ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 12 กรกฎาคม 2556
    23:00 ตำแหน่งล่าสุดของดาวหาง ISON พระเอกแห่งปี อยู่ห่างจากดวงอาทิตย์ที่ระยะ 2.951AU ยังไม่ผ่านวงโคจรดาวอังคาร (ดาวอังคาร 1.523 AU)
    image.jpg
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 13 กรกฎาคม 2556
    image.jpg
    06:00 จากข้อมูลของ JMA ศูนย์กลางพายุไต้ฝุ่นซูลิกขณะนี้อยู่บนแผ่นดินของเกาะไต้หวัน ที่พิกัด N24°50′(24.8°) E121°05′(121.1°) โดยมีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลาง 75 น็อต ความกดอากาศ 960hPa เคลื่อนที่ไปทางทิศตะวันตกด้วยความเร็ว 20 กม/ชม

    ขอแชร์ข้อมูลของคุณ engineer03
    ไต้ฝุ่นซูลิคเตรียมถล่มจีนบ่ายวันนี้
    จีนเตรียมพร้อมรับมือไต้ฝุ่นซูลิค ที่จะพัดขึ้นฝั่งมณฑลเจ้อเจียงบ่ายวันนี้ ซึ่งจะทำให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมในหลายเมือง

    สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ว่า เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยาของจีน เปิดเผยว่า พายุไต้ฝุ่นกำลังแรง “ซูลิค” ทำให้เกิดคลื่นสูงกว่า 20 เมตร ในเมืองเหวินหลิง เมืองชายฝั่งทะเลของมณฑลเจ้อเจียง ทางตะวันออกของจีนเมื่อวานนี้ โดยไต้ฝุ่นลูกนี้ นับเป็นพายุลูกที่ 7 แล้วในปีนี้ ที่คาดว่าจะพัดขึ้นฝั่งระหว่างมณฑลฝูเจี้ยน ทางตอนเหนือ และมณฑลเจ้อเจียง ในช่วงเวลาประมาณบ่ายวันนี้ หลังจากพัดถล่มไต้หวัน

    ขณะนี้ พายุไต้ฝุ่นกำลังเคลื่อนตัวเข้าใกล้จีนแผ่นดินใหญ่ ด้วยอัตราความเร็วลม 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เจ้าหน้าที่กล่าวว่า พายุกำลังแรงลูกนี้จะทำให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่หลายเมืองทางตะวันออกของจีน และทำให้เกิดน้ำท่วม โดยเมื่อวานนี้ มีเรือประมงกว่า 2,000 ลำ เดินทางกลับเข้าฝั่งในเมืองเหวินหลิง เพื่อลดความสูญเสียให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

    คณะกรรมาธฺการลดความเสียหายจากภัยพิบัติแห่งชาติ และกระทรวงกิจการพลเรือนของจีน ประกาศเตือนภัยพิบัติล่วงหน้าเมื่อบ่ายวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เพื่อให้ประชาชนรับมือกับการมาเยือนของไต้ฝุ่นซูลิค

    ข่าวจาก เดลินิวส์
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    บทสวดโปรดวิญญาณ เอาไว้สวดให้กับผู้ที่เสียชีวิตในเหตุการณ์ภัยพิบัติ ผู้ที่จะพบสิ่งใดก็เป็นเพราะบาปกรมที่ทำมา เหตุที่จะเกิดก็เกืดเพราะแรงของกรรม จึงไปหยุดและแก้ไขไม่ได้ เราก็ทำได้แต่เพียงสวดมนต์เพื่อขอให้ผู้ประสบภัยเสียชีวิตไปสู่สุขคติในสัมปรายภพ
    地 藏 大 士 度 眾生 , 孤魂 , 亡靈
    ตี่ จั๋ง ไต่ สือ โต่ว จ่ง เซง , โกวฮุ้ง , บ่วงเล้ง
    พระกษิติครรภมหาโพธิสัตว์เจ้าผู้ทรงฤทธิ์
    ทรงโปรดปวงสรรพสัตว์ , ผีอนาถา , วิญญาณที่พึ่งตาย

    往 生 淨 土 蓮 荷 中
    อ้วง แซ เจ๋ง โถ่ว น้อย ออ ตง
    ปฏิสนธิสุขาวดี กลางดอกบัว

    花 開 見 佛 聞 得 度
    ฮวย ไค เกี่ยง ฮูก บุ๋ง ติก โต่ว
    ดอกบัวบาน ฟังธรรมต่อพระพักตร์พุทธองค์

    悉 發 菩 提 證 無 生
    เสก หวก ผู่ ที้ เจ่ง บ่อ แซ
    บรรลุฉับพลันจบสิ้นวัฏฏะ


    觀 音 大 士 度 眾生 , 孤魂 , 亡靈
    กวน อิม ไต่ สือ โต่ว จ่ง เซง , โกวฮุ้ง , บ่วงเล้ง
    พระกวนอิมมหาโพธิสัตว์เจ้าผู้ทรงฤทธิ์
    ทรงโปรดปวงสรรพสัตว์ , ผีอนาถา , วิญญาณที่พึ่งตาย

    往 生 淨 土 蓮 荷 中
    อ้วง แซ เจ๋ง โถ่ว น้อย ออ ตง
    ปฏิสนธิสุขาวดี กลางดอกบัว

    花 開 見 佛 聞 得 度
    ฮวย ไค เกี่ยง ฮูก บุ๋ง ติก โต่ว
    ดอกบัวบาน ฟังธรรมต่อพระพักตร์พุทธองค์

    悉 發 菩 提 證 無 生
    เสก หวก ผู่ ที้ เจ่ง บ่อ แซ
    บรรลุฉับพลันจบสิ้นวัฏฏะ


    鎮 天 法 寶 鎮 乾 坤
    ติ่ง เทียง หวบ ป้อ ติ่ง เคี้ยง คุง
    ลูกแก้วกายสิทธิ์คลุมฟ้าดิน

    整 頓 陰 陽 皆 清 淨
    เจี่ย ตุ๋ง อิม เอี๊ยง ไก เช็ง เจ๋ง
    ปรับธาตุให้สะอาดบริสุทธิ์

    鎮 天 法 寶 顯 神 通
    ติ่ง เทียง หวบ ป้อ เหี้ยง ซิ้ง ทง
    อภินิหารรัตนะธรรม

    大 開 普 度 眾 生 靈
    ใต่ ไค โพว โต่ว จ่ง แซ เล้ง
    โปรดสิ้นเหล่าโอปะปาติกะ

    度 盡 十 方 四 惡 生
    โต่ว จิ๋ง สิบ ฮวง สี่ อัก แซ
    ทั้งอบายภูมิสี่จำพวก

    住 生 淨 土 蓮 荷 中
    อ้วง แซ เจ๋ง โถ่ว น้อย ออ ตง
    ปฏิสนธิสุขาวดี

    花 開 見 佛 聞 得 度
    ฮวย ไค เกี่ยง ฮูก บุ๋ง ติก โต่ว
    ฟังธรรมต่อพระพักตร์พุทธองค์

    悉 發 菩 提 證 無 生
    เสก หวก ผู่ ที้ เจ๋ง บ่อ เซ็ง
    บรรลุฉับพลันจบสิ้นวัฏฏะ

    鎮 天 法 寶 度 眾 生
    ติ่ง เทียง หวบ ป้อ โต่ว จ่ง เซ็ง
    ลูกแก้วกายสิทธิ์โปรดสัตว์โลก

    明 了 因 果 證 菩 提
    เม้ง เหลี่ยว อิง ก๊วย เจ่ง ผู่ ที้
    รู้เหตุแลผลบังเกิดพุทธะ

    十 方 諸 佛 助 成 功
    สิบ ฮวง จู ฮูก จ๋อ เซ้ง กง
    พุทธะสิบทิศเกื้อกูลสำเร็จ

    度 盡 眾 生 圓 滿 中
    โต่ว จิ๋ง จ่ง เซ็ง อี้ มั่ว จง
    โปรดสิ้นสัตว์โลกบริบูรณ์เอย


    阿 彌 陀 佛 宿 有 無 邊 誓
    ออ มี ทอ ฟู สก เยา บู เปียน ซือ
    พระอมิตาภะพุทธเจ้า ทรงมีพระปฏิญาณยิ่งใหญ่
    ไร้ขอบเขตมาแต่ครั้งบุพกาล

    觀 見 迷 途 苦 海 常 漂 溺
    กวน เกียน มี ทู คู ไฮ เซียง เพียว เนก
    ทรงเพ่งพิจารณาพบว่าสรรพสัตว์ผู้ลุ่มหลง
    ถูกคลื่นแห่งทะเลทุกข์สาดโถมให้จมดิ่งอยู่สม่ำเสมอ

    隨 手 慇 勤 持 駕 慈 航 濟
    สุย เซา เฮิน คึง ชี กา ชือ ฟัง จี
    จึงทรงยื่นพระหัตถ์มาด้วยความปรารถนาดี
    ชักพาให้นาวาแห่งเมตตา (ล่องลอยไปฉุดช่วยในทะเลทุกข์)

    普 載 眾 生 同 赴 蓮 池 會
    โพว ไจ จง เซง ทง ฟู เลียน ชี ฟุย
    แล้วบรรทุกสรรพสัตว์ทั้งปวง
    มุ่งสู่โบกขรณีสมาคมโดยพร้อมเพรียงกัน

    南 無 蓮 池 海 會 佛 菩 薩
    นำ มอ เลียน ชี ไฮ ฮุย ฟู ผู่ สัก
    ขอน้อมนอบต่อบรรดาพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ผู้สถิตใน
    โบกขรณีสมาคม***


    無 去 無 來 生 淨 土
    บู คี บู ไล เซง เจง ทู
    ไม่ไปไม่มาหมดสิ้นแล้วซึ่งการเวียนว่ายได้กำเนิดยังสุขาวดี
    พุทธเกษตร

    早 隨 彌 勒 下 生 來
    เจา ซู มี เล็ก เฮีย เซง ไล
    หรือปรารถนาจิตตามเสด็จองค์พระศรีอริยเมตไตรยลงมาตรัสรู้
    ในโลกมนุษย์

    願 生 西 方 淨 土 中
    ยง เซง ซี ฟัง เจง โทว จง
    ขอตั้งจิตบังเกิดยังวิสุทธิภูมิโลกธาตุเบื้องทิศปัจฉิม

    九 品 蓮 花 為 父 母
    กิว พิน เลียน ฟา ไว ฟู มู
    โดยมีปุณฑริกมาศ ๙ ระดับชั้นเป็นบุพการีผู้ให้กำเนิด

    花 開 見 佛 悟 無 生
    ฟา ไค เกียน ฟู งอ บู เซง
    แลเมื่อคราที่ดอกบัวบานออกให้ได้ประสบพระพุทธองค์และ
    ได้รับรู้ถึงการมิต้องถือกำเนิด

    不 退 菩 薩 為 伴 侶
    ปุก ทุย ผู่ สัก ไว พัน ลี
    โดยมิต้องเสื่อมถอยย้อนกลับ
    จากการมีพระโพธิสัตว์เป็นกัลยาณมิตรเคียงคู่เทอญ

    蓮 池 海 會 彌 陀 如 來
    เลียน ชี ไฮ ฮุย มี ทอ ยู ไล
    ณ มหาสมาคม บริเวณสระปทุมชาติ
    มีพระอมิตภะพุทธเจ้าเป็นประธาน
    (ในสุขาวดีพุทธเกษตร)

    觀 音 勢 至 坐 蓮 臺
    กวน อิม ซี จี ชอ เลียน ไท
    มีพระมหาโพธิสัตว์กวนอิม และพระมหาโพธิสัตว์สถาม์ปราบ
    ประทับอยู่บนบัลลังก์บัวทั้งสองข้าง

    接 引 上 金 階 大 誓 弘 開
    จิ อิง เชียง กิม ไก ไต ซือ ฮง ไค
    เพื่อต้อนรับชี้นำสรรพสัตว์ก้าวขึ้นบันไดทอง
    มหาสัตยธิษฐานนั้น บัดนี้ได้
    (สู่แดนพุทธเกษตร)
    บรรลุแล้วอย่างกว้างขวางไม่มีประมาณ

    惟 願 離 塵 埃
    ไว ยง ลี ชิม ไอ
    สรรพสัตว์ทั้งหลายได้พ้นแล้วจากผงธุลี
    คือ กิเลสตามพระราชประสงค์

    南 無 蓮 池 會 菩 薩 摩 訶 薩
    นำ มอ เลียน ชี ฮุย ผู่ สัก มอ ฮอ สัก
    ขอนอบน้อมต่อบรรดาพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ผู้สถิตในโบกขรณีสมาคม*

    *โบกขรณีสมาคม มีนัยยะแสดงถึง แดนสุขาวดีพุทธเกษตร ที่ผู้ไปถือกำเนิดยังดินแดนนั้น จะเกิดในดอกบัวท่ามกลางสระบัว การขอนอบน้อมในประโยคนี้ ก็คือ การขอนอบน้อมแด่พระ
    อริยเจ้าผู้บริสุทธิ์สะอาดประดุจดอกบัว กล่าวคือ ดอกบัวเกิดจากโคลนตม แต่ไม่แปดเปื้อนด้วยโคลนตมนั้น เปรียบได้กับผู้ที่ปฏิบัติธรรมในโลกแห่งนี้ด้วยความถูกต้อง จิตใจย่อมไม่เศร้าหมองด้วยความทุกข์ หรือมลทินสกปรกของโลก ด้วยจิตของตนเองนั้นไม่ยึดติดในสิ่งทั้งปวง
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    อ่านข้อมูลเก่าเพื่อเรียนรู้ แต่ก็โปรดใช้วิจารณญานว่าวิธีที่เขานำเสนอถูกต้องไหม
    ผลพิสูจน์ยัน21ธ.ค.ไม่ใช่วันสิ้นโลก! วันจันทร์ที่ 24 กันยายน 2555

    นักพิภพวิทยา ยันผลการพิสูจน์วันสิ้นโลก "แกนโลก" ยังคงเหมือนเดิม เพราะขั้วโลกยังชี้ที่ "ดาวเหนือ" ดวงอาทิตย์ในวันนี้ขึ้นที่มุมกวาด 90 องศา และมุมเอียงของแกนโลกอยู่ที่ 23.5 องศา
    จากความเชื่อปฏิทินชาวมายาบอกว่าโลกจะดับสูญในวันที่ 21 ธันวาคม ค.ศ. 2012 ตรงกับ พ.ศ. 2555 ทีมงาน "พยัคฆ์ภูเพ็ก" ขันอาสาท้าพิสูจน์วันสิ้นโลก ด้วยการใช้ "สุริยะปฏิทินขอมพันปี" ทำการพิสูจน์ที่ปราสาทภูเพ็กบนยอดเขาสูง 520 เมตร ต.นาหัวบ่อ อ.พรรณานิคม จ.สกลนคร
    ทีมท้าพิสูจน์วันสิ้นโลก "พยัคฆ์ภูเพ็ก" นำโดย นายสรรค์สนธิ บุณโยทยาน นักพิภพวิทยา ผู้เชี่ยวชาญด้านดาราศาสตร์ และผู้เขียนหนังสือสุริยะปฏิทินพันปี รับหน้าที่ออกแบบอุปกรณ์วัดมุมดวงอาทิตย์ และป้อนข้อมูลทางดาราศาสตร์ เพื่อให้ นพ.ศิริโรจน์ กิตติสารพงษ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านคณิตศาสตร์ รับหน้าที่คำนวณทางคณิตศาสตร์ เพื่อวัดมุมเอียงของแกนโลก และ อ.วรวิทย์ ตงศิริ ผู้ชำนาญการด้านจิตวิญญาณ รับหน้าที่จัดพิธีกรรมแก้อาถรรพณ์ โดยนายบุปผา ดวงมาลย์ ผู้นำท้องถิ่นบ้านภูเพ็ก เป็นผู้ช่วย
    ปฏิบัติการท้าพิสูจน์วันสิ้นโลกเริ่มขึ้นเมื่อเวลา 04.00 น. ของวันอาทิตย์ที่ 23 กันยายน ทั้งนี้นายสรรค์สนธิ ได้นำทีมพิสูจน์ปฏิบัติการวันสิ้นโลก จะเน้นการพิสูจน์ว่า “แกนโลก” ยังคงเหมือนเดิม โดยใช้ข้อมูลดาราศาสตร์ และคณิตศาสตร์ฐาน 60 ซึ่งบันทึกไว้ที่แท่งหินก้อนสี่เหลี่ยม “สุริยะปฏิทิน” และพื้นหินทรายที่ตัวปราสาทภูเพ็กเป็นหลักฐาน เพื่อจะประกาศผลการพิสูจน์ตัดหน้า "ปฏิทินเผ่ามายา" ภายใน 12 ชั่วโมง
    ปฏิบัติการทางดาราศาสตร์ และคณิตศาสตร์ เพื่อพิสูจน์ว่าขั้วโลกเหนือยังคงชี้ที่ตำแหน่ง "ดาวเหนือ" โดยใช้รอยขีดที่พื้นหินหน้าท่อน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ (ท่อโสมสูตร) เป็นเครื่องช่วยหาตำแหน่ง ทั้งนี้นายสรรค์สนธิ และนพ.ศิริโรจน์ปีนขึ้นไปบนหลังคาของห้องวิมานปราสาทภูเพ็ก และใช้เชือกผูกลูกดิ่งหย่อนลงมาให้ตรงกับจุดกึ่งกลางของท่อน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ (มีรอยขีดบนหินกำกับอยู่ที่ข้างฝาและพื้น) เพื่อกำหนดตำแหน่งให้หันหน้าตรงกับทิศเหนือภูมิศาสตร์ ซึ่งชี้ที่ขั้วโลกเหนือ (Geographic north) และใช้อุปกรณ์ครึ่งวงกลมวัดมุมเงยขึ้นไป 17 องศา จะตรงกับ "ดาวเหนือ" (North Star, Polaris)
    จากผลการพิสูจน์พบว่า แกนของโลกยังคงอยู่ที่มุมเอียง 23.5 องศา จากแนวดิ่ง ซึ่งเป็นที่ทราบอย่างดีว่าโลกของเราโคจรรอบดวงอาทิตย์ในลักษณะดังกล่าว ทำให้ได้รับแสงอาทิตย์ด้วยมุมตกกระทบไม่เท่ากันในแต่ละช่วงเวลา จึงก่อให้เกิดฤดูกาลอย่างอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน วิธีการคำนวณใช้สูตร “มุมเอียงของแกนโลก = 90 - (มุมตกกระทบเวลาเที่ยงสุริยะของวันเหมายัน + องศาของเส้นรุ้ง)
    ส่วนการพิสูจน์เชิงประจักษ์ว่าดวงอาทิตย์จะต้องขึ้น ตรงกับสัญลักษณ์ราศีคันช่าง หรือราศีตุล (Zodiac Libra) ของสุริยะปฏิทินขอมพันปี ซึ่งเท่ากับมุมกวาด 90 องศา
    การตรวจสอบแกนโลกเบื้องต้นพบว่าทุกอย่างยังปกติ โดยดูจากเงาของนาฬิกาแดดที่อิงทิศเหนือแท้จากสุริยะปฏิทิน ในที่นี้เงาดวงอาทิตย์ที่ตกกระทบต่อผิวโลก ณ ปราสาทภูเพ็กยังคงเหมือนเดิมคือ ขนานกับเส้นแบ่งเวลาอย่างลงตัวพอดี (เวลาที่เก็บข้อมูล 08.00 สุริยะ หรือ 08.00 Solar Time) และเงาก็อยู่ที่เส้น "วิษุวัต" ในทางกลับกันหากแกนโลกเปลี่ยนไปเงาของดวงอาทิตย์จะเพี้ยนจากปกติ
    อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 15 กันยายน และเมื่อวันที่ 19 กันยายน ได้มีการตรวจสอบตำแหน่งดวงอาทิตย์ และอัตราความเร็วของการหมุนรอบตัวเองของโลก (Speed of Earth's Rotation) โดยตรวจสอบแกนโลกด้วยนาฬิกาแดดกับสมการแห่งเวลาที่เวลาเที่ยงสุริยะ (solar noon) พบว่าทุกอย่างยังคงปกติ เพราะสมการระหว่าง clock time และ solar time ตลอดจนมุมเงยของดวงอาทิตย์ที่กระทำต่อพื้นโลก ณ เส้นรุ้งที่ 17 องศาเหนือ ก็ยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
    นายสรรค์สนธิ กล่าวว่า สำหรับผลคำนวณตรวจสอบหาตำแหน่งดวงอาทิตย์ในวันที่ 23 กันยายนนี้ ผลดังกล่าวจะถูกนำไปใช้คำนวณในวันที่ 21 ธันวาคม 2555 อนึ่งในคืนวันที่ 20 ธันวาคม 2555 ตั้งแต่เวลา 2 ทุ่มเป็นต้นไปจะตรวจสอบสถานภาพของ “ขั้วโลกเหนือ” โดยอิงจากจุดศูนย์กลางของท่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ (ท่อโสมสูตร) ของปราสาทภูเพ็ก และยิงพิกัดไปที่ “ดาวเหนือ”
    เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืนของคืนเดียวกัน จะทำพิธีแก้อาถรรพณ์จากดวงดาวพยากรณ์ จนกระทั่งเช้าตรู่ 6 โมงครึ่ง จะตรวจสอบตำแหน่งดวงเวลาอาทิตย์ในปรากฏการณ์ “เหมายัน” ด้วย "สุริยะปฏิทิน" คำนวณหามุมเงยของดวงอาทิตย์ และนำข้อมูลทั้งหมดเข้าสมการ “มุมเอียง” ของโลก ผลลัพธ์น่าจะปรากฏตัวเลขแถวๆ 23.5 องศา ซึ่งเป็นค่าปกติของแกนโลก
    "ผมยืนยันว่าในวันที่ 21 ธันวาคม 2555 ไม่ใช่วันสิ้นโลก ตามคำทำนายที่ปรากฏบนปฏิทินเผ่ามายาอย่างแน่นอน ที่มีผู้วิตกในเรื่องดังกล่าว ไม่ต้องกังวลหรือต้องเตรียมตัวอะไรเหมือนในภาพยนตร์ ให้ใช้ชีวิตอย่างปกติสุข"
    ด้าน นพ.ศิริโรจน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการตรวจสอบอัตราความเร็วการหมุนรอบตัวเองของโลก ปกติโลกหมุนรอบตัวเองในอัตราความเร็ว 1 องศา ต่อ 4 นาที หรือ 15 องศา ต่อ 1 ชั่วโมง โดยคำนวณจากโลกเป็นวัตถุทรงกลม 360 องศา และหมุนรอบตัวเองโดยเฉลี่ยวันละ 24 ชั่วโมง ตัวเลขนี้ใช้ในการกำหนดเวลามาตรฐาน Greenwich Mean Time (GMT) โดยให้เมืองกรีนิช ที่ประเทศอังกฤษเป็นจุดเริ่มต้นของ "ศูนย์องศา เส้นแวง" (Longitude 0) ประเทศไทยเราใช้เส้นแวงที่ 105 ตะวันออก เราจึงอยู่ที่โซนเวลา +7 GMT คำนวณจาก 105 องศา x 4 นาที = 420 นาที หารด้วย 60 = 7 ชั่วโมง

    ผลการทดสอบต่างๆ ดังกล่าวพบว่า ตำแหน่งดวงอาทิตย์ และอัตราการหมุนรอบตัวเองของโลกยังคง "ปกติทุกอย่าง" ดวงอาทิตย์ขึ้นที่มุมกวาด 90 องศา และโลกหมุนรอบตัวเองที่อัตรา 15 องศา ต่อ 1 ชั่วโมง เช่นเดียวกับเมื่อหลายพันปีก่อน

    --------------------
    (ผลพิสูจน์วันสิ้นโลก : แกนโลกเอียงปกติ ยัน วันที่ 21 ธ.ค.2012 ไม่ใช่วันสิ้นโลก : เรื่อง...ไตรเทพ ไกรงู // ภาพ...กุลพันธ์ ศิริพิมพ์อำพร)
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ข้อความข้างล่างเกี่ยวกับดาวนิบิรุ ผมยกมาเพราะผมสนใจประโยคนี้ครับ

    "แต่สิ่งที่เรารับรู้คือเจอดาวเคราห์ดวงใหม่ (ดาวนิบิรุ ซึ่งในบทความที่ยกบอกว่าเป็นดาวฤกษ์ แต่บางส่วนบทความที่ไม่เกี่ยวข้องผมไม่ขอยกมาน่ะครับ) แล้วก็จบ…ทำไมถึงกล่าวอ้างเช่นนั้น? สิ่ง ที่เราไม่รู้มันคือสิ่งนี้ครับ….ดาวดวงนี้ทุนเดิมไม่ได้อยู่ในระบบกาแล็ค ซี่ทางช้างเผือกมาแต่เนิ่นๆ อยู่แล้วแต่… มีวงโคจรกว้างใหญ่ไพศาลมาก จนมาทับซ้อนลงบนกาแล็คซี่นี้ แปลว่า… ที่นักวิทยาศาสตร์เห็นเพิ่มมาดวงก็แปลว่ามันโคจรเข้ามาใกล้กาแล็คซี่เราสินะ ถูกครึ่งเดียวครับ ความจริงมันเเข้ามาทับวงโคจรทั้งแถบเลย"

    ความเห็น
    1 ถ้าจริง ผมไม่กลัวการที่ดาวนิบิรุจะมาชนโลกครับ
    2. ไอ้ที่น่ากลัวคือการที่ดาวนิบิรุที่มีแรงดึงดูดระหว่างดวงดาว และอาจจะมีสนามแม่เหล็กดาวด้วยจะ โคจรเข้ามาอยู่ในตำแหน่งที่มีผลกับแรงดึงดูดระหว่างดาวเคราะห์ และสนามแม่เหล็กระหว่าวดาวเคราะห์ในรบบสุริยะจักรวาล จะทำให้สิ่งเหล่านั้นเสียสมดุลย์ เพราะสิ่งแปลกปลอม จะทำให้แรงดึงดูด และสนามแม่เหล็กผิดปรกติหมด ซึ่งสิ่งนี้เกินคาดเดา ขอให้ดาวที่อาจารย์ปิยะชีพบอกเป็นแค่ดวงจันทร์

    ข้อมูลที่ยกมา
    ดาวปริศานาดวงที่ 12 ของ ระบบสุริยะจักรวาลถ้าใครได้พอดูความปี 2002 จะได้ทราบว่า นักวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบ ดาวดวงที่ 12 ขึ้นมาอยู่ในระบบกาแล็คซี่เราดื้อๆแต่ความเป็นจริงนักดาราศาสตร์รู้จักดาวนี้มาตั้งแต่ปี 1982 แล้วซึ่งเป็นข่าวใหญ่โตมากช่วงเดือน พฤษภาคม เพราะผมก็ได้ดูเหมือนกันมันคือดาวที่มีชื่อตั้งทางวิทยาศาตร์ว่า นิบิรุ

    และด้วยหลักฐานโบราณวัตถุและนักโบราณคดีได้กล่าวไว้เนืองๆ ว่า…สิ่งของที่ไม่สามารถอธิบายด้วยวิทยาศาสตร์ได้เกิดจากดาวดวงนี้

    แต่สิ่งที่เรารับรู้คือเจอดาวเคราห์ดวงใหม่ แล้วก็จบ…ทำไมถึงกล่าวอ้างเช่นนั้น? สิ่ง ที่เราไม่รู้มันคือสิ่งนี้ครับ….ดาวดวงนี้ทุนเดิมไม่ได้อยู่ในระบบกาแล็ค ซี่ทางช้างเผือกมาแต่เนิ่นๆ อยู่แล้วแต่… มีวงโคจรกว้างใหญ่ไพศาลมาก จนมาทับซ้อนลงบนกาแล็คซี่นี้ แปลว่า… ที่นักวิทยาศาสตร์เห็นเพิ่มมาดวงก็แปลว่ามันโคจรเข้ามาใกล้กาแล็คซี่เราสินะ ถูกครึ่งเดียวครับ ความจริงมันเเข้ามาทับวงโคจรทั้งแถบเลย
    image.jpg
    อัน นี้ใช้เทคโนโลยี้ขั้นสูงในการถ่ายซูมครับ ทำให้รู้ได้ว่า ดาวนี้เป็น ดาวฤกษ์ครับ (ลงได้ภาพเดียว) ขอยกแต่เส้นทางการโคจรน่ะครับ และทับเข้ามาแค่ไหนเส้นทางการเดินทางของวงโคจรดาว นิบิรุ เข้ามาทับเส้นเดียวกับโลกเลยครับแปลว่า… มันมีสิทธิชนโลกเราอย่างแน่นอน!!!

    มันเข้าใกล้มาจริงเร้อ?เส้นทางวงโคจร ทำให้เรารู้ได้ว่าทางเราส่องดาวบริเวณทิศใต้สุดของดาวโลกเราจะเห็นแต่ปัจจุบันนี้ ปีนี้สามารถเห็นได้ด้วยเปล่าแล้ว (ปี 2012)

    และสำหรับคนที่อยากเห็นแต่ไม่มีตังไปออสเตรเลียหรือประเทศอะไรที่อยู่ทางใต้ของโลกนะครับแนะนำให้ลองใช้โปรแกรม googleSky ดู ท่านจะเห็นเป็นวงแดงๆ อยู่วงเดียวทั้งท้องฟ้า นั่นหละครับ นิบิรุ…แล้วทำไม? มัน เกี่ยวอะไรกับโบราณสถานและวัตถุในอดีตหละนักโบราณฯ สันนิษฐานว่า นิบิรุเคยโคจรเข้ามาใกล้ทีนึงแล้วในเมื่อหลายแสนปีก่อนแต่มารอบนี้ มาเทียบและทาบวงโคจรของดาวนิบิรุ คาดว่ามีโอกาสที่จะชนกันสูงหรือแม้เฉียดกันก็เกิดอันตรายเพราะแกนของดาวมี สนามแม่เหล็กอยู่ อาจจะทำให้เกิดสภาพอากาศแปรปรวน เกิดภัยพิบัติธรรมชาติเกิดภาวะน้ำขึ้นกระทันหัน เกิดพายุต่างๆ นาๆและเค้าคาดการณ์ไว้แล้วว่า ปี 2012 เราสามารจะเห็นดาวนิบิรุ ใหญ่ขนาดดวงอาทิตย์ได้เลย เพราะมันเข้าใกล้เรามากแล้ว ข้อมูลอาจจะยังไม่แน่นพอ เพราะ NASA แม่งปิดข่าว (พูดไม่เพราะน่ะครับ จะพูดผ่านสื่อน่าจะด่าเป็นภาษาผู้ดีเช่น เป็นองค์กรที่ไม่มีความรับผิดชอบ ปกปิดข้อมูล ดูอย่างหนัง 2012 สิครับใครเปิดข่าวตายลูกเดียว ไม่แจกลูกตะกั่ว ก็แจกลูกระเบิด) เพราะกลัวว่าถ้าประกาศข่าวนี้แก่ชาวโลกรู้ท่านลองคิดดูสิว่าจะเกิดอะไรขึ้น เมื่อท่านรู้ตัวว่าจะตายในอีกไม่กี่ปีข้าวหน้า ท่านจะใช้ชีวิตที่สุดเหวี่ยงเลยใช่มะ โลกจะเกิดอาชญากรรมเพิ่มขึ้น 80% โลกทั้งโลกจะวุ่นวาย เค้าเลยปิดเป็นความลับ (เฮอๆ ดีเน้อ) แต่นักดาราศาสตร์ออกมาอธิบายเรื่องทฤษฎีความเป็นไปได้กันอย่างจ้าละหวั่น ข้อมูลที่ยังขัดแย้งกันอยู่คือ บางแหล่งบอก ดาวฤกษ์ และอุกกาบาต เพราะขนาดของมันใหญ่กว่าดาวพฤหัส 2 เท่า!!!(ดาวพฤหัสเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบนี้)

    ข้อมูลจาก บทความเรื่อง วันสิ้นโลก 2012 | Nwaiphot's Blog
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    นักวิทย์รัสเซีย เผย ปี 2036 เกิดวันสิ้นโลก! ไม่ใช่ปี 2012 โปรดใช้วิจารณญาน
    ข้อมูลอาจจริง แต่ความเห็นแล้วแต่จะคิด

    คำทำนาย วันสิ้นโลกจากหลายสำนักมีการคาดการณ์ว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โลกของเรากำลังก้าวเข้าสู่กาลอวสาน หรือ The end of world ซึ่งคำทำนายดังกล่าวมีการกำหนดปีที่แตกต่างกัน เช่น 2012 จนกระทั่งมีการนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์
    แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดว่ามันจะเกิดขึ้น เพราะเป็นเรื่องของอนาคตที่ไม่มีใครล่วงรู้ได้ มีอีกหนึ่งคำทำนายที่ระบุว่าว่า ในปี 2036 หรือปี พ.ศ.2579 ที่จะถึงนี้ จะเกิดวันสิ้นโลก ไม่ใช่ปี 2012 อย่างที่เคยมีคำทำนาย
    นักวิทยาศาสตร์รัสเซีย ได้ระบุวันอาร์มาเก็ดดอน หรือวันสิ้นโลกตามพระคัมภีร์ของคริสต์ในวันดังกล่าว โดย ศาสตราจารย์ ลีโอนิด โซโคลอฟ จากมหาวิทยาลัยเซนต์ปีเตอร์ สเบิร์กในรัสเซีย เปิดเผยว่า อุกกาบาตที่มีชื่อ อะโพฟิส รหัส 99942 มฤตยูที่จะเดินทางเข้าใกล้โลก ที่ระยะ 37,000-38,000 กิโลเมตร ในวันที่ 13 เม.ย.2029 และมีแนวโน้มจะเข้ามาชนโลกในวันที่ 13 เม.ย.2036

    การทำนายดังกล่าว มีการอ้างอิงถึงการค้นพบอุกกาบาต อะโพฟิส รหัส 99942 ในปี 2547 ซึ่งถือว่าเป็นการค้นพบครั้งแรก เป็นวัตถุอวกาศที่จะเข้ามาอยู่ในโซนอันตรายต่อโลก มีขนาดกว้าง 300 เมตร
    ทั้งนี้ เมื่อจำลองเหตุการณ์ จะเกิดความเสียหายมากถึง 10 ล้านคน หากเรื่องดังกล่าวเป็นความจริง แต่มันอาจจะแตกตัวและเศษเล็กเศษน้อยอาจจะตกลงมาใส่โลกในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า จึงไม่ควรแตกตื่นกับเรื่องดังกล่าวมากเกินไป

    นายโดนัลด์ เยียแมนส์ หัวหน้าสำนักงานวัตถุใกล้โลกขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐ หรือนาซ่า กล่าวว่า ในปี 2029 เมื่อมันแกว่งเข้ามาใกล้โลก เราจะพบว่าอะโพฟิสมีหลุมแรงดึงดูดที่จะลากมันเข้ามาในวงโคจรโลกในอีก 7 ปีให้หลังหรือไม่ ช่องว่างมีเพียงแค่ 600 เมตร ดังนั้น จึงยังพอมีโอกาสที่มันจะไม่เกิดขึ้น
    นักวิทย์ฯรัสเซีย เผย ปี 2036 เกิดวันสิ้นโลก! ไม่ใช่ปี 2012
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    จีนเตรียมพร้อมรับมือไต้ฝุ่น "ซูลิก" จ่อขึ้นฝั่งเจ้อเจียงบ่ายนี้
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 กรกฎาคม 2556 10:24 น.
    จีนเตรียมพร้อมรับมือไต้ฝุ่น "ซูลิก" ที่จะพัดขึ้นฝั่งมณฑลเจ้อเจียง บ่ายวันนี้ ซึ่งจะทำให้เกิดฝนตกหนักและน้ำท่วมในหลายเมือง
    เจ้าหน้าที่อุตุนิยมวิทยาของจีน กล่าวว่า พายุไต้ฝุ่นซูลิกมีกำลังแรง ทำให้เกิดคลื่นสูงกว่า 20 เมตร ที่เมืองเหวินหลิง เมืองชายฝั่งทะเลของมณฑลเจ้อเจียง ในภาคตะวันออกของจีน เมื่อวานนี้
    พายุลูกนี้นับเป็นพายลูกที่ 7 แล้วในปีนี้ หลังจากพัดถล่มไต้หวัน ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน และอีก 7 คน ได้รับบาดเจ็บ
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พายุไต้ฝุ่น "ซูลิก" ถล่มไต้หวัน ปชช.เสียชีวิต 1 ราย
    13 กรกฎาคม 2556 เวลา 13:14 น. | อ่าน 244
    image.jpg
    พายุไต้ฝุ่น "ซูลิก" พัดถล่มไต้หวัน เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ราย และสร้างความเสียหายแก่อาคารต่างๆ เป็นจำนวนมาก
    ผู้สื่อข่าวต่างประเทศ รายงานว่า เกิดเหตุพายุไต้ฝุ่น "ซูลิก" เข้าพัดถล่มเกาะไต้หวัน ส่งผลให้มีฝนตกหนักและลมกระโชกแรง จนทำให้กำแพงพังถล่มลงมาทับเจ้าหน้าที่ตำรวจรายหนึ่งวัย 55 ปี ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะและเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนั้นยังมีรายงานเหตุเพลิงไหม้ที่โรงงานแห่งหนึ่งในเขตนิวไทเป แต่ไม่รายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

    ทั้งนี้ พนักงานดับเพลิง กล่าวว่า สำหรับอิทธิพลของพายุไต้ฝุ่นซูลิก เกิดจากฝนที่ตกลงมาอย่างหนักประกอบกับลมกระโชกแรงตลอดทั้งคืน ซึ่งได้ก่อให้เกิดน้ำท่วมในพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของไต้หวันหลายพื้นที่ นอกจากนั้น ยังทำให้ประชาชนมากกว่า 780,000 คน ไม่มีกระแสไฟฟ้าใช้อีกด้วย

    ผู้สื่อข่าว : พัชรพรรณ นันทภัทราวิทย์
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงไทเป สาธารณรัฐจีน ( ไต้หวัน ) เมื่อวันที่ 13 ก.ค.
    เดลินิวส์
    image.jpg
    ทางการไต้หวันประกาศอพยพประชาชนกว่า10,000 คน พร้อมกับประกาศให้ทั้งเกาะเป็นพื้นที่ "ภัยพิบัติฉุกเฉิน" หลังอิทธิพลของซูเปอร์ไต้ฝุ่น "ซูลิก" ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 1 ศพ และบาดเจ็บอีกราว 31 คน

    รายงานของสำนักงานอุตุนิยมวิทยากลางไต้หวันระบุ พายุซึ่งมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง 280 กิโลเมตร เคลื่อนตัวขึ้นฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือ เมื่อเวลาราว 03.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น ( 02.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ) ด้วยความเร็วลมศูนย์กลาง 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ก่อให้เกิดฝนตกหนัก น้ำท่วมฉับพลัน และดินถล่มในหลายพื้นที่ มีรายงานพบผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 1 ศพ เป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจวัย 50 ปี เสียชีวิตจากการถูกอิฐก้อนหนึ่ง ที่ถูกลมพายุพัดปลิว ลอยมากระแทกศีรษะขณะกำลังขับจักรยานยนต์กลับบ้าน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 31 คน

    ทางการไต้หวันประกาศให้ทั้งเกาะเป็นพื้นที่ภัยพิบัติฉุกเฉิน พร้อมกับสั่งอพยพประชาชนแล้วกว่า 8,000 คนทางตอนใต้ เนื่องจากมีรายงานการเกิดดินถล่มเป็นวงกว้าง เมืองเกาสง 3,000 ตน เมืองผิงตง 2,000 คน และประชาชนทางตอนเหนืออีกราว 600 คน ที่อาศัยอยู่ตามแนวที่ราบลุ่มริมฝั่งแม่นำ ต้องอพยพออกจากบบ้านเรือนของตนเช่นกัน

    ขณะที่ระบบขนส่งมวลชนทางอากาศได้รับผลกระทบอย่างหนัก โฆษกสนามบินนานาชาติไต้หวันเถาหยวน รายงานการยกเลิกเที่ยวบินแล้ว 113 เที่ยว ส่วนใหญ่เป็นของสายการบินคาเธย์ แปซิฟิก เส้นทางเข้า-ออกระหว่างไต้หวันกับฮ่องกง ส่วนสายการบินไชน่า แอร์ไลน์ส ประกาศยกเลิกเที่ยวบินบางส่วนเมื่อวันศุกร์ แต่จะงดให้บริการหรือเลื่อนเวลาออกเดินทางของเที่ยวบินบางเส้นทาง ตั้งแต่เวลา 11.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของวันนี้ ( 10.00 น. ตามเวลาในประเทศไทย ) เป็นต้นไป
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 13 กรกฎาคม 2556 เวลา 13:50
    image.jpg
    จากข้อมูลของ JMA ศูนย์กลางพายุไต้ฝุ่นซูลิกขณะนี้อยู่ประชิดแผ่นดินจีน กำลังจะขึ้นฝั่งที่ฟู่โจว ล่าสุดอยู่ที่พิกัด N25°55′(25.9°) E120°10′(120.2°) โดยมีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลาง 60 น็อต ความกดอากาศ 975hPa เคลื่อนที่ไปทางทิศ WNW ด้วยความเร็ว 20 กม/ชม
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    การเกิดระเบิดของภูเขาไฟ
    คำนิยาม
    image.jpg
    ภูเขาไฟระเบิด เป็นภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ร้ายแรงอย่างหนึ่ง การระเบิดของภูเขาไฟนั้นแสดงให้เห้นว่าใต้ผิวโลกของเราลงไประดับหนึ่ง มีความร้อนสะสมอยู่มากโดยเฉพาะที่เรียกว่า"จุดร้อน" ณ บริเวณนี้มีหินหลอมละลายเรียกว่า แมกมา และเมื่อมันถูกพ่นขึ้นมาตามรอยแตกหรือปล่องภูเขาไฟ เราเรียกว่า ลาวา


    สาเหตุของการเกิดภูเขาไฟระเบิด
    กระบวนการระเบิดของภูเขานั้นยังไม่เป็นที่เข้าใจกระจ่างชัดนัก นักธรณีวิทยาคาดว่ามีการสะสมของความร้อนอย่างมากบริเวณนั้น ทำให้มีแมกมา ไอน้ำ และแก๊ส สะสมตัวอยู่มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก่อให้เกิดความดัน ความร้อนสูง เมื่อถึงจุดหนึ่งมันจะระเบิดออกมา อัตราความรุนแรงของการระเบิด ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการระเบิด รวมทั้งขึ้นอยู่กับความดันของไอ และความหนืดของลาวา ถ้าลาวาข้นมากๆ อัตราการรุนแรงของการระเบิดจะรุนแรงมากตามไปด้วย เวลาภูเขาไฟระเบิด มิใช่มีแต่เฉพาะลาวาที่ไหลออกมาเท่านั้น ยังมีแก๊สไอน้ำ ฝุ่นผงเถ้าถ่านต่างๆ ออกมาด้วย มองเป็นกลุ่มควันม้วนลงมา พวกไอน้ำจะควบแน่นกลายเป็นน้ำ นำเอาฝุ่นละอองเถ้าต่างๆ ที่ตกลงมาด้วยกัน ไหลบ่ากลายเป็นโคลนท่วมในบริเวณเชิงเขาต่ำลงไป ยิ่งถ้าภูเขาไฟนั้นมีหิมะคลุมอยู่ มันจะละลายหิมะ นำโคลนมาเป็นจำนวนมากได้ เช่น ในกรณีของภัยพิบัติที่เกิดในประเทศโคลัมเบียเมื่อไม่นานนี้ แหล่งที่มา:คณาจารย์คณะวิทยาศาสตร์.สารานุกรมวิทยาศาสตร์.2534.

    สิ่งที่ได้จากการปะทุของภูเขาไฟ หลายคนเชื่อว่าลาวาเป็นวัตถุชิ้นแรกที่ถูกปล่อยออกมาจากภูเขาไฟซึ่งนั่นไม่เป็นความจริงเสมอไป ทั้งนี้ในระยะแรกอาจพ่นเอาเศษหินขนาดใหญ่ออกมาจำนวนมากเรียกว่า"ลาวา บอมบ์"(Lava bomb)ส่วนเถ้าถ่านและ ฝุ่นละอองเกิดขึ้นต่อมาอย่างปกตินอกจากนั้นการเกิดระเบิดของภูเขาไฟยังปล่อยเอาก๊าซออกมาอีกด้วยดังจะกล่าวในรายละเอียด ตามลำดับดังนี้

    ลาวาหลาก (Lava flow)
    เนื่องด้วยลาวาที่มีปริมาณซิลิกาต่ำหรือลาวาที่มีองค์ประกอบเป็นบะซอลต์ปกติจะมีความเหลวมากและไหลเป็นชั้นบางๆแผ่เป็นแผ่นกว้างเหมือนลิ้นตัวอย่างบนเกาะฮาวาย ลาวาจะไหลออกมาด้วยความเร็ว 30 km./h บนพื้นที่ที่ชันมาก อย่างไรก็ตามความเร็วแบบนี้เกิดขึ้นได้น้อยมาก โดยปกติพบว่ามีความเร็ว 10 - 300 m./h ในทางกลับกันการเคลื่อนที่ของลาวาที่มีซิลิกาสูงจะช้ากว่า เมื่อลาวาบะซอลต์ของการปะทุแบบฮาวายเอียนแข็งตัวมันจะมีผิวเรียบบางทีเป็นคลื่น(Wrinkle)ในขณะที่ลาวาด้านในใต้พื้นผิวซึ่งยังหลอมอยู่จะเคลื่อนที่ต่อไป ลักษณะนี้เรียกว่า "การไหลแบบ ปาฮอยฮอย (Pahoehoe flow)" ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับริ้วเชือกบิดลาวาบะซอลตืทั่วๆไปจากแหล่งอื่นมักมีผิวขรุขระ เป็นแท่ง ขอบไม่เรียบแหลมคมหรือมีหนามยื่นออกมาเรียกว่า"อาอา(Aa)"ซึ่งเกิดจากลาวาประเภทนี้เช่นกันอาอาที่กำลังไหลออกมาจะเย็นและหนาขึ้นอยู่กับความชันของ ภูมิประเทศที่มันไหลมามีความเร็วของการไหลประมาณ 5-50m./h นอกจากนั้นก๊าซที่ออกมาจะทำให้ผิวของลาวาที่เย็นแตกออกและให้รูหรือช่องว่างขนาดเล็ก ที่มีปากรูเป็นหนามแหลมคมเมื่อลาวาแข็งตัวแล้ว

    ก๊าซ(Gas)
    ก๊าซละลายอยู่ในหินหนืดในปริมาณต่างๆกัน และอยู่ได้เพราะความดันของมวลหินโดยรอบเปรียบเหมือนคาร์บอนไดออกไซด์ที่อยู่ในเครื่องดื่มซึ่งเมื่อความดันลดลงก๊าซ ก็เริ่มหนีออกมาเป็นฟองการศึกษาสภาพจริงจากการระเบิดของภูเขาไฟเป็นสิ่งที่ยุ่งยากและอันตรายมากดังนั้นนักธรณีวิทยาจึงประมาณการ ปริมาณก๊าซที่ขึ้นมาจากก๊าซเริ่มต้น ที่ละลายอยู่ในหินหนืดไม่ได้เชื่อกันว่าหินหนืดส่วนใหญ่มีก๊าซละลายอยู่ประมาณ5%ของน้ำหนักทั้งหมดและก๊าซที่ออกมามีมากกว่า1000ตันต่อวัน องค์ประกอบของก๊าซ ก็เป็นสิ่งที่นักวิทยาศาสตร์สนใจมากเช่นกันทั้งนี้เพราะปรากฏการณ์เหล่านี้เป็นแหล่งกำเนิดของมหาสมุทรและบรรยากาศของโลกการวิเคราะห์ตัวอย่างที่เก็บจากการระเบิดของ ภูเขาไฟที่ฮาวายชี้ให้เห็นว่าก๊าซที่ถูกปล่อยออกมาประกอบด้วยไอน้ำประมาณ70%คาร์บอนไดออกไซด์15%สารประกอบไนโตรเจนและซัลเฟอร์อย่างละ5%ก๊าซอื่นๆ ที่มีปริมาณน้อยกว่าได้แก่คลอรีนไฮโดรเจนและอาร์กอนสารประกอบซัลเฟอร์จะทดสอบได้ง่ายโดยกลิ่นฉุนของมันซึ่งอาจกลายเป็นกรดซัลฟิวริกและมีอันตรายเมื่อได้สูดดม เข้าไปในปอด

    'ตำแหน่งภูเขาไฟ มักอยู่ตามแนวรอยต่อของ plateทวีป' เฉพาะวงแหวน (ring of fire)ในเขตนั้นมีกว่า 4.000 ลูก

    โทษของภูเขาไฟระเบิด ทำให้เกิด
    1. แรงสั่นสะเทือน มีทั้งการเกิดแผ่นดินไหวเตือน แผ่นดินไหวจริง และแผ่นดินไหวติดตาม ถ้าประชาชนไปตั้งถิ่นฐานอยู่ในเชิงภูเขาไฟอาจหนีไม่ทันเกิดความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สิน
    2. การเคลื่อนที่ของลาวา อาจไหลออกมาจากปากปล่องภูเขาไฟเคลื่อนที่รวดเร็วถึง 50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มนุษย์และสัตว์อาจหนีภัยไม่ทันเกิดความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง
    3. เกิดฝุ่นภูเขาไฟ เถ้า มูล บอมบ์ภูเขาไฟ ระเบิดขึ้นสู่บรรยากาศ ครอบคลุมอาณาบริเวณใกล้ภูเขาไฟ และลมอาจพัดพาไปไกลจากแหล่งภูเขาไฟระเบิดหลายพันกิโลเมตร ภูเขาไฟพินาตูโบระเบิดที่เกาะลูซอนประเทศฟิลิปปินส์ ฝุ่นภูเขาไฟยังมาตกทางจังหวัดภาคใต้ของประเทศไทย เช่น จังหวัดสงขลา นราธิวาส และปัตตานี เกิดมลภาวะทางอากาศ และแหล่งน้ำกินน้ำใช้ของประชาชน รวมทั้งฝุ่นภูเขาไฟได้ขึ้นไปถึงบรรยากาศชั้นสตราโตสเฟียร์ ใช้เวลานานหลายปี ฝุ่นเหล่านั้นถึงจะตกลงบนพื้นโลกจนหมด
    4. เกิดคลื่นซึนามิ ขณะเกิดภูเขาไประเบิด โดยเฉพาะภูเขาไฟใต้ท้องมหาสมุทร คลื่นนี้จะโถมเข้าหาฝั่งสูงขนาดตึก 3 ชั้นขึ้นไป กวาดทุกสิ่งทั้งผู้คนและสิ่งก่อสร้างลงสู่ทะเล เป็นที่น่าหวาดกลัวยิ่งนัก
    5. หลังจากภูเขาไฟระเบิด มีฝุ่นเถ้าภูเขาไฟตกทับถมอยู่ใกล้ภูเขาไฟ เมื่อฝนตกหนัก อาจจะเกิดน้ำท่วมและโคลนถล่มตามมาจากฝุ่นและเถ้าภูเขาไฟเหล่านั้น

    ประโยชน์ของภูเขาไฟระเบิด
    1. การระเบิดของภูเขาไฟช่วยปรับระดับของเปลือกโลกให้อยู่ในภาวะสมดุล
    2. การเคลื่อนที่ของลาวาจากการระเบิดของภูเขาไฟ ทำให้หินอัคนีและหินชั้นใต้ที่ลาวาไหลผ่านเกิดการแปรสภาพ เช่น หินแปรที่แข็งแกร่งขึ้น
    3. แหล่งภูเขาไฟระเบิด ทำให้เกิดแหล่งแร่ที่สำคัญขึ้น เช่น เพชร เหล็ก และธาตุอื่นๆ อีกมาก
    4. แหล่งภูเขาไฟจะเป็นแหล่งดินดีเหมาะแก่การเพาะปลูก เช่น ดินที่อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี เป็นต้น
    5. แหล่งภูเขาไฟ เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ เช่น อุทยานแห่งชาติฮาวาย ในอเมริกา หรือแหล่งภูกระโดง ภูอังคาร ในจังหวัดบุรีรัมย์ของไทย เป็นต้น
    6. ฝุ่น เถ้าภูเขาไฟที่ล่องลอยอยู่ในอากาศชั้นสตราโตสเฟียร์ ทำให้บรรยากาศโลกเย็นลง ปรับระดับอุณหภูมิของบรรยากาศชั้นโทรโพสเฟียร์ของโลกที่กำลังร้อนขึ้น แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์ หรือการเกิดปฏิกิริยาเรือนกระจกและการเปลี่ยนแปลงของกระแสน้ำแอลนิโน ที่ทำให้อุณหภูมิในบรรยากาศของโลกสูงขึ้นนั้นลดต่ำลง

    สถิติการเกิดภูเขาไฟระเบิดครั้งสำคัญ
    การระเบิดของภูเขาไฟครั้งสำคัญได้ทำลายชีวิตผู้คนไปแล้วเกือบ 2 แสนคน นับว่าเป็นจำนวนไม่น้อยในปี ค.ศ. 1985 ประชาชนชาวโคลัมเบียสูญเสียชีวิตเป็นหมื่นเช่นกัน ใน 17 ครั้ง 11 ครั้งเป็นการระเบิดของภูเขาไฟซึ่งอยู่ในประเทศเขตร้อน ได้แก่ ดินแดนประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ นิวกีนี เกาะมาร์ตินีก อยู่ในหมู่เกาะอินดีสตะวันตกและกัวเตมาลา (ละติจูด 15° เหนือ) ประเทศโคลัมเบีย (ละติจูด 5° เหนือ) และประเทศแคเมอรูน (ละติจุด 5° เหนือ) เป็นที่น่าสังเกตว่าประเทศในเขตร้อนมักจะประสบภัยจากธรรมชาติหลายประเทศ ตลอดจนภูเขาไฟระเบิดด้วย ซ้ำประเทศเหล่านี้เป็นประเทศกำลังพัฒนา สถิติประชากรประสบภัยยังอยู่ในอัตราสูงเพราะขาดการเตือนภัยที่ดี และการอพยพประชากรทำได้ลำบากเพราะความไม่สะดวกของเส้นทางคมนาคม ตลอดจนการพยากรณ์ภัยพิบัติไม่ค่อยได้รับความเชื่อถือเท่าที่ควร หรือขาดการประชาสัมพันธ์ที่ดีเปรียบเทียบกับประเทศที่เจริญแล้ว เช่น สหรัฐอเมริกากลับมีผู้เสียชีวิตเพียง 60 คน เท่านั้น แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ดังนั้น ถ้าการพยากรณ์และเตือนภัยภูเขาไฟระเบิดกระทำอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ อาจทำให้จำนวนผู้เสียชีวิตลดลงอย่างมาก ภูเขาไฟบางลูกอาจทำลายชีวิตผู้คนหลายหมื่นคน ในการระเบิดเพียงครั้งเดียว ถ้ามีการตายจำนวน 2-3 พันคน จากการระเบิดของภูเขาไฟมักจะเกิดขึ้นโดยต่างปี ต่างสถานที่กันและอีกหลายปีผ่านไปอาจไม่มีใครเสียชีวิตจากภูเขาไฟระเบิดเลยก็ได้ ต่างจากแผ่นดินไหวที่แต่ละปีมีคนตายเป็นพันๆ คน เกือบทุกปี เช่น แผ่นดินไหวที่เคยเกิดเมื่อปี ค.ศ.1928,1950 และ 1976 ที่มีคนตายถึง 100,000 คน การเกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิด ที่ทำให้เกิดภัยพิบัติอย่างมหาศาล ประชาชนทั้งหลายย่อมได้ฟังมามากมาย แต่เพราะเหตุใดเขาเหล่านั้นยังคงเลือกที่จะอยู่ในสถานที่อันตรายทั้งที่รู้แล้วว่าอีกไม่นานอาจเกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิด ที่ทำลายบ้านเรือนหรือแม้แต่ชีวิตของตนเองได้ เมื่อเหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นคงมีแต่ความเลวร้าย เพราะเหตุใด คำตอบมีดังนี้
    1)ประชาชนรู้จากประสบการณ์ว่าแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิด เกิดในเขตเดียวกันของโลก และจะนำมาซึ่งความเสียหายอย่างใหญ่หลวง เขาเชื่อว่าความสูญเสียยังคงเหลือคนดีอยู่บ้าง คงไม่เสียหายจนหมด
    2)ประชาชนรักถิ่นที่อยู่มีความรู้สึกผูกพัน ถ้าจะต้องอพยพย้ายถิ่นด้วยเหตุทางเศรษฐกิจหรือเหตุผลอื่นใด ย่อมมีความเสียใจพอๆ กับบ้านเรือนถูกทำลายทีเดียว
    3)ประชาชนชอบอยู่ในที่เดิม เว้นแต่ว่าตั้งใจออกไปหาที่อยู่ใหม่ที่มั่นคงกว่าได้ ดังนั้น ผู้คนจำนวนหลายร้อยล้านคน ยังคงอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่ล่อแหลมต่ออันตรายของเขตเกิดแผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิด ทั้งๆ ที่รู้โดยไม่เปลี่ยนแปลง ถึงแม้ว่าจะต้องการพื้นที่ก็ไม่สามารถย้ายออกไปได้ เพราะพื้นที่โลกที่เหมาะแก่การอยู่อาศัยมีจำกัด แผ่นดินโลกร้อนเกินไปเสียแล้ว

    ได้มีการบันทึกการระเบิดครั้งสำคัญของภูเขาไฟในอดีตจนถึงปัจจุบันไว้ดังนี้
    พ.ศ. ชื่อภูเขาไฟ จำนวนผู้เสียชีวิต
    622 ภูเขาไฟวิสุเวียส-อิตาลี 16,000
    1712 ภูเขาไฟเอ็ตนา เกาะซิซิลี –อิตาลี 15,000
    2174 ภูเขาไฟวิสุเวียส-อิตาลี 4,000
    2212 ภูเขาไฟเอ็ตนา เกาะซิซิลี –อิตาลี 20,000
    2315 ภูเขาไฟปาปันดายัง-อินโดนีเซีย 3,000
    2335 ภูเขาไฟอุนเซ็นดาเกะ-ญี่ปุ่น 10,400
    2358 ภูเขาไฟแทมโบโล-อินโดนีเซีย 12,000
    26-28 ส.ค 2426 ภูเขาไฟกรากะตัว-อินโดนีเซีย 35,000
    8 เม.ย. 2445 ภูเขาไฟซานตามาเรีย-กัวเตมาลา 1,000
    8 พ.ค. 2445 ภูเขาไฟปิเล-เกาะมาร์ตินีก 10,000

    จะเห็นได้ว่า ถึงแม้แผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดจะอยู่ในเขตเดียวกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันทำให้การพยากรณ์แผ่นดินไหวและภูเขาไฟระเบิดแตกต่างกันไปด้วย ดังนี้
    1)หลังจากเกิดแผ่นดินไหว เราอาจจะบูรณะบ้านเรือนสิ่งก่อสร้างขึ้นมาใหม่ได้ แต่ภูเขาไฟเมื่อระเบิดแล้วพื้นที่ในเขตภูเขาไฟจะเต็มไปด้วยธารลาวา ฝุ่นเถ้าภูเขาไฟ หรือพื้นที่ที่ถูกซึนามิกวาดผู้คนสิ่งก่อสร้างลงทะเลไป ซึ่งไม่สามารถบูรณะพื้นที่ขึ้นมาใหม่ได้ ความหวังจึงมีเพียงว่าทำอย่างไรจะให้ผู้คนอพยพออกจากเขตภูเขาไฟไปจนหมด เพื่อหลีกเลี่ยงภัยพิบัติ
    2)การพยากรณ์ภูเขาไฟระเบิดที่แม่นยำนั้น ทำได้ไม่ง่าย เหมือนแผ่นดินไหวเพราะแผ่นดินไหวมีจุดโฟกัสอยู่ลึกลงไปในเปลือกโลก ยังเป็นสัญญาณให้รู้ล่วงหน้าได้ว่าจะเกิดแผ่นดินไหวเมื่อไร ต่างจากภูเขาไฟระเบิด เมื่อหินหนืดหรือแมกมาขึ้นมาถึงพื้นผิวโลกแล้วเท่านั้นเราถึงทราบว่าภูเขาไฟจะระเบิด ซึ่งยากที่จะรู้ได้ เพราะไม่มีสัญญาณเตือนไว้ล่วงหน้า
    3)แผ่นดินไหวอาจจะหยุดไปเป็นช่วงเวลาหลายสิบปี เนื่องจากผิวโลกกำลังอยู่ในระหว่างสะสมแรงเค้น จนกว่าเมื่อแรงเค้นถึงที่สุด การสั่นสะเทือนแบบแผ่นดินไหวจึงจะเกิดขึ้นใหม่ ส่วนการเกิดภูเขาไฟระเบิดเมื่อหินหนืดเคลื่อนตัวขึ้นมาที่ผิวโลก จะมีการเปลี่ยนแปลงทางฟิสิกส์และเคมีในมวลหินหนืด ให้เห็นเป็นอย่างดีมากพอจะแปลความหมายได้ ซึ่งนักภูเขาไฟวิทยา (volcanologist) สามารถอ่านความหมายได้อย่างถูกต้อง และพยากรณ์ได้ว่าเมื่อไรภูเขาไฟจะระเบิดได้ไม่ยากนัก
    4)นักภูเขาไฟวิทยาสามารถคาดการณ์ได้ไม่ยากนักว่า ภูเขาไฟจะระเบิดเมื่อไรแต่ปรชาชนมักไม่ค่อยรับรู้ ยกเว้นพวกที่เข้าไปอยู่ใกล้ๆ เชิงภูเขาไฟมากๆ กรณีภูเขาไฟเอ็ตนาในเกาะซิซิลีประเทศอิตาลีระเบิด มีเหตุผล 2 ข้อว่า เพราะเหตุใดผู้คนถึงไม่ค่อยสนใจการพยากรณ์ภูเขาไฟระเบิด
    ก)ภูเขาไฟลูกนั้นไม่เคยเกิดการระเบิดที่รุนแรงมาก่อนเลย พอที่จะทำอันตรายคนในท้องถิ่นนั้น
    ข)ภูเขาไฟลูกนั้น มีการระเบิดมากเพียง 3-5 ครั้ง ใน 100 ครั้งไม่ผลักดันให้ผู้คนอพยพ ประมาณแล้วระเบิดเพียงร้อยละ 5 ไม่ทำให้เกิดการตื่นกลัว ยกเว้นบางกรณีที่ผู้คนไปอยู่กันหนาแน่นที่เชิงภูเขาไฟขึ้นไปใกล้ปากปล่องอย่างน่ากลัวอันตราย

    การเตือนภัยแก่ประชาชน
    1)ต้องมีการพยากรณ์ภูเขาไฟว่าจะเกิดระเบิดขึ้น และทำอันตรายกับประชาชนหรือไม่ โดยพยากรณ์ให้ชัดเจนว่าจะเกิดในสัปดาห์ใด เดือนอะไรจะต้องมีการอพยพหรือไม่ อาจมีบางคนไม่อยากอพยพจนกว่าจะมีการระเบิดเสียก่อน และผู้คนจะกลับมาอยู่บ้านของตนได้เร็วที่สุดเมื่อไร
    2)การพยากรณ์ควรเริ่มต้นด้วยการสังเกต เก็บข้อมูล และวิเคราะห์ข้อมูลด้วยนักภูเขาไฟวิทยาที่มีประสบการณ์อย่างจริงจัง เพราะภูเขาไฟไม่ระเบิดบ่อยนัก ประชาชน 2-3 พันล้านคนของโลกหารู้ไม่ว่าได้ตั้งถิ่นฐานอยู่บนเชิงภูเขาไฟที่ดับหรือไม่ดับก็ตาม ดังนั้น การเตือนภัยล่วงหน้าควรจะช่วยลดจำนวนคนที่ตกเป็นเหยื่อของภูเขาไฟให้เกิดความสูญเสียน้อยที่สุดช่วยสงวนชีวิตและทรัพย์สินของสังคมได้มากที่สุด ดังนั้น จึงควรให้เกิดความรู้ว่าภูเขาไฟอยู่ที่ไหน จะระเบิดขึ้นได้หรือไม่ เมื่อไร เราควรจะคุ้มครองชีวิตและทรัพย์สินของตนได้อย่างไรเมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้น
    3)การประชาสัมพันธ์ การพยากรณ์และเตือนภัยแผ่นดินไหวทางวิทยุและโทรทัศน์ถึงแม้จะไม่ใช่หนทางที่ดีที่สุด แต่ก็เป็นหนทางที่ควรปฏิบัติอย่างยิ่ง
    4)สุดท้ายหนทางที่ควรปฏิบัติอีกประการหนึ่ง คือ ให้ความรู้แก่ประชาชนไม่ว่าจะเป็นการศึกษาในระบบ หรือการศึกษานอกระบบ ทำได้ตลอดเวลาทั้งก่อน ระหว่างและหลังประสบภัยพิบัติ เมื่อประชาชนรู้เรื่องภัยพิบัติจากภูเขาไฟระเบิด นับว่าการเตือนภัยจากภูเขาไฟระเบิดมีความสำเร็จไปครึ่งทางแล้ว ดีกว่าให้ประชาชนตกอยู่ในความมืดเมื่อเกิดภัยพิบัติขึ้น
    ข้อมูลจาก Environnet
     
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผมกำลังสงสัยสิ่งที่อาจารย์ปิยะชีพบอกว่ามหาภูเขาไฟ ดานัว โทบามีสิทธิประทุจริงหรือ แต่ลองจินตนาการเหมือนหนัง 2012 ที่ภูเขาไฟระเบิด และมีคนกำลังรายงานข่าวด้วยความเพลิดเพลินและหลงไหลความสวยของการประทุโดยไม่กลัวตาย ในชีวิตจริงจะมีบ้างไหมหนอ หนังช่างสร้างมาได้ มาอ่านข้อมูลเก่าของอาจารย์กันครับ



    Piyacheep S.Vatcharobol
    17 เมษายน ·
    ข้อมูลที่ต้องศึกษา ๖ อภิมหาภูเขาไฟ ที่สามารถทำให้สรรพสัตว์สูญพันู์ได้ อยู่ตามที่ต่างๆที่เป็นทางการ (มีอีก ๔ ลูก ที่ไม่เข้าใจว่าทำไมไม่เอยถึง คิดว่า เป็นเพราะมันยังไม่มีอะไรเคลื่อนไหวในรอบ ๑๐๐ ปีที่ผ่านมานะครับ)

    ๓ ลูก อยู่ในอเมริกา แคลลิฟฟอเนีย เยลโล่สโตน และเท็กซัส
    อีก ๓ ลูก อยู่ที่ ญี่ปุ่น นิวซีแลนด์ และอินโดนิเซีย

    โดยเฉพาะ เยลโลสโตน และ อินโดนิเซีย นักวิชาการใช้คำว่า
    Activies เพราะมีปฏิกิริยา อุณหภูมิเพิ่มขึ้น มีการสั่นสะเทือน มีไอน้ำ มี "กีเซอร์" และมีก๊าสซัลเฟอร์ไดอ๊อกไซค์ ออกมาเป็นครั้งคราว

    ดานัว โทบา ในอินโดนิเซีย ใกล้สยามประเทศมากที่สุด
    ปากปล่องอภอมหาภูเขาไฟดานัวโทบา กว้าง ๑,๗๒๘ ตารางกิโลเมตร หรือ ประมาณ ๑,๐๘๐,๐๐๐ ไร่ เท่านั้นเองครับ

    The World's 6 Known SuperVolcanoes (Page 3)
    The World's 6 Known SuperVolcanoes
    Supervolcano is a word that sounds pretty silly. It's not just a regular volcano, it's SUPER. Just SUPER! But these calderas live up to the "super" in their name. A supervolcano can rain superheated rocks and debris down at a distance of 240 cubic miles. An eruption of that magnitude woul...
    ranker.com
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ดานัว โทบา ยาว ๑๐๐ กิโลเมตร กว้าง ๓๐ กิโลเมตร ลึก ๕๐๕ เมตร
    เป็นน้องเล็กของ เยลโลสโตน (ในภาพยนตร์ 2012)บันทึกแผ่นดินไหวล่าสุดของ ดานัว โทบา เกิดขึ้นในปี
    2011 ๑ ครั้ง
    2012 ๙ ครั้งDate Time Magnitude Depth
    2012-08-27 09:01:23 5.2 146 Km
    2012-08-27 09:01:23 5.3 151.20 Km
    2012-05-08 22:23:50 4.6 131.50 Km
    2012-05-08 22:23:51 4.8 126 Km
    2012-04-14 00:46:24 4.5 24.90 Km
    2012-04-14 00:46:24 4.5 25 Km
    2012-03-12 21:43:35 4.4 175.40 Km
    2012-03-12 21:43:35 4.4 175 Km
    2012-02-20 02:28:17 5.2 188.60 Km
    2011-08-30 16:23:57 4.4 57 Kmแผ่นดินไหวล่าสุดคือวันที่ ๒๗ สิงหาคมศกนี้ 5.3 และ 5.2
    การระเบิดครั้งแรก ประมาณ ๗๕,๕๐๐ ปีมาแล้ว ส่งเถ้าถ่านไปถึง
    ใจกลางทวีปอินเดีย สูง ๑๕ เซ็นติเมตร
    ในประเทศมาเลยเซีย ๖-๙ เมตร

    เมื่อซูปเปอร์โวแคลโน ที่หลับไหลไปนานมาก มาสะดุ้ง สะเทือนในช่วงนี้
    ช่วงที่แผ่นเปลือกโลกบีบเข้าหากัน ช่วงที่โลกกำลังพองตัว ขยายตัว

    ซึ่งแน่นอนว่า ก่อนที่ ดานัว โทบาจะระเบิด
    ก็จะต้องปล่อยควัน แก๊สและเถ้าถ่านออกมา

    และตามภูมิศาสตร์ กระแสลมก็จะพัดขึ้นซีกโลกเหนือไปตามการหมุนของโลก
    ควันและเถ้าถ่านนี้ ก็จะบดบังแสงอาทิตย์ ทำโลกมือมิดยิ่งกว่ากลางคืนยามปกติ
    เพราะโลกส่วนหนึ่งจะมืดมิดจริงๆ เพราะการปิดกันแสงทุกชนิดของควัน
    และเถ้าถ่านในชั้นบรรยากาศ ที่จะหนาอย่างน้อย ๒ กิโลเมตร

    และเมื่อเถ้าถ่านความร้อนลอยไปบดบังแสงอาทิตย์
    การเกิดพายุฝนฟ้าคะนองย่อมตามมา
    แต่คุณพระไม่ช่วย ที่ฝนเหล่านั้นจะเป็นฝนกรด ที่มีพิษต่อสิ่งมีชีวิตและพืช

    ที่พระอาจารย์รัตน์ และครูบาอาจารย์หลายท่าน หลายสาย เอยปากเตือน
    ก็น่าจะเป็นด้วย ดานัว โทบา นี่แล

    Lake Toba (Indonesian: Danau Toba) is a lake and supervolcano, 100 kilometres long and 30 kilometres wide, and 505 metres (1,666 ft) at its deepest point. Located in the middle of the northern part of the Indonesian island of Sumatra with a surface elevation of about 900 metres (2,953 ft), the lake stretches from 2°53′N 98°31′E / -2.88°N. It is the largest volcanic lake in the world. In addition, it is the site of a supervolcanic eruption that occurred about 74,000 years ago,[2] a massive climate-changing event. The eruption is believed to have had a VEI intensity of 8. This eruption is believed to have been the largest anywhere on Earth in the last 25 million years. According to the Toba catastrophe theory to which some anthropologists and archeologists subscribe, it had global consequences, killing most humans then alive and creating a population bottleneck in Central Eastern Africa and India that affected the genetic inheritance of all humans today.

    The Toba eruption (the Toba event) occurred at what is now Lake Toba about 67,500 to 75,500 years ago. The Toba eruption was the latest of a series of at least three caldera-forming eruptions which have occurred at the volcano, with earlier calderas having formed around 700,000 and 840,000 years ago. The last eruption had an estimated Volcanic Explosivity Index of 8 (described as “mega-colossal”), making it possibly the largest explosive volcanic eruption within the last twenty-five million years.

    Bill Rose and Craig Chesner of Michigan Technological University have deduced that the total amount of erupted material was about 2,800 km3 (670 cu mi) — around 2,000 km3 (480 cu mi) of ignimbrite that flowed over the ground, and around 800 km3 (190 cu mi) that fell as ash, with the wind blowing most of it to the west. The pyroclastic flows of the eruption destroyed an area of 20,000 square kilometres (7,722 sq mi), with ash deposits as thick as 600 metres (1,969 ft) by the main vent.

    To give an idea of its magnitude, consider that although the eruption took place in Indonesia, it deposited an ash layer approximately 15 centimetres thick over the entire Indian subcontinent; at one site in central India, the Toba ash layer today is up to 6 metres thick[9] and parts of Malaysia were covered with 9 m of ashfall.[10] In addition it has been calculated that 1010 metric tons of sulphuric acid[citation needed]was ejected into the atmosphere by the event, causing acid rain fallout.

    The Toba caldera is the only supervolcano in existence that can be described as Yellowstone’s “bigger” sister. With 2,800 km3 of ejecta, it was an even greater eruption than the supereruption (2,500 km3) of 2.1 million years ago that created the Island Park Caldera in Idaho, USA. The eruption was also about three times the size of the latest Yellowstone eruption of Lava Creek 630,000 years ago. For further comparison, the largest volcanic eruption in historic times, in 1815 at Mount Tambora (Indonesia), ejected the equivalent of around 100 km3 (24 cu mi) of dense rock and made 1816 the “Year Without a Summer” in the whole northern hemisphere, whilst the 1980 eruption of Mount St. Helens in Washington State ejected around 1.2 km3 (0.29 cu mi) of material.

    The subsequent collapse formed a caldera that, after filling with water, created Lake Toba. The island in the center of the lake is formed by a resurgent dome.
    Landsat photo of Sumatra surrounding Lake Toba. Though the year may never be precisely determined, the season can: only the summer monsoon could have deposited Toba ashfall in the South China Sea, implying that the eruption took place sometime during the northern summer.[12] The eruption lasted perhaps two weeks, but the ensuing “volcanic winter” resulted in a decrease in average global temperatures by 3 to 3.5 degrees Celsius for several years. Greenland ice cores record a pulse of starkly reduced levels of organic carbon sequestration. Very few plants or animals in southeast Asia would have survived, and it is possible that the eruption caused a planet-wide die-off. There is some evidence, based on mitochondrial DNA, that the human race may have passed through a genetic bottleneck around this time, reducing genetic diversity below what would be expected from the age of the species. According to the Toba catastrophe theory proposed by Stanley H. Ambrose of the University of Illinois at Urbana-Champaign in 1998, human populations may have been reduced to only a few tens of thousands of individuals by the Toba eruption.

    Smaller eruptions have occurred at Toba since. The small cone of Pusukbukit has formed on the southwestern margin of the caldera and lava domes. The most recent eruption may have been at Tandukbenua on the northwestern caldera edge, since the present lack of vegetation could be due to an eruption within the last few hundred years. Some parts of the caldera have experienced uplift due to partial refilling of the magma chamber, for example pushing Samosir Island and the Uluan Peninsula above the surface of the lake. The lake sediments on Samosir Island show that it has been uplifted by at least 450 metres[7] since the cataclysmic eruption. Such uplifts are common in very large calderas, apparently due to the upward pressure of unerupted magma. Toba is probably the largest resurgent caldera on Earth. Large earthquakes have occurred in the vicinity of the volcano more recently, notably in 1987 along the southern shore of the lake at a depth of 11 km.[15] Other earthquakes have occurred in the area in 1892, 1916, and 1920-1922.

    Lake Toba lies near the Great Sumatran fault which runs along the centre of Sumatra in the Sumatra Fracture Zone. The volcanoes of Sumatra and Java are part of the Sunda Arc, a result of the northeasterly movement of the Indo-Australian Plate which is sliding under the eastward-moving Eurasian Plate. The subduction zone in this area is very active: the seabed near the west coast of Sumatra has had several major earthquakes since 1995, including the 9.3 2004 Indian Ocean Earthquake and the 8.7 2005 Sumatra earthquake, the epicenters of which were around 300 km from Toba.

    On 12 September 2007, a magnitude 8.5 Earthquake shook the ground in Sumatra and was felt in the Indonesian capital, Jakarta. The epicenter for this earthquake was not as close as the previous two earthquakes, but it was in the same vicinity. Most of the people who live around Lake Toba are ethnically Bataks. Traditional Batak houses are noted for their distinctive roofs (which curve upwards at each end, as a boat’s hull does) and their colorful decor.

    RSOE EDIS - Supervolcanoes Activity Report

    - See more at: การคาดการณ์สายศาสนาศาสตร์ หรือ จิตวิญาณ เรื่องฟ้ามืดแล้ว ๓ วันฝนกรด » Woody Say!
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    image.jpg
    วันที่ 13 กรกฎาคม 2556 เวลา 19:00
    จากข้อมูลของ JMA ศูนย์กลางพายุไต้ฝุ่นซูลิกขณะนี้ขึ้นฝั่งที่ฟู่โจว ล่าสุดอยู่ที่พิกัด N26°40′(26.7°) E118°50′(118.8°) โดยมีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลาง 50 น็อต ความกดอากาศ 990hPa เคลื่อนที่ไปทางทิศ NW ด้วยความเร็ว 25 กม/ชม แนวโน้มลดกำลังลงต่อเนื่อง จะเป็นดีเปรสชันในไม่กี่ ชม ข้างหน้านี้
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผลวิจัยระบุแผ่นดินไหวรุนแรงส่งผลภูเขาไฟในญี่ปุ่น-ชิลีทรุด

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 1 กรกฎาคม 2556 10:21 น.




    ผลการวิจัยที่ตีพิมพ์เผยแพร่ในญี่ปุ่นและชิลี วานนี้ ระบุว่า แผ่นดินไหวครั้งใหญ่สามารถเป็นสาเหตุให้ภูเขาไฟที่อยู่ห่างไกลหลายลูกทรุดตัวลงได้ โดยแผ่นดินไหวขนาด 9 ริกเตอร์ ที่ทำให้เกิดคลื่นยักษ์สึนามินอกชายฝั่งญี่ปุ่นเมื่อปี 2554 ได้เป็นสาเหตุให้เกิดการทรุดตัวมากถึง 15 เซนติเมตร ของภูเขาไฟหลายลูกบนเกาะฮอนชู
    ขณะที่แผ่นดินไหวขนาด 8.8 ริกเตอร์ ในชิลี เมื่อปี 2553 เป็นสาเหตุให้เกิดการทรุดตัวในลักษณะคล้ายกัน ใน 5 พื้นที่ที่มีภูเขาไฟตั้งอยู่ห่างออกไปไกลถึง 220 กิโลเมตร
     
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผมเห็นมีแผ่นดินไหวที่คาบสมุทรคัมซัตกา รัสเซียบ่อย พอดีเจอข่าวเกี่ยวกับการประทุของภูเขาไฟบริเวณนั้นในเดือนมิถุนายน 2556 ขอเอามาลงให้อ่านน่ะครับ

    ภูเขาไฟ “ชิเวลุช” ของรัสเซีย ปะทุ ปล่อยเถ้าถ่านสูงกว่า 10 กม.
    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 27 มิถุนายน 2556 16:12 น.
    เอเจนซีส์/ASTV ผู้จัดการออนไลน์-ภูเขาไฟ “ชิเวลุช” บนคาบสมุทรคัมชัตกาทางภาคตะวันออกไกลของรัสเซียเกิดการปะทุครั้งใหม่ ปล่อยเถ้าถ่านพวยพุ่งบนฟ้าสูงกว่า 10 กิโลเมตร

    รายงานข่าวในวันพฤหัสบดี (27) ซึ่งอ้างยูริ เดมยานชุค หัวหน้าสำนักงานสังเกตการณ์ด้านภูเขาไฟวิทยาในพื้นที่ระบุว่า ภูเขาไฟชิเวลุช ความสูง 10,850 ฟุต (3,307 เมตร) ซึ่งเป็นหนึ่งในภูเขาลูกใหญ่ที่สุดบนคาบสมุทรคัมชัตกาเกิดการปะทุครั้งใหม่ โดยมีเถ้าถ่านพวยพุ่งออกมาจากปากปล่องเป็นความสูงกว่า 10 กิโลเมตรบนท้องฟ้า

    การปะทุล่าสุดของภูเขาไฟลูกนี้ ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องนานกว่า 40 นาที ส่งผลให้มีเถ้าถ่านภูเขาไฟจำนวนมากปลิวมาปกคลุมพื้นที่ในเขตคลิวชิและลาโซ ที่อยู่ห่างจากภูเขาไฟราว 156 กิโลเมตร โดยที่หน่วยงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยในพื้นที่เตือนว่า มีเขตตั้งถิ่นฐานอีกอย่างน้อย 4 เขต ที่อาจได้รับผลกระทบจากการปะทุ พร้อมเตือนให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากขณะอยู่นอกอาคารบ้านเรือนเพื่อป้องกันผลกระทบด้านสุขภาพ แต่ยังไม่มีความจำเป็นต้องอพยพออกนอกพื้นที่

    ทั้งนี้ ภูเขาไฟชิเวลุช ซึ่งมีอายุราว 60,000-70,000 ปี เคยเกิดการระเบิดครั้งใหญ่ไม่ต่ำกว่า 60 ครั้ง โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคมปี 1999

    image.jpg

    แผนที่แสดงที่ตั้งของภูเขาไฟ“ชิเวลุช” บนคาบสมุทรคัมชัตกาของรัสเซีย
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    image.jpg
    วันที่ 13 กรกฎาคม 2556 เดลินิวส์ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ว่า สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของจีนแจ้งว่า พายุไต้ฝุ่น “ซูลิก” ได้พัดขึ้นฝั่งที่มณฑลฝู่เจี้ยน ทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน เมื่อเวลาประมาณ 16.00 น.ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีแรงลมพัดเข้าสู่ศูนย์กลางสูงถึง 118 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หลังจากที่พายุไต้ฝุ่นลูกนี้ได้พัดถล่มเกาะไต้หวัน เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น.ของวันเสาร์ตามเวลาท้องถิ่น จนทำให้บ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหาย หลังคาปลิวว่อน และ ต้นไม้หักโค่น มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 ศพและบาดเจ็บอีกราว 30 คน

    สำนักงานอุตุนิยมวิทยาของจีน รายงานผ่านทางเว็บไซต์ว่า ขณะนี้ พายุไต้ฝุ่น”ซูลิก”กำลังเคลื่อนตัวขึ้นไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ด้วยความเร็ว 20-25 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่าจะเข้าไปถึงมณฑลเจียงซีหลังเที่ยงคืนไปแล้ว

    ทางการจีนได้สั่งอพยพประชาชนกว่า 300,000 คน ให้ไปอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย และยังสั่งให้เรือประมงงดออกจากฝั่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของจีน ขณะเดียวกันก็ให้ระงับบริการท่าเรือเมืองฝู่โจว เซี่ยะเหมิน และอ่าวเหมยโจว ขณะเดียวกันก็สั่งระดมกำลังทหาร 5,500 คน ไปยังพื้นที่ชายฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของจีน เพื่อช่วยปฏิบัติการกู้ภัย การให้บริการขนส่งสาธารณะในเมืองหนิงเต๋อต้องงดให้บริการชั่วคราว และ ระงับเที่ยวบิน 142 เที่ยวของท่าอากาศยานนานาชาติฉางเล่อ ฝู่โจว เช่นเดียวกับขบวนรถไฟความเร็วสูง 31 เที่ยว ตลอดเส้นทางของมณฑลฝูเจี้ยน

    ภูมิภาคตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ถูกพายุฝนพัดกระหน่ำและดินถล่ม คาดว่ามีประชาชนเสียชีวิตหรือไม่ก็สูญหายราว 200 คน เมื่อเร็วๆนี้
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ยูเอ็นหวั่น น้ำแข็งขั้วโลกเหนือลดต่ำสุด เกิด"ซูเปอร์สตอร์ม" สัญญาณวิกฤติโลก



    นายบัน คี-มุน เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวเตือนต่อที่ประชุมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม ที่ผ่านมาว่า สภาวะอากาศรุนแรงกำลังจะกลายเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นปกติ และจะเป็นภัยต่อมนุษยชาติ ทั้งนี้ น้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือลดลงเหลือระดับต่ำสุด การเกิดซูเปอร์สตอร์ม ล้วนเป็นสัญญาณของวิกฤติ ดังนั้น นานาชาติจึงต้องหาทางบรรลุข้อตกลงให้ได้ก่อนการประชุมจะเสร็จสิ้นลงในวันที่ 7 ธันวาคมนี้ ซึ่งมีตัวแทนเกือบ 200 ประเทศเข้าร่วม

    ที่มา Matichon Mobile
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ซุปเปอร์สตอร์มในอดีตคงมีไม่กี่ลูกเรามาดูสาเหตุที่ แซนดี้กลายเป็นซุปเปอร์สตอร์มกันครับ
    5 เหตุผลที่พายุเฮอริเคนแซนดี้เพิ่มความรุนแรงเป็นซูปเปอร์สตอร์ม
    image.jpg
    พายุเฮอริเคนแซนดี้ อาจเป็นพายุครั้งประวัติศาสตร์ของอเมริกาที่สร้างความเสียหายรุนแรง และวงกว้างเมื่อมันพัฒนาเป็นซูเปอร์สตอร์ม /และ สาเหตุ ที่ทำให้เฮอริเคนแซนดี้ถูกคาดหมายว่าจะกลายเป็นซุปเปอร์สตอร์ม ตามการอธิบายของดร.วัฒนา กันบัว ผอ.ศูนย์อุตินิยมวิทยาทางทะเล มีสาเหตุ5 ประการ ดังนี้ครับ

    1. เป็นพายุเฮอริเคนที่เกิดบริเวณขอบเขตด้านเหนือสุดของโซนพายุ
    พายุเฮอริเคนแซนดี้เคลื่อนตัวอย่างช้าๆไปในทิศเหนือ-ตะวันออกเฉียงเหนือแต่ถูกคาดหมายว่ามันอาจจะเปลี่ยนทิศไปในทิศเหนือ-ตะวันตกในช่วงวันอาทิตย์และวันจันทร์นี้ และจะอาจกลายเป็นพายุชนิดที่เรียกว่าพายุหมุนนอกเขตร้อน ซึ่งความแตกต่างของพายุหมุนชนิดนี้กับพายุหมุนในเขตร้อนก็คือ พายุหมุนในเขตร้อนนั้นจะได้รับพลังงานจากความร้อนในทะเล แต่พายุหมุนนอกเขตร้อนจะถูกขับเคลื่อนโดยพลังงานที่เกิดจากความแตกต่างกันอย่างรุนแรงของอุณหภูมิในชั้นบรรยากาศ
    ถึงแม้ว่าปัจจุบันแซนดี้จะยังคงถูกนับเป็นเฮอริเคนอยู่ แต่เราก็ไม่ควรปักใจเชื่อนักเกี่ยวกับชนิดและทางเดินของมัน (จากแบบจำลองปัจจุบันบอกว่ามันจะขึ้นฝั่งที่ New Jersey หรือ Delaware ในเช้าวันอังคาร) ด้วยขนาดอันใหญ่โตของมันจะสร้างความเสียหายเป็นแนวกว้างในบริเวณภาคตะวันออกของสหรัฐอเมริกาไม่เพียงเฉพาะบริเวณที่ถูกพายุปะทะเข้าโดยตรงเท่านั้น เพราะจากรายงานของ National Hurricane Center ระบุไว้ว่าแรงลมที่เกิดจากพายุนั้นสามารถรู้สึกได้แม้ในที่ที่ห่างไกลถึง 500 ไมล์จากศูนย์กลางพายุ ซึ่งตอนนี้พายุลูกนี้ก็ได้เริ่มก่อให้เกิดน้ำท่วมเล็กๆในบางพื้นที่ของ North Carolina แล้ว และได้มีการเร่งอพยพในพื้นที่ที่อาจได้รับผลกระทบ

    2. เป็นพายุที่เกิดในช่วงต้นฤดูหนาว
    พายุแซนดี้ถูกคาดหมายว่าจะรวมตัวเข้ากับระบบลมหนาวที่มาจากทางทิศตะวันตก ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นจริง แซนดี้จะกลายเป็นซุปเปอร์สตอร์มที่ทรงพลังอย่างยิ่งและลมจากระบบลมหนาวดังกล่าวจะเป็นตัวการดึงให้พายุแซนดี้วกกลับเข้าสู่แผ่นดินใหญ่ของสหรัฐอเมริกา

    3. อากาศหนาวเย็นจากขั้วโลกเหนือที่เคลื่อนลงมา
    นอกจากนั้นอากาศหนาวเย็นจากแคนาดาก็ถูกคาดว่าจะเข้ามาปะทะกับพายุแซนดี้และระบบลมหนาวจากทางตะวันตก ก่อให้เกิดเป็นเมกกะสตอร์มที่จะเข้าถล่มบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอเมริกาเป็นเวลาหลายวันและพายุจะเคลื่อนลึกเข้ามาในแผ่นดินอเมริกามากกว่าที่คาดไว้ตอนแรก เหตุการณ์อาจเลวร้ายจนถึงขั้นที่ว่ามีปริมาณน้ำฝนสูงเกือบ 1 ฟุต ลมกรรโชกแรงและมีหิมะเกิดขึ้นหนากว่า 2 ฟุต

    4. การสูงขึ้นของระดับน้ำทะเลจะทำให้สภาพน้ำท่วมเลวร้ายลงไปอีก
    ยิ่งไปกว่านั้นมีความเป็นไปได้ว่าอันตรายที่จะเกิดจากคลื่นพายุซัดฝั่งหรือสตอร์มเสิร์จอาจมากกว่าที่คาด เพราะช่วงเวลาที่พายุเข้าคือช่วงที่พระจันทร์กำลังจะเต็มดวงซึ่งหมายถึงว่าระดับน้ำขึ้นสูงสุดนั้นจะสูงกว่าปกติ และง่ายสำหรับลมพายุที่จะพัดเอาน้ำขึ้นมาท่วมในบริเวณพื้นที่ที่เป็นที่ต่ำ พอบวกเข้ากับปริมาณน้ำฝนจำนวนมากที่ตกลงมาจึงยิ่งเป็นเรื่องยากต่อการจัดการป้องกันน้ำท่วมที่จะเกิดขึ้น เพราะคลื่นพายุซัดฝั่งนั้นสามารถทำให้เกิดการยกตัวของระดับน้ำได้ตั้งแต่ 2 ถึง 11 ฟุตตลอดแนวชายฝั่งด้านตะวะนออกเฉียงเหนือของสหรัฐเลยทีเดียว

    5. หิมะและแรงลมพายุสร้างความเสี่ยงต่อการเกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้าง
    พายุที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาทำให้ประชาชนจำนวนหลายแสนคนในภาคตะวันออกของสหรัฐไม่มีไฟฟ้าใช้ซึ่งบางครั้งกินเวลาหลายวันเลยทีเดียว ลมพายุที่รุนแรงนั้นสามารถก่อให้เกิดไฟฟ้าดับเป็นวงกว้างได้ด้วยสาเหตุหลักๆสองประการ คือจากแรงลมพายุที่แรงถึง 74 ไมล์ต่อชั่วโมง ทำให้กิ่งก้านของต้นไม้ หรือบางครั้ง-ต้นไม้ทั้งต้นหักลงมาทับเสาไฟหรือสายไฟ สาเหตุอีกอย่างคือ หิมะที่ตกหนักมาเกาะตามกิ่งหรือต้นไม้ต่างๆ ก่อให้เกิดน้ำหนักมหาศาลทำให้เกิดการโค่นล้มลงมาใส่สายไฟหรือเสาไฟได้ ซึ่งก็ได้มีการเตรียมการด้วยการเพิ่มจำนวนคนทำงานในส่วนนี้และมีการพยายามริดกิ่งไม้ต่างๆตามแนวสายไฟเพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดจากสาเหตุข้างต้น.
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,656
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Video: Typhoon Soulik slams Taiwan [ame=http://www.youtube.com/watch?v=5urA4-x6YOc&feature=em-uploademail]Typhoon Soulik Hammers Taiwan 13th July 2013 台風第7号 (ソーリック) 蘇力 - YouTube[/ame]
     

แชร์หน้านี้

Loading...