ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

ขอให้ได้สมดังคำอธิษฐานจงทุกประการเทอญ

 

ผมเห็นครับ

 

แนะนำให้อ่านกระทู้นี้ครับ...อ่านไปทำไปค่อยๆทำอย่าใจร้อนครับ

http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=44604



.

 

*** ไม่กลัวภัย ****

ข้าพระพุทธเจ้า....ไม่กลัวภัย
เพราะ... ข้าพระพุทธเจ้า เชื่อใน.... "หลักคำสอนของโลกุตตระ และสัจจะ"
เพราะ....เชื่อว่า "หลักสัจจะธรรม" คือ ธรรมเที่ยง
เพราะ....เชื่อว่า "สัจจะ มีผลตอบแทน"
ข้าพระพุทธเจ้า... เชื่อคำสอนของโลกุตตระ... "ใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท"
ข้าพระพุทธเจ้า....จึงได้ "ปฏิบัติตนด้วย สัจจะเป็นประจำทุกวัน" ...เหมือนพระสมัยพุทธกาล
ข้าพระพุทธเจ้า...ไม่เคยลืม พรที่โปรดไว้.... "โคตรของปฏิหาริย์ อยู่ที่ สัจจะ"

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

โครงการ มหาทานต้านภัยพิบัติ
โดยคุณคณานันท์


ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต
<HR style="COLOR: #ffffff" SIZE=1>
​

<!-- / icon and title --><!-- message -->เริ่มจากแรงบันดาลใจที่พวกเราได้เห็นถัง(คอนเทรนเนอร์)สังฆทานของคุณพุทธันดร ที่ได้จัดถวาย พระในกิจกรรมที่เราฝึกอบรมกันที่ผ่านมา

จากนั้นทางคุณกิ๊กและพี่แผนพรหมประกาศิตก็ได้ลงมือดำเนินการ โดยมีการจัดเตรียมสิ่ของต่างๆที่จำเป็นบรรจุใส่ลังพลาสติกเอาไว้ และนำไปเก็บรักษายังจุดที่ปลอดภัยต่างๆ จุดแรกที่พวกเราได้ดำเนินการนำไปไว้ให้คือ ที่ถ้ำวัวแดง อ.ภักดีชุมพล จ.ชัยภูมิ

และเพื่อสานโครงการนี้ให้ก้าวหน้าและเป็นประโยชน์ต่อไป จึงได้เปิดให้พวกเราทุกๆคนมาร่วมกันเสนอไอเดียในโครงการนี้ร่วมกัน

วัตถุประสงค์ของโครงการนี้คือการกระจายข้าวของจำเป็นและปัจจัยสี่ต่างๆ ไปไว้ยังสถานที่ที่คาดว่าจะปลอดภัยจากภัยพิบัติ และหากเกิดมีการเลื่อนเราก็นำสิ่งของเหล่านั้นบริจาคให้ประชาชนในถิ่นทุรกันดารอีกที

ที่ได้พูดคุยกันเอาไว้จะแบ่งเนื้องานออกเป็นส่วนๆ

ส่วนแรกคือการรวบรวมสิ่งของปัจจัยสี่ อันได้แก่ อาหารแห้ง เสื้อผ้า ยารักษาโรค ของใช้ต่างๆ เครื่องครัว

-โดยในขั้นต้นเราจะขอรับบริจาคข้าวของเสื้อผ้า เครื่องครัว ที่พวกเรามีอยู่แต่ไม่ได้ใช้และคิดว่าหากไปบริจาคจะเป้นประโยชน์กว่า เพื่อเป็นการประหยัดไม่ต้องจับจ่ายซื้อหาเพิ่ม จุดหลักคือไม่ต้องเบียดเบียนตนเอง หรือต้องเดือดร้อนครอบครัว เอาที่เกินใช้

-ขั้นต่อไปหากท่านใดมีจิตศรัทธา ที่จะบริจาคเป็นข้าวของหรือปัจจัยเพื่อจัดซื้อข้าวของเหล่านั้นได้ โดยไม่ลำบากหรือเดือดร้อนเราก็ยินดี

-หากมี บริษัทห้างร้าน หรือองค์กรที่สนใจร่วมกิจกรรมนี้เราก็ยินดีเช่นกัน

ส่วนต่อมาก็คือการขอแรงมาช่วยกันจัดคัดแยกสิ่งของให้เป็นหมวดหมู่และกระจายกลุ่มให้ครบถ้วนเอาไว้ และแบ่งให้เหมาะสมกับสถานที่นั้นๆ

ส่วนต่อมา คือหาข้อมูลและประสานงานกับที่ตั้งนั้นๆว่า สนใจและยินดีในโครงการนี้ให้ความร่วมมือ

ส่วนสุดท้ายคือ อาสาสมัครที่จะนำข้าวของเครื่องใช้เหล่านี้ไปไว้ในสถานที่ปลอดภัย อาจจะจัดเป็นทริป หรือท่านที่จะไปธุระก็ดี ไปทำบุญไหว้พระก็ดี ต้องผ่าน ณ จุดนั้น ก็อาสานำไปไว้ให้ ก็ได้


ส่วนวัตถุประสงค์ของโครงการนี้ก็คือ
-ของในเมืองนั้นมีเหลือเฟือ เหลือใช้ในเวลานี้ แบ่งปันกระจายออกไปยังถิ่นทุรกันดารที่ในยามเกิดภัยพิบัติหาข้าวของเครื่องใช้เหล่านี้ได้ยาก

-เป็นการทะยอยขนข้าวของไปไว้ยังสถานที่ที่เราจะไปหลบภัยในอนาคต ในยามฉุกละหุกจะได้ไม่ต้องกังวลว่าจะขาดแคลนอย่างน้อยก็ยังมีที่เราได้สร้างได้ทำไว้ให้ส่วนรวมอยู่แล้ว

-หากเกิดภัยแบบฉับพลันจะได้ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องแบกอะไรไปมาก หากนำอะไรไปไม่ได้จริงๆก็ยังพอมี

-เป็นการสานน้ำใจเอาไว้กับคนในพื้นที่ การสงเคราะห์กันช่วยเหลือกันเอาไว้ก่อน โอกาสข้างหน้าเราอาจจะต้องพึ่งเขาก็ได้


ขอให้ลองช่วยกันคิดช่วยกันปรึกษากันก่อนครับ ปัญหามีแน่นอน แต่ประโยชน์ที่ได้มีมากกว่าขอให้ช่วยกันให้สำเร็จโดยเร็วครับ สาธุ

ที่มา http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=81549
<!-- / message --><!-- sig -->

 

*** ยุทธศาสตร์สู้ภัยพิบัติ ****

๑. เปลี่ยน... ของเหลือใช้...ให้มีคุณค่า ยามฉุกเฉิน
๒. ย้าย... ของเหลือเกิน....จากกรุง สู่ ชนบท
๓. ฝาก...วัด หมู่บ้าน...คือคลังสำรองไว้
๔. ไป...แต่ตัว....ดาบอยู่ข้างหน้า
๕. รอด...พ้นภัย คือยุคศิวิไลซ์

-

 

ผมก็ลาออกมาบำเพ็ญเพียรนะ แต่ไม่อดตาย เพราะที่บ้านทำนา
คิดว่าเศรษฐกิจพอเพียงสามารถเลี้ยงชีพรอดได้ ถ้าไม่ละโมบ


แต่ที่สำคัญ อดีต ได้เงินเยอะ ใช้หมดไปทุกเดือน
ปัจจุบัน ไม่มีเงินเดือน แต่มีกิน และมีเวลาปฏิบัติธรรม


เศรษฐกิจพอเพียงเลี้ยงชีพรอด และปลดเราจากทาสทุนนิยมได้ครับ ขอยืนยัน

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>เซินเจิ้น-ฮ่องกงผจญ

 

อนิจจัง

 

ทะเลหลายแห่งของยุโรปกำลังเสื่อมโทรม​

​

ลอนดอน 8 มิ.ย.

 

คุณ ZZ
คุณจำคำทำนายที่ว่าให้ระวังช่วงเวลา "จอต่อกุล" ได้ไหม
ผู้ที่สนใจเรื่องนี้คงรู้ดีกันทุกคน เพราะเป็นคำทำนาย
ของคนในสมัยเมื่อ 10 ปีที่แล้ว คนที่มีอายุ 35 ปีขึ้นไปย่อมรู้ดี
ว่าต้นปี 2550 ถึง พฤษภาคม 2550 เป็นช่วงเวลา "จอต่อกุล"
ตามที่ทำนายว่าประเทศไทยจะเกิดภัยพิบัติหรือสงครามกลางเมือง

เหนือ อีสาน ใต้ รบกันจนคนเหลือ 1 ใน 3
ที่เรียกกันว่าจะเหลือเพียงโพธิ์แก้ว ส่วนโพเงินและโพธิ์ทอง
จะตายหมด ซึ่งก็คือคนจะตายไป 2 ใน 3 ส่วน
จะเหลือแต่คนดีเท่านั้น

กรุงเทพอยู่ไม่ได้
ต้องไปทางอีสานเพราะที่เป็นที่ราบสูง
และคนยังมีจิตใจที่ดีมากกว่าคนเลว

แล้วผลเป็นอย่างไร ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ซึ่งพอเวลาผ่านไปเราก็จะได้ยินคำอ้างต่อมาว่า
เป็นเพราะมีผู้ยอมเสียสละ ทำให้เหตุการณ์เลื่อนออกไป
แต่เหตุผลข้อนี้คงฟังไม่ขึ้น
เพราะผู้ที่ทำนายแม่นจริงก็ควรจะรู้ว่าเหตุการณ์มันจะเลื่อนออกไปซิ
ไม่ใช่มาอ้างเช่นนี้ อย่างนี้ก็จะไม่มีทางรู้เลยว่าใครแม่นหรือไม่แม่น

ผมถึงได้บอกว่าเก่งจริงก็ต้องฟันธงมาเลย ว่าเมื่อไหร่
(ผมเชื่อว่าคนเก่งจริงมี เพราะเจอมาหลายคนแล้ว)

สำหรับผม ซึ่งไม่ใช่หมอดูแต่เป็นผู้ที่สนใจเรื่องพวกนี้มา
ไม่ต่ำกว่า 20 ปี เลยเห็นคนมาเยอะ อ่านหนังสือมามาก
ถามมาหลายแหล่งพอจะสรุปได้ว่า
ปีนี้คงมีเหตุการณ์ร้ายในบ้านเมือง แต่ไม่ใช่ขนาดต้องหนีไปจากกทม.

น้ำคงท่วมเหมือนทุกปี แต่อาจจะมากและนานกว่าเดิม
แต่ก็ไม่ถึงขนาดต้องย้ายเมืองหลวง
ไม่ถึงกับต้องเขียนแผนที่กันใหม่

ผมขออนุญาต แนะนำผู้ฝึกจิตสักเล็กน้อย
เอาเป็นว่าขณะนี้ผมอายุ 52 ปี คงจะเป็นรุ่นพี่ของหลายคน
ในห้องนี้ รู้จักแวดวงของผู้ได้ตาทิพย์มามาก

สรุปว่าผู้ที่ได้ตาทิพย์ส่วนใหญ่แม่นเฉพาะตอนได้ใหม่ๆ
พอนานไป ร้อยละ 99.99% เพี้ยนไปเพราะเกิดความโลภบ้าง
เกิดความผยองพองขน คิดว่าตัวเองเหนือผู้อื่น (ทางพระเรียกว่าสักกายะทิฐิ)
จิตมันเลยตก ไม่แม่นเหมือนก่อน แต่ตัวเองไม่รู้ยังคงนึกว่าตัวเองแม่นอยู่

เมื่อทายผิดบ่อยเข้า ก็เลยเป็นบาปเพราะเท่ากับพูดปดออกไป
จิตเลยยิ่งตกไปเรื่อยๆ

เขาจึงมักจะเตือนกันว่า คนเก่งจริงไม่พูดมาก ไม่แสดงตัว
เพราะเดี๋ยวกลัวจิตตกนั่นเอง

ขออีกนิดครับ
ผู้มีญาณทัศนะหรือตาทิพย์ เขาต้องทดสอบเรื่อยๆ ว่ายังแม่นอยู่
โดยการมองทะลุพื้นดิน จะต้องรู้ว่าใต้พื้นดินนั้นมีอะไรอยู่บ้าง
แล้วต้องขุดขึ้นมาดูให้เห็นจริง ถ้าเห็นถูกต้องถือว่าใช้ได้
แค่ใช้ได้นะครับ เพราะการดูของปัจจุบันมันยังง่ายกว่าการดูอนาคต
อนาคตมันไม่แน่นอน คนที่จะดูอนาคตได้ต้องไม่มีกิเลสจึงจะแม่น
เพราะการเห็นนั้นไม่มีการเอากิเลสเข้าไปปรุงแต่ง

พวกหัวดำหรือชอบโอ้อวดเลยไม่ควรทำนายอนาคต
เพราะโอกาสผิดมีมาก และจะเป็นการผิดศีลไปตามที่ได้บอกไว้แล้ว

ผมไม่มีเจตนาจะว่ากระทบใครเป็นการส่วนตัวเลย
เพราะกลัวบาปที่สุด ดังนั้นขอให้อ่านความเห็นผมเฉยๆ
ไม่ต้องตอบโต้มานะครับ

 

ขอบคุณ คุณ grasip ครับ

เอาเป็นว่าผมไม่ได้ตอบโต้คุณ grasip นะครับ...ผมอายุ 40 ปี คุณ grasip เป็นพี่ผมก็แล้วกัน

ผมขอออกความเห็นดังนี้ครับ

1. เมื่อคราวปี 2000 นั้นเหตุการณ์ไม่ฟูขึ้นเหมือนดังปัจจุบันครับ ปัจจุบันเหตุการณ์ฟูขึ้นมาก เช่น

- เราโดนซึนามิ มีคนตายเป็นหมื่นๆคน รวมทั้งโลกเป็นแสนคน ทั้งๆที่เราไม่เคยได้ยินชื่อของมันด้วยซ้ำ

- เราไม่คิดว่าในเมืองไทยจะมีแผ่นดินไหว แต่เราก็โดนที่เชียงแสน และยังมีแรงสั่นสะเทือนมาถึง กทม.

- มีการยืนยันจากนักวิทยาศาสตร์ว่า...รอยเลื่อนที่เมืองกาญอาจทำให้เขื่อนแตก จนปัจจุบันต้องเข้าไปสำรวจแนวรอยเลื่อนต่างๆ (ของบประมาณมาเมื่อวานนี้)

- ดาวเทียมจับภาพน้ำแข็งขั้วโลกละลาย และภูเขาน้ำแข็งแตกออกขนาดเท่ารัฐแคลิฟอเนีย

- ซุปเปอร์ทอนาโดถล่มสหรัฐนับสิบลูก ผู้คนนับหมื่นนับแสนไร้ที่อยู่อาศัย รวมถึงเมืองจีนคนไร้ที่อยู่อาศัยนับแสนคนเพราะโดนแผนดินไหวเร็วๆนี้

- ซุปเปอร์ไซโคลนเข้าพม่า ฝนตกในกทม.นานนับสัปดาห์ ตะวันออกกลางเพิ่งจะโดนไปเมื่อวานนี้เช่นกัน

- อุณหภูมิโลกผันผวนอย่างมาก และในอัตราเร่ง วันนี้...ในอังกฤษอุณภูมิในยามเช้า 15 องศา ตอนกลางวัน 25 องศา ต่างกัน 10 องศา ในอัฟฟริกาใต้อากาศหนาวทั้งๆที่ควรจะเป็นฤดูร้อน

- จากสติแผ่นดินไหวในรอบ 5 ปี ปีที่แล้วกับปีนี้ อัตราการไหวมีมากขึ้นอย่างมาก และระดับความรุนแรงค่อยๆมากขึ้น

- สนามแม่เหล็กโลกเปลี่ยนแปลง และกำลังเสียสมดุลย์ สังเกตุว่า ลมสุริยะโจมตีหนักขึ้นเพราะสามารถทะลวงสนามแม่เหล็กโลกเข้ามาได้ บ้านใครมีจานรับดาวเทียมจะพบว่า เขาจะให้เราจูนช่องสัญญาณบ่อยๆ เนื่องจากช่องสัญญาณเดิม (ทรานสปอนเดอร์เดิม) มีปัญหาถูกรบกวนจากลมสุริยะ

- มีการทดลองยิงขีปนาวุธข้ามทวีปมากกว่า 10 ลูกโดยเกาหลีเหนือและโซเวียตเพื่อตอบโต้สหรัฐ

- มีการทดลองยิงดาวเทียมในวงโคจรโดยขีปนาวุธของจีน

- มีการเข้ายึดอ่าวเปอร์เซียโดยไม่มีเหตุผล (อีกครั้ง)

- มีการถล่มฉนวนการ์ซ่าแล้วเมื่อวานนี้

เหล่านี้ไม่มีในปี 2000 แต่มีในปี 2006 - 2007

2. ปีจอต่อปีกุลนั้นผมเข้าใจว่า คุณ grasip อาจมองว่าต้องเกิดเหตุการณ์ทันทีทันใด ตั้งตัวไม่ทัน แต่ท่านผู้รู้ ( 3 ท่าน ที่อยู่ห่างกัน 1000 กิโลเมตร ) ท่านเล่าว่ามันจะค่อยๆรุนแรงขึ้นครับ

ขอให้คุณ grasip อย่าด่วนตัดสินใจว่า...คำทำนายไม่ถูกต้องครับ ลองเอาคำทำนายเก่าๆรื้อขึ้นมาดู....ตัดพวก timming ( วัน-เวลา ) ออกไป...

แล้วจะพบว่า...ภัยพิบัติมันกำลังก่อตัวครับ

 

คุณ ZZ
แฮะๆ ดีใจที่คุณเข้าใจผม นึกว่าจะโดนถล่มซะแล้ว
เพราะ Web นี้มันตั้งชื่อไปทำนองภัยพิบัติ
ดังนั้นพวกที่เข้ามาอ่านก็มักจะเอนเอียงเชื่อเรื่องนี้อยู่แล้ว

การที่เราจะเชื่ออะไร เราจะต้องศึกษาแล้วจับหลักให้ได้
คุณอย่าลืมเรื่องที่พระอรหันต์สมัยปลายกรุงศรีอยุธยา
ทำนายเรื่องเมืองใหม่กรุงเทพ 10 รัชกาล
ทั้งๆ ที่ช่วงนั้นยังไม่มีเมืองกรุงเทพด้วยซ้ำ

ท่านทำนายล่วงหน้าถึงภัยพิบัติของกรุงศรีอยุธยา
แล้วจะเกิดเมืองใหม่ที่มีอายุนานถึง 10 รัชกาล
พระอรหันต์ทำนายจึงเชื่อถือได้ (แต่ก็เป็นเพียงคัมภีร์ที่สืบทอดมา)
ซึ่งพิสูจน์มาแล้วว่าทำนายแม่นมา 9 รัชกาลเข้าไปแล้ว

ท่านไม่เห็นบอกว่าจะต้องย้ายเมืองหลวงนี่ครับ
การย้ายเมืองหลวงเป็นเรื่องใหญ่ เหมือนการเสียกรุง
ที่ท่านต้องทำนายไว้ ท่านเพียงบอกว่ามี 10 รัชกาลเท่านั้น

ดังนั้นผมจึงไม่มีความคิดเลยว่าเราจะอยู่ที่กรุงเทพไม่ได้
หลังรัชกาลที่ 10 ค่อยมาว่ากันอีกที

ผมตอบคำถามคุณนะครับ
คำทำนายว่าจอต่อกุล หมายถึงช่วงเวลาคาบเกี่ยว
ระหว่างปีจอต่อกับปีกุล หรือเจาะเข้ามาก็คือช่วงเดือนเมษายน 2550

ถ้าทำนายว่าเป็นเดือนมิถุนายน 2550 ก็เรียกว่า "กลางปี 2550"
อย่าไปยกประโยชน์ให้ความผิดพลาด
คนที่เขาแม่นจริงมันมี ไม่ใช่ไม่มี
ถ้าจะพูดคลุมไป มันก็ไม่ใช่ทำนายแม่นซิครับ

แสดงว่าคุณยังไม่เคยเจอคนที่เขาเก่งจริง
คนเก่งจริงไม่กลัวคำท้า อย่างที่ผมท้าให้ฟันธงมาเลย
เขาจะฟันธงกลับมา แล้วเมื่อถึงเวลานั้นจะต้องถูกต้อง
ถ้าอย่างนี้ผมนับถือ เหมือนอย่างครูของผมที่ผมนับถือมา
เกินกว่า 20 ปี ท่านเก่งจริง ไม่เคยพูดคลุมเครือ
ท่านเป็นพระครับ ไม่ต้องถามนะว่าองค์ไหน ผมไม่บอก
เพราะท่านไม่ให้บอก แต่ท่านยังมีชีวิตอยู่แถมจบปริญญาโท 2 ใบซะด้วย

สมัยปี 2000 คนกลัวกันพอๆ กับสมัยนี้
แล้วปี 2000 ไม่ใช่เฉพาะคนไทย แต่พวกฝรั่งก็กลัว
เพราะการแปลคำทำนายของนอสตราดามุส ไปพ้องกับ
รหัสในคัมภีร์ไบเบิล บวกกับคนไปโยงกับคำทำนายสมัย
หลังพุทธกาล มันกลัวกันจริงๆ

สงครามโลกถ้าเกิดจริง ประเทศไทยก็ยังอยู่ได้
เราผ่านมา 2 สงครามโลกแล้ว ยังเสียหายไม่เท่า
เราเสียกรุงศรีอยุธยาเลย

น้ำท่วมโลกแน่ในวันหนึ่ง
เพราะโลกเราเคยอุดมไปด้วยน้ำมาก่อนที่จะมีแผ่นดิน
แต่ไม่น่าจะเป็น 5-10 ปีข้างหน้า อาจจะ 30 ปีข้างหน้า

แผ่นดินไหวของไทยเมื่อเทียบกับญี่ปุ่นหรือลอสเอนเจลิส
แล้วยังถือว่าน้อยมาก
ถ้าเกิดแผ่นดินไหว เราก็สร้างเมืองขึ้นใหม่เหมือนญี่ปุ่น
ไม่เห็นจะเป็นอย่างไร

ซึนามิ ผมได้ยินพระท่านทำนายมาล่วงหน้า
ไม่น้อยกว่า 2 ปี แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วอย่างไร
คนตายเป็นหมื่น บ้านเรือนเสียหาย

แล้วไปดูตอนนี้ซิ สร้างขึ้นมาใหม่อีกแล้ว
พูดอย่างนี้คุณเข้าใจหรือยัง มันสร้างกันใหม่ได้
คนตายเป็นหมื่น แต่เหลืออีก 60 ล้านคน

 

ขอบคุณ คุณ grasip ครับ

คุณ grasip เข้าใจว่า...

1. ความรุนแรงมันมี แต่ไม่ถึงกับแผ่นดินหายไป หรือต้องอพยพไปไหน

2. แผ่นดินไหวของไทยเมื่อเทียบกับญี่ปุ่นหรือลอสเอนเจลิสแล้วยังถือว่าน้อยมาก ถ้าเกิดแผ่นดินไหว เราก็สร้างเมืองขึ้นใหม่เหมือนญี่ปุ่นไม่เห็นจะเป็นอย่างไร

3. ซึนามิ ผมได้ยินพระท่านทำนายมาล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 2 ปี แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้วอย่างไรคนตายเป็นหมื่น บ้านเรือนเสียหาย....แต่ก็สร้างใหม่คนยังเหลือ

ครับอันนี้พอจะเดาใจคุณ grasip ได้นิดหน่อย... ผมขอแสดงความเห็นไว้นะครับในฐานะที่ดูๆเรื่องน้ำท่วมประเทศไทยไว้เหมือนกัน

ตอบข้อ 1.

จากแผนที่ภูมิศาสตร์ที่สร้างโดยฐานข้อมูลจากดาวเทียมแล้ว PLOT ด้วยโปรแกรม พบว่า... ระดับความสูงของพื้นดินในเขต กทม และภาคกลางมันต่ำมากๆครับ

ระดับความสูง

น้อยกว่า 1 เมตร สีน้ำเงินอ่อน
1 เมตร สีน้ำเงินเข้ม
5 เมตร สีแดง
10 เมตร สีชมพูอ่อน
20 เมตร สีชมพูเข้ม
30 เมตร สีเขียวอ่อน
50 เมตร สีเขียวเข้ม
100 เมตร สีเหลืองอ่อน
200 เมตร สีเหลืองเข้ม
400 เมตร สีส้ม
800 เมตร สีน้ำตาล
1000 เมตร สีขาว





ปัจจุบันเขื่อนรอบๆกรุงเทพคอยกั้นน้ำทะเลเอาไว้ ไม่ให้ไหลเข้ามาได้ ยกเว้นปากแม่น้ำที่มีสันดอนขวางอยู่ เรียกได้ว่า...ระดับน้ำทะเลและระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาสูงมาก

หากเอาประตูน้ำออก หรือเอาเขื่อนริมแม่น้ำออกน้ำจะท่วม กทม ทันที ทุกวันนี้ กทม อยู่ได้เพราะเขื่อนริมแม่น้ำเจ้าพระยา (โครงการพระราชดำริ) เท่านั้น

แสดงว่า...ระดับน้ำใน กทม. ทั้งแม่น้ำและน้ำทะเล เข้าใกล้ FULL LOAD เต็มที หากมีน้ำเหนือหรือพายุฝน ก็จะท่วมในเวลาไม่กี่ชั่วโมง หรือหากมีคลื่นยักษ์เข้ามา เราจะจมน้ำแน่นอน

มีธนาคารแห่งหนึ่งประกาศขายตึกของตัวเองที่สร้างไว้ริมแม่น้ำเจ้าพระยาครับ เขาคงทราบแล้วครับว่า พื้นดินใต้ กทม. มีปัญหา

และเมื่อแผ่นดินไหวคราวที่แล้ว...ที่คนต้องกลับบ้านก่อนเวลาเลิกงาน นักธรณีวิทยาต่างออกมาบอกว่า พื้นดินใต้ กทม. มีลักษณะเป็นดินอ่อน (เขาอยากจะบอกว่าเป็นโคลน-เลน แต่พูดไม่ได้) สามารถขยายแรงแผ่นดินไหวได้ 3 เท่า เมื่อตึกสูงเกิน 30 ชั้น

แม้ผมเองจะเชื่อว่าในอ่าวไทยเกิดซึนามิได้ยาก แต่หากเกิดซึนามิจริง...ความลึกของอ่าวไทยประมาณ 90 เมตร จะทำให้ซึนามิวิ่งเข้าฝั่งด้วยความเร็ว 100 กม./ชม. ผมจึงวางใจประเด็นนี้ไม่ได้

มีข่าวบอกว่า...น้ำในทะเลมีระดับเพิ่มขึ้นอย่างมาก เมื่อสัปดาห์ก่อนที่เกิดน้ำทะเลสูงขึ้นอย่างมาก เกิดคลื่นสูง 5-8 เมตร เข้าโจมตีหาดที่ภูเก็ต และ 1 เดือนก่อนเคยเกิดที่ระยอง...ที่อินโดเนเซียคลื่นสูง 15 เมตร โจมตีชายฝั่ง

เราอาจบอกว่าก็ไม่เห็นเป็นไร เรายังผ่านมาได้ ในทางตรงกันข้าม...มันเป็นหลักฐานว่า...ระดับน้ำได้เพิ่มขึ้นแล้ว เพราะเมื่อ ปีก่อนๆมันไม่ได้เป็นแบบนี้ น้ำในทะเลไม่ได้มากขนาดนี้

ดร. อาจอง ชุมสาย ท่านบอกว่า เมื่อน้ำในทะเลมีระดับเพิ่มขึ้นเพียง 1 เมตรก็สามารถท่วม กทม. ได้ทั้งเมือง อันนี้เพราะว่า....กทม. สูงจากระดับน้ำทะเลไม่กี่เมตร ( กรุณาดูจากแผนที่ )

ในข้อนี้ผมอยากจะบอกคุณ grasip ว่า...เราเสี่ยงมากๆในเรื่อง...น้ำ...เรียกว่า...ยืนอยู่บนเส้นด้ายก็ว่าได้

เพราะหากเกิดอะไรกระทบนิดเดียวก็....จมน้ำแน่นอนครับครับ

หากจะมองประเทศเนเธแลนด์ที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลว่า...ทำไมยังอยู่ได้เลย...ข้อนี้ขอเรียนว่า...เนเธอแลนด์นั้นมีเขื่อนยักษ์ (Mega Project ระดับโลก) ที่กั้นปากอ่าวกับทะเลเอาไว้...แต่ไทยเรามีแค่...สันดอนแม่น้ำ...ตื้นๆเองครับ

ตอบข้อ 2.

ญี่ปุ่น นั้นเป็นส่วนหนึ่งของภูเขาสูง (ในทะเล) แล้วโผ่ลพ้นทะเลขึ้นมา ส่วนลอสเอนเจลิสนั้นตั้งอยู่แนวเทือกเขา โครงสร้างพื้นด้านล่างแข็งแรงมาก ต่างจาก กทม และภาคกลางที่เป็นดินเลนปากแม่น้ำทั้งสิ้น

ดินปากแม่น้ำที่แข่น้ำตลอดเวลา มีสภาพเป็นดินโคลน จะเห็นว่า กทม. ทรุดตัวทุกปี แม้หยุดสูบน้ำบาดาลแล้ว ก็ยังทรุด

ดังนั้น...แผ่นดินไหวเล็กๆ 3 ริคเตอร์ที่ LA จะต่างกันอย่างมหาศาลกับ 3 ริคเตอร์ใน กทม หรือภาคกลาง

เพราะหมายถึงความล่มจมของประเทศ ญี่ปุ่นนั้นเศษฐกิจอันดับต้นๆของโลก จะสร้างเมืองใหม่กี่เมืองก็ไม่ยากครับ แต่จะยากแสนยากกับเมืองไทย (ที่จมน้ำไปแล้ว)

ตอบข้อ 3.

สำหรับซึนามินั้น... อย่างที่กล่าวไว้ในข้อ 1. ลองคิดเล่นๆว่า....คลื่นสูง 5 เมตร (สมมติว่าระดับเดียวกันกับคลื่นที่ภูเก็ต) วิ่งเข้าชายฝั่ง กทม. ทางปากแม่น้ำด้วยความเร็ว 100 กม./ชม. ( ตัวเลขจากตารางคำนวณการเคลื่อนที่ของคลื่นซึนามิใต้ทะเล ) อะไรจะเกิดขึ้น

ผมไม่ได้ต้องการให้ใครตกใจหรือกลัว...แต่เราต้องไม่ปิดหูปิดตาตัวเอง...ไม่รับข่าวสาร...หรือคิดว่า...มันเกิดแล้วก็ผ่านไปเหมือนที่เคยเกิด...

หวังว่า...คุณ grasip จะเข้าใจความห่วงใยของผมนะครับ

 

ภาพจากกระทู้...

http://www.palungjit.org/board/showthread.php?t=71028

 

ข้อมูลของคุณ ZZ
ผมก็ตามอ่านอยู่เรื่อยๆ โดยเฉพาะ 2 ปีมานี้
มีทั้งของมนุษย์โลกและมนุษย์ต่างดาว

เลยขอถามคุณ ZZ ว่า กรุงเทพจะจมน้ำประมาณปีไหน
ใน 2 ปี หรือใน 5 ปี
หรือใน 10 ปี พอจะ Scope ให้แคบเข้ามาได้ไหม
จากข้อมูลเท่าที่คุณมีอยู่
คือกรุงเทพสูงกว่าน้ำทะเลประมาณแค่ 1 เมตรนี่แหละ

ขอถามเพียงข้อเดียว คุณจะได้ตอบง่ายเข้า

เวลาคุณถามผม ผมก็พยายามตอบ
ตอนนี้ผมถามคุณบ้าง ขอให้ตอบด้วย

 

คำถามของคุณ grasib มันก็เหมือนกับการถามว่า...วันนี้ฝนจะตกไหม วันนี้แผ่นดินไหวจะไหวไหม วันนี้น้ำจะท่วมไหม เพราะเราไม่สามารถอ่านใจธรรมชาติได้เลย

วิทยาศาสตร์...จะตอบว่า...มีโอกาสตกเท่านั้นเท่านี้เปอร์เซ็นต์ บังเอิญผมไม่ใช่ทั้งนักวิทยาศาสตร์ และนักพยากรณ์ศาสตร์ จึงไม่อาจตอบคำถามคุณ grasib ได้...ว่า

จะเกิดอีก...ในกี่ปี 2 - 5 - 10 ปี หรือพรุ่งนี้ แต่ผมทราบอย่างแน่นอนว่า...สัญญาณมาแรงขึ้นเรื่อยๆ

หากจะคาดคั้นเอาคำตอบจากผม...ก็ได้เท่านี้ละครับ...แต่เอ...บรรยากาศการสนทนาน่าจะกำลังดี...คุณ grasib ทำไม...ตัดบทเร็วจัง

 

หลวงปู่เคราก็ได้เล่าให้พวกเราได้ฟังถึงเรื่องภัยพิบัติ ว่ามีเกณฑ์จะเกิดก็ตั้งแต่สิบกว่าปีที่แล้ว แต่ก็เลื่อนมาเรื่อย ๆ จนตอนนี้เลื่อนเข้ามาแล้ว แต่ไม่บอกว่าเมื่อไร อาจเป็นพรุ่งนี้ หรืออีกสิบกว่าปีข้างหน้าก็เป็นได้ เพราะเป็นความลับสวรรค์ ส่วนพวกเรานั้นที่ทำงานกันตรงนี้อยู่ต้องระมัดระวังกันให้ดี เพราะ

-บอกเล่าเรื่องให้คนอื่นได้ฟังแล้วจิตใจของเขาหวาดกลัวหรือเศร้าหมองหรือเปล่า

-บอกเขาแล้ว หากเหตุการณ์มันแกล้งเลื่อนให้เราเสียคน จะทำอย่างไร ทางหลวงปู่ก็บอกว่าตัวท่านเอง ก็ ได้บอกลูกหลานว่า ใกล้เกิดภัยพิบัติแล้วให้เร่งถือศีลภาวนา ปฏิบัติตนเป็นคนดีเอาไว้ หากไม่เกิด สิ่งที่บอกที่เตือนน่ะดีไหม ถูกไหม สิ่งที่ให้ทำน่ะไม่สูญเปล่าหรอก

ดังนั้นท่านให้เน้นด้านส่งเสริมให้คนทำความดี ให้คนปฏิบัติธรรมกันให้มาก ซึ่งก็เป็นแนวทางการทำงานเป็นหลักของพวกเราอยู่แล้ว

จากนั้นคุณแม้วเอาแผนที่ประเทศไทยมาให้ดู หลวงปู่ท่านวงสีแดงไว้ที่ภาคใต้ วงสีส้มไว้ที่ภาคกลาง และวงสีเหลืองไว้ที่ภาคเหนือ แสดงถึงเขต และระดับความอันตรายจากภัยในพื้นที่ต่างๆ

จากนั้นก็มีคนถามว่าจะเจอกับอะไรบ้าง ท่านก็บอกว่าน้ำทะเลจะค่อยๆท่วมขึ้นมาจนถึงท่วมกรุงเทพทั้งหมด ชายทะเลจะอยู่ที่ อ.พระนอน จ.สิงห์บุรี

เรื่องนิวเคลียร์ท่านว่าสามารถยับยั้งเอาไว้ได้บ้าง แต่อาวุธเคมี ชีวภาพนี่แก้ไม่ได้ ช่วยป้องกันไม่ได้

จากคุณคณานันท์

หมายเหตุ

ผมขออนุญาต ตอบแทนคุณ ZZ นะครับ คุณ grasib ไม่ต้องเขียนมาถามอะไรผมนะครับ เพราะผมมีสติปัญญาน้อยเถียงสู้คุณไม่ได้หรอก มีแต่ความจริงใจเท่านั้นที่จะให้คุณได้

 

ผมเห็นด้วยกับ คุณ grasib ครับ


และผมก็ไม่ปฏิเสธความเชื่อของคุณ ZZ ด้วย


แต่เราต้องแยกให้ชัดนะครับ

ระหว่าง ความเชื่อทางจิต กับ หลักการทางวิทยาศาสตร์

เพราะจะกลายเป็นการ โต้ตอบที่ไม่เกิดประโยชน์แก่ผู้อ่าน

กลายเป็นการยก ข้อมูลคนละ ด้านเดียวกันมาข่มซะเปล่าๆ