ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ในห้อง 'ภัยพิบัติและการเตรียมการ' ตั้งกระทู้โดย koymoo, 25 มกราคม 2005.

  1. Falkman

    Falkman พลังจิตนานาชาติ ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    19,726
    ค่าพลัง:
    +77,791
    [​IMG]สรุปแล้ว เรามาปฏิบัติธรรม กันดีกว่า เวลาเหลือน้อยแล้ว[​IMG][​IMG][​IMG]

    :cool:
     
  2. จักรพนธ์

    จักรพนธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +4,622
    เหตุปัจจุบัน ย่อม ก่อให้เกิดผลในอนาคต

    เมื่อเหตุเปลี่ยนผลก็ย่อมเปลี่ยน กาลเวลาที่จะเกิดผลก็ย่อมเปลี่ยน

    ผู้รู้อนาคตทั้งหลาย ก็อาศัยดูเหตุในปัจจุบันเป็นหลักเพื่อทำนายผลที่เกิด

    ในอนาคต ส่วนเรื่องระยะเวลาที่จะเกิดผลนั้นเปนสิ่งที่เปลี่ยนได้ตลอดเวลา

    เพราะเหตนั้นเปลี่ยนตลอดเวลา ถ้าผู้รู้บอกระยะเวลาที่เกิดผลให้ประชาชนรู้

    ประชาชนก็ย่อมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทำให้เหตุเปลี่ยน กาลเวลาที่จะเกิดผล

    ย่อมเปลี่ยนด้วย
     
  3. Baramee

    Baramee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    230
    ค่าพลัง:
    +1,032
    สวัสดีทุกท่าน
    ผมจะบอกความจริงให้รู้ว่า ผมนั้นก็กลัวเรื่องภัยพิบัตินี้ขึ้นสมอง
    เป็นมานานแล้ว หลาย 10 ปี เพราะสนใจมานานนั่นเอง

    กลัวตั้งแต่สมัยสงครามเวียตนาม
    เพราะสมัยนั้นอเมริกาทำนายว่าไทยจะเป็นคอมมิวนิสต์
    ตามทฤษฎี "โดมิโน" ของพวกดอกเตอร์ที่มีชื่อเสียง
    เพราะคอมมิวนิสต์ยึดจีน ยึดพม่า ยึดเวียตนาม
    ยึดเขมร เหลือไทยประเทศเดียว นอกนั้นก็เป็นทะเล

    ไทยจึงถูกมองว่าเสร็จแน่ ตอนนั้นอีสานบางส่วนโดนยึดแล้ว
    ทางใต้ก็เริ่มโดนโจรจีนคอมมิวนิสต์ยึดทางหลวงบางสาย
    ถึงกับเอาทหารมาตรวจรถทุกคันที่วิ่งผ่านทางหลวง

    ต่อมายุค 14 ตุลา ยุคนักศึกษาเป็นคอมมิวนิสต์
    คือมันเริ่มเข้ามายึดสถาบันการศึกษาได้แล้ว
    จนเกิดการนองเลือด 6 ตค 19 นักศึกษาตายไปมากมาย
    ที่เหลือก็หนีเข้าป่าจับปืน ไปเป็นทหารเต็มตัว
    คนยิ่งคิดว่าต่อไปไทยเสร็จแน่

    แต่มีพระอยู่ท่านหนึ่งบอกผมว่าอย่าไปกลัวเลย
    ไทยนั้นไม่เป็นคอมมิวนิสต์แน่นอน เพราะประเทศไทย
    จะสามารถดำรงไว้ซึ่งพระพุทธศาสนาเอาไว้ได้

    แล้วเหตุการณ์ก็ผ่านมานับ 10 ปี ไทยรอดพ้นมาได้จริงๆ
    เดี๋ยวนี้คนเลิกกลัวเรื่องนี้ และลืมมันไปแล้ว

    ต่อมาก็เหตุการณ์ก่อนปี 2000 ตามที่เล่า
    พวกพระ ดอกเตอร์ นักโหราศาสตร์ ร่างทรง นักวิทยาศาสตร์
    ต่างพากันออกมาทำนายว่าโลกจะผลัดยุค
    จะต้องเกิดการชำระล้างกันก่อน คนจะตายมากมาย
    เพราะจะเกิดสงครามโลก (ตอนนั้นซัดดำซ่าสุดๆ) อุกาบาตจะมาชนโลก
    จะเกิดน้ำท่วมใหญ่ คนจะต้องอพยพไปอยู่บนเขาที่สูง
    ต้องกักตุนเสบียงอาหาร หรือต้องมีห้องใต้ดินเพราะต้องหลบ
    อาวุธนิวเคลียร์

    หลายคนต้องลงทุนขุดห้องใต้ดิน สะสมเสบียงอาหาร
    ก่อนปี 2000 อเมริกาก็เตรียมบุกคูเวตและอิรัก
    โอย..... โลกไม่เคยสงบเลย

    ยิ่งใกล้ปี 2000 คนก็ยิ่งกลัว เพราะเหตุการณ์มันก็กระพือ
    ความรุนแรง แต่มีพระองค์หนึ่งบอกผมว่าอย่าบ้าตามเขา
    (ท่านคงไม่รู้ว่าผมนั้นบ้าสุดๆ)
    ท่านบอกมันไม่รุนแรงอะไรเลย รับประกัน
    ไฟแห่งความกลัวของผมเลยพลอยวูบลงไป
    แต่ผมไม่กล้าบอกท่านหรอกว่าผมเตรียมเสียงอาหารไว้เพียบเลย
    กลัวโดนเขกกบาลที่ไม่เชื่อท่าน

    สงครามคูเวตและอิรักก็เกิดมาตามลำดับ
    ตอนขู่กันนั้น กินเวลาประมาณ 2 ปี
    แต่ตอนรบกันไม่ถึง 3 เดือนก็จบ
    ทุกอย่างก็ผ่านไปแล้ว ไม่มีอะไรร้ายแรงอย่างที่กลัวกัน

    ตอนนี้มาใหม่ "Globle Warming" หรือโลกร้อน
    ข้อมูลเพียบ รายงานเป็นระยะๆ
    ผมก็เอาอีกแล้ว เริ่มศึกษามาในช่วง 2-3 ปีมานี้
    เอ๊ะเห็นท่าจะจริง กรุงเทพมันทรุดทุกปีนี่หว่า
    เราก็เห็นว่าบริเวณรอบตึกมันทรุด ห่างจากบันไดตึกหลายนิ้ว

    โรคกลัวภัยพิบัติมาอีกแล้ว
    คิดว่า 2-5 ปีมานี้เราคงอยู่กรุงเทพไม่ได้
    เริ่มมองหาที่อยู่ใหม่ ไปทางเชียงรายดีกว่าเพราะ
    มันอยู่สูงสุดของไทยเลย เอาเข้านั่น
    หรือเริ่มจะขอไปอยู่กับญาติที่พิษณุโลกดี
    ทางหัวหินหรือทางใต้ไม่เคยอยู่ในหัวเลย

    แล้วคุณว่ามันจะเกิดน้ำท่วมใหญ่ไหม
    เพราะพระองค์เดิมยังไม่เคยกล่าวถึงน้ำท่วมกรุงเทพเลย
    ท่านกำลังสร้างมหาเจดีย์อยู่ (ในภาคกลาง)
    ถ้าน้ำจะท่วมจริงท่านจะสร้างเจดีย์ทำไม
    เพราะต้องใช้เงินเป็นร้อยล้าน
    และท่านมีญาณทัศนะแม่นสุดๆ
    พูดอะไรยังไม่เคยพลาด

    แล้วในหลวงท่านล่ะ
    ท่านเป็นสุดยอดแห่งวิชาชลประทาน Landscape
    ถ้ากรุงเทพจะจมน้ำในระยะเวลาอันใกล้
    ท่านจะต้องมีโครงการพระราชดำริเกี่ยวกับเรื่องนี้
    ออกมาแล้วใช่ไหม

    ผมจึงคิดเอาเองว่าเรื่องน้ำท่วมกรุงเทพนั้น
    มันคงจริง แต่ยังอีกหลายปีที่จะรุนแรง
    มันคงท่วมแถบที่อยู่ใกล้ทะเลรอบกรุงมากกว่า

    ตอนนี้ประเทศไทยจมลงในสภาพเศรษฐกิจแล้ว
    ยังไม่ใช่จมเพราะน้ำท่วม

    แต่การที่เราศึกษาเรื่องพวกนี้ก็ถือว่าเป็นการดี
    เป็นการป้องกันและ Alert หน่วยงานต่างๆ ให้ระวังไว้ครับ
     
  4. จักรพนธ์

    จักรพนธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +4,622
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>แผ่นดินไหวชายแดนไทย-พม่าซ้ำอีก/แต่ไม่พบความเสียหาย</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>โดย ผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=baseline align=left>9 มิถุนายน 2550 08:47 น.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=bottom align=left height=12>[​IMG]</TD></TR><TR><TD bgColor=#cccccc><TABLE cellSpacing=1 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle bgColor=#ffffff><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%"><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle width=160><TABLE cellSpacing=4 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=middle>คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE>
    <TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center align=middle width=165 height=1>[​IMG]</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD><TD width=4 background=/images/linedot_vert3.gif>[​IMG]</TD><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=7 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=baseline align=left>เชียงราย – เกิดเหตุแผ่นดินไหวจุดศูนย์กลางบริเวณชายแดนไทย-พม่า ห่างจากเชียงรายไปทางเหนือร่วม 90 กม.ซ้ำอีก แต่ไม่พบความเสียหาย แม้ความแรงถึงระดับ 5.3 ริกเตอร์

    ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.เชียงราย ว่าได้เกิดเหตุแผ่นดินไหว ขนาดความแรง 5.3 ริกเตอร์ เมื่อเวลา 00.21 น.วันที่ 8 มิ.ย. โดยมีจุดศูนย์กลางอยู่พรมแดนไทย-พม่า ห่างตัว อ.เมือง จ.เชียงราย ไปทางทิศเหนือประมาณ 90 กิโลเมตร ที่ละติจูด 20.9 องศาเหนือ ลองจิจูด 99.7 องศาตะวันออก ทำให้ประชาชนในหลายพื้นที่ของ จ.เชียงราย สามารถรับทราบความรู้สึกได้ โดยที่ราษฎรในเขต อ.เมือง จ.เชียงราย ได้รับทราบแรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวครั้งนี้ประมาณ 3-4 วินาที

    ส่วนที่ชายแดน อ.เชียงแสน พบว่าราษฎรในเขตแนวกำแพงเมืองโบราณและประชาชนในเขตเทศบาล ต.เวียงเชียงแสน สามารถรับความรู้สึกได้ประมาณ 5 วินาที ทำประชาชนชาวเชียงแสน ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน ออกสำรวจตามวัดและโบราณสถาน โดยเฉพาะที่วัดพระธาตุจอมกิตติ ซึ่งได้รับความเสียหาย ทำให้ยอดฉัตร 9 ชั้นประดับอัญมณีมีค่า 9 ชนิดพังโค่นลงมา และตัวฐานเจดีย์อายุพันปี เกิดรอยร้าว เมื่อครั้งเกิดแผ่นดินไหว 6.3 ริกเตอร์ เมื่อวันที่ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าจากการตรวจสอบไม่พบความเสียหายจากแผ่นดินไหวครั้งนี้

    ส่วนที่ อ.แม่สาย ชายแดนไทย-พม่า ซึ่งอยู่ห่างจากจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหวในประเทศพม่า และอยู่ห่างจากด่านการค้าแม่สาย-ท่าขี้เหล็ก ไปทางทิศเหนือเพียง 30 กิโลเมตร สามารถรับความรู้สึกแผ่นดินไหว โดยเจ้าหน้าที่และผู้เข้าพักในโรงแรมวังทอง ซึ่งเป็นโรงแรม 5 ดาว ขนาดความสูง 8 ชั้น ตั้งอยู่ใกล้ด่านพรมแดนแม่สาย มีพนักงานรู้สึกได้ แต่ไม่เกิดความแตกตื่น เนื่องจากเกิดการสั่นไหวเพียงเล็กน้อย

    ส่วนที่บริเวณเมืองท่าเดื่อ-เมืองโก-เมืองเลน จ.ท่าขี้เหล็ก แนวเขตจุดศูนย์กลางแผ่นดินไหว ไม่พบความเสียหาย เนื่องจากสภาพพื้นที่โดยรอบเป็นภูเขาสูง มีป่าทึบปกคลุม ไม่มีตัวอาคารสูงตั้งอยู่ ขณะที่ย่านการค้า จ.ท่าขี้เหล็ก ที่ประชาชนและพ่อค้าสามารถ กลับรับทราบความรู้สึกของเหตุการณ์แผ่นดินไหวได้ในช่วงกลางดึก

    ด้านนายสมพล สุปการ หัวหน้าสถานีอุตุนิยมวิทยาเชียงราย กล่าวว่า จากระดับความแรงแผ่นดินไหว 5.3 ริกเตอร์ครั้งนี้ เชื่อว่าไม่ทำความเสียหายใดต่อทรัพย์หรือตัวโบราณสถานในเขต จ.เชียงราย อย่างเช่นที่เกิดขึ้นเมื่อครั้ง 6.3 ริกเตอร์ คากว่าเกิดจากรอยเลื่อนใต้พิภพในประเทศพม่า ซึ่งมีรอยเลื่อนสะแกง รอยเลื่อนขนาดใหญ่พาดผ่านอยู่ และเป็นรอยเลื่อนที่ในอดีตเคยเกิดแผ่นดินไหวระดับรุนแรงมาแล้ว

    </TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
    ใกล้เข้าไทยมากขึ้นอีกนิดแล้วครับ
     
  5. piakgear24

    piakgear24 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 ธันวาคม 2006
    โพสต์:
    2,696
    ค่าพลัง:
    +44,505
    มันจะเกิดหรือไม่เกิดก็ช่างมัน
    เตรียมการณ์เอาไว้ก่อน
    หันมาปฏิบัติให้ได้ผลกับตัวท่านเองจะดีกว่า
    เมื่อถึงเวลาแล้วจะได้ไม่พลาด
     
  6. จักรพนธ์

    จักรพนธ์ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 สิงหาคม 2006
    โพสต์:
    373
    ค่าพลัง:
    +4,622
    ตอนนี้ประเทศไทยเศรษฐกิจจะจมไปเรื่อยๆและหนักขึ้นๆจนกว่าจะถึง

    เหตุการณ์น้ำท่วมโลก ถ้าเหตุการณ์น้ำท่วมโลกเกิดขึ้นเร็ว ประเทศไทย

    ก็จะวุ่นวายด้วยภัยจากเศรษฐกิจการเมืองน้อย ถ้าเกดขึ้นช้าเราก็จะต้อง

    ทนอยู่ในภาวะความวุ่นวายทางเศรษฐกิจการเมือง ที่นับวันจะแรงขึ้นๆ

    ผมได้ข่าวมาก่อนการปฏิวัติ

    คราวที่แล้ว ว่าจะมีการปฏวิติแล้วหลังจากนั้น ทหารจะแบ่งฝ่ายเข่นฆ่า

    กัน บ้านเมืองจะนองไปด้วยเลือด ทหารจะมีสองฝ่ายคือฝ่ายพ่อหลวงซึ่ง

    ก็คือฝ่ายประชาชนกับ ฝ่ายที่ไม่หวังดี สถานการณ์จะวุ่นวายมาก ซึ่ง

    บางทีพ่อหลวงอาจจะทนไม่ไหวต้องไปอยู่ต่างประเทศ สถานการณ์นี้จะ

    เกิดหรือไม่เกิดต้องดูว่าน้ำท่วมโลกจะเกิดช้าหรือเกิดไว
     
  7. Nirvana

    Nirvana เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    9 กุมภาพันธ์ 2005
    โพสต์:
    8,188
    ค่าพลัง:
    +20,865
    อนุโมทนา....สาธุ กับ คุณเทวตา

    มีผู้รู้หลายท่านคิดเหมือนคุณ และหนึ่งในนั้นก็คือ เรา Nirvana

    แต่ทั้งนี้ก็ต้องรอดูต่อไป เพราะชั่วโมงนี้ไม่มีประโยชน์ใดๆในการไปห้ามมิให้วิบากกรรมส่งผล เพราะสถานการณ์วันนี้เปรียบเสมือนฝีที่สุกงอมและปูดออกมานอกผิวหนัง รอวันแตกกระจาย สร้างกลิ่นเหม็นและความเจ็บปวด

    "เวรกรรม ประเทศไทย ประชาชนก็ต้องทนรับกรรม"
     
  8. vichai2500

    vichai2500 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 มิถุนายน 2006
    โพสต์:
    600
    ค่าพลัง:
    +2,877
    (f) กลัวมาก คิดมาก ฝันมาก

    กลัวน้อย ระเริง พลอยประมาท

    สิ่งใด จะเกิด มันคงเกิด

    สิ่งใด ต้องทำ เราควรทำ

    ตามเหตุ ตามปัจจัย ตามธรรม

    ด้วยสติ สัมปชัญญะ อย่างที่สุด(f)
     
  9. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ยึดทางสายกลางกันเอาไว้ครับ

    เสพข่าวสารแต่จงใช้ปัญญาพิจารณา เหตุและผล สาวไปหาเหตุจนสุด แล้วจะเห็นผลจากเหตุนั้นเอง

    อย่าได้ประมาทในการทำความดีแม้เพียงเล็กน้อย

    เวลาที่มีเพียงเล็กน้อยแห่งชีวิตพึงประกอบด้วยจิตอันเป็นกุศลเอาไว้เสมอ อย่าให้จิตของเราเศร้าหมองไปด้วยกิเลสและอกุศลกรรม

    ความกลัวคือรากเหง้าให้อวิชชา หากความกลัวเกาะกุมจิตใจของเราไว้ การตัดสินย่อมผิดพลาด หากเราเข้าถึงความเป็นธรรมดา ย่อมมีความสุขุมเยือกเย็นและมีสติ ในการตัดสินใจในการทั้งปวง

    ภัยพิบัติที่ร้ายแรงที่สุด คือ ภัยจากวัฏฏะสงสาร

    ภัยพิบัติที่ร้ายแรง รองลงมา คือ "ภัยแห่งความวิบัติของศีลธรรม" จากจิตใจโดยส่วนรวมของคนบนโลกในขณะนี้ อันเป็น เหตุแห่งภัยพิบัติทั้งปวงที่กำลังจะเกิดขึ้นและได้เริ่มขึ้นแล้ว

    หนทางข้างหน้าไม่อาจคาดเดา หรือ ทำนายได้

    แต่สิ่งที่พวกเราทุกๆท่านสามารถทำได้ คือ

    -ทำความดีให้เต็มกำลังที่ทำได้
    -ทำความดีให้เป็นปกติ
    -โมทนาในความดีของท่านผู้อื่น
    -ฉีกลอกมานะทิษฐฺความถือตัวถือตนว่าเก่ง ว่าวิเศษออกไปจากใจของเราน้อมจิตลงสู่ การเห็นประโยชน์ของส่วนรวมเป้นที่ตั้ง

    -กิจใดอันพึงก่อให้เกิดความเจริญและความสามัคคี จงทำให้ยิ่งขึ้นไป

    -กิจใดที่เป็นโทษต่อส่วนรวมและประโยชน์ของแผ่นดินจงช่วยกัน ร่วมใจกันแก้ไข

    -พลิกจิตให้เห็นโทษภัยแห่งมิจฉาทิษฐิ และเพิกจิตน้อมเข้าสู่สัมมาทิษฐิเสีย

    -สรรพสิ่งทั้งปวง ล้วนเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป ทั้งสิ้น การยึดติดว่าเที่ยงจึงทำให้เกิดทุกข์

    -อภิญญาทั้งปวงในสัมมาสมาธินั้น มิได้มีไว้โอ้อวด หรือการเพิ่มมานะทิษฐิให้ตนเองพอกพูนขึ้น
    แต่พึงมีไว้เพื่อให้เห็นจริงในอริยสัจสี่ ปลดเปลื้องกิเลสอนุสัยออกไปจากใจของเรา มีเพื่อให้เห้นการขับเคลื่อนของแรงกรรม แรงวิบากในสังสารวัฏฏ์ได้อย่างชัดเจน จนจิตเห็นโทษภัยแห่งสังสารวัฏฏ์ และพบหนทางแห่งโมกข์ธรรมในการหลุดพ้น
    ส่วนอภิญญาก็ดี สายสมบัติก็ดี บารมีทั้งสามสิบทัศน์ของพระมหาโพธิสัตว์ทั้งหลายก็ พึงมีเพื่อประโยชน์สุขและสันติสุข ของผู้คนทั้งหลายไม่ใช่เพื่อความสุขส่วนตัว เป็นไปเพื่อการสงเคราะห์กัน ทั้งสุขในปัจจุบันชาติ และสุขในอนาคตชาติ

    ดังนั้น การนำอภิญญาไปใช้ในทางเพิ่มพูนกิเลส ก็นับเป็นมิจฉาสมาธิ และเป็นหนทางแห่งความเสื่อมแห่งฌาน ญาณ อภิญญาในที่สุด

    แต่ขอให้รู้ว่าที่เสื่อมนั้นดี เพราะเป็นการยับยั้งกรรมไม่ให้เกิดลึกลงไปอีก

    การได้อภิญญาจึงเป็นดาบสองคมด้วยประการ ฉะนี้

    -การเจริญเมตตาอัปปันนาณญาณ (การแผ่เมตตาไม่มีที่สุดไม่มีประมาณ ออกไปยังทิศทั้งปวง และทุกภพภูมิ) เป็นบาทฐานแห่งคุณธรรมของพระโพธิสัตว์ทั้งปวง เมื่อเข้าถึงความเป็นธรรมดาแห่งโพธิสัตว์วิสัย ย่อม
    ทำดี เพื่อผู้อื่น
    ไม่ได้ทำดีเพราะหวังผลใดๆ
    ทำความดีเป็นปกติ
    ชักชวนผู้อื่นทำความดีเป็นปกติ
    ยินดีเมื่อได้เห็นความดีของท่านผู้อื่น

    ประเทศชาติใดมีผู้ทรงคุณธรรมปฏิปทา เยี่ยงนี้เป็นจำนวนมาก ย่อมได้เข้าถึงซึ่งความเจริญและ รุ่งเรือง

    -ชาวศรีวิไล นั้นเป็นความเจริญทางวัตถุก็หาได้ไม่ ความศิวิลัยย์ ที่แท้จริงคือประชาชนทั้งปวงมีความเจริญทางจิตใจและคุณธรรมสูง เอาอรรถ เอาธรรมเป็นเหตุเป็นผลเป็นหลักใหญ่ ไม่ใช่ตัดสินถูกผิดจากความคิดอารมณ์ที่เต็มไปด้วยกิเลสมาอ้างเป็นเหตุผลของตน
    ชาวศรีวิไลคือยุคสมัยที่ประชาชนทั้งหลายส่วนใหญ่ มีศีลมีธรรม เข้าถึงซึ่งพระนิพพานเป็นอารมณ์ ประกอบกิจการอันเห็นคุณประโยชน์ต่อส่วนรวมเป็นสำคัญ เห็นงานในการรักษาจิตใจให้ปราศจากกิเลสเป็นงานหลัก งานเพื่อการเยียวยาหล่อเลี้ยงร่างกายขันธุ์ห้าเป็นเรื่องรอง

    หากจะถามว่าเป็นสุขไหม ก็ต้องตอบว่า การที่คนสัตว์ทั้งหลายไม่เบียดเบียนกัน มีน้ำใจ มีไมตรี มีความเอื้อเฟื้อให้กัน มีความหวังดีให้ต่อกัน จะเป็นสิ่งที่มีความสุขหรือไม่

    -เมื่อพิจารณาสาวถึงเหตุแห่งภัยพิบัติทั้งปวงที่เกิดขึ้น มีเหตุจากภัยจากความวิบัติแห่งศีลธรรมในจิตใจของมนุษย์ส่วนใหญ่ในโลกขณะนี้ แก้ที่เหตุดับที่เหตุ ดับที่เราก่อน และเมตตาต่อคนใกล้ตนให้ดับเหตุข้างต้นตามกำลังและวาระเฉพาะตนอย่าได้เดือดร้อนเบียดเบียนตัวเรา ดับให้คนอื่นไม่ได้ก็พึงวางอุเบกขาเสีย สรรพสัตว์มีกรรมที่มืดบอดเฉพาะตน จงอย่าได้ทุกข์ไปกับกรรมของเขา มองให้เห็นความเป็นธรรมดาในทุกสรรพสิ่ง
     
  10. kananun

    kananun เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤษภาคม 2006
    โพสต์:
    10,282
    ค่าพลัง:
    +114,775
    ไม่ว่าภัยพิบัติจะเกิดหรือไม่ก็ตาม สำหรับตัวผมเองนั้น

    ผมได้เห็นน้ำใจ และความเสียสละของหลายๆคนที่มีต่อส่วนรวม

    ได้อิ่มเอมในน้ำใจที่มีให้กัน

    ได้สร้างบุญสร้างกุศลอีกตั้งมากมาย

    ได้ "เพื่อน" ที่จริงใจอีกมากมายหลายท่านครับ

    ลองเริ่มต้นด้วยการ "ให้ อย่างปราศจากเงื่อนไข" ครับ
     
  11. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    รู้ไว้เพื่อไม่ประมาท มิใช่รู้ไว้เพื่อหวาดกลัว วิตกจริต


    มิใช่สิ่งแปลก หากผู้คนจำนวนมากยังคลางแคลงสงสัย ไม่ไว้วางใจเรื่องการเตือนภัย ว่าจะมีเบื้องหน้าเบื้องหลัง ว่าจะเกิดแน่แท้จริงหรือไม่ ในโมงยามเท่าใด

    หรือแม้กระทั่งคิดเผื่อไปถึงการฉวยโอกาสของเหล่ามิจฉาอาชีวะ เช่น การปั่นราคาที่ดิน และอื่นๆ ในทางใช้สถานการณ์และกระแสข่าวค้ากำไรให้แก่ตนเอง


    ดังที่เราบอกแล้วว่า การเตรียมตัวและเตรียมใจในแต่ละบุคคล ย่อมต้องพิจารณาถึงความพร้อมทางกำลังทางปัจจัยสนับสนุน ให้ผู้นั้นมีการเตรียมรับไว้อย่างไม่ประมาท ทว่า ตั้งอยู่บนฐานแห่งความพอดีแห่งตน


    อย่างไรก็ตาม คำว่าพอดีของแต่ละคนย่อมไม่เทียมเท่ากัน เพราะหากบางคนมีความมั่งคั่งทางทรัพย์มาก เขาจึงเตรียมได้มาก แม้จะลาขาดจากการงาน การเงินก็ไม่สั่นคลอน


    แต่เมื่อบางคนมีน้อย ก็ต้องวางแผนหลัก - แผนรองเอาไว้ให้แยบยล ไม่อาจเทได้จนหมดหน้าตักดังเขาอื่น


    เราขอขอบคุณ คณะผู้เตรียมงานพิชิตภัยพิบัติทุกท่าน แม้ท่านอาจเป็นไม้ขีดไฟก้านน้อยเพียงก้านเดียว แต่ท่ามกลางความมืดมิด แสงเรืองรองจากท่านย่อมสว่างไสวได้เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนร่วมโลกทั้งมวล


    ขอความดีงามทั้งหลายทั้งปวงที่ทุกท่านได้ร่วมประกอบขึ้นนี้ จงเป็นเกราะแห่งคุณงามความดีที่ปกป้องคุ้มครองท่านทั้งหลายตลอดไปเทอญ
     
  12. เกษม

    เกษม ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนพิเศษ สมาชิก Premium

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 พฤศจิกายน 2004
    โพสต์:
    24,696
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +77,193
    มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 คนจากอุทกภัยทางภาคกลางและภาคใต้ของจีน

    [​IMG]
    ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต

    มีผู้เสียชีวิตแล้ว 3 คนจากอุทกภัยทางภาคกลางและภาคใต้ของจีน ส่วนที่ออสเตรเลีย อิทธิพลของพายุทำให้หลายพื้นที่ไม่มีไฟฟ้าใช้จนถึงปลายสัปดาห์หน้า

    สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีของรัฐบาลจีนรายงานว่า ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักตลอดวานนี้ คร่าชีวิตชาวจีนไปแล้ว 3 คนในมณฑลกว่างซีและฝูเจี้ยนทางตอนใต้ของจีน และอีกราว 158,000 คนต้องละทิ้งบ้านเรือนที่จมอยู่ใต้น้ำ และพื้นที่ทำการเกษตรเสียหายเป็นจำนวนมาก ขณะที่สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า กระทรวงกิจการพลเรือนเร่งส่งทีมกู้ภัยไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยในมณฑลหูหนานทันทีหลังจากต้องเผชิญกับฝนตกหนักต่อเนื่อง

    ส่วนที่ออสเตรเลีย พายุที่พัดกระหน่ำชายฝั่งทิศตะวันออกของประเทศในวันนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตแล้ว 5 คน และอีก 3 คนยังไม่ทราบชะตากรรม ขณะที่ประชาชนราว 2 แสนครัวเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้และอาจจะยาวนานถึงปลายสัปดาห์หน้า ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาไฟฟ้าดับที่รุนแรงที่สุดในรอบ 30 ปี

    [ 2007-06-09 : 15:13:40 ]

    ที่มา http://tna.mcot.net/#
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2007
  13. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    ต้องขอโทษทุกท่านนะครับ...ไม่ได้อยากให้เกิดวิวาทะกัน

    ตอนนี้ผมในฐานะผู้ติดตามเรื่องภัยพิบัติ...ได้แต่ให้ข้อมูลทุกท่านที่สนใจ

    1. ข้อมูลทางสถิติ
    2. ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์
    3. ข้อมูลทางพยากรณ์ศาสตร์

    จากเพื่อนๆของเราหลายๆท่าน...รวมไปถึง

    1. ก่อนเกิดเหตการณ์จะต้องเตรียมอะไร
    2. ขณะเกิดเหตุการณ์จะปฏิบัติอย่างไร
    3. หลังเกิดเหตุการณ์ควรปฏิบัติอย่างไร

    แม้ข้อมูลนี้จะไม่แม่นยำถูกต้องทั้งหมด หรือนำไปปรับใช้ได้บ้างเล็กๆน้อยก็ตาม...แต่เราก็ได้กลั่นกรองมาแล้วระดับหนึ่ง เพื่อให้ ท่านที่สนใจ สามารถหยิบฉวยไปใช้ นำไปต่อยอดได้ทันทีโดยไม่ต้องนับ 1 ใหม่

    ขอเน้นว่า...เราไม่ได้บังคับให้ใครเชื่อ... เราไม่ได้ขอร้องให้ท่านเชื่อ

    ท่านเชื่อหรือไม่ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของท่านเอง...ด้วยข้อมูลจาก 3 แหล่งข้างต้น...ท่านต้องตัดสินใจเอง ว่า...เมื่อรับรู้แล้วจะทำอย่างไรต่อไป...

    หากการค้นคว้าหาข้อมูลทั้งหลาย...ถูกเข้าใจว่าเป็นการ อวดอ้างอวดภูมิ ผมก็คิดว่า...ไม่แปลกอะไรที่ท่านจะคิดเช่นนั้น

    ส่วนจะเรียกว่า อวดอ้าง หรือไม่ผมไม่ทราบ อยากจะเรียกอะไร...ก็ตามสะดวก

    ผมคิดว่า...การนำเสนอข้อมูลต่อกัน ด้วยเหตุด้วยผล ย่อมดีกว่า...ตอบโต้กันด้วยความเชื่อแต่ถ่ายเดียว....และผมก็คิดว่า...มันควรจะเป็นเช่นนั้น...แต่หากผมคิดผิดก็ขออภัยด้วยครับ

    ในทำนองเดียวกัน...ท่านที่มีข้อมูล...ก็ขออย่าได้เก็บไว้...โปรดนำมาเผยแผ่เป็นวิทยาทาน...ก็จะเป็นประโชน์ต่อส่วนรวมไม่น้อย
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2007
  14. สิกขิม

    สิกขิม เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    1,310
    ค่าพลัง:
    +6,034
    ผู้ทรงธรรมทรงมหาบารมีแห่งแผ่นดินไทย ท่านทรงให้นัยยะแห่งขุมปัญญาในการดำเนินชีวิตยามสูงสุดคืนสู่สามัญ เมื่อทุกสิ่งจำต้องกลับไปนับหนึ่งใหม่


    นั่นคือ แนวทางเจริญชีวิตอย่างพอเพียง ด้วยใจที่เพียงพอ


    ศึกษาค้นคว้าอย่างลึกซึ้งให้ถึงแก่นเถิด
     
  15. Baramee

    Baramee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    230
    ค่าพลัง:
    +1,032
    ถ้าตั้งใจทำความดี
    เพื่อหวังช่วยเหลือผู้อื่น ก็อย่าท้อ
    แค่มีคนติงนิดๆ หน่อยๆ เท่านั้น

    ต้องฝีกความอดทนต่อสิ่งยั่วเย้าต่างๆ ใหได้
     
  16. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    คุณ grasib อย่าคิดว่าเป็นการตอบโต้นะครับ คิดว่าเราสนทนากันดีกว่า

    1. สมัยสงครามเวียดนาม มันเป็นเรื่องของการขยายอำนาจของตะวันตก โดยเอาคำว่า...คอมมิวนิสต์เป็นเครื่องมือ...ชาวเวียดนาม พระ เด็ก ถูกเข่นฆ่าเพราะรัฐบาลหุ่นเชิดของตะวันตก เมื่อคนเวียดนามส่วนใหญ่เขาไม่ยอม จึงเกิดสงครามกลางเมือง และชาติตะวันตกถือโอกาสเข้าแทรกแซงในที่สุด แต่ก็เจ็บตัวกลับบ้านกลับไป ทุกวันนี้ชาวเวียตสมัยใหม่ลืมหมดแล้ว ภาษเขียนถูกกลืนกิน....ไม่มีการเขียนภาษาเวียดนามอีกแล้ว ที่เห็นในปัจจุบันนี้คือ...เอาอักษรอาราบิคมาเขียนให้ออกเสียงได้เท่านั้น

    การหวาดกลัวภัยจากภายนอกประเทศในยุคล่าอาณานิคม...จึงไม่ใช่เรื่องผิดปกติวิสัยแต่อย่างใด ยิ่งมีคอมมิวนิสต์สายรัสเซีย สายจีนมาลายา เข้ามาเคลื่อนไหวในประเทศ ย่อมไม่ใช่เรื่อง...กระต่ายตื่นตูม

    2. 14 ตุลาคม นั้นชนวนเหตุ... เพราะคนกลุ่มใหญ่ที่อุดรเดินขบวนขับไล่ฐานทัพอากาศใครบางคนที่นั่น และรัฐบาลสมัยนั้นแสดงท่าทีเห็นด้วยอย่างชัดเจน สุดท้ายก็โดนวางยา...ใช้นักศึกษาเป็นเครื่องมือ...ไม่เว้นแม้แต่ช่วงพฤษภาทมิฬ ก็พยายามลากนักศึกษาเข้าไปร่วมด้วย ทั้งสองเหตุการณ์ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เรียบร้อยแล้ว

    ต้องขอบอกว่า... ผู้ที่สร้างภาพน่ากลัวให้แก่คอมมิวนิสต์...กลับไม่ใช่คอมมิวนิสต์...ทั้งสองเหตุการณ์ถูกวางแผนเอาไว้แล้วว่าจะเดินเกมส์แก้เกมส์กันอย่างไร...ปัจจุบัน...คอมมิวนิสต์ล่มสลาย...แต่เขาใช้คำใหม่ในการสร้างภาพให้น่ากลัว...นั่นคือคำว่า...การก่อการร้าย...และใช้คำนี้ในการทะลุทะลวงประเทศต่างๆ

    หากถามผมว่า...เหตุการณ์ทางภาคใต้และระเบิดใน กทม. เป็นเรื่องก่อการร้ายหรือเป็นเรื่องแบ่งแยกดินแดนหรือ....ผมตอบว่า...เป็น Player ชุดเดิม...แต่เปลี่ยนสนาม...มาเป็นเมืองไทย...ก็เท่านั้น

    พอแค่นี้นะครับ...สำหรับเรื่องนี้...

    3. อุกาบาตชนโลกนี่เคยได้ยินครับ....แต่ NASA ยืนยันว่า...ยังอีกหลายปีมากๆ ไม่น่ากลัวครับ ดวงที่น่ากลัว...น่าจะเป็นดวงที่โครงการ Deep Impact ยิงให้พ้นวงโคจรไปมากกว่า แต่ดวงนั้นก็ใหญ่ไม่มาก ส่วนสาเหตุที่โดนยิง เพราะว่า...พอมันเข้าใกล้โลกมากขึ้น มันหมุนรอบตัวเองแบบแปลกๆ NASA กลัวว่า...มันจะหันหัวมายังโลก ก็เลยโดนสอยไปเสีย


    4. ซัดดัมนั้นซ่ามากครับ ทำสงครามกับอิหร่านแถมบุคูเวต แต่ก็แค่นั้นครับ....ไม่เหมือนประเทศบางประเทศ...บุกเขาไม่รู้กี่ประเทศกลับไม่มีใครโวยวาย

    5. เรื่องโลกร้อนนี่ขอบอกว่า...ไม่ใช่กระแสแน่นอน เพราะกระแสมันมาแล้วก็ไป เมื่อก่อนเขาพูดว่า เอลนิโญ - ลานิญ่า แต่ตอนนี้ต้องออกมาบอกว่า เบื้องหลังของทั้งสองตัวนั้น...ก็คือ..."Globle Warming" เราต้องลำบากเพราะเรื่องนี้แน่นอน

    และขอบอกทุกท่านไว้เป็นสาธารณะเลยครับว่า...เป็นเรื่องเดียวกับเรื่อง ภัยพิบัติ ในยุคจากนี้ไปแน่นอน

    6. สำหรับเรื่องน้ำท่วมนั้น มีโครงการพระราชดำริหลายอย่างที่ช่วยป้องกันน้ำท่วม กทม. ครับ

    6.1 โครงการสร้างเขื่อนกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยา...ผู้ว่าคนหนึ่งเคยโดนตำหนิออกอากาศมาแล้ว...เพราะไม่ยอมดำเนินการให้แล้วเสร็จ

    6.2 โครงการสร้างประตูน้ำของ กทม. (สร้างเสร็จมาหลายปีแล้วและยังคงสร้างเพิ่มเติมอยู่) ใช้ระบบ SCADA ในการวัดระดับน้ำขึ้นลงและคอยปล่อยน้ำจาก กทม. ออกไปช่วงน้ำทะเลลดระดับลง...เมื่อไม่กี่เดือนมานี้ก็ถูกท่านตำหนิออกอากาศอีกเช่นกันว่า... บริหารน้ำไม่เป็น

    6.3 โครงการเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ช่วยรับน้ำจากภาดเหนือและภาคกลาง ไม่ให้ลงมาซ้ำเติม กทม.

    6.4 โครงการแก้มลิง บริเวณ สมุทรสงครามและสมุทราสาคร รับน้ำจากฝั่งตะวันตกของ กทม. และอื่นๆ ที่ยังนึกไม่ออก...ครับ

    จะเห็นว่า...เราโชคดีมากครับที่พระองค์ท่านพระปรีชาสามารถ หากพระองค์ท่านไม่ช่วยพสกนิกรไว้ ชาว กทม. คงแย่ครับ

    แต่กฏของกรรมก็ยังมีครับ เช่น เมื่อต้นปีปริมาณน้ำเหนือลงมามาก เขื่อนและโครงการต่างๆได้ทำหน้าที่อย่างดีที่สุด แต่ก็ไม่สามารถต้านทานปริมาณน้ำอันมหาศาลได้ ทุ่งลาดกระบังซึ่งเคยเป็นพื้นที่รับน้ำจำนวนมาก เรียกว่าเป็น หน้าด่านของกทม. ก็ว่าได้ ( ใช้คลองรังสิตเป็นช่องทางระบายน้ำออกไป ) ก็ไม่สามารถทำหน้าที่ดังกล่าวได้อีก...เพราะนายกคนหนึ่งดันเอาไปสร้างสนามบินเสียแล้ว

    พระองค์แสดงพระปรีชาอีกครั้ง...โดยการเอาที่นาส่วนพระองค์แถบอยุธยารับน้ำแทนพื้นที่ลาดกระบังเดิม เป็นเหตุให้ชาวอยุธยาต่างพร้อมใจเปิดนาข้าวของตนเองให้เข้าเข้ามาได้...เป็นการตามรอยเบื้องพระยุคลบาท

    จะเห็นว่า...ระบบป้องกันน้ำของ กทม. ไม่เพียงพอ รวมถึง...ไม่สามารถรับภัยพิเศษอื่นๆ เช่น ภัยจากคลื่นยักษ์ หรือภัยจากระดับน้ำทะเลสูงขึ้นหลายเมตร...ได้เลย

    ขอให้ข้อมูลเหล่านี้ไว้เป็นสาธารณะนะครับ...ส่วนจะเชื่อหรือไม่....ผมไม่ทราบครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2007
  17. Baramee

    Baramee เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กรกฎาคม 2006
    โพสต์:
    230
    ค่าพลัง:
    +1,032
    คุณ ZZ อย่าสับสน
    ผมหมายถึงโครงการที่เกี่ยวกับการป้องกันภัย
    จากน้ำทะเลเท่านั้น เพราะเมื่อโลกร้อน
    น้ำทะเลจะสูงขึ้นจนท่วมกรุงเทพ
    คุณอย่าไปโยงโครงการป้องกันน้ำเหนือ
    เดี๋ยววิเคราะห์ไปกันคนละทาง

    ผมหมายถึงพระองค์ท่านยังไม่มีโครงการเร่งด่วน
    ที่เน้นเรื่องน้ำทะเลจะท่วมกรุงเทพ

    เรื่องน้ำท่วมกรุงเทพเพราะน้ำเหนือหลากลงมา
    มันมีมาตั้งแต่ตั้งกรุงเทพแล้ว

    ไปล่ะครับ เดี๋ยวไปกันใหญ่
    มาคุยเพื่อให้มองเห็นอะไรๆ ที่แตกต่างไปบ้างเท่านั้น

    ขอฝากไปถึงคุณหนุมานหน่อย
    คุณเป็นคนที่ผมอยากคุยด้วยที่สุด แต่ไม่ยอมเข้ามาเลย
    เพราะผมชื่นชมผู้มุ่งมั่นในการปฏิบัติธรรม
    ยิ่งปฏิบัติธรรมอย่างวิกฤติเอาชีวิตเข้าแลก
    ไม่ได้เป็นยอมตาย ไม่มีลุกจากที่ ผมละนับถือจริงๆ

    อย่าเพิ่งถอยนะครับ คุณจะเน้นสัจจะอย่างเดียวก็ได้
    เพราะแท้จริงแล้วมันจะโยงใยกันไปเองในบารมีทั้ง 10 ทัศ
    และเมื่อสัจจะบารมีเต็มส่วน คุณจะมีวาจาสิทธิ์

    Bye Bye
     
  18. ZZ

    ZZ เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 เมษายน 2005
    โพสต์:
    5,374
    กระทู้เรื่องเด่น:
    1
    ค่าพลัง:
    +34,649
    ผมไม่อาจทราบความในพระทัยของพระองค์...ในเรื่องน้ำจากทะเลได้ครับ แต่ผมคิดของผมเองนะครับ...เมื่อมันไม่มีก็แปลว่า...หมดทางครับ

    สมัยนึงมีข้าราชการคนนึง เคยคิดจะย้ายเมืองหลวงไป... เพชรบูรณ์...กระมังครับ...หากจำไม่ผิด

    วันดีคืนดี... ประเทศเพื่อบ้านเราย้ายเมืองหลวงไปอยู่ในเทือกเขาดื้อๆ...คงไม่ใช่เรื่องธรรมดาครับ

    โครงการหลวงต่างๆ นี่นอกจากสร้างงานในภาวะปกติสุข หากมองกันในแง่ภัยพิบัติ ก็คือการกักตุนเสบียงอาหารไว้นั่นเอง

    คุณ grasib เคยสังเกตุไหมว่า...ถุงยังชีพพระราชทาน...นั้นมีเป็นแสนๆใบ...ถามว่า...มาได้อย่างไรในชั่วข้ามวัน ?

    ลองเอาแผนที่ที่ตั้งโครงการหลวงต่างๆมากางดูซิครับว่า...โครงการใหญ่ๆ โครงการที่ใช้เป็นพิ้นที่ฉุกเฉินได้นั้น...อยู่บริเวณใด

    ไม่นับการทำไบโอดีเซล B100...ที่พระองค์ท่านทำมานาน แต่หาคนทำต่อน้อยมาก นี่ก็นับได้ว่าเตรียมเพื่อยามฉุกเฉินโดยแท้ครับ

    จะเห็นว่า...ไม่มีการเตรียมการสู้น้ำทะเลเลยใช่ไหมครับ....ไม่แปลกใจเลยหรือครับ

    ท่านอื่นๆ...ที่มีข้อมูลดีๆเชิญนะครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 9 มิถุนายน 2007
  19. sanprach

    sanprach เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    23 มีนาคม 2005
    โพสต์:
    44
    ค่าพลัง:
    +433
    ปู่เข้ามาอ่านเฉย ๆ ไม่มีข้อคิดเห็นอะไร 000
     
  20. Nuttaya

    Nuttaya เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    8 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    17
    ค่าพลัง:
    +197
    ตำนานยอดลาน ธัมมิกราช

    ปริวรรต โดย สลุงเงิน

    นโมตสฺสตฺถุ // พุทฺธธมฺมสงฺฆญฺจ นมิตฺวา สิรสาสทา อินฺโทวาตสฺส ตรกํ ปทมํ วกฺขามิ สุณาถ สาธุพนฺติ.

    ดูราท่านผู้ฟังทั้งหลาย บัดนี้เราจักกล่าว ถึงศาสนโอวาทแห่งพระศรีอริยเมตเตยฺยโพธิสัตว์และอินทาธิราชเจ้า อันใช้ให้วิสสุกัมมเทพบุตร ลงมาเขียนใส่ไว้ในยอดลาน ในวัดพระสิงห์หลวง ในเมืองหริภุญไชย มหานพบุรีแต่ก่อนนั้น ให้แก่มนุษย์ทั้งหลายนั้นแล ตุมฺเห อันว่าท่านทั้งหลายผู้เป็นคนดีมีปัญญา จงเงี่ยโสตประสาทฟังด้วยความเคารพ จดจำ เอาใจใส่ไว้ด้วยดีเถอะ สาธุ


    [​IMG]


    ยังมีลานต้นหนึ่ง อยู่ในวัดใหญ่แห่งนั้นที่ไม่คลี่ยอด ไม่คลายยอดมานานแล้ว ควรคลายก็ไม่คลายออกแล เมื่อนั้นภิกษุทั้งหลายซึ่งอยู่ในอารามแห่งนั้น จึงขึ้นไปตัดเอายอดลานลงมาคลี่คลายออกดู เมื่อดูก็เห็นอักขระธัมมะคำสอนแห่งพระศรีอริยเมตไตรยและอินทาธิราชนี้ จึงรู้อัตถะแห่งอักขระทั้งหลายเหล่านั้นว่าคือโอวาทธัมมะคำสอนแห่งอินทาธิราช มีคำขึ้นต้นว่า โภนฺโต อยํ โลโก วินาสนฺติ. ดังนี้เป็นต้นแล

    เป็นจริงอย่างนี้ว่า ในคราวเมื่อภิกษุ สมณะ พราหมณ์ พระราชา เสนาอำมาตย์และมนุษย์ทั้งหลายในสากลชมพูทวีปทั้งปวง มีภิกษุ พระราชาและมนุษย์ทั้งหลายซึ่งอยู่ในอาณาเขตเมืองหริภุญไชยแห่งนั้นเปนเค้า มักกระทำบาปด้วยกาย วาจา ใจมากนัก ประกอบไปด้วย อกุสละธรรม กรรมอันประมาทในพระรัตนตรัยมากนักแล เมื่อเป็นดังนั้น ภุมมเทวดา อารักษ์ทั้งหลาย ผู้อยู่เหนือแผ่นดินทั้งมวลก็มาพร้อมกัน ประกาศความข้อนั้นแก่กันไปมาว่า

    โภนฺโต ดูรา ชาวเราทั้งหลาย บัดนี้ภิกษุและมนุษย์ทั้งหลายพากันกระทำบาปหนา อธรรมมีมากนัก วิบากบาปกรรมก็จักมายุยงให้สัตว์และมนุษย์ทั้งหลายถึงความวินาศฉิบหายตายมากนัก ด้วยเหตุเขากระทำบาปหยาบช้าสาหัสนั้นแล บัดนี้มนุษซ์ทั้งหลายตายไปแล้ว บ่าวยมบาลก็มาชักลากเอาเขาไปซัดตกในนรกไม่ขาดสักวันสักยาม ฉะนี้แล เราทั้งหลายควรเอาข่าวสารอันนี้ไป ไหว้และบอกกล่าวแก่ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 เถอะ จากนั้นเทวดาทั้งหลายก็พร้อมกันไหว้แล้วบอกกล่าวข่าวสารทั้งมวลแก่ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 นั้นแล

    ตํ สุตฺวา โล มหาราชา อันว่าท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 รู้แล้วซึ่งข่าวสารเยี่ยงนั้น ก็พร้อมกันเข้าไปไหว้ท้าวสักกเทวราช. คราวนั้น พระอริยเมตไตรยโพธิสัตเจ้า ก็ลงมาจากสวรรค์ชั้นดุสิต เพื่อไหว้และปูชาพระเกสาจุฬามณีเจดีย์เจ้านั้นแล ตทา ในกาละเมื่อนั้น พระอินทร์พร้อมด้วยท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ก็พร้อมกันเข้าไปไหว้และบอกกล่าวข่าวสารทั้งปวง แก่พระอริยเมตไตรยเจ้า ทุกประการว่า

    มาริสา ข้าแต่ท่านผู้นิรทุกข์ ในกาละบัดนี้สรรค์ทั้ง6ชั้น ก็จักว่างเปล่าจากเทวดา หาผู้จักมาเกิดไม่ได้แล ด้วยว่ามนุษย์ทั้งหลายในชมพูทวีป กระทำบาปมากนัก เมื่อตายลง พระญายมก็ให้บ่าวยมบาลชักลากไปตกเต็มในนรกร้อยเอ็ดหม้อ เหมือนดั่งใส่ข้าวสารลงไถ้นั้นแล ก็ด้วยเหตุอกุสลกรรมแห่งเขาที่ได้กระทำบาปมากนัก เราทั้งหลายเห็นเหตุดังนั้นแล้ว ควรจักสอนมนุษย์ทั้งหลายให้ละเสียซึ่งกรรมอันเป็นบาป แล้วให้เขาได้กระทำบุญ ครั้นเขาจุติตายแล้ว จักให้เขาได้มาเกิดในสวรรค์ชั้นฟ้านั้นเถิด

    เมื่อนั้นพระอริยเมตไตรยเจ้าจึงถามอินทาธิราช ว่า ศาสนาอันพระพุทธเจ้าตั้งไว้ 5000วัสสานั้น ยังมีเต็มทุกบ้านทุกเมืองอยู่หรืออย่างไร ภิกษุและมนุษย์ทั้งหลายจึงได้ประมาทในศาสนา ไม่เคารพยำเกรงพระรัตนตรัย ย่ำยีเสีย ไม่ปฏิบัติตามธรรม จึงพากันกระทำบาปมากนักและกรรมอันเป็นบาปนั้นกล้าแข็งนักเสียแล้ว เราทั้งหลายควรลงไปเขียนโอวาทธรรมคำสอนไว้แนะนำภิกษุและมนุษย์ทั้งหลายผู้เป็นเหล่าคนดีมีศีล มีปัญญานั้น ให้ได้รู้แจ้งเห็นแจ้ง ให้มนุษย์และภิกษุผู้ใฝ่ดี มีปัญญาได้ปฏิบัติตามธรรมคำสอนจึงควรแล

    คราบัดนี้เราทั้งหลายควรให้ท่านวิสสุกัมมเทพบุตร และ ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 องค์ ลงไปสู่เมืองมนุษย์ เตือนให้มนุษย์ได้ทราบความก่อนเถอะ เมื่อเป็นดังนั้นแล้ว ก็พร้อมกันแต่งตั้งให้วิสสุกัมม์เทพบุตรและท้าวจตุโลกบาล ท่านเหล่านั้นรับคำพระเมตไตรยและอินทาธิราชเจ้า ว่า สาธุ ดีละ ว่างั้น แล้วก็ลงมาจากสวรรค์สู่มนุสสะโลกเมืองฅน

    แล้วเลียบไปในทิศหนเหนือ ก็ไปเห็นพระญาโยคะรีผีเสื้อ ผู้เป็นใหญ่อยู่ในเมือง วิเทหะ และเป็นใหญ่อยู่ในเมือง จุฬมณี อยู่เวียงว้องฝ่ายเมืองฮ่อ ทีนั้นก็เป็นใหญ่อยู่ในเมืองวิเทหะ ปราบได้ร้อยเอ็ดเมืองแล้ว ไม่ประกอบชอบทศพิธราชธรรมเท่าประกอบด้วย โลภะ โทสะ โมหะ มานะทิฏฐิ มีความใคร่ข่มเหงบีบเบียนยังท้าวพระญาบ้านน้อยเมืองใหญ่ ไพร่ไทย ก็ฉุดคร่าเข้ามาในอำนาจอาชญาตนนั้น ก่อความลำบากวินาสฉิบหายมากนัก ฉะนั้น วิสสุกัมมเทวบุตต์และท้าวจตุโลกบาลจึงได้จดเอาชื่อพระญา และฅนทั้งหลายเหล่านั้น กับผู้ติดตามทุกคน

    ครั้นแล้วก็พากันเลียบไปในทิศตะวันออก ก็ไปพบพระญาตนหนึ่ง ชื่อว่า โสณจิกขะราชา เสวยเมือง จันทบุรีนคร มันก็มีเดชปราบได้ร้อยเอ็ดเมือง ไม่ตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรม กระทำการบีบเบียนไพร่ไทยข้าเมืองเป็นอันมาก ให้เข้าอยู่ในอำนาจของตนนั้น ก่อความลำบากวินาศฉิบหายมากนัก ฉะนั้นแล้ว วิสสุกัมม์เทวบุตต์ และท้าวจตุโลกบาล ก็ได้จดเอาชื่อพระญาและมนุษย์ทั้งหลาย

    ครั้นแล้วก็พากันเลียบไปทางทิศใต้ ไปถึงเมือง อินทปัฏฐนคร เมืองอโยธิยา เมืองจำปา เขาหากเปนอาณาเขตอันเดียวกัน ได้พบพระญาตนหนึ่ง เสวยเมืองอโยธิยาแห่งนั้น ก็มีเดชมาก ปราบได้ร้อยเอ็ดเมือง แล้วไม่ชอบด้วยธัมม์ กลับกระทำหิงสาบีบเบียนท้าวพระญาบ้านน้อยเมืองใหย่ไพร่ไทยให้ได้รับความลำบากสิบหายมากนัก ฉะนั้น วิสสุกัมม์เทวบุตต์และท้าวจตุโลกบาล ก็ได้จดเอาชื่อพระญาและมนุษย์ทั้งหลายผู้ใจบาป

    แล้วก็พากันเลียบไปทางทิศตะวันตก ก็ได้เห็นท้าวพระญามหากษัตริย์ผู้เป็นเจ้าในเมือง หงสาวดี และเมืองชุมพูนคร และเมืองโกสัมพี กาลิงครัฐ และก็ได้เห็นพระญากาลิงครัฐ ไม่ชอบธัมม์ กระทำหิงสาบีบเบียนท้าวพระญาไพร่ไทย ข้าทาสอันเข้ามาในอำนาจแห่งตน ให้ลำบากวินาศฉิบหายมากนัก แม้เหล่าภิกษุทั้งหลายก็ใจบาป ไม่ประพฤติไปตามคลองวินัยธัมม์มากนัก จึงจดเอาชื่อท้าวพระญามหากษัตริย์เหล่านั้นแล้ว จดเอาชื่อฅนบาป และภิกษุสงฆ์ที่ใจบาปทั้งหลาย

    ครั้นได้แล้วก็พากันไปสู่กลางเมืองชมพู ในเมืองคนทั้งมวล มีเมืองหริภุญไชยนคร เปนต้ ก็ได้เห็นท้าวพระญาเสนาอำมาตย์และฅนทั้งหลาย และภิกษุสงฆ์ทั้งหลาย ผู้ใจบาปทั้งหลายไม่ชอบด้วยธัมม์มีมากมายเหลือเกิน แม้สมณะพราหมณ์ในเมืองหริภุญไชยนคร ที่ใจบาป ไม่ประพฤติตามคลองวินัยก็มีมากเหลือเกิน วิสสุกัมม์เทวบุตต์และท้าวจตุโลกบาล จึงจดเอาชื่อเหล่าภิกษุและชื่อแห่งท้าวพระญาเสนาอำมาตย์และฅนหญิงชายผู้ใจบาป ได้แล้วก็เอาชื่อขึ้นไป สู่สวรรค์ เอาหนังสือไปถวายแก่พระอินทร์และพระเมตไตยเจ้า ทุกประการแล

    พระอินทร์ก็ไหว้พระอริยเมตไตยโพธิสัตว์ว่า มาริสสะ ข้าแต่ท่านผู้หาทุกข์มิได้ อันว่าศาสนาพระโคตมะเจ้ายังตั้งไว้นาน 5 พันวัสสาจริง และบัดนี้ท้าวพระญาเสนาอำมาตย์และฅนหญิงชายทั้งหลาย และชาวเจ้าสมณะพราหมณ์ทั้งหลายเขาก็พร้อมกันเหยียบย่ำธัมมะคำสอนเสีย อันไม่ควรกระทำกลับกระทำ อันให้กล่าวจากลับไม่กล่าวจา อันไม่ให้กล่าวจากลับกล่าวจา อันให้ระลึกถึงกลับไม่ระลึกถึง อันไม่ควรระลึกถึงกลับระลึกถึง เขากลับกระทำบาปด้วยกาย ด้วยวาจา ด้วยใจ ครั้นเขาตาย ก็จักได้ไปเกิดในนรก เสวยทุกข์ไม่จบไม่สิ้นแท้แล

    คราบัดนี้ ศาสนาพระเป็นเจ้าอันล่วงพ้นไปแล้วได้ 2พันปลาย2ร้อยปลาย60 วัสสา ในปีนี้ กลับจักมาฉิบหายวายวอดฉะนี้หรือ ดังนั้นแล้ว พระอริยเมตไตรยจึงกล่าวว่า สักกปะ ดูราอินทาธิราช ในเมื่อพระพุทธเจ้ายังไม่เข้าสู่นิพพาน คราวที่พระองค์ประทับอยู่สำราญเหนือดอยอันชื่อ อุปปรุตติ ครั้งนั้นก็ยังเทศนา ทำนายไว้ว่า

    เมื่อตถาคตนิพพานไปแล้ว ยังจักตั้งไว้ซึ่งศาสนา 5 พันปีแล เมื่อเราตถาคตะนิพพานไปแล้ว สาสสนาล่วงไปได้สองพันปีปลาย จักเข้าสู่ 3 พันปีนั้น บ้านเมืองในสากลชมพูทวีปฝ่ายเมืองหนใต้นี้ ก็จักบังเกิดเป็นโกลาหล อันตราย กลียุค ศึกสงครามใหญ่ มนุษย์ทั้งหลายก็จักถึงแก่วินาศฉิบหายวายวอดมากนักแล

    อัฏฐะในกาลนั้น พระโพธิสัตว์เจ้า4ตน ก็จักได้เข้ามาบวชในพระศาสนา ตนหนึ่งชื่อว่า อุตตโร ตนหนึ่งชื่อว่า ราโม ตนหนึ่งชื่อว่า ทีฆโส ตนหนึ่งชื่อว่า สังกิจโจ

    พระพุทธเจ้าก็สั่งโพธิสัตว์เจ้า4 ตนนั้นไว้ว่า ดูรา ท่านทังหลายในเมื่อเราพระตถาคตะ เข้าสู่นิพพานไปแล้ว จักตั้งยังสาสนา 5 พันปีก่อนแล ครั้นศาสนาล่วงพ้นไปได้ สองพันปีปลาย ย่างเข้าสู่เขต 3 พันนั้น อันว่าท้าวพระญามหากษัตริย์ทั้งหลาย อันอยู่ในพื้นสากลชมพูทวีปทั้งมวล จักมีใจบาป จักย่ำยีธัมมะคำสอนเราเสีย และจักมีใจประกอบด้วย โลภะ โทสะ โมหะ มานะทิฏฐี อิจฉา ปาปะกัมม์ จักกระทำต่าง ๆ จักกระทำบาปแน่นหนามากนักแล ยามนั้นชาวเจ้าสมณะพราหมณ์ เหล่าลูกสิกข์(ศิษย์)เราตถาคตะ ก็จักใจบาป ไม่ปฏิบัตตามคลองธรรมวินัยสักอัน แค่บวชเข้ามาอาศัยกินข้าวกันตาย มีหลายมากนักแล

    ยามนั้นบาปกัมม์ทั้งหลาย ก็จักยุยง ให้เป็นโกลาหล ขียุค ศึกสงคราม โจรเมืองใต้จักกำเริบขึ้น เมืองเหนือจักวินาศฉิบหายวายวอดมากนักแล ในกาละยามนั้นสูท่านทั้งหลาย จงพากันลงมาเกิดในมนุสสะโลกเมืองฅน แล้วจงมาเกิดยกยอศาสนาแห่งเราตถาคตเถิด ความนี้ก็มีในวันนั้นแล

    ดูราอินทาธิราช บัดนี้ศาสนาพระเป็นเจ้าก็ล่วงพ้นไปได้ 2260 วัสสาแล้วในปีนี้แล ควรท่านไปอาราธนา หน่อโพธิสัตว์เจ้า 4 ตน อันอยู่ในชั้นฟ้าตุสิตานั้น ให้ลงไปเกิดยังเมืองมนุษย์ ก็เพื่อไปค้ำชูศาสนาพระโคตมะเจ้าโดยไวเถอะ ดังนั้นแล้ว สกฺโก อันว่าพระอินทร์ก็รับเอาคำพระเมตไตยเจ้า ว่าสาธุดีแล้ว ว่างั้น แล้วก็ไปสู่สำนักพระโพธิสัตว์เจ้า 4 ตนนั้น แล้วกล่าวว่า

    มาริสะ ข้าแต่ท่านทั้งหลาย 4 ตน อันหาทุกข์บ่ได้ อยํ กาโล อันว่า กาละบัดนี้ก็ควรที่ท่านทั้งหลายจักลงไปเกิดยังเมืองมนุษย์เพื่อค้ำชูศาสนาพระโคตมะเจ้า และในคราบัดนี้ มนุสสโลกชมพูก็วุ่นวายเป็นโกลาหล เหตุด้วยมนุษย์ทั้งหลายใจบาปหนาอธัมม์ ย่ำยีศาสนาคำสอนเสียแล้ว กระทำบาปและเวรแน่นหนา หาผู้จักสั่งสอนมิได้ ก็ตายวายฉิบหายมากนักแล้วแล ศาสนาพระโคตมะเจ้าเพิ่งล่วงไปได้ 2260 วัสสานี้แล เหล่าภิกษุทั้งหลายก็ไม่ประพฤติตามวินัยสักอัน แม้ท้าวพระญาเสนาอำมาตย์ และฅนทั้งหลายก็มีใจบาปหนาอาธัมม์ทั้งน้อยใหญ่ ชายหญิง เป็นอันพาลทั้งพระทั้งฅน หาฅวามละอายแก่บาปไม่ได้ มีแต่พากันสนุกกับการกระทำการหิงสาราวี ยังศาสนาวัดวาอาราม เจดีย์ วิหารให้ทลายฉิบหายเสียทุกแห่งทุกที่แล้วแล ขออาราธนาท่านทั้งหลายลงไปค้ำชูศาสนาพระเป็นเจ้าโดยไวเถอะ

    ว่าดังนั้นแล้ว อัฏฐะในกาละนั้น พระโพธิสัตว์เจ้า 4 ตนนั้นค็รับนิมนต์ว่า สาธุดีแล้ว ว่าดังนั้นแล้ว ก็เอาปฏิญานแห่งพระอินทร์และก็พากันลงมาเกิดในมนุสสโลกเมืองฅนวันนั้นแล

    พระโพธิสัตว์เจ้าตนชื่อ อุตตโร นั้นก็ลงมาเกิดในละแวกแคว้นเมืองหริภุญไชยนครนั้นแล พระโพธิสัตเจ้าตนชื่อ ทีฆโส นั้นก็ลงมาเกิดในเมืองอโยธิยานั้นแล พระโพธิสัตว์เจ้าตนชื่อ ราโม ก็ลงไปเกิดในเมือง วิเทหะ นั้นแล พระโพธิสัตว์เจ้าตนชื่อว่า สังกิจโจ ก็ลงมาเกิดในเมือง จันทบุรีนคร หั้นแล

    พระโพธิสัตว์เจ้า 4 ตนนี้ลงมาเกิดในเมืองมนุษย์ ในปีมะเมียขรอม แปลเป็นไทยภาษาว่า ปีระวายสง้า เดือนเจียง ออก 12 ฅ่ำ ฤกษ์ 26 ตัว ไทยร้วงเป้า เม็งวัน 6 ยามจักใกล้รุ่ง สักกราชได้ 1147 ตัวนั้นแล ยามที่ท่านลงมาเกิดนั้น เทวดาอินทร์พรหม หากสำแดงเสียงธนูทิพย์ ให้ฅนทั้งหลายได้รู้ทั่วชมพูทวีป ในยามเที่ยงฅืนแล เจ้าทั้ง4ตนนั้นครั้นเกิดมามีอายุได้ 23ปี จักได้บวชเป็นพระภิกษุ เที่ยวไปเทศน์โปรดสัตว์ทั้งหลาย ทุกที่ทุกแห่งแล

    พระอินทร์และท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ก็แต่งให้ยักษ์ทั้งหลายลงมาอยู่เฝ้ารักษาโพธิสัตว์เจ้า 4ตนนั้นแล ตนละ4ร้อยทุกตนนั้นแล ในศาสนาพระเป็นเจ้า ล่วงพ้นไปได้ 2290ปี มาถึงปี เปิกสี จุฬสกราชได้พัน1 อินทาธิราชเจ้าจึงแต่งให้วิสสุกัมม์เทวบุตต์ลงมาแต้มเขียนหนังสือตำนานอันนี้ไว้ในยอดลานวัดพระสิงห์หลวง ในเมืองหริภุญไชยนพบุรีนคร ในวันเดือน 8 เพ็ญ เม็งวันอังคาร ไทยกัดไค้ วันนั้นแล

    ดูราสาธุชนทั้งหลาย กาลภายหน้า อันโพธิสัตว์เจ้า 4 ตน จักปรากฏ มาค้ำชูศาสนา และมาถึงปีกัดไส้ กดสะง้า ร้วงเม็ด ใน 3 ปีนี้ มาถึงยามใด บ้านเมืองฝ่ายหนใต้นี้ก็ถึงคราวมหาวินาศฉิบหายวายวอดใหญ่นัก ก็เป็นภัย ศึกสงครามใหญ่จักเกิดมี ทิศหนเหนือคือตั้งแต่ฝ่ายเมือง วิเทหะ ลงมาจักสิบหาย แต่เขต เมืองวิเทหะ ก่อนแล้วก็จักเกิดฉิบหายแก่เมืองจุฬณี ไล่มาถึงเวียงจันทบุรีนคร แล้วจักให้ฉิบหายต่อไปถึงเมืองอโยธิยา ถึงเมืองโกสัมพีนคร ถึงเมืองกาลิงครัฐ จักเกิดวินาศฉิบหาย ในเมืองทั้งหลาย 6 เมืองนี้ ท้าวพระญา6เมืองนี้ ก็จักขับเอารี้พลระคนศึกเสนาโยธาหาญได้ทุกบ้านทุกเมือง แล้วก็ยกพลนิกายเข้ามาแต่เมืองวิเทหะ เมืองจุฬณี จันทบุรี อโยธิยา เมืองโกสัมพี และเมืองกาลิงครัฐ เหล่าท้าวพระญามหากษัตริย์ในเมืองเหล่านี้จักเอารี้พลทั้งหลายเข้ามาชูมนุมกัน รบฟันกันที่เมืองฝางและเมืองหริภุญไชยนพบุรี เพื่อจักมาชิงกันเอาหอเงินหอฅำ3อันนั้น ก็จักมีในกาละยามนั้นแล

    ท้าวพระญาอันอยู่ในทิศทั้ง 4 นั้น ก็จัดเอาช้าง ม้า เสนาโยธาหาญ ไพร่ไทยทั้งหลาย มาสู้รบ ฟันกันตายฉิบหายวายวอด ในเมืองหริภุญไชยที่นั้นสิ้น โกฏิปลาย9ล้าน ปลายแสน 8หมื่น 7พัน(๑๙,๑๘๗,๐๐๐)ฅน ก็จักเหลือเฉพาะฅนผู้ใจบุญรู้จักคุณแก้วทั้ง 3 ประการ เป็นที่พึ่งเนืองๆนั้น นอกนั้นจักตายสิ้น ปานว่าเหลือเพียงแต่น้ำกับแผ่นดินเท่านั้นแล ถ้ามาชุมนุมกัน แม้ท้าวพระญาเสนาแก้ว ทหาญ ภิกษุทั้งฅนหญิงชายใจบาป และฅนผู้มีบาปอันแน่นหนาได้กระทำไว้แต่ภายหลังนั้น ก็จักได้มาฉิบหายตายในที่นั้นสิ้นแล

    ฅนทั้งหลายที่นั้น หากแบ่งเป็น 4 ส่วน ก็จักเป็นฅนใจบุญเพียง1ส่วนเท่านั้นแล ในที่อันเขาฟันกันนั้น เลือดจักไหลพอท่วมหลังตีนช้าง ก็จักมีเที่ยงแท้อย่าสงไสยเลย เมื้อพ้นการฆ่าฟันกันคราวนั้นแล้ว ท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ก็จักมาตรวจชื่อพระและฅนใจบาปนั้นที่ยังเหลือรอด เพราะอยู่ในบ้านในเมืองแห่งตนและไม่ได้ไปที่ชูมนุมกันนั้น ก็จักแต่ให้ยักษ์ทั้งหลายไปทำให้เขาเป็นโรคภัย พยาธิ ฉิบหายตายสิ้นทุกบ้านทุกเมืองแล ฅนและพระทั้งหลายเหล่าใดประมาทแก้ว 3 ประการ พ่อและแม่ ผู้เฒ่าผู้แก่ ครูบาอาจารย์ และฅนพวกมักฆ่าสัตว์ ลักของท่าน เล่นชู้ มักกล่าวคำเท็จ ส่อเสียด มักกล่าวคำหยาบ คำเพ้อเจ้อเหลวไหลแล มักกินเหล้าก็ดี เป็นท้าวพระญาไม่ชอบธัมม์ ถึงอคติทั้ง 4 ตัดสินคดีความไม่ชอบก็ดี ฝูงภิกษุใจบาปไม่ประพฤติชอบในวินัยก็ดี แม้นไม่ไปสู่ที่ชูมนุม ยั้งอยู่บ้านอยู่เมืองที่ใดก็ดี ก็จักให้ยักข์ไปกระทำร้ายให้ฉิบหายตาย มีประมาณ โกฏิปลาย 7ล้าน 9หมื่น พันปลาย7 ร้อย ซาว8 ฅน (๑๗,๐๙๐,๗๒๘ คน) ก็จักมีในยามนั้นแล

    แม้เหล่าภิกษุ สมณะชีพราหมณ์ทั้งหลายมาแบ่งเป็นร้อยส่วน ก็จักเหลือไว้เพียงส่วนเดียว ที่เป็นคนใจบุญ ประกอบชอบตามธรรมวินัยนั้นแล พระและฅนฝูงใจบาปนั้นจักฉิบหายตายหมดสิ้นแล นัยหนึ่ง กลียุค ศึกสงครามที่เกิดมีนั้นก็จักค่อยดับมอดไปทุกปีทุกเดือน และฅนทั้งหลายจักบกบางไป ฅนทั้งหลายจักอยู่ไม่ได้ ก็จักไปรวมกันอยู่ ก็ยังไม่พอเป็นเมืองแล 2บ้านจักมารวมกันอยู่ก็ไม่พอเต็มบ้านได้แล 2เรือนมารวมกันอยู่เรือน1 ก็ไม่พอเต็มเรือนได้แล 2เรือนจักหาควายไถนาตัว1 ก็จักหาไม่ได้แล

    เรา อินทาธิราชเอ็นดูหมู่ท่านทั้งหลาย อันอยู่ในมนุสสะโลกเมืองฅน เราเล็งเห็นภัยอุปปัทวะกังวล อันตรายทั้งหลายจักเกิดมีนั้นก็จึงแต่งหนังสือตำนานลงมาสั่งสอนตักเตือนไว้ และก็จักยังเหลือฅนและภิกษุทั้งหลายผู้เอาบุญคุณแก้ว 3ประการเป็นที่พึ่ง และรู้กระทำบุญ ทำทาน รักษาสีล ฟังธัมม์ เจริญเมตตาภาวนาแล

    ในเมื่อกลียุคฉิบหายจักเกิดมีนั้น ภัยทั้งหลายจักปรากฏฟ้าร้อง แผ่ขยายร้ายนัก แผ่นดินจักไหวร้ายนักทั่วแผ่นดินโลก แผ่นดินจักแยกเป็นช่องเป็นห้วยแล ดอยก็จักรู้พัง แดดก็จักแดดร้อนไหม้ร้ายนัก ฝุ่นก็เป็นฝุ่นร้าย ลมก็เป็นลมร้ายนัก พืชข้าวกล้าอันปลูกอันหว่านทั้งมวลเป็นโรคเป็นเกรียม ตายแล้งแห้งขาด ข้าวก็จักแพง ฝ่ายข้าวต่อบาทเงินก็หาผู้จักขายไม่ได้ ฉะนั้นแล ถึงกาละยามนั้น ชายผู้1 จักเอาเมีย 9เมีย 10เมีย แล

    เหตุนั้น ผู้ชายจักฉิบหายตายเสีย ผู้หญิงจักเป็นแม่หม้ายแม่ร้างมากนัก จักหาที่พึ่งไม่ได้ ผู้หญิงทั้งหลายจักเช็ดน้ำตา ร้องไห้หาผัวมากนักแล ยามนั้นภิกษุที่ใจถ่อยนั้นก็จักลาสิกขาออกไปเอาลูกเอาเมีย แล้วจักฉิบหายด้วยภัยทั้งหลายมากนักแล ตุมเห อันว่า พวกท่านทั้งหลาย ผู้มีปัญญา มีใจใสศรัทธานั้น จงกระทำบุญ คือว่าให้ทาน รักษาสีล ฟังธัมม์ เจริญเมตตาภาวนา ตามโอวาทธรรมคำสอนแห่งพระพุทธเจ้าไปเนืองๆ อย่าประมาทในบุญคุณแก้วทั้ง3 ให้เคารพเลี้ยงดูอุปปัฏฐากพ่อแม่ และผู้เฒ่าผู้แก่ในตกุระแห่งตนด้วยความเคารพยำเกรง อุปปัฏฐากแก้วทั้ง3 เป็นที่พึ่ง ด้วยบทว่า พุทฺโธ เมนาโถ ธมฺโม เมนาโถ สงฺโฆ เมนาโถ ดั่งนี้ไปเนืองๆ ทุกวันทุกยามเถอะ ก็เที่ยงที่จักพ้นจากภัย อุบาทว์ร้ายทั้งหลาย จักมีอายุหมั้นยืนยาว หาพยาธิ อันตรายไม่ได้ จักสำเร็จด้วยข้าวของสมบัติทั้งมวลแล...


    ต่อไปยัง >>> ตำนานธัมมิกราช

    ------------------
    หมายเหตุ

    - จากตำนานยอดลาน วัดดอกแดง ต.สง่าบ้าน อ.ดอยสะเก็ด จ.เชียงใหม่
    - ในธัมม์ผูกนี้ มี 2 เรื่องคือ ต่ำนายยอดลาน และ ต่ำนานธัมมิกกราช สำหรับตอนนี้จึงขอนำเสนอเฉพาะต่ำนานยอดลาน....
    - ตัวเลขในเครื่องหมาย <....> นี้ หมายถึง เลขหน้าลาน
    _________________
    d[^_*]b - รชตฯ หิรัญญ์ -

    http://www.cm77.com/bbs/viewtopic.php?=&p=4447
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 12 มิถุนายน 2007

แชร์หน้านี้

Loading...