คำคมของครูบาอาจาร์ยที่เคารพ

ในห้อง 'วิทยาศาสตร์ทางจิต - ลึกลับ' ตั้งกระทู้โดย satan, 19 มีนาคม 2007.

  1. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    คำคมของครูบาอาจาร์ยที่เคารพ



    - "พูดมาก เสียมาก พูดน้อย เสียน้อย ไม่พูดไม่เสีย นิ่งเสีย โพธิสัตว์"

    หลวงปู่ทวด วัดช้างให้



    - "ทำเหตุในปัจจุบันดี ผลในอนาคตย่อมต้องดี"

    สมเด็จพุฒาจารย์ (โต)




    - "เรื่องราวเต็มโลก เต็มบ้าน เต็มเมือง เราก็วางเสีย ละเสีย

    ละอยู่ที่กาย ที่ใจตนนี่แหละ อย่าไปละที่อื่น การหอบอดีต

    และอนาคตมาหมักสุมไว้ในใจ ก็เป็นทุกข์ ตัดออกให้หมด"

    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ




    - "ผู้อื่นไม่ได้ทำจิตของเราเศร้าหมอง หรือ ผ่องแผ้ว

    เราเองเป็นผู้ทำให้จิตของตนเศร้าหมอง ผู้อื่นช่วยไม่ได้

    แม้พระพุทธเจ้าก็ช่วยไม่ได้ ท่านทรงเป็นผู้บอกทางให้เท่านั้น"

    หลวงปู่ขาว อนาลโย




    - "พูดให้เขารักยากนักหนา พูดให้เขาด่าว่าง่ายนิดเดียว"

    พระอาจารย์สิงห์ ขันตยคโม




    - "คนที่ตายไปแล้ว หากคนที่มีชีวิตอยู่ เขาสามารถจดจำได้

    และคิดถึงอยู่ ผู้นั้นได้ชื่อว่าไม่ตาย แต่คนที่มีชีวิตอยู่

    กลับไม่มีใครกล่าวถึง หรือ คิดถึงเลย นั่นคือผู้ตายไปแล้ว"

    หลวงพ่อเงิน พุทธโชติ




    - "ทุกข์เพราะเกิดดับมันมีอยู่แล้ว เอาราคะ โลภะ โทสะ โมหะมาเพิ่ม.......ยิ่งทุกข์ใหญ่"

    หลวงปู่บุดดา ถาวโร




    - "คนไม่สนใจธรรม ธรรมก็ไม่เข้าถึงใจคน จึงกลายเป็นคนก็สักว่าคน

    ธรรมก็สักว่าธรรม ไม่อาจยังประโยชน์ให้สำเร็จได้ แม้คนจะมีจำนวนมาก

    และแสดงธรรมให้ฟังทั้งพระไตรปิฏก จึงเป็นเหมือนเทน้ำใส่หลังหมา

    มันสลัดออกเกลี้ยงไม่มีเหลือ ธรรมจึงไม่มีความหมายในใจของคน

    เหมือนน้ำไม่มีความหมายบนหลังหมา ฉันนั้น"

    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

    -


    - "ผู้ปฎิบัติธรรม ตั้งตนอยู่ในกรอบแห่งศีลแล้ว

    ก็ย่อมไม่ต้องเดือดร้อนเพราะศีลของตน

    ยังบุคคลผู้มั่นในศีลให้พ้นจากทุกข์โทษ

    เวรภัยทั้งปวงก็จะไม่สามารถเกิดขึ้นได้เลย"

    หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง



    - "ทุกข์ด้วยอะไร ทุกข์ด้วยมันไม่เที่ยง มีแล้วหามีจริงไม่

    เกิดแล้วดับไป นี่มันทุกข์อย่างนี้นะ ทุกข์ด้วยไม่เที่ยง

    สิ่งใดไม่เที่ยง สิ่งนั่นเป็นทุกข์"

    หลวงพ่อสด จันทสโร




    - "ลักษณะของบุญ คือใจเราดี ใจเรามีความสุข

    ใจเรามีความสบาย เย็นอก เย็นใจ ไม่ทุกข์ ไม่ร้อน

    ไม่วุ่น ไม่วาย นี่แหละบุญ"

    หลวงปู่ฝั้น อาจาโร

    --------------------------------------
    สนับสนุนข้อคิดนานาสาระโดย:
    คุณหนูดี xchange.teenee.com
     
    แก้ไขครั้งล่าสุดโดยผู้ดูแล: 19 มีนาคม 2007
  2. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    แม่น้ำคด น้ำไม่คด



    แม่น้ำคด ส่วนน้ำ นั้นไม่คด

    ไม่แกล้งปด ดูให้ดี มีเหตุผล

    กายกับใจ ไม่ลามก ไม่วกวน

    แต่กิเลส แสนกล นั้นเหลือคด

    ♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥


    จิตล้วนล้วน นั้นเป็น ประภัสสร

    กิเลสจร ครอบงำ ทำยุ่งหมด

    กิเลสเปรียบ ลำน้ำ ที่เลี้ยวลด

    จิตเปรียบน้ำ ตามกฎ ไม่คดงอ

    ♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥

    อันจิตว่าง มีได้ ในกายวุ่น

    ในน้ำขุ่น มีน้ำใส ไม่หลอกหนอ

    ในสงสาร มีนิพพาน อยู่มากพอ

    แต่ละข้อ งวยงง ชวนสงกา

    ♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥

    พระตรัสให้ ตัดป่า อย่าตัดไม้

    ไม่เข้าใจ ตัดได้ อย่างไรหนา

    รู้แยกน้ำ จากแม่น้ำ ตามว่ามา

    จึงนับว่า ผู้ฉลาด สามารถเอย

    ♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥

    "หัวข้อธรรมในคำกลอน"

    พระธรรมโกศาจารย์

    ♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥♥



    สนับสนุนข้อคิดนานาสาระโดย:

    เสี่ยวเอ้อ xchange.teenee.com
     
  3. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ผู้มีทุกข์นั่นแหละ จึงมีความเพลิดเพลิน


    สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระอัญชนวัน เขตเมืองสาเกต

    ครั้งนั้น เมื่อราตรีปฐมยามสิ้นไปแล้ว กกุธเทวบุตร เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาค

    ได้กราบทูลว่า

    ข้าแต่ภิกษุ พระองค์ไม่มีทุกข์บ้างหรือ ความเพลิดเพลินไม่มีบ้างหรือ

    ความเบื่อหน่ายไม่ครอบงำพระองค์ผู้ประทับนั่งแต่พระองค์เดียวบ้างหรือ ฯ

    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

    ดูกรท่านผู้อันคนบูชา เราไม่มีทุกข์เลย และความเพลิดเพลินก็ไม่มี

    อนึ่ง ความเบื่อหน่าย ก็ไม่ครอบงำเราผู้นั่งแต่ผู้เดียว ฯ

    กกุธเทวบุตรกราบทูลว่า

    ข้าแต่ภิกษุ ทำไมพระองค์จึงไม่มีทุกข์ ทำไมความเพลิดเพลินจึงไม่มี

    ทำไมความเบื่อหน่าย จึงไม่ครอบงำพระองค์ผู้นั่งแต่ผู้เดียว ฯ

    พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

    ผู้มีทุกข์นั่นแหละ จึงมีความเพลิดเพลิน ผู้มีความเพลิดเพลินนั่นแหละ

    จึงมีทุกข์ ภิกษุย่อมเป็นผู้ไม่มีความเพลิดเพลินไม่มีทุกข์ ท่านจงรู้อย่าง

    นี้เถิด ผู้มีอายุ ฯ

    กกุธเทวบุตรกราบทูลว่า

    นานหนอ ข้าพระองค์จึงพบเห็นภิกษุ ผู้เป็นพราหมณ์ดับรอบแล้ว

    ไม่มีความเพลิดเพลิน ไม่มีทุกข์ ข้ามพ้นเครื่องข้องในโลกแล้ว ฯ

    สรุปในพระสูตรนี้


    มีทุกข์ เพราะมีความเพลิดเพลินเป็นสาเหตุ(สมุทัย)

    เมื่อไม่มีความเพลิดเพลิน ก็ไม่มีทุกข์

    การดับทุกข์ ก็คือการดับเหตุแห่งทุกข์

    - - - - - - - - - -

    ทุกข์ คือ สิ่งที่ต้อง กำหนดรู้

    สมุทัย คือ สิ่งที่ต้อง ละ

    นิโรธ คือ สิ่งที่ต้อง ทำให้ได้,ถึง

    มรรค คือ วิถีทางที่ต้อง นำมาปฏิบัติ


    คำย่อ " รู้ ละ ทำ ทาง "




    สนับสนุนข้อคิดนานาสาระโดย:
    คุณน้ำใส xchange.teenee.com
     
  4. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    กิจ ๑๐ ประการ ผู้ประพฤติแล้วไม่เสียใจ

    กิจ ๑๐ ประการ ผู้ประพฤติแล้วไม่เสียใจ


    ๑. เพราะไม่พูดใส่ร้ายใคร

    ๒. เพราะถามฟังความก่อนตัดสิน

    ๓. เพราะคิดเสียก่อนจึงพูด

    ๔. เพราะอดกลั้นต่อผู้อื่น

    ๕. เพราะอดพูดในเวลาโกรธ

    ๖. เพราะขอโทษเมื่อทำผิด

    ๗. เพราะไม่ฟังคำคนนินทา

    ๘. เพราะได้กรุณาต่อคนที่อับจน

    ๙. เพราะไม่หลงเชื่อข่าวร้าย

    ๑๐. เพราะเป็นมิตรที่ดีต่อทุกคน


    จาก มรดกคำสอนพระพุทธเจ้าหลวง

    สนับสนุนข้อคิดนานาสาระโดย:
    คุณน้ำใส xchange.teenee.com
     

    ไฟล์ที่แนบมา:

    • 15486.jpg
      15486.jpg
      ขนาดไฟล์:
      88.6 KB
      เปิดดู:
      218
  5. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ไก่งามเพราะขน คนไม่งามจึงต้องแต่ง, คนกับไก่ ไม่ต่างกันในเรื่องของกิเลส





    ไก่ชอบแต่ข้าวสาร ไม่ชอบเพชรพลอย มันมองเห็นเพชรพลอยเป็นแค่หินไร้ค่า

    แต่คนเรากลับเอาหินเหล่านั้น มาประดับประดาตกแต่งร่างกาย แล้วพากันชื่นชม

    ว่างามเลิศวิไล แสดงว่าร่างกายคนเราแท้จริงไม่มีความงามอะไรเลย

    จึงต้องพึ่งพาสิ่งภายนอก ไก่ไม่อาบน้ำเดือนหนึ่งก็ยังอยู่ได้ปกติ

    ส่วนคนเราสิ ลองเอานางงามที่ได้มงกุฎโลกคนปัจจุบัน

    ลองไม่อาบน้ำสัก 7 วัน ก็ไม่รู้ว่ากลิ่นตัวนางงามนั้นจะเหม็นหึ่งขนาดไหน







    ความจริงแล้วองค์ประกอบทั้งห้าคือ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง และ อารมณ์ทั้งห้า

    คือ รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส มันก็อยู่ของมันตามธรรมชาติ

    แต่อุปาทานของคนเราไปยึด ปรุงแต่ง กลายเป็นอันนี้ ดี อันนี้ เลว

    คือเราไปสมมุติกันทั้งนั้น แล้วสมมุตินี้แหละก็เข้ามาบีบคั้นจิตใจให้เกิดแรงปรารถนา

    ความดิ้นรน กระเสือกกระสนจึงตามมาอย่างไม่สิ้นสุด นี่คือบ่อแห่งทุกข์ขนาดใหญ่

    ที่หลอกให้คนตกลงไปแล้ว หลง วนเวียน อยู่จนเราเคยชิน

    เปรียบเหมือนปลาที่ไม่เห็นน้ำ นกไม่เห็นฟ้า จึงยากที่จะรู้สึกตัว

    และถอนตนขึ้นจากบ่อแห่งทุกข์นี้ได้







    จากหลักคำสอนของหลวงพ่อพุทธทาส และ หลวงพ่อชา



    สนับสนุนข้อคิดนานาสาระโดย:

    คุณน้ำใส xchange.teenee.com
     
  6. ง้วนดิน

    ง้วนดิน เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    17 กุมภาพันธ์ 2006
    โพสต์:
    2,362
    ค่าพลัง:
    +11,047
    คำคมของครูบาอาจาร์ยที่เคารพ

    <!-- currently active users --><TABLE class=tborder cellSpacing=1 cellPadding=6 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=thead>ขณะนี้มีคนกำลังดูกระทู้นี้อยู่ : 2 คน ( เป็นสมาชิก 2 คน และ บุคคลทั่วไป 0 คน ) </TD><TD class=thead width="14%"></TD></TR><TR><TD class=alt1 width="100%" colSpan=2>ง้วนดิน, พ่อมดโลจิ </TD></TR></TBODY></TABLE><!-- currently active users -->

    หวัดดี.....โหน่ง
    โมทนา...สาธุ...กับคำครูดีดีที่นำมาให้อ่านจ้า
     
  7. Qiao

    Qiao Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 มกราคม 2007
    โพสต์:
    15
    ค่าพลัง:
    +62
    "ความไม่ยั่งยืน เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และแน่นอน ความยิ่งใหญ่คือความไม่ยั่งยืน ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ คือชีวิตที่อยู่ด้วย ทาน ศีล เมตตาและกตัญญู ชีวิตที่มีความดีอาจมิใช่ความยิ่งใหญ่ แต่ชีวิตที่ยิ่งใหญ่ต้องอาศัยคุณธรรมความดีเท่านั้น"
    หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต

    "ความสงบเท่านั้น เป็นความชนะหมดทั้งโลก เมื่อยังไม่สงบก็ยังไม่ชนะ ผู้มุ่งชนะก็ควรหาความสงบ"
    หลวงปู่อ้วน ติสโส

    "การศึกษาธรรม ด้วยการอ่านการฟัง สิ่งที่ได้ก็คือสัญญา การศึกษาธรรมด้วยการลงมือปฏิบัติ สิ่งที่เป็นผลของการปฏิบัติคือ ภูมิธรรม"
    หลวงปู่ดูลย์ อตุโล

    "เมื่อผู้ใดพิจารณาความตายอยู่ทุกลมหายใจเข้าออกนั้นจึงจะเป็นผู้ไม่ประมาท หายใจเข้าแล้วไม่หายใจออกก็ตาย หายใจออกแล้วไม่สูดเข้าอีกก็ตาย เป็นอยู่อย่างนี้ เรียกว่าเป็นผู้ไม่ประมาท"
    หลวงปู่เทสก์ เทสรังสี

    "เกิด แก่ เจ็บ ตาย ล้วนเป็นทุกข์ วิญญาณที่ล้มหายตายจากไม่ได้ผุด ไม่ได้เกิดย่อมเป็นทุกข์มากกว่า ทนทรมานสังขารก็พอบรรเทา แต่ทรมานวิญญาณนั้นสาหัส ธรรมะเท่านั้นที่จะช่วยให้หลุดพ้นจากการทรมานนั้น ๆ"
    หลวงปู่แหวน สุจิณโณ

    "กินน้อย นอนน้อย พูดน้อย คือนักปฏิบัติ กินมาก นอนมาก พูดมาก คือคนโง่"
    หลวงปู่ชา สุภัทโท

    "อยากสวยให้ถือศีล อยากรวยให้ทำทาน อยากปัญญาชาญให้ภาวนา"
    หลวงปู่ฝั้น อาจาโร

    ที่มา : หนังสือสุดยอดโอวาทคติธรรมคำสอนของพระอาจารย์ดัง

    อิอิ เพิ่งซื้อมาอ่าน แบ่ง ๆ ความรู้กันเจ้าค่ะ
     
  8. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ถูกนินทาว่าร้าย คิดอย่างไรจึงจะหายทุกข์

    • 1. เป็นธรรมดาของโลก ให้คิดว่านี่เป็นธรรมดาของโลก ไม่เคยมีใครสักคนบนโลกนี้ที่รอดพ้นจากคำนินทา เพราะแม้แต่พระพุทธเจ้าของเรา ขนาดท่านเป็นผู้ที่ประเสริฐบริสุทธิ์สูงสุด แต่ท่านก็ยังไม่พ้นถูกคนพาลกล่าวโจมตีว่าร้ายจนได้ แล้วนับประสาอะไรกับเราที่เป็นแค่คนธรรมดาสามัญที่ยังมีทั้งดีและชั่วจะรอดพ้นปากคนนินทาไปได้ คิดอย่างนี้แล้วจะได้สบายใจว่า การถูกนินทานี่เป็นแค่เรื่องธรรมดา เกิดขึ้นมาพร้อมกับโลก (โลกธรรม) และ ยังคงมีอยู่ต่อไปตราบชั่วฟ้าดินสลาย


    • 2. ให้มีจิตใจมั่นคงดุจภูผา ถ้าเรามีความบริสุทธิ์ใจ ทำการงานด้วยความตั้งใจปรารถนาดี แต่แล้วก็ยังไม่พ้นถูกคนนินทา กล่าวร้ายว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ก็ขอให้เรามีความมั่นใจในความดีของเรา อุปมาภูผาหินแท่งตันไม่หวั่นไหวในลมพายุฉันใด บัณฑิตผู้มีจิตใจหนักแน่นในความดี ย่อมไม่หวั่นไหวในคำสรรเสริญ และ คำนินทาแม้ฉันนั้น


    • 3. ให้มีจิตเมตตาสงสารผู้นินทา ให้คิดด้วยความเมตตากรุณาว่า คนที่นินทาเรานั้น ย่อมกระทำไปด้วยความอิจฉาริษยา เขาจะต้องเผาลนจิตใจของเขาให้ร้อนรุ่มเสียก่อน จึงจะสามารถพูดนินทาว่าร้ายคนอื่นออกมาได้ ให้คิดเมตตาสงสาร แทนที่จะไปโกรธเคืองเขา

    • อนึ่ง คนที่ชอบกล่าววาจาส่อเสียด หรือ ชอบนินทาว่าร้ายผู้อื่น โดยปรกติเขาย่อมเป็นผู้หามิตรสหายที่ใกล้ชิดไม่ค่อยได้ เพราะไม่เคยมีใครไว้วางใจคนที่ชอบนินทาว่าร้ายผู้อื่น ให้คิดเห็นใจเขาในฐานะที่เขาต้องเป็นผู้อยู่ในโลกนี้ด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยว เพราะเขาย่อมหาเพื่อนแท้ไม่ได้

    • 4. คิดหาประโยชน์จากคำนินทา คนที่คิดกล่าวร้ายเรา บางทีเขาต้องไปนั่งคิดนอนคิดหาจุดอ่อนในตัวของเรา เพื่อเอามาพูดโจมตี บางทีจุดอ่อนเหล่านี้ตัวเราเองก็มีอยู่จริงแต่ทว่าเราไม่รู้ตัวมาก่อน นี้เป็นประโยชน์มาก เพราะเราสามารถนำข้อมูลเหล่านี้มาพัฒนาปรับปรุงตนเองได้ ดังนั้นเราจึงควรที่จะขอบคุณคนนินทาเรา เพราะเขาอุตส่าห์ไปนั่งคิดนอนคิดช่วยค้นหาข้อมูลมาช่วยให้เราปรับปรุงตนเอง

    • 5. คิดวิเคราะห์ให้เห็นปัญหาสังคม สังคมไทยเป็นสังคมที่มีความสัมพันธ์ในแนวดิ่ง คือเน้นเรื่องการใช้อำนาจครอบงำกันและกัน จึงมีการปลูกฝังสอนให้คิดแข่งดีแข่งเด่น คิดเหนือผู้อื่น สอนให้อยากเป็นใหญ่เป็นโต (มานะ) มาตั้งแต่โบราณ (คาดว่าไม่ต่ำกว่าห้าร้อยปี คือตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น) ทำให้คนไทยเรา เวลาเห็นใครทำดี ก็มักจะเกิดความริษยาโดยไม่รู้ตัว คือทนไม่ได้ที่จะเห็นคนอื่นดีกว่าตน สังคมที่มีความสัมพันธ์ในแนวดิ่งเช่นนี้ ผู้คนจึงมักจะชอบนินทาว่าร้ายกันและกันเป็นเรื่องธรรมดา ถ้าคิดวิเคราะห์ได้เช่นนี้แล้วก็สบายใจ ไม่ต้องไปเดือดเนื้อร้อนใจอะไรมาก ให้ถือว่าการที่เราถูกนินทานี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของปรากฏการณ์ทางสังคมก็แล้วกัน มันเป็นเช่นนั้นเอง

    • ในอนาคตไม่แน่ หากมีการศึกษาเรื่องพุทธธรรมกับสังคมไทยกันอย่างจริงจัง บางทีเราอาจจะสามารถเปลี่ยนแปลงความสัมพันธ์ทางสังคมจาก "แนวดิ่ง" ให้เป็น "แนวราบ" คือ คนไทยมีความเสมอภาคกัน ไม่ถืออำนาจเป็นใหญ่ แต่ถือความถูกต้องดีงามเป็นใหญ่ เมื่อถึงเวลานั้นสังคมที่เต็มไปด้วยการนินทาว่าร้ายก็จะลดน้อยลงไปเองตามธรรมชาติ แล้วภาษิตยอดฮิตที่ว่า "สังคมเสื่อมถอยเพราะคนดีท้อแท้" หรือ "ทำดีแต่อย่าเด่นจะเป็นภัย" จะได้เลิกใช้กันเสียที

    สนับสนุนข้อคิดนานาสาระโดย:
    Mr.ว่าอย่างไร xchange.teenee.com
     
  9. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ต่อสู้กับ "สิ่งเร้า"..ขณะทำงาน.! พุทธทาสภิกขุ

    ขณะที่ทำการงาน ต้องฝึกเห็นธรรมด้วย ต่อสู้กิเลสด้วย

    • ไม่ใช่ว่าเราจะเห็นธรรมะหรือพิจารณาธรรมะเฉพาะแต่เมื่อเวลาไปนั่งกรรมฐาน หรือไปไหว้พระสวดมนต์ เวลาอย่างนั้นไม่ค่อยมีเรื่อง เวลาที่จะพิจารณาธรรมะเห็นธรรมะนี่ เป็นเวลาที่เราทำงาน เพราะเวลาทำงานเป็นช่องทางให้กิเลสเกิด เมื่อเป็นช่องให้เกิดกิเลส เราจะได้รู้จักกิเลส จะได้ต่อสู้กิเลส จะได้กำจัดความยึดมั่นถือมั่น นี่ก็บอกอยู่บ่อย ๆ แล้วว่า ให้คลำดูบนหัว มีเขาโง้งหรือเปล่า ยกหู ชูหางหรือเปล่า เวลาเข้าใกล้เพื่อนฝูงส่งเสียง ฮื่อ ๆ แฮ่ ๆหรือเปล่า นั่นแหละเวลาที่มีประโยชน์มาก

    • เวลาที่ทำการงาน เวลาฉันอาหาร เวลาต่าง ๆ นี้ ได้เกิดความรู้สึกที่ เป็นรัก เป็นเกลียด เป็นโมโห เป็นยึดมั่นถือมั่น เกี่ยวกับกูกับมึงหรือเปล่า อะไรทำนองนี้ พอมีความคิดนึกไปในทาง ฮื่อ ๆ แฮ่ ๆ เรื่องกู เรื่องสูอะไร รีบสนใจเรื่องนั้นให้มาก ต้องฆ่ากันที่นั่น มันต้องมีตัวสิ่งที่เราจะฆ่า จึงจะฆ่าได้

    • ถ้าไปกางกลดอยู่บนภูเขา สบาย นอนหลับไปเลย อย่างนี้ก็ไม่มีอะไร ไม่มีเรื่องที่จะต้องฆ่า ต้องฟัน ต้องรบ แล้วก็ไปทำเพ้อ ๆ ไปตามระเบียบที่วางไว้ พอให้แล้ว ๆ ไปแล้วก็ตั้งให้เป็นโสดา สกิทาคา นี้น่าหวัว พอมากระทบอะไรเข้าจริงก็หวั่นไหว มีหูยาว หางยาว เขายาว อะไรนี้มากนัก

    พิจารณาดูกันเถอะว่า มันมีฮื่อมีแฮ่กันหรือเปล่า? เมื่อฉันอาหาร เมื่อทำการงานนี้ เมื่อประชุม ส่งเสียงบ๊งเบ๊ง ล้งเล้ง ด้วยโทสะจริตหรือเปล่า มีสายตาค้อนควักคนอื่นหรือเปล่า มีการประชดประชันคนอื่นหรือเปล่า มีการอยากให้คนอื่นคิดว่าต้องยกเราเป็นหัวหน้า ต้องเชื่อฟังเรา อย่างนี้หรือเปล่า นี่คือกิเลสที่เลวที่สุดของพวกยึดมั่นถือมั่น คือว่า เป็นผู้อยากจะให้คนอื่นยอมแพ้ ว่าทุกคนต้องเชื่อฟังเรา นี้เป็นอันดับต่ำสุดของพวกยึดมั่นถือมั่น คนชนิดนั้นตกนรกทั้งเป็นอยู่ทุกชั่วโมง ทุกนาที แม้จะอยู่ในวัดนี้

    แท้ที่จริงไม่มีเวลาที่หัวใจโปร่ง เป็นความสะอาด สว่าง สงบ และรู้จักพระพุทธเจ้า แต่ก็ยังยกหู ชูหาง จะให้ผู้อื่นคิดว่าตัวเป็นผู้ที่มีธรรมะอยู่นั่นแหละ ให้ตัวเป็นผู้มีคุณธรรมสูงกว่าผู้อื่นอยู่ เป็นอย่างนั้นเรื่อยไป เป็นธรรมชาติอย่างนี้เอง ธรรมชาติของกิเลส นี่คือคนที่ตกนรกทั้งเป็นอยู่ทุกทุกนาที ทั้งวันทั้งคืน ไม่มีระยะสักระยะหนึ่ง ที่ว่างเว้น ที่หัวใจจะสะอาด สว่าง สงบ แล้วเห็นพระพุทธเจ้าได้

    คนบางคนพอมาเข้ากลุ่มสังคมกัน ก็กรุ่นอยู่แต่ที่จะให้คนอื่นยกย่องตัว

    ว่าเป็นผู้ถูก ผู้เก่ง ผู้เลิศ ทุกคนต้องฟังคำสั่งกู อย่างนี้ นี้เป็นหลักธรรมดาทั่วไปไม่ว่าใคร มีกิเลสพื้นฐานอย่างนี้ทั้งนั้น แต่ว่าใครมีบุญก็เบาบางไป มีเวลาที่สงบบ้าง พอที่จะนึกเห็น หรือมีการพักผ่อน มองดูว่า อ้าว เป็นอย่างนี้ นั่น เป็นอย่างนั้น อาการต่าง ๆ ในจิตแตกต่างกันอย่างนี้ ก็จะได้ขวนขวายปฏิบัติธรรม ทีนี้ถ้าใครเป็นบ้าถึงขนาดที่กล่าวมานั้น อย่าได้โกรธเขาเลย ช่วยกันสงสารให้มากอย่าไปออกรับ อย่าไปต่อล้อต่อเถียง อย่าไปเป็นคู่ปรปักษ์ หรือศัตรู จงสงสารเขาให้มาก ถ้าเขาคลั่งจัดขึ้นมานัก ก็แอบไปหัวเราะกันอยู่ลับ ๆ ให้เขาบ้าคนเดียวอย่างนั้น แล้วก็คงจะดีขึ้นบ้าง

    ผมจึงยืนยันว่า การทำวิปัสสนาในการงานนี้วิเศษที่สุด เหมืนที่เราทำอยู่ทุกวันนี้ พวกคุณอาจจะคิดว่าผมจะหลอกใช้งานคุณก็ตามใจ ก็ได้เหมือนกัน แต่ว่าในใจแท้จริง ผมรู้สึกว่าเป็นวิธีลัดที่สุด ที่จะรู้จักกิเลส รู้จักความยึดมั่นถือมั่น และรู้จักวัดหู วัดหาง วัดเขา วัดอะไรของตัวเอง ว่าสั้นยาวเท่าใด ฉะนั้นขอให้เอาไปพิจารณาดู เพื่อจะขูดเกลาให้กิเลสเบาบางลง ให้ว่างลง ให้สงบลง จะได้เห็นพุทธะ เห็นธรรมะกันเสียบ้าง ให้เห็นว่าความไม่มีกิเลสที่เป็นเหตุให้ยกหูชูหางนี้เป็นอย่างไร วิเศษแค่ไหน

    • ความสะอาด สว่าง สงบ อยู่ที่ตรงไหน จะหาพบที่นี่ ที่ขณะทำงานนั้น ไม่ได้หาพบเพราะการไปนั่งคิด ๆ นึก ๆ สันนิษฐาน ใช้เหตุผลทั้งนั้น ผมเคยมาแล้ว ผมจึงขี้เกียจที่จะไปกางมุ้ง กางกลด นั่งในที่สงบ แล้วคิด ๆ นึก ๆ โดยการใช้เหตุผลอย่างนี้ ผมเคยทำมาแล้ว มันช่วยไม่ได้ ใครไม่เคยก็ไปลองดู แต่ถ้าว่า กลางวันมาต่อสู้กับอารมณ์นี้ แล้วกลางคืนเก็บไปคิดไปนึกนั้นดี ดีที่สุด กลางวันต่อสู้กับอารมณ์ เป็นยักษ์ เป็นมาร เป็นเทวดา เป็นพรหม เป็นอริยะ เป็นอะไรหลา ๆ อย่าง ในวันหนึ่ง ๆ นี้ พอค่ำลงเอาไปคิดนึก จะได้สงสารตัวเองให้มาก ละอายให้มาก กลัวให้มาก แล้วจะค่อย ๆ ดีขึ้น ๆ ดีขึ้น ๆ


    "ผู้ใดเห็นธรรม ผู้นั้นเห็นพระพุทธเจ้า"

    พุทธทาสภิกขุ


    สนับสนุนข้อคิดนานาสาระโดย:
    เสี่ยวเอ้อ xchange.teenee.com
     
  10. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    คนฉลาด..ย่อมไม่เคยคิดว่า..คนอื่นโง่

    • คนฉลาดย่อมไม่เคยคิดว่าคนอื่นโง่และคนโง่มักคิดว่าตนเองฉลาด คนที่ดูถูกคนอื่นว่าโง่ บางทีตัวเองอาจโง่ยิ่งกว่า และมีแต่ละบุคคลประเภทนี้เท่านั้น ที่มักถูกผู้อื่นหลอกลวงอยู่เสมอ

    • สิ่งที่เราไม่ชอบ บางครั้ง ... เราก็จำเป็นต้องรู้ อย่าปิดกั้นตัวเองให้ห่างไกลจากสิ่งที่ไม่ชมชอบเลย เพราะในโลกนี้สิ่งที่ทำร้ายเราได้ง่ายที่สุด ก็คือ สิ่งที่เราไม่ยอมรู้และไม่เคยเข้าใจ

    • ชีวิตเป็นของเธอ ทางเดินชีวิตย่อมเป็นของเธอ สองขาของเธอ จงก้าวไปตามทางนั้น ทำในสิ่งที่เธอถนัดและเข้าใจ เธอจะไปได้ดีเท่าที่เธอควรจะไป หากอยากจะถามหาความจริงใจจากใครต่อใคร ต้องเริ่มถามหาที่ตัวเธอเองก่อนว่ามีความจริงใจเพียงพอหรือไม่

    • ชีวิต..ไม่เคยมีคำว่าสาย หากก้าวหลงเดินทางผิด ย่อมกลับมาเริ่มต้นใหม่ได้ อาจจะช้ากว่าที่ควรจะเป็นไป แต่ก้อยังดีกว่าดิ่งลึก จมลงในความเลวร้ายทุกที ทุกที

    • อย่าพยายามยัดเยียดความสุขหรือสิ่งที่เราคิดว่าดีให้กับใครต่อใคร เพราะมันอาจจะกลับกลายเป็นความทุกข์ ทุกข์ทั้งผู้ให้ ทุกข์ทั้งผู้รับ


    เคยถามตัวเองบ้างไหมว่าชีวิตต้องการอะไร ? ถาม ... และหาคำตอบให้แน่ใจ และเข้าใจให้ถ่องแท้ เมื่อนั้นเราจะก้าวต่อไปข้าวหน้าอย่างเชื่อมั่น และถูกทิศทางกว่าเดิม โลกเรายังคงหมุนไปทุกวัน หากวันนี้เราหยุดนิ่ง พรุ่งนี้ ......... เราก็แทบวิ่งตามไม่ทัน

    • ชีวิตที่มีคุณค่า คือการใช้เวลาที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า อย่าปล่อยให้วันเวลาผ่านไปอย่างเปล่าประโยชน์เลย มาเริ่มต้นสรรค์สร้างสิ่งดีดีให้กับชีวิตของเราเถิด

    อย่าไปคิดว่า คนที่นั่งอยู่ในร่มไม้กลัวแสงแดด อย่าไปคิดว่าคนที่ฟุบหลับอยู่นั้นเป็นคนเกียจคร้าน อย่าไปคิดว่า คนที่หกล้มเป็นคนอ่อนแอ


    จงอย่าใช้เหตุผลของเธอ ตัดสินความหมายในสิ่งที่เธอเห็น โดยที่ไม่รับฟังเหตุผลจากอีกฝ่ายหนึ่งให้ดีเสียก่อน

    ขอขอบคุณ : ข้อมูลที่เป็นประโยชน์
    จาก หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
     
  11. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    มิตตวินทุกะ....มานพผู้หัวดื้อ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว

    อดีตกาลนาน นมเน...มีบุตรเศรษฐีชื่อมิตตวินทุกะ เป็นคนหัวดื้อ ไม่นับถือพุทธศาสนา แม่บอกว่าจะให้เงิน 1 พันตำลึง ถ้าลูกชายไปถือศีลฟังเทศน์

    มิตตวินทุกะไปวัดรับศีล 8 แล้ว ไม่ฟังเทศน์ หลบไปนอนรุ่งเช้ากลับบ้าน แบมือขอเงินค่าจ้าง

    วันหนึ่ง มิตตวินทุกะอยากจะไปค้าสำเภา...กับเพื่อนพ่อค้า 500 คน แม่ไม่ยอม ไปยืนขวางทางลงเรือ มิตตวินทุกะถีบแม่ล้มคว่ำ แล้วก็กระโดดลงเรือ

    เรือแล่นไปกลางทะเล ทำท่าจะจม มีการแจกสลากกาลกิณี มิตตวินทุกะจับสลากถูกสามครั้ง

    จึงต้องถูกจับลอยแพ

    แพลอยไปถึงเกาะแรก ได้ 4 นางเปรต สวยเหมือนนางฟ้าเป็นเมีย แล้วก็เบื่อ ลอยแพต่อไปเกาะที่ 2 ได้ 8 นางเปรตเป็นเมีย ถึงเกาะที่ 3 ก็ได้ 16 นางเปรตเป็นเมีย นี่คือผลบุญของการรับศีล 8

    ลอยแพต่อไปถึงเกาะที่ 5 เจอสัตว์นรกตนหนึ่ง มีจักร-กรดบดขยี้ศีรษะ เลือดไหลอาบทั้งตัว

    ผลกรรมที่ถีบแม่ มิตตวินทุกะมองเห็นจักรกรด เป็นดอกบัว เห็นเลือดที่ไหลอาบร่างเป็นสร้อยสังวาล จึงออกปากขอ สัตว์นรกก็เต็มใจให้เพราะวิบากกรรมที่ถีบแม่

    ชาดกเรื่องนี้ เป็นที่มาของสำนวน เห็นกงจักรเป็นดอกบัว ...

    สนับสนุนข้อคิดนานาสาระโดย:
    เงามายา xchange.teenee.com
     
  12. Forest_Sa

    Forest_Sa เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 พฤศจิกายน 2005
    โพสต์:
    722
    ค่าพลัง:
    +1,444
    ขอบคุณมากครับ สำหรับ คำคม จากทุก ๆ ท่าน ที่สรรหามาให้อ่าน
     
  13. satan

    satan เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    15 ตุลาคม 2004
    โพสต์:
    5,015
    ค่าพลัง:
    +17,915
    ขอบคุรครับ จะหามาให้อ่านกันเรื่อยๆครับ
     

แชร์หน้านี้

Loading...