ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. ไฟฉาย

    ไฟฉาย เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    21 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    88
    ค่าพลัง:
    +112
    ถ้าเป็นศิษย์สายหลวงพ่อฤาษีจริง
    ก็ไม่น่าเป็นลูกศิษย์พระธัมชโยไปด้วยได้ในเวลาเดียวกัน

    และลูกศิษย์สายหลวงพ่อฤาษีจริงๆ
    ก็น่าจะรู้กันดีว่าเพราะอะไร


    :cool::cool::cool:
     
  2. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    กรรมบท ๑๐ โดยหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ !!!

    [​IMG]
    ภาพหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง (หลวงพ่อฤาษีลิงดำ)​

    สำหรับกรรมบถ ๑๐ ดูแล้วธรรมะข้อนี้เป็นการเตรียมทางเข้าสู่พระนิพพานจริง ๆ หากว่าบรรดาญาติโยมพุทธบริษัททุกคนทรงกำลังนี้ได้
    อาตมาก็คิดว่าความเป็นพระโสดาบันกับพระสกิทาคามีน่ะ อยู่ในกำลังใจเราแน่ จะเห็นว่ากรรมบถ ๑๐ เขาแยกไว้ดังนี้ ทางกาย

    ๑. ไม่ฆ่าสัตว์
    ๒. ไม่ลักทรัพย์
    ๓. ไม่ประพฤติผิดในกาม

    ทางกายมี ๓ ถ้าเราบวกมีศีล ๕ ก็เพิ่มเว้นสุราอีกข้อหนึ่ง แต่ความจริงถ้าจิตดี
    มันก็ไม่ต้องเว้น ที่ท่านไม่ติดสุราไว้ เพราะว่ากำลังใจดี ก็ไม่ต้องเว้น ไม่ต้องบอกไว้มันก็เว้นเอง

    สำหรับทางด้านวาจา วาจาท่านแยกไว้เป็น ๔ คือ

    ๑. ไม่พูดปด
    ๒. ไม่พูดคำหยาบ
    ๓. ไม่พูดวาจาทำให้แตกร้าวกัน
    ๔. ไม่พูดวาจาไร้ประโยชน์ นี่ด้านวาจา

    นี่ด้านวาจา สำหรับ ด้านจิตใจ ท่านแยกไว้ ๓ คือ

    ๑. ไม่คิดอยากจะได้ทรัพย์สมบัติของบุคคลอื่นใดที่เขาไม่ให้โดยชอบธรรม
    ๒. ไม่คิดประทุษร้ายคนอื่น
    ๓. ทำความเห็นให้ถูก

    ทั้งหมดนี้เป็นภาคพื้นของพระนิพพานโดยตรง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ศีลข้อที่ ๑ หรือข้อที่ ๒ หรือข้อที่ ๓ ก็ตามที่จะรักษาได้เราต้องมี เมตตา กรุณา ประจำใจเพราะว่าถ้าขาด เมตตา ความรัก กรุณา ความสงสาร จะรักษาศีลข้อที่ ๑ ไม่ได้

    สำหรับด้านจิตใจ ด้านจิตใจพระพุทธเจ้าตรัสไว้โดยตรงว่า
    จงอย่าคิดอยากได้ทรัพย์สมบัติของบุคคลอื่นมาเป็นของเราโดยไม่ชอบธรรม คือไม่ลัก ไม่ขโมย ไม่คิดไม่โกง ไม่ยื้อแย่งทรัพย์สมบัติของเขา ตัวนี้ท่านตรัสไว้ถึงใจ แต่ความจริงศีลก็ดี ธรรมก็ดี ถ้ารักษาใจตัวเดียวก็หมดเรื่อง แล้วข้อที่ ๒ ไม่คิดประทุษร้ายบุคคลอื่น คือว่ามีเมตตาหนัก ข้อที่ ๓ ทางด้านจิตใจ ก็คือทำความเห็นให้ถูก ที่เขาเรียกว่า สัมมาทิฏฐิ ทำความเห็นให้ถูก ก็หมายถึงว่าตัวนี้เป็นตัวปัญญา คือ กรรมบถ ๑๐ นี่มีทั้งศีล มีทั้งสมาธิ มีทั้งปัญญาหมดให้พูดตามตำราก็บอกว่า มีทั้งศีล มีทั้งสมถะ มีทั้งวิปัสสนาญาณ

    สัมมาทิฏฐิ คือตัวทำความเห็นให้ถูก ตัวนี้ตัวปัญญา เขาเรียกว่า วิปัสสนาญาณ ความเห็นให้ถูกเป็นอย่างไร คือว่าถ้าเรายังมีชีวิตอยู่ ถ้าเราคิดประทุษร้ายเพื่อนหรือเราประทุษร้ายเพื่อนเมื่อไร เพื่อนก็ทำร้ายเราเมื่อนั้น เราลักขโมยของเขาเมื่อไร เขาก็เกลียด เขาก็เป็นศัตรูกับเรา เราแย่งความรักของบุคคลใด บุคคลนั้นเขาก็เกลียดเรา เขาก็เป็นศัตรูกับเรา

    ถ้าเราพูดไม่ดีกับบุคคลใด บุคคลนั้นเขาก็เกลียดเรา เราก็มีความทุกข์ ต่อมาก็คิดต่อไปด้วยกำลังปัญญาว่า ถ้าเรายังเกิดเป็นมนุษย์อยู่ ถึงแม้ว่าเราจะทำดี เราจะคิดดี แต่ทว่าคนที่พูดชั่ว ทำชั่ว คิดชั่ว เขายังมีอยู่

    ฉะนั้น บรรดาญาติโยมพุทธบริษัท การปฏิบัติความดีของท่านทุกคนที่พระพุทธเจ้าทรงแนะนำว่า การทำความดีแล้วจะมีความสุข อันนี้ความสุขอยู่ในใจของเรา แล้วก็จงคิดว่าคนบางคนที่มีความเลวเกินขนาด เขาอาจจะคิดประทุษร้ายเราได้ ถ้าอาการอย่างนี้เกิดขึ้น ก็นึกถึงพระพุทธเจ้าก็แล้วกัน ว่าพระพุทธเจ้าท่านดีกว่าเราขนาดไหน ท่านยังถูกขนาดนี้ เราก็อาจจะถูกน้อยกว่าท่าน แต่เราอาจจะอดทนไม่ได้เท่าท่านก็ได้นะ แค่ด่าเบา ๆ อาจจะอดได้ ถ้าด่าหนัก ๆ คือจ่ายมากเกินไป เราอาจจะจ่ายคืนเขาก็ได้ ก็เป็นอันว่าการเจริญธรรมของบรรดาญาติโยมพุทธบริษัท ให้ถือพรหมวิหาร ๔ เป็นสำคัญ แต่ก็ต้องรับรู้ไว้ด้วยนะ ถ้าเราดีเขาอาจจะไม่ดี ก็ต้องคอยหลบนี่เป็นเรื่องธรรมดา

    สำหรับการที่เราจะคิดว่าเราไม่ฆ่าเขา ไม่ลักไม่ขโมยเขา ไม่ละเมิดความรักของบุคคลอื่นแล้วก็ไม่พูดปด ไม่พูดหยาบ ไม่พูดวาจาให้เขาแตกร้าวกัน คือ ไม่นินทากัน และไม่พูดวาจาเหลวไหล ตัวนี้เป็นศีล แต่ว่าศีลนี้จะทรงอยู่ได้เพราะอาศัยสมาธิ ถ้าไม่มีสมาธิ ศีลทรงอยู่ไม่ได้ คือ ศีล สมาธิ ปัญญา นี่จะต้องประกอบช่วยกันอยู่เสมอ แยกกันไม่ได้

    อันดับแรกก่อนที่เราจะทรงกรรมบถ ๑๐ ได้ ก็ต้องเป็นคนมีปัญญาก่อน ปัญญาเบื้องต้นเห็นว่ากรรมบถ ๑๐ เป็นปัจจัยของความสุข ถ้าเราไม่ฆ่ากัน ไม่ลักขโมยของกันไม่ยื้อแย่งความรักกัน พูดแต่ความจริง และพูดแต่วาจาไพเราะ ไม่พูดให้เขาแตกร้าวกันพูดแต่วาจาที่มีประโยชน์ ทั้งหมดนี้เป็นปัจจัยของความรักระหว่างกันและกัน เมื่อต่างคนต่างมีความรักกันมันก็เป็นสุข นี่อาศัยปัญญาเป็นตัวรู้ก่อน ในเมื่อมีปัญญาแล้วจึงตั้งใจรักษาศีล จะเห็นได้ว่าศีลทั้งหมด หรือว่ากรรมบททั้งหมดนี่ ทั้ง ๗ ข้อ คือ กายกับวาจาต้องมีความสำคัญที่ เมตตา ความรัก กรุณา ความสงสารถ้ามีเมตตา ความรัก กรุณา ความสงสาร เป็นคุณธรรมอยู่ในพรหมวิหารทั้งหมดที่ทรงตัว ถ้าจะทรงตัวนี่ถือว่าเป็นสมาธิ

    สมาธิก็คือ การตั้งใจ เราตั้งใจว่าเราจะไม่เป็นศัตรูกับใคร เราจะรักและสงสารคนและสัตว์เหมือนกับรักและสงสารตัวเรา ตัวนี้เป็นสมาธิ เมื่อสมาธิตัวนี้มีอยู่แล้ว จิตก็ทรงตัว คือไม่คิดประทุษร้ายใครเขา ไม่คิดอยากได้ทรัพย์สมบัติของใคร อันนี้เป็นตัวสมาธิ หรือสมถภาวนา

    ที่มา โอวาทหลวงพ่อฯ เล่ม 2
     
  3. 9อมตะ9

    9อมตะ9 อมตะ

    วันที่สมัครสมาชิก:
    2 มิถุนายน 2008
    โพสต์:
    571
    ค่าพลัง:
    +1,288
    ลูกหลานขององค์พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง จะไม่มีทางเอาชื่อเสียงหรือคำสั่งสอนขององค์พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง มาหากินโดยทางที่ไม่ถูกต้องหรือเห็นแก่เงินทอง ลาภยศ สรรเสริญ เพราะเป็นสิ่งไม่จีรัง:cool:
     
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เรียน ผู้ดูแลห้องภัยพิบัติและการเตรียมการ

    เนื่องจากเวปพลังจิตแห่งนี้ เป็นเวปที่มีจุดประสงค์ในการเผยแพร่คำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผมจึงไม่ต้องการให้มีผู้ใช้เวปพลังจิต ไปในทางสร้างความแตกแยกทางความคิด ทางความเชื่อที่ไม่ถูกต้องในทางพระพุทธศาสนา

    ผมจึงขอให้ผู้ดูแลห้องภัยพิบัติและการเตรียมการแห่งนี้ ได้โปรดลบข้อความที่จะเป็นการสร้างความแตกแยกเหล่านั้นออกไปเสีย รวมทั้งข้อความทั้งหมดที่ผมได้โพสต์เอาไว้ด้วย หากมีข้อความไหนที่ท่านเห็นว่าไม่เหมาะสม ผมก็อนุญาตให้ผู้ดูแลห้องภัยพิบัตินี้ ลบข้อความเหล่านั้นได้ทั้งหมด โดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆทั้งสิ้นครับ
     
  5. kb 2500

    kb 2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +873
    :cool::cool::cool::cool::cool:
     
  6. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ชาวดาว Zetas พูดถึงพลังงานที่กำลังแปรปรวน !!!

    [​IMG]
    ส่วนผลเสียก็จะเกิดกับผู้ที่ไม่มีอุปกรณ์ตัวช่วยต่างๆ จะมีอาการไม่สบายตัวและจิตใจ เมื่อยังตกอยู่ในสิ่งแวดล้อมเดิมที่ร้อนและหนักที่เคยชินอยู่กันมานาน แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงกังวล ก็คือผู้ที่ยังไม่ได้มีการเตรียมตัวเตรี่ยมใจสัมผัสกับพลังงานยุคใหม่ของโลก และต้องไปประสบเข้ากับการเปลี่ยนแปลงขั้นสุดท้ายอย่างกระทันหัน อาจจะเกิดอาการไม่สบายอย่างปัจจุบันทันด่วน ยิ่งหากร่างกายมีภูมิต้านทานน้อยอยู่แล้ว ก็อาจพาลสิ้นชีวิตไปเลยก็ได้ สูญโอกาสมีชีวิตเข้าสู่โลกยุคพลังงานใหม่ที่เบา สดใส และสุขสงบ เหมาะแก่การอยู่อาศัยมากขึ้น โดยชาวดาว Zetas ให้ความเห็นล่วงหน้าเอาไว้ว่า โลกจะถอยหลังความเจริญในปัจจุบันกลับไปอีก 100 ปี

    ส่วนที่ทราบมาจากชาว Zetas นั้น ก็กล่าวถึงเรื่องพลังงานที่กำลังแปรปรวนเอาไว้เช่นกัน เมื่อมีผู้ถามเข้ามาว่ามีอาการไม่สบายทั้งร่างกายและจิตใจ เกิดอาการแปลกๆโดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งได้รับการชี้แจงว่า เกิดจากคลื่นความถี่ต่ำของชั้นหินใต้เปลือกโลก ที่กำลังได้รับความเครียดส่งคลื่นชนิดนี้ออกมา และคลื่นแม่เหล็กที่ร้อนของดาวหาง และกลุ่มบริวารที่มี่พลังสนามแม่เหล็กที่เข้มข้นสูงกว่าของโลกมาก กำลังเพิ่มอิทธิพลเกิดผลกระทบต่อโลกและสรรพสิ่งต่างๆมากยิ่งขึ้นโดยลำดับ ไปจนกว่าจะผ่านช่วงโลกย้ายขั้วไปแล้วระยะหนึ่ง

    ส่วนผู้ที่มีอาการไม่สบายในลักษณะต่างๆกัน ยังไม่ต้องลงความเห็นว่าจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ให้ลองพิจารณาและจัดหาอุปกรณ์ดังที่กล่าวแล้ว นำมาใช้กับตนเองให้ถูกวิธี ก็จะทราบผลที่ปรากฏขึ้นกับตนเอง และเป็นกำไรชีวิตของตนที่ได้ให้โอกาสตัวเราได้ลองสัมผัสพลังงานของโลกยุคใหม่ หรือพลังงานในคลื่นความถี่สีเหลืองก่อนล่วงหน้า โดยคำแนะนำให้รู้สภาวะปัจจุบันและอนาคตของโลกของพระอาจารย์ ในช่วงระยะแห่งการเปลี่ยนแปลงพลังงานของโลกครั้งยิ่งใหญ่ในรอบ 12,000 ปีที่กำลังจะมาถึง

    ให้ร่างกายและจิตใจมีความคุ้นชิน และเพิ่มภูมิต้านทานเตรียมพร้อมเอาไว้ล่วงหน้า เมื่อถึงเวลาที่พลังงานมีการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคพลังงานใหม่อย่างฉับพลัน ก็จะไม่เกิดอาการช๊อค หรืออาการที่อาจเป็นอันตรายแก่ชีวิตของตนเองขึ้นได้ ในทำนองรู้แล้วกันเอาไว้ก่อน ไม่ต้องใช้ตนเองไปเสี่ยงเอาในตอนนั้น ที่พลังงานของโลกเปลี่ยนเข้าสู่พลังงานยุคใหม่อย่างเฉียบพลัน ที่จะเป็นภาวะของสิ่งแวดล้อมโลกใหม่ ที่จะส่งผลกระทบต่อภาวะของร่างกายและจิตใจของสิ่งมี่ชีวิตบนโลก ที่อาจมีภูมิต้านทานไม่เพี่ยงพอให้เสียหายได้

    ส่วนอุปกรณ์ตัวช่วยก็ไม่ใช่มีเพียงพีระมิด หลายๆเหลี่ยมที่พระอาจารย์รัตน์ค้นพบ แต่เพียงอย่างเดียว หลายๆคนอาจมีอุปกรณ์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีพลังงานคลื่นความถี่สูงติดตัวอยู่ก็ได้ ก็สามารถให้การคุ้มครองแก่ผู้คนเหล่านั้นได้เช่นกัน โดยตนเองควรเข้าใจหลักการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ว่าตนเองจะเชื่อมต่อกับพลังงานของอุปกรณ์และหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เหล่านั้นอย่างไร หากผู้ที่สนใจสอบถามได้โดยตรง ผู้เล่าจะบอกช่องทางให้นำไปศึกษาเอาเอง ไฮไลท์ที่เบอร์โทรข้างล่างท้ายเว็บเพจนี้ หรือที่ ss3.artavan@gmail.com ก็ได้ หากยังมีอินเทอร์เน็ตใช้การได้อยู่ ก็ยินดี

    ที่มา
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 19903_007.jpg
      19903_007.jpg
      ขนาดไฟล์:
      53.1 KB
      เปิดดู:
      570
  7. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    สาส์นประจำสัปดาห์ จากฮิลาริออน ปี 2556 !!!

    waterydis สมาชิก

    วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 3 มีนาึึคม 2556

    ถึงท่านอันเป็นที่รักทั้งหลาย

    ในชีวิตแต่ละวัน เธอจะพบสิ่งต่างๆ รอบๆ ตัวเธอที่เป็นหลักฐานว่าสิ่งเหล่านั้นมาจากการกระทำอันซับซ้อนจากมิติที่สูงกว่า ขณะเดียวกัน สถานการณ์ต่างๆ ที่เต็มไปด้วยความโกรธเคืองและไม่นอนแน่ ดูเหมือนจะค่อยๆ สลายกลายเป็นความสงบและความสุมดลไป สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับทุกคนบนโลกทั้งแบบรายบุคคลและส่วนรวม และสามารถรับรู้ได้ (ว่ามันเกิดขึ้น) โดยเฉพาะจากผู้ทำงานแห่งแสงที่ไวต่อพลังงานใหม่ที่เข้่ามาสู่โลกนี้ ปล่อยให้ผลกระทบจากพลังงานไหลผ่านเธอไปอย่างไร้การต่อต้านและมันก็จะดีเอง พวกเธอแต่ละคนกำลังเห็นว่ามันก็เป็นเช่นนี้ ขณะที่เธอและคนรอบๆ ตัวเธอกำลังปรับตัวกับการรับรู้ (ที่เปลี่ยนไป) ของเธอ เธอจะพบว่าการพูดความจริงด้วยความกล้าหาญและความมุ่งมั่นนั้น มันก่อให้เกิดประโยชน์ในชีวิตของเธอมากกว่ากับการพูดตรงกันข้ามใน

    ผลกระทบหรืออาการต่างๆ ยังจะมีอยู่ในช่วงที่เธอชำระล้างความคิดที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในและไม่เคยถูกนำมาพิจารณาอย่างถี่ถ้วน ความเป็นมนุษย์ของเธอได้เก็บซ่อนความคิดพวกนี้ไว้ตลอดช่วงชีวิตของเธอ และความคิดพวกนี้แหละที่จำกัดความสามารถที่จะใช้ชีวิตอย่างเต็มศักยภาพ บางครั้งความคิดพวกนี้จะต้องถูกแสดงออกค่อนข้่างรุนแรงเพื่อที่เธอหลุดพ้นจากมัน หลังจากนั้น เธอจงขอให้เทพแห่งเพลิงสีม่วง*ทำให้คำพูด (หรือความคิด) ที่ถูกกล่าวออกมานั้นสะอาดและเปลี่ยนเป็นแสงสีขาวบริสุทธิ์ที่ประเสริฐยิ่ง ไม่ว่าอะไรที่เธอได้ปลดปล่อยออกไป อย่าลืมที่จะขอให้แสงสีขาวบริสุทธิ์มาแทนที่ตรงจุดนั้นด้วย

    มันเป็นหน้าที่ของวิญญาณแต่ละดวงที่อยู่เป็นเส้นทางแห่งการเลื่อนระดับ ที่จะต้องตรวจดูและเผ้าระวังความคิดของพวกเขา ตอนนี้เธอกำลังกำจัดวัชพืช เคลียร์พื้นที่เพื่อให้สิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นในสวนแห่งชีวิตของเธอ จงหว่านเมล็ดพันธุ์ที่จะทำให้เธอเจริญเติบโตและเบ่งบาน ในสวนแ่่ห่งยุคทองที่กำลังรอคอยเธออยู่ ความคิด(ที่มีผลดีต่อชีวิต)แต่ละความคิดที่ถูกปลูกลงในสวนนั้นและมันจะตอบแทนเธอด้วยการสนับสนุนและทำให้สิ่งดีๆ ที่รอเธออยู่นั้นเพิ่มมากขึ้น ความคิดที่ดีจะนำผลลัพธ์ที่ดีมาให้และทำให้เธอสุขใจ มันเป็นช่วงเวลาที่จะรับบทเป็นนักเล่นแร่แปลธาตุที่เปลี่ยนธาตุตะกั่วในอดีตให้เป็นธาตุทองในปัจจุบัน

    ขณะที่เธอมีความเชี่ยวชาญในการควบคุมระบบความคิดมากขึ้น เธอจะตื่นตาตื่นใจกับสิ่งที่เป็นไปได้ต่างๆ ที่สามารถทำให้เป็นจริงบนโลกนี้จากเธอ ในฐานะผู้ร่วมสร้างกับผู้สร้าง (Infinite One) มันจะเริ่มในชีวิตของเธอก่อน เธอจะเรียนรู้การเปลี่ยนพลังงานแห่งความคิดให้เป็นรูปที่ปรารถนาได้ นี้จะทำให้เธอ มีความสุขและทำให้แต่ละวันผ่านไปขณะที่เธอทำตามหัวใจและตามความฝัน ความสุขใจจากแต่ละประสบการ์ณจะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด เธอจะได้เรียนรู้วิธีที่จะใช้พลังแห่งความคิดทำให้คนรอบๆ ตัวเธอนั้นมีความสุขไปด้วย ความรู้สึกสุขใจนี้ก่อให้เิกิดความสุขเพิ่มขึ้นไปอีกและนี้แหละคือความคลื่นความถี่ที่จะยกเธอเข้าสู่มิติที่สูงกว่า

    จงทำหน้าที่เป็นผู้นำสันติภาพและทูตแห่งแสงต่อไปในระหว่างที่เธอฝึกฝนความสามารถและพลังใหม่ของเธอ อย่าไปกังวลกับความคิดเก่าๆ ที่ปรากฏขึ้นและแสดงออกทางสีหน้าและคำพูด ในมุมมองที่สูงส่งนั้น มันโอเค(ที่จะความคิดเหล่าีนี้ยังมีอยู่) จงมีความอ่อนโยนและเมตตาต่อตัวเธอเองเพราะเธอกำลังอยู่ในการเปลี่ยนตัวตนทั้งหมดของเธอ ซึ่งมันเกิดขึ้นในขณะที่เธอยังอยู่ในร่างเนื้อ การเปลี่ยนแปลงอย่างนี้ (เลื่อนระดับโดยยังไม่ทิ้งร่างเนื้อ) ไม่เคยเกิดบนดาวดวงไหนมาก่อน เราเล็งเห็นว่าทุกอย่างเป็นไปด้วยดีและกำลังให้ผลในพวกเธอแต่ละคน เธอจะได้รับ(ความช่วยเหลือ)เมื่อเธอขอจากพวกเรา มันสิ่งสำคัญที่ควรจำไว้ว่า เธอต้องเป็นผู้เอยปากขอเอง เจอกันสัปดาห์หน้า…

    เราคือฮิลาริออน

    ที่มา http://palungjit.org/threads/ข้อควา...ของมนุษยชาติ-ไปสู่มิติที่-5-a.246190/page-346
     
  8. 123go

    123go เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +302
    ถูกต้องแล้ว ต้องเชื่อพระพุทธเจ้า :cool:แต่ ...ไม่เชื่อเจ้านายแก ทำมะชาโย จะมีไรใหม คำสอนมันเพี้ยนสุดๆ แล้วมาอ้างเป็นพุทธ
    ได้ไง.. มานมาทำลายศาสนา ชัดๆ แต่ว่า.... นายกะเสม ( 555 โทษที ไม่ได้ว่าใครนะ แต่ชื่อมันอาจจะพ้อง555) มันช่าง โง่....โง่.... ดับเบิ้ลโง่...เชื่อเข้าไปได้ แล้วยังมาอ้างว่านับถือ หลวงพ่อฤาษี ลองฟังดูนะในเทปนะ ฟังดูนะ.. นายกะเสม ตอนที่บอกว่า "พระจังไร" นะ อย่าสะดุ้งก็แล้วกัน 555 :boo:
     
  9. 123go

    123go เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กุมภาพันธ์ 2013
    โพสต์:
    76
    ค่าพลัง:
    +302
    เอาละซิ ไม่เห็นมันแตกแยกตรงใหน พอหางโผล่ ก็จะหาเหตุลบหลักฐานซะนี่ ปล่อยไว้งี้แหละ ประจานกันจะๆ เลย คนอ่านเค้าเลือกเชื่อเองแหละ อย่า...อย่ามาทะเนียน นะจ๊ะ พวกหลงไหล....ลัทธิจานบิน :boo:
     
  10. พญาเสือดาว

    พญาเสือดาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +503
    ทุกอย่างอยู่ที่ใจ ทำดีใด้ดีทำชั้วใด้ชั้วครับ คุณตัวเขียว คิดหว่าทำถูกไม่ต้องกลัวครับ
     
  11. พญาเสือดาว

    พญาเสือดาว เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 พฤศจิกายน 2011
    โพสต์:
    452
    ค่าพลัง:
    +503
    เเต่ผมหว่าคุณกลัวเเน่นอนครับ 555555 กลัวอย่างเเรงด้วยครับ
     
  12. joyplayerman1

    joyplayerman1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 มิถุนายน 2010
    โพสต์:
    138
    ค่าพลัง:
    +331

    ถูกต้องตามนั้นครับ เกษม ... อันดับแรก รบกวนลบโพสที่เกี่ยวข้องกับการ"ประชาสัมพันธ์วัดธรรมกาย"

    ไม่ว่าจะทางใดก็ตามที่ทำให้คนเข้าถึงวัดธรรมกายได้ เพราะผู้นำวัด "นายทำมะไชโย" ก้อถูกวินิจฉัยไปนานแล้ว ขาดจากความเป็นพระ .. เกษม ควรลบโพสที่เกี่ยวข้องก่อนเลยครับ

    ปล.. ขอปรามาส ดูถูก เหยียดหยาม ลบหลู่ สาปแช่ง.. วัดธรรมกายและผู้นำ รวมถึงผู้ที่หลงใหลศรัทธาวัดนี้ .... ทุกคน .. โดยเฉพาะคนที่พยายามทำให้คนที่ยังไม่หลง แล้วพยายามลากไปให้หลง...
     
  13. kb 2500

    kb 2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +873
    ท่านคิดว่าท่านมีสถานะเป็นผู้สนับสนุนเว็ปพลังจิตเป็นพิเศษ.. กว่าท่านสมาชิกอืนๆ ก็ได้สิทธโพสก์ผูกส่งข้อความได้คนเดียวหรือครับ ถาม-สงสัยอะไรไม่ได้เลยหรือ คำถามไม่ชอบใจ-ไม่ถุกใจ ยกมาว่าปรามาส ขู่นรก ห้ามสวรรค์
    บางโพสก์ที่ท่านก็อปลิ้งหามาก็ลงไร้สาระ -บ้าๆบอ ปะปนมั่วไปหมด หนีหายเพราะไม่จริงก็หลายราย ไม่เห็นท่านแสดงความรับผิดอะไรเลยครับ..
     
  14. zixma99

    zixma99 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2011
    โพสต์:
    300
    ค่าพลัง:
    +1,175
    ท่าน เกษม เป็น ผู้วิเศษ คร้าบบ ไม่ต้องรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น :cool:
     
  15. BeforEnd

    BeforEnd เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    30 กันยายน 2009
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +209
    เว็บนี้เค้าเป็นประชาธิปไตยครับ ใครจะแสดงความคิดเห็นยังไงก็ได้ครับ
    คุณไม่มีสิทธิ์อะไรที่จะมาบังคับให้ชาวบ้านเค้าต้องคิดแบบคุณ เห็นด้วย
    กับคุณหรอกครับ

    พอคนเค้าไม่เห็นด้วย ก็หาว่าเค้าสร้างความแตกแยก อ๋อเหรอครับ งั้นแสดง
    ว่า คนที่ไม่สร้างความแตกแยก คือคนที่เห็นด้วยกับคุณเท่านั้นเหรอครับ

    หัดใจกว้าง แล้วรับฟังคนอื่นบ้างครับ คุณเกษม เพราะคุณมันใจแคบ
    ในเมื่อใจแคบ ก็อย่าทำเป็นคนดี ทำตัวทรงความรู้ นักเลยครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 1 มีนาคม 2013
  16. เจ้าหญิงแพร

    เจ้าหญิงแพร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กันยายน 2008
    โพสต์:
    378
    ค่าพลัง:
    +390
    ดุเดือด!!! กระทู้คนหลงว่าตัวเองจะไม่ตาย ก็เลยหาคำทำนายไปวันๆ
     
  17. kb 2500

    kb 2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +873
    อันนี้ผมสงสัยจริงๆครับ หลายๆกระทู้แล้ว ที่ถามไป..แต่มันหายไปเฉยเลย...

    ล้วนแต่ที่ท่านเกษม นำมาก๊อปลงทั้งนั้นเลยครับ ...ต้องสนับสนุนเว็ปเป็นพิเศษ

    จึงทำได้อย่างท่านใช่ใหมครับ..ถ้าอย่างนั้น ต้องใช้ทรัพยากรทุนทรัพย์อย่างไร

    จึงมีสถานะแบบท่านเกษมได้บ้างครับ...อยากทำเพื่อศา่สนาพุทธเช่นกันครับ

    โปรดอย่าคิดข้องหมองใจ ..เราอาจรักศาสนาเหมือนกัน แต่ต้องเป็นข้อที่ความรู้

    สงสัย..ควรมีคำตอบที่สมเหตุ-ผล ตามครรลองคลองธรรม สมเหตุชาวพุทธ
    .
     
  18. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ที่ผมต้องคอยตักเตือนและห้ามปราม เพราะผมได้เรียนรู้และเข้าใจในเรื่องของ "กฏแห่งกรรม" มาดีแล้วว่า ผู้ใดก็ตามที่ได้กระทำการปรามาส ล่วงเกินผู้ทรงศีลทรงธรรมนั้น จะต้องได้รับผลกรรมอันหนักหนาสาหัสเพียงใด ผมสงสารพวกคุณที่ยังไม่รู้เรื่องกฏแห่งกรรม เพราะไปเอาเหตุผลทางโลกมาใช้กับเรื่องกฏแห่งกรรมนั้นไม่ได้ กฏแห่งกรรมนั้นเป็นกฏแห่งการสะท้อนกลับ เมื่อคุณทำกรรมเช่นใดก็จะต้องได้รับผลเช่นนั้น อย่างไม่มีทางที่จะหลีกเลี่ยงไปได้

    ยกตัวอย่างพวกดารานักแสดงและนักร้อง ถ้าคุณจะมองเหตุผลในทางโลก ก็ไม่เห็นว่าพวกเขาทำผิดแต่ประการใด เพราะเป็นการสร้างความบันเทิงเริงใจให้กับผู้คนทั่วไป แต่ในทางกฏแห่งกรรมแล้ว กลับเป็นไปในทางตรงกันข้ามเลยทีเีดียว เพราะกฏแห่งกรรมเขาถือว่า ผู้ใดก็ตามที่กระทำตัวขัดกับคำสอนของพระพุทธเจ้า ที่ให้ละความ โลภ โกรธ หลง เพื่อไปพระนิพพาน แต่พวกดารานักร้องทั้งหลาย กระทำตัวให้คนหลงติดใน รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ทำให้ต้องวนเวียนเกิดตายอยู่ในวัฏฏะสงสารแห่งนี้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด จึงต้องถูกลงโทษสถานหนักนั่นเอง

    ผมได้เคยอ่านเรื่องผู้ที่ตายไปแล้วฟื้น กลับมาเล่าเรื่องที่ได้ไปพบเจอกับพญามัจจุราช มีใจความว่า เขาได้ถามกับพญามัจจุราชว่า มนุษย์เราต้องนับถือศาสนาไหนถึงจะไม่ต้องตกนรก พญามัจจุราชได้ตอบว่า ในนรกนี้ไม่มีแบ่งแยกว่าคนที่จะตกนรกหรือไม่ตกนรกนั้นต้องนับถือศาสนาไหน ไม่แบ่งแยกว่าท่านจะนับถือพระสงฆ์องค์ไหน เทพเจ้าองค์ไหน เทวดาองค์ไหน ในนรกนี้มีแต่บุญและบาปเท่านั้น ที่จะตัดสินพวกเจ้า หากพวกเจ้าทำผิดในกฏแห่งกรรมแล้ว ก็จะต้องได้รับผลกรรมในนรกแห่งนี้ เท่าเทียมกันหมดไม่มียกเว้น หลังจากนั้นจึงได้ส่งคนที่ตายแล้วฟื้นนั้น กลับมายังโลกมนุษย์ เพราะเขายังไม่หมดอายุขัย...

    สรุปว่าสิ่งที่พวกท่านยังไม่รู้และไม่เข้าใจ ยังมีอีกมากมายนัก เปรียบเสมือนใบไม้นอกกำมือของพระพุทธเจ้า ซึ่งมีอยู่มากมายเหลือคณานับ สิ่งที่หมู่คณะเราได้ออกมาเตือนเรื่องของภัยพิบัติ ก็เพราะได้รับความเมตตาบอกเตือนมาจากพระอริยสงฆ์ และผู้ทรงศีลทรงธรรม ทั้งที่เป็นพระสงฆ์และฆราวาสอีกมากมายหลายท่านด้วยกัน ท่านเหล่านี้ต้องการช่วยเหลือคนที่มีศีลมีธรรม ได้รู้ตัวว่ากำลังจะมีอันตราย ที่กำลังจะเกิดขึ้นกับโลกมนุษย์นับจากนี้ไปอีกไม่นานนัก จะได้เตรียมตัวเตรียมใจ รับมือกับภัยพิบัติเหล่านี้ได้ทันการณ์ทันเวลาครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มีนาคม 2013
  19. kb 2500

    kb 2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    143
    ค่าพลัง:
    +873

    ท่านเกษมเชื่อว่าตัวมีความมั่นใจ มีหน้าที่ๆจะต้องจะบอกในกระทู้นี้เพราะมีเอกสิทธิสมควรมากกว่าใครๆใดๆทั้งสิ้น..ว่างั้นเลยหรือครับ..
    คิดเองเออเองหรือป่าวครับ
     
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    "กรรมที่พ่อแม่ไม่อยากรับรู้ แต่ลูกก็ต้องรับ"

    [​IMG]

    กรรมที่พ่อแม่ไม่อยากรับรู้ แต่ลูกก็ต้องรับนี้คือกรรมแบบไหน แตกต่างจากกรรมในเรื่องอื่นอย่างไร ถึงแม้ว่าพ่อแม่จะไม่อยากรับรู้ในสิ่งที่ตัวเองเคยทำไว้ อยากลืมๆ ไปเสียก็ตาม หรืออาจจะลืมไปแล้วจริงๆ แต่ถึงอย่างไรลูกก็ต้องมีส่วนรับในผลกรรมของพ่อแม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ สิ่งต่างๆ ในโลกนี้ย่อมมีที่มาที่ไปตามแรงของกรรม ถ้าครอบครัวไหนพ่อแม่ปู่ย่าตายายทำบุญสร้างกุศลไว้ ผลบุญก็ส่งถึงลูกหลานให้ประสบความสำเร็จเจริญรุ่งเรือง

    แต่ถ้าครอบครัวไหนพ่อแม่ปู่ย่าตายายสร้างบุญไว้น้อย หรือถ้าไม่เคยได้สร้างบุญกุศลอะไรไว้เลย ทั้งยังใช้ชีวิตอย่างรู้ไม่ทันกรรม ทำแต่ความไม่ดีแล้ว นอกจากคนได้รับผลของกรรมแล้วยังส่งผลถึงลูกหลาน ที่เรียกว่า ทายาทแห่งกรรม ดังพระธรรมคำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่พระองค์ทรงตรัสไว้และถูกบันทึกไว้ในพระไตรปิฏก เล่มที่ ๒๒ พระสุตตันตปิฏก เล่มที่ ๑๔ อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต ๗ใ ฐานสูตร ดังนี้

    "ดูกรภิกษุทั้งหลาย ฐานะ ๕ ประการนี้ อันสตรี บุรุษ คฤหัสถ์หรือบรรพชิตควรพิจารณาเนือง ๆ ว่า

    เรามีความแก่เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความแก่ไปได้ ๑

    เรามีความเจ็บไข้เป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความเจ็บไปได้ ๑

    เรามีความตายเป็นธรรมดา ไม่ล่วงพ้นความตายไปได้ ๑

    เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งสิ้น ๑

    เรามีกรรมเป็นของตน เป็นทายาทแห่งกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด

    มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ์ มีกรรมเป็นที่พึ่ง จักทำกรรมใดดีก็ตาม ชั่วก็ตาม

    เราจะเป็นผู้รับผลของกรรมนั้น ๑ "

    ถึงแม้ว่าคำกล่าวนี้พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้เมื่อ ๒,๖๐๐ กว่าปีล่วงมาแล้ว แต่ก็ยังเป็นจริงจวบจนปัจจุบัน.....เจริญธรรมค่ะ

    (จากหนังสือ กรรมที่พ่อแม่ไม่อยากรับรู้ แต่ลูกก็ต้องรับ ดร.แม่ชีทศพร เทวาพิทักษ์ธรรม)

    ที่มา www.thossaporn.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 2 มีนาคม 2013

แชร์หน้านี้

Loading...