 น.ตามเวลาท้องถิ่น หรือตรงกับ 18.20 น.ตามเวลาในไทย เฮลิคอปเตอร์ Mi-17 ของซีเรีย บินละเมิดพรมแดนของตุรกี ในเขตกูเซกซี เมืองเยย์ลาดากี จังหวัดฮาเตย์ เข้ามาลึก 2 กิโลเมตร” อาริงซ์ กล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงอังการา หลังจากเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี

เขากล่าวเพิ่มเติมว่า ระบบป้องกันภัยทางอากาศของตุรกีส่งสัญญาณเตือนหลายครั้ง แต่เมื่อยังมีการละเมิดอยู่ เครื่องบินของตุรกีจึงยิงเฮลิคอปเตอร์เมื่อเวลา 14.25 น.ตามเวลาท้องถิ่น ด้วยขีปนาวุธ ซึ่งทำให้เฮลิคอปเตอร์ลำดังกล่าวตกลงในดินแดนของซีเรีย

ทั้งนี้ ตุรกี หนึ่งในประเทศที่วิพากษ์วิจารณ์ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย อย่างดุเดือด สนับสนุนการแทรกแซงทางทหารในซีเรีย และผิดหวังไม่น้อยที่เห็นชาติตะวันตกไม่ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด ตุรกี ซึ่งมีพรมแดนติดกับซีเรีย เป็นระยะทางยาว 900 กิโลเมตร ต้องแบกรับภาระผู้ลี้ภัยชาวซีเรียหลายแสนคนที่อพยพหลบหนีความขัดแย้งในประเทศ

เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 16 กันยายน 2556 เวลา 23:39 น.

ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์