พระเครื่อง..เป็นเพียงเปลือกของพุทธฯ..พล.อ.วัธนชัย ฉายเหมือนวงศ์

ในห้อง 'ประสบการณ์ เรื่องเล่า' ตั้งกระทู้โดย NoOTa, 28 เมษายน 2007.

  1. NoOTa

    NoOTa Super Moderator ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    14 มิถุนายน 2005
    โพสต์:
    20,125
    กระทู้เรื่องเด่น:
    349
    ค่าพลัง:
    +64,492
    <TABLE cellSpacing=5 cellPadding=0 width=567 border=0><TBODY><TR><TD vAlign=top>พล.อ.วัธนชัย ฉายเหมือนวงศ์ พระเครื่อง...เป็นเพียงเปลือกของพุทธฯ</TD></TR><TR><TD vAlign=top>27 เมษายน 2550 22:11 น.</TD></TR><TR><TD class=Text_Story vAlign=top><!-- [​IMG] [​IMG] พระไตรปิฎก เป็นคัมภีร์หรือตำราทางพระพุทธศาสนา ซึ่งรวบรวมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า หรือที่เรียกรวมๆ ว่า พุทธธรรม

    คำว่า พระไตรปิฎก มาจากภาษาบาลี ติปิฎก แปลว่า ตะกร้าสามใบ หรือ คำสอนสามหมวด (ติ หมายถึง สาม ปิฎก หมายถึง ตำรา คัมภีร์ หรือกระจาด) คำสอนสามหมวดนี้ ประกอบด้วย
    ๑. พระวินัยปิฎก หรือ พระวินัย ได้แก่ ประมวลระเบียบข้อบังคับของบรรพชิต ที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้สำหรับภิกษุ และภิกษุณี ๒.พระสุตตันตปิฎก หรือ พระสูตร ได้แก่ ประมวลพระพุทธพจน์ ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงยังที่ต่างๆ ให้เหมาะกับบุคคล สถานที่ และเหตุการณ์ มีเรื่องราวประกอบ และ ๓.พระอภิธรรมปิฎก หรือ พระอภิธรรม ได้แก่ ประมวลคำสอนที่เป็นหลักวิชาการล้วนๆ ไม่เกี่ยวด้วยบุคคล หรือเหตุการณ์ ไม่มีเรื่องประกอบ
    แม้ว่าพระไตรปิฎกจะเป็นหัวใจของการศึกษาพระพุทธศานา แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีพุทธศาสนิกชนที่สนใจและศึกษาพระไตรปิฎก ยังมีน้อยมาก ด้วยเหตุที่ว่า พุทธศาสนิกชนมักคิดเอาเองว่า อ่านอยาก และยากเกินกว่าจะเข้าใจ
    แต่สำหรับ พล.อ.วัธนชัย ฉายเหมือนวงศ์ หรือ "บิ๊กตุ๊ด" ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กลับมองว่า อ่านง่าย เข้าใจไม่ยาก
    จุดเริ่มต้นของการอ่านและศึกษาพระไตรปิฎกนั้น "บิ๊กตุ๊ด" บอกว่า เมื่อเริ่มฟังเทปการบรรยายธรรมจาก อ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เป็นแนวทางการวิปัสสนากรรมฐาน ทำให้มาสนใจเกี่ยวกับพระไตรปิฎก เมื่อได้ฟังแล้วก็ทำให้เข้าใจ และยิ่งสนใจมากขึ้น พอได้ศึกษาอย่างต่อเนื่อง ก็เริ่มรู้แล้วว่า คำสอนของพระพุทธเจ้า ล้วนเป็นเรื่องธรรมดาของโลก ที่ทุกคนจะต้องเจอ ทั้งนี้สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ดีกับตัวเรา โดยคิดว่า มันเกิดจากผลกรรมจากจิตที่สะสมมาจากชาติที่แล้ว หรือผ่านมากี่ชาติเป็นร้อยเป็นหมื่นเรื่อง เราไม่รู้ แต่พระพุทธเจ้าท่านรู้ ว่าผลกรรมเหล่านั้นจะส่งผลที่แตกต่างกัน บางคนเกิดเป็นมนุษย์ บางคนเกิดมาเป็นสัตว์
    "บิ๊กตุ๊ด" อธิบายให้ฟังว่า อบายภูมิ ๔ ประกอบด้วย นรก สัตว์เดรัจฉาน ปิตติวิสัย (เปรต) และอสูรกาย ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรมหนัก ก็เกิดในนรก ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรมที่หนักมาก ก็เกิดในมหานรก ที่สุดจะทรมาน คือ อเวจีนรก
    และเมื่อพ้นจากขุมนรกขุมใหญ่ๆ แล้ว ก็เกิดในนรกขุมย่อยๆ อีก เมื่อยังไม่หมดผลของอกุศลกรรม ขณะที่กระทำอกุศลกรรมนั้น ไม่คิดเลยว่า ภูมินรกรออยู่แล้วข้างหน้า แต่ว่ายังไปไม่ถึง เพราะว่ายังอยู่ในโลกนี้ ก็ยังไม่ไปสู่ภูมิอื่น แม้ว่าเหตุคืออกุศลกรรมมีแล้ว เมื่อทำอกุศลกรรมแล้วย่อมเป็นปัจจัยให้ไปสู่อบายภูมิใดภูมิหนึ่งเมื่อสิ้นชีวิตแล้ว
    ผลของอกุศลกรรมที่เบากว่านั้น ก็เป็นปัจจัยให้เกิดอบายภูมิอื่น เช่น เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน จะเห็นได้ว่า สัตว์เดรัจฉานนั้นมีรูปร่างประหลาดๆ ต่างๆ นานา บางชนิดมีขามาก บางชนิดมีขาน้อย บางชนิดไม่มีขาเลย มีปีกบ้าง ไม่มีปีกบ้าง อยู่ในน้ำบ้าง อยู่บนบกบ้าง มีรูปร่างลักษณะ ต่างๆ มากมาย ตามความวิจิตรของจิต มนุษย์มีตา หู จมูก ลิ้น กาย แต่ผิวพรรณวัณณะ ความสูงต่ำก็ยังวิจิตรต่างๆ กัน ไม่เหมือนกันเลย ไม่ว่าจำนวนคนโลกนี้จะมากสักเท่าไรก็ตาม
    "ผมคิดว่า ถ้าชาวพุทธทุกคนลองได้มาศึกษาพระไตรปิฎกอย่างเข้าใจแล้ว จะทำให้เราไม่สะสมกรรมเพิ่ม ที่หมายถึงอกุศล หรือเป็นบาปนั่นเอง ถ้าเราทำบาปเอาไว้มากๆ มันก็จะไปสะสมอยู่ที่จิตหรือสันดานของเรา จิตตรงนี้ก็เป็นที่รับกรรมในการส่งต่อไปยังอนาคตหรือภพภูมิหน้า วันนี้ถ้าเราสะสมแต่กุศล เกิดชาติหน้าก็จะไม่ตกระกำลำบาก" บิกตุ๊ดเชื่อในเรื่องผลกรรมจากการศึกษาพระไตรปิฎก
    สำหรับพระเครื่องที่บิ๊กตุ๊ดแขวนติดตัวประจำของ คือ พระซุ้มกอ กำแพงเพชร เพราะแขวนแล้วจะดีในเรื่องเงินและทอง มีกูไว้แล้วไม่จนประมาณนั้น โดยจะแขวนสลับกับพระอีกหนึ่งชุด ประกอบด้วย พระสมเด็จ วัดระฆัง ที่ได้มาจากคุณพ่อ พระผงสุพรรณ พระนางพญา พระรอด ลำพูน และรูปเหมือนสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
    ส่วนเหตุการณ์เฉียดตายนั้น บิ๊กตุ๊ด เล่าว่า มีอยู่หลายครั้ง สมัยเป็นแม่ทัพภาคที่ ๓ จะต้องเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ ประกอบสภาวะอากาศจะปิดอยู่บ่อยครั้ง แล้วจะพบเหตุการณ์ทำให้หวาดเสียวอยู่เป็นประจำ
    จำได้ว่า สมัยเป็นทหารหนุ่ม ประมาณปี ๒๕๑๗-๒๕๑๘ ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ อากาศปิด มีแต่เมฆเต็มไปหมด นักบินเขาถือเป็นเรื่องปกติ เราต่างหากที่มองไม่เห็นอะไรเลย บางครั้งบินตอนกลางคืนฝนก็ตก เชื่อไหมว่า ใจตอนนั้นมันจะตุ้มๆ ต่อมๆ ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเอาเสียเลย
    อีกครั้งประมาณปี ๒๕๑๙ กับชีวิตเสี่ยงตายเมื่อตอนเป็นผู้พัน ม.๑๓๑ รับผิดชอบอยู่ที่ จ.น่าน ต้องปะทะกับกลุ่มคอมมิวนิสต์ (ผกค.) ที่ อ.เชียงกลาง กลุ่ม ผกค.จะไม่มีเป้าหมาย จะชอบลงมาดักยิงรถของทางราชการ ก่อนเขาเชียงกลาง ถามว่ากลัวไหม คนเราต้องกลัวอยู่แล้ว แต่นั้นเป็นหน้าที่ต้องรับผิดชอบ และประมาณปี ๒๕๒๕ สมัยเป็นรองผู้การกรมต้องไปควบคุมการสู้รบชายแดนไทยเขมรแถวๆ อรัญประเทศ งานนั้นก็รอดตายมาได้อีกเช่นกัน
    "จากชีวิตที่รอดตายมาได้ มีความเชื่อว่า เกิดจากพุทธคุณขององค์พระ แต่พอได้ศึกษาพระไตรปิฎกจนลึกซึ้งแล้วก็เข้าใจว่า พระเครื่องจริงๆ เป็นเพียงเปลือกนอกของพระพุทธศาสนาเท่านั้น เพราะจริงๆ แล้ว พระเครื่องอยู่ในความเชื่อของพราหมณ์และฮินดู ส่วนพุทธไม่ได้สอน แต่พุทธเราจะสอนเรื่องจิตให้เรามีสติอยู่กับปัจจุบันนั่นเอง" พล.อ.วัธนชัย กล่าวทิ้งท้าย
    0 เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง /ภาพ สกล สนธิรัตน 0

    -->[​IMG]
    พระไตรปิฎก เป็นคัมภีร์หรือตำราทางพระพุทธศาสนา ซึ่งรวบรวมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า หรือที่เรียกรวมๆ ว่า พุทธธรรม
    คำว่า พระไตรปิฎก มาจากภาษาบาลี ติปิฎก แปลว่า ตะกร้าสามใบ หรือ คำสอนสามหมวด (ติ หมายถึง สาม ปิฎก หมายถึง ตำรา คัมภีร์ หรือกระจาด) คำสอนสามหมวดนี้ ประกอบด้วย
    ๑. พระวินัยปิฎก หรือ พระวินัย ได้แก่ ประมวลระเบียบข้อบังคับของบรรพชิต ที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้สำหรับภิกษุ และภิกษุณี ๒.พระสุตตันตปิฎก หรือ พระสูตร ได้แก่ ประมวลพระพุทธพจน์ ที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงยังที่ต่างๆ ให้เหมาะกับบุคคล สถานที่ และเหตุการณ์ มีเรื่องราวประกอบ และ ๓.พระอภิธรรมปิฎก หรือ พระอภิธรรม ได้แก่ ประมวลคำสอนที่เป็นหลักวิชาการล้วนๆ ไม่เกี่ยวด้วยบุคคล หรือเหตุการณ์ ไม่มีเรื่องประกอบ [​IMG]
    แม้ว่าพระไตรปิฎกจะเป็นหัวใจของการศึกษาพระพุทธศานา แต่ในความเป็นจริงแล้ว มีพุทธศาสนิกชนที่สนใจและศึกษาพระไตรปิฎก ยังมีน้อยมาก ด้วยเหตุที่ว่า พุทธศาสนิกชนมักคิดเอาเองว่า อ่านอยาก และยากเกินกว่าจะเข้าใจ
    แต่สำหรับ พล.อ.วัธนชัย ฉายเหมือนวงศ์ หรือ "บิ๊กตุ๊ด" ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง กลับมองว่า อ่านง่าย เข้าใจไม่ยาก
    จุดเริ่มต้นของการอ่านและศึกษาพระไตรปิฎกนั้น "บิ๊กตุ๊ด" บอกว่า เมื่อเริ่มฟังเทปการบรรยายธรรมจาก อ.สุจินต์ บริหารวนเขตต์ เป็นแนวทางการวิปัสสนากรรมฐาน ทำให้มาสนใจเกี่ยวกับพระไตรปิฎก เมื่อได้ฟังแล้วก็ทำให้เข้าใจ และยิ่งสนใจมากขึ้น พอได้ศึกษาอย่างต่อเนื่อง ก็เริ่มรู้แล้วว่า คำสอนของพระพุทธเจ้า ล้วนเป็นเรื่องธรรมดาของโลก ที่ทุกคนจะต้องเจอ ทั้งนี้สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ดีกับตัวเรา โดยคิดว่า มันเกิดจากผลกรรมจากจิตที่สะสมมาจากชาติที่แล้ว หรือผ่านมากี่ชาติเป็นร้อยเป็นหมื่นเรื่อง เราไม่รู้ แต่พระพุทธเจ้าท่านรู้ ว่าผลกรรมเหล่านั้นจะส่งผลที่แตกต่างกัน บางคนเกิดเป็นมนุษย์ บางคนเกิดมาเป็นสัตว์
    "บิ๊กตุ๊ด" อธิบายให้ฟังว่า อบายภูมิ ๔ ประกอบด้วย นรก สัตว์เดรัจฉาน ปิตติวิสัย (เปรต) และอสูรกาย ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรมหนัก ก็เกิดในนรก ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรมที่หนักมาก ก็เกิดในมหานรก ที่สุดจะทรมาน คือ อเวจีนรก
    และเมื่อพ้นจากขุมนรกขุมใหญ่ๆ แล้ว ก็เกิดในนรกขุมย่อยๆ อีก เมื่อยังไม่หมดผลของอกุศลกรรม ขณะที่กระทำอกุศลกรรมนั้น ไม่คิดเลยว่า ภูมินรกรออยู่แล้วข้างหน้า แต่ว่ายังไปไม่ถึง เพราะว่ายังอยู่ในโลกนี้ ก็ยังไม่ไปสู่ภูมิอื่น แม้ว่าเหตุคืออกุศลกรรมมีแล้ว เมื่อทำอกุศลกรรมแล้วย่อมเป็นปัจจัยให้ไปสู่อบายภูมิใดภูมิหนึ่งเมื่อสิ้นชีวิตแล้ว
    ผลของอกุศลกรรมที่เบากว่านั้น ก็เป็นปัจจัยให้เกิดอบายภูมิอื่น เช่น เกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน จะเห็นได้ว่า สัตว์เดรัจฉานนั้นมีรูปร่างประหลาดๆ ต่างๆ นานา บางชนิดมีขามาก บางชนิดมีขาน้อย บางชนิดไม่มีขาเลย มีปีกบ้าง ไม่มีปีกบ้าง อยู่ในน้ำบ้าง อยู่บนบกบ้าง มีรูปร่างลักษณะ ต่างๆ มากมาย ตามความวิจิตรของจิต มนุษย์มีตา หู จมูก ลิ้น กาย แต่ผิวพรรณวัณณะ ความสูงต่ำก็ยังวิจิตรต่างๆ กัน ไม่เหมือนกันเลย ไม่ว่าจำนวนคนโลกนี้จะมากสักเท่าไรก็ตาม
    "ผมคิดว่า ถ้าชาวพุทธทุกคนลองได้มาศึกษาพระไตรปิฎกอย่างเข้าใจแล้ว จะทำให้เราไม่สะสมกรรมเพิ่ม ที่หมายถึงอกุศล หรือเป็นบาปนั่นเอง ถ้าเราทำบาปเอาไว้มากๆ มันก็จะไปสะสมอยู่ที่จิตหรือสันดานของเรา จิตตรงนี้ก็เป็นที่รับกรรมในการส่งต่อไปยังอนาคตหรือภพภูมิหน้า วันนี้ถ้าเราสะสมแต่กุศล เกิดชาติหน้าก็จะไม่ตกระกำลำบาก" บิกตุ๊ดเชื่อในเรื่องผลกรรมจากการศึกษาพระไตรปิฎก

    สำหรับพระเครื่องที่บิ๊กตุ๊ดแขวนติดตัวประจำของ คือ พระซุ้มกอ กำแพงเพชร เพราะแขวนแล้วจะดีในเรื่องเงินและทอง มีกูไว้แล้วไม่จนประมาณนั้น โดยจะแขวนสลับกับพระอีกหนึ่งชุด ประกอบด้วย พระสมเด็จ วัดระฆัง ที่ได้มาจากคุณพ่อ พระผงสุพรรณ พระนางพญา พระรอด ลำพูน และรูปเหมือนสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
    ส่วนเหตุการณ์เฉียดตายนั้น บิ๊กตุ๊ด เล่าว่า มีอยู่หลายครั้ง สมัยเป็นแม่ทัพภาคที่ ๓ จะต้องเดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ ประกอบสภาวะอากาศจะปิดอยู่บ่อยครั้ง แล้วจะพบเหตุการณ์ทำให้หวาดเสียวอยู่เป็นประจำ

    จำได้ว่า สมัยเป็นทหารหนุ่ม ประมาณปี ๒๕๑๗-๒๕๑๘ ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ อากาศปิด มีแต่เมฆเต็มไปหมด นักบินเขาถือเป็นเรื่องปกติ เราต่างหากที่มองไม่เห็นอะไรเลย บางครั้งบินตอนกลางคืนฝนก็ตก เชื่อไหมว่า ใจตอนนั้นมันจะตุ้มๆ ต่อมๆ ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเอาเสียเลย

    อีกครั้งประมาณปี ๒๕๑๙ กับชีวิตเสี่ยงตายเมื่อตอนเป็นผู้พัน ม.๑๓๑ รับผิดชอบอยู่ที่ จ.น่าน ต้องปะทะกับกลุ่มคอมมิวนิสต์ (ผกค.) ที่ อ.เชียงกลาง กลุ่ม ผกค.จะไม่มีเป้าหมาย จะชอบลงมาดักยิงรถของทางราชการ ก่อนเขาเชียงกลาง ถามว่ากลัวไหม คนเราต้องกลัวอยู่แล้ว แต่นั้นเป็นหน้าที่ต้องรับผิดชอบ และประมาณปี ๒๕๒๕ สมัยเป็นรองผู้การกรมต้องไปควบคุมการสู้รบชายแดนไทยเขมรแถวๆ อรัญประเทศ งานนั้นก็รอดตายมาได้อีกเช่นกัน


    "จากชีวิตที่รอดตายมาได้ มีความเชื่อว่า เกิดจากพุทธคุณขององค์พระ แต่พอได้ศึกษาพระไตรปิฎกจนลึกซึ้งแล้วก็เข้าใจว่า พระเครื่องจริงๆ เป็นเพียงเปลือกนอกของพระพุทธศาสนาเท่านั้น เพราะจริงๆ แล้ว พระเครื่องอยู่ในความเชื่อของพราหมณ์และฮินดู ส่วนพุทธไม่ได้สอน แต่พุทธเราจะสอนเรื่องจิตให้เรามีสติอยู่กับปัจจุบันนั่นเอง" พล.อ.วัธนชัย กล่าวทิ้งท้าย
    0 เรื่อง สุทธิคุณ กองทอง /ภาพ สกล สนธิรัตน 0


    ---------------------
    ที่มา:คมชัดลึก
    http://www.komchadluek.net/2007/04/28/j001_111244.php?news_id=111244
    </TD></TR></TBODY></TABLE>
     
  2. รัตนประทีปกร

    รัตนประทีปกร เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 กุมภาพันธ์ 2007
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +121
    เป็นข้อความที่อยากจะพิมพ์เป็นหนังสือแจกให้กับคนทั่วไป จะมีสักกี่คนที่เข้าใจ ขออนุโมทนาครับ
     
  3. ขอมจำแลง

    ขอมจำแลง เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    18 กรกฎาคม 2007
    โพสต์:
    407
    ค่าพลัง:
    +1,273
    พระเครื่องเป็นวัตถุ แต่เรานำมาสวมใส่ระลึกถึงทุกวันเป็นการปฏิบัติกรรมฐานอย่างหนึ่งที่เรียกว่าพุทธานุสสติ ใครว่าเปลือกผมไม่เข้าใจ ผู้อ้างข้อความนี้ มีข้อความท่านเพิ่มเติมหรือเปล่าครับ ส่วนที่ว่าเปลือก ..ช่วยอธิบายพระไตรปิฎกที่ท่านว่ารู้แล้วนี้ให้ทีเถิดครับ จะได้มีความรู้เพิ่มขึ้นครับ
    *** ยกตังอย่าง เช่น ของมีเหมือนกัน ใครมาก่อนก็ว่าเป็นของลัทธิตนไปหมด งั้นก็อ้างกันแล้วครับ *** งั้นรูปพ่อ แม่ผม หากผมเอามาทำล็อกเก็ตก็เป็นการนำเอาหลักศาสนาพราหมมาใช้ซิครับ ผมคิดเองก็เอามาเป็นเครื่องระลึกนึกถึงพ่อแม่เวลาห่างไกลกัน จะได้มีกำลังใจทำงาน ไม่ออกนอกลู่นอกทาง เห็นทีไรก็จำคำสอน คำดุว่าท่านได้ ไม่อยากให้ท่านเสียใจหากเราทำอะไรเลวๆลงไป ผมก็ไม่ทราบเลยครับว่ามันมีสอนในศาสนาอื่นว่าวัตุเครื่องระลึกนี้ดี (ส่วนนี้ดีเราเอามาใช้ก็ไม่เสียหาย เสียศักดิ์ศรีแต่อย่างใดเลย ทำให้เราใส่พระแล้วกลัวบาปก็มีหลายท่านที่เป็น) แต่ว่าท่านอาจจะพูดว่าบังเอิญตรงกันไม่ดีกว่าหรือครับ ภูมิปัญญาของเราดีๆมีอีกมาก ที่เรามิได้ลอกเลียนแบบใครนะครับ ตรงนี้ไม่เห็นด้วยเลย
     
  4. สันยาสี

    สันยาสี เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 สิงหาคม 2007
    โพสต์:
    25
    ค่าพลัง:
    +307
    สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ช่วยมนุษย์ได้จริง สัมผัสได้ ดูใน www.sanyasi.org
     
  5. mol2516

    mol2516 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    13 มกราคม 2009
    โพสต์:
    39
    ค่าพลัง:
    +41
    เป็นอย่างที่ท่านกล่าวครับ พระเครื่องเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ครับ ถ้าเข้าใจถ่องแท้ในพระพุทธศาสนา ทำความดี ละเว้นความชั่ว สิ่งดีๆ ก็เกิดกับชีวิตเราเอง (แต่ผมก็ยังแขวนพระอยู่นะครับ เต็มคอเลย อิอิ)
     
  6. pharm.taung

    pharm.taung เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2009
    โพสต์:
    945
    ค่าพลัง:
    +432
    นานาจิตตัง
    ไม่มีใครถูกผิด
    ผมอ่านดูก็ถูกทุกท่านครับ

    "จะแก่นหรือเปลือกมันก็เป็นส่วนประกอบหนึ่งของต้นไม้..ไม่ใช่เหรอครับ"
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 27 มกราคม 2009
  7. มอส เมืองเพชร

    มอส เมืองเพชร Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    11 พฤศจิกายน 2008
    โพสต์:
    114
    ค่าพลัง:
    +78
    ผมเห็นด้วยครับ!!!

    แก่นแท้ของพระพุทธศาสนา ไม่ใช่พระเครื่อง
    แต่เป็นการทำความดี ละเว้นความชั่ว ทำจิตใจให้บริสุทธิ์
    พระเครื่องเ็ป็นแค่ เปลือก จริงครับ

    เปรียบเทียบกับต้นไม้
    ไม่มีเปลือก มีแต่แก่น ต้นไม้อยู่ได้
    มีแต่ีเปลือก ไม่มีแก่น ต้นไม้อยู่ไม่ได้
    มีแก่นแต่ไม่มีเปลือก อยู่ได้จริง แต่ จะเป็นต้นไม้ที่สวยงาม ที่สมบูรณ์ได้อย่างไร

    เที่ยบกับพระพุทธศาสนาแล้ว แม้ไม่มีเปลือก ก็อยู่ได้ สมบูรณ์ได้
    ตรงจุดนี้ยอมรับครับ เพราะเป็นศาสนาที่ดีที่สุด

    เปลือก ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ดึงดูดคนให้มาสู้ต้นไม้ได้
    พระเครื่อง ก็เ็ป็นสิ่งหนึ่งที่เป็นกุสโลบาย ให้คนที่ไม่เคยสนใจศาสนา มาสนใจได้
    พระเครื่อง ก็เป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจได้
    พระเครื่อง ก็เป็นที่ใช้ระลึกถึงคุณของพระรัตนตรัยได้
    พระเครื่อง ก็เป็นที่กำหนดจิตของการทำสมาธิได้
    พระเครื่อง ก็เป็นเครื่องเตือนใจให้คนรู้สึกผิดชอบชั่วดี ได้



    ไม่ว่าจะเปลือก หรือ แก่น

    ก็ต้องมีอยู่คู่กันไปตลอด

    แต่อย่าลืมไปใส่ใจเปลือก จนลืม แก่นที่แท้จริง

    แต่ต้องทำให้เปลือก เป็นทางผ่านมาสู่แก่น ให้ได้!!!

     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 28 มกราคม 2009

แชร์หน้านี้

Loading...