ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

มีแก๊งค์ปาหินมาดูเวบพลังจิตด้วยหรอ

 

1 ส.ค. 56 ห้าสิบ

จาการที่คุยกันกับแจ้งข่าวดอนเมืองถึงกำลังพลของชมรมว่ามีเป็นหลักร้อยแล้ว ได้ถามถึงการประมาณการความสูงของน้ำ ถ้ามาจะมาเท่าไร? มีความเห็นตรงกันที่ 0.50เมตร

เคอิสรา

 

1 ส.ค. 56

นิมิต ติดเล่น เกมส์พนัน
ก็ยัง เสพติด ไม่เว้น
พรรษา ยังอยู่ ก็เล่น
งดเว้น ทำได้ ใจเจริญ

เคอิสรา

 

1 ส.ค. 56

นายหมอ พอใจ ไม่อยู่
โฉมตรู รวมท่าน ระวัง
จากนี้ ถ้าเกิด การพัง
ระวัง ครอบครัว ตัวเอง

เคอิสรา

 

มีจริงๆค่ะ ปาหินวิเศษเจาะกะโหลกให้งงงวยงมงาย แล้วก็ตบทรัพย์ไปได้อย่างง่ายดาย ทำงานกันเป็นแก๊งค์เป็นทีม ปีที่แล้วมีหลายแก๊งค์เลยแหละค่ะ บางแก๊งค์ก็ทำสำเร็จ บางแก๊งค์หวังตบทรัพย์ทีหนึ่งเป็นตัวเลข 7 หลักเลยเชียวแหละแต่คนรู้ทันลุกหนีกันพรึ่บๆหมดโต๊ะเลยค่ะ

 

มีสิ ครับ

นอกจากมีแก๊งค์ปาหินแล้วรีบวิ่งหนีเข้าบ้าน

ยังมีพวกจิตวิปเรศ ชอบกดไม่เห็นด้วย
ไปเสียหมดที่ไม่ชอบใจ
แต่ไม่ได้บอกว่า ข้อมูลที่โพสต์ไม่ดี ไม่ถูกตรงไหน
คงแค่ไม่ถูกใจเค้าเท่านั้นแหละ

นอกจากนั้นก็ยังพวกโรคจิต
ตามไปป่วนกระทู้ โพสต์ข้อความที่ไม่เกี่ยวข้อง
ทำให้กระทู้ดีๆถูกดันลงไปจากหน้าซะงั้น

ในเวปพลังจิตนี่มีครบทุกชนิดนั่นแหละ ครับ

 

ไม่มีใครบังคับให้ใครเชื่อ ใครเชื่อหรือไม่เชื่อก็ยอมรับความเสี่ยงเอาเอง
ถ้าเชื่อ ก็เตรียมขนข้าวขนของตุนมาม่าไม่เดือดร้อน ถ้าน้ำไม่มาก็นั่งกินมาม่ากันต่อไป
ถ้าไม่เชื่อ ถ้าน้ำมาก็เตรียมรับถุงบริจาคก็แล้วกันครับ

เพราะ web นี้ ต้องใช้วิจารณญาณในการอ่าน

 

แหมมมมให้โอกาสอีกสักครั้งไม่ได้หลอ??? ครั้งนี้ชัวนะ ไม่เชื่อคอยดูสิ

 

ปี พ.ศ.2558 จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป...?​

​

หมอดูอีที ทำนายรัฐบาลยิ่งลักษณ์เข้าสู่ยุคตกต่ำ เจอประชาชนลุกขึ้นต้านต่อเนื่อง ชี้ ปี 2558 ผู้มีอำนาจในรัฐบาลจะสูญหายไม่เหลือซาก กระทั่งปี 2559 ทุกอย่างจะดีขึ้น

เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2556 นายวรธนัท อัศกุลโกวิท หรือ อาจารย์หม่า ปรมาจารย์ฮวงจุ้ย เปิดเผยว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ตนเองได้ไปพบหมอดูอีที หมอดูชื่อดังชาวพม่า เพื่อขอให้ทำนายดวงประเทศไทย ซึ่งตอนหนึ่งของการทำนาย หมอดูอีที ระบุว่า ขณะนี้เป็นจุดต่ำสุดของรัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เพราะคนในประเทศจะลุกขึ้นมาต่อสู้กันเอง ทำให้เกิดความสูญเสียขึ้น

โดย หมอดูอีที ทำนายไว้อย่างน่าสนใจว่า ในเดือนสิงหาคมนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการต่อสู้ และเกิดขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงเดือนตุลาคม อาจกินเวลายาวประมาณ 6-9 เดือนกว่าจะเข้าที่เข้าทาง โดยในปี 2557 สถานการณ์จึงจะเริ่มคงที่ แม้จะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดทั้งปี จากนั้นในปี 2558 จะกลายเป็นปีแห่งความหวังใหม่ของไทย เพราะผู้มีอำนาจในรัฐบาลปัจจุบันจะสูญหายไม่เหลือซาก

อย่างไรก็ตาม อาจารย์หม่า ระบุว่า ทางหมอดูอีทีไม่ได้บอกว่าที่ว่าผู้มีอำนาจจะสูญหายไม่เหลือซากนั้น หมายถึงการเสียชีวิต หรือต้องหลบหนีไปอยู่ต่างประเทศ แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ ในปี 2559 จะเป็นปีที่ดี ประเทศจะเป็นดั่งฟ้าสีทองผ่องอำไพ

ในตอนท้าย หมอดูอีที ย้ำด้วยว่า การเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เกิดจากฝีมือของกองทัพหรือทหาร แต่เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นโดยประชาชน

ที่มา www.hilight.kapook.com/view/89244

 

สื่อนอกพร้อมใจตีข่าวในหลวงเสด็จฯแปรพระราชฐานที่หัวหิน​

​

สำนักข่าวต่างประเทศชื่อดังนำเสนอข่าวพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เสด็จฯออกจากโรงพยาบาลศิริราช เพื่อไปทรงประทับแปรพระราชฐานยังวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

สำนักข่าวต่างประเทศชื่อดังทั้งรอยเตอร์ส เอพี เอเอฟพี บีบีซี ฟ็อกซ์นิวส์ ยูโรนิวส์ ทีวีอาซาฮี สเตรทไทม์ส วอลสตรีทเจอร์นัล และเอบีซีนิวส์ พร้อมใจกันนำเสนอรายงานเมื่อวันที่ 1 ส.ค. เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินออกจากโรงพยาบาลศิริราช ในกรุงเทพฯ เพื่อไปทรงประทับแปรพระราชฐานยังวังไกลกังวล อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ทางตอนใต้ของไทย

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ พระชนมพรรษา 85 พรรษา ทรงประทับอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราชตั้งแต่เมื่อเดือนก.ย. 2552 เพื่อให้คณะแพทย์ถวายการรักษาพระอาการติดเชื้อที่พระปับผาสะ ( ปอด ) ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สำนักพระราชวังไม่เคยชี้แจงแน่ชัดว่า เพราะเหตุใดพระองค์จึงทรงประทับอยู่ที่โรงพยาบาลเป็นเวลานาน อย่างไรก็ตาม การเสด็จฯแปรพระราชฐานในครั้งนี้ ถือเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 4 ปี สร้างความปลื้มปีติให้แก่พสกนิกรชาวไทยทั้งประเทศ ซึ่งมารอเฝ้าฯรับเสด็จพร้อมส่งเสียง “ทรงพระเจริญ” ตลอด 2 ข้างทาง ที่ขบวนรถยนต์พระที่นั่งของพระองค์แล่นผ่าน

แม้จะทรงประทับอยู่ภายในโรงพยาบาลเกือบตลอดเวลา แต่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงปรากฏพระองค์ในพิธีสำคัญระดับนานาชาติในบางวโรกาส ล่าสุดคือการพระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ผู้นำสหรัฐ เข้าเฝ้าฯ เนื่องในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เมื่อปีที่แล้ว

ขณะที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ พระชนมพรรษา 80 พรรษา ทรงเข้ารับการรักษาพระอาการประชวรที่โรงพยาบาลแห่งเดียวกัน เมื่อช่วงปีที่แล้ว ซึ่งสำนักพระราชวังออกแถลงการณ์ระบุเพียงว่า สมเด็จพระราชินีทรงพระประชวรด้วยพระอาการที่เกี่ยวข้องกับความดันพระโลหิตและระบบการทำงานของพระหทัย

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงครองราชย์ยาวนานที่สุดในโลกถึง 67 ปี ตลอดรัชสมัยของพระองค์จนถึงปัจจุบันเกิดการรัฐประหารกว่า 15 ครั้ง การเปลี่ยนรัฐธรรมนูญ 18 ฉบับ และนายกรัฐมนตรี 28 คน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงเป็นที่รักและเคารพยิ่งของชาวไทยทุกคนตลอดมา ทั้งนี้ เป็นที่ทราบกันดีว่า กฎหมายไทยในเรื่องการปกป้องสถาบันกษัตริย์นั้นมีบทลงโทษรุนแรงมาก ผู้ที่แสดงออกซึ่งการดูหมิ่นราชวงศ์อาจต้องรับโทษจำคุกนานถึง 15 ปี

เดลินิวส์ วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม 2556 เวลา 19:42 น.

อังกฤษเผยร่างแถลงการณ์ "ควีนเอลิซาเบธที่2" เตือนพสกนิกรรับมือสงครามนิวเคลียร์​

​

อังกฤษเผยร่างกระแสพระราชดำรัสในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เพื่อทรงกระตุ้นให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือ "สงครามนิวเคลียร์" หรือ "สงครามโลกครั้งที่ 3" เมื่อ 30 ปีก่อน

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ว่าทางการอังกฤษเผยร่างกระแสพระราชดำรัสในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 เพื่อทรงกระตุ้นให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือ "สงครามนิวเคลียร์" หรือ "สงครามโลกครั้งที่ 3" เมื่อ 3 ทศวรรษก่อน

หอจดหมายเหตุแห่งชาติอังกฤษนำเอกสารฉบับนี้ขึ้นเผยแพร่บนเว็บไซต์ The National Archives ซึ่งลงวันที่ 4 มี.ค. 2526 มีเนื้อหาเกี่ยวกับการที่สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และเจ้าชายฟิลิป ดยุคแห่งเอดินบะระ พระสวามีของพระองค์ ทรงมีความกังวลพระทัยอย่างมากต่อสถานการณ์โลกในช่วงนั้น ซึ่งกำลังอยู่ในยุคของสงครามเย็น ภัยอันตรายจากภายนอกกำลังข่มขู่และคุกคามอังกฤษในทุกด้านอย่างหนักหน่วงที่สุดเท่าที่เคยมีมา พระองค์จึทรงเตือนให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ไม่คาดฝันที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา

นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงแสดงความเป็นห่วงเจ้าชายแอนดรูว์ ดยุคแห่งยอร์ก พระราชโอรสพระองค์ที่ 2 ของพระองค์ ซึ่งในเวลานั้นทรงรับราชการสังกัดกองทัพเรือ และต้องทรงเรือลาดตะเวนออกนอกชายฝั่งด้วย

นอกจากร่างกระแสพระราชดำรัสในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แล้วหอจดหมายเหตุยังนำเอกสารสำคัญทางประวัติศาสตร์อีกหลายชิ้นมาเผยแพร่เป็นครั้งแรก รวมถึงจดหมายที่นางมากาเร็ต แธตเชอร์ นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกและคนเดียวของอังกฤษ ยื่นต่อรัฐสภา เพื่อขอใช้สิทธิ์ยับยั้งการแต่งตั้งนายวิลเลียม เฮก เป็นที่ปรึกษาด้านการคลังของรัฐบาล เมื่อปี 2526 ปัจจุบัน เฮกดำรงตำแหน่งรมว.กระทรวงการต่างประเทศ และการปล่อยให้กระแสน้ำไหลเข้าท่วมมณฑลเคนต์และเอสเซ็กซ์ เมื่อครั้งอุทกภัยปี 2525 เป็นความจำเป็นเพื่อต้องรักษากรุงลอนดอน เมืองหลวงของประเทศเอาไว้

เดลินิวส์ วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม 2556 เวลา 14:07 น.

สหรัฐผ่านกฎหมายคว่ำบาตรน้ำมันอิหร่านตัดท่อน้ำเลี้ยงโครงการนุก​

​

ส.ส.สหรัฐมีมติท่วมท้นผ่านร่างกฎหมายเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรอิหร่าน ด้วยการลดการส่งออกน้ำมันของอิหร่านลงวันละประมาณ 1 ล้านบาร์เรลต่อวันเป็นระยะเวลา 1 ปี เพื่อตัดเส้นทางการเงินที่จะนำมาใช้สนับสนุนโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐ เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ว่า สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ มีมติผ่านร่างกฎหมายเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่านให้เข้มข้นยิ่งขึ้นเมื่อวานนี้ ส่งสัญญาณแข็งกร้าวถึงรัฐบาลเตหะราน กรณีโครงการนิวเคลียร์ที่ยังเป็นข้อพิพาทอยู่ ไม่กี่วันก่อนนายฮัสซัน โรฮานี ประธานาธิบดีที่เพิ่งชนะการเลือกตั้ง จะสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง การลงมติดังกล่าว ยังแสดงให้เห็นถึงความแตกแยกระหว่างรัฐสภาและรัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา เกี่ยวกับนโยบายอิหร่าน ก่อนการเจรจาระหว่างประเทศหารือโครงการนิวเคลียร์ของอิหร่านในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ ซึ่งอิหร่านยืนยันว่า โครงการนิวเคลียร์มีจุดมุ่งหมายเพื่อพลเรือนเท่านั้น

โดยร่างกฎหมายดังกล่าว ซึ่งสมาชิกสภาผู้แทนฯสหรัฐ ลงมติผ่านอย่างง่ายดาย ด้วยคะแนน 400-20 เสียง จะลดการส่งออกน้ำมันของอิหร่านลงประมาณ 1 ล้านบาร์เรลต่อวันเป็นเวลา 1 ปี ซึ่งเป็นความพยายามที่จะตัดท่อน้ำเลี้ยงของโครงการนิวเคลียร์ นับเป็นร่างกฎหมายคว่ำบาตรฉบับแรก ในการลดการส่งออกน้ำมันของอิหร่านด้วยการระบุจำนวนที่ชัดเจน ร่างกฎหมายฉบับนี้ จะลงโทษสถานหนักต่อผู้ซื้อที่ฝ่าฝืน, จำกัดการเข้าถึงแหล่งเงินทุนในบัญชีเงินฝากต่างประเทศของอิหร่าน และลงโทษประเทศที่ทำมาค้าขายกับอิหร่านในภาคอุตสาหกรรมอื่น ๆ ด้วย

ก่อนหน้านี้ มาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐและสหภาพยุโรป ลดการส่งออกน้ำมันของอิหร่านลงมากกว่าครึ่งหนึ่ง สหรัฐได้ทำงานร่วมกับบรรดาประเทศผู้บริโภคน้ำมันอันดับหนึ่งของอิหร่าน คือจีน ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ เพื่อผลักดันให้ประเทศเหล่านี้ หันไปหาแหล่งน้ำมันดิบจากแหล่งอื่นแทน

ร่างกฎหมายฉบับนี้ ต้องผ่านความเห็นชอบในวุฒิสภาและเสนอให้ประธานาธิบดีโอบามาลงนามก่อนบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป

เดลินิวส์ วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม 2556 เวลา 14:23 น.

ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์

 

ทำนายสงกรานต์ปี 2556 พระมหากษัตริย์จะเจริญรุ่งเรืองดี !!!​

​

เป็นประจำทุกวันสงกรานต์ของทุกปีที่จะมีการประกาศนางสงกรานต์ โดย นางสงกรานต์ปี 2556 ชื่อว่า นางมโหทรเทวี โดยปีนี้มีคำทำนายค่อนข้างดุเดือด

วันมหาสงกรานต์ ตรงกับวันอาทิตย์ที่ 14 เมษายน เวลา 1 นาฬิกา 58 นาที 48 วินาที ตรงกับเวลา 2 นาฬิกา 16 นาที 48 วินาที (เวลามาตรฐานประเทศไทยปัจจุบัน) จันทรคติตรงกับ วันเสาร์ขึ้น 3 ค่ำ เดือนห้า(5) ปีมะเส็ง

นางสงกรานต์ปี 2556 คือนางมโหทรเทวี ทรงพาหุรัด ทัดดอกสามหาว(ผักตบชวา) อาภรณ์แก้วนิลรัตน์ ภักษาหารเนื้อทราย หัตถ์ขวาทรงจักร หัตถ์ซ้ายทรงตรีศูล เสด็จไสยาสน์หลับเนตร (นอนหลับตา) มาเหนือหลังมยุรา(นกยูง) เป็นพาหนะ

เกณฑ์พิรุณศาสตร์ ปีนี้ ศุกร์ เป็นอธิบดีฝน บันดาลให้ฝนตก 600 ห่า ตกในเขาจักรวาล 240 ห่า ตกในป่าหิมพานต์ 180 ห่า ตกในมหาสมุทร 120 ห่า ตกในโลกมนุษย์ 60 ห่า เกณฑ์ธาราธิคุณ ชื่อ อาโป (ธาตุน้ำ) น้ำมาก น้ำท่วม
เกณฑ์นาคราชให้น้ำ ปีมะเส็ง นาคราชให้น้ำ 1 ตัว ทำนายว่าฝนต้นปีมาก กลางปีงาม แต่ปลายปีน้อยแล

เกณฑ์ธัญญาหารชื่อ ปาปะ ข้าวกล้าในไร่นา จะได้ 1 ส่วน เสีย 10 ส่วน คนทั้งหลายจะตกทุกข์ได้ยากลำบากแค้น เพราะกันดารอาหารบ้าง จะฉิบหายเป็นอันมากแล

วันเถลิงศก ตรงกับ วันอังคารที่ 16 เมษายน เวลา 5 นาฬิกา 56 นาที 24 วินาที ตรงกับเวลา 6 นาฬิกา 14 นาที 24 วินาที (เวลามาตรฐานประเทศไทยปัจจุบัน) จันทรคติตรงกับ วันจันทร์ ขึ้น 5 ค่ำ เดือนห้า(5) ปีมะเส็ง

คำทำนายสงกรานต์ 2556 วันเสาร์เป็นวันมหาสงกรานต์ : จะเกิดอันตรายกลางเมือง จะเกิดเพลิง และ โจรผู้ร้าย และจะเจ็บไข้นักแลฯ

วันจันทร์ เป็นวันเนา : เกลือจะแพง นางพระยาจะร้อนใจ มักจะเกิดความไข้ต่างๆ

วันจันทร์ เป็นวันเถลิงศก : พระราชเทวี และหมู่นางสนม ราชบริพาร จะประกอบไปด้วยสุขและสมบัติทั้งปวง นางสงกรานต์ ไสยาสน์หลับเนตร (นอนหลับตา) : พระมหากษัตริย์จะเจริญรุ่งเรืองดี

วันที่ 3 เม.ย. 56 เวลา 10.41 น.

ที่มา ข่าว ข่าววันนี้ ข่าวสด ข่าวบันเทิง ข่าวดารา ข่าวด่วน : Sanook! News

 

2 ส.ค. 56

16 ก.ย. 51 เรื่องเล่าจากภาพ การทะเลาะวิวาท ผู้นำคนนอก แผ่นดินไหว

ยิ่งรุก ยิ่งลบ จบไว
เพศภัย ก่อเกิด มากมาย
เตรียมตัว และใจ เอาไว้
ตัวใคร ตัวมัน นะเกลอ

เฝ้าดู ยิ่งดู ยิ่งเศร้า
เรื่องข่าว เคยลง เอาไว้
ภัยคน ใกล้มา แล้วไซร้
ดินไหว จะคลาน ตามมา

เคอิสรา

 

น้ำท่วมพม่าตายแล้ว 3 ศพ อพยพเกือบ 4 หมื่นคน​

​

น้ำท่วมใหญ่ในรัฐกะฉิ่นและมอญของพม่า หลังจากฝนตกหนักต่อเนื่องหลายวัน ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 คน สูญหาย 1 คน และเกือบ 4 หมื่นคนต้องอพยพไปอยู่ศูนย์อพยพฉุกเฉิน

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่า เมื่อวันที่ 1 ส.ค.ว่า เกิดเหตุการณ์น้ำท่วมในภาคตะวันออกเฉียงใต้ของพม่า ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 3 คน สูญหาย 1 คน และไร้ที่อยู่อาศัยอีกกว่า 38,000 คน ซึ่งทั้งหมดต้องไปอยู่ตามสถานที่พักพิงชั่วคราวกว่า 113 แห่ง สถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลพม่า รายงานว่า ฝนตกอย่างหนักตั้งแต่เมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา ใน 6 เมืองของรัฐกะฉิ่น และ 3 เมืองในรัฐมอญ ใกล้พรมแดนไทย นอกจากนี้ ยังมีนาข้าวกว่า 77,500 ไร่ ได้รับความเสียหาย และโรงเรียน 245 แห่งถูกปิด

เดลินิวส์ วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม 2556 เวลา 23:37 น.

ยิงถล่มคลังอาวุธซีเรียระเบิดตาย-บาดเจ็บเพียบ​

​

นักรบกบฎซีเรียยิงจรวดถล่มคลังเก็บอาวุธ แถบชานเมืองฮอมส์ ทางภาคตะวันตก จนเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง รายงานระบุมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 40 ศพ บาดเจ็บกว่า 120 คน

สำนักข่าวเอเอฟพีและรอยเตอร์รายงานจากกรุงเบรุต ประเทศเลบานอน เมื่อวันที่ 1 ส.ค. ว่า เกิดการระเบิดอย่างรุนแรงที่คลังเก็บอาวุธ ในเขตวาดิ อัล-ดาห์ฮับ ชานเมืองฮอมส์ ทางภาคตะวันตกตอนกลางของซีเรีย ในวันนี้ แรงระเบิดทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 40 ศพ บาดเจ็บอีกกว่า 120 คน เหยื่อโจมตีมีทั้งทหารและพลเรือน คาดว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตอาจเพิ่มขึ้นอีก เนื่องจากผู้บาดเจ็บจำนวนมากอยู่ในอาการสาหัส

รายงานเบื้องต้นระบุว่า คลังอาวุธอยู่ในเขตควบคุมของทหารกองทัพรัฐบาลซีเรีย การระเบิดเกิดจากการยิงจรวดถล่มของนักรบกบฏ ซึ่งนอกจากคลังอาวุธแห่งนี้แล้ว ในวันเดียวกันนี้กบฎยังยิงจรวดโจมตี เขตอาครูมาและเขต อัล-นอซา แถบชานเมืองฮอมส์ฝั่งทางใต้ ซึ่งประชาชนที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่เป็นชาวนิกายอลาวียะห์ นิกายเดียวกันกับ ประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ผู้นำซีเรีย ด้วย

เดลินิวส์ วันพฤหัสบดีที่ 1 สิงหาคม 2556 เวลา 22:17 น.

ซาอุฯพบผู้ติดเชื้อไวรัส "โคโรนา" สายพันธุ์ใหม่เพิ่มอีก​

​

ซาอุดิอาระเบียพบผู้ติดเชื้อไวรัส "โคโรนา" สายพันธุ์ใหม่จากตะวันออกกลางเพิ่มอีก 3 ราย เป็นหญิงทั้งหมด

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากนครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 2 ส.ค. ว่าทางการซาอุดิอาระเบียพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพิ่มอีก 3 คน เป็นผู้หญิงทั้งหมด

แถลงการณ์ขององค์การอนามัยโลก ( ฮู ) ฉบับเมื่อวันพฤหัสบดี อ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขซาอุดิอาระเบีย เกี่ยวกับการพบผู้ได้รับเชื้อไวรัสโคโรนากลุ่มทางเดินหายใจตะวันออกกลาง ( เมอร์ส ) ซึ่งทำให้ผู้ป่วยมีการคล้ายภาวะระบบทางเดินหายใจรุนแรงเฉียบพลัน ( ซาร์ส ) เพิ่มอีก 3 คน คนแรกเป็นหญิงอายุ 67 ปี ส่วนอีก 2 คนเป็นหญิงอายุ 46 ปี และ 94 ปี ได้รับเชื้อตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว ซึ่งทั้ง 3 คนถูกกักบริเวณอละอยู่ภายใต้การดูแลของคณะแพทย์เป็นเวลานานหลายเดือนแล้ว

ทั้งนี้ ฮูเชื่อว่า ไวรัสเมอร์สจัดอยู่ในตระกูลเดียวกับที่ทำให้เกิดโรคซาร์ส ซึ่งระบาดไปทั่วโลกเมื่อ 10 ปีก่อน มีผู้ติดเชื้อ 8,273 คน และเสียชีวิตราว 800 คน

เดลินิวส์ วันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม 2556 เวลา 10:39 น.

ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์

 

ชำระใจให้หายแค้น !!!​

​

การแก้แค้น เป็นพฤติกรรมที่ติดมากับมนุษย์ตั้งแต่ยุคดึกดำบรรพ์ก็ว่าได้ มันเป็นยิ่งกว่าปฏิกิริยา “สู้หรือหนี” อันเป็นสัญชาตญาณดั้งเดิมของสัตว์ทุกชนิดเมื่อเผชิญกับภัยคุกคาม คนเราไม่ได้อยากแก้แค้นเพียงเพราะโกรธที่ถูกทำร้ายเท่านั้น หากยังเพราะมีความอาฆาตพยาบาทซึ่งหล่อเลี้ยงด้วยความทรงจำ สัตว์บางชนิดอาจมีความอาฆาตพยาบาทเช่นเดียวกับมนุษย์ แต่นั่นเพราะมันหรือลูกของมันถูกทำร้าย ส่วนมนุษย์นั้นเพียงแค่เสียหน้าหรือถูกดูหมิ่นศักดิ์ศรี ก็เป็นเหตุผลมากพอแล้วที่จะลงมือล้างแค้นจนถึงตาย

อย่างไรก็ตามการแก้แค้นไม่ใช่เป็นเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกล้วนๆ มนุษย์ตั้งแต่ยุคบรรพกาลมีเหตุผลที่ต้องแก้แค้น ไม่ใช่เพื่อความสะใจเท่านั้น แต่เพื่อส่งสัญญาณให้คู่กรณีรวมทั้งคนอื่นๆ ได้รู้ว่าตนจะไม่ยอมถูกกระทำฝ่ายเดียว ใครที่มาล่วงล้ำ กล้ำเกิน หรือทำร้ายตน ย่อมถูกโต้ตอบกลับคืน กล่าวอีกนัยหนึ่งนี้เป็นวิธีป้องปรามหรือกลไกป้องกันตัวอีกแบบหนึ่ง ซึ่งจำเป็นในยุคที่ผู้คนอยู่กันด้วย “กฎป่า” หรือใช้ความรุนแรงเป็นเครื่องมือ การไม่แก้แค้น หมายถึง การแสดงความอ่อนแอ ซึ่งเท่ากับเชื้อเชิญให้ใครต่อใครมาเอาเปรียบเบียดเบียนไม่หยุดหย่อน

การป้องกันตนเองด้วยวิธีการดังกล่าวมิใช่เป็นสิ่งจำเป็น สำหรับความอยู่รอดของปัจเจกบุคคลและครอบครัวเท่านั้น แต่ยังจำเป็นสำหรับกลุ่มชนหรือเผ่าพันธุ์ด้วย เผ่าจะอยู่รอดไม่ได้หากคนอื่นนิ่งดูดายปล่อยให้เพื่อนพ้องในเผ่าถูกทำร้าย การแก้แค้นให้กับเพื่อนร่วมเผ่าเป็นทั้งการป้องปรามไม่ให้ใครมาทำเช่นนั้นอีก ขณะเดียวกันก็เป็นการส่งสัญญาณแสดงถึงความสามัคคีกลมเกลียวของเผ่าตน ด้วยวิธีนี้เผ่าจึงจะมีโอกาสอยู่รอดและปลอดพ้นจากภัยคุกคามได้

คงเพราะเหตุนี้จึงมีการส่งเสริมค่านิยมการล้างแค้นในหมู่เผ่าพันธุ์ และกลุ่มชนต่างๆ จนกลายเป็นวัฒนธรรมไปทั่วโลก และในบางแห่งก็ถึงกับกลายเป็นข้อบัญญัติหรือเป็นที่รับรองของศาสนาด้วยซ้ำ มองในแง่นี้ก็เหมือนกับจะยืนยันว่าการล้างแค้นเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ ที่ติดมาในยีนเลยก็ว่าได้ แต่มองอีกมุมหนึ่งการที่หลายชุมชนหลายเผ่าพันธุ์ พยายามตอกย้ำเหตุการณ์อันน่าขมขื่นเจ็บปวดในอดีต (ผ่านบทเพลง บันทึกประวัติศาสตร์ และเรื่องเล่าปากต่อปาก ฯลฯ) เพื่อกระตุ้นให้เกิดความอาฆาตพยาบาทและอยากแก้แค้นนั้น

ทำให้เกิดคำถามขึ้นมาว่า ถ้าการแก้แค้นเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์จริง ทำไมจึงต้องตอกย้ำและปลุกเร้าให้เกิดความโกรธเกลียด และอาฆาตพยาบาทไม่หยุดหย่อน ราวกับกลัวว่าผู้คนจะลืมเหตุการณ์เหล่านั้น หรือไม่อาฆาตพยาบาทมากพอ มีผู้คนเป็นอันมากที่พยายามหล่อเลี้ยงความอาฆาตพยาบาท ด้วยการเตือนตนให้ระลึกถึงความเจ็บแค้นในอดีต เช่น นึกถึงมันบ่อย ๆ หรือบันทึกเอาไว้ บ้างก็ถึงกับทำรายชื่อศัตรู เหมือนกับจดรายการจ่ายตลาด ทั้งนี้ก็เพราะเขากลัวลืม แต่ยิ่งนึกย้ำซ้ำทวนก็ยิ่งถูกไฟโทสะเผาลนจิตใจ การพยายามปกป้องตนเองด้วยการแก้แค้น กลับกลายเป็นการบั่นทอนทำร้ายตนเอง ตั้งแต่เริ่มคิดแก้แค้นด้วยซ้ำ

แต่การแก้แค้นก่อผลเสียยิ่งกว่านั้น มันสามารถชักนำครอบครัว และกลุ่มชนของตนให้ตกอยู่ในวังวนแห่งความรุนแรง ติดกับดักแห่งการแก้แค้นไม่รู้จบ เพราะอีกฝ่ายย่อมไม่อยู่นิ่งเฉย หากพยายามแก้แค้นเอาคืน การแก้แค้นให้กับคน ๆ หนึ่งที่ถูกฆ่าตาย อาจตามมาด้วยการสังหารผู้คนอีกเกือบ ๓๐ คน (ดังที่เกิดกับ ๒ ชนเผ่าในนิวกีนีเมื่อหลายปีก่อน) หรือมีการจองล้างจองผลาญติดต่อกันนานถึง ๒๗๐ ปี (ดังกรณีที่เกิดในอัลเบเนีย) แต่นั่นก็ยังเทียบไม่ได้กับการแก้แค้น ระหว่างเซิร์บกับเติร์กซึ่งยืดเยื้อมา ๖๐๐ ปี หรือระหว่างยิวกับอาหรับซึ่งสาวไปได้ถึงพันปีที่แล้ว

ทุกวัฒนธรรมที่ส่งเสริมการแก้แค้นย่อมรู้ดีว่าการแก้แค้น ที่ปล่อยให้เกิดขึ้นตามอำเภอใจย่อมนำมาซึ่งความโกลาหลวุ่นวาย ทำลายความสามัคคีและบั่นทอนเสถียรภาพของสังคม จึงพยายามสร้างกติกาหรือข้อกำหนดขึ้นมา เพื่อให้การแก้แค้นอยู่ในขอบเขต (เช่น อนุญาตให้แก้แค้นได้ภายใน ๒๔ ชั่วโมง หรือกันเด็ก ผู้หญิง ชายชราจากหน้าที่แก้แค้น หรืออนุญาตให้ดวลปืนยิงกันด้วยกระสุนนัดเดียว) แต่นั่นก็ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุด หลายชุมชนจึงหันมาส่งเสริมการปรับหรือเรียกค่าสินไหมแทนการแก้แค้น หรือไม่ก็มอบหมายให้รัฐหรือผู้ปกครองทำการแก้แค้นแทน โดยมีมาตรการต่างๆ ตั้งแต่ปรับ จำคุก ไปจนถึงประหารชีวิต (ในอดีตอนุญาตให้รัฐใช้วิธีทรมานได้ด้วย)

แต่ความรุนแรงควรยุติด้วยการแก้แค้นเท่านั้นหรือ? หากเราไม่ลงมือแก้แค้นเอง เราควรพอใจที่รัฐแก้แค้นแทนเราเท่านั้นหรือ? มีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้หรือไม่ที่เราสามารถทำได้ ? คำตอบคือมี ได้แก่ “การล้างแค้นอย่างสร้างสรรค์” คือ การล้างแค้นด้วยการยกระดับตัวเองแทนที่จะไปเหยียบย่ำคนอื่นให้ตกต่ำลง เมื่อเราโกรธหรือเกลียดใครสักคน เราอยากทำกับเขาเหมือนกับที่เขาทำกับเรา หากเขาด่าว่าเรา เราก็ต้องด่าเขากลับคืน หากเขาทำร้ายเรา เราก็ต้องเล่นงานเขาให้สาสม วิธีนี้ก็คือการทำตัวเองให้ต่ำลงเหมือนเขา แต่ผู้ที่มีปัญญาย่อมรู้ดีว่าการทำให้เขาเจ็บปวดที่ดีกว่านั้น ก็คือการทำตน ให้ดีกว่าเขา เก่งกว่าเขา ประสบความสำเร็จมากกว่าเขา หรือเป็นสุขเบิกบานใจยิ่งกว่าเขา

อย่างไรก็ตามการล้างแค้นแบบสร้างสรรค์สามารถนำความทุกข์มาให้แก่เราได้ ตราบเท่าที่เรายังไม่เก่งกว่าเขาหรือประสบความสำเร็จมากกว่าเขา เบื้องหลังการล้างแค้นดังกล่าวคือความโกรธเกลียด ซึ่งสามารถเผาลนจิตใจเราได้ตลอดเวลา ด้วยเหตุนี้จึงมีวิธีที่ดีกว่านั้นอีก นั่นคือ การให้อภัย การให้อภัยมิได้หมายถึงยอมรับการกระทำไม่ดีของเขา แต่หมายถึงการปลดเปลื้องความโกรธเกลียดและอาฆาตพยาบาท ออกไปจากจิตใจของเรา แม้เราจะยอมรับการกระทำของเขาไม่ได้ แต่เราสามารถยอมรับเขาในฐานะมนุษย์ได้

การฆ่า การหลอกลวง หรือการดูหมิ่นเหยียดยาม เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องวันยังค่ำ แต่คนเราอาจทำสิ่งนั้นเพราะความพลั้งเผลอ เพราะความไม่รู้ เพราะความเข้าใจผิด หรือเพราะอารมณ์ชั่ววูบ เขาอาจทำเพราะแรงบีบคั้นจากความเจ็บปวดในอดีต หรือเพราะเคยถูกกระทำย่ำยีมาก่อนก็ได้ ในฐานะที่เป็นเพื่อนทุกข์ เขาควรได้รับการให้อภัยจากเรา ในฐานะที่เรามีหน้าที่ทำตนให้เป็นสุข เราควรปลดเปลื้องความอาฆาตพยาบาทไปจากจิตใจ

มิใช่แต่การล้างแค้นเท่านั้นที่อยู่คู่กับมนุษย์ การให้อภัยและการสมานไมตรีก็เป็นส่วนหนึ่งของมนุษยชาติมาช้านาน อย่าว่าแต่คนเลย แม้แต่สัตว์ก็รู้จักคืนดี นักสัตววิทยาที่สังเกตพฤติกรรมของลิงในสวนสัตว์และป่าธรรมชาติพบว่า เมื่อลิงทะเลาะเบาะแว้งกัน จะมีความพยายามคืนดีกันเสมอ หากไม่ “วาน”ตัวกลางให้ช่วยไกล่เกลี่ย คู่กรณีตัวใดตัวหนึ่งก็จะเป็นฝ่ายริเริ่มเข้าหา งอนง้อ หรือทำดีด้วย ไม่ว่าอีกฝ่ายจะเคยกราดเกรี้ยวคู่กรณีเพียงใด แต่ในที่สุดก็จะคืนดีด้วยการเกาหลังให้กันและกัน

มนุษย์ไม่ได้มีแต่ความโกรธเกลียดเท่านั้น เรายังมีเมตตา กรุณา และความเข้าใจด้วย ความสามารถในการให้อภัยจึงอยู่ในใจของเราทุกคน จะว่าไปการให้อภัยเป็นกลไกอย่างหนึ่งในการปกป้องตนเอง มิใช่ปกป้องจากศัตรูภายนอก แต่ปกป้องจากศัตรูภายใน ได้แก่ความโกรธเกลียดและอาฆาตพยาบาทนั่นเอง หากความโกรธเกลียดและอาฆาตพยาบาทคือมีดกรีดใจ การให้อภัยก็คือยาสมานใจนั่นเอง ใจที่ไร้ยาสมานย่อมมีแผลเรื้อรัง ชีวิตที่ให้อภัยไม่เป็นย่อมหาความสุขได้ยาก

เราจะสุขหรือทุกข์มิใช่เพราะมีใครมาทำให้ หากอยู่ที่ใจของเราเอง ไม่มีใครทำลายศักดิ์ศรีของเราได้นอกจากตัวเราเอง ถึงที่สุดแล้วเราต้องเลือกว่าเราจะมีชีวิตอยู่อย่างไร ระหว่างการหล่อเลี้ยงความโกรธเกลียดเอาไว้ หรือการบ่มเพาะเมตตาและกรุณา ผู้คนเป็นอันมากเลือกอย่างแรกจึงจมปลักอยู่ในความทุกข์ ส่วนผู้มีปัญญาเลือกอย่างหลังจึงเป็นสุขอยู่เสมอ ความอาฆาตพยาบาทนั้นมีความทรงจำเป็นตัวหล่อเลี้ยง แต่ก็มิได้หมายความว่าเราต้องลืมก่อนถึงจะให้อภัยได้ การให้อภัยมิได้เกิดจากการหลงลืม แต่เกิดจากความตระหนักรู้ถึงโทษของความโกรธ ที่สำคัญก็คือเกิดจากความเข้าใจในคู่กรณี โดยเฉพาะเมื่อเห็นถึงความเป็นมนุษย์ของเขาซึ่งไม่ต่างจากเรา อีกทั้งเห็นถึงความทุกข์ของเขาด้วย เราสามารถจะให้อภัยโดยไม่ลืมได้

คิม ฟุค ถูกไฟจากระเบิดนาปาล์มของอเมริกาเผาลวกทั้งตัวจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด อีกทั้งยังสูญเสียลูกพี่ลูกน้อง ๒ คนจากเหตูการณ์ แม้แผลจะหายหลังจากผ่าตัดถึง ๑๗ ครั้ง แต่ความแค้นฝังใจเธอร่วม ๒๐ ปี แต่ในที่สุดเธอก็ให้อภัยทหารอเมริกันเมื่อเธอประจักษ์แก่ใจว่า “การบ่มเพาะความเกลียดเอาไว้สามารถฆ่าฉันได้” เธอพบว่าสิ่งที่ทำร้ายเธอจริง ๆ มิใช่ใครที่ไหน หากได้แก่ความเกลียดที่ฝังแน่นในใจเธอนั่นเอง

อาซิม กามิซา สูญเสียทาริก ลูกชายคนเดียววัย ๑๔ ปี เพราะความคิดชั่วแล่นของวัยรุ่นอีกคนหนึ่งที่ต้องการอวดความเก่งกล้า สามารถของตนให้เพื่อนร่วมแก๊งได้เห็น แม้จะเจ็บปวดแต่เขาก็ให้อภัยวัยรุ่นคนนั้น เพราะเห็นว่า “การแก้แค้นไม่อาจช่วยอะไรได้ เอาชีวิตทาริคกลับมาได้ไหม การแก้แค้นมีแต่จะทำให้ความรุนแรงที่คร่าชีวิตทาริคยืดยาวต่อไป” เขาพบว่าตัวการที่ฆ่าลูกเขาไม่ใช่ใครอื่น หากคือวัฒนธรรมแห่งความรุนแรงในหมู่วัยรุ่นต่างหาก เขาจึงต้องต่อสู้กับความรุนแรงนี้ด้วยการตั้งมูลนิธิในนามลูกของตน เพื่อส่งเสริมให้คนหนุ่มสาวเห็นโทษของความรุนแรงในการแก้ปัญหา

ในทำนองเดียวกันเมื่อแม่ของสิบเอกสามารถ กาบกลางดอน ต้องสูญเสียลูกชายในเหตุการณ์นองเลือดที่ปัตตานี (ซึ่งโยงกับกรณีกรือเซะ)เมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน ๒๕๔๗ แทนที่จะเรียกร้องการล้างแค้น เธอกลับให้อภัยฝ่ายตรงข้าม เพราะไม่ต้องการให้คนอื่นต้องเจ็บปวดเช่นเดียวกับเธอ “ฉันไม่อยากเห็นสิ่งอย่างนี้เกิดขึ้นอีกต่อไป ไม่ว่ากับใครอีกเราควรจะหยุดฆ่ากันได้แล้ว นี่เป็นความสูญเสียของทุกฝ่าย ฉันก็เสียลูกชายเหมือนแม่คนอื่นๆ อีกหลายคน”

“เวรย่อมไม่ระงับด้วยการจองเวร แต่ระงับด้วยการไม่จองเวร” นี้มิใช่เป็นแค่คำสอนทางพุทธศาสนา หากเป็นความจริงที่อยู่เหนือกาลเวลาและเป็นสากล การแก้แค้นไม่เคยชำระปัญหาให้จบสิ้น อีกทั้งไม่สามารถนำความสุขมาสู่ชีวิต การให้อภัยต่างหากที่ทำให้ปัญหายุติได้ ต่อเมื่อชำระใจให้ปลอดจากความแค้น เมื่อนั้นชีวิตจึงจะพบความสงบเย็นอย่างแท้จริง”

โดย… พระไพศาล วิสาโล
มติชน ฉบับวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2552

ที่มา... http://www.peacefuldeath.info/article/?p=144

 

นายกฯ ยิ่งลักษณ์...นารี ‘ขี่’ พินทุบาทว์!!!

http://www.vattavan.com/detail.php?cont_id=406
..................
ที่มา Welcome to Vattavan.com

 

*** จะเกิดศึกประลัยกัลป์ ****

เราถือสัจจะ ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด
หล่อหลอมประชาชน ด้วยสัจจะเดียวกัน

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ประเทศไทยทะเลาะกันไม่เลิกอีกหน่อยคงมีบางประเทศมาสนับสนุนส่งเสริมให้เกิดสงครามกลางเมืองแบบตะวันออกกลาง ถ้าเกิดสงครามกลางเมืองคงน่าดู(คงถือโอกาสฆ่ากันชำระแค้น)ถ้าเกิดสงครามกลางเมืองคงมีประเทศใหม่เกิดขึ้น หลายประเทศ
เพราะคนในประเทศนี้มีแต่คนเก่งๆๆๆ คิดเอาแต่ประโยชน์ส่วนตนพวกตน ไม่ยอมเสียประโยชน์ส่วนน้อยของกลุ่มตนพวกตน เพื่อรักษาส่วนรวม
ฟังหน่อย
[ame=http://www.youtube.com/watch?v=eoPsJonEa54]เพลงรักกันไว้เถิด - YouTube[/ame]

 

ปากีสถานเตือนน้ำท่วมครั้งใหม่ หลังตายแล้ว 45 ศพ​

​

ปากีสถานประกาศเตือนน้ำท่วมครั้งใหม่ คาดจะมีฝนตกหนักอีกในวันพรุ่งนี้ ส่วนยอดผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมฉับพลันเพิ่มเป็น 45 คนแล้ว

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงอิสลามาบัด ประเทศปากีสถาน เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ว่า สำนักงานบริหารจัดการภัยพิบัติแห่งชาติของปากีสถาน หรือเอ็นดีเอ็มเอ ประกาศเตือนภัยน้ำท่วมครั่งใหม่ในวันนี้ หลังจากยอดผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมอันเกิดจากฝนตกหนัก เพิ่มเป็น 45 คนแล้ว และน้ำท่วมยังทำให้หลายพื้นที่ในนครการาจี เมืองใหญ่สุดของประเทศ เป็นอัมพาต โดยน้ำท่วมฉับพลันทำให้ถนนสายหลักหลายสายจมอยู่ใต้น้ำในการาจี และท่วมบ้านเรือนประชาชนจำนวนมากในจังหวัดคีเบอร์ ปักตุนกวา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศ

เอ็นดีเอ็มเอ เตือนว่า คาดว่าจะมีพายุฝนตกหนักมาขึ้นในวันพรุ่งนี้ และแม่น้ำหลายสายอาจเอ่อล้นฝั่ง จนถึงขณะนี้ มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 45 คนในเหตุการณ์น้ำท่วมเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ในการาจี กล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 19 คน ในการาจี เพิ่มเป็น 20 คนในภาคตะวันตกเฉียงเหนือ และอีก 6 คนในจังหวัดบาลูขีสถาน ทางตะวันตกเฉียงใต้

เจ้าหน้าที่ในการาจี ซึ่งมีประชากร 18 ล้านคน และผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพีคิดเป็นร้อยละ 42 ของปากีสถาน ระบุว่า ต้องใช้เวลามากกว่า 2 วัน ในการทำความสะอาด หลังจากน้ำท่วมตลาด อาคารบ้านเรือนและถนนหลายสาย

เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2556 เวลา 19:06 น.

โสมแดงลดซ้อมรบ ส่งทหารฟื้นประเทศหลังน้ำท่วม​

​

เกาหลีเหนือสั่งลดขนาดการซ้อมรบลง เพื่อระดมกำลังทหารส่วนหนึ่งมาช่วยฟื้นฟูประเทศหลังเจอน้ำท่วมใหญ่ตั้งแต่เดือนที่แล้ว ซึ่งเกิดความเสียหายอย่างมาก

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ว่า สำนักข่าวยอนฮัพ ของทางการเกาหลีใต้ รายงานวันนี้ว่า เกาหลีเหนือจะลดเวลาการซ้อมรบในช่วงฤดูร้อน เพื่อระดมกำลังทหารไปให้ความช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วม หลังจากฝนตกหนักน้ำท่วมใหญ่ มีผู้เสียชีวิตแล้วหลายสิบคน และพื้นที่การเกษตรทั่วประเทศได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยกองทัพเกาหลีเหนือ สั่งให้ทหารที่มีฐานอยู่ในภาคตะวันตกและตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศ ลดระดับการซ้อมรบในช่วงหน้าร้อนให้เล็กที่สุด และให้ทหารหันมามุ่งเน้นในการฟื้นฟูบูรณะประเทศหลังน้ำท่วมใหญ่แทน

ทั้งนี้ คอมมิวนิสต์เกาหลีเหนือ ทำการซ้อมรบในช่วงฤดูร้อน ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นการซ้อมรบคู่ขนานไปกับการซ้อมรบประจำปีของกองทัพเกาหลีใต้และสหรัฐ ซึ่งมักเกิดขึ้นในช่วงเดือน ส.ค.

สำนักข่าวยอนฮัพ รายงานอ้างแหล่งข่าว ว่า กองทัพได้หยุดซ้อมรบและระดมกำลังมาช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม แต่ในการซ้อมรบหน้าร้อนปีนี้ ในเกาหลีเหนือ จะลดขนาดลง เพราะจำเป็นต้องมุ่งเน้นไปที่การฟื้นฟูความเสียหากจากภัยน้ำท่วมใหญ่ตั้งแต่ต้นเดือน ก.ค. ซึ่งมีบ้านเรือนประชาชนเสียหายประมาณ 6,000 หลัง, ผู้คนไร้ที่อยู่อาศัยมากกว่า 23,000 คน และพื้นที่การเกษตรจมอยู่ใต้น้ำ ส่วนยอดผู้เสียชีวิตทั่วประเทศ อยู่ที่ 33 คน

เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2556 เวลา 13:55 น.

น้ำท่วมฉบับพลันในอัฟกานิสถานตายแล้ว 35 คน​

​

น้ำท่วมฉับพลันในอัฟกานิสถาน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 35 คนใน 4 จังหวัด และยังสูญหายอีกกว่า 50 คน

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงคาบูล ประเทศอัฟกานิสถาน เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ว่า เจ้าหน้าที่อัฟกานิสถาน เปิดเผยว่า เกิดน้ำท่วมฉับพลัน คร่าชีวิตประชาชนอย่างน้อย 35 คน ใน 4 จังหวัดภาคตะวันออกของประเทศ ขณะที่ ยังมีผู้สูญหายอยู่อีกประมาณ 50 คน โดยโฆษกของจังหวัดนันการ์ฮาร์, กรุงคาบูล, โกสต์ และนูรีสถาน กล่าววันนี้ว่า น้ำท่วมเกิดขึ้นในช่วงเช้าเมื่อวานนี้ ทั้งนี้ น้ำท่วมฉับพลันมักเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นปกติในทุกจังหวัดของอัฟกานิสถาน

ในเขตซูโรบี กรุงคาบูล ชากาซี อาห์มาดี ผู้บัญชาการตำรวจ กล่าวว่า มีผู้เสียชีวิต 13 คน และยังสูญหายอีกกว่า 50 คนในพื้นที่ห่างไกลและเขตเทือกเขา เขตซูโรบี มีแม่น้ำหลายสายไหลผ่าน และยังเป็นพื้นที่ที่กลุ่มตาลีบันเคลื่อนไหวอยู่ด้วย ส่วนในจังหวัดนันการ์ฮาร์ ที่อยู่ใกล้กัน มีผู้เสียชีวิต 17 คน จากน้ำท่วมครั้งนี้

สำนักงานของประธานาธิบดีฮามิด คาร์ไซ แถลงว่า อีก 7 คนเสียชีวิตในจังหวัดโกสต์ และนูรีสถาน

เดลินิวส์ วันอาทิตย์ที่ 4 สิงหาคม 2556 เวลา 15:00 น.

ที่มา เดลินิวส์ | อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์

 

5 ส.ค. 56

ต่างดาว แพรวพราว ทั่วฟ้า
พสุธา แตกแยก ให้เห็น
ความดี เร่งทำ จำเป็น
ทุกข์เข็ญ ตามมา พาไป

เคอิสรา

 

ใช่ไหมคะนักเพ้อ รายวัน