บันทึกของพระคุณลุงคนเชียงใหม่ถึงหลานๆ เรื่องภัยพิบัติ

โดยความเห็นส่วนตัวของตาพอน อยากให้คงกระทู้นี้ต่อไปเพราะความเห็นช่วงหลังๆนี้เป็นวิทยาศาสตร์และค่อนข้างมีเหตุมีผล เป็นความเห็นจากผู้มีความรู้ความสามารถจากหลายสาขาอาชีพที่สามารถนำไปเป็นแนวทางที่ปฏิบัติได้จริง หากเกิดเหตุไม่คาดหวังขึ้นมา ช่วงนี้น่าเป็นห่วงอียิปโมเดลอย่างที่คุณเด็กผู้ชายกล่าวถึงจริงๆ เพราะสถาณะการณ์บ้านเมืองคล้ายคลึงกันมากและจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่ผ่านมาไม่นาน คาดว่ามีกลุ่มบุคคลที่มีความคิดจะเดินเบี้ยรักษาขุนแน่นอน รู้รักษาตัวรักษาครอบครัวกันให้รอบครอบอย่าหลงเข้าไปเป็นเบี้ยให้เขาเดินเป็นพอ สำหรับตาพอนหลบได้เป็นหลบหนีได้เป็นหนี ตาพอนพิมพ์เส้นทางหลบออกจากก.ท.ม.ที่คุณเด็กผู้ชายแนะนำ เก็บไว้ในรถทุกคันและสั่งลูกหลานให้เตรียมพร้อมที่จะเผ่นออกได้ตลอดเวลาถ้าสถาณะการณ์ออกอาการไม่น่าไว้วางใจ ก็คงจะออกไปทางบ้านคุณPrachasนั่นแหละครับ

 

เรื่องอาวุธ ถึงไม่มีภัยธรรมชาติก็ต้องเตรียมครับ

 

ที่บอกกันว่าประเทศไทยจะมีเหตุรุนแรงแบบอียิปต์

ส่วนตัวเชื่อว่ามีความเป็นไปได้สูงทีเดียว
เพราะเหตุผลและความเชื่อของผู้คนมาถึงทางตัน
ที่ทุกคนไม่ยอมถอยมาพูดจากัน
เพราะเก็บสะสมความแค้นกันมาหลายภพหลายชาติ
เมื่อมาบรรจบพบกันก็ต้องล้างผลาญกันไป

แต่สังเกตให้ดีจะเห็นว่าทุกเหตุการณ์
จะเกิดขึ้นกับเฉพาะในเมืองหลวงศูนย์รวมอำนาจเท่านั้น
หรืออาจจะมีหลงไปตามหัวเมืองใหญ่ๆที่เป็นขุมกำลังของแต่ละฝ่าย

ส่วนประชาชนทั่วไปตามพื้นที่ห่างไกล
ก็คงได้รับผลกระทบน้อยหรืออาจะไม่มีอะไรเลย
เช่นที่บ้านกำลังคุยอยู่นี้ ก็มีตัวกินหญ้านอนใต้ต้นไม้ใหญ่
สำราญใจสบายอยู่ ผู้คนแถวนี้ก็เช่นกัน

สรุปก็คือ ถ้าไม่อยากร่วมเดือดร้อนก็ออกมาจาก Killing Zone
ซะโดยไว จะได้ไม่ต้องเป็นทุกข์หวาดผวา
ไม่งั้นอาจจะต้องประสบชะตากรรมแบบซีเรียหรืออียิปต์ได้

อาหารการกินบ้านเราไม่น่าห่วง
แต่พลังงานก็คิดหาทางเลือกไว้ด้วย
อย่างเช่นที่ บราซิลมี E100 ตั้งนานแล้ว
ไม่ต้องง้อปิโตรเลียมแต่อย่างใด

 

ครับมันเป็นความเชื่อสวนบุคคล โดยมันไม่ไร้ค่าหรอกครับ เพราะทำให้เราได้เห็นอีกหลายๆมุม ได้รู้จักคนมากขึ้น ทำให้รู้ว่า "คนเหมือนคน แต่คนไม่เหมือนกัน" ได้เห็นโลกอีกหลายมิติ


การเตรียมพร้อมที่ดี ก็ใช่ว่าต้องเกิดสงครามเสมอครับ............

 

....................................................................

ขอบคุณมากๆเลยครับสำหรับข้อมูลเรื่องเกี่ยวกับพระคุณลุง..

สำหรับโดยส่วนตัวของผมเองนั้น
ข้อมูลจากกระทู้พระคุณลุง เป็นแค่ 1 ในหลายๆแหล่งข้อมูลเท่านั้นเองครับ

สิ่งนึงที่ผมชอบกระทู้พระคุณลุง ก็คือ "ขอบเขตของปัญหา" ครับ !!!

ในทางวิศวกรรม เวลาที่จะให้ออกแบบอะไรนั้น..
จำเป็นต้องกำหนดขอบเขตของปัญหา หรือขอบเขตของสิ่งที่ต้องการให้ออกแบบ...

ซึ่งในกระทู้พระคุณลุง ก็แง่มุมที่ไม่เหมือนกับกระทู้อื่นๆ
( พระคุณลุงท่านอาจจะมีบุคคลจริงๆหรือไม่ อันนี้ส่วนตัวผมเองก็มิได้คำนึงถึงนะครับ )

จากโจทย์ที่พระคุณลุงที่ท่านเล่ามานั้น..
มันน่าสนใจและดูท้าทายในการวางแผนการรับมือภัยพิบัติจริงๆครับ..
ประมาณว่าน่าจะเป็นขอบเขตสูงเกือบสุดก็ว่าได้

ถ้าผมสามารถที่จะสร้างที่หลบภัยที่สามารถทนกับทุกสภาวะที่พระคุณลุงท่านกล่าวเอาไว้ได้ รวมทั้งการเตรียมเสบียงอาหารและอุปกรณ์ยังชีพไว้ได้ครบๆ ก็ดูว่าภัยพิบัติอย่างอื่นก็คงจะดูเล็กลงไปถนัดใจ...

กล่าวโดยสรุป... สำหรับโดยส่วนผมเองนะครับ..

พระคุณลุงท่านจะมีตัวตนจริงๆหรือไม่ อันนี้ผมก็ไม่ทราบจริงๆครับ
แต่สิ่งที่ในกระทู้เล่ามานั้น ผมว่ามันน่าสนใจถือเป็นขอบเขตปัญหาสูงสุดที่ช่วยเปิดประเด็นให้ผมได้คิดและมองอะไรให้มันกว้างๆมากกว่าก่อน..!!!

และข้อมูลข่าวสารเตือนภัยพิบัติสำหรับผมเอง มากกว่า 70% ก็ไม่ได้มาจากในเวปใดๆ ทั้งนั้น..
แต่มาจากพ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านต่างๆทั้งที่รู้จักโดยส่วนตัว หรือรู้จักมาจากกลุ่มเพื่อนฝูงหรือญาติธรรม

อีก 20% ก็มาอ่านพบในเวปฯ

ส่วน 10% ที่เหลือก็เป็นพ่อแม่ครูบาอาจารย์รู้จักและถูกยกมากล่าวเล่าในเวปฯครับ..

ส่วนเรื่องการเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัตินั้น..
หลายๆท่านที่ได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกัน ก็จะทราบว่าผมเองไม่มีการตุนเสบียงอาหารใดๆ ด้วยข้อจำกัดเรื่องการหมดอายุ

ทุกวันนี้.. ที่ตุนมากที่สุด ก็เห็นจะเป็น "ความรู้"
ความรู้ที่จะทำอย่างไร ถ้าหาผมจะต้องพึ่งพาตนเองให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าสถานการณ์อะไรจะเกิดขึ้น !!!!!

ที่เหลือก็เป็นแผนการ..
ว่าถ้าหากเกิดเหตุการหนึ่งๆขึ้น ผมจะทำอย่างไรดี ???

นอกนั้นก็ใช้ชีวิตตามปกติไปครับ..
มั่นตรวจสอบ check ข้อมูลข่าวสารเป็นระยะๆ

แค่ผมตระหนัก... แต่ไม่ตระหนกครับ.. !!!

 

เอาเฮอะครับ ผมนะไม่ได้โง่และไม่ได้บ้าครับ ถ้าบันทึกนี้โปเกผมคงไม่มานั่งดูหรือทำอะไรเพื้ยนๆอย่างนี้หรอกครับ ตามสะดวกผมไม่ได้สนใจว่าใครจะเป็นคนpostหรือนำมากุขึ้นแต่ จริตผมบอกว่าเนื้อความน่ะใช่ ตรงตามนั้นครับ เป็นพอ

 

ก็อาจเป็นเพราะมัน รอนานกระมังครับ ก็เลยลดความน่าเชื่อถือและดูมันไม่ตื่นเต้นเร้าใจที่จะถูกใจคนในยุคนี้ การเตรียมการยิ่งมีเวลาก็ยิ่งมีความพร้อมมากขึ้น

 

โดยส่วนตัวแล้วคิดว่า

คำทำนาย หรือคำเตือนจากแหล่งต่าง ๆ นั้น เป็นเพียงข้อมูล ในการนำมาประกอบการพิจารณา เปรียบเทียบกับ ความเปลี่ยนแปลง
และความแปรปรวนของธรรมชาติที่ผิดปกติไปจากที่เคยเป็นในปัจจุบัน ซึ่งบางเรื่องอาจจะมีความเป็นไปได้ หรือบางเรื่องอาจจะไม่เกิดเลยก็ได้
อันนี้ไม่มีใครสามารถที่จะบอกได้อย่างชัดเจนเพราะมันเป็นเรื่องของอนาคต ซึ่งรุ่นเราอาจจะได้พบเจอและสัมผัสกับเหตุการณ์นั้นเป็นครั้งแรกก็ได้

ฉะนั้น เมื่อเราได้เห็นว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่ผิดปกติไปจากเดิม ไม่ว่าจะเป็นการที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยขึ้น รุนแรงขึ้น
การปะทุของภูเขาไฟ อากาศที่ร้อนขึ้น หนาวมากขึ้น พายุ ฯลฯ ซึ่งมีตัวอย่างให้เห็นในต่างประเทศ บางครั้งเราอาจจะคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่ไกลตัว

เนื่องจากพวกเราชาวไทยเป็นผู้ที่โชคดี ที่เกิดมาใต้ร่มพระบารมีของในหลวง มีพระพุทธศาสนา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ครูบาอาจารย์เป็นที่พึ่ง
และด้วยชัยภูมิที่ตั้งของประเทศ ที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ ไม่ร้อนเกิน ไม่หนาวเกิน ทำให้ประเทศเรานั้นมีผลกระทบน้อยที่สุด

เรื่องของภัยพิบัตินั้นเป็นเรื่องที่เกิดจากธรรมชาติ สาเหตุส่วนใหญ่มาจากมนุษย์ มีผลกระทบกับโลกของเราทั้งหมด
แต่ก็ไม่อาจที่จะปฏิเสธได้ว่า ภัยพิบัตินั้นจะไม่เกิดกับประเทศของเรา เพราะเราก็อยู่บนโลกนี้

ต้องคอยติดตามสถานการณ์ต่าง ๆ และเตรียมตัวให้พร้อมเสมอตามสภาวะกำลังของแต่ละบุคคล แต่สิ่งที่ทุกคนสามารถที่จะเตรียมได้แน่ ๆ คือ การเตรียมตัวทางด้านกายและจิตใจ
แม้ว่าบางท่านอาจจะบอกว่า สตางส์ไม่ค่อยมี แต่สติท่านต้องพร้อม ถึงจะผ่านสถานการณ์เลวร้ายต่าง ๆ ไปได้ ไม่ใช่แค่เรื่องของภัยเท่านั้น

ปล. กระทู้นี้ควรที่จะอยู่ต่อไป หากเราไม่เขียนเล่าประสบการณ์ทิ้งไว้ แล้วรุ่นหลัง ๆ จะมีข้อมูลประกอบการพิจารณาได้อย่างไร
ว่าอย่างไหนจริงหรือไม่จริง ผิดหรือถูก ไม่ได้บอกว่าเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่เราต้องพิสูจน์กับเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นต่อไป

 

แวะมาหน่อยเพิ่งกลับมาจากคุยให้คำแนะนำกับกลุ่มทางชัยภูมิซึ่งกำลังตั้งไข่กันอยู่ สำหรับผมนะ กระทู้นี้ เป็นเพียง สโคปงานคร่าวๆที่คิดว่าต้องทำไม่ได้เชื่อว่ามันต้องเกิดแบบนี้นะอย่างนี้นะ ครับมันมีแหล่งอ้างอิงทางวิทยาศาสตร์ มากกว่านี้เยอะซึ่งผมก็ มีพอสมควรจนถึงนาทีนี้ แต่ก็ ทำไปเรื่อยๆปรึกษากลุ่มที่กำลังทำอยู่ในต่างประเทศซึ่งแน่ละ พวกเขาไม่รู้จักพระลุงเชียงใหม่และเคยได้ยินเรื่องราวในกระทู้นี้เด็ดๆ ที่แน่ๆพวกผมไม่ได้ต้องการเปิดเผยรายละเอียดโครงการหรือทำให้ใครเชื่อตาม เพียงแต่ได้ทำสิ่งที่ฝันจะทำ อีก 10 ปีให้เสร็จในปีเดียวนี้ก็พอแล้วครับ โครงการที่ว่าคือสร้างแหล่งอาหารที่ปลอดภัยและมีความหลากหลายทางชีวภาพ ขึ้นมาเพื่อเ้ป็แหล่งอาหารให้ กับชุมชนและครอบครัวในอนาคต

 

คงจะแบบที่คุณหมอว่าแหละครับ... "รอนาน" ???
และ... "การเตรียมการยิ่งมีเวลาก็ยิ่งมีความพร้อมมากขึ้น" !!!

ก็ยังมีอีกตั้งหลายๆอย่าง ที่ผมยังทำเองไม่เป็น.. ไม่เก่ง..
มีเวลายิ่งเยอะ ก็ยิ่งได้ไปเรียนรู้มันเพิ่มขึ้นอีกครับ.. !!!

ก็เห็นด้วยตาม.. คุณ natatik
ประเทศไทยเรา.. มีทั้งชัยภูมิที่ตั้ง..
ทั้งครูบาอาจารย์หลวงปู่หลวงตา..
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง..ในหลวง
ทำให้ประเทศเราอยู่รอดปลอดภัย
ถ้าจะมีอะไรก็คนอื่นก็รับไปก่อนเสมอๆเลยครับ.. !!!

Note : สำหรับเรื่องเสบียงอาหาร ที่ผมว่าไม่ตุนนั้น
หมายถึงว่ายามปกติผมจะไม่ตุนนะครับ..
ผมจะเริ่มตุนเสบียงอาหารก็เมื่อ สถานะการณ์สุกงอม ประมาณว่าไล่ซื้อกันตอนแทบจะนาทีสุดท้ายสุดๆน่ะครับ !!!

 

โดยส่วนตัวแล้วมองว่า "การเตรียมความพร้อม" นั้นเป็นการเตรียมในสิ่งต่างๆ ที่คิดว่าเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เราคาดคะเนว่า อาจเกิดขึ้น ซึ่งอาจไม่เกิดก็ได้เช่นกัน แต่ถ้ามีความพร้อมกว่าก็คงดี
มีประสบการณ์ตรงเมื่อปี 54 ไม่ใช่กรณีน้ำท่วมใหญ่ที่เค้าท่วมๆ กันค่ะ แต่เป็นเหตุการณ์ฝนตกติดต่อ 2 วัน อยู่ๆ น้ำหลากมาสมทบกัน ถนนที่อยู่สูงๆ ไม่เคยมีการท่วมมาก่อน ตลาด และทุกเส้นทางเจิ่งด้วยน้ำที่แรงมาก ไม่มีรถวิ่งผ่านได้สักคันเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนจากคำบอกเล่าคนอายุกว่า 80 ปี ว่าไม่เคยพบเห็นแบบนี้ สิ่งที่ตามมาคือปัญหาต่างๆ น้ำ ไฟ อาหาร บ้านเรือน ข้าวของเสียหาย ผู้คนสับสนวุ่นวาย เมื่อนั้นหล่ะ ภัยที่เราคาดไม่ถึงตามมาอีกเยอะเชียว

จึงเห็นว่าการเตรียมความพร้อมตามสภาพน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีนะคะ

 

เรียนหมอพรานครับ

ผมก็ติดตามข้อมูลของพระคุณลุงมาตั้งแต่ต้นจนถึงนะตอนนี้ผมก็ยังคิดอยู่ว่าการเกิดภัยพิบัติอาจจะเกิดแบบค่อยเป็นค่อยไปแล้วแรงขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดมนุษย์จะกลัวตายแล้วหันหน้าเข้ามาพึ่งพากันร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับภัยพิบัติต่างๆเพื่อความอยู่รอดได้ แนวทางของคุณหมอเองเป็นแนวทางที่มีเหตุมีผลทางวิทยาศาสตร์ ทำให้น่าติดตามไม่แพ้กัน ยังไงผมก็ยังต้องการให้กระทู้นี้ดำเนินต่อไปครับ ใครจะว่าผมบ้าก็ไม่ว่ากันครับรับได้

 

ขออนุญาติแจม..เล็กน้อยๆ...นะครับ

กระทู้ของ(พระ)คุณลุงถือว่า...มีความสมบูรณ์ในแง่

1. ภาพเหตุการณ์...อะไรจะเกิดขึ้นบ้าง
2. การเตรียมตัวรับเหตุการณ์...และจุดสังเกตุก่อนเกิดเหตุ

เมื่อเทียบกับข้อมูลจากแหล่งอื่น...ถือว่า...เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ผมเคยออกความเห็นไว้...ว่า

ความรู้ แนวปฏิบัติต่างๆที่ได้จากกระทู้นี้...ได้สมดั่งเจตนาของผู้เผยแพร่แล้ว

ส่วนผู้ที่ไม่เชื่อหรืออะไรก็ตามแต่...ก็พยายามอย่างสุดฤทธิ์เช่นกัน (พยายามทำอะไร...คงไม่ต้องบอก...พอเดาๆได้)

ดังนั้น...บทสรุปของเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องของแต่บุคคล...ไม่เกี่ยวกับ(พระ)คุณลุง หรือคุณวิกรม...แม้แต่น้อย

ผมเองอยากจะกราบขอบคุณ...(พระ)คุณลุง และคุณวิกรม...อย่างที่สุดที่ทำให้พวกเรารวมกลุ่มกันได้... ที่นี่



.

 

คำกล่าวสุดท้าย...ของคุณวิกรม (ลองพิจารณา)

.

 

ผมเริ่มทำมาจากเล็กๆน้อยๆจนเป็นอย่างที่ทราบมันใช้เวลามากโขอยู่คับ

 

จากข้อความเดิมที่เขียนว่า ภัยที่เราคาดไม่ถึงตามมาอีกเยอะเชียว ทำให้เกิดความคิดที่ต้องดูแลตนเองในยามคับขันได้

โดยเฉพาะเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ อาจเป็นภาระแก่ครอบครัว จึงคิดว่าอย่างน้อยๆ
ต้องไม่สร้างภาระเพิ่มขึ้นเมื่อมีภัยมา ทำให้คิดว่าต้องใช้อาวุธเป็นบ้าง
ช่วงนี้เลยไปลองฝึกยิงปืน และจะเข้ารับการอบรมความรู้กับสมาคมเค้าซะเลย
จะได้ใช้เป็นแบบมีความรู้บ้าง ซึ่งเป็นการเตรียมพร้อมอีกทางหนึ่ง

แม้ไม่ใช่เรื่องที่ยิ่งใหญ่ของคุณผู้ชายทั้งหลายกับการยิงปืนเป็น เพราะส่วนใหญ่เก่งกันอยู่แล้ว แต่มันเป็นเรื่องที่ยิ่งใหญ่และน่ากลัวสำหรับผู้หญิงจึงต้องฝึกก่อน
หากช่วงวิกฤติเกิดขึ้น จะสามารถเป็นกำลังรองให้ได้ คงไม่ถึงกับเป็นกำลังหลักหรอกค่ะ

 

โดยส่วนตัวผมเชื่อมากกับที่พระคุณลุงได้เตือนไว้ แต่ก่อนผมไม่เคยที่จะสนใจเรื่องพวกนี้เลยแค่ผ่าตัดและตรวจคนไข้ในรพ.ภูมิพลก็แทบไม่เหลือเวลามาดูอะไรพวกเลยครับแต่พอได้ย้ายมาที่เวชศาสตร์การบินเหมือนผมได้เปิดงานท่องโลกกว้างได้ไปราชการตปท.ชนิดที่เรียกได้ว่าจัดกระเป๋ากัน3-4ชุดต่อเนื่องกันเลยไปมันทั่วโลกได้ไปในที่ที่ชาวบ้านเขามีตังก็ไปไม่ได้ ได้พบปะผู้คนหลากหลายชาติหลายภาษา จนได้ไปที่ฐานทัพที่Alaska2ครั้งจึงได้พบกับการปป.และการเตรียมการแบบลับๆภายในฐานทัพของพวกเขาดูมันแปลกๆจากที่ควรทำปกติเช่นอยู่ๆมันก็นำsetรพ.เคลื่อนที่และแต่งตัวชุดแบบมนุษย์อวกาศถือปืนมาซ้อมลำเลียงจัดขบวนขนผป.กัน3วัน3คืนติดกันดูแล้วมันบ้าชัดๆประกอบกันผมก็ท่องตระเวณไปดูธารน้ำแข็งไปมันทุกที่ที่มีถนนไปได้พบว่ามันไม่ใช่แบบที่ควรเป็นแล้วมันปป.ไปหมดแล้ว และจริตผมก็เกิดขึ้นแต่ยังหาแบบจำลองที่น่าจะเป็นไม่ได้ จนมาอ่านเจอโดยบังเอิญที่กระทู้นี้คำตอบที่แสวงหาก็ได้ทันทีเป็นแบบจำลองที่สมบูรณ์มากๆสามารถอธิบายเหตุปัจจัยได้เกือบทุกทางมีขอบเขตที่ชัดเจนมีภาพที่สื่อออกมาได้ชัดมาก สามารถนำมาดัดแปลงเป็นสิ่งที่จะต้องทำเพื่อความอยู่รอดได้ต่อไป. คนที่เรียนมาหนักๆอย่างผม อ่านบทความมาก็มากแล้วก็เป็นอาจารย์สอนนักศึกษาแพทย์และแพทย์ประจำบ้านมาตลอดถ้าอ่านสิ่งที่พระคุณลุงบอกคิดว่าถ้าเก้ผมน่าจะจับผิดได้แต่นี่มันเชื่อมโยงกันแบบมีเหตุรับที่เป็นแบบจำลองที่เราจะได้พบเจอได้อย่างลงตัวครับหาที่ติไม่ได้เลย เพราะอะไรหรือ คำตอบคือเพราะมันมาจากภาพจริงที่มองไปที่ละหน้าต่างยังไงคับจับมาประกอบกันแล้วใช้วิจารณญาณท่านก็จะได้ภาพรวมของเหตุการทั้งหมดได้ครับ

 

การใช้ปืนในยามคับขันของผู้ที่เคยฝึกมาเลย

โดยเฉพาะสตรี นะครับ

ทั้งนี้ลำพังจะ "ใช้" และ "ควบคุม" ก็ยากอยู่แล้ว
ไหนจะต้องมาฝึกหัดยิงกระสุนจริง (ซึ่งแพงบรรลัย)
โอกาสที่ประสพความสำเร็จนับว่ายากอยู่

ยิ่งมีความจำเป็นจะต้องเหนี่ยวไกปืน
ยิงใครสักคนที่จะเข้ามาทำร้าย ต้องใจเกินร้อยเท่านั้น
ไม่งั้นจะเจ็บตัวแล้วแถมปืนให้เค้าอีกต่างหาก

หาคนเก่งกล้ามโต มาเป็นผู้พิทักษ์
น่าจะสบายกว่ามาก นะครับ........

 

แล้วยังมีที่หมู่เกาะmashall ที่ท่ีเป็นสถานีถ่ายทอดสัญญาณของขีปนาวุธข้ามทวีปกลางเเปซิฟิกที่ตอนนี้มันห้ามเรานอนค้างคืนพักแรมแล้วให้เราได้แค่แวะเติมน้ำมันแล้วคุณจงรีบบินต่อไปยังฮาวายโดยทันทีผมพบว่ามันมีสิ่งก่อสร้างที่เป็นโดมเพิ่มขึ้นหลายจุดมีเส้นสายไฟระโยงระยางเพื่มมากขึ้นที่หัวเกาะแต่ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันมันห้ามถ่ายรูปและให้สห.มันมาประกบพวกเราโดยตลอดเวลาเลยซึ่งปกติพวกเราจะได้นอนที่นี่1คืนเพื่อพักเครื่องและก็จัดปาร์ตี้กับนักวิทยาศาสตร์ที่ประจำที่เกาะแห่งนี้เป็นประเพณีสืบกันมานับสิบปี
มาเข้าเรื่อง grid tie inverter 5kw 3-phase ที่ผมกำลังเริ่มทำในช่วงนี้คับก็มันเริ่มจากโครงการคาราคาสังsolar roof ที่รัฐบาลยังไม่ชัดเจน เพราะอะไรก็ไม่รู้ผมเลยไม่สนใจแล้วไปจัดแผงpoly280wของsun tech มา20แผงที่หนีน้ำทันเป็นเงิน80,000บาทแล้วไปหาตัวgrid tie 5kw ราคา58,500บาทแล้วทำการประกอบเองไม่ยากคับแต่ต้องอ่านมากหน่อยเดินสายเองคำนวนค่าvolt. Watt. เอง ถูกกว่าไปให้เขามาทำให้ประมาณ70,000บาทคับคุ้มทุนที่4ปีคับมันจะลดค่าไฟได้ประมาณ2,800-3,000บาทต่อเดือนคับและเวลาเกิดเหตุการก็จับสลับเฟสเป็น off grid inverterในภายหลังได้ครับแค่เอาแบตมาเช่ือมต่อเข้ากับระบบเพิ่มเติมคับจึงประชาสัมพันธ์ว่าตอนนี้แผงที่ว่านั้นถูกและดีมากกำลังจะถูกปท.เพื่อนบ้านเหมาเอาไปทำหมดแล้ว สต็อกแผงที่ชลบุรีไม่เหลือแล้วจะมีอีกนิดหน่อยที่โกดังที่วังน้อยคับ ถ้าหมดรุ่นนี้ต่อไปซื้อแผงแบบ280wจะอยู่ที่ประมาณ10,000บาทต่อแผงครับแพงมาก

 

ผมสารภาพเลยคับว่าไม่เคยไปซ้อมยิงปืนที่สนามเลยถ้าหลวงไม่บังคับ เพราะอะไร ก็เพราะเวลาเกิดเรื่องคุณได้ยิงซ้อมเองไปในตัวยังไงคับตอนน้ำท่วมใหญ่ปี54ผมได้ซ้อมยิงทุกวันเลยบางทีก็มีเป้าจริงมาให้ลองด้วยครับแต่ยิงไม่ให้โดนนะคับเพราะเดี๋ยวคุกคับ ก็ยิงไล่พวกมางัดแงะตามบ้านข้างเคียงคับ