ติดตามสถานะการณ์

Piyacheep S.Vatcharobol ได้แชร์ลิงก์ผ่าน Ella Kalouch
10 ชั่วโมงที่แล้ว
ชมนะครับ วีนนี้ชัด้จนที่สุด สรุปซ้อนสรุป
ELE เกิดแล้ว เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ภาวะโลกร้อนเป็นข้ออ้างเพื่อกลบเกลื่อนความจริง
ดาวทุกดวงรวมทั่งดวงอาทิตย์เป๋ไปมากกว่าโลกหลายเท่า
โลกอาจเป๋ช้ากว่าดาวดวงอื่นๆ แต่การเป๋นี้ลดประชากรโลกอย่างน้อย ๒ ใน ๓ นะครับ
<iframe width="640" height="360" src="http://www.youtube.com/embed/c08sO5h8P0o?feature=player_detailpage" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

น่ากลัวเหมือนกันน่ะครับ แล้วจะไทยเราจะได้รับผลกระทบร้ายแรงป่าวครับ

 

ล่องลอยเอ๋ย...เอ่อ เออ เอย จากพิมาน ข้ามสีทันดร...ตระการ สู่แคว้นแดนไทย..กลิ่นจอมขวัญปั­กใจพี่มั่น..ตรึงหมาย กี่ชาติกี่ภพ..ไม่มีคลอนคลาย รักเจ้าไม่หน่าย....ไม่คลายจากก­ัน..แจ่มจันทร์ขวัญฟ้า..ขอเทพเท­วาเป็นพยาน..วันดีศรีสุข..สองเร­าสมัครสมาน พี่ขอรักนงคราญ..จวบจนรักนั้นนิ­รันดร์กาลเอย....ดอกเอ๋ย..เจ้าด­อกจำปาลาว ตัวพี่รักเจ้าเท่าท้องนภาเอย..

<iframe width="640" height="360" src="http://www.youtube.com/embed/g2dIdaTqy-0?feature=player_detailpage" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

<iframe width="640" height="360" src="https://www.youtube.com/embed/NmVIqXeBOs4?feature=player_embedded" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

 

คุณ akichi ถ้ากระทบ ก็คงกระทบหมดในดาวเคราะห์ ที่เรียกว่าโลกครับ อย่าไปใส่ใจเลยครับ ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ความตายไม่น่ากลัวหรอก การมีชีวิตอยู่นี่สิน่ากลัว ยังต้องพบกับความเสียใจอีกมากมาย

 

ขอบคุณ คุณสุกิจSukit มากค่ะ ที่นำเรื่องนี้มาแจ้งให้ทราบ เพราะว่า ญี่ปุ่นเขาก็เปิดโอกาสให้คนไทยเข้าประเทศเขาโดยไม่ต้องขอวีซ่าแล้ว จากการเดินทางไปญี่ปุ่นครั้งนี้ ดิฉันพบว่า คนไทยไปกันเยอะพอควรค่ะ ซึ่งถ้าได้ศึกษาสภาพอากาศ และจากที่คุณสุกิจSukit นำเสนอนี้ เขามีเพิ่มเติมเรื่อง รังสี UV มาอีกอย่างด้วย เป็นการเพิ่มเติมช่องทางให้เราได้เตรียมตัวได้มากขึ้นค่ะ.... แต่สำหรับตัวดิฉันไม่ทันแล้วค่ะ ถูกแดดที่ Nagasaki เผาจนไหม้เลยค่ะ ตามรูปข้างล่างนี่เลยค่ะ

​

ที่สำคัญคือ ลืมทาครีมกันแดดด้วย เพื่อนๆ ท่านใด จะไปญี่ปุ่นควร check ทั้งสภาพอากาศ รังสี UV และอย่าลืมเอาครีมกันแดดไปด้วยนะคะ เอาไว้เดือนพฤศจิกายนนี้ ดิฉันไปอีกครั้ง คงต้อง check ก่อนไป ต้องไม่ลืมเอาครีมกันแดดไป และต้องไม่ลืมทาด้วยค่ะ

 

ก้องภพ อยู่เย็น
รายงานเพิ่มเติมครับ วันที่ 4-5 สิงหาคม เกิดเหตุการณ์ภัยธรรมชาติมากกว่าปกติดังนี้

- น้ำท่วมในประเทศไทย ทะเลกรุงเทพฯ ฝนตกน้ำท่วมถนน | ข่าว ข่าวรายวัน ข่าววันนี้ ข่าวการเมือง
- น้ำท่วมหนักในประเทศปากีสถาน 58 reported killed in flooding in Pakistan - CNN.com
- เกิดพายุสนามแม่เหล็กระดับ 5 ในวันที่ 4-5 สิงหาคม 3-day Estimated Planetary Kp-index Monitor
- เกิดหลุมยุบเพิมเติมในรัฐ Kansas สหรัฐอเมริกา What caused a giant sinkhole in a Kansas pasture? | fox4kc.com
- ภูเขาไฟระเบิดที่ประเทศรัสเซีย Russia’s Shiveluch Volcano Spews Ash Up To 3 Miles High Eurasia Review
ทะเลกรุงเทพฯ ฝนตกน้ำท่วมถนน
news.mthai.com
แก้ไขแล้ว · ถูกใจ · 4 · วันนี้ เวลา 7:17 น.

 

จนท.ชี้สถานการณ์น้ำใต้ดินปนเปื้อนรังสีที่"ฟูกุชิมะ" เข้าขั้น"เร่งด่วน"
วันที่ 06 สิงหาคม พ.ศ. 2556 เวลา 13:00:21 น.Tweet

หน่วยงานกำกับดูแลนิวเคลียร์ของญี่ปุ่นเผยว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะกำลังประสบปัญหาเร่งด่วนครั้งใหม่ หลังพบน้ำใต้ดินปนเปื้อนรังสีปริมาณสูงที่ รั่วซึมออกสู่มหาสมุทร

สำนักงานกำกับดูแลนิวเคลียร์กล่าวเตือนว่า แนวกั้นที่สร้างขึ้นเพื่อป้องกันมิให้น้ำรั่วไหลเกิดรอยแตก ซึ่งทำให้น้ำที่ปนเปื้อนสารรังสีรั่วไหลลงสู่มหาสมุทรแปซิฟิคอย่างรวดเร็ว

บริษัทผลิตไฟฟ้าโตเกียว (เทปโก) ยอมรับเมื่อเดือนที่แล้วว่า น้ำใต้ดินที่ปนเปื้อนสารรังสี ได้รั่วไหลออกจากแนวกั้นใต้ดิน และรั่วไหลลงสู่ทะเล แต่ได้ดำเนินการเพื่อป้องกันแล้ว

อย่างไรก็ดี นายชินจิ คินโจ หัวหน้าคณะทำงานเฉพาะกิจของสำนักงานกำกับดูแลนิวเคลียร์กล่าวว่า มาตรการของเทปโกที่จะสร้างกำแพงกั้นใต้ดินเป็นเพียงการแก้ปัญหาชั่วคราว และเทปโกมีความรู้สึกต่อวิกฤตครั้งนี้ในระดับต่ำ ทำให้ไม่ตระหนักว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน ดังนั้นจึงไม่สามารถปล่อยให้เทปโก เข้าแก้ปัญหาตามลำพัง และตอนนี้สถานการณ์เข้าขั้นฉุกเฉิน และหากแนวกั้นใต้ดินแตก น้ำที่ปนเปื้อนรัวสีก็จะเริ่มรั่วซึมผ่านพื้นที่แคบๆของพื้นดิน และหากถึงพื้นผิวดินเมื่อใด ซึ่งเชื่อว่าอาจภายใน 3 สัปดาห์นี้ อัตราการไหลก็จะเร็วขึ้นเป็นทวีคูณ

ทั้งนี้ เชื่อว่าน้ำที่มีการปนเปื้อนมาจากน้ำใต้ดินปริมาณกว่า 400 ตัน ที่ถูกสูบไปใช้ภายในโรงไฟฟ้าทุกๆวัน เพื่อทำการหล่อเย็นเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์

เทปโกยอมรับเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า อาจมีการสะสมของสารรังสีทริเทียม ถึง 20-40 ล้านล้านเบคเคอเรล ที่รั่วลงสู่ทะเล นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวและสึนามิเมื่อวันที่ 11 มีนาคม 2011 และเผยเมื่อวานนี้ว่า บริษัทมีแผนที่จะเริ่มสูบน้ำใต้ดินออกวันละ 100 ตัน

ทั้งนี้ในช่วงสัปดาห์แรก ๆ ที่เกิดอุบัติเหตุนิวเคลียร์ที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกุชิมะ รัฐบาลญี่ปุ่นได้อนุญาตให้เทปโกเทน้ำปนเปื้อนรังสีหลายหมื่นตันลงมหาสมุทรแปซิฟิกเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทำให้ประเทศเพื่อนบ้านและชาวประมงท้องถิ่นวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

 

Nation Channel
ญี่ปุ่นเตรียมเปิดตัวเรือรบที่ใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 ในวันนี้ ท่ามกลางความตึงเครียดกับจีน หลังเกิดการกระทบกระทั่งกัน อันเนื่องมาจากข้อพิพาทเหนือหมู่เกาะที่ญี่ปุ่นเรียกว่า เซนคากุและจีนเรียกว่า เตียวหยู

กองทัพญี่ปุ่น กำลังเตรียมจัดพิธีเฉลิมฉลองในวันถัดไป ที่ท่าเรือโยโกฮาม่า เพื่อเปิดตัวเรือ บรรทุกเฮลิคอปเตอร์ ชั้น 22 DDH ความยาว 810 ฟุต ใช้งบประมาณในการสร้าง
113,900 ล้านเยน หรือราว 45,000 ล้านบาท ที่จะเป็นศูนย์กลางแห่งแสนยานุภาพทางทะเล

ญี่ปุ่นประกาศเปิดตัวเรือลำนี้มาหลายปีแล้ว แต่เพิ่งจะจัดพิธีเฉลิมฉลองอย่างเป็นทางการ หลังจากรัฐบาลหัวอนุรักษ์นิยม หันมาให้ความสำคัญกับการส่งเสริมขีดความสามารถทางทหาร ที่มีการอภิปรายกันถึงความเป็นไปได้ที่ญี่ปุ่นจะแก้ไขรัฐธรรมนูญรักสงบ

เรือรบลำใหม่ จะถูกบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ได้ 9 ลำ ได้แก่ รุ่น 7ASW 7 ลำ และรุ่น SAR 2 ลำ แต่ที่จริงสามารถบรรทุกได้ถึง 14 ลำ และคาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในภารกิจกอบกู้ภัยพิบัติและกู้ภัย รวมถึงปกป้องเส้นทางเดินเรือ และน่านน้ำของญี่ปุ่น แต่ยัง
ไม่มีการเปิดเผยจะถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจเมื่อใด ขณะที่เรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ลำใหญ่ที่สุดในปัจจุบัน บรรทุกเฮลิคอปเตอร์ได้เพียง 2 ลำ

การเปิดตัวเรือรบ มีขึ้นในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ หลังจากเจ้าหน้าที่ยามฝั่งของจีน รุกล้ำเข้าไปในน่านน้ำพิพาทกับญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า ญี่ปุ่นกับจีนต่างอ้างสิทธิ์เป็นเจ้าของหมู่เกาะที่ญี่ปุ่นเรียกว่า เซนคากุ และจีนเรียกว่า เตียวหยู ที่อุดมไปด้วยปลาในทะเลจีนตะวันออก และเชื่อว่า น่าจะเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติด้วย

 

ELE ในเฟสอาจารย์ปิยะชีพ พอดีมีผู้อ่านมาโฟสไว้ผมเลยขอนำมานำเสนอครับ E. L. E. มาจากExtinction Level Event หมายถึง ปรากฏการณ์ที่สามารถล้างโลกได้ค่ะ (สิ่งมีชีวิตตายหมด เช่น เหตุที่เกิดกับไดโนเสาร์เมื่อ65ล้านปีก่อน) ผมว่าการกลับขั้วสนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์ไม่น่ากลัวมาก แต่ตำแหน่งของระบบสุริยะจักรวาลในแกแลกซี่ทางช้างเผือกน่ากลัวกว่าอีก

 

คุณสุกิจมีข้อมูลที่ นาซ่า แจ้งเรื่องสุริยะจักรวาลกำลังเคลื่อนเข้าสู่กลุ่มเมฆรังสีคอสมิค บ้างหรือเปล่าครับ เอามาลงให้อ่านบ้างนะครับ อยากอ่าน

 

ก้องภพ อยู่เย็น ได้แชร์ลิงก์
50 นาทีที่แล้ว บริเวณ Arlington, VA
วันที่ 6 สิงหาคม เวลา 8:38 UT เกิดปฏิกริยาดวงอาทิตย์หลายทิศทาง เป็นมุมกว้าง โดยทิศทางหลักออกไปทางทิศใต้ และมีบางส่วนมาทางโลก จากการคำนวณพบว่าพลังงานจะเดินทางมาถึงในแนววงโคจรของโลกในวันที่ 10 สิงหาคม เวลา 0 UT +/- 7 ชั่วโมง นอกจากนั้นยังพบการปะทุที่ผิวดวงอาทิตย์อย่างฉับพลันในทิศทางตรงกันโลกระหว่างเวลา 1:28-2:28 UT ซึ่งจะสังเกตได้จากดาวเทียม SDO (SDO - Solar Dynamics Observatory) ผู้ที่สนใจสามารถติดตามสถานการณ์ได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 10 สิงหาคม ครับ

หลักการสังเกตเหตการเปลี่ยนแปลงบนโลก(โดยเฉพาเหตุการณ์ใหญ่) ควรเริ่มสังเกตเป็นพิเศษสองครั้ง คือในวันที่เกิดเหตุที่ดวงอาทิตย์ภายใน 36 ชั่วโมงแรก และ ในช่วงที่คลื่นพลังงานมาถึงโลกซึ่งโดยเฉลี่ยๆแล้วจะใช้เวลาประมาณ 3-5 วันครับ

ส่วนรายละเอียดของเหตุการณ์มีดังนี้
- ภาพถ่ายมุมกว้างของดวงอาทิตย์มุมมองจากโลก CACTUS CME Details
- โมเดลจำลองการแพร่กระจายของคลื่นพลังงานจากดวงอาทิตย์สู่โลก http://iswa.ccmc.gsfc.nasa.gov:8080/IswaSystemWebApp/StreamByDataIdServlet?allDataId=392738693
- ภาพถ่ายมุมกว้างของดวงอาทิตย์ โดยโลกอยู่ทางด้านซ้ายมือ http://stereo.gsfc.nasa.gov/browse/2013/08/06/ahead_20130806_cor2_512.mpg
- ภาพถ่ายมุมกว้างของดวงอาทิตย์ โดยโลกอยู่ทางด้านขวามือ http://stereo.gsfc.nasa.gov/browse/2013/08/06/behind_20130806_cor2_512.mpg

SDO - Solar Dynamics Observatory

 

'นาซา'ชี้ สนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์จะสลับขั้วใน 3-4 เดือนหน้า ไทยรัฐออนไลน์ วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ.2556

นักวิทยาศาสตร์ในสหรัฐฯและองค์การนาซาเผย สนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ จะสลับขั้วกันใน 3-4 เดือนข้างหน้า เป็นปรากฏการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อโลกและสุริยจักรวาล...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 7 ส.ค. ว่า จากการเปิดเผยในเว็บไซต์องค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติ (นาซา) ของสหรัฐฯ สนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ กำลังจะสลับขั้วในอีกไม่เกิน 3-4 เดือนข้างหน้า หลังจากผู้สังเหตุการณ์ทั่วโลกพบเห็นสัญญาณเตือนหลายอย่างในปีนี้ และอาจส่งผลกระทบต่อภูมิอากาศโลก, การเกิดพายุ และอาจทำให้ดาวเทียมเสียหาย

ปรากฏการณ์สนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์สลับขั้ว จะเกิดขึ้นทุกๆ 11 ปี (บวกลบ 3 ปี) ในแต่ละวัฏจักรดวงอาทิตย์ โดยมีสัญญาณคือ ช่วงสูงสุดสุริยะ (Solar Maximum : โซลาร์แมกซิมัม) หรือช่วงที่ดวงอาทิตย์มีจุดดับบนพื้นผิวมากที่สุด ซึ่งระหว่างที่ปรากฏการณ์นี้ขึ้นสู่จุดสูงสุด การระเบิดของพลังงานแสงอาทิตย์จะเพิ่มปริมาณของรังสีคอสมิคและยูวีที่พุ่งตรงมายังโลก ส่งผลกระทบต่อการสื่อสารวิทยุ, เกิดเปลวสุริยะ และส่งผลกระทบต่อุณหภูมิโลก


เปลวสุริยะ

ดร. ท็อดด์ ฮุกเซมา นักฟิสิกส์สุริยะจากมหาวิทยาลัยสเตนฟอร์ด เปิดเผยต่อ 'นาซา ไซแอนซ์' หน้าข่าวสารวิทยาศาสตร์บนเว็บไซต์ของนาซา ว่า ดูเหมือนเรามีเวลาไม่เกิน 3-4 เดือนนับจากนี้ ที่จะเกิดการสลับขั้วสนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์อย่างสมบูรณ์ การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลกระทบเป็นระลอกคลื่นไปทั่วทั้งระบบสุริยจักรวาล

ด้าน ดร.ฟิล เชียร์เรอร์ นักฟิสิกส์สุริยะอีกคน จากมหาวิทยาลัยสเตนฟอร์ด อธิบายว่า ระหว่างเกิดปรากฏการณ์สนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์สลับขั้ว ขั้วสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์จะอ่อนกำลังลงจนหยุดนิ่งทั้งสองขั้ว ก่อนปรากฏอีกครั้งในโดยสลับขั้วกัน

การสลับขั้วสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์ สามารถส่งผลต่อรังสีคอสมิก ทำให้อนุภาคของมันเคลื่อนที่ด้วยความเร็วใกล้เคียงกับแสง ซึ่งอาจทำอันตรายต่อนักบินอวกาศ และสถานีอวกาศ นักวิจัยบางคนเชื่อว่า รังสีนี้อาจสามารถส่งผลกระทบโดยตรงต่อโลกด้วย

 

ไฟป่ามะกัน ไทยรัฐออนไลน์วันพุธที่ 7 สิงหาคม พ.ศ.2556

ควันไฟพวยพุ่งขึ้นมาจากป่าสงวนแห่งชาติคลีฟแลนด์ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยไฟป่าลุกลามเข้าใกล้เขตชุมชน ทำให้ทางการต้องสั่งอพยพชาวบ้านหลายร้อยครัวเรือน...

 

อ้างอิง tossapornk
คุณสุกิจมีข้อมูลที่ นาซ่า แจ้งเรื่องสุริยะจักรวาลกำลังเคลื่อนเข้าสู่กลุ่มเมฆรังสีคอสมิค บ้างหรือเปล่าครับ เอามาลงให้อ่านบ้างนะครับ อยากอ่าน

ที่ผมทราบไม่ใช่ข่าวจาก NASA น่ะครับ แต่เป็งานวิจั ถ้าจะอ่านเพิ่มไปโหลดเอกสารเพิ่มจาก http://muller.lbl.gov/papers/Rohde-Muller-Nature.pdf แต่ผมว่าการสลับขั้วของสนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์น่ากลัว เพราะถ้างานวิจัยนี้จริง และจากที่อาจารย์ปิยะชีพเคยบอกว่าขณะนี้มีพลังงานจากนอกระบบสุริยะจักรวาลเข้ามาและอาจเป็นอันตรายกับโลก แต่มีพายุสุริยะกันอยู่ แต่ถ้าสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์หายไป ลมสุริยะก็น่าจะหายไปด้วย และจะเอาอะไรไปกันพลังงานจากนอกระบบสุริยะจักรวาลครับ

ทฤษฎีการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ มีอะไรมากกว่าอุกาบาต super volcano หรือยุคน้ำแข็งไหม?
Posted by drjoop on 01/03/2012
เป็นที่ทราบดีกันว่าโลกของเรานั้นผ่านการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่มากว่า 5 ครั้งแล้ว ในช่วงประวัติศาสตร์ 500 ล้านปีที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้มีความพยายามในการหาสาเหตุของการสูญพันธุ์ว่าเกิดจากอะไร ไม่ว่าจะเป็นอุกาบาตขนาดใหญ่ หรือ Supervolcano หรือยุคน้ำแข็งถูกนำมาใช้อธิบายการสูญพันธุ์แต่ดูเหมือนยังไม่เป็นที่พอใจ (รายละเอียดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่สามารถอ่านได้ใน en.wikipedia.org/wiki/Extinction_event)



ภาพแสดงการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่โดยตัวเลขเหนือสามเหลี่ยมสีเหลืองแสดงการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ ซึ่งวัดจากจำนวนของ biodiversity ในช่วงนั้นๆ รวมไปถึงระยะว่างของอายุ fossil ส่วนสามเหลี่ยมสีน้ำเงินแสดงการสูญพันธุ์ย่อยๆในช่วงประมาณ 500 ล้านปีที่ผ่านมา ( จาก http://muller.lbl.gov/papers/Rohde-Muller-Nature.pdf )
ข้อมูลที่นำมาเล่าวันนี้มาจาก (สนใจตัวไหนสามารถกดที่ลิงค์ซึ่งจะดาวน์โหลดไฟล์ pdf ของวารสารฉบับนั้นๆเลยครับ)
1.งานวิจัยของดร. Manvedev และ ดร.Melott จากมหาวิทยาลัยเทกซัสซึ่งตีพิมพ์เมื่อปี ค.ศ.2007 เรื่อง Do extragalactic cosmic rays induce cycles in fossil diversity? ซึ่งได้หาความสัมพันธุ์ของการสูญพันธุ์ของสิ่งมีชีวิตในรอบ 500 ล้านปีที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับการโคจรของระบบสุริยะของเราไปตามแขนของกาแลคซี่ทางช้างเผือก
2.การศึกษาของดร. Gies และ ดร.Helsel เรื่อง Ice age epochs and the sun’s path through the galaxy. ซึ่งตีพิมพ์เมื่อเดือนมิถุนายนปีค.ศ. 2005 ใน AstroPhysical Journal แ
3. Testing the link between terrestrial climate change and galactic spiral arm transit โดย ดร.Overholt ดร.Melott และ ดร.Pohl
4. Structure and Dynamics of the Milky Way: The Evolving Picture โดยดร. Tyler Foster และดร. Brendan Cooper
จะเห็นว่าแนวคิดนี้มาจากดร. Melott เป็นหลักและมีผลงานด้านนี้ถึงสองเรื่องด้วยกัน โดยในงานวิจัยของดร. Melott ได้เสนอกลไกที่ทำให้เกิดการสูญพันธุ์โดยมีสาเหตุจากรังสีคอสมิคซึ่งมีความเข้มข้นแตกต่างกันในแต่ละตำแหน่งขณะที่เราเคลื่อนที่ไปตามระนาบของกาแลคซี่ โดยพบความหลากหลายทางชีวภาพแปรผกผันกับปริมาณของ Cosmic rays Flux ดังภาพ



โดยเส้นสีน้ำเงินแสดงดัชนีความหลากหลายทางชีวพันธุ์ในขณะที่เส้นสีแดงแสดงปริมาณ cosmic ray flux ที่เราตรวจสอบจาก berillium-10 ในแกนน้ำแข็ง จะพบว่าเมื่อใดที่มีปริมาณรังสีคอสมิคเข้ามามากจะเกิดการหยุดความหลากหลายทางชีวพันธุ์ หรือบางครั้งเกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่เลยทีเดียว ดังจะเห็นกราฟสีน้ำเงินที่ต่ำกว่า -200 ส่วนแกนในแนวนอนจะแสดงระยะเวลาเป็นล้านปี ซึ่งกลไกการเกิดการสูญพันธุ์สามารถอธิบายได้ดังนี้
1.จากการได้รับรังสีคอสมิคในปริมาณมากๆโดยตรง ส่งผลทำให้เกิดการกลายพันธุ์ และเกิดมะเร็งเพิ่มขึ้นได้ ปริมาณรังสีที่จัดว่ามากคือปริมาณตั้งแต่ 10^14 eV ซึ่งจะมีอนุภาค muon เป็นตัวหลัก โดย muon เมื่อลงมายังพื้นโลกสามารถทะลุผ่านน้ำทะเลได้ลึกถึง 2.5 กม.หรือทะลุชั้นหินได้ถึง 900 ม. และสามารถสร้างกัมมันตรังสีที่มีอายุได้ยืนยาวถึง 1 ล้านปี
2.จากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง จากที่กล่าวในบล้อคก่อนหน้านี้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างรังสีคอสมิคและเมฆรวมไปถึงการเกิดยุคน้ำแข็งขึ้นบนโลกแล้วว่า รังสีคอสมิคอาจเป็นตัวอธิบายปรากฏการณ์ดังกล่าวได้
3.รังสีคอสมิคไปทำให้เกิดปฏิกิริยาและเกิดออกไซด์ของไนโตรเจนและเกิดการกลายพันธุ์ผ่านทางออกไซด์ของไนโตรเจนได้
4.เกิดการกลายพันธุ์จากรังสี UV จากดวงอาทิตย์ที่ผ่านเข้าสู่บรรยากาศด้านล่างมากขึ้นซึ่งเป็นผลจากออกไซด์ของไนโตรเจนไปทำลายชั้นโอโซนที่ทำหน้าที่กรองรังสีในชั้นบรรยากาศ ทำให้มีปริมาณของ UVB ที่พื้นผิวมากและทำลาย phytoplankton ซึ่งเป็นฐานล่างสุดของห่วงโซ่อาหารในสัตว์น้ำ
จากงานวิจัยของดร. Gies และดร. Helsel พบความสัมพันธุ์ของการสูญพันธุ์ใหญ่เมื่อเทียบกับตำแหน่งของดวงอาทิตย์กับระนาบกาแลคซี่และแขนของกาแลคซี่เราดังนี้



โดยกราฟบนสุดจะเป็นระยะห่างจากจุดศูนย์กลางกาแลคซี่ (หน่วยเป็นกิโลพาร์เซค) กราฟกลางจะเป็นมุมอาซิมุธเมื่อเทียบกับตำแหน่งปัจจุบันที่ 0 องศา กราฟล่างจะเป็นระยะห่างจากระนาบของกาแลคซี่เป็นพาร์เซคเช่นกัน (1พาร์เซค=ระยะทางประมาณ3.26ปีแสง หรือประมาณ 30 ล้านล้านกิโลเมตร วัดจากการเกิดพัลลาแลกซ์ของดาว 1 ฟิลิปดา)
กากบาทในรูปแสดงให้เห็นช่วงที่เกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ เส้นหนาในรูปแสดงระยะเวลาที่เกิดยุคน้ำแข็งขึ้นบนโลก
และเมื่อเทียบกับตำแหน่งที่มองจากด้านบนของกาแลคซี่แล้วเราจะพบว่า



จากภาพ LOCAL =ตำแหน่งปัจจุบันของดวงอาทิตย์, เครื่องหมายบวกตรงกลาง=จุดศูนย์กลางของกาแลคซี่ทางช้างเผือก, รูปสี่เหลี่ยมเล็กๆแสดงพิกัดระยะ 100ล้านปี, เส้นทึบแสดงระยะของยุคน้ำแข็ง, เส้นกากบาทแสดงระยะเวลาที่เกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่
สิ่งที่สรุปได้จากการศึกษานี้คือ ช่วงเวลาที่เกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่จะมีคาบการเกิดชัดเจน และสัมพันธ์กับการโคจรของดวงอาทิตย์เข้าไปยังด้านเหนือของกาแลคซี่ (ขณะที่เขียนอยู่ ดวงอาทิตย์กำลังข้ามระนาบของกาแลคซี่อยู่) จึงมีการตั้งสมมติฐานต่างๆตามมาว่า ถ้าวัดจากระดับรังสีคอสมิคปกติที่เราได้รับจากกาแลคซี่ทางช้างเผือกเอง จะอยู่ที่ 10^10 eV – 10^15 eV ส่วนรังสีที่สูงกว่านี้น่าจะมาจากนอกระบบกาแลคซี่ของเรา เมื่อเราลองดูความสัมพันธ์ข้างต้นแล้วประกอบกับข้อมูลล่าสุดจาก TESTING THE LINK BETWEEN TERRESTRIAL CLIMATE CHANGE AND GALACTIC SPIRAL
ARM TRANSIT โดยดร. Overholt ดร. Melott ดร. Pohl ซึ่งได้นำข้อมูลเดิมมาประกอบกับการคำนวณความเร็วของการหมุนของแขนกาแลคซี่เมื่อเทียบกับดวงอาทิตย์ของเราแล้วได้ความสัมพันธ์ดังภาพ



จากภาพจะพบว่าการโคจรของระบบสุริยะของเราเมื่อเทียบกันกับข้อมูลใหม่แล้ว แทบไม่สัมพันธ์กันกับตำแหน่งของแขนกาแลคซีและระยะเวลาเกิดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่เลย จึงเหลือเพียงโมเดลที่ต้องหาคำตอบว่า ทำไมการสูญพันธุ์จึงเกิดเมื่อเราเดินทางเข้าสู่ตอนบนของกาแลคซี่ของเราเป็นส่วนใหญ่ ซึ่ง ดร.Melott ได้เสนอแนวคิด Galactic shock model ขึ้นมา โดยอธิบายว่ารังสีคอสมิคพลังงานสูงกว่าที่พบในทางช้างเผือกนั้น มาจากนอกระบบกาแลคซี่ของเราและปริมาณรังสีเหล่านี้จะสูงขึ้นในด้านบนของกาแลคซี่ ก่อนที่จะอธิบายว่าทำไมเราลองมาดูตำแหน่งของกาแลคซี่ของเราก่อน
แกแลคซี่ทางช้างเผือกของเราอยู่ในกลุ่มดาราจักร Virgo supercluster โดยประกอบด้วยกาแลคซี่ใกล้เคียงสามกลุ่มคือกลุ่ม milkyway กลุ่ม Andromeda และกลุ่ม Triangulum โดยด้านบนของแกแลคซี่ชี้ขึ้นไปทางใจกลางของ Virgo Supercluster ดังภาพ



ลักษณะของแกแลคซี่ของเรา มีรูปร่างคล้ายฝักแบบเดียวกับ heliosphere หรือฝักสุริยะของเรา แต่มีขนาดใหญ่กว่าเป็นล้านเท่า โดย มีทิศทางวิ่งเข้าไปหาใจกลางของ Virgo Supercluster ดังภาพ



จากภาพจะเห็น galactosphere ของทางช้างเผือกและตำแหน่งของการปะทะระหว่าง super galctic wind กับ intergalactic medium ซึ่งจะเกิด bow shock ที่บริเวณด้านบนของกาแลคซี่และเป็นที่มาของรังสีคอสมิคที่มีพลังงานสูงกว่า 10^15 eV ได้ โดยเฉพาะทิศทางใจกลางของ Virgo supercluster นั้นเป็นแหล่งกำเนิดของรังสีคอสมิคปริมาณสูงอยู่ จึงอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่อธิบายที่มาของรังสีคอสมิคพลังงานสูงที่ทำให้เกิดการสูญพันธุ์ใหญ่ของโลกเราได้
จากข้อมูบที่นำเสนอมาข้างต้น เป็นที่น่าสนใจในทฤษฎีการสูญพันธุ์ใหญ่ของโลกที่ถูกนำเสนอด้วยมุมมองใหม่ และจากข้อมูลใหม่ๆทำให้เราพบความสัมพันธ์ระหว่างโลกของเรา ดวงอาทิตย์ กาแลคซี่ของเรา รวมไปถึงระบบเอกภพของเราว่าเกี่ยวข้องกันจนไม่อาจละเลยประเด็นเล็กๆไปได้ อย่างไรก็ตามกลไกการเกิดภัยพิบัตินี้ไม่ได้อธิบายในสิ่งที่จะเกิดขึ้นทั้งหมด หรือสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ เพียงแต่บอกแนวโน้มและความสัมพันธ์ให้เราได้เตรียมรับมือไว้เท่านั้นครับ

ทฤษฎีการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ มีอะไรมากกว่าอุกาบาต super volcano หรือยุคน้ำแข็งไหม? | ติดตามภัยพิบั

 

ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล
52 นาทีที่แล้ว

อีกประมาณ 3-4 เดือนข้างหน้าสนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์จะสลับขั้ว อาจมีปฏิกริยาที่ส่งผลกระทบต่อโลก และระบบสุริยจักรวาล!

The Sun's Magnetic Field is about to Flip - NASA Science

เวปข่าวไทยรัฐ : นาซา'ชี้ สนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์จะสลับขั้วใน 3-4 เดือนหน้า
'นาซา'ชี้ สนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์จะสลับขั้วใน 3-4 เดือนหน้า - ข่าวไทยรัฐออนไลน์

นอกจากดวงอาทิตย์จะพลิกกลับขั้วตามที่เขาบอก เรายังมีสิ่งอื่นที่จะเกิดขึ้นเกือบจะพร้อมๆกัน ในช่วง 3-4 เดือนข้างหน้า

- ดาวหาง Ison มาใกล้โลกที่สุดในอีกไม่กี่เดือนที่จะถึง
- การเตรียมการหลายๆอย่างของ FEMA คล้ายจะให้เสร็จสิ้นในช่วงก่อนตุลาคม เพื่อรองรับเหตุการใหญบางอย่าง?

เมื่อ "รวม 3 เหตุการณ์ใหญ่ที่จะเกิดขึ้นในช่วงระยะเวลาเดียวกัน" มันบังเอิญหรือไม่? หรือมีความจริงอื่นใดซ่อนอยู่ในเหตุการณ์ต่างๆเหล่านี้??

 

ความจริงหลังกึ่งพุทธกาล ได้แชร์ลิงก์
42 นาทีที่แล้ว
การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศที่ก้าวเร็วที่สุดตั้งแต่ยุคของไดโนเสาร์

Climate Changing at Fastest Pace Since the Age of Dinosaurs - weather.com Global Warming 10 Times Faster?

Climate Changing at Fastest Pace Since the Age of Dinosaurs
Terrell Johnson Published: Aug 6, 2013, 1:12 PM EDT weather.com

OverlayGlobal Warming 10 Times Faster?AutoplayONOFF
Earth's climate is changing more quickly today than at any time since the extinction of the dinosaurs some 65 million years ago, according to a new report by a pair of Stanford University researchers in the latest issue of the journal Science.

Over the next century, the pace of climate change is expected to continue to pick up speed, the report warns, which could lead to a rise in average annual temperatures of 5 to 6 Celsius degrees (about 9 to 11 Fahrenheit degrees) by 2100.

If that happens as forecast, the report says, many plant and animal species in a wide range of terrestrial ecosystems will need to be able to adapt rapidly to changing conditions in their environment -- or migrate quickly toward the North and South poles -- in order to survive.

Velocity of Climate Change
The top map shows global temperatures in the late 21st century, based on current warming trends. The bottom map illustrates the velocity of climate change, or how far species in any given area will need to migrate by the end of the 21st century to experience climate similar to present. (Courtesy Stanford University)

"The planet has not experienced changes this rapid in 65 million years," Christopher Field, one of the report's co-authors, said in an interview with ClimateWire. "Humans have never seen anything like this."

Field, a senior fellow with the Stanford University Woods Institute and the director of the global ecology department at the Carnegie Institution for Science, wrote the report with Noah Diffenbaugh, also a Stanford Woods Institute senior fellow and an associate professor of environmental earth system science.

Their findings come from a wide-ranging review of scientific literature on how climate change affects ecosystems around the planet, and how projections for the next century compare with past changes in Earth's climate.

Already, they note, a certain amount of global warming is "baked into the system," as a result of past greenhouse gas emissions. But the degree to which climate change warms the planet by the end of this century still depends largely on what humans do between now and then, they add.

An increase in global temperatures of just 1.5 Celsius degrees by 2100 would mean a pace of climate change that's 10 times faster than anything seen since the dinosaurs' extinction -- and that's with "aggressive mitigation efforts" (i.e., major efforts to reduce greenhouse gas emissions) of the kind that the world's industrialized nations so far have shown little willingness to undertake.

But a rise of 5 to 6 Celsius degrees would mean a warming pace that's 50 to 100 times faster than any seen in the past 65 million years, ClimateWire explains.

"We know from past changes that ecosystems have responded to a few degrees of global temperature change over thousands of years," Diffenbaugh said in a press release, noting that after the last ice age ended about 20,000 years ago, plants and animals moved into the areas that had been covered by glacial ice.

"But the unprecedented trajectory that we're on now is forcing that change to occur over decades," he added. "That's orders of magnitude faster, and we're already seeing that some species are challenged by that rate of change."

Field and Diffenbaugh also projected to 2100 the velocity of climate change, or the distance that plant and animal species would need to migrate toward cooler climates in order to live in temperatures like the ones in which they currently live.

Worldwide, species threatened by warming temperatures would need to move toward the poles (or to higher elevations) by at least one kilometer per year, they found, which works out to roughly a yard per day. While farmers can shift their crops and animals can more easily migrate, it's tougher for plant species -- especially at the speed our warming planet will require.

"Maple trees are not good at moving," Field told ClimateWire, adding, "You don't have forests moving over long distances very, very fast."

While it is "highly likely" that the current trajectory of climate change will continue to intensify in the coming decades, the report adds, the ultimate velocity of climate change is not yet a foregone conclusion.

"Although many Earth system feedbacks are uncertain, the greatest sources of uncertainty -- and greatest opportunities for modifying the trajectory of change -- lie in the human dimension," the authors write in the report.

"The rate and magnitude of climate change ultimately experienced by terrestrial ecosystems will be mostly determined by the human decisions, innovations, and economic developments that will determine the pathway of GHG [greenhouse gas] emissions."

 

วันที่ 6 สิงหาคม 2556 ข้อมูลจากเว็บ ภัยพิบัติ
21:44 ยานอวกาศ SDO ที่เฝ้ามองดวงอาทิตย์อยู่ ส่งภาพสดๆดวงจันทร์เคลื่อนผ่านหน้าดวงอาทิตย์ หรือการ Transit

 

ก็แปลกใจมากกับประเทศที่ยิ่งใหญ่อย่างอเมริกา เวลาเกิดไฟป่าแต่ละครั้งมันเผาผลาญทุกสิ่งที่ขวางหน้า ก็คงเพราะต่างฝ่ายก็ปลูกบ้านในที่ตนเองชอบ ไม่อยู่รวมกันเป็นชุมชน ทำไมเขาไม่อยู่รวมกันในชุมชนใหญ่ๆ และสร้างแนวกันไฟเวลาเกิดไฟป่า เอาแค่ถนน สี่เลนรอบหมู่บ้านและแต่ละชุมชนก็ควรมีบ่อน้ำขนาดใหญ่ประจำชุมชนแบบอิสราเอลก็น่าจะสกัดไฟได้ถ้าช่วยกัน (อิสราเอลเขาจะมีบ่อเก็บน้ำที่ใช้จากครัวเรือนและนำน้ำไปบำบัดให้เป็นน้ำที่สะอาดและนำน้ำทีได้ไปใช้ในการเกษตร ประเทศไทยควรนำมาทำที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือคงได้ผลดี อ้าว...ฝากด้วยคนในนี้ถ้าใครได้เป็น รมต.เกษตรช่วยทำทีหน้าแล้งชาวบ้านไม่มีน้ำปลูกออ้ยและข้าว) และฝากไปถึงนักเตรียมการณ์เรื่องภัยพิบัติ ท่านอย่าได้ไปปลูกบ้านอยู่คนเดียวโดดๆๆละเดี๋ยวถูกปล้นและถูกฆ่าก่อนได้ใช้เป็นที่หลบภัยนะ ควรไปอยู่รวมกับชาวบ้านเป็นชุมชน และเวลาเกิดภัยพิบัติก็รีบเสนอตัวเองขึ้นเป็นผู้นำรวบรวมชาวบ้านในการตั้งกลุ่มรักษาความปลอดภัย ก็คงดี.......และไม่ต้องกลัวอด เพราะชาวบ้านเขามียุ้งข้าวประจำครัวเรือน กินได้ไม่ต่ำปี จบแล้ว.....

 

ข้อมูลของคุณVyt Alivety
ในทุกวันนี้สนามแม่เหล็กที่คอยปกป้องโลกก็น่าจะไม่เป็นปกติแล้ว ยิ่งมาเจอพายุสุริยะที่รุนแรงเข้ามาอีก หากตอนนั้นไม่มีสนามแม่เหล็กโลกก็คงรับผลกระทบเต็มๆ ในปี 13-14 นี้คำพยากรณ์ตามพระคัมภีร์ไบเบิ้ล ก็น่าจะมาถึงการแกะตราดวงที่ 6 ซึ่งหมายความว่าจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่บนโลก และเข้าสู่ยุคทุกข์เข็ญเป็นเวลา 7ปี แต่ก็เชื่อว่าพระเจ้าจะทรงมารับผู้เชื่อขึ้นไปให้พ้นก่อนหรือที่เรียกว่า Rapture จากข้อมูลข่าวสารดูแล้วก็สอดคล้องที่จะเกิดขึ้น
<iframe width="640" height="360" src="https://www.youtube.com/embed/1srPleJ1zfo?feature=player_detailpage" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

https://www.youtube.com/watch?v=1srPleJ1zfo&list=TLdkGT2soNTq0

Mega Earthquake (2013 2014) Global Financial Collapse (2015) Rapture Explained Away!
YouTube
Upcoming events to watch for between 2013-

 

อ้างอิงคุณสุกิจ

ที่ผมทราบไม่ใช่ข่าวจาก NASA น่ะครับ แต่เป็นงานวิจัย ถ้าจะอ่านเพิ่มไปโหลดเอกสารเพิ่มจาก http://muller.lbl.gov/papers/Rohde-Muller-Nature.pdf แต่ผมว่าการสลับขั้วของสนามแม่เหล็กดวงอาทิตย์น่ากลัว เพราะถ้างานวิจัยนี้จริง และจากที่อาจารย์ปิยะชีพเคยบอกว่าขณะนี้มีพลังงานจากนอกระบบสุริยะจักรวาลเข้ามาและอาจเป็นอันตรายกับโลก แต่มีพายุสุริยะกันอยู่ แต่ถ้าสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์หายไป ลมสุริยะก็น่าจะหายไปด้วย และจะเอาอะไรไปกันพลังงานจากนอกระบบสุริยะจักรวาลครับ

ทฤษฎีการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ มีอะไรมากกว่าอุกาบาต super volcano หรือยุคน้ำแข็งไหม?
Posted by drjoop on 01/03/2012
เป็นที่ทราบดีกันว่าโลกของเรานั้นผ่านการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่มากว่า 5 ครั้งแล้ว ในช่วงประวัติศาสตร์ 500 ล้านปีที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้มีความพยายามในการหาสาเหตุของการสูญพันธุ์ว่าเกิดจากอะไร ไม่ว่าจะเป็นอุกาบาตขนาดใหญ่ หรือ Supervolcano หรือยุคน้ำแข็งถูกนำมาใช้อธิบายการสูญพันธุ์แต่ดูเหมือนยังไม่เป็นที่พอใจ (รายละเอียดการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่สามารถอ่านได้ใน en.wikipedia.org/wiki/Extinction_event)


ขอบคุณมากครับคุณสุกิจ ผมได้ยินเรื่องนี้ตั้งแต่ปี 2010 แต่ไม่รู้ที่มาที่ไป