การสังเกต++สัญชาตญาณเตือนภัยของสัตว์++สิ่งบอกเหตุ

ที่บ้านก็เหมือนกัน...มดเยอะมาก น้ำที่อยู่ใต้ดินคงกำลังขึ้นสูง
โห..คุณ Falkman อยู่ชั้น 14 นี่นา? มดไต่ขึ้นไปได้ไงขนาดนั้น

 

<CENTER></CENTER>

 

.

 

ระยะนี้ผมจะมีกล้องติดตัวตลอด วันนี้เห็นเมฆคล้ายๆกับที่ในต่างประเทศเคยถ่ายได้ก่อนเกิดแผ่นดินไหวเลยถ่ายไว้ครับ เป็นรูปเส้นขวางเส้นเดียว ถามเพื่อนที่เป็นคนขับว่าใช่ควันที่เกิดจากเครื่องบินหรือเปล่า วิเคราะห์กันในขณะนั้นว่าไม่น่าจะใช่ควันเครื่องบิน ก็นำมาลงให้ช่วยกันดูครับ
ภาพดังกล่าวผมถ่ายบนทางด่วนที่ขึ้นจากศรีนครินทร์(คร่อมถนนพระราม 9 ตัดใหม่)พอดีจำชื่อทางด่วนไม่ได้ครับ เมื่อเช้าวันอังคารที่ 10 ก.ค.2550 ครับ

 

ภาพเมฆที่มีรอยเส้นตัดขวาง ถ่ายได้เมื่อเช้าครับ บนทางด่วนมอเตอร์เวย์ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิ มุ่งหน้าเข้าถนนพระราม9

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>แพทย์อินโดฯ งง เหยื่อหวัดนกตายโดยไม่มีประวัติสัมผัสสัตว์ติดเชื้อ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>11 กรกฎาคม 2550 15:15 น.</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left> เจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรอินโดนีเซียเปิดเผยว่า เด็กชายวัย 6 ขวบ จากจังหวัดบันเตน ทางตะวันตกของกรุงจาการ์ตา เหยื่อหวัดนกรายที่ 81 ซึ่งเสียชีวิตเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ไม่เคยมีประวัติสัมผัสสัตว์ปีกมาก่อน ซึ่งตามปกติแล้วมักพบว่าเหยื่อหวัดนกในอินโดนีเซียจะเสียชีวิตลงจากการติดเชื้อจากสัตว์ปีก
ผู้อำนวยการศูนย์ไข้หวัดนกของกระทรวงเกษตร ระบุว่า จากการตรวจสอบไม่พบว่ามีสัตว์ปีกติดเชื้ออยู่พื้นที่ภายในรัศมี 300 เมตร จากของบ้านเด็กชายคนดังกล่าว ซึ่งจนถึงขณะนี้วงการแพทย์อินโดนีเซียยังหาคำตอบไม่ได้ว่าเหยื่อหวัดนกรายนี้ติดเชื้อมาจากแหล่งใด
ทั้งนี้ ยังไม่สามารถตอบได้ว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าผู้เสียชีวิตได้รับเชื้อมาจากบุคคลอื่น อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กำลังมีการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรร่วมกับเจ้าหน้าที่จากองค์การอนามัยโลก ขณะที่รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลในกรุงจาการ์ตา ซึ่งเด็กชายคนดังกล่าวเข้ารักษาตัวเปิดเผยว่า เด็กคนนี้เคยเดินทางไปเยี่ยมญาติซึ่งอยู่ใกล้กับสวนสัตว์ในจังหวัดบันเตน ก่อนที่จะล้มป่วยลงใน 4 วันต่อมา</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

HOBART, Australia (AP) -- A squid as long as a bus and weighing 550 pounds washed up on an Australian beach, officials said Wednesday.
<!--startclickprintexclude--><!-- REAP --><!-- PURGE: /2007/TECH/science/07/11/big.squid.ap/art.squid.ap.jpg --><!-- KEEP --><!----><!--===========IMAGE============--><!--===========/IMAGE===========--> <!--===========CAPTION==========-->The giant squid was found by a beachcomber on the Australian island state of Tasmania.<!--===========/CAPTION=========-->





<!-- /PURGE: /2007/TECH/science/07/11/big.squid.ap/art.squid.ap.jpg --><!-- /REAP --><!--endclickprintexclude-->"It is a whopper," said Genefor Walker-Smith, a zoologist who studies invertebrates at the Tasmanian Museum.
Giant squid live in waters off southern Australia and New Zealand -- where a half-ton colossus, believed to be the world's largest, was caught in February. They attract the sperm whales that feed on them.
The dead squid, measuring 3 feet across at its widest point and 26 feet from the tip of its body to the end of its tentacles, was found early Wednesday by a beachcomber at Ocean Beach on the island state of Tasmania's west coast, the museum said.
The squid was expected to be taken to the museum, where DNA and other scientific tests would be carried out before it is preserved and possibly put on public display.
For anyone thinking of a calamari feast, Walker-Smith said giant squid contain high levels of ammonia in their bodies as a buoyancy aid.
"It would not taste very nice at all," she said.
<!--startclickprintexclude-->



<!--endclickprintexclude-->New Zealand fishermen netted a 1,100-pound, 33-foot-long squid in the Southern Ocean in February. It is widely believed to be the largest specimen of the rare and mysterious deep-water species Mesonychoteuthis hamiltoni, or colossal squid, ever caught.
Experts believe the creatures, which have long been one of the most mysterious denizens of the deep ocean, may grow even bigger -- up to 46-feet long.<!--startclickprintexclude--> E-mail to a friend

 

ลูกปลาหมึกยักษ์ตัวยาว 7 เมตรขึ้นมาเกยหาดที่ออสเตรเลีย สงสัยว่าความร้อนใต้มหาสมุทรเพิ่มขึ้น เลยหนึขึ้นมาอยู่น้ำตื้น..แถบนั้นที่อินโดฯภูเขาไฟใกล้จะระเบิดพอดีเลย

 

*** มด มันรู้ ****

มด...ที่เคยอาศัยตามพื้นดิน
รีบเร่งค้นหา และขนอาหาร ...
ขึ้นไปอาศัยบนต้นไม้ใหญ่ ขึ้นไปอาศัยบนอาคารสูงกันแล้ว

แล้วคนไทย ทำอะไรกันอยู่ !!!!!!!

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

ดวงดาวเริ่มตกแล้ว

 

บ้านผม มดทยอยเดินไต่ไปเจาะรูผนังสูงจากพื้นประมาณ 1.50 ม. ผมเอะใจทำไมมดมันขึ้นไปทำรังสูงกว่าปกติ

 

โห.........ขนาดลูกหมึกยังยาว 7 เมตร

แล้วคุณพ่อ คุณแม่ จะตัวขนาดไหน..........อิๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

เจอกันในน้ำเมื่อไหร่ ข่อยขอออกหน้า ไปก่อน................โลด

 

<TABLE class=tborder id=post617029 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>เกษม<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_617029", true); </SCRIPT>
สมาชิก กิตติมศักดิ์



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 05:52 PM
วันที่สมัคร: Nov 2004
ข้อความ: 1,389 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 2,308 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 11,077 ครั้ง ใน 1,111 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 1369



</TD><TD class=alt1 id=td_post_617029 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>กองทัพหนูร่วม 2 พันล้านตัวจู่โจมหูหนัน </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE>​

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>

</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>

11 กรกฎาคม 2550 18:32 น. โดยผู้จัดการออนไลน์​

​

</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>ภาพประกอบจากทางอินเตอร์เน็ต</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เอเอฟพี-ประชาชนในอำเภอ 20 แห่งทั่วมณฑลหูหนันทางภาคกลางของจีน เดือดร้อนหนัก หลังจากหนูร่วม 2,000 ล้านตัวหนีตายน้ำท่วมจากทะเลสาบใกล้เคียงเข้ามาทำลายเรือกสวนไร่นาของชาวบ้านเสียหายยับเยิน และทำให้สุขภาพของประชาชนตกอยู่ในความเสี่ยง ไชน่าเดลี่รายงานวันพุธ(11)

ชาวบ้านต่างพากันโต้ตอบมันอย่างหนัก ด้วยการใช้พลั่วตีหนูจนตายหรือวางยาพิษกำจัดหนูไปทั่ว เฉพาะในตำบลหนึ่งแห่งสามารถฆ่าหนูไปได้ 2.3 ล้านตัว รายงานข่าวระบุ

“เหมือนถูกข้าศึกตีพ่ายในสงคราม เพราะเราไม่เหลืออะไรเลย”หยินซินจิน ชาวบ้านวัย 65 ปีกล่าว

ทั้งนี้ เหตุการณ์หนูระบาดเริ่มต้นเมื่อวันที่ 23 มิถุนายนที่ผ่านมา เมื่อน้ำท่วมทำให้ระดับน้ำในทะเลสาบต้งถิงเพิ่มสูงขึ้นจนท่วมหลุมที่อยู่อาศัยของหนูที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้เคียง ทำให้พวกมันต้องหนีน้ำกันอลหม่าน ซึ่งเผิงไจ้จื้อเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกล่าวว่า นับเป็นภัยพิบัติจากหนูครั้งร้ายแรงที่สุด ที่พื้นที่ใกล้ทะเลสาบต้งถิงต้องเผชิญในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา

“แม้เหตุการณ์ดังกล่าวจะยังไม่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อสุขภาพมนุษย์ แต่ทางการท้องถิ่นก็ไม่วางใจ ซึ่งขณะนี้กำลังมุ่งให้ความรู้แก่ชาวบ้านในการป้องกันตนเองขณะฆ่าหนู และออกตรวจสุขภาพของชาวบ้านด้วย”เผิงกล่าว
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
ที่มา http://www.manager.co.th/China/ViewN...=9500000081062
<!-- / message --><!-- edit note --><HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1>แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เกษม : 11-07-2007 เมื่อ 07:18 PM.
<!-- / edit note --></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE class=tborder id=post620345 cellSpacing=0 cellPadding=6 width="100%" align=center border=0><TBODY><TR vAlign=top><TD class=alt2 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid; BORDER-TOP: #ffffff 0px solid; BORDER-LEFT: #ffffff 1px solid; BORDER-BOTTOM: #ffffff 0px solid" width=175>เกษม<SCRIPT type=text/javascript> vbmenu_register("postmenu_620345", true); </SCRIPT>
สมาชิก กิตติมศักดิ์



เข้ามาครั้งสุดท้ายเมื่อ: วันนี้ 05:52 PM
วันที่สมัคร: Nov 2004
ข้อความ: 1,389 <!-- Start Post Thank You Hack -->
ได้ให้อนุโมทนา 2,308 ครั้ง
ได้รับอนุโมทนา 11,077 ครั้ง ใน 1,111 โพส <!-- End Post Thank You Hack -->
พลังการให้คะแนน: 1369



</TD><TD class=alt1 id=td_post_620345 style="BORDER-RIGHT: #ffffff 1px solid"><!-- message -->

กิ้งกือเหล็กนับล้านบุกบ้าน




ป่วนเมือง - เจ้าหน้าที่ตรวจสอบตัวกิ้งกือเหล็ก โผล่ออกมาไต่ยั้วเยี้ยบริเวณหมู่บ้านปางรมกรณ์ อ.เมือง จ.เชียงราย จำนวนนับล้านตัว เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2550 สร้างความหวาดผวาให้กับประชาชน ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญวอนอย่าตื่นเต้นตกใจ เพราะเป็นเพียงปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ

​

ชาวเชียงรายผวาสัตว์ประหลาดคล้ายหนอนนับล้านบุกบ้าน ห่วงเป็นอันตรายขณะหลับ ต้องใช้สำลีอุดหูกันไว้ ไม่กล้าแม้ออกทำไร่สวน เผยขนาดฉีดยาฆ่ายังไม่ตาย

เมื่อเวลา 12.30 น. วันที่ 29 มิถุนายน น.ส.แจ่มจันทร์ โนหลักเงิน นักวิชาการเกษตรตำบลแม่กรณ์ อ.เมือง จ.เชียงราย พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) แม่กรณ์ อ.เมืองเชียงราย เดินทางเข้าตรวจสอบบริเวณบ้านของนายชัยยุทธ คำน้อย ราษฎรบ้านปางริมกรณ์ อ.เมืองเชียงราย หลังได้รับแจ้งว่ามีสัตว์รูปร่างประหลาดคล้ายทั้งหนอนคล้ายทั้งตะขาบจำนวนมากบุกเข้ามาอาศัยอยู่ในตัวบ้านและลานบ้านจำนวนนับล้านตัว

จากการตรวจสอบพบว่า สัตว์ดังกล่าวมีรูปร่างคล้ายหนอนและตะขาบ แต่มีเปลือกลำตัวแข็งกว่า นอกจากนี้ ยังมีหลายสีทั้งสีขาว เหลือง แดงและน้ำตาล ลำตัวยาวประมาณ 2-3 เซนติเมตร ยาฆ่าแมลงทั่วไปไม่สามารถฆ่าให้ตายได้ แต่หากฉีดพ่นด้วยน้ำมันเบนซินหรือเก็บบรรจุในขวดที่ไม่มีอากาศหายใจถึงจะตาย

นายแก้ว หนุ่มหลวง ผู้ดูแลบ้านให้กับนายชัยยุทธ ซึ่งเป็นผู้พบคนแรกกล่าวว่า สัตว์รูปร่างคล้ายหนอนและตะขาบดังกล่าวเริ่มเห็นมาจากป่าท้ายหมู่บ้าน และเข้ามายังบ้านคนตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายนที่ผ่านมา และเพิ่มปริมาณขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนใหญ่จะมีตอนช่วงเช้าตรู่เมื่อแดดส่องถึงก็จะหลบเข้าอยู่ตามฝาผนังและหลังคาบ้าน เวลานอนต้องใช้สำลีอุดหูเอาไว้

ด้านนายอ้วน แดงเขียว ผู้ใหญ่บ้านปางริมกรณ์ กล่าวว่า สัตว์รูปร่างคล้ายหนอนและตะขาบดังกล่าวสร้างความหวาดผวาให้กับชาวบ้านอย่างมาก เนื่องจากเริ่มกระจายเข้าหมู่บ้านซึ่งมีอยู่กว่า 220 หลังคาเรือน ประชากรอีกประมาณ 700 คน จนไม่กล้าออกมาทำไร่ทำสวน ที่สำคัญเกรงว่าจะส่งผลอันตรายต่อเด็กและคนชราหากตัวไต่เข้าหูหรือปากขณะนอนหลับ

ต่อมาทางเจ้าหน้าที่จึงเข้าสำรวจบริเวณป่าท้ายหมูบ้าน ซึ่งมีเนื้อที่กว่า 200 ไร่ พบว่ามีสัตว์รูปร่างคล้ายหนอนและตะขาบดังกล่าวอยู่เต็มพื้นที่หลายล้านตัว จนนับจำนวนไม่ได้และเริ่มมุ่งหน้าเข้าสู่หมู่บ้าน นางแจ่มจันทร์จึงเก็บตัวอย่างหนอนเพื่อประสานไปยังเจ้าหน้าที่ป่าไม้และผู้เชี่ยวชาญด้านแมลงเพื่อพิสูจน์ว่าเป็นหนอนหรือตะขาบชนิดใดและมีแหล่งกำเนิดมาจากอะไร เพื่อจะได้แก้ไขช่วยเหลือชาวบ้านต่อไป

ขณะที่ รศ.ดร.สมศักดิ์ ปัญหา ผู้เชี่ยวชาญด้านหอยและกิ้งกือ ภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ให้สัมภาษณ์หลังจากเห็นภาพสัตว์ตัวคล้ายหนอนและตะขาบที่ จ.เชียงราย ว่า สัตว์ดังกล่าวเรียกว่า "กิ้งกือเหล็ก" พบได้ทั่วไปในประเทศไทย อาศัยอยู่ตามซอกดิน เป็นตัวย่อยสลายซากพืช ซากสัตว์ตามธรรมชาติ สาเหตุที่ขึ้นมาจากดินพร้อมกันจำนวนมากนั้น เป็นพฤติกรรมปกติประจำฤดู เรียกว่า การสวอม หรือมารวมตัวกัน แต่ยังไม่มีรายงานจากการวิจัยว่า พฤติกรรมการสวอมของกิ้งกือนั้น จะเป็นตัวบ่งบอกปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่จะตามมาหลังจากนี้หรือไม่ อาจจะต้องดูองค์ประกอบอื่นๆ ว่า นอกจากกิ้งกือเหล็กแล้วยังมีมดอพยพตามมาด้วยหรือไม่ หากมีอาจจะอนุมานได้ว่า จะมีฝนตกน้ำท่วมตามมาได้

"การสวอมของกิ้งกือเหล็กเพิ่งเกิดขึ้นที่ เขาปู่ เขาย่า จ.พัทลุง เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา มีกิ้งกือนับแสนตัว พร้อมใจกันขึ้นมาเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นไม่ต้องตื่นเต้น ตกใจ เนื่องจากเรื่องนี้เป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติ ส่วนที่บอกว่า ใช้ยาฆ่าแมลงฉีดฆ่าแล้ว ไม่ตายนั้น คงเป็นไปไม่ได้ ต้องมีบางส่วนตาย บางส่วนอาจจะมุดดินหนีไปบ้าง" รศ.ดร.สมศักดิ์กล่าว และว่า กิ้งกือเหล็กจะแตกต่างจากกิ้งกือบ้านที่เห็นเป็นตัวสีแดงๆ กิ้งกือบ้านจะมีลักษณะทรงกระบอก มีวงปล้องเป็นวงกลมเรียงต่อกันมากกว่า 50 วงปล้อง แต่ละวงปล้องจะมีขา 2 คู่ เวลาตกใจ หรือมีใครไปสัมผัส จะม้วนตัวเป็นวง บริเวณวงปล้อง จะมีน้ำสีเหลืองซึ่งมีส่วนประกอบของไซยาไนด์ผสมอยู่ เคยมีข่าวว่า พ่อค้า แม่ค้าบางคนใช้เนื้อกิ้งกือแทนเนื้อปลาหรือกุ้งในน้ำยาขนมจีน หากทำไม่เป็นเอาเนื้อส่วนที่มีไซยาไนด์ผสมออกไม่หมด จะเป็นอันตรายได้ ส่วนกิ้งกือเหล็กที่พบนั้น ตัวเล็กกว่ากิ้งกือบ้าน มีวงปล้องประมาณ 22 วงปล้อง ไม่ม้วนกลมเมื่อถูกสัมผัส มีเนื้อน้อยลักษณะรูปร่างเหมือนโครงเหล็ก แต่เนื้อไม่มีสารไซยาไนด์ผสม

ข่าวจากหนังสือพิมพ์ มติชน 30 มิถุนายน 2550
http://www.matichon.co.th/matichon/m...day=2006/06/30<!--detail-->
<!-- / message --><!-- attachments --><FIELDSET class=fieldset><LEGEND>รูปขนาดเล็ก</LEGEND>
</FIELDSET>
</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>ทัพจีนส่งทหารสู้ “สงครามตั๊กแตน” บนหลังคาโลก</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>2 กรกฎาคม 2550 13:15 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 align=center border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width=510 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=510>

​

</TD></TR><TR><TD class=Image vAlign=baseline align=left>

"ตั๊กแตน" ศัตรูหมายเลขหนึ่งในภารกิจพิเศษกองทัพจีน​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle height=5></TD></TR></TBODY></TABLE>ซินหัวเน็ต - ทหารพร้อมเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำจากกองทัพจีนถูกส่งจากเมืองลั่วซีว์ในมณฑลเสฉวน เพื่อไปดำเนินภารกิจเปิดศึกกับกองทัพแมลง บนแนวหลังคาโลก ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของแดนมังกรที่ต้องส่งกองทัพไปทำภารกิจเช่นนี้

โดยภารกิจดังกล่าวจะใช้เวลา 5 วัน ปฏิบัติการณ์พิฆาตตั๊กแตนจะกินพื้นที่ 3 อำเภอของทิเบต และเสฉวนโดยนอกจากเฮลิคอปเตอร์แล้ว ยังมีการส่งรถทหารอีก 5 คัน พร้อมทหารจำนวน 30 นาย ซึ่งได้ผ่านการอบรมเพื่อภารกิจนี้มากว่า 2 เดือน

หลี่เสียง หัวหน้าภารกิจครั้งนี้ได้ระบุว่า “การปฏิบัติหน้าที่บนที่ราบสูงชิงไห่-ทิเบตนั้นจะต้องเผชิญหน้ากับอาการที่ผลิกผันสุดจะคาดเดา พร้อมภูมิประเทศที่ซับซ้อน มีอากาศน้อย มีอันตรายสูง แต่อย่างไรก็ตามเราก็เตรียมตัวมาอย่างเต็มที่เพื่อบรรลุภารกิจดังกล่าว”

“ขอบเขตการปฏิบัติการของทหารอากาศในครั้งนี้ครอบคลุมพื้นที่กว่า 800,000 ไร่ และเราหวังว่าจะสามารถช่วยควบคุมผลจากภัยพิบัติอันเกิดจากตั๊กแตนได้” เจ้าหน้าที่ระบุ

ทั้งนี้ที่ผ่านมา บริเวณดังกล่าวได้เผชิญกับปัญหาภัยพิบัติจากแมลงตั้งแต่ปี 2003 โดยแมลงจำนวนมหาศาลที่มีความหนาแน่นอยู่ที่ราว 429 ตัว – 1,968 ตัวต่อตารางเมตร ได้สร้างความเสียหายต่อพืชและธัญญาหารที่เพาะปลูกเป็นจำนวนมาก โดยในปี 2007 ได้สร้างความเสียหายกินพื้นที่ถึงกว่า 2,500 ไร่แล้ว
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
http://www.manager.co.th/China/ViewN...=9500000075469<!-- / message --><!-- sig --><!-- / message --><!-- edit note -->
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1>แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย เกษม : วันนี้ เมื่อ 09:54 AM.
<!-- / edit note -->