ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ประเทศไทยจะเกิดภัยพิบัติอย่างที่ทำนายกันรึไม่นั้น
มนุษย์คือคำตอบสุดท้ายครับ

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headline-bold>โรงงานนิวเคลียร์ญี่ปุ่นอาจปิดเป็นปีหลังเหตุแผ่นดินไหว



</TD></TR><TR><TD class=text-normal-th bgColor=#e9e9f3>โตเกียว 19 ก.ค. – หนังสือพิมพ์ธุรกิจนิกเกอิของญี่ปุ่นรายงานวันนี้ ระบุว่าโรงงานนิวเคลียร์ที่ดำเนินการโดย โตเกียว อิเล็กทริก พาวเวอร์ หรือเทปโก้ ในเมืองคาชิวาซากิ ใกล้กับศูนย์กลางแผ่นดินไหวความรุนแรง 6.8 เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา อาจต้องปิดทำการนานเกินกว่า 1 ปี
รายงานระบุว่า โรงงานดังกล่าวอยู่ระหว่างการตรวจสอบมาตรการความปลอดภัย ตลอดจนศักยภาพในการรองรับภัยพิบัติแผ่นดินไหว โดยเจ้าหน้าที่รัฐบาลญี่ปุ่น หากพบว่าโรงงานต้องทำการเสริมโครงสร้าง ก็อาจทำให้ต้องปิดทำการระหว่างการเสริมโครงสร้างป้องกันแผ่นดินไหวไม่น้อยกว่า 1 ปี
โรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ของเทปโก้ดังกล่าว เป็นโรงงานไฟฟ้าพลังนิวเคลียร์ใหญ่ที่สุดในโลก ได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวทำให้เกิดการรั่วไหลของสารกัมมันตรังสีเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ทำให้เกรงกันว่ามาตรการความปลอดภัยของโรงงานจะไม่เพียงพอ ปัจจุบันเทปโก้ต้องร้องขอไปยังบริษัทผลิตกระแสไฟฟ้าในญี่ปุ่นอีก 6 แห่ง ให้ช่วยจ่ายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ชดเชยศักยภาพของเทปโก้ที่ลดลงจากการปิดโรงงาน. - สำนักข่าวไทย
</TD></TR></TBODY></TABLE>

อย่างที่คิดไว้แล้วเชียวว่า ทีแรกบอกว่าไม่รั่ว แล้วรั่วนิดหน่อย ตอนนี้รั่วมากกว่าที่บอก จนต้องปิดโรงงาน ตอนแรกที่แผ่นดินไหว มี alert มาบอกว่า กัมมตรังสี รั่วไหล แต่ข่าวหลังๆ บอกว่าไม่รั่ว เลยคิดว่า น่าจะมีการบิดเบือนข่าวกันนะ เนี่ยะแค่ 6 ริกเตอร์กว่า แล้วตอนนี้มันไหวกันถ้วนหน้าทั่วโลก โรงงานนิวเคลียร์มีทั่วโลก ถ้ามันรั่วกันหมดแล้วพัดไปตามกระแสลมโลก ก็น่ากลัวเหมือนกันนะ

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=2 width="95%" align=center border=0><TBODY><TR><TD class=headline-bold>สภาพอากาศแปรปรวนทั่วโลก</TD></TR><TR><TD> </TD></TR><TR><TD class=text-normal-th bgColor=#e9e9f3>เมื่อวานนี้สภาพอากาศแปรปรวนทั่วโลก ยุโรปมีทั้งน้ำท่วมและคลื่นความร้อน ส่วนที่สหรัฐไฟป่ายังเผาผลาญป่าไม้ในหลายพื้นที่
เริ่มกันที่อังกฤษ ซึ่งเกิดฝนตกหนักและพายุฟ้าคะนองทั่วประเทศ ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันในหลายพื้นที่ ส่งผลกระทบต่อการเดินทางทั้งทางรถยนต์ เครื่องบินและรถไฟ พื้นที่ทางใต้และตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เบิร์คไชร์และเซอร์รีย์ ได้รับผลกระทบมากที่สุด เหตุการณ์ฝนตกน้ำท่วมนี้เกิดขึ้นในช่วงที่โรงเรียนต่าง ๆ เริ่มหยุดเรียนช่วงฤดูร้อนตั้งแต่วันนี้

ส่วนในยุโรปตะวันออก เกิดคลื่นความร้อนปกคลุมทำให้มีคนเสียชีวิต 2 คน ในโรมาเนีย ในขณะที่อุณหภูมิขึ้นไปแตะระดับ 40 องศาเซลเซียส เจ้าหน้าที่บอกว่าความร้อนระดับ 42 องศา อาจยืนยาวไปถึงวันพรุ่งนี้

ที่กรุงเบลเกรด นครหลวงของเซอร์เบีย ก็ประสบกับอากาศร้อนเป็นประวัติการณ์อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรอบกว่า 50 ปี โครเอเชียก็เจอสภาพอากาศร้อนมากที่สุดในรอบ 60 ปี ถนนไปสู่ชายหาดจึงแออัดไปด้วยรถยนต์

คลื่นความร้อนยังแผ่ไปทั่วตุรกี ทำให้อ่างเก็บน้ำหลายแห่งลดระดับลง โดยเฉพาะระดับน้ำในทะเลสาบของแคว้นอนาโตเลียลดไปอยู่ระดับต่ำสุดในรอบหลายปี

ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ที่กรุงโรมต้องใช้อาหารแช่แข็งมาช่วยคลายร้อนให้สัตว์ที่มีขนหนา เช่น หมีสีน้ำตาลและชิมแปนซี

ส่วนที่สหรัฐยังเกิดไฟป่าในหลายพื้นที่ของรัฐยูทาห์เพราะอากาศร้อนและแห้งแล้ง ที่อุทยานลอส ปาเดรสใกล้ชายฝั่งตอนกลางของรัฐแคลิฟอร์เนียก็เกิดไฟป่าเช่นกัน.
</TD></TR></TBODY></TABLE>


รู้สึกม๊ะว่ามันแปลกๆ แล้ว ระบบทั้งหมดแปรปรวนอย่างหนัก โลกจะรีเซ็ทตัวเองเร็วๆ นี้ แต่ไม่รู้จะออกมาเป็นรูปไหนนะ

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ระทึก!อีก 29 ปี ดาวเคราะห์น้อย“อะโพฟิส”พุ่งชนโลก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>21 กรกฎาคม 2550 19:16 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12></TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>ศูนย์ข่าวศรีราชา - วันชี้ชะตาโลกอีก 22 ปี หลังนักดาราศาสตร์ออกมาระบุ ในวันที่ 13 เม.ย. 2572 จะมีดาวเคราะห์น้อย “อะโพฟิส” พุ่งเข้าใกล้โลกมากที่สุดในรอบ 1 พันปี ก่อนหวาดเสียวรอบสองในอีก 7 ปีถัดไป เมื่อโคจรกลับมาอีกครั้งและเฉียดโลกกว่าเดิม เผยเม็กซิโกตอนเหนือเสี่ยงถูกชน รุนแรงกว่าภูเขาไฟ"กรากะตัว"ระเบิด 4 เท่า

นายวรวิทย์ ตันวุฒิบัณฑิต กรรมการบริหารสมาคมดาราศาสตร์ไทย เปิดเผยว่า มีรายงานจากองค์การนาซ่าระบุว่าในอีก 22 ปี คือวันที่ 13 เม.ย. 2572 นี้จะมีปรากฏการณ์ด้านดาราศาสตร์ที่น่าสนใจคือ จะเกิดปรากฏการณ์ดาวเคราะห์น้อย อะโพฟิส หรือ 99942 Apophis โคจรเข้าใกล้เฉียดโลกในระยะใกล้สูงสุดที่ 22,000 ไมล์ หรือ 34,400 กิโลเมตร ใกล้กว่าวงโคจรของดวงจันทร์เกือบ 11 เท่า และอยู่ในระยะใกล้กว่าดาวเทียมค้างฟ้า เป็นครั้งแรกใน 1,000 ปี ที่มีดาวเคราะห์น้อยเข้าใกล้โลกกว่าวงโคจรของดวงจันทร์

“ดาวเคราะห์น้อย อะโพฟิส หรือ 99942 Apophis มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 320 เมตร มีรอบวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ 323 วัน และในวันที่ดาวเคราะห์น้อย อะโพฟิส โคจรเฉียดโลกนี้ สามารถชมปรากฏการณ์ได้ โดยกลุ่มประเทศที่สามารถมองเห็นปรากฏการณ์ได้อย่างใกล้ชิด ประกอบด้วย กลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ยุโรป อาฟริกา และไทย จะมองเห็นปรากฏการณ์ได้ตั้งแต่เริ่มพลบค่ำ โดยให้มองไปทางทิศตะวันตก จะเห็นปรากฏการณ์ขนาดดาว – 3 แมกนิจูด เท่ากับขนาดความสว่างของดาวพฤหัสบดีในปัจจุบัน โดยดาวเคราะห์น้อย อะโพฟิส จะอยู่ในกลุ่มดาวปู (Cancer) ลักษณะจะขึ้นที่ 42 องศา/1 ชม.บนท้องฟ้าที่เราสังเกตการณ์อยู่”

ความสำคัญของดาวเคราะห์น้อยอะโพฟิสนี้ เนื่องจากผลที่โคจรเฉียดใกล้โลกมาก อันจะเป็นกุญแจสำคัญในการใช้คำนวณหรือสังเกตการดาวเคราะห์น้อยดังกล่าวนี้ที่จะโคจรเข้ามาใกล้โลกกว่านี้อีกครั้งในวัน 13 เม.ย. 2579 ว่าจะมีผลต่อการพุ่งชนโลกหรือไม่อย่างไรในวันดังกล่าว ซึ่งหากมีการพุ่งชนโลกในขณะนั้น (13 เม.ย.2579) ประเทศที่ถูกชนจะเป็นเม็กซิโกทางตอนเหนือ ผลการถูกพุ่งชนจะรุนแรงเทียบเท่าขนาดของระเบิด ทีเอ็นที จำนวน 870 เมกะตัน หรือมากกว่า 4 เท่าของแรงระเบิดภูเขาไฟกรากะตัว ประเทศอินโดนีเซีย ในปี ค.ศ.1883 ที่คร่าชีวิตประชาชนไปกว่า 36,000 คน พื้นที่จมหายไปทั้งเกาะจากจำนวน 165 หมู่บ้าน

“จึงเป็นโอกาสสำคัญในการที่ให้ประชาชนได้สนใจในการเรียนรู้เกี่ยวกับดาราศาสตร์ในความเป็นไปได้เกี่ยวกับโลกและอวกาศ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ และหายนะโลกที่มาจากวัตถุนอกโลกต่อไป” นายวรวิทย์ กล่าวในที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับอุกาบาต กับดาวเคราะห์น้อยนั้นมีอยู่จำนวนมากในอวกาศจนไม่สามารถที่จะนับได้ถ้วน โดยอุกาบาตก็คือเศษชิ้นส่วนที่มักจะมีขนาดเล็กลอยอยู่ในอวกาศ ถ้ามีขนาดใหญ่จึงเรียกว่าดาวเคราะห์น้อย

ดาวเคราะห์น้อย หรือ แอสเตอร์ลอยด์ เป็นชิ้นส่วนในอวกาศที่มีขนาดใหญ่และจะมีการกำหนดชื่อเรียกไว้เมื่อมนุษย์มีการตรวจพบ ซึ่งถ้าพุ่งชนโลก ความรุนแรงก็ไม่ต่างกับระเบิดนิวเคลียร์ ที่มีแรงทำลายล้างมหาศาล แต่ถ้าแรงถึงกับล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ชาติ จะต้องมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 10 กิโลเมตรขึ้นไป

สำหรับดาวเคราะห์น้อย อะโพฟิส หรือ 99942 Apophis ถูกพบครั้งแรก เมื่อเดือนมิถุนายน 2547 ซึ่งขณะนั้นถูกเรียกว่า 2004 เอ็มเอ็น 4 (2004 MN4 ) โดยดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ ถูกบ่งชี้ว่า ในวันที่ 13 เม.ย. 2572 นี้ จะผ่านใกล้โลก และในวันที่ 13 เม.ย. 2579 จะเข้าใกล้โลกอีกครั้งหนึ่งเช่นกัน

โดยแนวทางการป้องกันโลกถูกภัยคุกคามจากดาวเคราะห์น้อยดวงนี้ นาซ่าได้ระบุแผนการป้องกันคือจะต้องใช้ยานอวกาศบินเข้าไปประกบและเบี่ยงเบนเส้นทางโคจรของดาวเคราะห์น้อยให้พ้นจากโลก

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=right height=10></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9500000085103

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เขื่อนยักษ์ Three Gorges ออกโรง !</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>23 กรกฎาคม 2550 11:59 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=500 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=500> </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE> วานนี้ (22) เขื่อนยักษ์ใหญ่สุดของโลก สามโตรก (Three Gorges) ในเมืองอี้ชาง มณฑลหูเป่ย ทางตอนกลางของประเทศ ได้เปิดประตูระบายน้ำ 18 ประตู เพื่อระบายน้ำในแม่น้ำแยงซีเกียงที่ท่วมทะลักถึงจุดพีคสุดของฤดูกาล นับเป็นอุทกภัยครั้งที่ 3 ของฤดูกาล สืบเนื่องจากฝนที่กระหน่ำตก โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงกลางเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จีนมียอดผู้เสียชีวิตจากภัยธรรมชาติแล้วเกือบ 700 ราย โดยกว่าครึ่งเป็นยอดเสียชีวิตในเดือนนี้ และมีผู้สูญหายอย่างน้อย 129 คน

ทั้งนี้ เขื่อนสามโตรก ซึ่งเป็นโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานน้ำที่ใหญ่ที่สุดของโลก ได้เริ่มสร้างมาตั้งแต่ปี 1993 ด้วยการลงทุนราว 25,000 ล้านเหรียญสหรัฐ มีกำลังการผลิตสูงสุด 18,200,000 กิโลวัตต์ เพื่อการก่อสร้างรัฐบาลจีนต้องอพยพประชาชนทั้งหมด 1,131,800 คน ออกจากพื้นที่ที่จะต้องจมอยู่ใต้น้ำราว 287,530,458 ตารางเมตร

http://www.manager.co.th/China/ViewNews.aspx?NewsID=9500000085636

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>