ติดตามสถานะการณ์

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย สุกิจSukit, 8 มิถุนายน 2013.

  1. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผมเห็นอาจารย์ปิยะชีพพูดถึงซอมบี้ ก็เลยขอนำเรื่องนี้มาให้อ่านครับ

    5 เหตุผลทางวิทยาศาสตร์ ที่ทำให้เกิด ซอมบี้ ขึ้นจริง !!
    หมวด » Gadget

    …. คุณตื่นขึ้นมาในช่วงสายของวันหนึ่ง บรรยากาศแวดล้อมดูเงียบผิดปกติ พยายามเดินหาใครสักคนในบ้าน เพื่อเรียกสัญญาณของสิ่งมีชีวิต ไม่ปรากฏสัญญาณใดๆ ทั้งสิ้น ทันใดนั้นมือคู่หนึ่งก็ปะทะเข้ากับหน้าต่างอย่างแรง กระจกแตกกระจาย มันเข้ามาจับไหล่ของคุณ พร้อมกลิ่นเหม็นคาวคละคลุ้ง

    เมื่อหันไปมองก็ต้องผงะกับร่างของซอมบี้ตรงหน้า คุณกรีดร้อง!! เอื้อมมือไปคว้าปืนที่มาจากไหนไม่รู้ เล็งเป้ายิงเข้าทะลุหัวซอมบี้ตนนั้น มันสมองไหลเรี่ยราด ก่อนจะเดินเข้าไปส่องหน้ามันใกล้ๆ แล้วพบว่า นั่นคือ ที่รักของคุณ หลังจากได้รับเชื้อไวรัสที …

    ภาพยนตร์อย่าง Resident Evil 5 , Down of the Dead หรือซีรีส์ The Walking dead ได้พาคุณระทึกในดินแดนแห่ง ซอมบี้ ผีดิบ ที่อาจทำให้คุณเก็บเอาไปฝัน หลังดูจบ บางครั้งแอบลุ้นว่าอยากให้เกิดโรคระบาดขึ้นจริง แล้วตัวคุณดันมีพันธุกรรรมพิเศษทำให้กลายร่างเป็นนักล่าซอมบี้ได้จริงๆ บ้างไหม?

    ใครว่าเรื่องเหล่านี้ไร้สาระ และเกิดขึ้นจริงไม่ได้ เพราะในแง่วิทยาศาสตร์ความผิดพลาด มีขึ้นเสมอ และ 5 เหตุผลเหล่านี้ อาจนำเราสู่หายนะอย่างเมืองแรคคูนซิตี้ !!

    5. ปรสิตสมอง

    ความจริงเรื่องราวของปรสิตที่เข้าควบคุมจิตใจมนุษย์ได้นั้น ไม่ได้ขำ หรือเป็นเรื่องตลก เพราะมันมีอยู่มากมายในธรรมชาติ เช่น Sacculina Carcini ในปู Dicrocoelium dendriticum ในมด และ toxoplasmosa gondii ปรสิตที่เกิดในลำไส้ของแมว

    เจ้า toxoplasmosa gondii ตัวนี้ มีความพิเศษอย่างมาก มันจะถูกปล่อยออกมาพร้อมกับมูลของแมว และล่อหนูมากิน หลังจากนั้นก็จะฝังเข้าไปในร่างของหนู ควบคุมจิตใจคล้ายๆ กับหนูซอมบี้

    ก่อนจะหาทางกลับไปแพร่พันธ์ในแมวอีกครั้ง โดยการบังคับหนูให้ไปหาแมวกิน ความจริงมนุษย์เราก็มีแนวโน้มติดปรสิตชนิดนี้ และมีเปอร์เซ็นต์กว่าค่อนโลกทีเดียว เพราะพาหะมาจากแมว

    โดยมากปรสิตชนิดนี้จะชอนไช และส่งผลต่อภาวะสมองและอารมณ์ของมนุษย์ โดยเฉพาะกับสตรีมีครรภ์ หรือผู้ที่ภาวะภูมิต้านทานต่ำ ในผู้หญิงนั้น จะทำให้เกิดภาวะแปรปรวนทางอารมณ์ ส่งผลต่อไอคิวที่มีระดับดีขึ้น

    และการแสดงออกในเชิงเร้าอารมณ์ ส่วนผู้ชายนั้นพบว่าไอคิวต่ำลง สอดคล้องกับระดับอีคิวที่หดลงด้วย ทำให้เกิดอาการเช่น กล้า บ้าบิ่น ไร้เหตุผล หรือ หึงหวงเกินเหตุจนก่ออาชญากรรม ซึ่งหากมีการวิจัยเพื่อนำ toxoplasmosa gondii ไปใช้เป็นอาวุธชีวภาพ เราอาจได้เห็นซอมบี้กันเป็นๆ .

    4. พิษ

    มีพิษหลายชนิดที่เมื่อโดนเข้าไปแล้ว จะทำให้ร่างกายของคุณทุกอย่างทำงานช้าลงจนถึงหยุดทำงานชั่วขณะ ซึ่งในทางการแพทย์อาจระบุว่าคุณได้ตายไปแล้ว เช่น พิษจากดอก Belladonna , ปลาปักเป้าญี่ปุ่น , แอปเปิลหนาม

    สิ่งที่จะเรียกคุณกลับมาได้นั่นอาจเป็นผลจากสารเสพติด เช่น โปรตีน alkaloids ผลกระทบของมันรุนแรงอย่างมาก นอกจากทำให้เซลล์สมองถูกทำลายแล้ว ระบบความจำจะไม่สามารถทำงานได้ เป็นมนุษย์ไร้จิตวิญญาณ สั่งให้ทำอะไรก็ทำ

    เหตุการณ์แบบนี้มันได้เกิดขึ้นมาแล้วกับ Clairvius Narcisse ชายชาวเฮติ ที่เสียชีวิตจากภาวะความความดันโลหิต ในปี 1962 แต่หลังจากผ่านไป 18 ปี คนในหมู่บ้านกลับพบ Clairvius Narcisse มาเดินในหมู่บ้าน

    เขาจึงเล่าให้ทุกคนฟัง ถึงการตื่นจากความตายและได้กลายเป็นซอมบี้ในไร่อ้อย เมื่อความจำกลับคืน จึงเดินทางกลับบ้าน ซึ่งทุกคนก็สามารถยืนยันได้ว่านี่คือ Clairvius Narcisse ตัวจริงเสียงจริง!!

    3. การแพร่พันธุ์ของไวรัสอย่างรุนแรง

    การระบาดของไวรัสแทบจะเป็นพอร์ตเรื่องหลักของหนังซอมบี้ เช่นใน 28 Days Later ที่เกิดซอมบี้คลั่งกระหายเลือด ฆ่าโหดทุกคน คล้ายหมาบ้า ซึ่งความจริงอาการเช่นนี้ สามารถเกิดขึ้นได้จากเชื้อไวรัส Bovine Spongiform Encephalopathy ( BSE ) หรือที่เรียกกันว่าโรควัวบ้า

    มันระบาดในอังกฤษในปี 1986 อาการจะเริ่มจาก เบื่ออาหาร ความจำเสื่อม เดินเซ เริ่มประสาทหลอน เครียด โกรธ ประสาทการรับรู้ค่อยๆ เสื่อม และตาย ในขณะที่ไวรัสอีกชนิดหน่งที่ใกล้เคียงคือ โรคพิษสุนัขบ้า ที่ทำให้สัตว์เลี้ยงหันมาทำร้ายคุณได้อย่างง่ายๆ

    ซึ่งแม้มันจะไม่ทำให้ลักษณะทางกายภาพของเรากินดิบ จัดสดแบบซอมบี้ ในหนัง แต่ไวรัสอย่าง BSE เป็นที่นิยมอย่างมากในหมู่ผู้ก่อการร้าย ที่เลือกใช้ใส่ในซองจดหมาย เป็นอาวุธชีวภาพอีกชนิดหนึ่ง .

    2. เซลล์ประสาทเกิดการแบ่งตัวอย่างอิสระ Neurogenesis

    กระบวนการ Neurogenesis เป็นกระบวนการแบ่งตัวของเซลล์ต้นกำเนิดกับเซลล์ใหม่ได้อย่างสมบูรณ์ และสามารถทำงานทดแทนกันได้อย่างเพอร์เฟ็กต์ โดยประเด็นมันเกิดมาจากไก่ไร้หัว “ไมค์” ซึ่งโดนตัดหัวออกไป แต่ตัวยังไม่ตาย เนื่องจากตอนที่ขวานจามลงที่คอไม่ได้ตัดเส้นประสาทสำคัญ

    และเซลล์ประสาทมันก็ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ ให้ไก่มีชีวิตอยู่ได้โดยไม่จำเป็นต้องมีสมอง ส่วนระบบสั่งการอยู่ที่ลำตัวที่สั่งให้หายใจ และเคลื่อนไหวอยู่ ซึ่งกรณีแบบนี้ได้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเช่นกัน กับนักโทษประหาร ที่ถูกตัดศีรษะ แต่ยังไม่ตายในทันที เค้าเอามือจับลำตัวและคอ ก่อนจะพาร่างไร้หัว ไปนอนตายไกลออกไปเป็นเมตร

    ซึ่งกรณีที่เกิดขึ้นนี้ถูกนำไปทดลองกับสุนัขที่ตายไปแล้ว และทำการแช่แข็งเพื่อคงสภาพเซลล์ต้นกำเนิด และเนื้อเยื่อเอาไว้ทุกอย่าง ก่อนจะใช้ไฟฟ้ากระตุ้นให้กลับมาทำงานอีกครั้ง ซึ่งหมาก็กลับมามีชีวิตได้อีกครั้งตามกายภาพ มันถูกเรียกว่า “หมาซอมบี้” ที่อาจจะถูกนำไปใช้ในสงครามแห่งอนาคต !!

    1. นาโนบอดี้

    ใน Resident Evil 5 กับหุ่นยนตร์ขนาดเล็กที่ควบคุม จิล วาเลนไทน์ ไว้ มันมีบทบาทอยู่ในฐานะของกาฟากภายนอก แต่สำหรับนาโนบอดี้ หุ่นยนตร์ขนาดจิ๋วสุดๆ ที่นักวิทย์ทำการสร้างขึ้นมา เพื่อช่วยเหลือวงการแพทย์ เช่น เข้าไปควบคุมปฏิกิริยาของร่างกาย สังเคราะห์โปรตีน ในระดับเซลล์ ทำหน้าที่เป็นโครงสร้างของอวัยวะได้

    ซึ่งหากในอนาคตนาโนบอดี้ มีความสามารถในระดับเซลล์สมองมนุษย์ ความสามารถในการเข้าไปฝังในร่างกาย แพร่พันธ์ เข้าไปยึดร่างของผู้ตาย และสั่งการแทนมนุษย์แบบโลกเดอะแมททริคจะเกิดขึ้นได้ไม่เกินจินตนาการ

    ซึ่งทั้งหมดนี้ คงต้องรอให้เกิดความผิดพลาด รวมถึงการพัฒนาที่ว่า ด้านมืดของวิทยาศาสตร์อาจกลายเป็นหายนะของมนุษย์ชาติเข้าสักวัน !!
     
  2. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ฮือฮา พบหนุ่มป่วยโรคประหลาดสุดของโลก "ซอมบี้ ซินโดรม"-เหมือน"ตกนรกทั้งเป็น"
    วันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2556 เวลา 14:00:11 น.Tweet

    สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า นายเกรแฮม หนุ่มชาวสหรัฐ ได้เขียนบันทึกเรื่องราวชะตากรรมตัวเองป่วยมีอาการ"โรคซอมบี้"ภายหลังต้องป่วยด้วยโรคพิศดารนี้เป็นเวลากว่า 9 ปี ระบุว่า อาการดังกล่าวทำให้เขามีสภาพเหมือนตายทั้งเป็น คิดว่าตัวเองตายแล้ว แม้ว่าจริง ๆ เขายังหายใจและมีชีวิตอยู่ แต่สุดท้ายโชคดีได้รับการบำบัดจนดีขึ้นอย่างมาก และสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้เกือบปกติ

    รายงานระบุว่า นายเกรแฮม ถูกแพทย์วินิจฉัยว่า ป่วยด้วยอาการ" Cotard’s Syndrome"หรือที่เรียกว่า"อาการศพเดินได้"โดยผู้ป่วยจะคิดว่าตัวเองได้กลายเป็นมนุษย์ซอมบี้ และอาการดังกล่าวทำให้เขาไม่สนใจพฤติกรรมที่ปฎิบัติอยู่ในชีวิตประจำวัน เช่น สูบบุหรี่ พูดคุย และกินอาหาร เนื่องจากตัวเองคิดว่าตัวเองได้เสียไปชีวิตไปแล้ว

    โดยอาการนี้ถือเป็นอาการป่วยที่หายากที่สุดของโลก และมีลักษณะเชื่อมโยงกับภาวะจิตหดหู่และอื่น ๆ รวมทั้งการรู้สึกว่าแขนขาไร้เรี่ยวแขนและไม่ทำงาน และที่ผ่านมา มีผู้ป่วยรายอื่น ๆ ของโรคนี้ ต้องเสียชีวิตเพราะขาดอาหาร เนื่องจากตัวเองไม่มีความอยากอาหาร หรือฆ่าตัวตายด้วยน้ำกรดเพราะต้องการปลดปล่อยตัวเองจากภาวะ"ตายทั้งเป็น"

    ขณะที่บันทึกของนายเกรแฮมบรรยายว่า หลังจากเขาป่วยด้วยอาการ"โรคซอมบี้"เขาไม่รู้สึกอยากอาหารหรือต้องการจะ
    พูดสิ่งใด ๆ และสมองว่างเปล่า ไม่รู้สึกว่ามีสิ่งใดมีความหมายต่อเขา ไม่ต้องการเจอหน้าผู้คน ช่วงเวลาดังกล่าวถือเป็นฝันร้ายที่สุด เพราะเขาต้องยอมรับภาวะที่เป็นอยู่ในสภาพเหมือนตัวเองตายทั้งเป็น

    ทว่าต่อมา เขาเคราะห์ดีที่แพทย์พบว่า เขามีอาการฟื้นตัวหลังจากสมองของเขาทำงานบางส่วน ซึ่งแตกต่างจากผู้ป่วยที่สมองตาย ก่อนที่เขาจะได้รับการบำบัดรักษาจนหาย ด้วยการกินยาและการบำบัดกายภาพ และแม้ว่าเขาจะไม่ได้ฟื้นจากอาการดังกล่าวอย่างเต็มตัว แต่เขาก็ดีขึ้นมาก เพราะสามารถออกจากบ้านด้วยตัวเองได้ และรู้สึกว่าตัวเองดีขึ้นมากกว่าที่เคยเป็น โดยเขาไม่รู้สึกว่าตัวเองเป็นซอมบี้ หรือสมองตายอีกต่อไปแล้ว

    ทั้งนี้ อาการ"Cotard’s Syndrome"ถูกพบขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1788 โดยถูกวินิจฉัยจากผู้ป่วยรายหนึ่ง จากนักประสาทวิทยาชาวฝรั่งเศส ชื่อว่า"จูเลส โคลาร์ด"ขณะที่ผุู้ป่วยอาการนี้รายล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อปี 2008 เป็นหญิงวัย 53 ปีชาวนิวยอร์ก ซึ่งคิดว่าตัวเองตายแล้ว และขอให้ครอบครัวพาเธอไปสุสาน เพื่อที่จะได้ร่วมอยู่กับศพอื่น ๆ แต่เคราะห์ดี ครอบครัวของเธอได้พาเธอเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาอย่างเร่งด่วน และเธอฟื้นอาการคืนสู่ปกติหลังรับการบำบัดเป็นเวลา 1 เดือน
     
  3. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 3 กรกฎาคม 2556
    ค่า electron flux ลดลงเหลือ 2,120
    Capture.JPG
     
  4. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 3 กรกฎาคม 2556
    ■เมื่อ 03.04 ตามเวลาไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.7 บริเวณ Jujuy ประเทศอาเจนตินา ที่ความลึก 192.80 กม.
    786875529.gif
     
  5. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 3 กรกฎาคม 2556
    regions.jpg
     
  6. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 3 กรกฎาคม 2556
    Data is valid for July 2, 2013
    Capture.JPG
     
  7. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 3 กรกฎาคม 2556 หลุม Coronal Hole
    AIA20130703_021818_0193_2048.jpg
     
  8. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    การเกิด solar flare ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2556
    Capture11.JPG

    Capture12.JPG
     
  9. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ผมลงได้แต่รูปเล็ก ๆ น่ะ ครับ ผมลงรูปใหญ่ๆ ไม่เป็นครับ ถ้าใครทำเป็นสอนผมหน่อยได้ไหมครับ
     
  10. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 3 กรกฎาคม 2556
    ■เมื่อ 10.40 ตามเวลาไทย เกิดแผ่นดินไหวขนาด 5.6 บริเวณ ทิศใต้ของ หมู่เกาะอะลูเชียน ที่ความลึก 5.40 กม.
     
  11. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    "Upcoming" Disaster 15,000 Russian Troops Obama Requests FEMA & Civil
    <iframe width="640" height="360" src="http://www.youtube.com/embed/0jDaRShxSX4?feature=player_detailpage" frameborder="0" allowfullscreen></iframe>

    Piyacheep S.Vatcharobol เหรียญมี ๒ ด้าน นะครับ รัสเซียมีประสบการณ์จริงๆที่เชอโนบิล ที่จำกัดเขตกักกันคนที่แปรสภาพจากกัมมันตภาพรังสี และกำลังศึกษาหาทางแก้ไข และ นำมาใช้ให้เป็นประโยชน์อยู่

    การที่มีข่าวว่าจะนำทหารรัสเซียจำนวน ๑๕,๐๐๐ นาย มาฝึกการปราบ-ควบคุมฝูงชน มันก็ผิดปกติแล้ว เพราะหลักสูตรการควบคุมฝูงชนต่างมีกันอยู่ทุกประเทสแล้ว ไม่จำเป็นจะต้องมาฝึกที่อเมริกา และกำลังทหารรักษาเมืองหลวง กำลังทหารโดยรอบ ที่ก็ยังไม่ไว้ใจรัสเซียเท่าไหร จะคิดอย่างไร เพราะทหาร ๑๕,๐๐๐ นาย นี้สามารถปฏิวัติยึดทำเนียบขาว หรือแม้นกระทั่งโจมตียึดเพตตาก้อนได้สบายๆมากๆ

    ปีที่แล้ว ผมยังคิดเลยว่าจะมีโอกาสได้ดู World War Z ไหม? เพราะอะไรๆก็อาจเกิดขึ้นได้หลัง ๒๑ มีนาคม ๒๕๕๖ แต่เพื่อนฝรั่งฟันธงว่าได้ดู เพราะสถานการณ์รุนแรงจริงจะเริ่ม ธันวาคม ๒๕๕๖ ตามที่ ดร.ก้องภพ คำนวนคาดการณ์แต่ปี ๒๕๕๓ ผมถึงประกาศและย้ำเตือนภัยใหญ่ๆในเดือน พฤษภาคม กันยายน และธันวาคมมาโดยตลอด

    เดือนพฤษภาคม ภัยไม่แรงจากที่คาดการณ์ ด้วยมีปัจจัยภายนอกระบบสุริยะเข้ามาช่วย แต่เดือนกันยายนยนี้ท่าทางจะเป็นดั่งคาดการณ์ เพราะธรรมชาติที่แปรเปลี่ยนไปมากมัยฟ้อง มันเพิ่มหลักฐานสนับสนุนขึ้นทุกวัน และเดือนธันวาคม ยิ่งไปกันใหญ่

    ซอมบี้ที่จะเกิด เกิดจากเชื้อไวรัส ที่มีอยู่แล้วตามคลังแสงอาวุธเคมีต่างๆ หากเกิดพิบัติภัยใหญ่สามารถกระจายฟุ้งไปในอากาศ น้ำ ได้แน่นอนอยู่แล้ว และเชื้อไวรัสที่มาจากอวกาศ สัปดาห์ที่แล้วผมโพสข่าวพบแบคทีเรียนับพันล้านในชั้นบรรยากาศที่มีรังสียูวีมหาศาล แบคที่เรียอยู่ได้อย่างไรในรังสีร้อนแรงอย่างนั้น หากแบคทีเรียอยู่ได้ ไวรัสก็สบายมาก

    ไวรัสต้องอาศัยสิ่งมีชีวิตอยู่ แสดงว่าในอวกาศที่ไม่มีอากาศ มีแบคทีเรียที่ไวรัสสิ่งอยู่มากมาย แล้วแบคทีเรียที่มีไวรัสนี้เป็นชนิดไหน ทำปฏิกิริยาอย่างไร จะรักษาอย่างไร? อย่าลืมว่าเราไม่มียาทำลายไวรัสได้โดยตรง เราทำลายแบคทีเรียที่ไวรัสอาศัยอยู่ให้ตายลง เพื่อกำจัดไวรัสอีกชั้นหนึ่งนะครับ

    มนุษย์เมื่อขาดสติสัมปชัญญะ ก็คือสัตว์โลกอย่างหนึ่งที่กินเพื่ออยู่ ดีไม่ดีกินเพื่อดำรงเผ่าพันธุ์เข้าไปอีก

    จากการศึกษา ค้นคว้าแบบไม่ทำงานอย่างอื่นๆเลยนับแต่ปี ๒๕๔๙ ทำให้ผมเชื่อมั่นว่า มหาพิบัติภัยจะเกิดขึ้นจริง (เขียนถึงตรงนี้ไฟฟ้าในห้องทำงานดับไปหนึ่งแถบ สักพักติดใหม่) อย่างสาหัาสากรรในเดือนธันวาคมนี้ ต่อเนื่องไปถึง พ.ศ. ๒๕๖๑ และจะสงบสุขในปี ๒๕๖๒

    ดร.ก้องภพ อยู่เย็น คาดการณ์ไม่เคยผิดแม้นแต่ครั้งเดียว แนวทางที่ท่านสอน ชี้แนะให้ไปค้นคว้าศึกษา ก็ล้วนเป็นข้อมูลเหตุการณ์ยืนยันสนับสนุนไปหมดทุกอย่างทุกด้าน คุณสมยศกลุ่มพลังจิตมาถอดระหัสพระมหาชนดอีก ผมก็ไปค้นคว้าต่ออีก มันยืนยันกันไปหมดนะครับ

    โจทย์ของความอยู่รอดแบบไม่เบียดเบียนใครแบบรอดปลอดภัยก็กลับมาให้ผมคิดหาวิธีสร้างที่หลบภัยแบบพอเพียง การนำแนวทางพระราชดำริมาปรับใช้ให้รอดปลอดภัย ผมถือว่าผมเตือนผมช่วยเพื่อนมนุษย์เป็นการทำบุญสร้างบุญ ใครจะอยู่เฉยๆให้เป็นกรรมของสัตว์โลก กรรมพันธุ กรรมะโยนิ กรรมะปฏิสะระโณ ก็ย่อมทำได้ตามความคิดความเชื่อแต่ละท่าน แต่ผมคิดเสมอว่า หากทุกคนกลัวบาป ละอายต่อบาปหมดแล้วใครจะปกป้องแม่ผม แม่ของลูกผม ลูกๆผม ที่เป็นหญิง ไม่ให้ใครมาทำร้าย ข่มขืน หรือ ฆ่าเอาไปย่างกินได้ ผมถึงยอมทำบาปด้วยเจตนาดีเพื่อให้คนอื่นๆได้มีโอกาสทำบุญให้ผมนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2013
  12. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกิดการประทุเที่พระอาทิตย์ขนาด C 5.4
    Capture.JPG
     
  13. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    Updated 07/03/2013 @ 03:10 UTC
    Solar Update
    Solar activity is currently at low levels with numerous C-Class flares detected within the past 24 hours. Sunspot 1785 located in the southeast quadrant produced a C7.1 flare at 17:49 UTC. A new active region trailing 1785 and now rotating into view off the east limb, produced a C7.2 flare at 23:58 UTC. The C7.2 flare generated a relatively minor Coronal Mass Ejection (CME) visible in the latest Lasco C2 imagery. The minor eruption itself was directed away from Earth. This will change over the next couple of days as these regions continue to rotate into a more geoeffective position. All other regions are currently stable. Sunspots 1777 and 1780 are both rotating out of direct Earth view. New Sunspot 1786 in the southern hemisphere was numbered on Tuesday, but is already beginning to fade away.

    Sunspot 1785 and Company (Early Wednesday) - SDO/HMI

    jul3_2013_se.jpg
     
  14. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ค่า electron flux เพิ่มขึ้นเป็น 2650
    Capture.JPG
     
  15. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    พระกษิติครรภ์มหาปณิธานสูตร
    ธัมมนันทา สามเณรี แปล

    บทที่ 1
    อิทธิฤทธิ์ของพระพุทธเจ้า ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
    ดังที่ได้สดับมา ครั้งหนึ่งเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จ ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เพื่อโปรดพระพุทธมารดา ในเวลานั้น พระพุทธเจ้าทั้งหลายมีจำนวนนับไม่ถ้วน กับทั้งพระมหาโพธิสัตต์จากพุทธเกษตรต่างๆทั้งสิบทิศ มาประชุมพร้อมกันด้วยความสมัครสมานสามัคคี ต่างพากันชื่นชมพระสัมมาสัมพุทธเจ้าศากยมุนี ในพระปรีชาญาณตลอดจนอำนาจอันประมาณมิได้ในการโปรดสรรพสัตว์ผู้เห็นผิดให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องทำความเข้าใจความแตกต่างในเรื่องพื้นฐานแห่งความสุขและความทุกข์ในโลกนี้ ต่างพากันมาเฝ้าพร้อมบริวาร เพื่อถวายสักการะแก่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า
    พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงแย้มพระสรวล เปล่งรัศมีแห่งความกรุณาอันมิอาจจะหยั่งได้ อีกทั้งพระปัญญาบารมีและพระวิสุทธิคุณทำให้กระจายไปในบรรยากาศ ด้วยเสียงแห่งพระบารมี ทั้งเมตตาบารมี ทานบารมี เสียงแห่งความเป็นอิสระ เสียงแห่งการให้พร เสียงแห่งพระปัญญา กึกก้องกัมปนาทดุจเสียงราชสีห์คำราม เสียงกึกก้องดุจฟ้าร้อง และยังมีเสียงอื่นๆที่หยั่งมิได้ สรรพสัตว์ทั้งหลายจากทศทิศ พากันมาแห่แหนเฝ้าพระพุทธองค์ ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พวกเขาพากันมาจากสวรรค์ชั้นต่างๆ เช่นจาตุมหาราชิกา สวรรค์ทั้งสี่ชั้นของทวยเทพ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ชั้นดุสิต ชันนิมานรดี ชั้นปรนิมิตสรสวดี พรหมบริสุทธิ์ พรหมปุโรหิต และชั้นของมหาพรหม อีกทั้งสวรรค์ชั้นอื่นๆอีกมากมาย
    ทวยเทพทั้งหลาย รวมทั้งนาคจากมหาสมุทร ก็มารวมอยู่ด้วยรวมทั้งจากโลกอื่น และโลกมนุษย์ เทวดาผู้รักษาท้องทะเล ท้องฟ้า พายุ แม่น้ำ ตันไม้ เนินเขา พื้นดิน น้ำพุ ผีนา ผีไร่ เทวดาที่รักษากลางวันกลางคืน แม้จนวิญญาณที่รักษาอาหารและเครื่องดื่ม ตลอดจนเปรต อสูร เปรตผู้หิวโหย ฯลฯ บรรดาเปรตใหญ่น้อยก็พากันมาแสดงความยินดีร่วมกัน
    ขณะนั้น พระศากยมุนีพุทธเจ้า รับสั่งกับพระมัญชุศรี พระธรรมราชาว่า "บัดนี้เจ้าได้ทอดทัศนาในจิตเห็นพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พระโพธิสัตต์ ทวยเทพ นาค เปรต และภูตผีปีศาจทั้งจากโลกนี้และโลกอื่น มารวมกันอยู่ที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เจ้ารู้ไหมว่า มีจำนวนเท่าใด"
    พระมัญชุศรีกราบทูลพระพุทธเจ้าว่า "ข้าแต่พระโลกนาถเจ้าแม้ขาฯพระพุทธองค์จะมีอิทธิฤทธิ์ได้สั่งสมมาหลายชั่วกัป ข้าพระองค์ก็ยังมิอาจประมาณจำนวนได้พระเจ้าข้า"
    พระสัมมาสัมพุทธเจ้ารับสั่งกับพระพระมัญชุศรีว่า "แม่ว่าพระตถาคตจะใช้พระเนตรของพระพุทธเจ้าตรวจสอบดู พระตถาคตก็ยังระบุจำนวนที่แท้จริงของบรรดาทวยเทพเหล่านี้มิได้ ทวยเทพและสรรพสัตว์เหล่านี้เป็นผู้ที่พระกษิติครรภ์ได้ชักนำให้เข้าสู่มรรควิถีมาเป็นเวลาช้านาย ข้างก็เป็นผู้ที่จะได้รับการชี้นำจากพระองค์ให้เข้าสู่ความหลุดพ้นในอนาคต"
    พระมัญชุศรีกราบทูลพระพุทธองค์ว่า "ข้าแต่พระโลกนาถเจ้า แม้ข้าพระองค์จะสั่งสมบุญบารมีและได้เข้าถึงปัญญาอันเป็นเยี่ยม แต่ข้าพระองค์ก็มิอาจปฏิเสธได้ และจะน้อมรับคำของพระโลกนาถเจ้า แต่ผู้ที่ยังปฏิบัติอยู่ในอรหันตภูมิ เทวภูมิ ผู้ที่ยังนับถือนาค และมนุษย์ที่ยังต้องเวียนว่ายอยู่ในสังสารวัฏในอนาคต อาจจะยังมีข้อสงสัยในสิ่งที่พระพุทธองค์ทรงยืนยันว่าเป็นพระธรรม เทวดา นาค ยักษ์ คนธรรพ์ อสูร กินนร มโหรค และสัตว์ใน 8 ภูมิ ที่จะอุบัติขึ้นในอนาคต จะยังลังเลสงสัย ทั้งที่พระพุทธองค์ได้ประกาศพระธรรมชัดเจนแล้วก็ตามทีและหากพระองค์บังคับให้พวกเขาเชื่อ ก็จะเกิดผลร้ายในการที่พวกเขาจะเผยแผ่คำสอนผิดๆ ดังนั้น ข้าพระองค์จึงหวังว่า พระโลกนาถเจ้า จะได้ทรงไขแสดงพระปณิธานของพระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ เมื่อตอนที่พระองค์ท่านเริ่มงานโพธิสัตต์ และทรงพากเพียรอย่างไร จนประสบความสำเร็จ และมีผู้คนเชื่อฟังพระองค์เช่นนี้ พระเจ้าข้า"
    พระพุทธองค์รับสั่งกับพระมัญชุศรีว่า "สมมุติว่า จำนวนใบหญ้า ไม้ ป่า ทุ่งนา เนินเขา ก้อนหิน ผงธุลี วัตถุธาตุทั้งหลายทั้งปวง แม้จะมีจำนวนมากมายประดุจเม็ดทรายในคงคานที และแม้เม็ดทรายแต่ละเม็ด อาจจะเทียบได้กับ 1 กัปป์ สิ่งที่พระองค์สร้างสมเพื่อการสร้างทศบารมีนั้นก็ยังมีจำนวนมากกว่านั้นเสียอีก จำนวนมากมายมหาศาลเกินกว่าที่จะใส่เป็นคำพูด แม้กระนั้นบุญบารมีที่พระกษิติครรภ์โพธิสัตว์ได้สร้างสมมาก็ยังมากกว่า ทั้งในสมัยที่พระองค์เป็นอรหันต์และเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า
    "มัญชุศรีเอย พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์เจ้าพระองค์นี้ ปณิธานของพระองค์ท่านก็ดี บารมีของพระองค์ท่านก็ดี มากมายเกินคณานับหากสรรพสัตว์ทั้งชายหญิงจุติขึ้นในอนาคต หากตั้งใจฟังและสวดสรรเสริญพระนามของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์เจ้า ถวายความเคารพโดยการสวดพระนามของท่าน ถวายสิ่งสักการะต่อพระองค์ท่าน วาดภาพหรือแกะสลักพระรูปของท่าน พวกเขาก็จะได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ถึง 100 ชาติ (เป็นสวรรค์ชั้นที่ 2 ในบรรดาสวรรค์ 6 ชั้น)และจะไม่ต้องตกลงสู่อบายภูมิทั้งสามอีกเลย
    "มัญชุศรีเอย พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์เจ้าพระองค์นี้ ได้เคยเกิดเป็นบุตรชายผู้ที่น่าเคารพเลื่อมใส หลายกัปป์ก่อนหน้านี้ ในสมัยที่ท่านตั้งปณิธานครั้งแรกนั้น เป็นสมัยของพระพุทธเจ้าสิงหราช กุลบุตรคนนี้เห็นรูปลักษณ์ของพระพุทธเจ้าแล้วบังเกิดความเลื่อมใส และได้ทูลถามว่าเมื่อครั้งที่ยังเป็นพระโพธิสัตต์นั้น พระองค์ได้ทรงตั้งปณิธานประการใดจึงมีรูปลักษณ์งดงามดุจเทพเช่นนี้ พระพุทธองค์จึงทรงสอนกุลบุตรผู้นี้ว่า 'หากเจ้าประสงค์จะมีรูปร่างลักษณะเช่นนี้ เจ้าจะต้องตั้งใจ และมีความเพียรพยายามที่จะไถ่ถอนความทุกข์ยากของสรรพสัตว์ทั้งปวง และพากเพียรปฏิบัติเช่นนี้ต่อเนื่องกันหลายภพหลายชาติ'
    "พระสิงหราชพุทธเจ้าได้ทรงสอนกุลบุตรนั้น ให้ตั้งปณิธานว่า "ข้าฯขอตั้งปณิธานที่จะช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์จากอบายทั้ง6ภูมิ และจะใช้กุศโลบายในการชี้นำให้สรรพสัตว์เหล่านั้นเข้าถึงซึ่งความหลุดพ้นเป็นจำนวนหลายกัปป์หลายกัลป์ ก่อนที่ตัวของข้าฯเองจะบรรลุพระนิพพาน" กุลบุตรนั้นตั้งปณิธานต่อพระพุทธองค์ด้วยความมั่นคงในจิต จากนั้นเป็นเวลาหลายกัปป์นับจำนวนไม่ถ้วน พระองค์ก็ยังพากเพียรทำงานของพระโพธิสัตต์อยู่
    "ในเวลานานมาแล้ว มีพระพุทธเจ้าอีกพระองค์หนึ่ง มีพระนามว่า สมาธิพุทธบุปผา ได้ตรัสรู้มาแล้วเป็นเวลาหลายล้านกัปป์ มีวิธีการ 3 ขั้นตอนในการถวายความเคารพต่อพระพุทธองค์ โดยประการแรก ถวายความเคารพพระพุทธรูป (หรือรูปแทนพระองค์) และโดยการประกาศศรัทธาและถวายสักการะ ในขั้นที่สองของการถวายความเคารพต่อพระพุทธองค์ มีเด็กหญิงพราหมณ์คนหนึ่ง ที่ได้สร้างบุญกุศลไว้เป็นอันมากแต่อดีตชาติ นอกจากเคารพและให้เกียรติผู้อื่นแล้ว เธอยังได้รับพรได้รับความคุ้มครองจากทวยเทพนับตั้งแต่ที่เธอตั้งใจบำเพ็ญทานบารมี แต่มารดาของเธอไม่มีใจเป็นกุศล และมักจะกล่าวให้ร้ายพระรัตนตรัย แม้ว่า 'ธิดาผู้ประเสริฐ' ตามที่มีคนเรียกเธอ พากเพียรพยายามอย่างยิ่งที่จะชัดเกลาให้มารดาเกิดสัมมาทิฏฐิ แต่มารดาก็ยังเต็มไปด้วยอกุศลไม่เชื่อฟังคำชี้แนะของธิดา
    "ครั้นตายไป มารดาก็ตกลงไปในอเวจี เป็นนรกขุมที่ 8 ที่ต้องถูกลงโทษทัณฑ์โดยไม่หยุดหย่อน ธิดาพราหมณ์ผู้นี้ตระหนักดีว่ามารดามิได้เชื่อในกฎแห่งกรรม ได้กระทำบาปไว้มากมายในชีวิต และด้วยอกุศลกรรมนั้น แน่นอนที่สุดจะต้องตกลงไปในนรกเพื่อรับกรรมรับความทุกข์ยากโดยไม่หยุดหย่อน ตระหนักในวิบากกรรมของมารดา ผู้เป็นธิดาขายทรัพย์สมบัติที่มีค่าทั้งหลาย ทำการบูชาด้วยดอกไม้ และข้าวของต่างๆทั้งที่สถูปเจดีย์ และถวายสักการะแด่พระพุทธเจ้าสมาธิพุทธบุปผา พระพุทธรูปนั้นแกะสลักอย่างงดงามยิ่ง เธอตั้งใจน้อมจิตสักการะพระพุทธองค์และตั้งใจว่า 'พระพุทธองค์ผู้เป็นสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงมีพระปัญญาญาณ หากพระองค์ยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ในโลกนี้ลูกอยากจะทูลถามว่า มารดาของลูกตกไปอยู่ที่ใด ลูกมั่นใจว่าพระองค์ จะทรงหยั่งรู้ได้ว่าเธออยู่ที่ใด' เมื่อคิดเช่นนั้น เธอคุกเข่าอยู่เบื้องหน้าพระพุทธรูป และร่ำไห้อยู่เป็นเวลานาน
    "ทันใดนั้น เธอได้ยินเสียงมาจากภายนอกพูดกับเธอว่า 'ลูกหญิงผู้ประเสริฐ ไม่ต้องร้องไห้ด้วยความเศร้าโศกเสียใจ ตถาคตจะบอกเจ้าว่า มารดาของเจ้าไปอยู่ที่ใด ธิดาพราหมณ์ยกมือขึ้นพนมด้วยความเคารพ ตอบเสียงนั้นไปว่า 'เทพเจ้าองค์ใดที่จะช่วยบรรเทาความทุกข์ใจของลูก นับแต่ที่มารดาของลูกตายไป แม้ลูกจะสวดมนต์ให้แม่ทั้งเช้าและเย็น แต่ลูกก็มิอาจจะหยั่งรู้ได้ว่าแม่ไปเกิดที่ใด' ตถาคตรู้ว่าลูกมีความรักความห่วงใยมารดาของเจ้า ต่างจากลูกคนอื่นๆ ดังนั้นตถาคตจึงลงมาเพื่อช่วยเจ้า' ธิดาพราหมณ์ตั้งใจฟังพระดำรัส เธอทอดตัวลงกับพื้นร่ำไห้เป็นอันมาก เธอกลัวว่าเธอเองจะตายไปจากโลกมนุษย์ เธอร้องขอให้พระพุทธองค์ได้โปรดเธอให้หายจากความกังวลใจ ว่ามารดาของเธอไปเกิดที่ใด พระพุทธองค์รับสั่งว่า "ธิดาผู้ประเสริฐ เมื่อเจ้าถวายสักการะแล้ว รีบกลับไปบ้าน สำรวมกายลงนั่งสมาธิแล้วท่องพระนามของพระตถาคต เจ้าก็จะได้รู้ว่ามารดาของเจ้าไปเกิด ณ ที่ใด"
    ธิดาพราหมณ์ถวายสักการะแล้วกลับบ้าน ทำตามที่พระพุทธองค์ทรงมีพระเมตตาชี้แนะ เมื่อเธอได้ทำสมาธิไปชั่วหนึ่งวันกันหนึ่งคืนเธอพบว่าตัวของเธอได้มายืนอยู่ริมฝั่งทะเล มีสัตว์ที่มีผิดหน้าเป็นเหล็กพากันเดินอย่าเร่งรีบไปมา เดินขึ้น เดินลง เดินจากตะวันออกไปตะวันตก ตะวันตกไปตะวันออกในน้ำทะเลที่กำลังเดือดพล่าน เธอเห็นผู้คนทั้งหญิงชายจำนวนนับแสนนับล้าน ตะเกียกตะกายอยู่ในคลื่นมหาสมุทร พยายามที่จะหลบหนีจากสัตว์ที่มีผิวหน้าเป็นหลักที่ดุร้าย นอกจากนั้นเธอได้เห็นยักษ์ปรากฏอยู่ทั้งบนดิน และในอากาศ ทั้งดุร้ายและกินคน พวกนี้มีเท้า มีตา และศีรษะจำนวนมาก ทั้งฟังก็แหลมคมเหมือนคมหอกคมดาบ ยักษ์ที่ดุร้ายพวกนี้คอยไล่หญิงชายเหล่านั้นเข้าไปหาสัตว์ดุร้าย และพวกเขาเองก็กราดเกรี้ยวกับหญิงชายเหล่านั้นภาพที่เธอเห็นน่ากลัวมาก เธอไม่กล้ามองนาน ทั้งๆที่ภาพที่เธอเห็น เป็นไปด้วยอำนาจของพระพุทธเจ้าก็ตาม ขณะนั้นมีพระราชาแห่งภูตน้ำ มีพระนามว่า ไร้พิษ ได้เข้ามาเชื้อเชิญเธอ โดยรับสั่งว่า "ธิดาผู้ประเสริฐ เธอเป็นพระโพธิสัตต์ ทำไมถึงลงมาในสถานที่เช่นนี้" ธิดาพราหมณ์จึงถามว่า เธออยู่ ณ ที่ใด ราชภูตไร้พิษตอบว่า "ที่นี่เป็นมหาจักรวาล"(มหาสมุทรแรกทางตะวันตก) ธิดาพราหมณ์จึงบอกว่า "ดิฉันได้รับบอกเล่ามาว่า มีนรกอยู่ภายในที่ห้อมล้อมด้วยกำแพงเหล็กใช่หรือไม่" ราชภูตไร้พิษอธิบายว่า น่าจะเป็นอำนาจของพระพุทธเจ้า หรือเป็นเพราะกุศลกรรมของนางเอง เพราะมิฉะนั้นแล้ว เธอจะลงมายังมหาจักรวาลไม่ได้ ธิดาพราหมณ์จึงถามต่อไปถึง น้ำในทะเลเดือดเช่นนั้นและทั้งมีคนบาปอยู่จำนวนมาก รวมทั้งสัตว์ที่ดุร้าย
    ราชภูตไร้พิษตอบว่า "คนบาปเหล่านั้นเป็นคนที่ตายจากโลกมนุษย์ลงมาใหม่ๆหลังจากผ่านไป 49 วัน หากไม่ปรากฏว่าบุตรหลานได้ทำบุญทำทานเพื่อช่วยให้พวกเขาพ้นทุกข์ ทั้งในเวลาที่มีชีวิตอยู่คนเหล่านี้ก็ประกอบแต่กรรมชั่ว มิได้เคยทำประโยชน์ใดๆ เพื่อมนุษยชาติประกอบแต่กรรมชั่วอย่างนั้นอย่างนี้ การลงโทษบทแรกก็คือการที่จะต้องเดินทางข้ามทะเลแห่งความทุกข์นี้ อันมีระยะทางยาวไกล นับเป็นโกฏิไมล์ไปทางทิศตะวันออก ยังมีทะเลอีกแห่งหนึ่ง ทีคนบาปจะต้องถูกลงโทษเป็นสองเท่า ทางตะวันออกจะมีอีกทะเลหนึ่ง และถัดไปก็จะมีอีกทะเลหนึ่ง ที่คนบาปจะต้องรับโทษมหันตโทษ
    "ทะเลทั้งสามที่กล่าวมานี้ คือทะเลแห่งความทุกข์ ผู้ที่ทำบาปทาง กาย วาจา ใจ จะถูกโยนลงในทะเลนี้เพื่อเป็นการลงโทษ เพราะความชั่วบาปของเขา
    ธิดาผู้ประเสริฐถามราชภูตไร้พิษว่า "นรกอยู่ไหนกันคะ" ราชภูตไร้พิษตอบว่า "ภายในทะเลแห่งความทุกข์นี้ มีนรกขุมต่างๆนับจำนวนพัน มีนรกใหญ่ 18 ขุม และนรกย่อยอีก 500 แห่ง ที่คนบาปจะต้องลงไปรับโทษทัณฑ์ นอกจากนั้นก็ยังมีผู้คนจำนวนมากที่ได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษ เพราะไม่ได้ทำผิดร้ายแรงในช่วงชีวิต
    "ธิดาผู้ประเสริฐทูลราชภูตไร้พิษว่า "มารดาของดิฉันตายไปเมื่อไม่นาน ดิฉันอยากทราบว่าท่านถูกส่งไปที่ใด"
    ราชภูตไร้พิษถามธิดาผู้ประเสริฐว่า "มารดาของเจ้าประกอบกรรมใดในเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่"
    "ธิดาผู้ประเสริฐตอบว่า "สมัยที่ยังมีชีวิตอยู่นั้น มารดาเป็นคนที่มีทิฏฐิต่อพระรัตนตรัย และได้พูดจาล่วงเกินอยู่ เธอพยายามที่จะยึดถือในพระพุทธเจ้าแต่ไม่มีศรัทธาพอเพียง เพิ่งสิ้นไปเมื่อไม่กี่วันนี้เอง และดิฉันไม่รู้ว่าเธอไปอยู่ที่ใด" ราชภูตไร้พิษถามต่อว่า "มารดาของเธอชื่ออะไร" ธิดาผู้ประเสริฐตอบว่า "ทั้งบิดามารดาเป็นพราหมณ์ บิดาชื่อคีลา เซ็นเซ็น และมารดาชื่อยวดทีลี่"
    ราชภูตไร้พิษตอบธิดาผู้ประเสริฐโดยการพนมมือแล้วกล่าวว่า "ธิดาผู้ประเสริฐ ไม่ต้องวิตกกังวล ให้กลับบ้านได้ด้วยใจเบิกบาน มารดาของเจ้าได้ขึ้นสวรรค์ไปแล้วเมื่อ 3 วันก่อน ด้วยความกตัญญูกตเวทิตาของเจ้า ที่ได้ถวายดอกไม้พร้อมเครื่องสักการะแก่พระสมาธิพุทธบุปผาพุทธเจ้า ทำให้มารดาของเจ้าหลุดพ้นจากความทุกข์ เมื่อแจ้งข่าวเรื่องมารดาให้ธิดาผู้ประเสริฐได้รับทราบแล้ว ราชภูตไร้พิษก็พนมมือแล้วลาไป ธิดาผู้ประเสริฐครั้นได้รับข่าวดีก็รู้สึกว่าตนกังวลไปโดยใช่เหตุ เธอคุกเข่าลงกราบพระสมาธิพุทธบุปผาพุทธเจ้า และตังปณิธานว่า "ลูกจะพากเพียรพยายามที่จะช่วยรื้อสัตว์ขนสัตว์ให้ข้าพ้นโอฆสงสาร ต่อไปในภายภาคหน้าอีกหลายกัปป์หลายกัลป์"

    บทที่ 2
    ที่ประชุมของภาคต่างๆ ของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์
    ในเวลานั้น จำนวนภาคต่างๆของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ขึ้นมาจากนรกมีจำนวนมหาศาลมาประชุมกันที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์แน่นขนัดและสรรพสัตว์ทั้งหลายพากันถือดอกไม้และธูปเทียน เพื่อมาสักการะพระผู้ทรงคุณยิ่ง สรรพสัตว์เหล่านี้ ครั้งหนึ่งเคยได้รับทุกข์ทรมานเป็นที่สุด เป็นเวลาชั่วกัปป์ชั่วกัลป์ในโอฆสงสารแห่งการเวียนตายเวียนเกิด ด้วยพระมหากรุณาและบารมีจากปณิธานของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์เจ้าพวกนี้จึงหันมารับนับถือพระรัตนตรัยและได้บรรลุนิพพานในที่สุด พวกเข้าจึงพากันมาประชุมพร้อมกัน ณ สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ พากันมาเฝ้าแหน เพื่อแสดงความคารวะอย่างสูงสุดและพากันมาชื่นชมบุญบารมีของพระผู้ทรงคุณแห่งโลก
    พระศากยมุนีพุทธเจ้า ทรงยื่นพระหัตถ์สีทองเพื่อประทานพรแก่ภาคต่างๆของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ และรับสั่งว่า "ขอแสดงความชื่นชมที่ประสบความสำเร็จในการนำพาสรรพสัตว์ให้ข้าพ้นโอฆสงสารสู่พระนิพพาน ในความจริงแล้ว พระตถาคตก็ได้พยายามอย่างสุดความสามารถที่จะโปรดสรรพสัตว์ ไม่ว่าพวกเขาจะฉลาดหรือโง่เขลา เพื่อให้เข้าสู่สัมมาทิฏฐิ และได้พบพระธรรม แม้ว่าตถาคตจะเพียรพยายามอย่างยิ่งยวด แต่ในสิบคนก็จะมีสักคนหนึ่งหรือสองคนที่โปรดไม่ได้ ตถาคตจึงขอให้ท่านได้ช่วยสรรพสัตว์ที่พระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆได้โปรดมาแล้วให้ได้ถึงซึ่งความหลุดพ้น มีคนบางคนที่ฉลาดปัญญา ก็จะสามารถกลับใจได้หลังจากที่ได้ฟังธรรมของพระตถาคต แต่คนบาปที่ด้อยปัญญาจะกลับใจได้ก็ต่อเมื่อได้รับการอบรมสั่งสอนเป็นเวลานาน สำหรับคนที่หัวตื้อก็ยากที่จะคาดหวังศรัทธาจากพวกเขาแม้จะมีอุปสรรคใดๆก็ตาม ตถาคตก็เพียรพยายามที่จะทำให้สรรพสัตว์ผู้ทุกข์ยากเหล่านี้ได้กลับใจนำไปสู่ความหลุดพ้น โดยการใช้รูปต่างๆ ตถาคตได้ใช้ภาคผู้หญิง ภาคผู้ชาย เป็นเทพ เป็นวิญญาณ เป็นภูตผีปีศาจ เป็นภูเขา ป่าไม้ ลำธาร แม่น้ำ สระน้ำ หรือภาคใดๆก็ตาม เพื่อประโยชน์แก่มนุษย์ เพือที่จะช่วยให้เขากลับใจโดยไม่มีข้อยกเว้น บางครั้งตถาคตก็ต้องแปลงเป็นจักรพรรดิ หรือพระพรหม เป็นสาวกของพระพุทธเจ้า เป็นกษัตริย์ เป็นนายกรัฐมนตรี เป็นข้าราชการชั้นสูง เป็นภิกษุ หรือภิกษุณี เป็นอุบาสก อุบาสิกา เป็นพระสาวก เป็นพระอรหันต์ เป็นพระปัจเจกพุทธะหรือพระโพธิสัตต์ เพื่อที่จะช่วยเหลือมนุษยชาติ ตถาคตมิได้โปรดสรรพสัตว์ลำพังในภาคของพระพุทธเจ้าเท่านั้น แต่ท่านก็คงจำได้ว่าตถาคตอยู่มาชั่วกัปป์ชั่วกัลป์ ในการรื้อสัตว์ขนสัตว์แม้ผู้ที่หัวดื้อหัวรั้นเพื่อให้เขาได้เข้าถึงความหลุดพ้น คนที่หัวดื้อก็ยังคงมีอยู่ และหากเขาต้องถูกส่งลงไปในยมโลกเพื่อรับโทษ ขอให้ท่านระลึกด้วยว่า ตถาคตขอร้องให้ท่านได้ตั้งใจที่จะช่วยให้พวกเขาเข้าถึงฝั่งพระนิพพานเข้าสู่การตรัสรู้ จนกว่าจะถึงสมัยของพระศรีอริยเมตไตรย พระพุทธเจ้าในอนาคตจะได้ลงมาตรัสในโลกนี้"
    ในขณะนั้น ภาคต่างๆของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ที่มาจากจักรวาลต่างๆรวมกันเข้าเป็นองค์เดียว อสุชลคลอพระเนตร ทูลพระพุทธองค์ว่า "พระผู้มีพระภาคได้ทรงพระเมตตา ที่ได้ประทานอิทธิฤทธิ์และปัญญาทางธรรมชั้นโลกุตระแก่ข้าพระองค์มาหลายกัปป์หลายกัลป์ขอให้ปางต่างๆของข้าพระองค์ประสบความสำเร็จครอบคลุมไปสู่จักรวาลต่างๆ เพื่อนำสรรพสัตว์ไปสู่ความหลุดพ้นอย่างแท้จริง แม้ว่ามนุษย์จะยังไม่มีความสนใจแม้น้อยนิดที่จะสร้างกุศลกรรม ข้าพระองค์ก็จะเพียรพยายามที่จะทำให้เขากลับใจ อย่างค่อยเป็นค่อยไป และจะนำประโยชน์สุขมาให้ทุกคน ขอพระองค์อย่าทรงได้ท้อถอยในอกุศลกรรมของสรรพสัตว์ ข้าพระองค์จะรับหน้าที่ในการที่จะช่วยรื้อสัตว์ขนสัตว์จนข้ามพ้นสู่ฝั่งพระนิพพาน"
    พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ทูลขอร้องมิให้พระพุทธองค์ทรงท้อถอยกับอกุศลกรรมของสรรพสัตว์ แม้ในกาลต่อไปข้างหน้า ได้ทรงกล่าวปณิธาน 3 ครั้ง พระศากยมุนีพุทธเจ้าทรงยินดีและรับสั่งว่า "ขอพรจงบังเกิดแก่ท่าน ตถาคตชื่นชมความตั้งใจมั่นของท่าน และขอชื่นชมต่อความพยายามของท่าน ที่จะเยียวยาโลกมนุษย์ และขอให้ท่านได้บรรลุพุทธภูมิเมื่อภาระหน้าที่ของท่านจบสิ้นลง"

    บทที่ 3
    การสังเกตดูวิบากกรรมของมนุษย์ทั้งปวง
    ขณะนั้นพระนางสิริมหามายา พระพุทธมารดา ทูลถามพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์เจ้า ด้วยความเคารพโดยการประณมหัตถ์ทั้งสองแล้วทูลว่า "มนุษย์ผู้อยู่ในสังสารวัฏประกอบอกุศลสิ่งชั่ว เขาจะได้รับผลของกรรมอย่างไรหรือ"
    พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ ทูลตอบว่า "โลกนั้นมีจำนวนหลายล้านบางแห่ง ท่านก็จะพบนรกเหมือนกับในโลกสังสารวัฏ บางแห่งไม่มีนรก เช่นในพุทธเกษตรสุขาวดี บางแห่งมีผู้หญิง บางแห่งไม่มีผู้หญิง บางแห่งท่านก็จะสามารถได้ยินเสียงพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า แต่บางแห่งผู้คนก็ไม่มีโอกาสได้ยินพระธรรมของพระพุทธองค์ บางแห่งมีพระสาวก อรหันต์ ปัจเจกพุทธเจ้า ฯลฯ แต่บางแห่งก็ไม่มี ดังนั้น ความทุกข์ในนรกต่างๆจึงมากมาย และไม่สามารถบรรยายในรายละเอียดได้"
    พระนางสิริมหามายาจึงทูลถามขึ้นอีกครั้งว่า "หม่อมฉันขอทราบเฉพาะความทุกข์ในรูปแบบต่างๆในโลกแห่งสังสารวัฏ
    พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์เจ้าจึงทูลว่า "พระมารดาผู้ประเสริฐ หม่อมฉันจะขอทูลโดยย่อ ผลของกรรมสำหรับมนุษย์ในโลกมนุษย์นั้นมากมายมหาศาลนัก ผู้ที่ไม่เชื่อฟังบิดามารดา สมาคมกับคนชั่ว จะตกนรกอเวจี และจะต้องทนทุกข์ทรมานเป็นเวลานานชั่วกัปป์ชั่วกัลป์ โดยไม่มีทางที่จะหลบหนีได้ ผู้ที่ทำร้ายพระพุทธองค์ โดยการทำลายรูปเคารพของพระองค์ก็ดี พูดจาดูถูกพระรัตนตรัยก็ดี ไม่เคารพในคำสอนขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ดี จะลงนรกอเวจีชั่วกัปป์ชั่วกัลป์ คนที่ทำอันตรายแก่วัดวาอาราม ประพฤติละเมิดพรหมจรรย์ของพระภิกษุ ภิกษุณี พรากชีวิตผู้อื่นในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ก็จะตกลงไปในอเวจี ทนทุกข์ยากตลอดไป ใครก็ตามที่ปฏิบัติตามวิธีของพระภิกษุโดยไม่ตั้งใจปฏิบัติธรรมด้วยความบริสุทธิ์ใจ ชี้นำผู้อื่นทำกรรมชั่วต่างๆจะตกนรกอเวจีได้รับโทษทัณฑ์ประเภทเดียวกัน คนที่ชอบขโมยของจากวัด เช่น เงินข้าว อาหาร เครื่องนุ่งห่ม หรือข้าวของทำนองเดียวกัน จะตกลงไปในนรกอเวจี ทุกข์ทรมานไม่จบสิ้น
    พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์เจ้าทูลย้ำกับพระนางสิริมหามายาว่า "คนบาปที่ได้กล่าวแล้วข้างต้นจะได้รับโทษทัณฑ์โดยมิได้ว่างเว้น"
    พระนางสิริมหามายา ทูลถามว่า "นรกอเวจีนั้นหมายความว่าอย่างไรเพคะ"
    พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์เจ้า ทรงอธิบายว่า "พระมารดาผู้ประเสริฐ ในมหาจักรวาลนั้นมีนรกอยู่มากมาย นอกจาก8 ขุมใหญ่ แล้วยังมี 500ขุมย่อย และอีก 1000ขุม ต่างมีชื่อเรียกต่างๆกัน นรกอเวจีหมายถึงขุมที่มีกำแพงเหล็กกั้น กว้างถึง 8 ล้านไมล์ และสูง 1 ล้านไมล์ นรกนี้มีไฟลุกท่วมตลอดเวลา มีนรกอื่นๆต่อกันไป ต่างมีชื่อเรียกต่างกัน เฉพาะนรกขุมนี้เรียกว่าอเวจี ในนรกอเวจีมีเนื้อที่ 8,000 ตารางไมล์ นรกนี้ล้อมรอบด้วยกำแพงเหล็ก มีเปลวไฟลุกอยู่ตลอดเวลา มีสุนัขและงูเหล็กที่วิ่งจากตะวันออกไปจรดตะวันตก นอกจากนี้ยังมีเตียงเหล็ก คนที่ตกลงไปที่นั่นก็จะต้องรับกรรมตามที่ตนก่อไว้ มียักษ์ที่มีนัยน์ตาเหมือนดวงไฟ มีมือเหมือนอุ้งเล็บเหยี่ยวที่คอยลงโทษคนบาปด้วยการใช้อุ้งเล็บตะกาย ยักษ์คอยทิ่มแทงคนบาป จับโยนขึ้นไปแล้วให้ตกลงมาจนตาย มีนกเหยี่ยวเหล็กที่คอยจิกนัยน์ตาคนบาปงูเหล็กคอยขดรัดคอคนบาป เล็บที่ยาวและแหลมทิ่มแขนขา ลิ้นก็จะถูกลากออกมาด้วยคีมเหล็ก แล้วเอาเลื่อยตัดลำไส้ น้ำเหล็กที่ร้อนๆถูกกรอกเข้าไปในปาก ลวดเหล็กร้อนเอามารัดตัว คนบาปแต่ละคนจะถูกลงโทษตามอกุศลกรรมที่ตนทำไว้เวียนเกิดเวียนตายอยู่ในนรกนั้นชั่วกัปป์ชั่วกัลป์ โดยไม่มีทางหนี เมื่อสิ้นสุดโลกนี้ คนบาปจะถูกขนย้ายถ่ายเทไปโลกอื่น และต้องรับโทษทัณฑ์ต่อไปในโลกใหม่
    การลงโทษในนรกอเวจีจะเป็นไปตามที่ว่านี้ โดยมีกฎ 5 ข้อ
    1 คนบาปจะถูกลงโทษทั้งกลางวันกลางคืน ชั่วกัปป์ชั่วกัลป์โดยไม่มีหยุดพัก เป็นความทุกข์ทรมานที่ไม่รู้จบ
    2 จะถูกขึงอยู่บนเตียงทรมาน ในรูปแบบใดแบบหนึ่ง โดยไม่มีกำหนด
    3 การถูกลงโทษด้วยอาวุธ ได้แก่ ส้อมเหล็ก ไม้เหล็ก งูเหล็ก เหยี่ยวเหล็ก สุนัขจิ้งจอกเหล็ก สุนัขเหล็ก เลื่อยเหล็ก ฆ้อนเหล็ก กระทะเหล็ก ลวดเหล็ก ลาเหล็ก ม้าเหล็ก ลูกตุ้มเหล็ก และเหล็กเหลว ฯลฯไม่มีประมาณ
    4 ไม่ว่าหญิงหรือชาย ผู้ดีหรือไพร่ เด็กหรือแก่ รวยหรือจน ภูตหรือปีศาจ หรือเทวดา ก็จะต้องได้รับกรรมตามวิบากของตน โดยไม่แตกต่างกัน
    5 เมื่อตกในนรกนี้ จะต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ชั่วกัปป์ชั่วกัลป์ โดยการลงโทษแบบต่างๆ ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยไม่มีพัก และไม่มีทางหนี จนกว่าจะหมดกรรม
    พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ทูลพระพุทธมารดาว่า"นี่เป็นคำอธิบายนรกโดยสังเขป แม้เพียงจะเอ่ยชื่อขุมนรกต่างๆเหล่านี้ ก็จะต้องใช้เวลานานถึง 1 กัปป์"
    หลังจากที่พระนางสิริมหามายาได้ฟังคำอธิบายจากพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ พระนางพนมมือลาไปด้วยความเศร้าพระทัย

    บทที่ 4 ขณะนั้น พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์เจ้าได้กราบทูลพระศากยมุนีพุทธเจ้าว่า "พระโลกนาถเจ้า ด้วยโลกุตรญาณของพระองค์ ข้าพระองค์จึงสามารถแปลงเป็นภาคต่างๆไปทั่วจักรวาลต่างๆนับจำนวนล้าน เพื่อโปรดสรรพสัตว์ผู้ตกทุกข์ได้ยากให้หลุดพ้น ด้วยพระมหากรุณาของพระพุทธองค์ ตลอดจนบุญฤทธิ์ของพระองค์ที่ทำให้ข้าพระองค์สามารถปรากฏในภาคต่างๆได้ ข้าพระองค์ขอตั้งใจมั่นถวายสัจวาจาว่าจะช่วยปลดเปลื้องสรรพสัตว์ออกจากกองทุกข์ และนำพวกเขาเข้าสู่ความหลุดพ้น ข้าพระองค์เต็มใจจะทำงานหนักจนตราบเท่ายุคของพระศรีอริยเมตไตรย ที่จะมาตรัสในโลกนี้ ขอพระองค์อย่าได้ทรงกริ่งเกรงพระทัย"
    พระศากยมุนีรับสั่งกับพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ว่า "อำนาจแห่งการรับรู้ของปุถุชนในสังสารวัฏยังไม่มั่นคง บางทีก็ทำกุศล แต่บางทีก็จังทำสิ่งที่เป็นอกุศล และพวกเขาก็ต้องได้รับวิบากกรรมตามการกระทำของตน เขาจะต้องเวียนตายเวียนเกิด จะต้องถูกทดสอบในสภาพต่างๆในทะเลนรกอยู่ชั่วกัปป์ชั่วกัลป์ พวกเขาจะต้องตกอยู่ในภพใดภพหนึ่งในห้าอย่าง คือ
    1 มนุษย์
    2 สัตว์
    3 สัตว์นรก
    4 เปรต
    5 อสูร
    เหมือนกาบปลาที่จะต้องติดตาข่ายในท้ายสุด จะถูกปล่อยแล้วก็จะถูกจับขึ้นมาอีก
    พระตถาคตจึงห่วงใยสรรพสัตว์เหล่านี้ แต่ตามที่ท่านตั้งปณิธานแน่วแน่ ที่จะรับภาระหน้าที่ชั่วกัปป์ชั่วกัลป์ในการช่วยรื้อสัตว์ขนสัตว์ผู้หลงผิดให้เข้าถึงฝั่งพระนิพพาน ตถาคตก็วางใจได้"
    ขณะนั้น เมื่อพระศากยมุนีพุทธเจ้า รับสั่งกับพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ มีพระมหาสัตต์พระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า อิศวรเทพ เข้ามาเฝ้าพระพุทธองค์แล้วกราบทูลว่า "พระโลกนาถเจ้า พระองค์ได้ทรงสรรเสริญปณิธานของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์เจ้าที่ทรงอุทิศพระองค์ทำงานอยู่ชั่วกัปป์ชั่วกัลป์ ขอพระองค์ได้โปรดรับสั่งถึงภาระของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ด้วยเถิดพระเจ้าข้า"
    พระพุทธองค์จึงมีรับสั่งกับอิศวรเทพว่า "ขอให้ตั้งใจฟังเถิด"
    1 ครั้งหนึ่งเมื่อท่านเคยเป็นราชาแห่งเมืองเล็กๆ
    หลายกัปป์หลายกัลป์ก่อนหน้านี้ มีพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า สรวัชนะ ผู้ทรงพระปรีชาญาณ พระพุทธเจ้าพระองค์นี้มีพระชนม์ยืนยาวถึง 6 ล้านกัปป์ ก่อนที่พระองค์จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์เป็นพระราชาครองเมืองเล็กๆแห่งหนึ่ง ทรงมีพระราชาที่ครองเมืองข้างเคียงเป็นพระสหาย พระราชาทั้งสองต่างดำรงอยู่ในทศพิธราชธรรม แต่โชคร้ายที่พสกนิกรรของพระราชาที่เป็นพระสหายนั้นประกอบอกุศลกรรมอยู่เสมอ พระราชาทั้งสองก็ทรงปรึกษากัน หาวิธีที่จะทำให้พสกนิกรตั้งมั่นอยู่ในชีวิตอันเกษม พระราชาองค์แรกจึงทรงตั้งปณิธานขอให้ได้ตรัสรู้ธรรมโดยเร็วที่สุด เพื่อว่าพระองค์จะได้โปรดพสกนิกรของพระองค์ให้เข้าสู่ความหลุดพ้นเช่นกัน พระราชาอีกพระองค์หนึ่งทรงตั้งปณิธานว่า พระองค์ขอที่จะไม่เป็นพุทธเจ้า จนกว่าจะได้ช่วยโปรดคนบาปจนพวกเขาหลุดพ้น พระราชาที่ตั้งปณิธานที่จะเป็นพระพุทธเจ้าคือ สรวัชนะพุทธะ พระพุทธเจ้าผู้ทรงปัญญาเป็นเลิศ พระราชาอีกพระองค์หนึ่ง ที่ทรงตั้งปณิธานไม่ขอตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าจนกว่าจะได้ช่วยรื้อสัตว์ขนสัตว์ให้เข้าถึงความหลุดพ้นคือพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์
    2 ครั้งหนึ่งทรงเกิดเป็นธิดาพราหมณ์
    หลายกัปป์ผ่านมา มีพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่าปทุมเนตรวิสุทธิ์พุทธเจ้า ผู้ทรงพระปรีชาญาณเป็นเลิศ พระพุทธเจ้าพระองค์นี้ทรงมีพระชนมายุยืนยาว 40 กัปป์ ในสมัยพุทธกาลนั้น มีพระอรหันต์พระองค์หนึ่ง บำเพ็ญเพียรในการที่จะสอนพระธรรมแก่สรรพสัตว์เพื่อให้กลับใจประพฤติปฏิบัติชอบ มีหญิงสาวคนหนึ่งชื่อกงม๊อก แปลว่าจรัสเนตร จรัสเนตรได้ถวายเครื่องสักการะแด่พระอรหันต์ท่านจึงถามนางว่า นางปรารถนาสิ่งใด นางตอบว่า "ดิฉันพยายามทำบุญในวันที่มารดาตาย เพื่อให้มารดาได้พ้นทุกข์ ดิฉันอยากรู้ว่าบัดนี้มารดาอยู่ในภพภูมิใด" พระอรหันต์เกิดความเมตตาสงสาร จึงทำสมาธิเพื่อตรวจดูและรู้ว่ามารดาของนางตกลงไปในนรก ได้รับความทุกข์ยากแสนสาหัส พระอรหันต์จึงไถ่ถามนางว่า ในเวลาที่มีชีวิตอยู่นั้น มารดาของนางดำเนินชีวิตอย่างไร จึงต้องตกนรกได้รับทุกข์โทษทัณฑ์แสนสาหัส นางจึงเล่าว่า "แม่เป็นคนชอบกินเนื้อเต่า โดยเฉพาะไข่เต่า ทั้งปลาทอดและต้ม แม่จึงได้ฆ่าสัตว์เป็นจำนวนมาก พระผู้เมตตา โปรดบอกดิฉันด้วยเถิดว่าดิฉันจะต้องทำอะไรเพื่อช่วยให้แม่พ้นทุกข์" พระอรหันต์ผู้เปี่ยมด้วยความกรุณาจึงแนะให้นางสวดมนต์พระนามของพระปทุมเนตรวิสุทธิ์พุทธเจ้าด้วยความตั้งใจมั่นและด้วยความเคารพ และนางควรจะได้แกะสลักรูปพระพุทธเจ้า เพื่อเป็นการสร้างบุญกุศลทั่วแก่มารดาและแก่ตัวนางเอง
    เมื่อรับฟังคำนี้แนะจากพระอรหันต์ นางจึงขายทรัพย์สมบัติที่มีค่า ด้วยเงินนั้น นางได้สร้างพระพุทธรูปไว้สักการะกราบไหว้บูชา จากนั้น นางก็ได้สวดมนต์อ้อนวอนอยากจะทราบว่ามารดาไปอยู่ ณ ที่ใด ฉับพลัน ในคืนหนึ่ง นางได้เห็นพระพุทธเจ้าปรากฏพระองค์ท่ามกลางแสงโอภาสสีทองสุกปลั่งมีขนาดใหญ่ดุจเขาพระสุเมรุ และรับสั่งแก่นางว่า "มารดาของเจ้าจะได้ไปเกิดในครอบครัวของเจ้า เป็นบุตรชายของคนรับใช้ และจะพูดได้ทันทีที่รู้ร้อนรู้หนาวและรู้จักความหิว" ไม่ช้าไม่นาน คนรับใช้ในบ้านก็ให้กำเนิดบุตรชาย ทารกที่เกิดใหม่นั้นพูดได้หลังจากที่คลอดได้ 3 วันทารกที่เกิดใหม่นั้นพูดกับนางที่ร้องไห้อย่างขมขื่นว่า "ผู้ใดก็ตามทำอกุศลกรรมใดไว้ ผู้นั้นจะต้องเป็นผู้รับผลของกรรมโดยไม่มีข้อยกเว้น เราเป็นมารดาของเจ้า หลังจากที่แม่จากเจ้าไป แม่ตกลงไปใช้กรรมในนรกทนทุกข์ทรมานแสนสาหัส ด้วยกุศลกรรมที่ลูกทำแล้ว อุทิศไปให้แม่ ทำให้แม่ได้มาเกิดใหม่ในชาตินี้ เป็นบุตรชายของคนรับใช้ของลูก แต่ด้วยอกุศลกรรมที่ทำไว้ยังไม่หมดสิ้น แม่จะมีชีวิตอยู่ได้เพียง13 ปี และจะตกไปในนรกอีก ลูกเอ๋ย จะมีวิธีใดเล่าที่จะช่วยให้แม่ต้องพ้นจากความทุกข์ยากนี้" เมื่อได้ยินเช่นนี้ ผู้เป็นธิดาก็แน่ใจว่า บุตรชายของหญิงรับใช้นั้นเป็นมารดากลับมาเกิดใหม่จริงๆ
    ธิดาจึงกล่าวกับทารกน้อยว่า "ในเมื่อท่านเป็นแม่ของข้าในชาติก่อน ท่านจะต้องรู้ว่าท่านทำบาปทำกรรมไว้ จึงต้องตกลงไปในอบายภูมิ " ทารกน้อยตอบว่า "ฉันทำบาปไว้ 2 ประการหลัก โดยการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต และการพูดส่อเสียดด่าทอให้ร้ายคนอื่น ถ้าลูกไม่ได้ช่วยไว้โดยการบำเพ็ญเพียรในกุศลของเจ้า แม่จะไม่มีวันได้หลุดพ้นจากการถูกลงโทษทัณฑ์เลย" ธิดาจึงถามทารกต่อว่า "เมื่ออยู่ในนรกนั้น ท่านทุกข์ยากอย่างไรบ้าง" มารดาตอบว่า "ความทุกข์ทรมานนั้นแสนสาหัสแม่ไม่อาจจะพรรณนาได้ครบถ้วน แม้ว่าจะมีเวลาถึงพันปี" เมื่อได้ยินเช่นนั้น ธิดาก็ร่ำไห้ด้วยความเศร้าโศก "จะทำอย่างไรที่จะช่วยให้แม่ไม่ต้องกลับไปรับทุกข์ทรมานอีก" ต่อมาบุตรชายของหญิงรับใช้ก็ตายลงเมื่ออายุได้ 13 ปี
    ในขณะนั้น ผู้เป็นธิดาก็ได้สวดมนต์อ้อนวอน "พระผู้มีพระภาคผู้เป็นโลกนาถแห่งทิศทั้งสิบ ขอได้โปรดรับฟังเสียงอ้อนวอนของลูกหากมารดาของลูกจะพ้นจากความทุกข์ยากในสามภพ จะได้มาบังเกิดในครอบครัวที่ยากจน หรือจะไม่ได้มาเกิดเป็นหญิงอีกเลยก็ตามที บัดนี้ลูกขอตั้งปณิธานต่อพระพักตร์ของพระปทุมเนตรวิสุทธิ์พุทธเจ้าว่า ลูกจะพากเพียรพยายามที่จะรื้อสัตว์ขนสัตว์จากขุมนรก รวมทั้งผู้ทุกข์ยากในสภาพต่างๆ จากจักรวาลทั้งหลาย และนำพวกเขาเข้าสู่ความหลุดพ้นลูกจะขอแสวงหาพระนิพพานก็ต่อเมื่อได้ช่วยสรรพสัตว์ให้ถึงพระนิพพานแล้ว"
    หลังจากที่ได้ตั้งปณิธานแล้ว พระปทุมเนตรวิสุทธิ์พุทธเจ้าได้รับสั่งกันนางว่า "เจ้าเป็นลูกที่มีความกตัญญูกตเวทีเป็นอย่างยิ่ง ข้าจึงได้ตั้งปณิธานเพื่อช่วยเหลือมารดาของเจ้า ขอให้มารดาของเจ้าได้ไปเกิดเป็นพรหมจาริน เป็นพราหมณ์หนุ่มจนมีอายุ 13 ปี จากนั้นจะได้ไปเกิดใหม่มีอายุถึง 100ปี จากนั้นนางจะได้ไปเกิดในจักรวาลที่จะไม่ต้องมีความทุกข์ทรมานอีกต่อไป และที่นั่นเธอจะมีชีวิตอยู่ยืนยาวชั่วกัปป์ชั่วกัลป์ จนท้ายที่สุดได้บรรลุพุทธภูมิ จากนั้น เธอจะได้โปรดสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์มีจำนวนนับด้วยเม็ดทรายในคงคานที"
    พระศากยมุนีพุทธเจ้า รับสั่งกับราชภูตว่า "พระอรหันต์ผู้ช่วยจรัสเนตรให้ได้ช่วยเหลือมารดาของนางได้สำเร็จ คืออักษยมติโพธิสัตต์ มารดาของจรัสเนตรปัจจุบันเป็นพระโพธิสัตต์แห่งความหลุดพ้น จรัสเนตรผู้เป็นธิดา บัดนี้คือพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์เจ้า"
    เป็นที่รู้จักกันดีว่า พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ ทรงมีพระเมตตาสงสารคอยช่วยเหลือผู้ตกทุกข์ได้ยากที่เป็นมิจฉาทิฏฐิให้เข้าสู่ความหลุดพ้นกัปป์แล้วกัปป์เล่า ในอนาคตหากชายหญิงใด ด้วยอวิชชาความโง่เขลา ไม่กระทำกุศล สร้างแต่อกุศลกรรมทั้งกายวาจาใจ ทั้งไม่เคารพในกฎแห่งกรรม ก็จะต้องทุกข์ทรมานอยู่ในอบายภูมิ
    แต่เมื่อมีโอกาสได้พบผู้มีปัญญาที่จะชักนำเขาให้เกิดความศรัทธาเสื่อมใสในพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์เจ้า แม้เพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆเขาก็จะสามารถหลุดพ้นออกมาจากอบายทั้งสามภูมิได้
    และเช่นกัน หากยึดมั่นในพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ ถวายความเคารพสักการะต่อพระองค์ ด้วยกุศลจิต ถวายดอกไม้ของหอม จีวรเพชรนิลจินดา (เป็นเครื่องบูชา) พร้อมทั้งอาหารเครื่องดื่ม ก็จะได้ไปเกิดในภพภูมิที่เป็นทิพย์เป็นเวลาหลายกัปป์ เมื่อผลจากบุญกุศลนี้หมดลง ก็จะได้ไปเกิดเป็นพระราชาครองสิริราชสมบัติอีกนับร้อยกัปป์ พระราชาเหล่านี้จะได้ระลึกรู้ในกฎแห่งกรรมในอดีตหนหลัง
    พระศากยมุนีพุทธเจ้าได้รับสั่งกับอิสวรเทวราชว่า "ด้วยอำนาจอันมหาศาลของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์นั้นยิ่งใหญ่นัก และประโยชน์ที่พระองค์ช่วยเหลือมนุษย์ก็หาขอบเขตจำกัดมิได้ ท่านทั้งหลายที่เป้นพระโพธิสัตต์จึงพึงระลึกรู้ในพระสูตร และช่วยกันเผยแผ่ให้กว้างไกลไพศาล" อิศวรเทวราชจึงทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า "พระโลกนาถเจ้า ขอพระองค์อย่าได้หวั่นวิตก พวกเราพระมหาโพธิสัตต์จำนวนล้านล้านองค์ แย่อมสืบสานคำสั่งสอนของพระองค์ และด้วยบารมีแห่งอำนาจอันหาที่ประมาณมิได้ของพระพุทธองค์ พวกเราจะนำกษิติครรภ์โพธิสัตต์สูตรออกเผยแพร่ให้ขจรขจาย เพื่อที่จะได้นำความสุขและประโยชน์สุขมาให้แก่สรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวงในสังสารวัฏ" เมื่อได้ถวายคำมั่นสัญญาอิศวรเทวราชได้กลับไปประทับในที่ของพระองค์ พร้อมพนมหัตถ์อยู่หว่างพระอุระด้วยความเคารถ มหาราชแห่งเทวราชทั้งจตุรทิศลุกขึ้นถวายสักการะต่อพระศากยมุนีพุทธเจ้า พลางทูลว่า "พระโลกนาถเจ้า พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ได้ทรงตั้งปณิธานเป็นเวลาหลายกัปป์มาแล้ว ทำไมจึงยังมีสรรพสัตว์ที่ยังเป็นมิจฉาทิฏฐิอยู่ และเหตุใดที่พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์จึงต้องตั้งปณิธานอีก" พระศากยมุนีพุทธเจ้า จึงทรงอธิบายให้ท้าวเทวราชแห่งจตุรทิศฟังว่า "คำถามของพวกท่านประเสริฐแล้ว เพื่อประโยชน์แห่งท้าวเทวราชทั้งสี่ ตลอดจนสรรพสัตว์ทั้งในเทวโลกและมนุษยโลก ทั้งในปัจจุบันและตลอดจนถึงอนาคต ตถาคตจะเล่าให้ฟังว่าพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ด้วยมหากรุณาของพระองค์ ได้ช่วยปลดปล่อยสรรพสัตว์จากสังสารวัฏแห่งการเวียนว่ายตายเกิด และช่วยให้เขาหลุดพ้นในท้ายที่สุดอย่างไร" เทวราชจากจตุรทิศรับปากพร้อมกันว่า "พวกเราจะฟังด้วยความไส่ใจยิ่งพระเจ้าข้า" พระศากยมุนีพุทธเจ้าจึงรับสั่งต่อไปว่า "แม้ว่าพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์จะได้ช่วยมนุษย์ผู้ตั้งมั่นในมิจฉาทิฏฐิได้กลับใจและหลุดพ้นมายาวนานหลายต่อหลายกัปป์แล้วก็ตามที่ พระองค์ก็หาได้พอพระทัยไม่ พระองค์ทรงสงสารเหล่าคนบาปที่ยังเวียนวนอยู่ รู้ว่า ไม่ว่าพวกเขาจะดิ้นรนกระเสือกกระสนอย่างไร เราเขาก็ยังตกอยู่ในวังวนแห่งอกุศลกรรมครั้งแล้วครั้งเล่า เหมือนกับหญ้าแพรกที่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วและกว้างไกล ดังนั้นพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์จึงต้องตั้งปณิธานซ้ำแล้วซ้ำอีก พระองค์ทรงใช้ความเพียรพยายามโดยมิได้หยุดหย่อนในการหาอุบายที่เหมาะสมเพื่อช่วยคนบาปและโปรดพวกเขาให้ถึงสัจธรรมอันเป็นนิรันดร์"
    จากนั้นพระศากยมุนีพุทธเจ้ารับสั่งกับเทวราชทั้ง 4 ทิศว่า "หากพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ ได้พบคนบาปที่ประกอบอกุศลโดยการทำลายล้างชีวิต พระองค์จะทรงสอนให้พวกเขาเห็นว่า อกุศลเช่นนั้นจะทำให้ชีวิตเขาสั้นลง หากทรงพานพบโจรขโมย พระองค์จะทรงสอนให้เขาเข้าใจว่าการกระทำของเขาย่อมสร้างความทุกข์ยากและความยากจนให้แก่คนอื่น เมื่อพบกาบผู้ที่ละเมิดทางเพศ ก็จะอธิบายให้เขาฟังว่า เขาจะต้องไปเกิดเป็นนกพิราบที่ไม่ยอมพรากจากคู่ของมัน และทรงสอนพวกที่ชอบพูดคำหยาบว่าจะต้องไปเกิดในครอบครัวที่ทะเลาะเบาะแว้งกันตลอดเวลา คนที่ชอบพูดนินทาว่าร้ายคนอื่น ท่านก็จะทรงตักเตือนว่า จะต้องไปเกิดเป็นคนพิการไม่มีลิ้น ลิ้นไก่สั้น หรือเป็นแผลร้ายในปาก คนที่อารมณ์ฉุนเฉียวนั้น ทรงเตือนว่า จะต้องเลี่ยงไปเกิดเป็นคนหน้าตาน่าเกลียด และร่างกายพิกลพิการ คนขี้เหนียวจะไม่มีวันที่จะประสบความสำเร็จตามความปรารถนา คนที่ขี้โลภก็จะทุกข์ทรมานอยู่ในความหิวกระหาย และทุกข์ทรมานกับโรคเจ็บคอเรื้อรัง สำหรับคนที่เป็นนายพรานทรงสอนว่า เขาจะตายด้วยความตายที่รุนแรง คนที่ไม่เคารพบิดามารดา จะต้องตายในสงครามหรือการสู้รบ คนที่เผาป่าจะตายด้วยโรคบ้าคลั่ง คนที่ขาดความเมตตากรุณาต่อบุตรธิดาเลี้ยง ก็จะได้รับการตอบสนองในทำนองเดียวกัน คนที่ชอบจับสัตว์ในตาข่ายจะต้องพลัดพรากจากบุตรหลานและครอบครัว คนที่จ้วงจาบพระรัตนตรัย เมื่อไปเกิดก็จะเป็นคนหูหนวก เป็นใบ้ และตาบอด คนที่ไม่เคารพในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าจะตกนรก คนที่ขโมยของจากวัด จะต้องไปตกในนรก ชั่วกัปป์ชั่วกัลป์ ภิกษุ และภิกษุณี ต้องอาบัติเรื่องเมถุน จะต้องไปเวียนตายเวียนเกิดเป็นสัตว์ไม่รู้จบ แม้อุบาสกอุบาสิกาที่ได้รับศีลมาอย่างดีละเมิด ก็จะต้องรับโทษทัณฑ์ทำนองเดียวกัน ผู้ที่ทำร้ายคนอื่นด้วยน้ำร้อยก็ดี ด้วยไฟก็ดี ทำร้ายโดยกาห้ำหั่นก็ดี ครั้นไปเกิดในชาติหน้าภพหน้าก็จะต้องรับวิบากกรรมเช่นเดียวกัน ผู้ที่สนับสนุนให้ผู้อื่นละเมิดศีล จะไปเกิดเป็นสัตว์ทรมานอยู่ด้วยความหิวโหยตลอดเวลาคนที่ใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายมั่วหลงอยู่ในอบาย ครั้นไปเกิดอีกก็จะไม่เคยได้สมหวัง คนที่เย่อหยิ่งดูถูกเหยียดหยามคนอื่น จะไปเกิดในตระกูลต่ำทราม คนที่ชอบนินทาซุบซิบ เอาเรื่องคนนี้ไปบอกคนโน้น จะเกิดเป็นคนพิการ ไม่มีลิ้น หรือมีร้อยลิ้น คนที่ยึดติดในมิจฉาทิฏฐิจะไปเกิดในที่ที่ไร้อารยธรรม ทนทุกข์อยู่ในความยากลำบาก
    คนบาปที่ประกอบแต่อกุศลกรรมทางกาย วาจา ใจ นั้นมีจำนวนมากมาย และสามารถจะเล่าเรื่องบางคนได้ พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ ทรงรู้ว่าผู้ที่หลงผิดนี้จะต่างจากคนอื่น ท่านก็จะปรับตัวของท่าน เพื่อจะได้เข้าไปชี้นำสั่งสอนเขาได้ คนบาปที่มีความทุกข์ในชาตินี้ เพราะอกุศลกรรมที่ทำไว้ ครั้นตายลงไปก็จะไปเกิดในนรกกัปป์แล้วกัปป์ล่า จนกว่าจะได้พ้นขึ้นมาจากขุมนรก จึงเป็นหน้าที่ของท่านเทวราชแห่งทิศทั้ง 4 ที่จะคอยปกป้องคุ่มครองทั้งประชาชนและประเทศ เพื่อให้เขาพ้นจากบาปชั่วทั้งปวง
    หลงจากที่ได้ฟังคำสอนของพระพุทธองค์ เทวราชพากันร่ำไห้ด้วยความเศร้าใจ พนมมือทูลลาจากไปด้วยความเคารพ
    (มีต่อครับ)
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 3 กรกฎาคม 2013
  16. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    ต่อครับ
    บทที่ 5
    ชื่อขุมนรกต่างๆ
    ขณะนั้น พระสัมันตภัทรมหาโพธิสัตต์ ได้ทูลของให้ตรัสเล่า โดยทูลว่า "พระผู้เปี่ยมด้วยบุญญาธิการได้โปรดแสดงแก่ทวยเทพ นาคา และสรรพสัตว์ทั้งหลายในสังสารวัฏ ทั้งในปัจจุบันและอนาคต ว่าขุมนรกต่างๆมีชื่อว่าอะไร และแต่ละขุมมีการลงโทษอย่างไร สำหรับผู้ที่ทำโทษบาปชนิดใด เพื่อว่าสรรพสัตว์ในกาลภายภาคหน้า จะได้ตระหนักในผลของการทำบาป และจะได้ละเว้นการทำบาปทำชั่ว"
    พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ทูลตอบว่า "พระผู้ทรงมหากรุณาด้วยพุทธานุภาพ และความสนับสนุนของพระองค์ ขอถวายชื่อของขุมนรกต่างๆ พร้อมทั้งโทษสำหรับคนบาปดังนี้
    1 ขุมนรกมหาอเวจี
    อยู่ทางตะวันออกของภูเขามหาจักรวาล เป็นที่หนาวเย็นที่สุดไม่มีแสงสว่างทั้งแสงอาทิตย์หรือแสงจันทร์ มีนรกขุมใหญ่เรียกว่านรกอเวจี การลงโทษทัณฑ์สำหรับนรกขุมนี้ เป็นความเจ็บปวดนับแต่เกิดจนตาย เรียกว่าไม่มีหยุดหย่อน
    2 ขุมนรกที่มีการลงโทษไม่หยุด
    มีแต่เสียงของสัตว์นรกที่ร้องโอดโอยด้วยความเจ็บปวดตลอดเวลา
    3 ขุมนรกที่มุม
    นรกนี้มีกำแพงเป็นเหล็กที่ร้อนแดง และมีเปลวไผหล่นลงมาใส่สัตว์นรกเหมือนกับฝน พอสัตว์นรกถูกไฟไหม้จนตาย แล้วก็กับมาเกิดใหม่รับโทษแบบเดิม ตายลงแล้วก็มาเกิดรับกรรมใหม่ ซ้ำๆกัน
    4 ขุมนรกมีดบิด
    เป็นนรกที่ล้อมด้วยภูเขาที่เป็นมีด ในอากาศเป็นเพดานที่มีมีดแหลมๆ จำนวนล้านๆเล่ม มีมีดโค้งที่ร่อนเข้าหาคนบาปที่เป็นสัตว์นรกเมื่อถูกฟันร่างกายจะขาดเป็นชิ้นๆ
    5 ขุมนรกลูกศรไฟ
    ลูกศรไฟจำนวนนับล้าน แล่นออกจากแหล่งเข้าทิ่มแทงหัวใจ และร่างกายของสัตว์นรก
    6 ขุมนรกภูเขาบด
    สัตว์นรกจะถูกอัดระหว่างภูเขา 2 ลูกที่บีบเข้าหากัน
    7 ขุมนรกหอกแหลม
    ร่างกายของสัตว์นรกจะถูกทิ่มแทงด้วยหอกแหลมเหล่านี้
    8 ขุมนรกรถไฟเหล็ก
    สัตว์นรกจะถูกจับขึงอยู่กับรางรถไฟ และปล่อยให้รถไฟบดขยี้
    9 ขุมนรกเตียงเหล็กไฟ
    สัตว์นรกจะถูกจับขึงบนเตียงและถูกเผาจนตาย
    10 ขุมนรกวัวเหล็ก
    สัตว์นรกจะถูกเหยียบและขวิดโดยฝูงวัวเหล็ก
    11 ขุมนรกเลื้อเหล็กร้อน
    สัตว์นรกจะถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อผ้าที่เป็นเหล็กร้อนที่ไหม้ผิวหนัง
    12 ขุมนรกมีดดาบเหล็กไฟนับพัน
    สัตว์นรกจะถูกบังคับให้นอนบนมีดดาบที่จะทิ่มแทงร่าง นอกจากนั้นยังมีมีดที่ร่อนอยู่ขนอากาศ เมื่อถูกร่างกายของสัตว์นรก ก็จะขาดเป็นชิ้นๆ
    13 ขุมนรกลาเหล็กร้อน
    สัตว์นรกจะถูกบังคับให้ขี่ขนหลังลาเหล็กที่ร้อน
    14 ขุมนรกน้ำทองเหลืองเดือด
    สัตว์นรกจะถูกกรอกปากด้วยน้ำทองเหลืองเดือด
    15 ขุมนรกเสาทองเหลือง
    สัตว์นรกจะถูกบังคับให้โอบกอดเสาทองเหลืองร้อนๆ
    16 ขุมนรกเปลวไฟ
    เปลวไฟจะหล่นลงมาถูกสัตว์นรกเหมือนสายฝน จะไม่มีทางหนีไปที่อื่น
    17 ขุมนรกผาลลิ้น
    สัตว์นรกจะถูกลากลิ้นออกมาใช้เป็นผาลไถนา
    18 ขุมนรกเลื่อยเหล็ก
    สัตว์นรกจุถูกตัดศีรษะด้วยเลื่อยเหล็ก
    19 ขุมนรกปฐพีเหล็กแดง
    สัตว์นรกจะถูกบังคับให้เดินเท้าเปล่าไปบนพื้นที่เป็นเหล็กร้อนแดง
    20 ขุมนรกเหยี่ยวเหล็ก
    สัตว์นรกจะถูกเหยี่ยวเหล็กจิกตลอดเวลา
    21 ขุมนรกลูกตุ้มเหล็กร้อนแดง
    สัตว์นรกจะถูกบังคับให้กลืนลูกตุ้มเหล็กร้อนๆ
    22 ขุมนรกแห่งการทะเลาะวิวาท
    สัตว์นรกจะถูกเผาด้วยอุ้งเล็บเหล็ก และจะทะเลาะวิวาทกันตลอดเวลา
    23 ขุมนรกฆ้อนเหล็ก
    สัตว์นรกจะถูกทุบด้วยฆ้อนเหล็ก
    24 ขุมนรกแห่งโทษะ
    สัตว์นรกจะตบตีทะเลาะวิวาทกันตลอดเวลา พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์มักรับสั่งเสมอว่า "พระผู้ทรงมหากรุณา" ในมหาจักรวาลนั้น มีขุมนรกที่ลงโทษเช่นนี้มากมาย นอกจากนั้นก็ยังมี
    25 ขุมนรกแห่งการร้องโหยหวน
    สัตว์นรกจะถูโยนลงไปในเหล็กที่กำลังเดือน เสียงสัตว์นรกร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
    26 ขุมนรกลากลิ้น
    สัตว์นรกในขุมนี้จะถูกตะขอเหล็กลากลิ้นออกมา
    27 ขุมนรกอุจจาระปัสสวะ
    สัตว์นรกจะถูกขับลงไปในเหวแห่งอุจจาระปัสสวะ
    28 ขุมนรกกุญแจทองเหลือง
    สัตว์นรกถูกใส่กุญแจติดอยู่กับภูเขาเหล็กแล้วบังคับให้วิ่ง
    29 ขุมนรกช้างไฟ
    สัตว์นรกจะถูกตามไล่ล่าด้วยช้างไฟ
    30 ขุมนรกแห่งสุนัขไฟ
    สัตว์นรกจะถูกสุนัขไฟขบกัด
    31 ขุมนรกม้าและวัวไฟ
    สัตว์นรกจะถูกตามไล่ล่าและเหยียบย่ำโดยม้าและวัวไฟ
    32 ขุมนรกภูเขาไฟ
    สัตว์นรกจะถูกบังคับให้เกิดแล้วจะถูกภูเขาไฟขยี้จนเป็นผุยผง
    33 ขุมนรกแห่งก้อนหินไฟ
    สัตว์นรกจะถูกบังคับให้นอนบนก้อนหินไฟ และมีก้อนหินร้อนทับบนตัวอีกทีหนึ่ง
    34 ขุมนรกแห่งเตียงไฟ
    สัตว์นรกถูกบังคับให้นอนบนเตียงที่ร้อนแดง
    35 ขุมนรกคานไฟ
    สัตว์นรกถูกห้อยอยู่กับคานที่เป็นเปลวไฟร้อน
    36 ขุมนรกเหยี่ยวไฟ
    สัตว์นรกถูกเหยี่ยวไฟจิกตี
    37 ขุมนรกแห่งเลื่อยไฟ
    สัตว์นรกถูกเลื่อยไฟเลื่อยลำตัวและฟัน
    และยังมีนรกอื่นๆ
    ขุมนรกที่สัตว์นรกถูกลอกหนังออก
    ขุมนรกที่สัตว์นรกถูกสูบเลือดออกจากร่าง
    ขุมนรกที่มือเท้าของสัตว์นรกถูกเผา
    ขุมนรกที่มีต้นไม้ที่เป็นหนามแหลม และสัตว์นรกถูกลากไปบนหนามแหลมเหล่านั้น
    ขุมนรกที่เป็นบ้านเพลิง สัตว์นรกถูกขังอยู่ในนั้น และถูกเผาจนมอดไหม้
    ขุมนรกที่มีสุนัขจิ้งจอกเหล็ก ที่คอยไล่กัดเหยียบย่ำร่างของคนบาปและกัดฉีกเป็นชิ้นๆ
    ในขุมนรกนั้น ยังมีขุมย่อยๆแยกลงไปอีก 3, 4, 5, และแม้กระทั่งจำนวนเป็นร้อยเป็นพัน มีชื่อต่างๆกันไป
    พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ เมื่อได้เล่ารายละเอียดของนรกถวายพระสมันตภัทรมหาโพธิสัตต์แล้ว ทูลว่า "พระผู้ทรงมหากรุณานรกที่กล่าวมาแล้วข้างต้นนั้น มีไว้ลงโทษผู้ที่มีนิสัยไม่ดี ประพฤติแต่อกุศล ไม่ว่าจะเป็นทางกาย ทางวาจา หรือในทางความคิด อำนาจแห่งวิบากกรรมนั้นยิ่งใหญ่และแน่นอน อาจจะเปรียบได้กับเขาพระสุเมรุและลึกล้ำดุจมหาสาคร ความชั่วบาปนั้นเป็นอุปสรรคต่อการที่เราจะทำกุศลที่จะหวังเข้าถึงพุทธภูมิ ดังนั้น มนุษย์ทั้งหลายจึงควรระมัดระวังที่จะไม่ทำบาปแม้เพียงเล็กน้อย อย่าไปนึกว่าบาปเล็กๆน้อยๆจะไม่มีผล เมื่อตายไปเขาจะตกนรก เพื่อลงโทษในบาปเล็กๆน้อยๆนั้นเอง ญาติสนิท เช่น บิดากับลูก อาจจะลงไปในนรกขุมต่างกันไป และม้าจะลงไปในนรกขุมเดียวกัน เขาจะไม่ได้รับการอนุญาตให้รับโทษแทนกัน แต่ด้วยบุญญานุภาพของพระศากยุนีพุทธเจ้า ข้าพระองค์จึงสามารถเล่าให้ฟังถึงการลงโทษในนรกต่างๆโดยย่อ ข้าพระองค์หวังว่า พระองค์จะทรงมีเวลาพอที่จะฟัง"
    พระสมันตภัทรมหาโพธิสัตต์รับสั่งว่า "ข้าพระองค์รู้มาแล้วว่ามีการลงโทษสำหรับอกุศลที่ประกอบทางกาย วาจา ใจ ข้าพระองค์เพียงแต่หวังว่า พระผู้ทรงกรุราจะเล่าทั้งเรื่องกฎแห่งกรรม เพื่อว่ามนุษย์ทุกผู้ทุกนาม ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต จะได้เรียนรู้บทเรียนและจะได้หลีกเลี่ยงจากอกุศลกรรมและบำเพ็ญแต่บุญกุศล เพื่อเข้าสู่พุทธภูมิในท้ายที่สุด"
    พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์รับสั่งต่อไปว่า "พระผู้ทรงกรุณา การลงโทษในนรกนั้นเป็นจริงตามนั้น มีนรกที่ใช้ลิ้นของสัตว์นรกเป็นผาลไถคราดท้องนา ในบางขุมนรกก็จะแหวะเอาหัวใจของสัตว์นรกออกให้เป็นอาหารของยักษ์ ในบางขุมนรก จับสัตว์นรกใส่ลงไปในแท็งค์น้ำเดือดต้มจนขาดใจตาย บางขุมนรก สัตว์นรกถูกบังคับให้โอบกอดเสาทองเหลืองที่ร้อนแดง และในบางขุมนรก สัตว์นรกก็อยู่ท่ามกลางวงล้อมของเปลวเพลิง
    ในบางขุมนรก จะหนาวเย็นจนกระทั่งสัตว์นรกแข็งตาย ในบางขุมนรก สัตว์นรกก็ต้องลอยคออยู่ในมูตรในคูถ ในบางขุมนรก ก็จะมีอาวุธเหล็กบินห้ำหั่นสัตว์นรก ในบางขุมนรก จะมีหอกร้อนแดงคอยทิ่มแทงร่างกายของสัตว์นรก ในบางขุมนรก สัตว์นรกจะถูกจับฟาดกับแท่งเหล็ก ในบางขุมนรก สัตว์นรกจะถูกผูกมือเท้าติดอยู่กับเหล็กเผาไฟ ในบางขุมนรก ร่างของสัตว์นรกจะถูกพันไว้โดยงูเหล็ก ในขุมนรกบางแห่งสุนัขเหล็กจะไล่ล่าสัตว์นรก ในขณะที่บางแห่งสัตว์นรกจะถูกบังคับให้ขี่บนหลังลาเหล็กที่ร้อนแดง
    "ผู้ที่ละเมิด โดยการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ลักขโมย พูดโกหก พูดทิ่มแทง พูดดูหมิ่นเหยียดหยาม พูดนินทา คนที่มีความโลภ มีความหลงจะถูกลงโทษในขุมนรกที่กล่าวมาข้างต้น โดยไม่มีทางหลบหนี
    พระผู้ทรงกรุณา อาวุธที่ใช้ลงโทษในขุมนรกแต่ละแห่มีหลายชนิด บ้างก็ทำด้วยทองเหลือง เหล็ก หิน หรือไฟ ความตื้อรั้นของสรรพสัตว์นั้นมั่นคงราวกับทองเหลือง เหล็กหรือ หิน ซึ่งยากแก่การทำลาย อำนาจแห่งกฎแห่งกฎกรรมนั้น มีอันตรายดุจไฟ ที่จะลามขยายออกไปเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว เผาไหม้ทุกสิ่งที่ขวางหน้าให้เป็นผุยผง หากข้าพระองค์ต้องเล่าถึงความทุกข์ของนรกในรายละเอียด อาจจะกล่าวได้ว่าแต่ละขุมก็จะมีความทุกข์ยากแบบต่างๆ กันนับหมื่นนับแสน แน่นอนยิ่งมากขุมนรกความทุกข์ยากก็ยิ่งมากขึ้น ด้วยพุทธานุภาพของพระศากยมุนีพุทธะพระโลกนาถเจ้า และเพราะคำของร้องของท่าน ข้าพระองค์ก็จะได้เล่าถึงความทุกข์ยากในขุมนรกเพียงย่นย่อ หากจะต้องเล่าถึงความทุกข์ยากในขุมนรกโดยละเอียดข้าพระองค์ก็คงจะไม่สามารเล่าจนชั่วกัปป์ชั่วกัลป์

    บทที่ 6
    พระศากยมุนีพุทธเจ้าทรงสรรเสริญพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์
    พระศากยมุนีพุทธเจ้าทรงฉายโอภาสสว่างไปทั่วพุทธเกษตร ซึ่งมีจำนวนมากมายดุจเม็ดทรายในแม่น้ำคงคา ทรงสั่งพระสุรเสียงออกไปยังพระมหาโพธิสัตต์ทั้งหลาย ทวยเทพ นาค มนุษย์ และสรรพสัตว์ทั้งหลายในพุทธเกษตรอื่นๆ "ขอจงฟังตถาคต วันนี้ตถาคตปรารถนาที่จะสรรเสริญพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ ในเรื่องที่พระองค์ได้ช่วยเหลือสรรพสัตว์ และจะคอยช่วยเหลือผู้ที่หลงผิดให้กลับใจอีกต่อไป ในทิศทั้งสิบทั้งบารมีอันไพศาลหาประมาณมิได้ ด้วยพระเมตตา และพระกรุณา ตถาคตหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านทั้งหลายจะได้ช่วยกันอย่างสุดความสามารถที่จะปกป้องและเผยแพร่พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์สูตร เพื่อช่วยให้สรรพสัตว์ทั้งหลายได้เข้าถึงฝั่งพระนิพพาน เมื่อตถาคตเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว"เมื่อพระศากยมุนีพุทธเจ้ารับสั่งเช่นนั้น พระจักรวาลโพธิสัตต์นัอมนมัสการแด่พระศากยมุนีพุทธเจ้าด้วยความเคารพ แล้วทูลว่า "ข้าพระองค์ได้ยินที่พระตถาคตเจ้าทรงกล่าวสรรเสริญพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ ในบารมีของพระองค์อันหาประมาณมิได้ในการโปรดสรรพสัตว์ ทั้งหลายจึงทูกอัญเชิญพระโลกนาถเจ้าได้โปรดรับสั่งถึงวิธีการที่พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์นำประโยชน์สุขมาสู่สรรพสัตว์เพื่อว่าชนต่อไปในภายภาคหน้าจะได้ปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนด้วยดี" เวลานั้นพระศากยมุนีพุทธเจ้าจึงได้ตรัสกับพระจักรวาลโพธิสัตต์ และชนทั้งหลายที่อยู่ ณ ที่นั้นว่า "ขอจงตั้งใจฟังเถิด ตถาคตจะได้กล่าวโดยย่อว่าพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ได้โปรดสรรพสัตว์ให้เข้าถึงประโยชน์สุขและบุญกุศลอย่างไร" พระจักรวาลโพธิสัตต์จึงทูลว่า "ขอได้โปรดไขแสดงเถิดพระเจ้าข้า พระโลกนาถเจ้า พวกเราจะน้อมรับฟังด้วยความตั้งใจ" พระศากยมุนีพุทธเจ้า จึงกล่าวกับพระจักรวาลโพธิสัตต์ว่า "ในกาลต่อไปในภายภาคหน้าสาธุชนทั้งชายและหญิง จะพนมมือสวดพระนามของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ สรรเสริญและถวายสักการะต่อพระองค์ สรรเสริญพระองค์ สาธุชนเหล่านี้จะพ้นจากความชั่วบาปและอกุศลที่ได้กระทำมาแล้วแม้นนับ 30 กัปป์ จักรวาลโพธิสัตต์ หากแม้สาธุชนชายหญิง วาดรูปพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ หรือสร้างพระรูปของพระองค์ด้วยดินก็ดี ทองเหลืองก็ดี หรือแม้ด้วยเหล็กก็ดี และถวายสักการะแม้เพียงครั้งเดียว หรือได้มองภาพเหมือนของพระองค์สักครั้ง สรรพสัตว์ทั้งหลาย ก็จะได้ไปเกิดในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เป็นเวลา 100 ชาติ และไม่ต้องตกลงไปในอบายเลย เมื่อเสวยสุขบนสวรรค์จนหมดบุญแล้ว ก็จะได้มาเกิดในโลกมนุษย์เป็นพระราชาครองแว่นแคว้น หากเป็นหญิงและไม่ปรารถนาที่จะเกิดเป็นเป็นเพศหญิงอีก ก็พึงตั้งใจถวายสักการะแด่รูปเคารพของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์โดยสม่ำเสมอ หากถวายสักการะด้วยดอกไม้ เครื่องดื่ม อาหาร เสื้อผ้า ผ้าแพรพรรณ ปัจจัยเครื่องประดับ ฯลฯ หญิงเหล่านั้นก็จะไม่ต้องมาเกิดเป็นหญิงอีกเลย นับพันกัปป์ นับแต่ชาตินี้ไป แต่หากด้วยความกรุณาตั้งใจที่จะเกิดเป็นหญิงเพื่อช่วยโปรดสรรพสัตว์ก็ยังทำได้ตามประสงค์ แต่หากไม่ต้องการที่จะกลับมาเกิดเป็นหญิงอีก ด้วยพระบารมีของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์อันหาประมาณมิได้ เธอเหล่านั้นก็ไม่ต้องมาเกิดเป็นหญิงอีกเป็นเวลาหลายพันกัปป์ และก็นั่นแหละ จักรวาลโพธิสัตต์ หากหญิงใดที่เกิดมามีหน้าตาอัปลักษณ์ มีสุขภาพไม่ดี ขอเพียงถวายสักการะแก่พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ เพ่งมองที่รูปเหมือนของพระองค์ท่าน ภายในเวลาสั้นๆ แต่เปี่ยมด้วยความเคารพ หญิงเหล่านั้นก็จะไม่เกิดใหม่มีหน้าตาดี หลายล้านกัปป์ในอนาคตอันยาวไกล หากหญิงที่ขี้เหร่เหล่านั้นปรารถนาที่จะเกิดเป็นหญิงอีก ด้วยบุญกุศลที่ตั้งใจถวายสักการะแก่พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์เขาก็จะได้รับความสุขโดยไปเกิดใหม่เป็นพระราชินีแห่งแว่นแคว้น หรือเป็นธิดาของขุนนางอีกพันล้านชาติ และจะเป็นผู้ที่มีมีรูปร่างหน้าตาดีเสมอจักรวาลโพธิสัตต์ หากสาธุชนทั้งชายและหญิง ที่เล่นดนตรีหรือสวดพระสูตร ถวายสักการะแด่พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ หรือถวายดอกไม้ของหอมแก่พระองค์ด้วยตนเอง หรือหากสนับสนุนแนะนำให้คนอื่น คนหนึ่งหรือสองคน ให้ปฏิบัติตามเช่นกัน สาธุชนเหล่านี้จะมีทวยเทพนับพันคอยพิทักษ์รักษา ทั้งกลางวันกลางคืน ทั้งในชาตินี้และในอนาคตที่จะมาถึง เขาจะไม่ได้พบความชั่วร้าย ทั้งจะไม่ได้ยินได้ฟังเรื่องร้ายๆตลอดไป"
    พระศากยมุนีพุทธเจ้ารับสั่งกับพระจักรวาลโพธิสัตต์อีกว่า "หากมีสรรพสัตว์ผู้ใจบาปหัวเราะเยาะเย้ยผู้ที่ถวายสักการะ สรรเสริญถวายความเคารพต่อพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ โดยกล่าวว่า ในการทำเช่นนั้นไม่เป็นบุญเป็นกุศล เมินหน้าหนีก็ดี กล่าวชักชวนผู้อื่นมิให้บำเพ็ญบุญกุศลดังกล่าวหรือเพียงมีความคิดแย้งผู้ที่ถวายสักการะต่อพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ แม้เพียงชั่วขณะ เขาจะตกนรกอเวจีนับเป็นกัปป์ ได้รับโทษทัณฑ์แล้วจะไปเกิดเป็นเปรตอีกนับพันกัปป์ จากนั้นจะไปเกิดเป็นสัตว์อีกกัปป์แล้วกัปป์เล่า ต่อจากนั้นจึงได้เกิดเป็นมนุษย์ แต่ก็จะทุกข์ยาก เกิดในตระกูลต่ำ เกิดมาพิกลพิการในลักษณะใดลักษณะหนึ่งวิบากกรรมจากอดีตก็จะตามมาส่งผลให้ตกลงให้ตกลงไปในอบายอีก"
    พระศากยมุนีพุทธเจ้ารับสั่งกับพระจักรวาลโพธิสัตต์อีกว่า "การเยาะเย้ยผู้ที่ถวายความเคารพและเครื่องสักการะต่อพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์จะได้รับโทษหนัก และจะเป็นอันตรายยิ่งกว่าหากมีมิจฉาทิฏฐิต่อภาคต่างๆของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ และทำลาย หรือดูถูกคำสอนของพระองค์
    พระศากยมุนีพุทธเจ้าทรงกล่าวต่อไปว่า "หากมีผู้ที่เจ็บหนักนอนแบบอยู่กันที่นอนมาเป็นเวลานาน มีโรคภัยไข้เจ็บติดต่อกันมานานหลายปี ฝันร้าย ฝันถึงแต่ภูตผีปีศาจ ฝันเห็นญาติที่ตายไปแล้วหรือฝันวาเดินทาไปในที่ทุรกันดาร มีภูตผีปีศาจรบกวน และในระหว่างฝันร้ายร้องตะโกนออกมา ความทุกข์ในรูปแบบดังกล่าวเป็นเพราะอกุศลกรรมในชาติก่อนๆที่ติดตามมา และวิบากกรรมก็ยังไม่หมด คนเจ็บบางคนก็เจ็บปางตายแต่ก็ยังไม่ตาย วิบากกรรมของเขาเป็นสิ่งที่มนุษย์ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า หากมีใครสวดมนต์บทของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ดังๆ ต่อหน้าพระพุทธรูป ต่อหน้ารูปเหมือนของพระโพธิสัตต์ นำสมบัติของคนเจ็บที่เขาผูกพันหวงแหน เช่น เครื่องประดับ หรือสมบัติอื่นๆ แล้วอธิบายว่า ข้าฯ ขอถวายสักการะแทนคนเจ็บด้วยเครื่องสักการะเหล่านี้" หากเขาจะกราบบูชาสักการะพระพุทธรูป หรือสร้างรูปเหมือนของพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตต์เจ่า สร้างเจดีย์ก็ดี สร้างวัดก็ดี ถวายประทีปโคมไฟก็ดี หรือถวายทานแก่วัดก็ดี เอ่ยวาจาถวายทานนั้นๆแทนคนเจ็บให้คนเจ็บได้ยิน 3 ครั้ง แม้ว่าคนเจ็บอาจจะตายไปแล้ว การทำบุญดังกล่าวควรบำเพ็ญติดต่อกัน 7 วัน กล่าวถวายทานดังๆ เสมอควรสวดพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์สูตรดังๆ ด้วยในช่วงเวลาดังกล่าวบุญกุศลนี้จะช่วยปลดเปลื้องบุคคลนั้นมิให้ตกไปในอเวจีทั้ง 5 ขุม อันจะต้องได้รับทุกข์ทรมานหนัก เมื่อไปเกิดใหม่ก็จะระลึกชาติในอดีตของตนเองได้
    "หากสาธุชนชายหญิง เขียนหรือคัดลอกพระกษิติครรภ์สูตรหรือสอนให้ผู้อื่นเขียนก็ดี ทำรูปสักการะก็ดี ก็จะเป็นบุกุศลยิ่งกว่าที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น"
    พระศากยมุนีพุทธเจ้ารับสั่งกับพระจักรวาลโพธิสัตต์ต่อไปว่า "หากท่านได้พบผู้คนที่สวดพระกษิติครรภ์สูตร หรือแม้เพียงมีจิตศรัทธาแสดงความเคารพในพระสูตรนี้ ขอให้แนะนำให้เขามีความมั่นคงในการกรักษาศรัทธาให้ตั้งมั่น ก้าวเดินต่อไปโดยไม่ต้องมองย้อนหลัง ย้ำเตือนเขาว่า เขาจะได้บุญกุศลเป็นอเนกอนันต์ ทั้งในปัจจุบันและในอนาคต
    "หากสรรพสัตว์ทั้งหลายในอนาคต จะเห็นภาพของภูตผีปีศาจร้องไห้คร่ำครวญ หรือหลอกหลอน พวกนี้เป็นญาติในอดีตชาติที่ตกระกำลำบาก พวกเขาอยู่ในอบายภูมิ ไม่สามารถจะช่วยตนเองได้ มาร้องขอส่วนบุญส่วนกุศลให้ทำแทนให้ด้วย เพื่อพวกเขาจะได้หลุดพ้นจากการเสวยทุกข์"
    พระศากยมุนีพุทธเจ้ารับสั่งกับพระจักรวาลโพธิสัตต์ว่า "สำหรับผู้ที่มีภาพหลอกหลอน ขอให้พวกเขาได้สวดพระกษิติครรภ์สูตร หน้าพระพุทธรูป และพระโพธิสัตต์ หากไม่ทำเอง ขอให้คนอื่นทำแทนติดต่อกัน 3-7 วัน เมื่อญาติที่ล่วงลับไปแล้วได้ยินเสียงสวดพระกษิติครรภ์สูตรสัก 2-3 ครั้ง ผู้ที่ล่วงลับไปแล้วก็จะพ้นทุกข์และจะเข้าสู่วิถีแห่งควมหลุดพ้น และจากนั้นญาติที่ยังมีชีวิตอยู่ก็จะไม่ฝันถึงญาติที่ล่วงลับไปแล้วอีก
    "คนที่เกิดในตระกูลต่ำ เป็นคนรับใช้คนอื่น ไม่มีอิสรภาพ ต้องช่วยให้เขาทำความเข้าใจว่าเป็นผลจากวิบากกรรมแต่อดีตชาติ ขอให้เขาได้สำนึก และถวายสักการะต่อพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์เป็นเวลา 7วัน บุญกุศลที่จะเกิดแก่ผู้ที่เกิดในตระกูลต่ำ จะช่วยให้เขาได้ไปสู่ภพภูมิที่ดีอีกหลายชาติ และจะไม่มีวันตกต่ำลงไปสู่อบายอีก
    "ต่อไปในอนาคต ผู้ที่เกิดในชมพูทวีป เมื่อจะมีบุตรในครอบครัวให้บิดามารดาสวดพระกษิติครรภ์สูตร 10,000 ครั้ง บุตรที่จะเกิดใหม่ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง จะช่วยชำระอกุศลในอดีต จะมีอายุยืนและมีชีวิตอย่างมีความสุข หากผู้ที่กำลังจะมาเกิดได้ประกอบกุศลกรรมไว้ในอดีต เมื่อเกิดมาก็จะมีชีวิตยืนยาวและมีความสุขมากขึ้น
    "ผู้ที่เกิดในชมพูทวีปหากละเมิดศีล ประกอบอกุศลกรรมไม่ว่าจะเป็นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ลักขโมย ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ ฯลฯ ก็พึงได้รัรบคำแนะนำให้สวดพระกษิติครรภ์สูตร เดือนละ 10 วัน ต่อหน้าพระพุทธรูปหรือพระโพธิสัตต์ เช่นในวันที่ 1 วันขึ้นแรม 8 และ 15 ค่ำ วันที่ 23, 24, 28, 29, และ30 ของเดือน ให้สวดพระสูตรวันละครั้งก็จะห่างไกลความทุกข์หลายโยชน์ทั้ง 4 ทิศ ภายในครอบครัว สมาชิกทุกคนไม่ว่าเด็กหรือแก่จะไม่ต้องไปตกในอบายเป็นเวลาหลายพันปี
    "หากสาธุชนสวดพระกษิติครรภ์สูตร เดือนละ 10 วัน ดังกล่าวได้ เขาจะไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ชีวิตจะมีความสะดวกสบาย ด้วยเหตุนี้เองพระจักรวาลโพธิสัตต์ ท่านพึงรู้ด้วยว่าพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์นั้นมีอำนาจใหญ่หลวงและประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในการโปรดสรรพสัตว์ สรรพสัตว์ที่อยู่ในชมพูทวีปจะมีความใกล้ชิดกับพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ด้วยเหตุนั้น เมื่อพวกเขาได้ยินพระนามของพระองค์ ได้เห็นภาพของพระองค์ หรือแม้ได้ยินคำสอนของพระองค์เพียง 3 คำ 5คำ หรือประโยคหนึ่ง ก็จะพึงพอใจ มีความสุขในชีวิตนี้ และจะได้ไปเกิดในตระกูลที่ดีมีผิวพรรณดี อีกเป็นเวลานับล้านชาติ"
    ขณะนั้น พระจักรวาลโพธิสัตต์ได้ยินพระศากยมุนีพุทธเจ้าทรงสรรเสริญพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ จึงคุกเข่าลงพนมมือด้วยความเคารพและทูลพระพุทธองค์ว่า "ข้าแต่พระโลกนาถเจ้า ข้าพระองค์ได้เห็นอำนาจบารมีอันไพศาลมิอาจประมาณได้ของพระกษิติครรภ์พุทธเจ้า ทั้งพระปณิธานของพระองค์ที่จะยังประโยชน์สุขให้แก่สรรพสัตว์ ด้วยเหตุนี้ ข้าพระองค์จึงได้ทูลถามถึงอำนาจบารมี อักทั้งภารกิจของพระองค์ในการเผยแพร่พระธรรมในส่วนของข้าพระองค์เอง ขอพระโลกนาถเจ้าได้โปรดมีรับสั่งถึงพระสูตรนี้ และทรงชี้แนะว่าข้าพระองค์ควรจะทำอย่างไรในการเผยแพร่คำสอนของพระสูตร"
    พระศากยมุนีพุทธเจ้า จึงทรงตอบว่า "พระสูตรนี้มีชื่ออยู่ 3 ชื่อดังนี้
    1 พระปณิธานของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์
    2 รากฐานการปฏิบัติของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์
    3 ความตั้งใจมั่นของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์
    และเพราะพระกษิติครรภ์ได้ทรงตั้งมหาปณิธานไว้หลายกัปป์มาแล้ว เพื่อยังประโยชน์สุขให้แก่สรรพสัตว์ จึงเป็นหน้าที่ของพวกท่านทั้งหลายที่จะสร้างความปรองดองกับปณิธานเหล่านั้น เพื่อจะได้ช่วยเผยแผ่คำสอน"
    หลังจากที่พระจักรวาลโพธิสัตต์ได้ยินรับสั่งจากพระพุทธองค์จึงพนมมือทูลลาไปด้วยความเคารพ


    บทที่ 7
    ผลประโยชน์แก่คนที่มีชีวิตและคนที่ตายแล้ว
    ขณะนั้น พระกษิติครรภ์มหาโพธิสัตต์ทูลพระศากยมุนีพุทธเจ้าว่า "พระโลกนาถเจ้า ข้าพระองค์เห็นว่าสรรพสัตว์ในชมพูทวีป ได้ประกอบอกุศลกรรม ทั้งทางกาย วาจา และใจ หากเขาจะมีโอกาสได้บำเพ็ญกุศลบ้าง ก็กลับทำอย่างเฉื่อยชา และเมื่อมีโอกาสที่จะทำชั่ว เขาก็ทำชั่วต่อสรรพสัตว์เหล่านี้ ก็ยังเดินอยู่ในโคลนตมแบกภาระหนักบนหลลง ยิ่งเดินไปก็ยิ่งจมลึกลงไปในปลัก แต่ถ้าพบคนที่มีปัญญาก็จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระอันหนักอึ้งไปบ้างสักครึ่งค่อนหรือทั้งหมด เพระผู้มีปัญญาย่อมมีพลังที่เหนือกว่า ไม่ลำพังจะให้เท่านั้น แต่ยังช่วยแก้ความหลงผิดเพื่อให้ยืนได้ถูกต้อง ตั้งใจที่จะไม่ทำชั่วอีก ทำให้หลีกเลี่ยงอกุศลได้โดยสิ้นเชิง"
    พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์จึงทูลพระพุทธองค์ว่า "พระโลกนาถเจ้าคนที่มีนิสัยชั่วร้ายนั้น เริ่มต้นจากเรื่องเล็กๆ แต่มันเพิ่มพูนขึ้น บิดา มารดา ญาติพี่น้อง มิตรสหาย ควรจะได้ทำบุญกุศลให้แทนเวลาที่พวกนี้กำลังใกล้ตาย อาจจะถวายธงปฏัก ที่เขียนข้อความจากพระสูตร จุดตะเกียงถวายประทีปให้สวดพระสูตร หรือถวายไทยทานเครื่องสักการะต่อหน้าแท่นที่บูชาพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตต์เจ้า เป็นบุญกุศลสำหรับญาติพี่น้องที่จะได้สวดพระนามของพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตต์เจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า หรืแม้แต่สวดพระนามของพระสูตรศักดิ์สิทธิ์ต่อหน้าคนใกล้ตายให้เขาได้ยินโทษบาปที่เขาได้ทำไว้ซึ่งอันจะส่งผลให้เขาตกลงสู่อบาย ก็จะแก้ไขได้ เพราะครอบครัวของเขาได้ทำบุญกุศลให้แทนตัว
    "เมื่อคนใกล้ตายจากไปบรรดาญาติพี่น้องยังคงทำบุญให้แทนตัวต่อไปอีก 49 วัน เพื่อให้แน่ใจว่าผู้ตายจะไม่ไปตกในอบายภูมิ แต่จะได้ไปจุติในสรวงสวรรค์ หรือเกิดในโลกมนุษย์มีอายุยืนยาวมีความสมบูรณ์พูนสุข ญาติที่ยังมีชีวิตของผู้ตายที่ได้ทำบุญกุศลนั้น ก็จะได้รับประโยชน์สุขเป็นทวีคูณ
    "ข้าแต่พระโลกนาถเจ้า ข้าพระองค์หวังว่า ทวยเทพ นาค อสูร เปรต มโหรค มนุษย์ และอมนุษย์ จะช่วยกันชักจูงให้ผู้คนที่อยู่ในชมพูทวีป ไม่ทำชั่วทำบาปโดยการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต หรือประกอบอกุศลกรรม อื่น เช่นถวายบูชายัญโดยการฆ่าสัตว์เพื่อถวายแก่ทวยเทพ แทนญาติที่เสียชีวิต
    "ทำไมจึงไม่ควรฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เพราะในการถวายบูชายัญด้วยเลือด จะไม่เป็นประโยชน์แม้แต่น้อยแก่วิญญาณของญาติที่ตายไป แต่ในทางตรงกันข้ามจะยิ่งทำให้เขาต้องทุกข์มากขึ้น เขาจะประสบโชคร้ายในอนาคตที่สาหัสมากขึ้น เพราะการเสียเลือดเนื้อ หากผู้ตายได้ทำกรรมดีไว้บ้างที่จะช่วยให้เขาได้ไปเกิดในสวรรค์หรือเกิดในโลกมนุษย์แต่อกุศลกรรมที่ญาติพี่น้องไปทำแทนเขา กลับจะทำให้เขาเสียผลประโยชน์ และทำให้หนทางสู่ความหลุดพ้นกลับช้าลง
    หากผู้ใกล้ตายไม่มีบุญกุศลเลย ตามวิบากกรรมของเองเขาก็ต้องไปเกิดลำบากอยู่แล้ว แต่ญาติพี่น้องกลับไปรับฟังคำแนะนำผิดๆกลับไปฆ่าสัตว์ตัดชีวิตแทนผู้ตายราวกับคนที่หิวโหยมา 3 วัน เดินทางมาไกล ซ้ำแบกภาระหนักอึ้งบนหลัง เพื่อบ้านกลับเอาสัมภาระมาใส่ทับลงไปอีก ก็ไม่สามารถทนทานที่จะรับน้ำหนักได้ พระโลกนาถเจ้า ข้าพระองค์ได้เห็นว่า ให้ผู้ที่อยู่ในชมพูทวีปนั้น สามารถทำตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ให้ประกอบกรรมดี แม้เล็กบางเท่าเส้นผม หรือแม้เพียงหยดน้ำหยดหนึ่ง ทรายเม็ดหนึ่งก็ดี ธุลีเพียงธุลีเดียว กระนั้นก็ยังเป็นบุญเป็นกุศลตามกรรมของตน"
    ขณะนั้น พระเถระผู้หนึ่ง ชื่อพระเถระสุวจี ได้เป็นพระอนาคามีได้เข้ามาสู่ที่ประชุม ท่านได้ช่วยโปรดสรรสัตว์ในทั่วทศทิศ เข้ามาพนมมือ ทูลถามพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ด้วยความคาระว่า "พระโพธิสัตว์เจ้า หากญาติของผู้ตายที่มีบาปกรรมมากๆ ไม่ว่าเป็นผู้ใหญ่หรือเด็กกระทำกุศลแทนผู้ตาย เขาจะได้รับประโยชน์ด้วยหรือไม่พระเจ้าข้า"
    พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์เจ้าตอบว่า "พระเถระที่เคารพ ด้วยพระพุทธานุภาพของพระพุทธเจ้า เพื่อประโยชน์สุขของสรรพสัตว์ในบัดนี้จนถึงภายภาคหน้า ข้าฯขอตอบพระเถระเจ้าโดยย่อ บุคคลผู้ใดก็ตาม นับแต่นี้จนถึงอนาคตกาล ผู้ได้ยินพระนามของพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์เจ้า หรือพระปัจเจกพุทธเจ้า ในขณะที่กำลังจะดับจิต ไม่ว่าเขาผู้นั้นจะเป็นคนเลวหรือดี เขาก็จะได้รับการนำให้ไปสู่ความหลุดพ้นในที่สุด ผู้ใดก็ตาม ไม่ว่าชายหรือหญิง ไม่ได้ทำบุญไว้ในขณะมีชีวิต แต่ใช้ชีวิตอยู่ในอุบาย แต่หากญาติของเขาไม่ว่าเด็กหรือผู้ใหญ่ ทำบุญแทนเขา และปฏิบัติอย่างเคร่งครัดแทนเขา เมื่อเขาตายไปแล้ว ผู้ตายจะได้รับบุญนั้น 1 ใน 7 ส่วน ส่วนญาติที่ทำบุญให้แทนจะได้ 6 ใน 7 ส่วน ผู้ประกอบบุญกุศลนั้น ด้วยเหตุนี้ สรรพสัตว์ทั้งในปัจจุบันตลอดจนในอนาคต จึงควรบำเพ็ญกุศลในขณะยังมีชีวิตอยู่ ในขณะที่ยังแข็งแรงและมีสุขภาพดี บุญกุศลทั้งหลายที่ทำ ตนก็จะเป็นผู้ได้รับทั้งสิ้น เวลาที่ล่วงเลยไปนั้น ท้ายที่สุดความตายก็จะมาเยือนเมื่อใดก็ได้ ใน 49 วันแรกหลักจากที่ไป ผู้นั้นก็ยังไม่รู้วิบากกรรมของตนเอง ครั้นถึงวันที่พิพากษาตัดสินกรรมแต่อดีตของตน เขาจะไม่สามารถล่วงรู้ได้ว่าผลจะเป็นอย่างไร ก็จะมีความวิตกกังวลอย่างยิ่ง หากทำบาปเอาไว้เวลาที่มีชีวิตอยู่ ก็จะต้องตกนรก ใน 49 วัน หลังจากที่ตายไปนั้น ก็จะรอคอยให้ลูกหลายญาติมิตรทำบุญให้แทนตัวเพื่อจะได้ไม่ต้องไปรับกรรมในนรกหลังจากตายไปแล้ว 49 วัน ก็จะต้องได้รับกรรมตามที่ตนได้เคยทำไว้ หากทำอกุศลกรรมไว้ในเวลาที่มีชีวิต ก็จะต้องรับโทษโดยไม่มีการช่วยเหลือให้เป็นอิสระ นานนับพันปี กรรมที่ก่อไว้นั้นอาจจะส่งผลให้ต้องตกนรกหนึ่งในห้าขุมของอเวจี หรือตกลงไปในมหานรก ต้องทนทุกข์ทรมานนานล้านกัปป์ พระเถระที่เคารพ หากญาติพี่น้องหรือลูกหลานของผู้ตายที่ทำอกุศลกรรมไว้มากได้ทำทานทำอาหารมังสวิรัติถวายแก่พระพุทธเจ้าและถวายพระสงฆ์ เมื่อเขาตายไปแล้ว กุศลกรรมนี้จะช่วยปลดเปลื้องให้เขาพ้นจากอบาย ก่อนเวลาถวายอาหารแก่พระสงฆ์ และที่กำลังตระเตรียมอาหารมังสวิรัติ ไม่ควรโยนอาหารลงบนพื้น และทำให้เสียประโยชน์ไปเปล่าๆ ลูกหลานและญาติของผู้ตายไม่ควรรับประทานอาหารก่อนที่จะได้ถวายต่อพระพุทธและพระสงฆ์ หากญาติของผู้ตายไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำด้วยความตั้งใจ ผู้ตายจะไม่ได้รับบุญกุศลที่ทำ แต่ถ้าตั้งใจปฏิบัติด้วยศรัทธาตั้งมั่น เขาก็จะได้รับ 1 ใน 7 ของบุญกุศลนั้น ด้วยเหตุนี้ พระเถระเจ้า ถ้าสรรพสัตว์ในชมพูทวีป สามารถจะถวายอาหารมังสวิรัติทั้งต่อพระพุทธรูป และพระสงฆ์ด้วยความเคารพไม่เพียงแต่ญาติผู้วายชนม์จะได้รับผลประโยชน์ ตัวเขาเองที่ยังมีชีวิตอยู่ก็จะได้รับบุญกุศลนั้นมหาศาล"
    หลังจากที่พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์รับสั่งเช่นนั้นแล้ว วิญญาณทั้งหลายที่สถิตอยู่ในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ที่มาจากชมพูทวีป ตัดสินใจที่จะปฏิบัติตามคำสอนของพระศากยมุนีพุทธเจ้า เพื่อที่จะได้นำสรรพสัตว์ให้ละเว้นการทำชั่ว และทำแต่ความดี ทำแต่กุศล พระเถระจึงลากลับไปด้วยอาการเคารพ

    บทที่ 8
    การสรรเสริญพระยามัจจุราชและบริวารผู้ปกครองแห่งยมเทวโลกและผู้พิพากษาคนตาย
    สมัยนั้น พระยามัจจุราช เสด็จมาที่สวรรค์ชั้นดุสิต โดยเสด็จมาจากมหาจักรวาลพร้อมด้วยบริวารนับจำนวนมิได้ ด้งปรากฏรายนามข้างล่าง เพื่อที่จะมาถวายสักการะแด่พระศากยมุนีพุทธเจ้า
    1 พระยมราชผู้ดูแลผู้กระทำผิด ที่ทำผิดทางกาย วาจา ใจ เกี่ยวกับเรื่องยาพิษ พระยมราชผู้นี้เป็นผู้ที่ชักนำผู้หลงผิด ให้ละวางและหันมาสู่ชีวิตอันประเสริฐ โดยการแสดงให้เห็นถึงผลลัพธ์ของการกระทำนั้นๆ
    2 พระยมราชแห่งความโกรธรุนแรง รูปลักษณ์ภายนอกของพระยมราชพระองค์นี้จะดุร้ายน่ากลัว แต่ทรงเปี่ยมไปด้วยพระเมตตาคุณพระองค์จะทำให้คนที่หลงผิดอยู่ในความชั่วความบาปให้แกรงกลัวบาปด้วยความเกรงกลัวในพระองค์ ทั้งๆที่ภายในทรงเปี่ยมไปด้วยความเมตตาอย่างสูงยิ่ง และด้วยความดุของพระองค์นั่นเอง จึงช่วยให้สรรพสัตว์คนบาปเลิกละวางหันมาสู่มรรควิถีแห่งกุศล
    3 พระยมราชแห่งการทะเลาะเบาะแว้ง ความรักความชัง ความโลภ ความริษยากัน เป็นปัจจัยที่นำไปสู่การทะเลาะเบาะแว้ง พระยมราชพระองค์นี้ทรงแสดงให้ปรากฏว่าผลจากการทะเลาะเบาะแว้งนั้นมีโทษอย่างไร ผลที่ได้รับก็คือผู้ที่หลงผิดก็จะกลับมีความสุขและมีความปรองดองกัน
    4 พระยมมรชผู้ทรงใช้ท่าทีดุจราชสีห์คำราม เสือนั้นเป็นสัตว์ที่ดุร้ายน่ากลัว อกุศลความชั่วบาปจะเป็นพลังที่ทำให้มนุษย์ประพฤติผิด เป็นอันตรายเช่นเดียวกับเสือที่เป็นสัตว์ร้าย
    5 พระยมราชแห่งความฉิบหาย พระยมราชพระองค์นี้ทรงแสดงให้เห็นว่าการไม่เคารพเชื่อฟังผู้อาวุโสจะนำมาซึ่งบาปเคราะห์เพียงใด พระองค์จึงทรงมุ่งมั่นที่จะโปรดให้สรรพสัตว์ได้เดินหนทางที่ถูกต้อง
    6 พระยมราชผู้ทรงอิทธิฤทธิ์เหาะได้ ทรงน้อมนำให้พวกยักษ์ที่เหาะได้ได้ให้หันเขามาสู่มรรควิถีแห่งความถูกต้อง
    7 พระยมราชผู้ทรงมีดวงเนตรดุจกระแสไฟฟ้า พระองค์นี้ทรงมีสายพระเนตรที่คมชัด สามารถแยกแยะดีชั่วได้อย่างชัดเจน ทรงลงโทษผู้กระทำผิด และประทานพรให้แก่ผู้ประกอบกุศลกรรมให้มีความสุขความเจริญ
    8 พระยมราชที่มีพระทนต์ดุจสุนัขจิ้งจอก สุนัขจิ้งจอกเป็นสัตว์เจ้าเล่ห์ พระองค์จึงทรงแสดงผลจากการเป็นคนเจ้าเล่ห์ และทรงตัดนิสัยบาปให้ประพฤติปฏิบัติดีโดยไม่หยุดหย่อน
    9 พระยมราชผู้ทรงมีพันตาและพันกร พระองค์ทรงใช้ทุกโอกาสที่จะสั่งสอนผู้หลงผิดให้หันมาปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ
    10 พระยมราชผู้ทรงกลืนสัตว์ที่ดุร้ายทีทำอันตรายผู้คน
    11 พระยมราชผู้ทรงขนหินและทรายเพื่อถมทะเลและแม่น้ำเพื่อประโยชน์สุขของมนุษย์
    12 พระยมราชผู้ทรงลงโทษให้ผู้กระทำผิดผจญกับความยากจนและทุกข์ทรมาน เพื่อว่าเขาจะได้สำนึกผิด แต่ทรงประทานพรให้แก่ผู้ที่หันกลับมาประพฤติชอบ ด้วยความสุขและทรัพย์สมบัติ
    13 พระยมราชผู้ทรงแจกจ่ายอาหารให้แก่คนดี แต่สำหรับคนชั่วจะลงโทษโดยปล่อยให้หิวโหย
    14 พระยมราชผู้ทรงมีหน้าที่ลงโทษคนขี้ตระหนี่ ซึ่งแม้จะร่ำรวยแต่กลับไม่รู้จักทำความดี
    15 พระยมราชผู้คอยควบคุมสัตว์ร้าย
    16 พระยมราชผู้ทรงควบคุมการเกิดและอายุขัยของมนุษย์
    17 พระยมราชผู้ประทานความเจ็บไข้ได้ป่วยแก่คนชั่ว
    18 พระยมราชผู้ทรงดูแลอันตรายทั้งปวง
    ก. ทำให้เกิดอันตรายแก่คนชั่วเป็นการลงโทษ
    ข. ปกป้องคนดีให้รอดพ้นจากอันตราย
    19 พระยมราชผู้ทรงให้การลงโทษผู้กระทำผิดบาปจากอาชญากรรม ลักขโมย ในสมัยที่ยังมีชีวิตอยู่ แต่สำหรับคนดี พระองค์จะโปรดปรานให้พวกเขาได้ตามความปรารถนา
    บรรดาพระยมราชทั้งหลายที่กล่าวมานาแล้ว พร้อมกับพระยมราชชั้นเล็กๆ มาถึงยังสวรรค์ชั้นดุสิต พร้อมทั้งพระยามัจจุราช เพื่อเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า พระยมราชใหญ่น้อยเหล่านี้ล้วนทรงมีหน้าที่ต่างกันบ้าก็ต้องลงโทษผู้กระทำผิดหรือประทานความสุขให้แก่ผู้ประกอบกรรมดี
    ด้วยพระพุทธานุภาพในพระศากยมุนีพุทธเจ้า พระโลกนาถเจ้าและพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ ที่พระยมราชเหล่านี้ได้รับการต้อนรับบนสวรรค์ชั้นดุสิต ต่างพากันยืนเป็นแถวด้วยความเคารพ
    ขณะนั้น พระยามัจจุราชคุกเข่าลงต่อพระพักตร์ของพระพุทธเจ้าแล้วทูลว่า "พระโลกนาถเจ้า พวกเราสำนึกในพระพุทธานุภาพ และการช่วยเหลืออันทรงคุณค่า ของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ ที่ให้โอกาสให้เราได้มาพร้อมกันเพื่อเฝ้าพระพุทธองค์ให้มหาสภานี้ พวกเรามีความยินดีเป็นล้นพ้นที่ได้รับประทานโอกาสทองที่ได้มาประชุมที่นี่และได้รับฟังคำชี้แนะ ขอให้พระองค์ได้โปรดให้ความสนใจในเรื่องที่พวกเรายังสงสัยอยู่ ข้าพระองค์จะของประทานโอกาสเพื่อขอคำชี้แนะได้หรือไม่พระพุทธเจ้าข้า"
    พระพุทธองค์จึงรับสั่งกับพระยามัจจุราชว่า "ขอท่านจงรู้สึกเป็นอิสระที่จะไถ่ถาม และตถาคตจะได้ไขแสดงเรื่องราวให้ฟัง"
    พระยามัจจุราชก้มลงกราบพระศากยมุนีพุทธเจ้า แล้วหันไปมองพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ พลางทูลถามว่า "พระโลกนาถเจ้า สิ่งที่พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ทรงช่วยเหลือโปรดสรรพสัตว์จากทิศทั้งหกนั้นสิ่งที่ข้าพระองคสงสัยก็คือว่า ทำไมคนที่เพิ่งพ้นโทษขึ้นมา ก็ยังหวนกลับไปทำชั่วอีก เป็นเหตุให้ต้องถูกลงทาอีก พระโลกนาถเจ้า ทั้งๆที่พระพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ทรงมีพระกรุณาต่อสรรพสัตว์ผู้ทำผิดบาปทั้งหลายแต่ทำไมพวกเขากลับไม่ปฏิบัติตามพระองค์ที่จะหันไปใช้ชีวิตที่เป็นบุญกุศลและหลุดพ้นจากความทุกข์ได้ตลอดไป ขอพระพุทธองค์ได้โปรดอธิบายด้วยเถิดพระเจ้าข้า"
    พระพุทธเจ้าจึงรับสั่งกับพระยามัจจุราชว่า "การที่จะควบคุมบังคับคนบาปในสังสารวัฏนั้น เป็นเรื่องยากโดยแท้ แน่นอนพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ ได้ทรงใช้ความพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะปลดเปลื้องสรรพสัตว์ให้พ้นทุกข์มานานหลายกัปป์หลายกัลป์ แม้ว่าคนชั่วบาปจะถูกส่งมารับโทษในนรก พระโพธิสัตต์ก็ทรงพยายามอย่างยิ่งที่จะช่วยให้เขาดำเนินชีวิตที่เป็นบุญกุศลโดยพยายามที่จะแผ่บารมีให้เขาได้ระลึกถึงอกุศลกรรมแต่อดีต แต่เป็นเพราะคนชั่วบาปนั้นมีความโน้มเอียงไปในการที่จะทำบาปอยู่แล้ว ดังนั้น เมื่อพ้นโทษขึ้นมาไม่นานก็กลับไปทำบาปอีก ทำให้ต้องตกนรกอีก ในความเป็นจริงจึงน่าสงสารพระโพธิสัตต์มาก ที่จะต้องทำงานนั้นชั่วกัปป์ชั่วกัลป์ เพื่อรื้อสัตว์ขนสัตว์ให้พ้นทุกข์ มีตัวอย่างคือ
    "มีชายคนหนึ่ง หลงทางกลับบ้านไม่ถูก พบว่าตัวเองตกอยู่ในวงล้อมของยักษ์ สัตว์ดุร้าย และแมลงพิษ โดยบังเอิญได้พบผู้มีปัญญาคนหนึ่งที่บังเอิญรู้วิธีที่จะปราบยักษ์ สัตว์ร้าย และแมลง
    "ผู้มีปัญญาคนนั้น เมื่อเห็นอันตราย ก็ถามว่า 'กุลบุตร เจ้ามาทางนี้ได้อย่างไร เจ้ารู้วิธีที่จะปราบสัตว์ร้ายเหล่านี้หรือ'
    "เมื่อได้ยินเช่นนั้น ชายผู้นี้ก็ตระหนักว่า ตนกำลังเดินอยู่บนถนนที่เต็มไปด้วยอันตราย ผู้มีปัญญาจึงจูงมือเขาพาออกจากเส้นทางอันตรายโดยชี้ให้เห็นทางอันเกษมศานติ์ แล้วก็กล่าวเตือนว่า 'กุลบุตร ขอให้เกิดปัญญา อย่าได้กลับมาบนเส้นทางนี้อีก เมื่อหลงเข้ามาในเส้นทางนี้ ยากที่จะกลับออกไปได้ และจะต้องประสบกับความหายนะเป็นที่สุด'
    "ชายผู้หลงทางยินดีเป็นล้นพ้นที่มีผู้นำออกมาให้พ้นจากอันตรายก่อนที่จะจากไป ผู้มีปัญญาสำทับอีกว่า 'เมื่อพบสหายหรือแม้คนแปลกหน้าไม่ว่าชายหรือหญิง ขอให้เตือนเขาว่าเส้นทางนี้เป็นเส้นทางอันตรายหากหลงเข้ามาในเส้นทางนี้ จะต้องสูญเสียแม้ชีวิต เตือนพวกเขาอย่าได้โง่เขลาต้องมาเผชิญอันตรายโดยไม่จำเป็น'
    "พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ ทรงนำคนชั่วคนบาปให้พ้นทุกข์ และชี้ทางไปสู่สวรรค์หรือมนุษย์โลก เพื่อเข้าถึงความสุข
    "พระองค์ได้ทำให้สรรพสัตว์เหล่านั้นได้ตระหนักว่า ผู้ที่ทำชั่วทำบาปก็จะต้องได้รับความทุกข์ และผู้ที่ทำบุญกุศลก็จะได้เสวยสุขจากวิบากกรรมของเขาเอง และก็จะไม่ทำผิดและต้องตกนรกอีก เหมือนกับคนที่หลงทาง และพบว่าตนเดนอยู่บนเส้นทางอันตราย และในท้ายที่สุด มีผู้มีปัญญามานำทางส่งไปในทางที่ปลอดภัย ฉันใดก็ฉันนั้น เช่นเดียวกัน เขาก็จะต้องระลึกเสมอว่าจะไม่หลงเข้ามาในเส้นทางอันตรายอีก
    "และหากเขาได้พบมิตรสหายหรือแม้คนแปลหน้า เขาก็จะรู้จักแนะนำคนอื่นไม่ให้พลัดหลงเข้าไปในเส้นทางอันตราย เมื่อเขาพ้นอันตราย เขาจะต้องเกิดปัญญาที่จะไม่เสี่ยงเข้าไปในเส้นทางนั้นอีก หากหลงเข้าไปบนเส้นทางนั้นอีกโดยความพลาดพลั้ง ก็แสดงว่าเขาขาดความเข้าใจที่แท้จริง และอาจจะต้องประสบความหายนะถึงชีวิต ประดุจเดียวกับคนบาปที่ต้องไปทนทุกข์ในขุมนรก
    พระโพธิสัตต์ผู้ทรงมหากรุณา พยายามด้วยความสามารถเป็นที่สุด ที่จะนำสรรพสัตว์ให้พ้นจากขุมนรก และชี้ทางไปสู่ความสุขความสันติ หรือการกลับไปเกิดในมนุษยโลก เขาอาจจะไม่รู้ถึงผลแห่งวิบากกรรม และกระทำความชั่วทำบาปอีก ตามวิบากกรรมเขาก็จะต้องไปตกนรก โดยไม่มีหวังที่จะได้รอดพ้น"
    ขณะนั้น พระยมราชแห่งพิษร้าย พิษแห่งอกุศลกรรมที่กระทำทั้งทางกาย วาจา ใจ พนมมือด้วยความเคารพ ทูลพระพุทธองค์ว่า "ข้าแต่พระโลกนาถเจ้า พวกเราพระยมราชใหญ่น้อยจำนวนมหาศาล จากทุกทิศแห่งสังสารวัฏ มีหน้าที่ในการลงโทษผู้ทำผิด และสนับสนุนให้คนที่ทำบุญกุศลได้เสวยความสุข เราได้ท่องไปในทุกมุมแห่งจักรวาล และเราแน่ใจว่ามีคนชั่วคนบาปมากกว่าคนดี เราสัญญาว่าทุกที่และทุกเมื่อที่เราได้พบไม่ว่าชายหรือหญิงในส่วนใดของโลกก็ตาม หากพบว่าเขาทำความดีแม้เพียงน้อยนิด ด้วยการถวายสักการะแด่พระพุทธรูปหรือพระโพธิสัตต์ หรือแม้ได้ยินว่าสวดพระสูตร แม้เพียงบรรทัดเดียว ข้าพระองค์พร้อมบริวารจะปฏิบัติต่อบุคคลเหล่านั้นด้วยความเคารพ ราวกับถวายความเคารพต่อพระพุทธเจ้า ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคตข้าพระองค์สั่งสอนอบรมบริวารและวิญญาณทั้งหลายในที่ต่างๆ ให้ได้ความคุ้มครองดูแล ผู้บำเพ็ญกุศลเช่นนั้น ข้าพระองค์จะไม่ปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ร้าย โรคภัยไข้เจ็บหรืออุปัทวเหตุเกิดขึ้นแก่ตัวเขา แก่ครอบครัวของเขา และสถานที่ใกล้เคียงข้านพักอาศัยของเขา"
    พระศากยมุนีพุทธเจ้าทรงยินดีเป็นอย่างยิ่ง และรับสั่งว่า "ดีแล้ว ดีแล้ว พระยามัจจุราช และบริวาร ย่อมพร้อมที่จะปกปักรักษาคนที่ทำดี ตถาคตจะขอร้องให้พระราชาแห่งพรหมโลก และจักรพรรดิแห่งดาวดึงส์ดูแลให้ความคุ้มครองท่านทุกคน"
    หลังจากการสนทนาที่น่าสนใจผ่านไป พระยมราชผู้มีหน้าที่ดูแลอายุขัยของสรรพสัตว์ ลุกขึ้นท่ามกลางธรรมสภา แล้วทูลถามพระพุทธองค์ว่า "พระโลกนาถเจ้า ข้าพระองค์ทำหน้าที่ดูแลอายุขัยของมนุษย์บนโลกมนุษย์ ทั้งเวลาที่ยังมีชีวิตอยู่ และเมื่อสิ้นชีวิตลงแล้ว ข้าพระองค์มีความปรารถนาอย่างยิ่งที่จะนำประโยชน์สุขมาให้แก่มนุษย์ แต่ข้าพระองค์สังเกตดูด้วยความเศร้าใจว่า มนุษย์เป็นจำนวนมากไม่เข้าใจความตั้งใจของข้าพระองค์ที่จะช่วยเหลือพวกเขา ผลก็คือ เหล่าตนบาปก็หาความสุขไม่ได้ ไม่ว่าขณะมีชีวิตอยู่หรือเมื่อตายไปแล้ว คนในโลกมนุษย์เมื่อรอการเกิดของบุตรชายหรือบุตรหญิง เขาควรจะตั้งใจบำเพ็ญกุศล เพราะบุญกุศลนั้นจะทำให้ครอบครัวประสบสันติสุข บริวารของข้าพระองค์และวิญญาณในละแวกนั้นไม่เพียงแต่จะคอยปกป้องคุ้มครองดูแลทั้งมารดา และทารกเกิดใหม่ แต่จะประทานความสันติสุขให้แก่บรรดาญาติๆของเขาด้วย ด้วยเหตุนี้ เมื่อมีทารกเกิดในบ้าน จึงไม่พึงฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เพื่อเป็นอาหารบำรุงแก่มารดา หรือเชิญบรรดามิตรสหายมาฉลองการเกิดของทารกโดยการดื่มเหล้าองุ่น เสพเนื้อสัตว์และเล่นดนตรี การฉลองวันเกิดของเด็กน้อยในวิธีนี้ จะไม่นำความสุขมากให้แก่มารดาและบุตรเลย เพราะหญิงครรภ์แก่จวนคลอด จะมีวิญญาณร้ายอยู่รอบตัวผู้เป็นมารดา รอที่จะดูดเลือด เพื่อคุ้มครองมารดา ข้าพระองค์จะสั่งให้วิญญาณที่อยู่บริเวณนั้นให้คอยมาคุ้มกันทั้งแม่ทั้งลูกให้มีสันติสุข เมื่อทั้งมารดาและลูกน้อยมีสันติสุขเมื่อแรกคลอด ก็ควรจะถวายเครื่องเซ่นแก่วิญญาณเพื่อขอบคุณที่พวกเขาได้คุ้มครองดูแล แต่แทนที่จะเซ่นไหว้วิญญาณกลังไปเลี้ยงดูญาติมิตรโดยการฆ่าสัตว์ตัดชีวิตทั้งมารดาและลูกน้อยจะถูกลงโทษ
    เมื่อมนุษย์ในโลกนี้ใกล้ตาย ข้าพระองค์พยายามอย่างยิ่งที่จะช่วยคนใกล้ตาย ไม่ว่าจะเป็นคนดีคนเลวไม่ให้ตกไปสู่อบาย หากผู้ใกล้ตายเคยทำความดีในเวลาที่มีชีวิต อำนาจขอข้าพระองค์ในการช่วยเหลือเขาก็จะประสบความสำเร็จ
    แม้ในกรณีบุคคลที่เคยทำความดีมาแลอดชีวิต ก้อาจจะมีวิญญาณร้ายจำนวนมาก อาจจะมาในรูปของบิดามารดาหรือญาติในอดีตเพื่อที่จะมาล่อลวงให้ผู้ใกล้ตายตกลงสู่อบาย หากผู้ใกล้ตายประกอบกรรมชั่วในช่วงชีวิต วิญญาณร้ายก็จะประสบความสำเร็จในการที่จะฉุดคร่าเขาลงสู่อบายภูมิ
    "พระโลกนาถเจ้า หากผู้ที่อยู่ในสังสารวัฏ ไม่ว่าเป็นชายหรือหญิงหมดสติไปในขณะที่ใกล้ตายโดยที่เขาแยกแยะความดีความชั่วไม่ได้ขณะนั้นเขาไม่สามารถจะเห็นได้ยิน ช่วงเวลานั้นญาติของผู้ใกล้ตายควรสวดพระสูตร และถวายสักการะแดพระพุทธรูปและพระโพธิสัตต์กุศลกรรมเหล่านี้จะช่วยขจัดวิญญาณร้อยออกไป พระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตต์จะช่วยให้ผู้ใกล้ตายไม่ต้องตกลงไปสู่อบาย
    พระโลกนาถเจ้า หากผู้ใกล้ตายมีโอกาสได้ยิน แม้เพียงพระนามของพระพุทธเจ้าหรือพระโพธิสัตต์ หรือการสวดพระสูตร หรือแม้แต่ว่าคาถาเพียงบรรทัดเดียวจากพระสูตร ข้าพระองค์ยืนยันได้ว่าผู้ใกล้ตายเหล่านี้จะไม่ต้องตกนรกอเวจีใน 5 ขุมใหญ่ หากผู้ใกล้ตายเคยประกอบอกุศลกรรมเล็กๆน้อยๆ ซึ่งจะทำให้ต้องตกลงสู่อบายเพื่อรับโทษ เขาก็จะหลุดพ้นทันทีที่ได้ยินพระนามของพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตต์ หรือสาธยายพระสูตร"
    พระศากยมุนีพุทธเจ้าจึงรับสั่งกับพระยมราชผู้มีหน้าที่ดูแลการเกิดการตายว่า "ท่านมีความเมตตาอย่างยิ่ง ที่ได้ตั้งปณิธานอย่างมั่นคงพร้อมในความกรุณาที่จะปกปักรักษามวลมนุษย์ทั้งชายหญิงตลอดเวลาที่มีชีวิตอยู่และหลังความตาย ตถาคตหวังว่า ท่านจะตั้งใจบำเพ็ญตามปณิธานโดยไม่ย่อหย่อน เพื่อว่าท่านจะได้ช่วยโปรดผู้หลงผิดทั้งหลายให้หลุดพ้น และให้เข้าถึงซึ่งความสุขที่ยั่งยืน"
    พระยมราชผู้ที่ดูแลการเกิดและการตาย ทูลพระพุทธองค์ว่า "ขอพระองค์อย่าได้ทรงกังวล ข้าพระองค์จะยังคงเพียรพยายามอย่างที่สุดที่จะช่วยสรรพสัตว์ในวังสารวัฏ ทั้งในขณะที่เกิดและขระที่กำลังจะตาย เพื่อช่วยให้เขาสงบ และพบกับความสุข ข้าพระองค์จะแสวงหาโอกาส เมื่อสรรพสัตว์ทั้งหลายตั้งใจฟังคำสอนของข้าพระองค์ พวกเขาจะได้หลุดพ้อย่างแท้จริง และจะได้รับประโยชน์อย่างยิ่ง"
    ขณะนั้นพระศากยมุนีพุทธเจ้า รับสั่งถึงพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ว่า "พระยมราชผู้ดูแลการเกิดการตายนี้ ทรงเป็นพระยมราชมสาหลายพันชาติแล้ว ทรงกระทำทุกวิถีทางที่จะช่วยมนุษย์ในช่วงของการเกิดและการตาย จริงๆแล้วมิได้ทรงเป็ภูตผีปีศาจ แต่ด้วยความกรุณาและความเมตตาอันหาขอบเขตมิได้ พระองค์แปลงร่างเป็นภูตผีปีศาจเพื่อทำหน้าที่พระยมราช ท่านก็จะได้บรรลุพุทธภูมิในอีก 170 กัปป์ข้างหน้า จะมีพระนามว่า นิรลักษณะพุทธเจ้า จะทรงมีพระชนมายุยืนยงเป็นเวลานานในโลกแห่งความบริสุทธิ์
    เรื่องราวของพระยมราชพระองค์นี้ อยู่เหนือความคิดและความสามารถที่จะอธิบายได้ จำนวนผู้คนที่ท่านได้ช่วยเหลือมาแล้วมีจำนวนมหาศาลเกินที่จะประมาณมิได้
     
  17. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    บทที่ 9
    การสวดพระนามของพระพุทธเจ้า
    วาระนั้นพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ทูลพระศากยมุนีพุทธเจ้าว่า "พระโลกนาถเจ้า ข้าพระองค์ขอโอกาสที่จะได้ประกาศให้ทราบว่า ในอนาคต มนุษย์จะได้รับประโยชน์สุขอย่างไร ในช่วงที่เขามีชีวิตอยู่ และขณะที่เขาใกล้ตาย ข้าพระองค์หวังว่าพระองค์จะเมตตามีเวลาพอที่จะรับฟังบ้าง"
    พระศากยมุนีพุทธเจ้า จึงทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า "ข้าแต่พระโลกนาภเจ้า ข้าพระองค์ขอกราบทูลถึงพระนามของพระพุทธเจ้าดังนี้
    1 พระอนันต์พุทธเจ้า
    หลายกัปป์อันนานนับประมาณมิได้ พระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า อนันต์พุทธเจ้า ไม่ว่าชายหรือหญิงที่มีโอกาสได้ฟังพระนามของพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ แม้เพียงมีความคิดถึงพระองค์ด้วยจิตคารวะเพียงช่วงสั้นๆก็จะช่วยให้เขาพ้นจากการเกิดการตายเป็นเวลา 40 กัปป์ สาธุชนจะได้รับความสุขอันหาประมาณมิได้ หากเขาจะได้สร้างพระพุทธรูป ถวายสักการะและชื่นชมพระองค์
    2 พระธรรมชาติวิเศษพุทธเจ้า
    เช่นกันหลายกัปป์มาแล้ว มีพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า ธรรมชาติวิเศษพุทธเจ้า ไม่ว่าชายหญิงใด ที่มีโอกาสได้ฟังพระธรรมจากพระพุทธองค์ และมีความเคารบในพระองค์จะได้เข้าถึงพุทธภูมิในท้ายที่สุด
    3 พระปัทมปาณิพุทธเจ้า
    เช่นกัน มีพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง พระนามว่ ปัทมปาณิเป็นปางหนึ่งของพระอวโลกิเตศวร พระหัตถ์ทรงดอกบัว ชาย หญิงใดที่มีโอกาสได้ฟังแม้พระนามของพระองค์ท่านก็จะมีบุญที่จะได้ไปเกิดในสวรรค์ 6 ชั้น ถึงพันชาติ และท้านสุดก็จะได้เข้าสู่พุทธภูมิ
    4 พระสิงหนันทะพุทธเจ้า
    หลายกัปป์มาแล้ว มีพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า สิงหนันทะพุทธเจ้า ไม่ว่าชายหรือหญิง ที่อยู่ในระยะที่จะได้ยินพระนามของพระพุทธองค์ และระลึกถึงพระองค์ด้วยความเคารพ ย่อมถึงซึ่งประโยชน์ในการที่จะได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าเป็นจำนวนมหาศาล ทั้งยังได้รับพรจากพระพุทธองค์และได้เข้าถึงพุทธภูมิในท้ายที่สุด
    5 พระกรกุจฉันทะพุทธเจ้า (กกุสันโธ)
    มีพระพุทธเจ้าพระองค์แรกของภัทรกัปป์นี้ เป็นลำดับที่ 4 ใน บรรดาพระพุทธเจ้าทั้ง 7 พระองค์ ไม่ว่าชายหรือหญิงที่มีโอกาสได้ยินพระนามของพระองค์ และด้วยความเคารพอย่างยิ่ง ถวายสักการะและชื่นชมพระองค์ ก็จะได้เป็นมหาพราหมณ์ ท่ามกลางธรรมสภาของพระพุทธองค์ถึง 1 พันองค์ในภัทรกัปป์นี้ ได้รับพรจากพระองค์ เขาก็จะได้เข้าถึงพุทธภูมิในเวลาต่อมา ผู้นั้นจะได้บุญอย่างยิ่งโดยการสวดพระนามของพระองค์
    6 พระวิปัสสีพุทธเจ้า
    มีพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่าวิปัสสี ไม่ว่าชายหญิงใดที่มีโอกาสได้ยินพระนามของพระองค์ จะไม่ต้องตกนรก เขาจะได้ไปเกิดบนสวรรค์ หรือในโลกมนุษย์ จะมีประโยชน์สุขยิ่ง
    7 พระรัตนเกตุพุทธเจ้า
    หลายกัปป์มาแล้ว มีพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า พระรัตนเกตุพุทธเจ้า ชายหรือหญิงก็ดี ที่ได้มีดอกาสได้ยินพระนามของพระองค์ จะไม่ต้องตกลงไปสู่อบาย และจะได้เกิดบนสวรรค์ มีความสุขเป็นที่ยิ่ง
    8 พระคุณประทีปพุทธเจ้า
    มีพระพุทธเจ้าอีกพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า พระคุณประทีปพุทธเจ้า ชายหรือหญิงใดที่บังเอิญได้ยินพระนามของพระองค์ และน้อมใจระลึกถึงพระองค์ด้วยความเคารพ จะได้บรรลุอรหัตผลในไม่ช้า
    9 พระกัสยพุทธเจ้า
    มีพระพุทธเจ้าอีกพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า พระกัสยพุทธเจ้า ชายหรือหญิงก็ดีที่ได้มีโอกาสได้ยินพระนามของพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ จะรอดพ้นจากวัฏฏะแห่งการเวียนว่ายตายเกิดถึง 100 กัปป์
    10 พระมหาภิชนาญาณธิภูพุทธเจ้า
    มีพระพุทธเจ้าอีกพระองค์หนึ่ง ทรงพระนามว่าพระมหาภิชนาญาณธิภูพุทธเจ้า ชายหรือหญิงก็ดี แม้มีโอกาสได้ยินพระนามของพระองค์ ก็จะมีโอกาสที่จะได้เข้าเฝ้าพระพุทธเจ้านับจำนวนไม่ถ้วน ที่จะได้โปรดสอนจนเขาได้เข้าถึงพุทธภูมิ และยังมีพระพุทธเจ้าพระองค์อื่นๆอีกเช่น
    1 พระจันทรประภาวิสุทธิ์พุทธเจ้า
    2 พระบรรพตราชพุทธเจ้า
    3 พระวิสุทธิราชพุทธเจ้า
    4 พระปัญญาชัยพุทธเจ้า
    5 พระปัญญาสมบูรณ์พุทธเจ้า
    6 พระวิสุทธิเลิศพุทธเจ้า
    7 พระสิทธวิเศษพุทธเจ้า
    8 พระจันทรประภาสมบูรณ์พุทธเจ้า
    9 พระจันทรมุขพุทธเจ้า
    เช่นเดียวกับพระพุทธเจ้าอีกจำนวนมาก
    พระโลกนาถเจ้า สรรพสัตว์ทั้งหลาย ไม่ว่าจะมาจากสวรรค์หรือโลกมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง ในปัจจุบันหรือในอนาคต ที่สามารถจะสวดพระนามของพระพุทธเจ้าพระองค์ใดองค์หนึ่งที่เอ่ยถึงข้างต้นนี้ ก็จะได้บุญยิ่ง และหากได้สวดพระนามของพระพุทธองค์ได้มากขึ้นก็จะได้บุญมากขึ้น สรรพสัตว์เหล่านั้นจะได้ประโยชน์อย่างยิ่งทั้งในช่วงที่ยังมีชีวิตอยู่และหลังจากที่ตายไปแล้ว เขาจะไม่ต้องตกนรกหากญาติของผู้ใกล้ตายสวดพระนามของพระพุทธเจ้าแม้เพียงพระองค์เดียว บุคคลผู้ใกล้ตายนั้นก็จะรอดพ้นจากการตกลงไปสู่อบายภูมิ ยกเว้นกรณีที่ต้องโทษหนักในอเวจี การลงโทษในอเวจีนั้นหนักหนามากผู้ที่ทำบาปหนักจะมีทางรอดได้ยากนับเป็นล้านกัปป์
    หากผู้อื่นสามารถสวดพระนามของพระพุทธเจ้าให้กับคนใกล้ตายโทษของเขาจะลดน้อยลง และหากผู้ใกล้ตายสามารถท่องพระนามพระพุทธเจ้าได้ด้วยตนเอง ก็จะมีผลดีกว่า เขาจะได้รับความสุขอย่างยิ่งและสามารหลีกเลี่ยงการถูกลงโทษจากอกุศลกรรมที่ตนเองได้ทำไว้ในขณะยังมีชีวิตอยู่"

    บทที่10
    เปรียบเทียบกับบุญจากการใส่บาตร
    ในเวลานั้น พระกษิติครรภืโพธิสัตต์เจ้า ด้วยพระบุญญาธิการของพระศากยมุนีพุทธเจ้า ลุกขึ้นจากที่นั่งคุกเข่าพนมมือทูลพระพุทธองค์ว่า "พระโลกนาถเจ้า ข้าพระองค์เห็นว่าเมื่อเปรียบเทียบกันแล้วบุญจากการใส่บาตรหรือถวายทานนั้นแตกต่างไปบ้างไม่มากก็น้อย บางคนได้รับผลตอบแทนภายในชีวิตเดียว บางคนได้รับผลต่อเนื่องกันถึง 10 ชาติ บาคนได้เสวยบุญอยู่นับแสนชาติ ข้าพระองค์มิอาจจะหยั่งรู้ได้ว่า ทำไมจึงมีความแตกต่างกันขนาดนั้น ขอพระองค์จงได้โปรดเมตตาอธิบายด้วย" พระศากยมุนีพุทธเจ้าทรงตอบว่า "ตถาคตจะอธิบายให้ฟังถึงความแตกต่าง เพื่อเป็นรางวัลแก่สรรพสัตว์ที่สร้างทานบารมีในชมพูทวีป ตถาคตจะอธิบายให้ผู้ที่ประชุมกันอยู่ ณ ที่นี้ ตลอดดาวดึงส์และหวังว่าทุกคนจะตั้งใจฟัง" พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์กราบทูลพระพุทธองค์ว่า "ข้าพระองค์มีความสงสัยอยู่ และปรารถนาที่จะได้รับฟังการเปรียบเทียบในเรื่องการใส่บาตรทำบุญ"
    พระศากยมุนีพุทธเจ้ารับสั่งว่า "หากพระราชา อำมาตย์ พระเถระ วรรณะกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่ วรรณะพราหมณ์ที่ยิ่งใหญ่ ในชมพูทวีปหากบุคคลเหล่านี้ที่ได้ระบุนามแล้ว ได้พบกับบุคคลผู้มีความยากจน หรือผู้ที่ยังไม่ได้พัฒนาตน หากบุคคลเหล่านั้นได้ทำบุญแก่พวกเขา ด้วยความเมตตากรุณา มีความยิ้มแย้ม มอบของให้แก่คนยากจนด้วยมือของตนเอง หรือผ่านผู้แทน และพูดจาปลอบประโลมเขา ผู้ให้ทานในลักษณะนี้ ย่อมได้บุญมหาศาลดุจเม็ดทรายในคงคานที ทั้งนี้ผู้ให้ทานเป็นผู้ปฏิบัติความเมตตาอันหาประมาณมิได้ แก่คนที่ยากจนที่สุด คนที่ต่ำต้อยที่สุด และคนที่ยังไม่ได้พัฒนา ด้วยเหตุนี้ เขาจึงได้เสวยบุญกุศลต่อมานับแสนชาติ พรั่งพร้อมด้วยรัตนะทั้ง 7 พรั่งพร้อมด้วยอาหารที่ดี และมีเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่มบริบูรณ์ในอนาคต เช่นกัน หากพระราชา อำมาตย์ พราหมณ์ ได้เห็นพระพุทธรูป วัด เจดีย์ พระโพธิสัตต์ พระอรหันต์ หรือ พระปัจเจกพุทธเจ้าในชาติต่อๆไป หากได้ถวายอาหารต่อพระองค์เหล่านั้นด้วยมือของตนเอง ผู้ถวายทานเช่นนี้ ย่อมจะได้ไปจุติเป็นพระราชาแห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อยู่ในความสุขสำราญนานถึง 3 กัปป์ ผู้ถวายทานเหล่านี้สามารถแผ่บุญกุศลไปยังทศทิศ และผู้ถวายทานเหล่านี้จะได้เป็นมหาพรหมเทวราช เป็นพระราชาแห่งพรหมโลกทั้ง 18 ชั้น ติดต่อกันนานถึง 10 กัปป์ และถ้าในอนาคต พระราช มุขอำมาตย์ เจ้านาย พระเถระ มหากษัตริย์ และพราหมณ์ ได้พบพระเจดีย์ วัด พระพุทธรูปพระสูตรที่เก่าชำรุด ตั้งความประสงค์ว่าจะซ่อมแซม ผู้บริจาคทานเช่นนี้ ไม่ว่าทำเอง หรือส่งเสริมาให้คนอื่นทำบุญ ผู้ที่ได้ทำบุญเช่นนี้จะได้ไปเกิดเป็นจักรพรรดินับแสนชาติ ส่วนผู้ที่ได้รับการชักจูงสนับสนุนให้ทำบุญ ก็จะได้ไปเกิดเป็นพระราชาในแว่นแคว้นเล็กๆเป็นเวลานานนับแสนชาติ และหากอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ต่อหน้าพระพุทธเจ้าก็ดี พระเจดีย์หรือวัดก็ดี ผู้บริจาคทานในลักษณะนี้ย่อมถึงพุทธภูมิ ผลจากการบำเพ็ญบุญกุศลเช่นนี้มหาศาลยากจะคณานับ ในอนาคต หากพระราชา อำมาตย์ เจ้านาย เมื่อเห็นคนเฒ่าคนแก่มีความทุกข์ด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ผู้หญิงที่กำลังจะคลอดบุตร แม้เพียงมีความคิดเมตตาสงสาร เข้าช่วยเหลือ โดยหายาให้ก็ดี อาหารและเครื่องดื่มก็ดี หรืออาบน้ำให้เพื่อให้คนป่วยมีความสุขสงบ จะได้บุญมหาศาล ผู้ทำกุศลเช่นนี้จะได้ไปเกิดขนชั้นสุทธาวาสนานถึง 100 กัปป์ หลังจากนั้นจะได้ไปเกิดบนสวรรค์ทั้ง 6 ชั้นนานถึง 200 กัปป์ ท้ายที่สุดก็จะได้เข้าถึงพุทธภูมิและก่อนหน้านั้นนานนับแสนชาติ จะไม่ต้องไปเกิดในอบายภูมิ หรือได้ยินแม้เสียงแห่งความทุกข์ยาก หากพระราชาหรือพราหมณ์สามารถสร้างบุญกุศลเช่นนี้ได้ก็จะได้รับพรมหาศาล และหากแบ่งกุศลให้ผู้อื่น ไม่ว่าน้อยหรือมากก็จะได้ไปเกิดเป็นพระจักรพรรดิ และท้ายสุดจะได้เข้าถึงพุทธภูมิ
    ด้วยเหตุนี้ พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ ท่านจึงควรพยายาม ท่านจึงควรพยายามอย่างยิ่งที่จะส่งเสริมให้สรรพสัตว์ สร้างบุญสร้างกุศลจากตัวอย่างที่ได้กล่าว มาแล้วนี้ หากกุลบุตรตั้งใจสร้างบุญกุศลแม้น้อยนิดเพียงเท่าเส้นผม หรือเม็ดทรายหรือแม้เพียงฝุ่นธุลี เขาก็จะได้รับพรและได้รับประโยชน์ที่มิอาจจะยกตัวอย่างมาแสดงได้ในความหลากหลาย และความมหาศาลของคุณประโยชน์เหล่านั้น
    ในอนาคตหากผู้ที่ตั้งอยู่ในกุศลได้พบพระพุทธรูป พระโพธิสัตต์ พระปัจเจกพุทธเจ้า หรือพระจักรพรรดิ และถวายสักการะแก่พระองค์ก็จะได้รับพรและประโยชน์อย่างยิ่ง จะได้ไปเกิดเป็นมนุษย์หรือเทพเสวยสุขอยู่ทุกเมื่อ และหากชนเหล่านี้อุทิศส่วนกุศลให้กับสรรพสัตว์ในทศทิศ ชนเหล่านี้ก็ยิ่งจะได้รับพรเกินคำบรรยายตามตัวอย่างที่ได้ยกมาแล้ว
    หากในอนาคต ผู้ตั้งมั่นอยู่กุศลพานพบพระสูตรมหายานหรือได้ยินแม้เพียง 1 ย่อหน้า 1 บรรทัด จากพระสูตรนั้น มีความเคารพเป็นที่ยิ่ง หากเขาแสดงความนิยม และถวายสักการะด้วยความเคารพ เขาก็จะได้บุญมหาศาล และหากอุทิศส่วนกุศลให้แก่สรรพสัตว์ในทศทิศก็จะได้รับพรเกินคำบรรยาย ต่อไปในภายภาคหน้าหากผู้มีใจกุศลได้เห็นพระเจดีย์ใหม่ วัดใหม่ พระสูตรของมหายานใหม่ และถวายสักการะ ด้วยจิตที่นอบน้อมเป็นที่สุด และหากได้พบสิ่งที่เก่าชำรุดทรุดโทรม ตั้งปณิธานที่จะซ่อมแซมทะนุบำรุง ทั้งยังบอกบุญให้ผู้อื่นเกิดศรัทธาเข้าร่วมในบุญนั้น ผู้มีใจกุศลที่ตอบรับการบอกบุญดังกล่าวก็จะได้ไปเกิดเป็นพระราชาถึง 30 ชาติ และผู้ที่บอกบุญสนับสนุนให้ผู้อื่นได้ทำบุญก็จะได้ไปเกิดเป็นพระจักรพรรดิ และจะเป็นผู้แสดงธรรมโปรดกษัตริย์ใหญ่น้อยในอนาคตกาล หากผู้มีใจเป็นกุศล จะตั้งมั่นอยู่ในการประกอบกุศลกรรมทำแต่ความดีตามคำสอนของพระพุทธเจ้า ถวายสักการะ โดยการซ่อมแซมพระพุทธรูปที่ปรักหักพัง ซ่อมแซมเจดีย์หรือวัด แม้จนซ่อมแซมพระสูตรที่เก่าชำรุด บุญกุศลนั้นแม้จะน้อยนิดเพียงเส้นผมหรือฝุ่นธุลีหรือเม็ดทรายในคงคานที หรือแม้เพียงหยดน้ำ หากได้อุทิศส่วนกุศลนี้ให้แก่สรรพสัตว์ในอาณาจักรทั้ง 10 ผู้บำเพ็ญกุศลนั้นจะได้รับพรไปตลอดแสนชาติ หากเขาอุทิศส่วนกุศลให้แก่ครอบครัวและญาติ ญาติของเขาก็จะมีแต่ความสุขไปตลอดชั่ว 3 ชาติ ในการให้ประโยชน์เพียงหนึ่ง แต่ผลที่ได้รับจะนับร้อยนับพันทวีคุณ ด้วยเหตุนี้พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ ผลจากการทำทานนั้นมหาศาลยิ่งนัก"
    บทที่10
    ปฐวีเทพผู้คุ้มครองพระธรรม
    ขณะนั้น วิญญาณที่คุ้มครองดูแลโลก ได้กราบทูลพระศากยมุนีพุทธเจ้าว่า "ข้าแต่พระโลกนาถเจ้า ในอดีตนั้น ข้าพระองค์ได้ถวายสักการะต่อพระมหาโพธิสัตต์จำนวนนับไม่ถ้วน ผู้ทรงเกียรติและปัญญาและได้ช่วยเหลือโปรดสรรพสัตว์มามากต่อมาก พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ มีความสัมพันธ์อันแนบแน่นต่อสรรพสัตว์ในชมพูทวีป พระมัญชุศรี พระสมันตรภัทรโพธิสัตต์ พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ และพระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า ทั้งทุกพระองค์นั้น ใช้ภาคต่างๆ จำนวนนับพันที่จะโปรดคนบาป คนหลง ในการอุบัติขึ้นในทิศทั้งหก และทุกพระองค์ก็ได้สัมฤทธิผลตามพระปณิธานแล้ว พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ตั้งมหาปณิธานดุจเม็ดทรายในคงคานทีที่จะช่วยรื้อสัตว์ขนสัตว์ในการอุบัติขึ้นในทิศทั้งหก พระโลกนาถเจ้า ข้าพระองค์ได้เห็นว่าสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทั้งในปัจจุบันและอนาคต อาจจะสร้างรูปพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์หล่อด้วยเหล็ก ทองเหลือง เงิน ทองคำ หรือเป็นภาพเขียน บูชาไว้ในห้องที่ทำด้วยดิน ด้วยหิน ไม้ไผ่ หรือไม้ ในสถานที่สะอาดสะอ้าน ในทางทิศใต้ของที่พัก และถวายสักการะแก่พระโพธิสัตต์ โดยน้อมความเคารพสักการะเป็นอย่างยิ่ง บูชาด้วยของหอม บุคคลผู้มีจิตตั้งมั่นในกุศลเช่นนี้ ย่อมเข้าถึงประโยชน์สุขทั้ง 10 ประการในอาณาบริเวณที่อยู่ ประโยชน์ 10 ประการนี้คืออะไร
    1 ดินดีและได้ผลผลิตอุดมสมบูรณ์
    2 ทั้งครอบครัวจะอยู่กันอย่างสันติสุข
    3 ญาติที่ตายไปแล้วย่อมไปสู่สรวงสวรรค์
    4 ญาติที่ยังมีชีวิตอยู่จะมีอายุยืนยาว
    5 ตั้งความปรารถนาสิ่งใดจะได้สมปรารถนา
    6 จะไม่ต้องประสบภัยพิบัติจากน้ำท่วมหรือไฟไหม้
    7 จะพ้นจากอกุศลสิ่งชั่วทั้งปวง
    8 จะไม่มีวันฝันร้าย
    9 ไม่ว่าจะไปที่ใดจะมีผู้คุ้มครอง
    10 จะพบปะแต่สิ่งที่เป็นกุศล
    พระโลกนาถเจ้า สรรพสัตว์ทั้งหลายในปัจจุบัน และแม้ในอนาคต จะได้รับประโยชน์อย่างเดียวกัน หากประกอบบุญกุศลถวายสักการะที่บ้านของเขาเช่นนี้ พระโลกนาถเจ้า หากสรรพสัตว์ในอนาคตรักษาพระกษิติครรภ์โพธิสูตร หรือบูชาพระรูปของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ตามบ้านของเขา และหากเขาสวดพระกษิติครรภ์โพธิสูตรด้วยหรือถวายสักการะแด่พระองค์ ข้าพระองค์จะพยายามปกป้องบุคคลผู้นั้น ทั้งกลางวันกลางคืน เขาจะไม่มีภัยจากน้ำท่วม ไฟไหม้ โจรภัยทุพภิกขภัย หรือเหตุการณ์ร้ายอื่นไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก" พระศากยมุนีพุทธเจ้า จึงรับสั่งแก่ปฐวีเทพว่า "ท่านผู้ทรงอำนาจ และวิญญาณใหญ่น้อยทั้งหลายมิอาจเทียบท่านได้ ทั้งนี้เพราะสรรพสัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ในชมพูทวีปได้รับความคุ้มครองจากท่าน วัตถุธรรมทั้งหลาย นับตั้งแต่เม็ดทรายในแม่น้ำคงคา จนถึงเพชรนิลจินดาที่มีค่าสูงยิ่ง ล้วนแล้วแต่มาจากดิน ซึ่งอยู่ในอำนาจของท่านทั้งสิ้น และท่านก็ได้กล่าวชื่นชมบุญญาธิการของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์เจ้า บุญญาธิการและอำนาจของท่านยิ่งใหญ่กว่าวิญญาณใหญ่น้อยทั้งหลายนับพันเท่า หากสรรพสัตว์ทั้งหลายในอนาคต จะถวายเครื่องสักการะแก่พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ หรือสวดพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์สูตร ดำเนินชีวิตด้วยการบำเพ็ญบุญกุศลตามคำสอนของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์เจ้า ขอท่านจงได้ใช้อำนาจอิทธิฤทธิ์ของท่าน ปกป้องคุ้มครองดูแลพวกเขาให้ห่างไกลทุกข์ อย่าให้เขาต้องตกอยู่สภาพทุกข์ยาก หรือแม้กระทั่งต้องได้ยินได้ฟังเรื่องราวที่เป็นทุกข์ พวกเขามิใช่จะได้รับความคุ้มครองจากท่านเท่านั้น ยังได้รับความคุ้มครองดูแลจากทวยเทพ โดยการถวายสักการะต่อพระรูปของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์เจ้า หรือสวดพระสูตรแล้ว พวกเขามิใช่จะได้ความคุ้มครองจากทวยเทพ แต่ยังเป็นอิสระจากทะเลแห่งความทุกข์ และท้ายสุดก็จะได้เข้าถึงพระนิพพาน"

    บทที่ 12
    ประโยชน์จากการเห็นและได้ยิน
    สมัยนั้น พระศากยมุนีพุทธเจ้า พระโลกนาถเจ้า ทรงเปล่งพระรัศมีต่างๆ มีรัศมีที่งดงามปรากฏออกมาจากพระเศียร พระเศียรกำกับทั้งพระวรกายและพระรัศมีจากจอมพระเศียรประเสริฐกว่าทั้งปวงพระพุทธองค์ทรงเปล่งพระรัศมีจากจอมพระเศียรเพื่อให้ธรรมสภาได้ประจักษ์ว่า พระองค์ก็ทรงให้ความเคารพในพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์เจ้าและพระสูตรของพระองค์ด้วย
    เมื่อทรงเปล่งพระรัศมีเป็นประกายสีต่างๆ ให้ปรากฏแล้ว ยังทรงเปล่งพระสุรเสียงอันประเสริฐด้วย ทรงมีจุดประสงค์ที่จะแสดงทั้งแสงและเสียง เพื่อให้ปรากฏแก่ธรรมสภา ถึงประโยชน์มหาศาลอันจะมีจะได้จากแสงและเสียงนั้น
    พระโลกนาถเจ้ารับสั่งกับผู้ที่เฝ้าแหนอยู่ ณ ดาวดึงส์ ทรงสรรเสริญพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ที่ได้นำประโยชน์สุข มาสู่ทวยเทพเทวดาและมวลมนุษย์ และทรงบรรยายให้ฟังว่าพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ ได้ทรงบำเพ็ญบุญบารมีในทศภูมิของพระโพธิสัตต์โดยไม่ย่อท้อและมุ่งมั่นในพระนิพพานมาโดยตลอด หลังจากที่พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ได้กล่าวแล้ว พระมหาโพธิสัตต์อีกพระองค์หนึ่งทรงพระนามว่า พระอวโลกิเตศวร ได้ลุกขึ้นจากที่นั่ง พนมมือถวายนมัสการแด่พระพุทธเจ้าแล้วทูลว่า "ข้าแต่พระโลกนาถเจ้า พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์มีมหากรุณาต่อสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทรงตั้งมั่นอยู่ในเมตตาธรรม มีหลายภาคที่ได้โปรดสรรพสัตว์ นำพวกเขาให้พ้นทุกข์ อำนาจจากบุญกุศลและบุญญาธิการของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์นั้นหาประมาณมิได้ ข้าพระองค์ได้ยินพระโลกนาถเจ้า และพระพุทธเจ้าทั้งหลายอันหาประมาณมิได้จากทศทิศได้กล่าวสรรเสริญพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ และกล่าวถึงบุญกุศลของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ อันมีมากมายมหาศาลเกินกว่าที่พระพุทธเจ้าทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต จะพรรณนาได้
    พระโลกนาถเจ้าได้ทรงมีพระเมตตา สัญญาว่าจะเล่าให้ธรรมสภาฟังในภาระหน้าที่ของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ พวกเราจึงหวังว่าพระพุทธองค์จะทรงพระเมตตา เพื่อประโยชน์สุขของสรรพสัตว์ทั้งหลายทั่วไป ปัจจุบัน และอนาคต ที่จะทรงเล่าถึงประโยชน์อันหาที่จะประมาณมิได้ ที่พระองค์ได้กระทำแล้วต่อสรรพสัตว์ และขอให้สัตว์ทั้งหลายในแปดภูมิ จะได้รู้ว่าพึงถวายสักการะต่อพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์อย่างไรที่จะได้เข้าถึงประโยชน์และความสุขนั้น"
    พระศากยมุนีพุทธเจ้าได้รับสั่งกับพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตต์ว่า"ท่านมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับบรรดาสรรพสัตว์ในสังสารวัฏ ไม่ว่าจะเป็นเทพ เทวดา นาค มนุษย์ชาย-หญิง วิญญาณ ภูตผีปีศาจ และคนบาปในภูมิทั้ง 6 เมื่อได้ยินพระนามของพระองค์ก็ดี ได้เห็นรูปภาพของพระองค์ก็ดี ชื่นชมในบุญบารมีของท่านก็ดี สรรเสริญในความเมตตาของท่านก็ดี พวกเขาทั้งหลายจะมีความก้าวหน้าในการบรรลุธรรมโดยไม่มีการถอยหลัง และก่อนที่จะได้เข้าถึงพุทธภูมิ ก็จะได้เกิดเป็นเทวดาและมนุษย์มีความสุขเป็นที่ยิ่ง เมื่อสร้างบุญกุศลมากพอก็จะได้พบพระพุทธเจ้าและจะได้รับพุทธทำนายว่าจะได้เข้าถึงพุทธภูมิ ด้วยมหากรุณาที่มีต่อคนบาปในโลก ท่านได้ขอให้พระตถาคต เล่าถึงประโยชน์มหาศาลของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ที่พึงมีต่อสรรพสัตว์ ตถาคตยินดีที่จะเล่าให้ฟัง และหวังว่าท่านจะตั้งใจฟังด้วยดี" พระอวโลกิเตศวรทูลตอบว่า "ขอพระโลกนาถเจ้าทรงพระกรุณา"
    พระศากยมุนีพุทธเจ้าจึงตรัสกับพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ว่า "เมื่อทวยเทพที่อยู่ในทศทิศทั้งในอนาคตหรืออดีตสิ้งสุดการเสวยสุข ก็จะเกิดความเศร้าหมอง5 ประการ และจะต้องตกสู่อบาย ถ้าทวยเทพเหล่านี้ เมื่อมีความเศร้าหมองทั้ง 5 ประการย่างกรายเข้ามา หากมีโอกาสแม้ได้เห็นรูปเคารพของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ หรือได้ถวายนมัสการต่อพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์เพียงครั้งเดียว ทวยเทพเหล่านั้นก็จะเพิ่มพูนความสุข สามารถหลีกเลี่ยงไม่ต้องตกลงสู่อบายทั้ง 3 ภูมิหากทวยเทพเหล่านี้ ถวายเครื่องสักการะต่อพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ เช่นถวายดอกไม้หอม ผ้าแพรพรรณ อาหาร และเครื่องดื่ม เพชรนิลจินดา ฯลฯ ก็จะได้รับประโยชน์สุขมหาศาสเป็นผลตอบแทน หากสรรพสัตว์ทั้ง 6 ภูมิทั้งในปัจจุบัน และอนาคต ในสหโลกธาตุ เมื่อได้ยินพระนามของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ ในขณะที่กำลังจะตาย ก็จะไม่ต้องตกลงไปในอบายทั้ง 3 ขุม หากบิดามารดาหรือญาติของผู้ใกล้ตายขายทรัพย์สมบัติของคนเจ็บ และใช้ปัจจัยนั้นสร้างพระรูปพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ และคนเจ็บรับรู้การทำบุญแทนตัวเขา และแม้เขาอาจจะเจ็บหนักด้วยวิบากกรรมของเขาเอง เขาก็จะพ้นจากอาการป่วยและจะมีชีวิตยืนยาวหากคนเจ็บต้องตายลงตามวิบากกรรมของเขา และจะต้องถูกส่งลงสู่อบาย แต่เพราะกุศลที่ญาติทำให้แทนตัว เขาจะได้รับการละเว้นโทษานุโทษ จะได้ไปเกิดเสวยสุขเป็นเทพหรือมนุษย์ หากสรรพสัตว์ในปัจจุบันหรืออนาคต สูญเสียบิดามารดา พี่ชายหรือน้องสาว ในวัยเด็กและเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ และใคร่รู้ว่าเขาไปเกิดที่ใด บุคคลที่เติบใหญ่แล้วนั้นอาจจะสร้างพระรูปพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ ได้ยินพระนามของพระองค์ท่าน ชื่นชมในพระรูปและถวายสักการะต่อพระองค์ท่านตั้งแต่ 1 วันจนถึง 7 วัน ติดต่อกันโดยไม่ขาด แม้ว่าญาติผู้ตายอาจจะต้องตกนรกนานหลายกัปป์ แต่เนื่องจากกุศลกรรมที่บรรดาญาติทำให้แทนตัว เขาก็จะได้เสวยสุขเป็นเวลานาน และหากญาติที่เป็นผู้ใหญ่เหล่านั้นคงกราบไหว้พระรูปพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ติดต่อกันต่อไป สวดพระนามของท่านติดต่อกันถึง 21 วัน ด้วยความศรัทธามั่นในใจ พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์จะปรากฏแก่พวกเขา และจะบอกแก่พวกเขาชัดเจนว่าญาติ(ที่ตาย) ไปเกิดในที่ใด หรือด้วยอำนาจอิทธิฤทธิ์ของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ ท่านจะนำเขาไปยังที่ต่างๆด้วยตัวเอง เพื่อให้เห็นว่า ญาติ(ที่ตาย)อยู่ที่ใด หากท่องบ่นพระนามของพระโพธิสัตต์ 1 พันครั้งทุกวัน ติดต่อกัน 1 พันวัน พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์จะทรงส่งปฐวีเทพ มาดูแลรักษาผู้นั้นจนตลอดชีวิต เขาจะประสบความสุข ความเจริญ มีอายุยืน จะไม่ได้พบพานความทุกข์โศก ทั้งจะไม่มีความทุกข์มาแผ้วพาน หรือความชั่วร้ายจะเข้ามากล้ำกรายได้ สุดท้ายก็จะได้ถึงพุทธภูมิ หากมีผู้ใด ไม่ว่าชายหรือหญิง ในอนาคต ปรารถนาที่จะช่วยสรรพสัตว์ มั่นคงอยู่ในการเจริญกรุณา โน้มน้าวจิตใจของสรรพสัตว์ มีปัญญาเป็นที่ยิ่งที่จะช่วยให้พวกเขาพ้นทุกข์ในสามโลก บุคคลผู้นั้น หากได้เห็นพระรูปของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ ท่องบ่นถึงพระนามของท่าน ยึดถือพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์เป็นที่พึ่ง ถวายสักการะต่อพระองค์ จะได้สมปรารถนาในทุกสิ่งโดยปราศจากอุปสรรค
    "หากสรรพสัตว์ทั้งหลาย ทั้งในปัจจุบันและอนาคต มีความปรารถนามากมายและมีความประสงค์ที่จะสร้างกุศลอย่างยิ่ง จะสมความปรารถนา หากจะถวายสักการะต่อพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ สรรเสริญพระองค์ท่าน ถือพระองค์เป็นสรณะ กราบไหว้รูปสักการะของท่านหากเขาเหล่านั้นปรารถนาที่จะได้ให้พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์คุ้มครองป้องกันเขาตลอดไป เขาก็จะได้เห็นพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ในฝัน และจะได้รับคำพยากรณ์ว่าจะได้เข้าถึงพุทธภูมิ
    "หากชายหญิงใดก็ดีในอนาคต มีศรัทธาในมหายานสูตรมีความตั้งใจที่จะอ่านและสวดพระสูตรนี้ แม้จะมีครูผู้ฉลาดสอน แต่อาจจะหลงลืมเพราะวิบากกรรม แต่เมื่อได้ยินพระนามของพระองค์ หรือได้เห็นพระรูปของท่าน ได้ถวายเครื่องสักการะ ถวายน้ำบริสุทธิ์แก่พระองค์ชั่ววันและคืนหนึ่งแล้วพนมมือด้วยความเคารพศรัทธายิ่ง หันหน้าไปทางทิศใต้ ดื่มน้ำนั้นด้วยศรัทธา หลังจากดื่มน้ำนั้นแล้ว งดเว้นอกุศลกรรมทั้งปวง ตั้งใจรักษาศีล 7 วัน หรือ 21 วัน ทำเช่นนี้ บุคคลนั้นจะได้เห็นพระกษิติครรภ์ในภาคใดภาคหนึ่งในความฝัน โดยพระโพธิสัตต์จะเทน้ำลงบนศีรษะของเขา พระโพธิสัตต์ได้ประทานปัญญาให้แก่เขาเหล่านั้นครั้นตื่นขึ้น เขาก็จะมีปัญญาที่จะเข้าใจพระสูตร จำได้ทุกประโยค ทุกย่อหน้าเสมอ
    "หากผู้ใดในอนาคต มีความทุกข์เนื่องจากขาดแคลนอาหารเครื่องนุ่งห่ม ปรารถนาที่จะทำสิ่งใดก็ไม่ได้สมปรารถนา เจ็บไข้ได้ป่วยเสมอ ทั้งยังมีเรื่องร้ายตลอดเวลา ไม่ได้พบความสงบสุขในครัวเรือนต้องพลัดพรากจากคนรัก ประสบแต่สิ่งที่เลวร้ายในความฝัน มิฉะนั้นก็พบกับความทุกข์ยากอื่นๆ หากคนโชคร้ายเช่นนี้ ได้ยินพระนามของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ ได้เห็นพระรูปของพระองค์ ได้ท่องบ่นพระนามของท่านหมื่นครั้งด้วยความศรัทธา ความทุกข์ความโชคร้ายทั้งหลายจะค่อยๆคลี่คลาย เขาจะมีชีวิตอยู่ในความสงบสุข
    ในอนาคตหากผู้ที่ตั้งมั่นอยู่ในกุศล ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจส่วนตนในงานหลวง หรืองานที่สำคัญ หากจะต้องเดินทางเข้าป่าลึก ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลที่ยากลำบาก หรือจะต้องเดินทางบนเส้นทางที่มีอันตรายบุคคลเหล่านั้น หากได้ท่องบ่นพระนามพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์หมื่นครั้งไม่ว่าจะไปที่ใดหรือทำสิ่งใดก็จะมีเทพเทวดาคอยคุ้มครอง และจะประสบสุขเป็นนิรันดร์ แม้จะต้องเผชิญหน้ากับสัตว์ร้าย เช่น เสือ สุนัจจิ้งจอก หรือสิงโต สัตว์เหล่านั้นจะไม่ทำอันตรายผู้ที่ตั้งมั่นอยู่ในกุศล"
    พระศากยมุนีพุทธเจ้ารับสั่งกับพระอวโลกิเตศวรโพธิสัตต์ว่า "พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์มีความใกล้ชิดกับสรรพสัตว์ในชมพูทวีป หากจะกล่าวถึงประโยชน์สุขที่พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์มีต่อสรรพสัตว์ทั้งหลายก็จะต้องใช้เวลานับแสนกัปป์ แม้กระนั้นก็ยังเล่าได้ไม่จบสิ้น ด้วยเหตุนี้เอง อวโลกิเตศวรพึงใช้อิทธิฤทธิ์ของท่านในการเผยแผ่กษิติครรภ์โพธิสัตต์สูตรให้กว้างขวางออกไป เพื่อสรรพสัตว์ทั้งหลายในสังสารวัฏจะได้ มีโอกาสเข้าถึงสันติสุขนับเป็นล้านกัปป์"
    จากนั้นพระศากยมุนีพุทธเจ้า รับสั่งอีกว่า "แม้ตถาคตจะเล่าไปถึงชั่วกัปป์ก็ยังไม่สามารถพรรณนาอิทธิฤทธิ์ของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ได้จบสิ้นในรายละเอียด ด้วยมีมากมายดุจเม็ดทรายในคงคานทีการได้เห็น ได้ยิน ได้สักการะพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ แม้เพียงชั่วขณะหนึ่ง จะนำประโยชน์สุขมหาศาลมาสู่มนุษย์และทวยเทพ หากมนุษย์นาค หรือวิญญาณ ถูกส่งไปลงอบายตามวิบากกรรมของเขา พวกเขาจะได้รับการยกเว้นโทษ หากยึดพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์เป็นที่พึ่ง สำหรับผู้ที่สูญเสียบิดามารดา หรือคนรัก ในระหว่างวัยเด็ก และปรารถนาที่จะทราบว่าญาติที่ตายไปแล้วไปเกิดที่ใด พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์จะปรากฏพระองค์ในภาคต่างๆ และจะนำเขาไปยังที่ที่ญาติเหล่านั้นอยู่ แต่จะต้องสร้างพระรูปพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์สักการะพระองค์ ท่องบ่นพระนามของพระเองค์วันละ 1 พันครั้ง ติดต่อกัน 21 วัน แม้ญาติผู้ตายจะตกนรกพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ก็จะช่วยให้พ้นทุกข์ หากยังสวดมนต์ต่อเนื่องและประกอบกุศลกรรม ก็จะมีโอกาสเข้าถึงพุทธภูมิ
    "หากผู้ใดประสงค์ที่จะปฏิบัติตามโพธิสัตต์มรรคพ้นไปจากความทุกข์ในสามโลก ประการแรกควรจะสักการะพระรูปของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ ความปรารถนาทั้งปวงก็จะสำเร็จโดยปราศจากอุปสรรค ประการที่สอง หากผู้ใดตั้งใจมั่นที่จะสวดพระสูตรและนำคนบาปให้พ้นทุกข์ แม้จะตั้งปณิธานไว้อย่างดี แต่ด้วยวิบากกรรมในอดีต ทำให้ความจำไม่ดีหลงลืม หากบุคคลนั้นถวายเครื่องสักการะแก่พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ด้วยดอกไม้ เสื้อผ้า อาหารและเครื่องดื่ม หรือโดยการถวายน้ำบริสุทธิ์ หลังจากสวดมนต์บนที่บูชาของพระโพธิสัตต์ชั่ว 1 วัน 1 คืน สวดมนต์แล้วดื่มน้ำนั้น และหากบุคคลนั้นรักษาศีล 5 ต่อเนื่องกัน 21 วันระลึกถึงพระนามของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ด้วยความศรัทธาอย่างยิ่ง ก็จะได้รับปัญญาโดยได้เห็นภาคใดภาคหนึ่งของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ ปรากฏในความฝัน สามารถจดจำพระสูตราใดๆ ได้ทันทีที่ได้ยินนานถึงแสนชาติ ประการที่สาม หากผู้ใดยากจน เจ็บไข้ได้ป่วย ครอบครัวประสบเคราะห์กรรม ต้องพลัดพรากจากผู้เป็นที่รัก ฝันร้าย ทำกิจกรรมใดๆ ไม่สำเร็จหากเขาถวายสักการะต่อพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ บรรดาเคราะห์ต่างๆจะมลายไป วิญญาณทั้งปวงจะคอยคุ้มครองดูแล จะเสวยสุขในชีวิต มีทุกอย่างพร้อมบริบูรณ์ หากต้องเผชิญกับสัตว์ร้าย คนร้าย วิญญาณที่ดุร้าย ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ในป่าหรือในทะเล หากสักการะพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ และถวายเครื่องสักการะต่อพระองค์ ก็จะผ่านพ้นภัยพิบัติทั้งปวงไปได้"
    พระศากยมุนีพุทธเจ้า รับสั่งกับพระอวโลกิเตศวรว่า "โปรดจงฟังพระตถาคต การพรรณนาถึงอิทธิฤทธิ์ของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ให้หมดสิ้นนั้น คงต้องใช้เวลาเป็นกัปป์ และแม้กระนั้นพระตถาคตก็ยังไม่สามารถเล่าให้จบได้
    "ผู้คนทั้งหลายย่อมประสบสุข เมื่อได้ยินพระนามของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์เจ้า ถวายสักการะต่อพระรูปของท่าน ถวายเครื่องสักการะแก่ท่าน หากแผ่ส่วนกุศลไปยังสรรพสัตว์ในทศทิศ เขาก็จะพ้นจากความทุกข์แห่งการเกิดและการตายและบรรลุพุทธภูมิในที่สุด ด้วยเหตุนี้ พระอวโลกิเตศวร ขอท่านจงช่วยเผยแพร่ให้มนุษย์ทั้งหลายในประเทศต่างๆที่มีจำนวนดุจเม็ดทรายในคงคานทีได้รับรู้ถึงความสามารถอันหาประมาณมิได้ของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์"

    บทที่ 13
    คำสอนของพระศากยมุนีพุทธเจ้าต่อมนุษย์และทวยเทพ
    ในสมัยนั้น พระศากยมุนีพุทธเจ้า ยกพระกรอันเป็นสีทองของพระองค์ไปสัมผัสพระเศียรของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ แล้วรับสั่งว่า "กษิติครรภ์โพธิสัตต์ กษิติครรภ์โพธิสัตต์ ด้วยอำนาจอิทธิฤทธิ์ของท่านความเมตตาอันหาประมาณมิได้ของท่าน ด้วยสติปัญญาและความสามารถในการพูดของท่าน แม้จะใช้เวลานานนับล้านกัปป์ที่จะสรรเสริญความสามารถอันหลากหลายของท่าน ก็ยังไม่สามารถกล่าวได้ทั่วถ้วน กษิติครรภ์โพธิสัตต์ กษิติครรภ์โพธิสัตต์ จงระลึกว่าพระตถาคตยืนอยู่ท่ามกลางธรรมสภาที่ได้มาประชุมพร้อมกัน ณ ดาวดึงส์ เมื่อประกาศว่าท่านจะต้องไม่ปล่อยให้สรรพสัตว์ใดๆ ตกอยู่ในอบายทนทุกข์ทรมานแม้เพียงชั่ววันชั่วคืน ยิ่งไปกว่านั้นจะต้องไม่ปล่อยให้เขาต้องตกลงสู่อเวจีนรก 5 ขุมล่างสุด ที่สัตว์นรกต้องทนทุกข์ทรมานต่อเนื่องกันโดยไม่หยุดหย่อนนานนับล้านกัปป์ สรรพสัตว์ทั้งหลายมีแนวโน้มที่จะประกอบกรรมชั่ว และแม้เมื่อกลับตัวกลับใจแล้วก็ยังย้อนกลับไปประกอบกรรมชั่วได้อีกง่ายๆ และร้ายที่สุดคือสร้างนิสัยใฝ่ชั่ว จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์จำเป็นต้องมีภาคต่างๆเป็นล้านๆภาค ที่จะต้องคอยช่วยเหลือคนชั่วคนบาปตามลักษระความอ่อนแอของเขา และช่วยให้เขาหลีกหนีจากความชั่ว กษิติครรภ์โพธิสัตต์ พระตถาคตของมอบสรรพสัตว์ทั้งหลายไว้ในอุ้งมือของท่านให้ท่านดูแล สนับสนุนให้เกิดการประกอบกุศลกรรมแม้เพียงน้อยนิด สนับสนุนทั้งมนุษย์และเทวดา ทั้งชายทั้งหญิง อย่าละเลยอย่างยกเลิกความพยายามที่จะปฏิบัติแก้กุศลกรรมเล็กๆอย่างใดอย่างหนึ่ง เป็นหน้าที่อันลึกซึ้งของท่าน ด้วยอำนาจอิทธิฤทธิ์ของท่าน ที่จะต้องคอยปกป้องคุ้มครองสรรพสัตว์ ช่วยให้เขาได้พัฒนากุศลโดยไม่ท้อแท้ ในอนาคต หากมีผู้ใดที่ทำกรรมจนต้องตกนรก หากแต่ระลึกถึงพระนามของพระพุทธเจ้าก็ดี พระโพธิสัตต์ก็ดี หรือแม้ระลึกถึงความในมหายานสูตรใดๆสักบรรทัดหนึ่ง เมื่อไปถึงประตูนรก ด้วยอำนาจอิทธิฤทธิ์ของท่าน ขอให้ท่านนำบุคคลนั้นออกมาจากทุกข์ แสดงภาคต่างๆ ของท่านให้ปรากฏ และช่วยให้เขาพ้นทุกข์ ประสบสุข เป็นนิรันดร์
    ขณะนั้น พระศากยมุนีพุทธเจ้ารับสั่งเป็นโศลกว่า "พระตถาคตได้มอบมวลสรรพสัตว์ไว้ในมือของท่าน นับแต่ปัจจุบันจนถึงอนาคตและขอให้ท่านอย่าปล่อยให้ผู้ใดต้องตกลงสู่อบาย ด้วยอำนาจหน้าที่ของท่าน"
    พระกษิติครรภ์โพธิสัตต์คุกเข่าลง พนมมือกราบทูลพระศากยมุนีพุทธเจ้าว่า "ข้าแต่พระโลกนาถเจ้า ขอได้โปรดวางพระทัย หากสรรพสัตว์ในอนาคต แม้เพียงมีความคิดรู้จักเคารพในคำสอนของพระพุทธองค์ ข้าพระองค์ก็จะทำอย่างที่สุด ที่จะช่วยปลดเปลื้องให้เขาพ้นจากความทุกข์อันเกิดจากการเกิดและการตาย น้อมนำให้เขาเข้าสู่ความหลุดพ้นโดยวิธีการต่างๆ หากข้าพระองค์ได้ล่วงรู้ว่าผู้ใดบำเพ็ญบุญกุศล ข้าพระองค์จะเพียรพยายามที่จะสนับสนุนช่วยเหลือให้เขาได้เข้าสู่พุทธภูมิโดยไม่มีวันหวนคืน"
    ขณะนั้น พระโพธิสัตต์องค์หนึ่ง ชื่อ พระธรรมกายโพธิสัตต์รับสั่งกับพระศากยมุนีพุทธเจ้าว่า "พระโลกนาถเจ้า ข้าพระองค์ได้มายังธรรมสภานี้ และได้ยินพระพุทธองค์กล่าวสรรเสริญบุญกุศลอันหาประมาณมิได้ของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ ขอพระองค์ได้โปรดอธิบายด้วยว่า ผู้ที่ได้ฟังพระสูตรนี้แล้ว สักการะพระรูปของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์แล้ว เขาจะได้บุญได้ประโยชน์ประการใดบ้าง ข้าพระองค์ทูลถามเช่นนี้ เพื่อข้าพระองค์จะได้ช่วยสรรพสัตว์ต่อไปในอนาคต" พระศากยมุนีพุทธเจ้า จึงรับสั่งกันพระโพธิสัตต์ว่า "ขอจงโปรดตั้งใจฟัง ตถาคตจะเล่าให้ฟังในรายละเอียด หากผู้มีจิตเป็นกุศล ได้เห็นพระรูปของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ ได้ยินพระกษิติครรภ์สูตร ได้สวดพระสูตรนี้ ได้ถวายเครื่องสักการะต่อพระโพธิสัตต์ ได้ถวายความเคารพต่อพระโพธิสัตต์ จะได้รับประโยชน์ถึง 28 ประการคือ
    1 จะมีเทวดาและพญานาคคอยปกป้องคุ้มครอง
    2 พลังในการสร้างกุศลจะเพิ่มพูน
    3 โอกาสในการสร้างกุศลจะมากขึ้น
    4 จะก้าวเข้าสู่พุทธภูมิโดยไม่มีวันท้อถอย
    5 จะพรั่งพร้อมด้วยสัปปายะ
    6 จะปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ
    7 จะไม่มีวันต้องเผชิญภัยน้ำท่วมไฟไหม้
    8 จะไม่มีภัยจากโจรหรือสูญเสียสมบัติ
    9 จะได้รับการเคารพจากสาธุชน
    10 จะได้รับการช่วยเหลือจากวิญญาณและทวยเทพ
    11 หญิงจะได้เกิดเป็นชาย
    12 หญิงจะได้เป็นธิดาของพระราชา ขุนนาง
    13 เมื่อไปเกิดจะมีวรรณะดี
    14 จะได้ไปเกิดในสวรรค์อีกหลายชาติ
    15 จะได้ไปเกิดเป็นกษัตริย์ หรือผู้ปกครอประเทศ
    16 จะมีสติปัญญาระลึกชาติได้
    17 ปรารถนาสิ่งใดก็จะได้สมปรารถนา
    18 จะมีความสัมพันธ์ที่ดีในครอบครัว
    19 จะปราศจากภัยพิบัติ
    20 จะพ้นจากอกุศลวิบากทั้งหลาย
    21 จะปลอดภัยทุกเมื่อ
    22 จะฝันดีเสมอ
    23 ญาติที่ตายไปแล้วจะพ้นทุกข์
    24 เมื่อไปเกิดใหม่จะมีแต่ความสุข
    25 จะเป็นที่สรรเสริญของทวยเทพ
    26 จะเป็นผู้มีปัญญามีความสามารถ
    27 จะมีความกรุณาต่อผู้อื่น
    28 ท้ายที่สุดจะได้บรรลุพุทธภูมิ
    อีกเช่นกัน พระธรรมกายโพธิสัตต์ พวกเทพ เทวดา นาค ภูตผีปีศาจ เมื่อได้ยินบุญกุศลอันมหาศาลของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์แล้ว สรรเสริญพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ ก็จะได้รับผลประโยชน์ 7 ประการ กล่าวคือ
    1 จะเข้าถึงภาวะทิพย์โดยรวดเร็ว
    2 จะเป็นอิสระจากอกุศลกรรม
    3 จะได้รับความคุ้มครองจากพระพุทธเจ้า
    4 จะมุ่งสู่พุทธภูมิโดยไม่มีวันถอยคืน
    5 พลังที่จะทำความดีจะเพิ่มพูน
    6 จะมีพลังที่จะระลึกอดีตชาติได้
    7 ท้ายที่สุดจะได้บรรลุพุทธภูมิ"
    เมื่อพระพุทธเจ้าทั้งหลาย พระมหาโพธิสัตต์ ทวยเทพ นาค ฯลฯ จากทั่วทั้ง 10 ทิศ ได้ยินพระศากยมุนีพุทธเจ้ารับสั่งสรรเสริญอำนาจอิทธิฤทธิ์อันหาประมาณมิได้ของพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ ทั้งดอกไม้และเพชรนิลจินดาที่โปรยปรายลงมาจากสวรรค์เป็นการน้อมบูชาพระศากยมุนีพุทธเจ้า และพระกษิติครรภ์โพธิสัตต์ ผู้ที่อยู่ในที่ประชุมธรรมสภานั้นพากันพนมมือด้วยความเคารพสูงสุด แล้วต่างพากันแยกย้ายคืนสู่ภพภูมิของตน
    ***************************************
    ขอให้ข้าพเจ้าบรรลุพระอนุตรสัมมาสัมโพธิญาน
     
  18. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    เกิดการประทุ Solar Flare ขนาด M1.5 วันที่ 3 กรกฎาคม 2556 เวลา 14.06 น. เวลาประเทศไทย

    Capture.JPG
     
  19. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 3 กรกฎาคม 2556 เวลา 15.48 น. เวลา 15.48 ค่า Electron Flux มีค่าสูงขึ้นเป็น 3,040

    Capture.JPG
     
  20. สุกิจSukit

    สุกิจSukit เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 เมษายน 2013
    โพสต์:
    222,657
    ค่าพลัง:
    +97,150
    วันที่ 3 กรกฎาคม 2556 เวลา 16.49 น. ค่า electron flux เพิ่มขึ้นเป็น 3,600 ขออย่าให้มากกว่า 10,000 เลยครับ

    Capture.JPG
     

แชร์หน้านี้

Loading...