ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ในการทำพระเครื่องและวัตถุมงคลที่เป็นเหรียญนั้น ส่วนใหญ่ทำมาจากทองแดงครับ และที่ผมบอกว่าอาจจะเป็นอันตรายเมื่อทองที่ชุบ หลุดลอกออกมาแล้วนั้น ผมหมายถึงอันตรายของทองแดงครับ

    ทองแดง (Copper) เป็นโลหะที่มีความหนาแน่น จุดเดือดและจุดหลอมเหลวสูง พบได้ตามธรรมชาติ ทั้งในดิน หิน น้ำและอากาศ อาจอยู่ในรูปธาตุอิสระหรือสารประกอบ เช่น Cu2O, Cu2S, CuF, CuSO4, CuFeS2 เป็นต้น ทองแดงเป็นตัวนำความร้อนและไฟฟ้าที่ดีรองจากเงิน ปัจจุบันจึงมีการนำมาใช้ในอุตสาหกรรมหลายชนิดเช่น ใช้ผลิตลวด สายไฟ ท่อน้ำ นอกจากนี้ยังใช้เป็นสารเคมีทางการเกษตร สารกำจัดศัตรูพืชและสัตว์รบกวนต่างๆ การทำสีย้อม เป็นต้น ส่งผลให้มีการแพร่กระจายของทองแดงสู่สิ่งแวดล้อมมากขึ้น ซึ่งเราอาจได้รับทองแดงจากการหายใจ การดื่มน้ำ การบริโภคอาหารในชีวิตประจำวัน ทองแดงมีความจำเป็นต่อร่างกายสิ่งมีชีวิตถ้าได้รับในปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกาย โดยเป็นส่วนประกอบที่สำคัญในกระดูกและกล้ามเนื้อ

    กลไกการเกิดพิษ

    การเกิดพิษขึ้นอยู่กับปริมาณที่ได้รับเข้าไป ช่องทางที่ได้รับและสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล ทองแดงถูกดูดซึมได้ดีในกระเพาะอาหารและลำไส้ส่วนบน โดยซึมผ่านเข้าผนังลำไส้ไปที่ตับ จากนั้นจะรวมตัวกับน้ำดี แล้วถูกหลั่งออกมาบริเวณลำไส้ ขับออกไปกับอุจจาระ หรืออาจถูกดูดกลับเข้าสู่ร่างกายได้ 30% โดยไปสะสมที่กระดูก กล้ามเนื้อ ตับ สมอง การสะสมจะมากที่ตับและสมอง

    เมื่อได้รับทองแดงในปริมาณมากจะทำให้เกิดความเป็นพิษต่อร่างกาย คือ คลื่นเหียนอาเจียน เกิดการอักเสบในช่องท้องและกล้ามเนื้อ ท้องเสีย การทำงานของหัวใจผิดปกติ กดระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายและอาจส่งผลให้เกิดความผิดปกติทางจิต ส่วนอาการเรื้อรังจากการได้รับติดต่อกันเป็นเวลานาน และตับทำหน้าที่บกพร่อง ไม่สามารถขับทองแดงออกจากร่างกายได้ตามปกติ จึงทำให้มีการสะสมอยู่ในร่างกายเป็นปริมาณมาก ส่งผลให้เกิดความผิดปกติของร่างกาย หรือกลุ่มอาการ Wilson' Diseases คือ ร่างกายสั่นเทาอยู่ตลอดเวลา กล้ามเนื้อแข็งเกร็ง มีน้ำมูกน้ำลายไหล ควบคุมการพูดลำบาก

    ทีี่่มา ..::
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 24 พฤศจิกายน 2012
  2. pmntr

    pmntr เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 กรกฎาคม 2005
    โพสต์:
    631
    ค่าพลัง:
    +2,244
    การทำโมเดลหรือแบบจำลองด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์
    จำเป็นต้องนำค่าตัวแปรต่าง ๆ ใส่ให้โปรแกรม
    หากเอาค่าพารามิเตอร์ตัวแปรต่าง ๆ ใส่เข้าไปอย่างไม่ถูกต้อง
    มากเกินไป หรือน้อยเกินไป และไม่ตรงตามความเป็นจริง
    จะได้แบบจำลองที่เป็นเพียงความคิด หรือรันไม่ได้
    จึงไม่สามารถนำเอาไปใช้จริงได้นะครับ

    แนะนำเฉย ๆ ครับ
    *เพราะการเลือกตัวแปรก็ขึ้นอยู่กับทักษะและความชำนาญด้วย
     
  3. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    24 พ.ย. 55

    เพิ่งปิดสถานีไปสักพัก สัญญาณแจ้งเตือนแผ่นดินไหวเข้ามาสองครั้งเลยต้องเปิดใหม่

    เวลา 17.00น.และ 17.09น.

    ขอให้ระมัดระวัง คงช่วยได้เท่านี้

    ขอให้โชคดีครับ

    มหาประชาบดี ๙๗

    เหตุการณ์ : M 5.3, Moro Gulf, Mindanao, Philippines
    ความลึก : 600.30 km
    เมื่อ : 25 พฤศจิกายน 2012 3:28:49 AM

    เหตุการณ์ : M 4.9, Halmahera, Indonesia
    ความลึก : 199.60 km
    เมื่อ : 25 พฤศจิกายน 2012 5:13:35 AM

    ที่มา

    ENGINEER03
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 25 พฤศจิกายน 2012
  4. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
  5. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    เมื่อมีสัญญาณเตือนเข้ามาถึ่ยิบอย่างนี้ ทุกๆท่านต้องคอยสังเกตุอาการสัตว์เลี้ยง และสัตว์ต่างๆที่อยู่ในธรรมชาติในระยะนี้เอาไว้ให้ดีครับ ว่ามันมีอาการผิดปรกติหรือไม่ ถ้ามีอาการผิดปรกติไปจากเดิม ต้องคาดการณ์เอาไว้ก่อนว่ามันคงจะได้รับสัญญาณอันตรายบางอย่าง จึงมีอาการลุกลี้ลุกลนผิดไปจากปรกติ และทุกๆท่านควรรีบปฏิบัติตัวเตรียมรับมือกับแผ่นดินไหว ตามที่ได้มีการแนะนำเอาไว้ ในห้องภัยพิบัติและการเตรียมการแห่งนี้ครับ
     
  6. พลอยรุ้ง

    พลอยรุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,088
    ใช่ค่ะ ถ้านำความเชื่อส่วนตัว หรือความลำเอียง (อคติ -บางคนก็ไม่รู้ว่าตัวเองมี) ใส่ลงไปด้วย ไม่ว่าโมเดลนั้นจะดูสวยหรูอย่างไร ก็ใช้ไม่ได้ค่ะ
     
  7. พลอยรุ้ง

    พลอยรุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,088
  8. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ช่วงวันที่ 21 ธ.ค.55–14 ก.พ.56
    จะมีปรากฏการณ์เรียงตัวของดวงดาว 12 ดวง !!!

    [​IMG]

    ข้อมูลจากพระอาจารย์รัตน์ รตนญาโณ เจ้าอาวาสวัดดอยเกิ้ง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน

    • ท่านให้ข้อมูลว่าในปัจจุบัน ตามปฏิทินชาวมายันนั้น เข้าสู่ปลายยุคที่ 5 ดิน น้ำ ลม ไฟ จะแปรปรวนหนัก จะมีแผ่นดินไหว น้ำท่วม แห้งแล้ง เกิดลมพายุแปรปรวนผิดไปจากธรรมชาติที่เคยเกิดขึ้น รวมทั้งน้ำ ทั้งลม และ ไฟ ในร่างกายมนุษย์ ก็แปรปรวน มนุษย์จำนวนไม่น้อย จะรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง เหนื่อยง่าย เจ็บป่วยง่าย ภูมิต้านทานโรคลดลง ธาตุน้ำในร่างกายจะถูกดูดออกไป เส้นแม่เหล็กโลกจะแปรปรวนมากขึ้น ท้องฟ้า จะมีสีแดงปนม่วงบ่อยครั้งขึ้น

    พระอาจารย์รัตน์ ฯ ได้กล่าวถึงมหันตภัยโลกครั้งใหญ่ ที่จะเกิดขึ้นในช่วง ปี 2012-2014 ว่า

    • มหันตภัยที่จะเกิดขึ้นในครั้งนี้ เปรียบเหมือนกับการรื้อบ้านหลังเก่าทิ้ง เพราะใช้อยู่อาศัยมานาน จนเสา พื้น ฝ้า เพดาน หลังคา ผุ รั่ว เกินความสามารถที่จะซ่อมแซมให้ดีได้ดังเดิม การรื้อและสร้างใหม่จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด แต่โลกไม่แตก ไม่ดับสูญแน่นอน ช่วงที่ต้องระวังเป็นพิเศษ คือ ช่วงวันที่ 21 ธ.ค. 55 – 14 ก.พ. 56 เป็นช่วงที่มีความเสี่ยงสูงที่จะมีภัยพิบัติใหญ่เกิดขึ้น

    • ช่วงเวลาดังกล่าว น่าจะมีปรากฏการณ์เรียงตัวของดวงดาว 12 ดวง ซึ่งหมายความว่า ในช่วงเวลาดังกล่าว ย่อมมีพลังแรงดึงดูด จากดาวทุกดวง จะมีมากที่สุด จนถึงขั้นที่ อาจมีความรุนแรงถึงขนาด สามารถทำให้แกนแม่เหล็กโลกจากทิศเหนือ-ใต้ พลิกเปลี่ยนเป็นชี้ไปทางทิศตะวันออก-ตะวันตก และ ในอนาคตเราอาจจะได้เห็นดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก แทนทิศตะวันออกก็อาจเป็นไปได้ พระอาจารย์รัตน์ ฯ ค่อนข้างกังวลกับ 56 วันมหาอันตราย ในช่วงวันที่ 21ธ.ค.55 จนถึงวันที่ 14 ก.พ.56 มาก

    - เมื่อใกล้กับวันเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว จะมีสิ่งบอกเหตุที่สำคัญคือ หากมองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้านทิศเหนือ มนุษย์จะเห็นว่า ตำแหน่งของดาวเหนือ เปลี่ยนไปราวกับว่าอยู่ไกลออกไปมากกว่าแต่ก่อน จึงพลอยทำให้แสงสว่างของดาวเหนือลดลง ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว ดาวเหนือยังคงอยู่ที่เดิม แต่แกนแม่เหล็กโลกต่างหาก ที่กำลังเปลี่ยนทิศ ซึ่งสื่อความหมายว่า ขั้วแม่เหล็กโลก พร้อมแล้วที่จะเปลี่ยนขั้วแม่เหล็กจากเหนือ-ใต้ เป็นขั้วแม่เหล็กตะวันออก-ตะวันตกแทน

    ในช่วง 3 ปีนี้ คือปี 2012-2014 (2555-2557) คาดว่าคนไทยอาจได้พบกับปรากฏการณ์

    • แผ่นดินไหวอย่างรุนแรง เสียงแผดร้อง คำรามอย่างบ้าคลั่งของฟ้า ลมพายุ แผ่นน้ำแข็งที่เกิดจากคาร์บอนมอนนอกไซด์ หล่นจากฟากฟ้า และ ในท้ายที่สุดคือ การเกิดน้ำท่วมใหญ่ กวาดล้างสรรพสิ่งโสโครก ปฏิกูล ผลพวงจากโลกใบเก่าทิ้งไปกับน้ำ ที่รุนแรงมากกว่าปี 2554 หลายเท่า ก็อาจเป็นได้ และ ในอนาคตอันใกล้ประเทศไทยจะอยู่ในเขตอบอุ่น ไม่ใช่เขตร้อนดังแต่ก่อน ก็อาจเป็นไปได้

    พระอาจารย์รัตน์ ฯ ให้สังเกต และเตือนว่า

    1. ในวันใดก็ตาม ในเวลาประมาณบ่ายสามโมง (15.00 น.) จะมีแสงสว่างวาบมาจากท้องฟ้า เป็นแสงมหัศจรรย์ มีประกายเจิดจ้าอย่างไม่มีประมาณ ไร้สิ่งเปรียบเทียบ เพราะเป็นแสงที่เกิดจากการปะทะ พุ่งชน เสียดสีของพลังงานบวกกับพลังงานลบจากสองกาแลคซี่ ทั้งดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ ต่างได้รับแสงสว่างนี้ถ้วนทั่วกัน รวมทั้งมนุษย์ในโลก เสียงโจษขานอึงคะนึงจากกลุ่มคนทั่วทิศทาง ถามไถ่กันขรมว่าเป็นแสงอะไร หากได้ยินเช่นนี้แล้ว ให้รีบหลับตาหลบอยู่ในที่พักอาศัย ไม่ต้องติดตามมวลชนออกไปเพื่อหาต้นกำเนิดของแสงบาดตาที่มีอานุภาพทำให้ตาบอดได้ทันที

    2. ถัดมาในตอนกลางคืน เวลาประมาณสามทุ่ม (21.00น.) จะเกิดเสียงดังกึกก้องกัมปนาท เป็นพลังงานเสียงที่มีอัตราความดังสูงเกินพิกัดปกติอย่างมาก เสียงคำราม แผดก้อง เขย่าขวัญ เกินประมาณ ดังมาจากทั่วสารทิศ ทำให้แก้วหูแตกได้ฉับพลัน จึงควรหาอุปกรณ์ สำหรับอุดหูเพื่อป้องกันแก้วหูแตก หรือ ป้องกันขวัญผวาไปกับการได้ยินสรรพสำเนียง แปลกประหลาดที่บาดหู บาดใจ เหล่านั้น (เตรียมอุปกรณ์อุดหูให้พร้อมสำหรับทุกคนในครอบครัว ก่อน 21 ธันวาคม 2012 ก็น่าจะอุ่นใจดี- มงคลฯ)

    3. การปะทะกันของพลังงานบวกกับพลังงานลบ ทำให้แสงมีคลื่นความถี่สูง การพลิกวงโคจรของดาวถ่วงดุล และแกนโลก ทำให้มีอัตราความดังของเสียงอย่างไม่มีประมาณ พุ่งเข้ามาในโลกเต็มชั้นบรรยากาศ แผ่นดิน ผืนน้ำ แผ่นหินเปลือกโลก เป็นสาเหตุของการเกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง โลกตกอยู่ในความมืดสนิทอย่างไม่รู้วันรู้เวลาอย่างน้อย 3 วัน 3 คืน พวกเราอาจจะมีโอกาสเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตก ก่อนหน้าที่จะมีเหตุการณ์ใหญ่ ให้สังเกตดีๆ ดวงอาทิตย์จะเคลื่อนไปเรื่อยๆ จนในที่สุด จะขึ้นทางทิศตะวันตกแทนทิศตะวันออก หลังผ่านช่วงวิกฤติในการเปลี่ยนแปลง

    • หากเตรียมตัวพร้อมและปฏิบัติตนด้วยความไม่ประมาท จะสามารถรักษาชีวิตรอดไว้ได้ พวกเราจะมีโอกาสเริ่มชีวิตใหม่กันอีกครั้ง กับขั้วแม่เหล็กตะวันออก แทน ขั้วแม่เหล็กหนือ

    • พระอาจารย์รัตน์ฯ ท่านให้ข้อมูลว่า เป็นช่วงที่ความเจริญทางจิตจะเกิดขึ้น เป็นยุคเริ่มต้นของวิทยาศาสตร์ทางจิต คนจะมีอภิญญากันง่าย และจะบรรลุธรรมกันง่ายและมากขึ้น หลังจากภัยพิบัติใหญ่ยุติลง

    ที่มา เตรียมกาย เตือนใจ ในการรับมือกับภัยพิบัติ > Thai Portal Web
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2012
  9. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    25 พ.ย. 55 มาแต่เช้า

    10.19น.

    มหาประชาบดี ๙๗
     
  10. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    สัญชาติญาณเตือนภัยพิบัติของสัตว์ !!!

    [​IMG]

    สัตว์นั้นมีสัญชาติญาณ สามารถรู้ล่วงหน้าถึงภัยพิบัติที่กำลังจะเกิดขึ้นได้จริงหรือ?

    ก่อนเกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้นที่ประเทศจีน เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2551 มีกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เฝ้าสังเกตพฤติกรรมแพนด้า ต่างรายงานว่าก่อนเกิดแผ่นดินไหวไม่นาน แพนด้าก็ต่างแสดงอากัปกริยาลุกลี้ลุกลน เหมือนจะรู้ว่ากำลังจะมีภัยร้ายเกิดขึ้น

    2518 แผ่นดินไหวเมืองไฮชิง ​

    [​IMG]

    หลายครั้งที่สัญชาติญาณชี้เตือนภัยของสัตว์ถูกเมิน ไม่ได้รับความสนใจ จนกระทั่งเกิดโศกนาฏกรรมขึ้น แต่ในเดือนกุมภาพันธ์ 2518 นักวิทยาศาสตร์ในเมืองไฮชิง ประเทศจีน ต่างสงสัยเมื่อแมวแสดงอากัปกริยาหวาดระแวง และหมาก็เริ่มเห่าหอนไม่หยุดหย่อน จนนักวิทยาศาสตร์เกิดความเชื่อมั่นว่ากำลังจะมีภัยพิบัติเกิดขึ้น

    เจ้าหน้าที่จึงได้สั่งให้ทำการอพยพผู้คน หนีภัยออกจากเมืองในทันที เพียง 5 ชั่วโมงครึ่งหลังจากนั้นก็เกิดแผ่นดินไหวขึ้นที่เมือง วัดแรงสั่นสะเทือนได้ระดับ 7.3 ริกเตอร์ ในครั้งนั้นมีผู้คนเสียชีวิตแค่ 2,000 คน ส่วนตัวเมืองนั้นพังราบ ผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์กันว่าหากไม่ได้ทำการอพยพ คงจะมีผู้เสียชีวิตถึง 150,000 คน

    นับเป็นครั้งแรกที่เมืองได้รับการอพยพหนีก่อนเกิดแผ่นดินไหว ในครั้งนี้สัตว์ก็ได้รับการยอมรับจากทุกฝ่ายว่าช่วยเตือนถึงอุบัติภัยที่กำลังจะเกิดขึ้น

    2538 แผ่นดินไหวเมืองโกเบ​

    [​IMG]

    ในเดือนมกราคม 2538 ณ เมืองโกเบ ประเทศญี่ปุ่น เกิดแผ่นดินไหว ระดับ 7.2 ริกเตอร์ มีผู้เสียชีวิตถึง 6,400 คน ผู้บาดเจ็บ 27,000 คน โดยก่อนหน้าเกิดแผ่นดินไหว ผู้คนในเมืองต่างสังเกตว่าสุนัขทั่วทั้งเมืองต่างเห่าต่อเนื่อง ไม่มีหยุดตลอดวันตลอดคืน

    น.พ.คิโยชิ ชิมามูระ ได้ศึกษาแผ่นดินไหวครั้งนี้โดยละเอียด และพบว่ามีรายงานสุนัขกัดคนเพิ่มมากขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ก่อนเกิดแผ่นดินไหว จึงตั้งสมมุติฐานว่าสัตว์นั้นรู้ล่วงหน้าถึงแผ่นดินไหวจึงเกิดอาการเคร่งเครียด

    2547 พายุเฮอริเคนชาร์ลี​

    [​IMG]

    ในเดือนสิงหาคม 2547เกิดพายุเฮอริเคนถล่มรัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา มีผู้เสียชีวิต 10 คน ก่อความเสียหาย 16 ล้านดอลลาร์

    เมื่อทีมนักชีววิทยาทางทะเลได้กลับมาทบทวนดูข้อมูล ก็พบว่ากลุ่มฉลาม 14 ตัวซึ่งได้ติดเครื่องส่งสัญญาณวิทยุเพื่อศึกษาพฤติกรรมการเคลื่อนไหว นั้นรู้ล่วงหน้าก่อนแล้วว่าพายุกำลังจะมา จึงได้ว่ายหนีจากพายุไปไกล รอคอยจนภัยพิบััติผ่านพ้นไปแล้วถึงสองสัปดาห์ จึงได้กลับมาหากินแหล่งเดิม คุณมิเชล ฮูเพล นักวิทยาศาสตร์นั้นกล่าวว่า “สัตว์เหล่านี้รับรู้ถึงสภาวะแวดล้อมได้มากกว่าที่เราคิด”

    2519 แผ่นดินไหวเมืองตังฉาน​

    [​IMG]

    ในเดือนกรกฏาคม 2519 ประเทศจีนถูกแผ่นดินไหว ระดับ 7.8 ริกเตอร์ เมืองตังฉาน ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรมนั้นถูกกระทบอย่างหนัก มีผู้เสียชีวิตถึง 240,000 คน

    ช่วงระยะเวลาไม่กี่ชั่วโมงก่อนเกิดแผ่นดินไหว สถานีวิทยุท้องถิ่นได้รายงานถึงหมีแพนด้าซึ่งเอามือกุมหัว ร้องโหยหวนไม่มีหยุด คนเลี้ยงแพนด้านั้นรู้สึกแปลกใจ แต่ในภายหลังจึงเข้าใจและเชื่อว่าแพนด้าคงรู้สึกได้ล่วงหน้าว่าแผ่นดินไหวกำลังจะมา

    2482-2488 สงครามโลกครั้งที่สอง​

    [​IMG]

    ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง มีคนอังกฤษเสียชีวิตกว่า 450,000 คน มีผู้กล่าวว่าคงจะมีผู้เสียชีวิตมากยิ่งกว่านี้อีก ถ้าหากไม่ได้รับเสียงเตือนภัยจากสัตว์เลี้ยงผู้ซื่อสัตย์

    ในขณะที่เรือบินรบจากเยอรมันกำลังจะเข้ามาทิ้งระเบิดอังกฤษ สุนัขและแมวก็มักจะร้องเห่าหอนเตือนให้เจ้าของหาที่หลบกำบัง

    “บางคนคิดว่ามีแรงสั่นไหวเบาๆ ก่อนเกิดเหตุซึ่งคนไม่สามารถรู้สึกได้ บางทฤษฏีก็ว่ามีการเปลี่ยนแปลงขององค์ประกอบกาซในอากาศหรือประจุไฟฟ้า” คุณรูเพิร์ต เชลล์เดรก นักวิทยาศาสตร์ ผู้ศึกษาถึงประสาทสัมผัสที่หกของสัตว์อย่างลึกซึ้ง กล่าว “แต่นั่นก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าสัตว์รู้ได้อย่างไรว่ากำลังจะถูกทิ้งระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง”

    2542 แผ่นดินไหวเมืองอิซมิท ​

    [​IMG]

    ในรุ่งเช้าของวันที่ 17 สิงหาคม 2542 เกิดแผ่นดินไหวระดับ 7.4 ริกเตอร์ ใกล้กับเมืองอิซมิท ประเทศตุรกี ระยะเวลาเพียงแค่ 37 วินาที แต่ก็ส่งผลให้คน 45,000 คนเสียชีวิต บาดเจ็บ 40,000 คน และไร้ที่อยู่อาศัยกว่าล้านคน ส่งผลต่อพื้นที่กว่า 100 ไมล์

    ในช่วงหลายวันก่อนเกิดแผ่นดินไหว ชาวบ้านต่างรายงานว่าสุนัขนั้นเห่าหอนไม่มีหยุด รวมทั้งแมว หนู และนก ก็มีพฤติกรรมลุกลี้ลุกลนผิดปกติ เจ้าของสัตว์เลี้ยงหลายคนเชื่อว่าสัตว์เลี้ยงน้ันพยายามเตือนถึงภัยพิบัติที่กำลังจะมา

    2547 คลื่นยักษ์สึนามิ คาบสมุทรอินเดีย​

    [​IMG]

    ในเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2547 นับเป็นอุบัติภัยทางธรรมชาติที่ส่งผลอาณาเขตกว้างขวางหลายประเทศ และมีรายงานของสัตว์ที่รู้ภัยล่วงหน้าหลายชนิดเช่นเดียวกัน

    ที่ประเทศไทยมีรายงานช้างแสดงอาการเคร่งเครียดร้องแผดเสียงอย่างต่อเนื่องหนึ่งวันก่อนเกิดเหตุ และช่วงหนึ่งชั่วโมงก่อนคลื่นยักษ์จะมา มีช้างบางตัวที่วิ่งหนีจากชายทะเลขึ้นพื้นที่สูง คุณคริส ครุซ ครูสอนดำน้ำที่ภูเก็ต นั้นล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าจากฝูงโลมา “มันกระโดดไปมาข้างหน้าเรือผมเลย ผมจึงรู้ว่ามีบางสิ่งบางอย่างผิดปกติ”

    ที่ศรีลังกา ค้างคาวซึ่งปกติต้องนอนหลับเวลากลางวัน กลับบินไปมา

    ที่อินเดียฝูงฟลามิงโกซึ่งทำรังวางไข่อยู่ได้หนีพื้นที่ราบต่ำขึ้นไปอยู่พื้นที่สูงเพื่อหนีคลื่นยักษ์สึนามิ

    เรียบเรียงโดย น.สพ. กานต์ เลขะกุล

    ที่มา สัญชาติญาณเตือนภัยพิบัติของสัตว์ - ZWVST ZooWildlifeVet
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2012
  11. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ไม่รู้ที่มาที่แน่นอน ก็เลยถามดู !!!

    Vking สมาชิก

    คุณเกษมทราบข่าวนี้ยังคะ ไม่รู้ที่มาที่แน่นอน ก็เลยถามดู

    เหตุการณ์ความรุนแรงสามารถที่จะเกิดขึ้นได้...ทุกเวลานับจากนี้เป็นต้นไป...เพราะฉะนั้นผมจึงไม่สามารถระบุ วัน / เดือน ที่แน่นอนได้...อาจจะเกิดเร็วกว่ากำหนดที่เคยพูดไว้ก็ได้....ที่แน่ๆคือช้าหรือเร็ว ความรุนแรงทางการเมืองมันต้องเกิด...ถ้านับจากนี้ไป ถึงสิ้นเดือนธันวาคม หากยังไม่เกิดเหตุการณ์ความรุนแรง...คงต้องจับตามองตั้งแต่เดือน มกราคม เป็นต้นไปอย่างไม่กระพริบตา..และอย่าลืมจับตามอง คนบางตระกูล มีการอพยพครอบครัว ไปต่างประเทศวันไหน? ตัว “ผู้นำ” มีการเดินทางไปต่างประเทศวันไหน? ตรงกับภารกิจตามกำหนดการจริงหรือไม่? สิ่งต่างๆเหล่านี้ เป็นสัญญาณอันตราย นั่นหมายถึงการประกาศ...”สงครามครั้งสุดท้าย”...ของรัฐบาลชุดปัจจุบันเริ่มขึ้นแล้ว

    ด้วยความเคารพ
    หมอนิด (กิจจา ทวีกุลกิจ)
    __________________
    อโหสิ อโหสิ อโหสิ

    ข้อความนี้มาจากลิ้งค์ข้างล่างนี้ครับ

    .'*'.++
     
  12. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    25 พ.ย. 55 สดๆร้อนๆ

    25 พ.ย. 55 อย่าเพิ่งดีใจ

    อากง กำแพง แถลงมา
    น้ำท่า ต้องมี เอาไว้
    ออกนอก ก็อย่า ไว้ใจ
    เพศภัย เฮียปอ นำมา

    มหาประชาบดี ๙๗
     
  13. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    สงสัยสนธิจะเป็นสมาชิกเว็บนี้ แกวิเคราะห์เจาะลึกเกาะติดซะขนาดนี้

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 พฤศจิกายน 2555 00:00 น.


    นายสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวถึงเรื่องภัยพิบัติว่า สังเกตหรือไม่ ปี 54 -55 เกิดภัยพิบัติถี่ขึ้น กรณีถนนทรุดก็เกิดบ่อย ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมี แสดงว่าข้างล่างเริ่มเป็นโพรงแล้ว หรือไม่ว่าจะแผ่นดินไหวก็เกิดเยอะ

    ตนมองว่า ข้อแรก เป็นเพราะการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ใต้ดิน ซึ่งอย่างน้อย 10 ประเทศที่ทำการทดลอง แล้วครั้งละ 300-400 ลูก แรงระเบิดมันส่งผลกระทบกระเทือนใต้ผิวโลกแน่นอน

    สอง เกิดจากการสูบน้ำมันไปใช้ พอน้ำมันเริ่มหมดมันก็เป็นโพรง

    สาม น้ำแข็งขั้วโลกละลายเพราะอากาศร้อน พอน้ำแข็งละลายแสดงว่าพื้นโลกที่รองรับน้ำเเข็งอยู่มันเบาขึ้น น้ำที่อยู่ในมหาสมุทรหนักขึ้น ทำให้แกนโลกเปลี่ยน

    ส่วนภัยแผ่นดินไหว ตนมองว่า ประเทศไทยเกิดได้ทุกเมื่อ เพราะแผ่นดินที่ร้าว รอยร้าวจะวิ่งไปตามจุดต่างๆ จากอินโดฯก็จะมาไทย แต่มันใช้เวลานานหลายปี

    มีอะไรรับประกันได้ว่าเขื่อนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นศรีนครินทร์ เขื่อนภูมิพล จะไม่ร้าวและไม่พัง เขาบอกว่า สร้างมาเพื่อกันแผ่นดินไหวถึง 8.5 ริกเตอร์ แต่โอกาสเกิดสูงกว่า 8.5 ริกเตอร์ มันก็มี

    นายสนธิ กล่าวอีกว่า เรื่องพายุสุริยะ การวิจัยจาก ดร.ก้องภพ อยู่เย็น ที่ทำงานอยู่องค์การนาซ่า บอกว่าวันที่ 22 กันยายน 2011 เกิดการระเบิดบนดวงอาทิตย์ ทำให้พายุสุริยะมาถึงโลก ปรากฎว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในสหรัฐฯ ดับ

    อุกาบาทตกในอาร์เจนตินา ไฟฟ้าในกรุงวอชิงตันดับ ภูเขาไฟในสเปนเกิดการปะทุ และเกิดพายุนกเต็น

    ดร.ก้องภพ บอกด้วยว่า ช่วงวันที่ 21 ธันวาคม - พฤษภาคม 2013 ท่านใดที่มีกำหนดการบินต้องระวัง เพราะเป็นช่วงที่จะเกิดพายุสุริยะ

    สิ่งแรกถ้าเราจะดูข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ เราจะเห็นได้ชัดว่า ปี 2554,55 เหตุการณ์ภัยพิบัติที่เกิดขึ้นทั่วโลก เกิดมากเหลือเกิน มากจนไม่มีใครคิด แล้วเริ่มมีลักษณะของถนนทรุด ทรุดลงไป ประเภทกว้าง 10 เมตร ลึก 20 เมตร รถหล่นลงไปทั้งคัน ซึ่งเป็นไปไม่ได้

    แสดงว่าพื้นดินเริ่มมีช่องมีโพร่ง ถึงทรุดอย่างนี้ แล้วไม่ทรุดเฉพาะเมืองไทย ประเทศจีนทรุดทั้งแถว หลายประเทศมี

    ก่อนหน้านี้ เราไม่เคยเห็นข่าวพวกนี้ เราเพิ่งเห็นปีนี้และปีที่แล้ว ปีที่แล้วถนนทรุดนิดหน่อย แต่ปีนี้ถนนทรุดมาก

    ถ้าเรามองว่า นี่คือถนนพื้นผิวโลก แสดงว่าข้างล่างเริ่มมีโพร่งเป็นจุดๆ โพร่งมาจากไหน มาจากลักษณะการเคลื่อนของดิน ผมเคยถามว่า ทำไมเดี๋ยวนี้แผ่นดินไหวเยอะ

    ผมบอกว่า คุณลองไปนับดูซิว่าโลกนี้มีการทดลองระเบิดนิวเคลียร์ใต้ดินกี่ร้อยลูก พันลูกแล้ว จีน อเมริกา รัสเซีย อิหร่าน อิสราเอล ฝรั่งเศส อังกฤษ อย่างน้อยต้องมี 10 ประเทศที่ทดลองระเบิดนิวเคลียร์ใต้ดิน

    พอเมื่อผลิตระเบิดนิวเคลียร์ได้ต้องมีการทดลอง แล้วนิวเคลียร์ใครเค้าทดลองบนพื้นดินบ้าง ไม่มี ต้องใต้ดินทั้งนั้น แล้วเขาทดลองกันลูกเดียวที่ไหน 40 ลูก 50 ลูก

    เพราะฉะนั้น เราตั้งสมมติฐานได้ว่าอย่างน้อยมีระเบิดนิวเคลียร์ 300-400 ลูก ที่ถูกทดลองใต้ดิน นั่นข้อแรก

    เมื่อเวลาที่มันระเบิดตูมขึ้นมาปังปั้บ แรงของระเบิดถามว่ามันจะไปกระทบกระเทือนกับพื้นข้างๆมั้ย มันกระทบกระเทือนแน่นอน มันกระทบกระเทือนเพลตมั้ย ไอ้เพลตของชั้นหินโลก นั่นข้อนึงแล้ว

    ข้อที่ 2 พื้นดินผิวโลกมันจะมีพื้นดิน พื้นทราย พื้นหิน แล้วมันจะมีพื้นน้ำ น้ำมันก็มี ทุกอย่างมันจะอยู่ในธรรมชาติที่มันจัดสรรไว้แล้ว วางเรียงชั้นกัน เติม เราสูบน้ำมันใช้กี่ปีแล้ว

    ผมว่าถามว่าไอ้ข้างล่างโลกที่มันมีน้ำมันเต็มไปหมดเลย พอน้ำมันเริ่มหมดไปแล้ว มันเป็นโพรงใช่มั้ย มันก็เริ่มทรุด 2 แล้วนะ

    3. อากาศร้อน เวลานำแข็งมันละลาย เหืมอนกับคุณมีถ้วยๆ หนึ่ง แล้วคุณมีนำแข็งสูงขนาดนี้และอากาศร้อนน้ำแข็งละลายแล้วไหลลงมา คำถามมีอยู่ว่าถ้วยนี้มันเบาขึ้นใช่มั้ย เพราะน้ำแข็งมันละลาย น้ำจะนองอยู่ตรงนี้

    ฉันใดฉันนั้น ขั้วโลกเหนือขั้วโลกใต้เมื่อน้ำแข็งละลายแสดงว่าพื้นโลกที่มันรองรับน้ำเเข็งอยู่มันเบาขึ้นใช่มั้ย น้ำที่อยู่ในมหาสมุทรหนักขึ้น พื้นโลกเบาลง น้ำหนักขึ้น ถามว่าแกนโลกจะเปลี่ยนมั้ย เข้าใจหรือยัง นี่เบสิกนะ

    การทำลายชั้นบรรยากาศ คุณรู้หรือเปล่าว่า เครื่องบินที่บินอยู่ในอากาศตอนนี้มีเป็นแสนๆ เครื่อง ทุกวินาที แล้วทำลายชั้นบรรยากาศตลอดเวลา

    เคยมีพายุสุริยะ เมื่อเร็วๆ นี้ ปรากฎว่า พายุสุริยะมาปั๊บ กระบวนการสื่อสารโทรคมนาคมบางจุดเดี้ยง แม้กระทั่งทีวี ช่องทรูยังมีเขียนเลย ภาษาเรียกว่า Sun Outage พระอาทิตย์ดับ อะไรทำนองนี้ เพราะฉะนั้น จะกระทบคอมมูนิเคชั่น

    แล้วเขาทำนายว่า เร็วๆ นี้จะมีดาวเคราะห์เรียง 7-8 ดวงเป็นเส้นตรง ตรงมาที่โลก คำถามว่าคืออะไร แรงดึงดูด จะดูดมาก ดูดโลกไปด้วย ส่วนจะดูดอะไรผมไม่รู้


    เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ชัด ต้องถามต่อว่า ทุกวันนี้ใต้ผิวโลกมีภูเขาไฟเยอะยังไม่ระเบิด ที่มีพลังอยู่ แล้วโลกที่เปลี่ยนแปลงเมื่อหมื่นกว่าปีที่แล้ว นักวิทยาศาสตร์ค้นพบแล้วหลายแห่ง

    ยกตัวอย่างง่ายๆ จู่ๆ ภาคเหนือมีสุสานหอย แสดงว่าอดีตทางภาคเหนือเป็นทะเล ไม่อย่างนั้นจะมีสุสานหอยได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นภูเขาที่กุ้ยหลิน หรือภูเขาที่เป็นแท่งสวย ในอดีตเป็นทะเล พอน้ำทะเลลดก็โผล่ขึ้นมา

    คำถามมีว่า จะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ตอนนี้ถ้าดูลักษณะภัยธรรมชาติ ยิ่งวันยิ่งแรงขึ้น โอกาสเกิดผมตอบได้คำเดียวว่า เกิดได้ทุกเมื่อ เพราะว่า ถ้าไม่เกิดได้ทุกเมื่อ

    แล้วแผ่นดินไหวที่ญี่ปุ่นเมื่อ 2 ปีที่แล้วเกิดขึ้นได้อย่างไร ไม่อย่างนั้น สึนามิที่เกิดขึ้นที่อินโดฯ คนตายหลายแสนคน แล้วโผล่ที่ภูเก็ตด้วย จะเกิดขึ้นได้อย่างไร หลังสึนามิที่ภูเก็ต อินโดฯ

    ผมเป็นคนชอบข่าวเล็กๆ ผมชอบโน้ตไว้ จากวันนั้นที่ภูเก็ต ที่อินโดฯ มาถึงวันนี้ สึนามิ แผ่นดินไหวที่อินโดฯ มีมาทุกปี ปีละไม่ต่ำกว่า 30 ครั้ง 3 ริกเตอร์ 5 ริกเตอร์ 6 ริกเตอร์ 4 ริกเตอร์ แต่ไม่หยุดเลย

    ที่น่าสนใจ จากอินโดฯ เริ่มมาโผล่ประเทศไทย 2-3 ปีที่ผ่านมา เคยมีที่ไหนประเทศไทยแผ่นดินไหว แต่เขาบอกว่า นานมาแล้วครั้งหนึ่ง ร่วมร้อยปี แผ่นดินเคยไหวประมาณ 8 ริกเตอร์ ตรงแผ่นเลื่อนแถวศรีสวัสดิ์ แถวเจดีย์ 3 องค์ 8 ริกเตอร์ เพียงแค่ 8 ริกเตอร์นั้น

    เนื่องจาก สมัยก่อนเมืองไทยร้อยกว่าปีที่แล้วไม่มีตึกสูง ตึกสูงอย่างมากก็ 2 ชั้น เลยไม่มีการเรคคอร์ดไว้ ไม่บันทึกไว้ ความเสียหายน้อย อย่างมากก็บ้านพังไม่ใช่ดึกทั้งตึก

    เพราะฉะนั้นแล้ว ลักษณะแผ่นดินไหวแบบนี้ กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก เหมือนกับแผ่นดินที่ร้าว ความร้าววิ่งไปตามจุดต่างๆ จากอินโดฯ สึนามิเกิดขึ้นเพราะแผ่นดินไหว ถ้าแผ่นดินไม่ไหว จะเกิดสึนามิได้อย่างไร

    เพราะฉะนั้น จากอินโดฯ มันร้าวไป แล้วไม่ใช่ร้าวจากอินโดฯ วันนี้แล้ว พรุ่งนี้ถึงเมืองไทย ไม่ใช่ มันเป็นเวลาหลายปี ค่อยๆ ร้าว คล้ายๆ กระจกค่อยๆ ร้าว ลามไปเรื่อย

    กระจกรถยนต์มันเร็ว ถ้าพื้นผิวโลก ระหว่างกระจกรถยนต์ร้าว ไม่ถึงชั่วโมงแตกทั้งบาน ของเราอาจจะต้อง 10 ปี

    มีอะไรบ้าง ที่ใครจะรับประกันได้ว่า เขื่อน ไม่ว่าจะเป็นศรีนครินทร์ เขื่อนภูมิพล จะไม่ร้าวและจะไม่พัง ไม่มีใครรับประกันได้ เหตุผลจะร้าวจะพังได้ก็ด้วยแผ่นดินไหว เขาบอกว่า สร้างมาเพื่อกันแผ่นดินไหวถึง 8.5 ริกเตอร์

    ถามว่าโอกาสเกิดสูงกว่า 8.5 ริกเตอร์มีไหม มีมาแล้ว ทำไมจะไม่มี หรือไม่ต้องถึง 8.5 ริกเตอร์ แค่ 7.5 แค่ร้าวนิดเดียว แล้วช่องเขื่อนแตกนิดนึงตายไหม

    เอาละ ผมตั้งเป็นข้อสมมุติฐาน ถ้าอีกไม่นานเกิดแผ่นดินไหวหนังแถวเสฉวน ซึ่งมีตลอดเวลา เสฉวน ทิเบต ลงมาที่ยูนนาน สมัยก่อนเมืองลี่เจียง ประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว ไหวเมืองพังทั้งเมือง ผมรู้เพราะผมอยู่ในเหตุการณ์

    เพราะฉะนั้น ถ้าเสฉวนแผ่นดินไหว 9 ริกเตอร์ เขื่อน 3 โตรก เขื่อนที่ใหญ่ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถ้าพังขึ้นมา หลับตาวาดภาพอะไรเกิดขึ้น หวงโหว ทางเหนือไหลมาทางว่างโหว ไม่เหลือ

    ทางเหนือมันไหลมาทางแม่น้ำล้านช้าง จากล้านช้างมันกลายเป็นแม่น้ำโขง ตั้งแต่พม่า ไทย ลาว เขมร เวียดนามไหลลงมา ท่วมหมดเลย แล้วน้ำทะเลซึ่งภูเขาน้ำแข็งละลาย น้ำทะเลสูงขึ้นอีก ออกทะเลไม่ได้ เข้าใจหรือยัง

    แล้วถ้ามันไหวขนาดนั้น เกิดมีภูเขาไฟใต้ดินที่ไหนระเบิดซักที่หนึ่ง คนเขาบอกผมเพ้อเจ้อ ผมไม่ได้เพ้อเจ้อหรอก ผมกำลังพูดถึงเรื่องที่มันเกิดขึ้นได้ แต่ว่าเราไม่รู้ว่าเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่เราเริ่มเห็นสัญญาณแล้ว

    สัญญาณเริ่มเห็นปีที่แล้ว อเมริกาแห่งเดียว มีทอร์นาโด 300 กว่าลูก บ้ารึเปล่า ผมสมัยผมเรียนอยู่อเมริกาปีหนึ่งมี 12 ลูก มันถือว่าเยอะแล้ว ตอนนี้มี 300 กว่าลูก แล้วทอร์นาโดแต่ละลูกมันร้ายแรงหมด ใครจะนึกแซนดี

    แซนดีถือว่าเป็นทอร์นาโดที่เกิดขึ้นที่ไม่ได้คาดคิด และขนาดมันเตรียมการแล้ว แจ้งให้เรียบร้อย อพยพเรียบร้อยแล้ว ยังทำเอาทางฝั่งตะวันออกของอเมริกาเดี้ยงไปเลย

    แล้วผมถามคุณคำว่า ถ้าแซนดีเกิดขึ้นพร้อมกัน 4 ลูกในอเมริกา ทำไมจะเกิดไม่ได้ แล้วคุณรู้ใช่ไหมว่า อากาศมันเพี้ยนวิปริตไปหมด เคนยาฝนตก เคนยาหิมะตก

    เพราะฉะนั้นแล้ว ตอนนี้ภัยพิบัติเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก เพราะมนุษย์เป็นคนซึ่งทำลายบรรยากาศทุกอย่าง และความโลภของมนุษย์ ลักษณะทุนนิยมที่เร่งผลิต เร่งทำลายทุกอย่าง วันนี้เรามีแอร์บัสอี 380 ขึ้นมา

    อีกหน่อย ถ้าทั่วโลกเริ่มใช้แอร์บัส 380 กัน อีกหน่อยมันจะพัฒนามากกว่า 380 ชั้นบรรยากาศจะไม่เหลือ เขาตั้งข้อสมมุติฐานว่า ถ้าน้ำในทะเลมันหนนขึ้น แล้วเราระบายน้ำไม่ออก หรือมีสึนามิเกิดขึ้น พื้นที่ไหนบ้างในประเทศไทย ถ้ามีน้ำขังอยู่

    น้ำท่วมอันนี้ ตามที่เขาเขียนมา เขาคำนวณมา กรุงเทพฯ น้ำจะสูงประมาณขั้นต่ำ 2 เมตร แล้วไม่ได้ท่วมถาวร ทางจิตวิญญาณเขาบอกว่า ท่วมถึงหางม้าของพระบรมรูปทรงม้า พ่อแม่ครูบาอาจารย์นั่งญาณแล้วบอกว่า เห็นยอดพระปรางค์พระอรุณฯ เหนือน้ำมนุษย์

    เอาเฉพาะตามหลักวิทยาศาสตร์ก่อน เพราะฉะนั้น เมืองไทยถ้าภัยพิบัติแบบนี้เกิดขึ้น แผ่นดินไหว เกิดสึนามิ น้ำท่วม พายุที่มา เพราะของแบบนี้มันมาตลอดเวลา บางทีสึนามิมาปัง แผ่นดินไหวปุ้บ ใครจะไปรู้ ถ้าเคนย่ามีหิมะตกได้ เมืองไทยจะไม่มีไต้ฝุ่นเหรอ

    เมืองไทยมีไต้ฝุ่นได้นะ เพราะว่าอากาศมันเพี้ยนไปหมด หน้าหนาวแทบจะไม่หนาว หน้าร้อนยาวขึ้นกว่าเก่า ฝนควรจะตกเวลานี้ไม่ตก กลับไปตกเวลาที่ไม่ควรตก

    เพียงแต่เรามีความรู้สึกบ่นๆไปอย่างนั้น แต่ถ้าเอาข้อมูลทางวิทยาศาสตร์มาบวกแล้วมันเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก

    นี่คืออีสาน แม่น้ำโขง ถ้าเขื่อนแตกหรือน้ำท่วม ที่ริมโขงจะโดนหมด โขง คุณอย่าลืมมันไม่ใช่หนองคายนะ มันไล่มาตั้งแต่เชียงราย เชียงของลงมาแม่ปิง ลงมาเรือ่ยๆ เชียงใหม่ เชียงราย

    มันมีรอยเลื่อนทั้งหมดในประเทศไทยมี 13 รอยเลื่อน น่าสนใจมาก เขาถึงบอกเฉพาะอีสานใต้ กับอีสานเหนือตอนล่างนิดหน่อย ขอนแก่นจะรอด ชัยภูมิรอด โคราชรอด พวกนี้จะรอด

    ถ้าบอกในแง่จิตวิญญาณทำไมอีสานส่วนใหญ่รอด สังเกตอะไรมั้ยถ้ามองในแง่จิตวิญญาณนะ พระอรหันต์มีจำนวนเยอะที่สุด เป็นพระจากสายไหน อีสานทั้งนั้น แสดงว่า โดยจิตวิญญาณแล้ว พระอรหันต์อยู่ที่นี่

    เอาล่ะ ผมจะให้ดูอีกอันน่าสนใจมาก เมืองไทยมี 13 รอยเลื่อนสำคัญ ที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหวได้ เคยเกิดที่แรงหน่อยก็คือเชียงใหม่ 5.1 ริกเตอร์ ท่าสองยาง 5.6 ริกเตอร์ เจดีย์สามองค์ 6 ริกเตอร์

    ประเทศไทยมีสถิติแผ่นดินไหวสูงที่สุดคือ 7 ริกเตอร์ ประเทศไทยมีรอยเลื่อนใหญ่ๆอยู่หลายแนว จัดกลุ่มรอยเลื่อนที่สำคัญได้ 13 กลุ่ม กลุ่มรอยเลื่อนทั้งหมดวางแนวพาดผ่านพื้นที่ 22 จังหวัด รอยเลื่อนคือ พื้นดินข้างล่างมันทับกันอย่างนี้ มันไม่ได้เป็นแผ่นเดียวกันทับ

    ถ้ามันเลื่อนปั้บนั่นคือรอยเลื่อน รอยเลื่อนแรกนี่คือแม่จัน และแม่อิง พาดผ่านเชียงรายและเชียงใหม่

    รอยเลื่อนที่ 2 คือแม่ฮ่องสอน พาดผ่านแม่ฮ่องสอนและ จ.ตาก

    รอยเลื่อนที่ 3 รอยเลื่อนเมย พวดผ่านตากและกำแพงเพชร

    รอยเลื่อนที่ 4 รอยเลื่อนแม่ทา พาดผ่านเชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย

    5 รอยเลื่อนเถิน ลำปาง แพร่

    6 รอยเลื่อนพะเยา ลำปาง เชียงราย พะเยา

    7.รอยเลื่อนบัว น่าน

    8.รอยเลื่อนอุตรดิตถ์ พาดผ่านอุตรดิตถ์

    9.รอยเลื่อนเจดีย์3องค์ กาญจนบุรี ราชบุรี

    10.รอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ กาญจนบุรี และอุทัยธานี

    แผ่นดินไหวที่เกิดที่พม่าเมื่อเร็วๆ นี้ คือรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ 11.รอยเลื่อนท่าแขก หนองคาย นครพนม

    12.รอยเลื่อนระนอง ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร พังงา

    13.รอยเลื่อนคลองมะรุ่ย สุราษฎร์ธานี กระบี่ พังงา

    จะเห็นได้ชัดว่า 22 จังหวัด ส่วนใหญ่เป็นทางเหนือ น่าน อุตรดิตถ์ ลำพูน เชียงใหม่ ลำปาง แม่ฮ่องสอน เชียงราย น่าสนใจมากอันนี้

    ถ้าเกิดรอยเลื่อนขึ้นมา ผมถามต่อว่า คนถามว่า คุณสนธิพูดอย่างนี้แล้ว คุณสนธิจะรู้ได้อย่างไรว่ามันจะเกิด ผมไม่รู้ แต่ผมรู้อยู่อย่างเดียวว่า เมื่อมีรอยเลื่อนแล้วโอกาสที่จะเลื่อนต่อมันมี ไม่อย่างนั้นแล้วจะไหวที่พม่าได้อย่างไร แล้วที่เชียงรายก็มี ติดๆ กันด้วย

    ที่พม่า น่าสนใจมาก เป็นรอยเลื่อนที่น่าสนใจมาก เพราะพม่ามีหลายรอยเลื่อน พม่าเลื่อนทางเหนือ กาญจนบุรี จุดศูนย์กลางรอยเลื่อนอยู่ที่พม่า ห่างจากกรุงเทพฯ 350 กิโล

    สมมุติตรงนั้น 9 ริกเตอร์ คุณว่ากรุงเทพฯ เหลือไหม ไม่เหลือ เริ่มแล้ว สะพานพัง ถามว่าจะมี มีแน่นอน

    อีกเรื่อง เรื่องพายุสุริยะ อันนี้เป็นการวิจัยจาก ดร.ก้องภพ อยู่เย็น ทำงานอยู่องค์การนาซ่า อเมริกา บอกว่า วันที่ 22 กันยายน 2011 เกิดการระเบิดบนดวงอาทิตย์ ทำให้พายุสุริยะมาถึงโลก

    ปรากฎว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ในสหรัฐฯ ดับ อุกาบาทตกในอาร์เจนตินา ไฟฟ้าในกรุงวอชิงตัน ดับ ภูเขาไฟในสเปนเกิดการปะทุ และเกิดพายุนกเตน เป็นการเกิดระหว่าง 25-27 กันยายน 2554 เป็นต้น

    ดร.ก้องภพ ทำนายต่อ อันนี้เป็นปัญหาซึ่งคนกลัวมาก เขาบอกว่า ดังนั้น ท่านใดที่มีกำหนดการบินในช่วงที่เกิดพายุสุริยะ พึงต้องระวัง ควรหาเหตุมากล่าวอ้างเพื่อเลื่อนการเดินทาง เครื่องบิน

    ช่วงวันที่ 21 ธันวาคม - พฤษภาคม 2013 พึงต้องระวังให้มากๆ จะลดความเสี่ยงลงได้มาก เพราะหากท่านบินขึ้นแล้ว ท่านอาจจะบินลงไม่ได้ เนื่องจากระบบการสื่อสาร ระบบนำร่อง อาจจะเสียหาย อาจจะบินวนจนน้ำมันหมด ท่านอาจจะโหม่งโลกได้

    ดังนั้น เราควรจะเตรียมความพร้อม รับมือกับภัยพิบัติทางธรรมชาติ ตลอดระยะเวลา 21 ธันวาคม 2012 - พฤษภาคม 2013

    อันนี้คือคำพูดของ ดร.ก้องภพ เชื่อไม่เชื่อผมไม่รู้ แต่ที่แน่ๆ ช่วงหลังมีพายุสุริยะมาทีไรระบบสื่อสาร ช่วงหลังโทรศัพท์ติดยาก พูดไม่ชัด

    ปฏิทินชนเผ่ามายา สิ้นสุดธันวาคม 2012 ไม่มีต่อ เขาเลยตั้งข้อสมมุติฐานว่า ชนเผ่ามายาบอกว่า โลกจะจบเมื่อ 2012 แต่ขณะเดียวกัน นักโบราณคดีบอกอีกเหมือนกันว่า เขาทำได้เพียงแค่ 2012 ไม่ทำต่อ ขาดข้อมูลทำต่อ

    ทำให้เกิดภาพยนตร์เรื่อง 2012 มีคนสนใจ ถ้าเราเชื่อในวิทยาศาสตร์ เรามาฟัง ดร.อาจอง ชุมสาย ท่านเป็นนักวิทยาศาสตร์ ท่านเป็นนักจิตศาสตร์ด้วย ช่วงหลังท่านศึกษาเรื่องคลื่นแม่เหล็ก คลื่นไฟฟ้า ท่านพูดเหมือนที่ผมพูด

    น้ำแข็งที่ละลายจากภูเขาทางขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ จะทำให้ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น และน้ำหนักในมหาสมุทรแปซิฟิก เพิ่มมากขึ้น ขณะที่น้ำหนักแผ่นดินลดลง เช่น ภูเขาหิมาลัย มีน้ำหนักลดลงเพราะน้ำแข็งละลาย

    เมื่อน้ำหนักไม่สมดุลกันรอบโลก ทำให้แผ่นเปลือกโลกเคลื่อนไหว เพื่อปรับสมดุลใหม่ เหตุการณ์แผ่นดินไหวทั่วโลก หรือแผ่นดินไหวรุนแรง 9 ริกเตอร์ เกิดนอกชายฝั่งเกาะฮอนชู ประเทศญี่ปุ่น เป็นผลจากการเคลื่อนที่และชนกันของขอบแผ่นเปลือกโลก

    สิ่งที่ต้องเฝ้าระวังคือ โอกาสที่จะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่แถบประเทศฟิลิปปินส์ ซึ่งจะทำให้เกิดสึนามิเข้ามาทางอ่าวไทย เวียดนาม และเขมร จะโดนหนัก รวมทั้งภาคใต้ของเราด้วย แต่จะไม่หนักเท่าที่ญี่ปุ่นโดน ประชาชนต้องเข้าใจและรู้ทัน ต้องมีการวางแผน


    ผมต้องเรียนท่านผู้ชมว่า อย่ามองว่าผมเป็นคนบ้าเรื่องฌาน ผมกำลังจะเล่าให้ฟังว่า พ่อแม่ครูอาจารย์ที่ผมกราบ ที่ผมเคารพ ท่านพูดอะไรบ้าง หลวงพ่อญา ท่านมรณภาพแล้ว ท่านเป็นพระอุปัชฌาองค์แรกของผม ผมไปบวชที่ จ.หนองบัวลำภู ท่านเป็นพระป่า สำหรับผมแล้ว ท่านมีชานสมาธิสูงมาก ผมเห็นอภิญญาท่านในทางธรรมที่ยิ่งใหญ่มากหลายครั้ง

    ท่านบอกสนธิระวังนะ อีกไม่นานน้ำจะท่วมโลก ท่านพูด น้ำจะท่วมโลก แล้วให้รู้เอาไว้ด้วยว่า โรคภัยไข้เจ็บจะมีเยอะ ให้เตรียมหน้ากากป้องกันพวกมลพิษต่างๆ ให้เตรียมเอาไว้อีกหน่อย แล้วให้เก็บข้าว เงินทองจะไม่มีความหมาย ให้เก็บข้าวแล้วให้หาที่อยู่ไปอยู่ที่สูงๆ ท่านบอกให้ไปอยู่อีสาน

    ถามท่านบอกเมื่อไหร่ ท่านหัวเราะ ท่านบอกเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น อันนี้คือพ่อแม่ครูอาจารย์ที่ผมรู้จัก

    ผมเคยถามหลวงตามหาบัว แต่หลวงตาไม่เหมือนหลวงพ่อญา จะรู้ไปทำไม ปฏิบัติธรรมไป ภาวนาไป ทำความดีให้เกิดขึ้น คนมีศีลมีธรรมจะรอดเอง ไม่ต้องห่วง คนชั่วมันจะตายกันหมด จะไปรู้มันจะมาเมื่อไหร่ ถ้าเรามีศีลมีธรรมเราก็รอด ถ้ามันมาแสดงว่ามาล้างโลก มาล้างคนชั่วไป ใช่ไหมอันนี้หลวงตามหาบัว แล้วก็มีอีกหลายองค์หลายหลวงพ่อ

    ดร.สมิทธ พูดอย่างนี้ครับ เขื่อนศรีนครินทร์นั้นสร้างบนรอยเลื่อนศรีสวัสดิ์ ซึ่งเกิดแผ่นดินไหวหลายครั้ง และก่อนที่จะสร้างเขื่อนนี้ ในปี 2480 มีการเกิดแผ่นดินไหวที่รอยเลื่อนเจดีย์สามองค์ 2480

    นี่มันกี่ปี 75 ปีแล้ว ซึ่งอยู่ไม่ห่างไกลจากเขื่อนนี้มากนัก แต่มีความรุนแรงสูงในระดับ 7.6 ริกเตอร์มาแล้ว โอกาสที่เขื่อนจะได้รับความเสียหายถึงกับเขื่อนแตกนั้นมีแน่นอน หากครั้งต่อไปเกิดแผ่นดินไหวในขนาดดังกล่าวอีก คือ ดร.สมิทธพูดถึง 7.6 ริกเตอร์

    สำหรับกรุงเทพฯ นั้นเป็นพื้นดินที่ดินอ่อน เหมือนกับที่เม็กซิโกปัจจุบันมีความเสี่ยงเพิ่มมากกว่าในอดีตประมาณ 2-3 เท่าตัว ที่อาจจะได้รับผลกระทบจากการเกิดแผ่นดินไหวที่รอยเลื่อนสกาย

    ในสมัยก่อนที่จะมีการสร้างเขื่อน ได้เคยเกิดแผ่นดินไหวที่รอยเลื่อนสกายมีความรุนแรงถึง 8 ริกเตอร์ ในกรุงเทพฯ ยังไม่มีตึกสูง จึงไม่มีความเสียหายบันทึกไว้ จุดศูนย์กลางอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ เพียง 300 กิโลฯ เท่านั้นนะครับ

    ปัจจุบัน อันนี้น่าสนใจ ตามถนน ตรอก ซอยต่างๆ พื้นดินทรุดตัวค่อนข้างมาก ไม่ทราบว่าพวกเรามีการสังเกตเห็นความผิดปกติในการทรุดตัวของพื้นดินในกรุงเทพฯ นี่กันหรือไม่ โอกาสน้ำทะเลเพิ่มขึ้นสูงขึ้น 1-5 เมตร ในอนาคตอันใกล้นี้มีแน่

    และในอดีต ตามธรณีสัณฐานของประเทศไทยนั้น ชายฝั่งอ่าวไทยอยู่ที่ จ.สุพรรณบุรี นานมาแล้วครั้งหนึ่ง ชายฝั่งอ่าวไทยเราอยู่สุพรรณฯ ซึ่งอาจจะมีผลคืนกลับในลักษณะดังกล่าวได้ค่อนข้างมาก ไม่ควรประมาทในเรื่องนี้

    ที่พูดเช่นนี้ไม่ได้ต้องการให้ตื่นตระหนก แต่ต้องการให้ตระหนักถึงความเป็นไปได้ในเหตุการณ์ดังกล่าว

    เมืองไทยนี่ อดีตกรุงเทพฯ นี่คือทะเล เมืองไทยมันไล่ขึ้นมาอย่างนี้ ขนาดความสูงไล่ขึ้นไป ด้วยเหตุนี้ขอนแก่น อุดรฯ โคราช จะสูงกว่าระดับน้ำทะเลกี่เมตรว่ากันไป ใช่ไหมครับ

    เพราะฉะนั้นแล้ว เมื่อตรงนี้มันเป็นอ่าวเป็นน้ำ ที่จะรอดคือด้านนี้ ซึ่งสรุปคือ ชัยภูมิ สระแก้ว อรัญฯ ตลอดจนโคราชไปเรื่อยจนถึงขอนแก่น แต่ถ้าเลยไปถึงใกล้โขง จะเกิดปัญหาน้ำท่วม เพราะอยู่ใกล้แม่น้ำโขง

    เพราะฉะนั้นแล้วทางอีสานทางด้านนี้จะเซฟ เพราะประเทศไทยพื้นภูมิศาสตร์มันไล่ขึ้นไปอย่างนี้ ด้วยเหตุนี้เวลาฝนตกหนัก น้ำเหนือหลั่ง เขาถึงบอกน้ำเหนือไหลหลั่งไง มันไหลมาอย่างนี้ เขาถึงบอกว่าเวลาจะแก้น้ำท่วม

    พอน้ำเหนือมันไหลหลั่ง ต้องทำฟลัดเวย์จากจุดที่มันไหล ให้มันไหลไปเรื่อยๆ แล้วอย่าไปขวางมัน ให้ไหลลงทะเล ทีนี้ถ้ามันลงทะเลได้ก็ดี ถ้าเกิดทะเลมันเกิดสูงขึ้นอีก 1 เมตรหรือ 5 เมตรแล้วจะลงที่ไหน

    เขาบอกในบ้าน ถ้าสมมุติว่าน้ำต้องสูงสัก 2-3 เมตร ให้เตรียมน้ำดื่มเอาไว้ มีเก็บห้องไว้ห้องหนึ่ง ซื้อน้ำดื่มทิ้งเอาไว้เลย แล้วเตรียมเตาแก๊สทิ้งเอาไว้ หม้อหุงข้าว อาหารแห้งทิ้งไว้เลย ในนี้เขาเขียนแนะนำบอกว่า

    ดร.อาจอง บอกให้เตรียมกระเป๋าเป็นกระเป๋า อันนั้นก็มากไป แต่อย่างน้อยต้องมีสักกระเป๋าเก็บเอาไว้ ดร.อาจองบอกว่า ถ้าสึนามิระดับนั้นมา เราจะรู้ล่วงหน้าเติม 16 ชั่วโมง เขาบอก 16 ชั่วโมงให้หนีจากกรุงเทพฯ ไปเลย

    ถ้าไปอยู่ต่างจังหวัด ต้องไปเป็นฝูง อย่าไปเดี่ยวๆ จะได้อยู่ช่วยกัน เขาบอกถึงจุดๆ หนึ่งอาจจะต้อง ปลูกผัก ผลไม้ อ.ปานเทพ แกฉลาดนะ ต้องเริ่มหัดกินมังสวิรัติ เพราะในอนาคตถ้าน้ำท่วมสัตว์เลี้ยงตายหมด เหลือแต่ผักต้องหัดกินผัก ผลไม้

    แล้วถ้าอ่านคำพูดทำนาย ซึ่งค่อนข้างรุนแรงพอสมควรว่า จะมีลูกเห็บใหญ่ขนาดตู้เย็นหล่นมาจากท้องฟ้า ให้ซื้อคอนเทนเนอร์ ให้เป็นคอนเทนเนอร์แบบตู้เย็น เพราะจะกันข้างๆ กันข้างบนได้

    ท้องฟ้าจะมีแสงประหลาด เสียงจะออกมาดังมาก เป็นพลังประจุขั้วบวกขั้วลบ มันชนกันในท้องฟ้า และเสียงมันจะทำให้หูแตก ต้องมีที่อุดหูเอาไว้

    ตัวเราซิ ต้องไม่ประมาท วันนี้พอเราเลิกไปแล้วเราก็สบาย ลัลล้าแล้ว แต่เราต้องคิดว่าถ้าวันนึงมาเรามีอะไรเตรียมพร้อมรึยัง ถ้าน้ำท่วมบ้านสักเมตรสองเมตร แล้วมันลดยังกัดฟันได้ แต่ถ้าโอกาสมันไม่ลดล่ะ เราจะทำไง

    ประการแรก อย่าเป็นคนหวงสมบัติ ถ้ามีทรัพย์สินที่ดิน หุ้น ขายทิ้งก่อน เอาเงินก้อนไปหาซื้อที่ในพื้นที่สูง แถวโคราช ชัยภูมิ

    เสร็จเรียบร้อย พิจารณาว่าถ้าเกิดอะไรขึ้นมีเวลา 16 ชั่วโมง จะวิ่งเส้นไหนบ้าง มีพ่อ แม่ พี่ น้อง ประชุมกัน อย่าเพิ่งหัวเราะ มีโอกาสเกิดขึ้น ถ้าเกิดขึ้นทำได้ไหมต้องทำอะไรบ้าง แต่ละคน เพราะจะไม่มีโอกาสที่แต่ละคนจะวิ่งกลับมารับคนนู้นคนนี้ ทุกคนต้องมุ่งไปที่นั่น แต่ละคนจะมีแผนที่ไว้

    มีแผนที่ไว้ ที่ๆ ไปซื้ออาจไม่เจริญแต่มีไฟฟ้า มีไฟฟ้าก็ไม่มีประโยชน์ ต้องไปถางให้เรียบร้อย

    ถ้าเป็นไปได้ไม่ต้องสร้างบ้าน ซื้อตู้คอนเทนเนอร์ไปตั้งไว้ในที่ ทำเป็นยุ้งข้าว ปลูกพืชผักไว้ ถ้าใหญ่ขนาด ดร.อาจอง พูด มีเวลาไม่เกิน 16 ชั่วโมง

    ดูแล้วสันติอโศกจะรอดอยู่พวกเดียว....
     
  14. พนมกุเลน

    พนมกุเลน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 เมษายน 2008
    โพสต์:
    2,455
    ค่าพลัง:
    +7,618
    ประสาททางหู ตา จมูกของพวกสัตว์ เขาดีกว่าคนเยอะ อย่างตัวอย่างแมว มันรับกลิ่นได้ดีกว่าคนถึง 6 เท่า

    เพราะงั้น เวลาจะเกิดเหตุธรรมชาติผิดปกติ การที่สัตว์ต่างๆ ไม่ว่าจะตามบ้านช่อง รึในสวนสัตว์ ในธรรมชาติ จะรู้ก่อนล่วงหน้า ในขณะที่คนไม่รู้ ก็เป็นไปได้
     
  15. ตึงได

    ตึงได เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    26 กรกฎาคม 2012
    โพสต์:
    99
    ค่าพลัง:
    +730
    ขอบคุณมากเลย คุณพนมกุเลน ในข้อความที่นำมาให้อ่าน
    วันนี้เราอยู่ในยุคแห่งความศิวิไลแท้จริง อยากกินอะไรก็ได้กินดังใจคิด อยากไปไหนก็ไปรวดเร็วดังใจหมาย แสนจะอยู่สุขสบายแท้ (น้ำร้อน น้ำอุ่น น้ำเย็น ห้องแอร์ ซาวน่า รถสปอตร์ เครื่องบินหรู ห้องนอนราคาล้าน อาหารดีฯลฯ สุดบรรยาย) แต่ใจทรามยิ่ง เห็นผู้อื่เป็นศัตรู ตัวเองเก่งแท้ประเสริฐสุด ..............
    เมื่อไม่มีใครสามารถกำหนดวันเวลาดังกล่าวได้ ไม่มีใครรู้ว่า ที่แห่งใดปลอดภัยแน่ ประพฤติปฎิบัติธรรมดีกว่ามั้ย รักษาศิล เจริญภาวนา วันนี้ไม่ตาย พรุ่งนี้เราก็ต้องตาย รู้จักการปล่อยวาง จากความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งใดใดทั้งปวง ชีวิตเราก็จะมีความสุข "สัพเพ ธัมมา นาลัง อภินิเวสายะ สิ่งทั้งปวงไม่ควรเข้าไปยึดมั่นถือมั่น" ไหนๆ เราก็ต้องตาย ดังนั้นขอมีความสุขก่อนตายแล้วกัน เพราะสิ่งที่ทุกคนเกิดมาแล้วมีเท่ากันคือ ความแก่ ความเจ็บป่วย ความตาย ความพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งหลายทั้งปวง เรากรรมดีกรรมชั่วเท่านั้นที่เป็นของของตน ท่านทั้งหลายเราขอเชิญท่านทั้งหลายทำกุศลให้ถึงพร้อมด้วยความไม่ประมาทเถิด ดังคำสอนของพระศาสดา
     
  16. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ยุทธศาสตร์จีน-สหรัฐกับบทบาทไทยใน'ระหว่างเขาควาย'

    [​IMG]

    "สถานการณ์ของบ้านเราขณะนี้เป็นเรื่องที่ผู้นำประเทศจะต้องใช้สติปัญญาอย่างมาก เราจะต้องไม่เอียงไปทางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง"

    "อย่าดีใจที่โอบามามาบ้านเรา เพราะคุณจะถูกรุกทางการทหารมากขึ้น" เป็นเสียงเตือนจาก พล.อ.เอกชัย ศรีวิลาศ นักสันติวิธีชื่อดังที่สวมหมวกอีกใบหนึ่งเป็นอาจารย์สอน "ยุทธศาสตร์การทหาร" ในวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) มาอย่างต่อเนื่องยาวนานนับสิบปี

    พล.อ.เอกชัย มองเรื่องนี้ในบริบทของ "ภูมิรัฐศาสตร์" หรือ Geopolitics ซึ่งเป็นสาขาวิชาที่ไม่ค่อยมีการเรียนการสอนในประเทศไทย ทั้งๆ ที่ในอีกซีกโลกหนึ่งทั้งอเมริกาและยุโรปให้ความสำคัญถึงขนาดนำมาจัดทำเป็น "ยุทธศาสตร์ชาติ"

    แม้หลายคนจะมองว่าการวิเคราะห์ด้วยทฤษฎีนี้อาจล้าสมัยไปแล้ว เพราะสิ้นสุดยุคสงครามเย็น แต่ พล.อ.เอกชัย กลับเห็นว่าแม้สงครามตามแบบจะค่อยๆ เลือนหายไปและเปลี่ยนวิธีการไปเรื่อยๆ ทว่าเป้าหมายของสงครามกลับยังคงเดิม นั่นคือการแย่งชิงความได้เปรียบทางเศรษฐกิจ ทรัพยากร และการทหาร

    ฉะนั้น "ทฤษฎีใจโลก" หรือ Heartland Theory กับ "ทฤษฎีขอบโลก" หรือ Rimland Theory ที่กำหนดให้ดินแดน "ยูเรเซีย" หรือเกือบทั้งหมดของยุโรปกับเอเชียตอนบนเป็นพื้นที่ "ใจโลก" อันอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ โดยมีดินแดนโดยรอบรวมทั้งไทยเป็น "พื้นที่ขอบโลก" และเป็น "ทางผ่าน" สู่ใจโลก จึงยังคงอธิบายการขยับตัวของมหาอำนาจได้เสมอ โดยเฉพาะการมาไทยพร้อมๆ กันของ "สองพี่เบิ้ม" อย่างสหรัฐและจีนใน ค.ศ.2012

    "ในแง่ภูมิรัฐศาสตร์ พื้นที่แถบรัสเซีย จีน มองโกเลีย อินเดีย และยุโรปตะวันออก ถือเป็นดินแดน Heartland หรือใจโลก เพราะเป็นแผ่นดินผืนใหญ่ที่สุดของโลก และมีทรัพยากรธรรมชาติมากที่สุด จึงเป็นพื้นที่ที่ใครก็ต้องการครอบครอง แต่การจะเข้าไปสู่ใจโลกนั้นต้องผ่านพื้นที่ขอบโลก ซึ่งเป็นพื้นที่ที่อยู่ถัดลงมา เช่น เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตะวันออกกลาง ทำให้พื้นที่เหล่านี้เป็นพื้นที่สู้รบและตกอยู่ในแวดวงสงครามมาตลอด ไม่มีวันยุติได้ เพราะเป็นทางผ่านสู่ใจโลก" พล.อ.เอกชัย กล่าว

    สำหรับในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ไทยถือว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ดีที่สุดในการรุกเข้าสู่ "ใจโลก" และในทางกลับกันก็เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญสำหรับประเทศที่อยู่ใน "ใจโลก" ที่ต้องหาช่องทางออกสู่น่านน้ำเพื่อประโยชน์ทางการค้าและการทหารด้วย

    "ประเทศไทยเป็นพื้นที่ขอบโลก เมื่อมหาอำนาจต้องการสู้รบเพื่อยึดใจโลก ก็ต้องใช้พื้นที่ขอบโลกเป็นทางผ่าน และนี่คือคำตอบว่าทำไมอเมริกาถึงต้องมาที่ประเทศไทย เขาจะใช้ไทยเป็นทางผ่านเข้าไป และขณะเดียวกันก็ใช้เป็นพื้นที่สกัดประเทศในใจโลกซึ่งในทีนี้คือจีนไม่ให้ออกไปไหนได้ ขณะที่จีนก็เข้าใจยุทธศาสตร์ตรงนี้ดี จึงต้องมาที่ไทยเหมือนกัน เพื่อใช้ไทยในการสกัดกั้นยุทธศาสตร์ปิดล้อมจีนของสหรัฐ" พล.อ.เอกชัย ระบุ

    ในทัศนะของนักยุทธศาสตร์ทางทหาร เขาเห็นว่ายุทธศาสตร์ที่สองชาติมหาอำนาจกำลัง "เบ่งกล้าม-วัดพลัง" กันอยู่นี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นปรากฏการณ์สืบเนื่องมา เพียงแต่ปรับเปลี่ยน "ยุทธวิธี" ในการต่อสู้เท่านั้นเอง

    เขาอธิบายว่า ในยุคแรกการแย่งชิงพื้นที่ใจโลกใช้ "กำลังทหาร" เป็นหลัก ซึ่งฝ่ายสัมพันธมิตรดูจะเป็นฝ่ายชนะในยุคนั้น แต่ก็ไม่ถือว่าเด็ดขาด

    ต่อมาได้มีการปรับยุทธวิธีใช้ "การเมือง" เป็นเครื่องมือ คือใช้ระบอบประชาธิปไตยต่อสู้กับสังคมนิยม จะสังเกตได้ว่าพื้นที่ "ใจโลก" ส่วนใหญ่ปกครองด้วยระบอบสังคมนิยม ช่วงนี้เป็น "ยุคสงครามเย็น" สหรัฐใช้ยุทธศาสตร์ "ป่าล้อมเมือง" ด้วยการทำให้ประเทศต่างๆ ที่อยู่ "ขอบโลก" เป็นประชาธิปไตยให้มากที่สุด เพื่อกดดันให้พื้นที่ "ใจโลก" เป็นประชาธิปไตยด้วย แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จทั้งหมด คือทำให้สหภาพโซเวียตล่มสลายได้ แต่ไม่สามารถทำอะไรจีนได้

    หลังจากต่อสู้ด้วยระบบการเมืองไม่สำเร็จ สหรัฐก็เปลี่ยนมาต่อสู้ด้วยระบบเศรษฐกิจ คือแผ่ขยายเศรษฐกิจแบบทุนนิยมเข้าไป มีมาตรการกดดันทางการค้าต่างๆ นานา แต่จีนสู้ด้วยเศรษฐกิจแบบ "1 ประเทศ 2 ระบบ" ไม่ยอมใช้ทุนนิยมเสรี และการต่อสู้แบบนี้กลับทำให้จีนแข็งแกร่งขึ้น ขณะที่สหรัฐกับยุโรปกำลังล่มสลายเสียเอง ถึงวันนี้นักวิชาการหลายสำนักฟันธงตรงกันว่า ไม่เกินปี ค.ศ.2025 เศรษฐกิจของจีนจะขึ้นเป็นอันดับ 1 ของโลก อินเดียเป็นอันดับ 2

    "ขณะนี้ก็เริ่มมองเห็นเค้าลางแล้ว และสหรัฐซึ่งเคยเป็นเจ้าแห่งการทหาร เจ้าแห่งเศรษฐกิจ กำลังถูกลบล้างโดยจีน ระบบทุนนิยมเสรีล้มระเนระนาด แต่ระบบเศรษฐกิจ 2 ขาแบบจีนกำลังเป็นระบบที่ดีที่สุด เวียดนามและพม่ากำลังทำตาม แต่ไทยกลับยังคงยึดติดกับแนวทางของอเมริกาทั้งๆ ที่ใกล้ล่มสลายเต็มที"

    พล.อ.เอกชัย กล่าวต่ออีกว่า ระยะหลังการต่อสู้เข้าสู่ยุค "สงครามจิตวิทยา" ใช้สื่อ หรือ "มีเดีย พาวเวอร์" เป็นเครื่องมือ ใครคุมสื่อได้ก็จะสามารถครองโลกได้ แล้วก็บูรณาการทั้งเศรษฐกิจ สังคม การเมือง เพื่อสร้างสังคมโลกที่เป็นแบบเดียว เช่น "อเมริกันไนเซชั่น" ทำให้คนต้องดูหนังอเมริกัน เรียนหนังสือต้องใช้ตำราอเมริกัน คิดต้องคิดแบบอเมริกัน สิ่งเหล่านี้ประเทศไทยบริโภคเกือบหมดแล้ว จนแทบไม่สามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตัวเองได้ นี่คืออันตราย

    "แต่ความเป็นอเมริกันกำลังถูกท้าทาย หากไม่ยับยั้งการเติบโตแบบก้าวกระโดดของจีน สหรัฐอาจถึงกาลล่มสลาย นี่คือเหตุผลสำคัญที่สหรัฐต้องมุ่งมาที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะประเทศไทยที่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญที่สุด มีชัยภูมิเหมาะกับการเป็นศูนย์กลางการบิน การคมนาคม ทั้งยังเป็นพื้นที่เชื่อมต่อของ 2 ทะเลอีกด้วย"

    "สหรัฐต้องเดินแผนปิดล้อมจีนโดยใช้ไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์ แล้วก็เข้าไปรื้อฟื้นความสัมพันธ์กับเวียดนาม อินเดีย หรือแม้แต่ปากีสถาน ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยทะเลาะกัน ขณะที่จีนก็พยายามหาทางออก ด้านหนึ่งก็ไปเชื่อมกับไต้หวัน อีกด้านหนึ่งก็วางท่อแก๊ส ตัดถนนเข้าพม่าไปถึงท่าเรือน้ำลึกทวาย และพยายามลงมาที่ท่าเรือแหลมฉบังของไทยเพื่อหาทางออกทะเลให้ได้ ให้สามารถขนถ่ายสินค้าได้สะดวกรวดเร็วที่สุด นี่คือยุทธศาสตร์ของจีน"

    สำหรับจังหวะก้าวของสหรัฐ พล.อ.เอกชัย คาดการณ์ต่อไปว่า หลังจากนี้่จะมุ่งไปที่ "กลุ่มประเทศซีไอเอส" หรือกลุ่มประเทศเครือรัฐเอกราช ที่แตกตัวออกมาจากสหภาพโซเวียต เช่น คาซัคสถาน คีร์กิสถาน เติร์กเมนิสถาน อุซเบกิสถาน ทาจิกิสถาน ยูเครน เป็นต้น เพราะกลุ่มประเทศเหล่านี้มีทรัพยากรมาก และเป็นเส้นทางเข้าสู่โจโลกเช่นกัน ส่วนอีกจุดหนึ่งที่สหรัฐต้องรีบเปิดเกมรุกเพื่อชิงเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ให้สำเร็จคือ "อิหร่าน" เพราะเป็นสะพานเชื่อมระหว่างอิรักกับอัฟกานิสถาน และต่อเข้าไปยังดินแดนใจโลก

    เมื่อมอง "หมากกระดานโลก" ทั้งกระดานแล้ว จะเห็นว่าประเทศไทยเป็น "ตัวเล่น" หนึ่งที่มหาอำนาจระดับ "ขุน" ต้องการ "เก็บกิน" หรือ "ดึงเป็นพวก" ปัญหาก็คือรัฐบาลและองคาพยพต่างๆ ของเราพร้อมหรือยังกับสถานะที่กำลังเป็นอยู่ โดยเฉพาะการเตรียมวางแผนและกำหนดท่าทีเพื่อแสวงประโยชน์จากการเป็น "จุดยุทธศาสตร์" ให้มากที่สุด แทนที่จะปล่อยให้ถูกกินง่ายๆ แบบ "เบี้ย"

    "ประเทศไทยขณะนี้อยู่หว่างเขาควาย จะขยับไปทางไหนก็ไม่ได้ คำถามที่ว่าเราจะเดินไปอย่างไรจึงเป็นเรื่องที่ผู้นำประเทศจะต้องใช้สติปัญญาเป็นอย่างมาก จะทำเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้ เราจะต้องไม่เอียงไปทางฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เหมือนกับที่ผ่านมาเราเอียงข้างสหรัฐมากเกินไป การที่เราไม่เทคไซด์ จะทำให้เราไม่เสียหาย และจะเป็นฝ่ายได้ตลอด ได้จากทั้งสองฝั่ง อาจจะเรียกว่านโยบายเหยียบเรือสองแคมก็ได้ ซึ่งเราถนัดและเคยใช้จนประสบความสำเร็จมาแล้วในอดีต"

    พล.อ.เอกชัย กล่าวทิ้งท้ายว่า ถึงเวลาที่รัฐบาลต้องกลับไปทบทวนประวัติศาสตร์ว่าประเทศไทยอยู่รอดมาได้เพราะอะไร พระพุทธเจ้าหลวงรัชกาลที่ 5 ทรงดำเนินยุทธศาสตร์ด้านการต่างประเทศเอาไว้อย่างไร จนทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวในย่านนี้ที่ไม่ตกเป็นเมืองขึ้น เราไม่จำเป็นต้องเลือกข้าง แต่ให้ความสำคัญกับทุกประเทศอย่างเท่าเทียมกัน และควรหันมองพันธมิตรใกล้ตัว เช่น มาเลเซีย กับมิตรประเทศในอดีตอย่างรัสเซียบ้าง เพื่อใช้โอกาสตรงนี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

    "โอกาสมาถึงแล้ว หากเราวางยุทธศาสตร์ให้ดีจะเป็นประโยชน์มาก แต่ถ้าเรายังขัดแย้งกันเองภายใน อาจเป็นจุดจบของประเทศไทยได้เหมือนกัน"

    บทความโดย : ไพศาล เสาเกลียว, ปกรณ์ พึ่งเนตร

    กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 14 พฤศจิกายน 2555 เวลา 12:53 น.

    ที่มา ยุทธศาสตร์จีน-สหรัฐกับบทบาทไทยใน'หว่างเขาควาย' - กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2012
  17. k_isara 1

    k_isara 1 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    521
    ค่าพลัง:
    +7,059
    อ้างอิง:
    ข้อความดั้งเดิมโดยคุณ k_97
    25 พ.ย. 55 มาแต่เช้า

    10.19น.

    มหาประชาบดี ๙๗

    มาเป็นชุด

    ได้ปิดสถานีไปแล้วแต่ต้องกลับมาเปิดอีกเช่นเคย

    18.07น.
    18.15น.
    18.20น.
    18.35น.
    18.38น.
    18.41น.

    คืนนี้เลยต้องกลับไปนอนบ้านพักเพื่อให้หน่วยเหนือทำงานได้สะดวก จะได้ไปคุ้มครองครอบครัวตัวเองด้วย

    ขอให้โชคดีทุกคนครับ

    มหาประชาบดี ๙๗

    26 พ.ย. 55

    4.9 22.11น. CHILE
    4.4 22.24น. COLOMBIA
    4.7 22.57น. BRAZIL
    2.7 23.19น. CALIFORNIA
    3.8 23.56น. HAWAII

    ที่มา

    KIATP123

    เห็นมีของพม่า 4ริกเตอร์ เวลา 8.25น. ลงวันที่ 25 11 2012 เลยไม่แน่ใจว่าเขาลงวันที่ผิดหรือผมเข้าใจผิด

    เคอิสรา
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 26 พฤศจิกายน 2012
  18. พลอยรุ้ง

    พลอยรุ้ง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 ตุลาคม 2008
    โพสต์:
    467
    ค่าพลัง:
    +2,088
    แปลกนะคะ post ไม่ไป นี่เข้ามารอบสองนะคะ
    เมื่อกี๊post เรื่องดาวหางค่ะ อยากถามผู้รู้เรื่องดาวหางหรืออุกกาบาตพุ่งชนโลก พอดีน้องสะใภ้มาเยี่ยม เขาบอกว่ามีข่าวค่อนข้างแน่นอนว่าจะมีดาวหางหรืออะไรซักอย่างพุ่งชนโลก แต่ยังไม่รู้ว่าส่วนไหน ช่วงปลายเดือนธันวานี้ และอีกที ก็คือเดือนกุมภาปีหน้า ดิฉันก็ยังงงๆอยู่ เพราะไม่รู้ข้อมูลตรงนี้ เรื่องดาวพุ่งชนโลกเคยได้ยินมานาน แต่ไม่ทราบเรื่องเวลาว่าเป็นปลายปีนี้ ใครทราบรายละเอียดแจ้งทีนะคะ สงสัยดิฉันจะตกข่าว เข้ามาอ่านทีไรเห็นพูดกันแต่เรื่องแผ่นดินไหว พายุ น้ำท่วม ไม่เจอตอนเขาพูดเรื่องดาวหางเลย ขอบคุณค่ะ
     
  19. engineer03

    engineer03 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    20 ตุลาคม 2012
    โพสต์:
    4,961
    ค่าพลัง:
    +44,308
    ที่ได้ติดตามดูมีข้อมูลว่าแค่เฉียดครับ


    ดาวเคราะห์น้อย 2012 DA14 เฉียดโลก



    นับตั้งแต่มนุษย์มีความรู้ความสามารถในการพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศให้มีความก้าวหน้ามากขึ้น ทำให้เราทราบว่าในระบบสุริยะของเราไม่ได้มีแค่ดวงอาทิตย์และดาวเคราะห์เพียงอย่างเดียว แต่ปัจจุบันเราทราบว่า มีวัตถุอื่นอีกจำนวนมากอยู่ในระบบสุริยะ และโคจรรอบดวงอาทิตย์เช่นเดียวกับดาวเคราะห์ ผลจากความเจริญก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอวกาศทำให้เราสามารถล่วงรู้ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ได้ล่วงหน้า ล่าสุดมีข่าวการค้นพบดาวเคราะห์ น้อย คาดว่าจะเคลื่อนที่พาดผ่านวงโคจรของโลกประมาณ วันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 ดังรูป

    [​IMG]

    ภาพแสดงตำแหน่งและวงโคจรของดาวเคราะห์น้อย 2012 DA14 (Asteroid 2012 DA14)

    คาดว่าจะเคลื่อนที่พาดผ่านวงโคจรของโลก ประมาณวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556



    ทั้งนี้ดาวเคราะห์น้อยดวงนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า ดาวเคราะห์น้อย 2012 DA14 ถูกค้นพบโดยหอดูดาวลาซากรา (Lasagra) ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของประเทศสเปน ดาวเคราะห์น้อยดังกล่าวมีเส้นผ่าศูนย์กลาง 45 เมตรโดยประมาณ ซึ่งมีระยะการโคจรเป็น 3.5 เท่าของรัศมีโลก ระดับการโคจรระดับนี้จะมีค่าใกล้เคียงกับระดับการโคจรของดาวเทียมจำนวนมาก อาจจะสร้างความเสียหายต่อดาวเทียมของโลกได้ การค้นพบดาวเคาระห์น้อย (Asteroid) ครั้งนี้นับเป็นเรื่องที่น่าฮือฮามากสำหรับนักดาราศาสตร์และนักล่าดาวเคราะห์น้อย และเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น แต่จากการคำนวณแล้วนั้นนักดาราศาสตร์ยืนยันว่า มันแค่เคลื่อนที่เฉียดโลกเท่านั้น ไม่ได้พุ่งเข้าชนโลก โดยในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 ดาวเคราะห์น้อยจะเคลื่อนที่พาดผ่านเข้ามาทางตอนเหนือของโลกเวลาประมาณ 02.26 น. ตามเวลาในประเทศไทย และจะอยู่ในเงาของโลกประมาณ 18 นาที การสังเกตดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ด้วยตาเปล่านั้นถือเป็นเรื่องยากมากเพราะดาวเคราะห์ดวงนี้มีค่าแมกนีจูด 8 ซึ่งถือว่าน้อยมาก จะต้องใช้กล้องโทรทรรศน์ในการสังเกตการณ์ปรากฏการณ์ในครั้งนี้


    เรียบเรียงโดย

    ธีรยุทธ์ ลอยลิบ

    สำนักบริการวิชาการและสื่อสารทางดาราศาสตร์

    สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (องค์การมหาชน)
    อ้างอิง http://thaiastro.nectec.or.th/news/viewnews.php?newsid=125
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 25 พฤศจิกายน 2012
  20. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    ยอดทหารเกณฑ์อุตรดิตถ์ปอดอักเสบพุ่ง-พบป่วยเพิ่มถึง 63 รายแล้ว !!!

    [​IMG]

    [​IMG]

    อุตรดิตถ์ - ยอดทหารเกณฑ์ผลัด 2 ที่อุตรดิตถ์เจอโรคปอดอักเสบระบาดยังไม่หยุด ล่าสุด ตรวจเลือดทั้งทหาร-ผู้คุม-ครูฝึก พบผู้ป่วยเพิ่มเป็น 62 คนแล้ว ผบก.จทบ.อุตรดิตถ์เผยกองทัพสั่งดูแลเต็มที่ หวั่นทหารเกณฑ์ผลัด 1 ติดเชื้อด้วย เหตุสภาพความเป็นอยู่คล้ายกัน พร้อมเตรียมประสานขอหมอจากพิษณุโลก หากยอดผู้ป่วยยังเพิ่มไม่หยุด

    รายงานข่าวจาก จ.อุตรดิตถ์ แจ้งว่า พล.ต.พิเชฐ สุขพงศ์พิสิฐ ผบก.จทบ.อุตรดิตถ์ ได้เข้าประชุมร่วมกับแพทย์ และพยาบาลที่ให้การรักษาการระบาดของโรคปอดอักเสบในทหารเกณฑ์ ที่โรงพยาบาลค่ายพิชัยดาบหัก จังหวัดทหารบก (จทบ.) อุตรดิตถ์ หลังจากล่าสุด ภายหลังแพทย์ได้เข้าไปทำการตรวจเลือดทหารเกณฑ์ผลัด 2 ทุกนาย ผู้คุม และครูฝึกทหารสังกัด จทบ.อุตรดิตถ์ กองพันทหารม้าที่ 7 กรมทหารม้าที่ 2 และกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 20 (ค่ายพระศรีพนมมาศ) อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ จำนวนราว 500 นายเศษแล้ว ปรากฏว่า ยอดผู้ป่วย และผู้ต้องสงสัยป่วยด้วยโรคปอดอักเสบเพิ่มจาก 35 ราย เป็น 63 รายแล้ว

    พล.ต.พิเชฐกล่าวว่า ขณะนี้กำลังรอผลเลือดที่ส่งไปตรวจยังสถาบันพยาธิวิทยา กรมการแพทย์ทหารบก คาดว่าจะทราบผลอย่างช้าสุดในวันจันทร์ที่ 26 พ.ย.นี้ อย่างไรก็ตาม จุดที่น่าเป็นห่วงคือ กลุ่มของทหารเกณฑ์ผลัดที่ 1 ซึ่งมีสภาพความเป็นอยู่ลักษณะเดียวกันกับผลัด 2 และอาจมีการเจ็บป่วยเกิดขึ้นได้

    พล.ต.พิเชษฐ กล่าวด้วยว่า ทางกองทัพบก และกองทัพภาคมีความห่วงใยต่อสถานการณ์ดังกล่าวอย่างมาก และได้กำชับให้เจ้าหน้าที่ทำการรักษาผู้ป่วยอย่างเต็มที่ โดยจำนวนผู้ป่วยที่มีอยู่ในขณะนี้ ทางโรงพยาบาลค่ายพิชัยดาบหักยังสามารถดูแลได้ แต่ถ้าหากมีจำนวนผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นกว่านี้ก็จะเร่งประสานไปยัง จ.พิษณุโลก เพื่อขอให้แพทย์เข้ามาช่วยสมทบในการรักษาต่อไป

    โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 24 พฤศจิกายน 2555 17:47 น.

    ที่มา Local - Manager Online - ยอดทหารเกณฑ์อุตรดิตถ์ปอดอักเสบพุ่ง-พบป่วยเพิ่มถึง 63 รายแล้ว
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

แชร์หน้านี้

Loading...