เขาว่า...กรารับขันธ์ อันตรายถึงชีวิต

ในห้อง 'ดูดวง และ ทำนายฝัน' ตั้งกระทู้โดย เทพกามาวจร, 5 ตุลาคม 2011.

  1. เทพกามาวจร

    เทพกามาวจร สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +3
    การรับขันธ์อันตรายถึงชีวิต
    จากเว็บไซต์ sanyana.com และ saisunya.com / เราขอขอบคุณมา ณ ที่นี้
    มีผู้คนจำนวนมากถูกทักว่า "มีองค์" เป็นช่องทางทำมาหากินของพวกมิจฉาชีพ อาศัยช่องทางของเรื่องลี้ลับมาหลอกลวงต้มตุ๋น แท้จริงแล้วมนุษย์เราเกิดมามีองค์เทพปกปักษ์รักษาอยู่แล้ว ตำหนักทรง ร่างทรงต่างๆ หลอกให้ไปรับขันธ์ ล้วนแล้วแต่เป็น "ผี" หรือ " สัมภเวสี" ทั้งสิ้น!!

    เนื่องจากผีเหล่านี้ร่อนเร่พเนจร ไม่มีสังขาร จึงมาอาศัยร่างมนุษย์เกาะกินบุญ ทำบุญไปเท่าไหร่สัมภเวสีพวกนี้เอาไปหมด ทำบุญมาก แต่ชีวิตก็ไม่ดีขึ้น มันจะดีได้อย่างไรในเมื่อท่านไปรับ "ผีเข้าตัว" บางขันธ์มีเป็นสิบวิญญาณ ขึ้นอยู่กับสำนักไหน สำนักที่เป็นเสือสมิง บรรดาที่ถูกหลอกรับขันธ์มาก็เป็นวิญาณเสือสมิงเข้าตัวทั้งนั้น ที่ผ่านมาปราบไปเป็นจำนวนมาก

    ร่างทรงต่างๆ ไม่รู้ว่าตัวเองถูกผีเข้า แต่เข้าใจว่าเป็นเทพเจ้า อ้างตนเป็นเทพองค์ใหญ่ๆ เพราะถ้าบอกว่าเป็นผี.. ก็คงไม่มีใครศรัทธาเชื่อถือ เลยอ้างตนเป็นพระแม่อุมาบ้าง พระศิวะบ้าง พระพิฆเนศบ้าง พระพรหมบ้าง เสด็จพ่อ ร.5 บ้าง (ท่านไม่มาดูหมอดูดวง หรือมายุ่งกับเรื่องผัวเมีย ทำนายทายทักอะไรเพราะท่านไม่มีหน้าที่จุกจิกกับเรื่องแบบนี้) บ้างก็อ้างเป็นกรมหลวงชุมพรบ้าง พระเจ้าตาก ฯลฯ ก็วนเวียนกันอยู่แค่นี้ เพราะกษัตริย์ไทยดังๆ มีอยู่ไม่กี่องค์ หากินง่าย ยิ่งเป็น ร.5 ก็หลอกคนได้มากที่สุดเพราะคนนับถือเยอะ ..

    แท้จริงแล้ว ใครทรงเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน แจ้งความให้ตำรวจจับได้เลย ถือว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ กฏหมายเค้ามีอยู่
    (แต่ก็เห็นมีพวกตำรวจ ลูกเมียตำรวจ ไปเป็นลูกค้าพวกร่างทรงก็มีนะ เห็นเข้าตำหนักกันเยอะ เจริญละ...)

    ผู้ที่รับขันธ์มา ส่วนใหญ่แล้วชีวิตอัปปาง วิบัติ ลมสลายเกือบทุกรายไป ที่ยังไม่ออกเหตุก็เพราะบุญยังเยอะ สุดท้ายจบลงด้วย โรคมะเร็ง เบาหวาน พิการ อัมพาต หรืออุบัติเหตุแทบทั้งสิ้น รวมถึงเจ้าของตำหนักคนทรงก็ตามมักจะจบชีวิตด้วยเหตุนี้ โดนผีกัดกินอวัยวะภายในให้เจ็บป่วยในบั้นปลายชีวิต...บ้างก็ล้มตายด้วยอุบัติเหตุไปเลย!!!

    ที่ผ่านมามีผู้ทนทุกข์ทรมานจากการรับขันธ์แล้วผีเข้าเป็นจำนวนมาก บางคนหมดเงินไปเป็นล้านๆ บางคนก็ถอนเอง แต่ส่วนใหญ่จะทำไม่ถูกวิธี ..ทิ้งขันธ์ไปก็มี แต่วิญญาณในขันธ์นั้นยังเกาะอยู่ที่เดิม..!! ถึงจะเหลือแต่ขันเปล่าๆ ก็ผีมันยังสิงสถิตไว้ที่เดิมอยู่ดี

    งานพิธีไหว้ครูต่างๆ เป็นการเต้นรำ บรรดาผีต่างๆ แต่งตัวมาเลียนแบบเทพ กันสนุกสนาน ท่านสังเกตุเกิดว่า พระแม่กวนอิมต้องมาฟ้อนรำกับกุมาร หรือพระศิวะ กุมารต่างๆ หรือมหาเทพอย่างพระแม่อุมา จะมาฟ้อนเต้นแร้งเต้นกากับผี หรือกุมารต่างๆ อย่างนั้นหรือ..???

    แท้จริงแล้วเทพต่างๆ ล้วนอิ่มทิพย์ ไม่ต้องมาทรมานสังขารมนุษย์ เพราะมันเป็นบาป นั่งสั่นๆ หงายท้อง เคี้ยวหมาก หรือดูดบุหรี่ทีละ 4-5 มวน อันนั้นมันผีชัดๆ หรือพูดจาด่าทอสาปแช่งมนุษย์ หากมีจิตใจไม่ดี หรือไม่มีศีลธรรมคงไม่เป็นเทพหรอกครับ ยกเว้นพวกผีชั้นต่ำเท่านั้น!!

    บางตำหนักทรงก็เป็นผีชั้นดี ต้องการสร้างบุญจริงๆ ไม่เก็บเงินใดๆ เอาไปทำบุญ แต่หากให้รับขันธ์ ก็ผิดอีกนั้นแหละ ไปเอาพวกผีด้วยกันมาใส่ตัวชาวบ้านให้ได้รับความเดือดร้อนกัน

    บางท่านไม่ได้รับขันธ์ แต่เข้าไปร่วมด้อมๆมองๆในบริเวณตำหนักทรง ก็โดนสัมภเวสีเข้าแทรกได้เช่นกัน มีอาการแปลกๆ ดังที่เห็นได้ในงานพิธีของตำหนักทรงต่างๆ บางครั้งเห็นว่าเพียงพรมน้ำมนต์ก็จะสงบลง แต่จริงๆแล้วผียังไม่ออกนะครับ...ผลสุดท้าย ตำหนักทรงนั้นเพียงเอาเรื่องนี้มาทำมาหากิน ขายพานดอกไม้ ขายผลไม้ถวายเทพในราคาแพง ขายวัตถุมงคลของปลอม ฯลฯ

    มนุษย์เรา ไม่เข้าใจเรื่องของกฏแห่งกรรม ไปเอาไสยศาสตร์หรือวิชาต่ำๆมาคุ้ม ถึงได้ถูกผีเข้ากันมากมาย ใครรู้ตัวถอยออกมาก่อน ก็นับว่าเป็นบุญ...


    ความเข้าใจเรื่องการรับขันธ์
    ขันธ์ 5 ของมนุษย์นั้น ประกอบไปด้วย รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์

    แต่....ตำหนักทรงต่างๆ จะบิดเบือนว่า ขันธ์ 5 คืออย่างเดียวกับ ศีล 5 (ตั้งใจหลอกลวงเพื่อให้ทำพิธีรับวิญญาณเข้าตัว)

    ผี วิญญาณ จะมีขันธ์เพียง 3 ขันธ์ คือ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ วิญญาณขันธ์ จึงต้องอาศัยการแต่งขันธ์ 5 ของมนุษย์ ที่จัดตบแต่งขึ้นมาเป็นตัวแทนของตน ว่าได้ยอมรับเป็นร่างให้กับเทพองค์นั้น ๆ และยังหมายถึงข้อตกลง ระหว่างเทพกับมนุษย์ผู้ตกลงปลงใจยอมรับหน้าที่เป็นสังขารขันธ์ให้กับองค์เทพผู้นั้นไว้ใช้ร่างของตนสร้างบารมี โดยมีองค์เทพผู้ทำพิธีมอบขันธ์ให้เป็นสักขีพยาน หากแม้นมีใครระหว่างเทพกับมนุษย์มีการผิดข้อตกลง ก็ต้องเดือดร้อนถึงผู้เป็นครูที่เป็นสักขีพยาน จะต้องทำหน้าที่ว่ากล่าวตักเตือนผู้กระทำผิดต่อไป

    ความหมายของขันธ์ต่างๆ

    ขันธ์ 5 หมายถึง รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ

    ขันธ์ 8 หมายถึงการรับ ศีล 8 ซึ่งจะต้องประพฤติพรหมจรรย์ ห้ามร่วมหลับนอนฉันท์สามีภรรยา งดเว้นอาหารมื้อเย็น สวดมนต์ไหว้พระ เจริญสมาธิภาวนา เหมือนการถือศีลบวชพราหมณ์นั่นเอง

    ขันธ์ 9 หมายถึงการรับ ศีลอุโบสถ ถือศีล 8 เคร่งครัด เด็ดดอกไม้ก็ไม่ได้ ดมดอกไม้หรือเครื่องหอมก็ไม่ได้ กินแต่อาหารเจ หรือมังสวิรัติ

    ขันธ์ 10 หมายถึง ศีลของสามเณรหรือสามเณรี ก็เท่ากับการถือบวชโดยถือสิกขาบท 10 ประการ

    ขันธ์ 16 หมายถึง ศีลของนักบวช 227 ที่มุ่งการบำเพ็ญสมาธิภาวนา กินอาหารมือเดียว งดเว้นของสดของคาว กินแต่ผลไม้ เผือกมัน ไม่เที่ยวเดินพลุกพล่าน อยู่ด้วยการสำรวมปฏิบัติ นั่งสมาธิเป็นที่เป็นทาง แทบจะทำตัวเหมือนนักบวช เพียงแต่เป็นการบวชใจไม่ได้บวชกายเท่านั้น

    ดังนั้นหากถือปฏิบัติตามที่กล่าวมาแล้วไม่ได้ ก็จงอย่าได้รับขันธ์เลย หากแม้นมีใครแนะนำให้รับก็จงพิจารณาให้ถ้วนถี่เสียก่อน เพราะการรับขันธ์นั้นไม่ใช่เพียงนำมาบูชาเท่านั้น จะต้องปฏิบัติเป็นประจำด้วยก็คือ การสวดมนต์ไหว้พระ หรือเทพที่บูชา โดยเฉพาะการนั่งสมาธิ ต้องนังสมาธิให้ถึงขั้นสูงสุดเท่าที่ชีวิตนี้จะทำได้ รวมถึงการแผ่เมตตาถึงสรรพสัตว์ ไม่เช่นนั้นแล้วอาจสร้างปัญหาให้เดือดร้อนได้ เพราะถือว่าผิดสัจจะที่รับมา


    คำแนะนำเรื่องการรับขันธ์
    ดังนั้นถ้าไม่จำเป็นจริงๆ จะมีองค์หรือไม่ก็ตาม ก็จงอย่าไปรับขันธ์เลย ถ้าท่านหมั่นสวดมนต์ไหว้พระ นั่งสมาธิ แผ่เมตตาถึงครูบาอาจารย์ และองค์เทพที่คุ้มครองตนเอง ก็น่าจะเพียงพอแล้ว เพราะการที่เทพมาอยู่กับเราก็ด้วยเหตุที่ได้กล่าวไว้ข้างต้น คือปรารถนาจะได้ร่วมสร้างบารมี และช่วยเหลือผู้ที่เคยเกี่ยวข้องกันมาก่อน พาร่างสร้างบารมีทำบุญไหว้พระ สร้างแต่กรรมดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น

    ถ้าเราทำได้ดังนี้ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่ต้องไปรับขันธ์ เทพเป็นผู้ที่มีจิตเมตตา ย่อมไม่สร้างปัญหาใด ๆ ให้กับร่างที่จะมาอยู่ด้วย เพราะท่านกลัวบาป การที่จะทำให้เจ็บป่วยหนักหนาแสนสาหัส หรือลงโทษอะไรหนักหนาคงไม่มี นอกจากช่วยเหลือเท่านั้น แต่ที่มันเจ็บป่วยหรือมีปัญหาในหน้าที่การงาน การเงิน จนล้มละลาย มันเป็นเรื่องของวิบากกรรมที่ใครจะเข้าไปแก้ไขได้ นอกจากช่วยประคับประคองหรือดลจิตดลใจให้ไปหาผู้ที่สามารถแก้ไขวิบากกรรมส่วนนี้ได้

    ดังนั้นการที่เราได้กล่าวถึงกรณีการรับขันธ์นี้ ก็เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้ใช้วิจารณญาณในการแก้ไขตนเองให้ถูกต้อง ไม่ใช่ใช้เงินแก้ไข มนุษย์เราไม่อาจฝืนกฏแห่งกรรมได้ แต่อาจได้รับการชี้แนวทางแก้ไขได้ เพราะปัญหาต่างๆ ทั้งชีวิตความรัก การงาน สุขภาพ ฐานะการเงิน ที่รุมเร้ามนุษย์นั้น มีกรรมเป็นต้นเหตุที่สำคัญ การแก้ไขเรามาแก้กันที่ปลายเหตุมันก็ไม่จบ ต้องรู้จักต้นเหตุ เพราะเหตุเกิดที่ไหนก็ดับที่นั่น...
    ธนากร ปุสสวงษ์ saisunya.com

    ...จึงขอให้ใช้สติพิจารณาไตร่ตรอง...

    จากเว็บไซต์ sanyana.com และ saisunya.com / เราขอขอบคุณมา ณ ที่นี้


    คุณถูกผีหลอกให้รับขันธ์รับองค์หรือเปล่า ?
    (ข้อความจาก saksitsart.com)

    คำว่า รับขันธ์ แทนที่คุณจะเป็นฝ่ายรับ คุณกลับต้องเป็นฝ่ายให้หรือเป็นฝ่ายเสียขันธ์(ห้า)ให้พวกผีห่าซาตานไป
    ขันธ์ห้าที่คุณต้องสูญเสียไปหลังจากที่คุณไปรับขันธ์ (ผี) รับองค์ หรือ รับสัญญา ยอมเป็นทาสผี

    สิ่งที่คุณต้อง สูญเสีย ให้พวกผีห่าซาตานไปก็คือ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์

    แล้วคุณจะเหลืออะไร ?

    ในเมื่อคุณหลงไปเป็นเหยื่อของพวกมันแล้ว ทุกอย่างในร่างกายของคุณตกเป็นทาสผี คุณบริจาคขันธ์ห้าให้พวกผีไปเพราะถูกพวกผีหลอก

    ถ้าคุณบริจาคสังขารบริจาคอวัยวะให้โรงพยาบาล เมื่อคุณเสียชีวิตไปแล้วเขาจึงมีสิทธิ์นำอวัยวะที่คุณบริจาคไปใช้ได้
    แต่สัญญา ขันธ์ สามารถใช้ร่างกายและจิตวิญญาณของคุณได้ ไม่ว่าคุณจะตายหรือเป็น!!!
     
  2. jj85

    jj85 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,754
    ค่าพลัง:
    +7,599
    เรื่องจริงครับ

    ใครที่มีคนบอกว่ามีองค์เชิญพบหลวงปู๋ทองอินทร์ วัดกลางคลองสี่ก่อนเรยครับ

    ไม่เสียเงินสักบาท เพียงแค่ไปเล่าให้ท่านฟังครับ
     
  3. jj85

    jj85 เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    27 พฤษภาคม 2009
    โพสต์:
    1,754
    ค่าพลัง:
    +7,599
  4. กูไม่กินPALA

    กูไม่กินPALA สมาชิก

    วันที่สมัครสมาชิก:
    5 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    144
    ค่าพลัง:
    +12
    เขาเรียกว่าองค์ลงคอมั้ง
     
  5. แจ๊กซ์69

    แจ๊กซ์69 ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต ผู้สนับสนุนเว็บพลังจิต

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 ธันวาคม 2010
    โพสต์:
    3,142
    ค่าพลัง:
    +1,960
    พระตถาคต ไม่เคยสอนให้รับขันธ์ มีแต่จะสอนให้ดับขันธ์
     
  6. เทพกามาวจร

    เทพกามาวจร สมาชิกใหม่

    วันที่สมัครสมาชิก:
    4 ตุลาคม 2011
    โพสต์:
    23
    ค่าพลัง:
    +3
    ถูกครับ..........

    แต่มีคนที่สอนแบบนี้ แล้วประสบความสำเร็จในสิ่งที่ตนเองหวังด้วยสิ.......(
    หลอกได้ดังใจ
     
  7. JKV

    JKV เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    7 พฤษภาคม 2010
    โพสต์:
    421
    ค่าพลัง:
    +201
    หุหุหุๆๆๆ

    เฮ้อๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นาๆจิตตังเนาะ

    เรื่องขันธ์ จะรับหรือไม่ เราก้อมีมันมาแล้ว ตั้งแต่เกิด คือขันธ์ทั้งห้า
    คือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
    รูป = ร่างของเราอันที่เราใช้มันอยู่นี้ คือ น้ำดินลมไฟ รวมกันขึ้น แล้ว จิตเราเข้า จุติ หรือ สิงสู่อยู่อาศัย จนกว่าร่างอันนี้จะหมดอายุการใช้งาน
    ดังนั้นไม่จำเป็นต้องให้จิตอื่นมาสิงมาทรงอีกเพราะร่างอันนี้จิตเราเป็นเจ้าของ แต่ว่านาๆจิตตัง ใครมีน้ำใจให้จิตอื่นสิงสู่อยู่อาศัยหรือทรงร่างได้ ก้อแบ่งปันกันได้ตามความพอใจ ถ้าใจกว้างพอ แบ่งๆกันใช้ เพราะยังไงอายุการใช้งาน ขึ้นชื่อว่าร่างมนุษย์ ยุคปัจุบัน มันอย่างมากก้อเกินร้อยไม่กี่ปี
    เวทนา = อาการของจิต (สุข ทุกข์ เฉย)คือ ความสุข ความทุกข์ และอารมย์เป็นกลางๆ เฉยๆ เรียกว่าเวทนา ซึ่งมันสัญจร วนเวียนเข้ามาเกิดๆดับๆ ในใจของเรา ซึ่งบางคน ทำใจเหมือนลาดจอด ปล่อยให้อารมย์ทั้งสามมันหมุนเวียนกันมาจอดตามธรรมชาติของมัน เพราะมันก้อแค่เวทนา
    สัญญา =ความจำ ความหมายที่จำได้ อันนั้นอันนี้คืออะไรตามสมมุติที่ตั้งกันขึ้น
    สังขาร = ความคิด อาการการปรุงแต่ง คิดโน่นคิดนี่ หยาบระเอียดตามจริตแต่ละคน
    วิญญาณ= หรือการรับรู้ ตาเห็น หูได้ยิน ลิ้นได้รส สัมผัสเกิด การรับรุ้ขึ้นที่ใจ เรียกว่า วิญญาญ หรือการรับรู้ที่เกิดจาก อายตนะทั้งหก มันทำหน้าที่ของมัน

    อันนี้เขาว่าขันทั้งห้า ที่เรามีกันทุกๆคนแล้วตั้งแต่เกิด
    ถ้าตายแล้วถึงจะมี สี่ขันธ์ คือไม่มีรูป เหลือแต่ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ เหมือน ผี ภูติ และอื่นๆที่ไม่มีรูป เรียกว่ากายหยาบๆ ที่ระเอียดกว่ากายสัตว์ที่มีรูปขันธ์ นิดหน่อย

    ส่วนการรับขันธ์ ตามความเชื่อมันก้ออยู่ที่ ใจ ของคนรับ
    ถ้าใจรับมันก้อยึดมั่นในสิ่งที่รับไม่ว่าจะรู้หรือ รับมาแบบ งงๆ (คือไม่รู้จริงในสิ่งที่รับมา)
    มันอยู่ที่ใจ ไม่ได้อยู่ที่ อาการทางกาย ถึงมือรับแต่ใจมันไม่รับก้อไม่เป้นผล เพราะไม่ได้ไปยึดเอา หรือ เชื่อในสิ่งที่รับและทำตามอย่างลงใจสนิทใจ ( ส่วนผลข้างเคียงที่เลี่ยงไม่ได้อาจมีบ้าง เพราะโลกอันนี้ไม่ได้มีแต่ มนุษย์เท่านั้น ถ้าสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้องเขา เขม่นว่า ใจไม่ยอมแล้วมารับทำไม หรือรับแล้วไม่ทำตามกฏ ต้องโดนกันบ้างตามกติกา )
    อันนี้อาจเกิดได้หาก สิ่งที่เกี่ยวข้องเป็นพวก มิจฉาฯ.ส่วนพวกสัมมาเขาวางเฉยใครเชื่อก้ออาจช่วยเหลือบ้างตามบุพกรรมหากเคยเกี่ยวกันมาใครไม่เชื่อก้อปล่อยไปไม่สนใจ อันนี้เป็นเรื่องสมมุติเล่าครายเครียด...เน้อๆๆๆๆนาๆจิตตังเนาะ
     
  8. วะฮะฮ่า

    วะฮะฮ่า เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    3 ธันวาคม 2009
    โพสต์:
    43
    ค่าพลัง:
    +111
    รับกาลามังจิใหญ่ดี.....
     
  9. พยัคฆ์หลับ

    พยัคฆ์หลับ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    10 พฤษภาคม 2011
    โพสต์:
    206
    ค่าพลัง:
    +83
    เล่นมุขซะผมคาดไม่ถึงเลย 555
     
  10. vitcho

    vitcho เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +748
    อะไรๆ ในโลก นี้ คนเราเกิดมา มีบุญ เป็นตัวหนุนหลัง ทั้งสิ้น...

    การที่ใคร คนนึง จะ เป็นอะไร จะทำอะไร..นั้น เป็นไปเพราะ จิตใจเดิม เขา ชอบ หรือ ติด กับสิ่ง ลี้ลับ ที่ใจเขาชอบ และเฝ้า ระลึกถึง บ่อยๆ....ทีนี้ ตัวบุญ เป็น ตัวหนุนนำ ใครก็ ตาม ที่ชอบ เทพเจ้า อะไร หรือ ชอบ อิทธิฤทธิ์ เขา จะ สร้างจินตนาการ เรื่องที่เขาชอบ..ในใจ และหาก เขา มี กุศลเก่า มากๆ...ตัว กุศล จะทำให้เป็นจริงได้ ในสิ่งที่เขา ฝัน และชอบ เมื่อไร ที่แรงบุญ หมด กำลัง เขาจะเสื่อม จากสิ่งนั้นๆไป
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 10 เมษายน 2012
  11. vitcho

    vitcho เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +748
    ยก ตัวอย่าง........

    ริว จิตสัมผัส......เขาคนนี้ เอา เจ้าพ่อ กวนอู เป็น ตัว ตั้งในความเชื่อ ของเขา และมัก ทำกิจกรรม เรื่องเจ้าพ่อ กวนอูเป็นหลัก...ผม ขอถามว่า หาก ยาขอบ หรือ ใครๆ ไม่แปล เรื่อง สามก๊ก มาให้อ่าน กันในเมืองไทย...นายริว จะรู้จัก เจ้าพ่อกวนอูมั้ย..นายริว มี กุศลเก่า ที่มา หนุนนำ เขาจึง สามารถ กระทำเรื่อง จิตสัมผัสได้ แบบที่ มีคนเชื่อ เพราะ ได้สัมผัส กับนายริว และเห็นเป็นจริงได้

    แม้ แต่ ตุ้ย เอ็กซเรย์ ก็ เช่นเดียวกัน

    ทั้ง 2 คน นี้ เขามี กุศล ที่สะสมมาพอตัว เมื่อ เขาชอบ แนวทางแบบไหน แนวทางแบบนั้น จะสนอง ใจเขาให้ ทำ สำเร็จได้ ทันที ทุกวันนี้ เขา 2คน จึง ดังได้ ในวงการและ มีคนเชื่อ เขา ซะ ด้วย.....เอวัง
     
  12. vitcho

    vitcho เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +748
    แต่ บุญ กุศล ใน แนวทาง แห่งพุทธะ นั้น...

    พระพุทธองค์ ทรงพร่ำสอนว่า ให้สร้าง บุญ ไว้ และ เก็บ กุศล ในรูป แบบการ บำเพ็ญ บารมี..คือ ไม่ ซี้ซั้วใช้ กุศล ที่มี ให้เก็บไว้ การเก้บ ของ พระพุทธองค์ คือ การ ให้เจริญ สติ เพื่อ รู้ทันสภาวะแห่งจิต จะได้ ไม่ ปล่อยกุศล ออก ทางเรื่อง งมงาย จนหมด แล้วต้องมานั่งสั่งสมใหม่..หาก กุศล ที่เรา มี อยู่ มากๆ และ เรา หมั่น ฝึก เจริญสติ มากๆ..บุญจะยิ่งหนุนเนื่อง ให้ เรา พบ สัจจะ และ สามาราถ นำจิต เข้า สู่ กระแส นิพพานได้....พระนิพพาน ไม่ใช่ ของหมูๆ ที่จะเข้าง่ายๆ คนต้องเปี่ยม บารมี และ สั่งสม กุศลพอ...การเจริญ สติ จะช่วยให้ใจคน สามารถเห็น สัจจะ (( ไตรลักษณ์))ได้เร็ว..และ เข้าสู่ นิพพานได้ ไม่ยาก
     
  13. vitcho

    vitcho เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +748
    คนส่วนใหญ่ มัก เอา กุศลตนเอง ไปใช้ แบบ อยากดัง.คนพวกนี้ มาจาก การทำสมถะ เป็น ทุน ทั้งสิ้น..เมื่อมาเกิด ใหม่ ก็ อยาก แสดง ฤทธิ์ ด้วย ตัณหา ความอยาก การ รับ ขันธ์ ..ก็ คือ การ แสดงออก ของฤทธิ์ ทางนึง มีการเข้าทรง มีการ แสดง อำนาจ แบบที่คน สามัญ ไม่รู้ แต่ พวกนี้ จะอยู่ไม่นาน แรกๆ ก็ ขลังดี มี อะไร แปลกให้เห็น อย่างเช่น การให้หวย การรักษา อาการเจ็บป่วยของคนทั่วไป หรือ แม้แต่ การ ลงเลขเสกเป่า สักยันต์ พอทำไป มีชื่อเสียง ขึ้นมา ต่อไป ลาภสักการะเกิด ก็ เริ่ม เพี้ยน และสุดท้าย ก็ เสื่อมไป ตก เวที สังคม ไป หมดความ น่าเชื่อ ถือไป มีตัวอย่างเยอะแยะ เณร แอ เอย อาจารย์ สัก ยันต์ หลายๆองค์ หรือ พวก เข้า ผี เข้าเจ้า เข้า ทรง หลายๆ องค์ เก่ง เดี๋ยวเดียว ไม่นาน ก้ เจ๊งหมด
     
  14. vitcho

    vitcho เป็นที่รู้จักกันดี

    วันที่สมัครสมาชิก:
    22 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    360
    ค่าพลัง:
    +748
    หมั่น เจริญ ภาวนา กันนะครับ...

    การภาวนา เป็นการสั่งสม บุญ และ สั่งสม บารมีธรรม ด้วย...
    ชีวิตคน เราเกิดมาไม่นาน ก็ตาย จะ ยินดี อะไร กับโลก นักหนา
    สรรพสิ่งล้วนมายา หลอกใจเราให้เพลินไป วันๆ เท่านั้น
    เราหลงใช้ กุศล ของเราหมดไป เมื่อไร จะไม่รู้ ตัวเลย
    พอหมด บุญ ทีนี้ ก็เหมือนคน จน อยู่ลำบาก การ ศึกษาแก่นธรรม ของ
    พระพุทธองคื จะช่วยปกป้อง กุศล สมบัติ ของ แต่ ละคน ได้
    หนทาง พ้น สังสารวัฎฎ์ มีทางเดียว สติปัฎฐาน 4..ทางนี้ เป้น เอกายนมรรค

    หนทางเดียว ไปคนเดียว ใครทำให้ก็ ไม่ได้...จึงชื่อ ว่า เอกายนมรรค
    พึงเจริญ ในธรรม กัน ดีกว่าครับ
     
  15. TanaDream

    TanaDream Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    16 กุมภาพันธ์ 2012
    โพสต์:
    27
    ค่าพลัง:
    +36
    เคยครอบครูตอนก่อนแสดงละครเวทีครับ ไม่รู้เรียกว่ารับขันธ์ด้วยรึป่าว ใครทราบช่วยชี้แจงด้วยนะครับ ตอนนั้นไม่รู้เรื่องอะไรเลย เข้าใจว่าเป็นการทำเพื่อเป็นสิริมงคลเฉยๆ
     
  16. เด็กแวนซ์

    เด็กแวนซ์ Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    12 มีนาคม 2012
    โพสต์:
    206
    ค่าพลัง:
    +35
    คือบางที พวกโอปาติกะที่มาติดต่อ ต้องอ้างชื่อคนดังครับอ้างเทพ ถ้าบอกริวว่า ริวเอ้ย ข้าคือ เจ้าพ่อ ควายทอง ริวจะเชื่อไหม 555
     
  17. Mareo

    Mareo Active Member

    วันที่สมัครสมาชิก:
    19 มกราคม 2012
    โพสต์:
    36
    ค่าพลัง:
    +39
    บ้านเพื่อนทำบุญบ้าน
    แล้วพ่อแม่ของเขานับถือร่างทรงอยู่คนนึง
    ร่างทรงคนนี้เป็นผู้หญิงอายุประมาณสามสิบปลายๆ
    รูปร่างอวบ และดูเหมือนตั้งท้อง
    เพื่อนเล่าให้ฟังว่า ที่ตั้งท้องเพราะเสกขึ้นมาเพื่อให้มีคนมารับช่วงต่อ
    เสกขึ้นมาก็ท้องห้าเดือนเลย (เล่าว่าเอาเจ้าหน้าที่อนามัยมาตรวจฉี่ก่อนทำพิธีเสกครรภ์
    ก่อนเสกผลตรวจไม่ท้อง หลังจากทำพิธีเสก ท้องค่อยๆใหญ่ขึ้นๆ ตรวจอีกทีปรากฎว่าท้อง ห้าเดือนเลย)

    ตอนพระสวดทำบุญบ้าน ร่างทรงคนนี้ก็ขึ้นไปสวดบนชั้นสองของบ้าน(สวดแข่งกับพระ เสียงดังมาก)
    ร่างทรงสวดอะไรไม่รู้ ไม่เคยได้ยินมาก่อน มารู้ตอนหลังว่าเค้าสวดภาษาเทพ
    บอกว่าใครได้ยินแล้วขึ้นไปฟังร่างทรงสวดถือว่ามีบุญ
    ผมคงไม่มีบุญเลยนั่งฟังแต่พระสวด ถวายภัตราหาร รับพรพระ

    รบกวนท่านผู้รู้ช่วยวิเคราะห์ให้หน่อยครับ
    พ่อ แม่ พี่ ของเพื่อนเชื่อถือมาก
    แม่เพื่อนมักเป็นโรคแปลกๆ รักษาหายบ้างไม่หายบ้าง
    ผมไม่กล้าพูดอะไร เกี่ยวกับความเชื่อของคน มันรุนแรงครับ
     
    แก้ไขครั้งล่าสุด: 15 เมษายน 2012

แชร์หน้านี้

Loading...