ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

======================================


10 พ.ย. 53


เต่าติดล้อ

เช้าวันที่ 8 หลานจิ๊บเล่าความฝันให้ผมฟังและอยากรู้ว่ามีความหมายว่าอะไร?
เต่าจะสื่อถึงความเชื่องช้า หน่วยเหนือเตือนให้รู้ว่าหลานจิ๊บยังไม่กระตือรือล้น
ในเรื่องภัยพิบัติจึงต้องติดล้อเพื่อให้การทำงานให้ลื่นไหลให้เร็ว สรุปหลานจิ๊บ
ต้องเร่งการทำงาน


โยคี ตาทิพย์

เช้าวันที่ 9 ผมตื่นขึ้นมาแต่เช้า ได้ลงมาดูและถ่ายรูปนักท่องเที่ยวและชาว
เชียงคานตักบาตรเช้า จากนั้นก็มานั่งที่ร้านขายอาหารซึ่งมีคุณลุงอายุ 94ปีนั่ง
อยู่ จากนั้นการสนทนาก็เริ่มขึ้น คุณลุงถามผมว่ามาเที่ยวกี่วัน? ผมตอบว่า 3วัน
ผมขึ้นมาเที่ยวบ่อยอีกหน่อยต้องมาเป็นชาวเชียงคานเพราะผมได้ซื้อที่ๆผาแบ่น
เพื่อรองรับผู้คน คุยไปคุยมาก็รู้ว่าคุณลุงเป็นคนจังหวัดชลบุรีเคยอยู่ที่ดอนเมือง
มาก่อนและได้ย้ายมาอยู่ที่เชียงคานร่วม 30ปีแล้ว มีชื่อว่า เพชร เป็นลูกของ
อดีตอธิบดีตำรวจ เผ่า ศรียานนท์ มีชื่ออีกอย่างคือ โยคี ตาทิพย์และเคยตาม
หลวงปู่โง่น โสรโย อดีตเจ้าอาวาสวัดพระพุทธบาทภูควายเงินต่อมาก็ย้ายไป
จำพรรษาที่จังหวัดพิจิตร ตามหลวงปู่ไปที่ประเทศพม่าเพื่อช่วยดวงพระวิญญาณ
ของพระพี่นางขององค์สมเด็จพระนเรศวรที่ถูกสะกดอยู่ ผมถามมีชื่อนี้แล้วช่วย
เหลือคนอย่างไร? คุณลุงตอบว่าช่วยได้ทุกเรื่องแล้วถามผมว่าผมเป็นร่างทรง
หรือเปล่า? ผมตอบว่าเปล่า ขณะที่ผมสนทนากับคุณลุงอยู่คุณแม่ของหลาน
โอมก็นั่งอยู่ณ.ที่นั้นด้วย คุณแม่มีความสนใจและอยากจะถามคุณลุงเรื่องการ
ขายบ้านที่กรุงเทพฯ พอดีลูกสาวคุณลุงมารับตัวกลับไปทานข้าวเช้าที่บ้านเลย
ไม่ได้ถาม จากนั้นคุณลุงก็ได้กลับบ้านไป

เมื่อผมและแนวร่วมทานอาหารเช้าเรียบร้อยก็ถามเจ้าของร้านว่าคุณลุงบ้านอยู่
ตรงไหน? จากนั้นก็ตามไปพบคุณลุงที่บ้าน แนวร่วมทุกคนรวมทั้งผมได้ให้คุณ
ลุงช่วยสื่อกับอีกมิติว่า ใครเป็นอะไรและมาจากที่ใดบ้าง? ผลคือแนวร่วมบาง
คนเคยอยู่ในสมัยพระเจ้าตากมีความเกี่ยวพันกับท่าน บางคนเคยเกิดในยุโรป
บางคนเคยเป็นกินรีมาก่อน บางคนก็มาจากข้างบนมาช่วยเหลือคน เมื่อถาม
เป็นที่พอใจแล้วคณะเราก็ขอลาคุณลุงกลับ คุณลุงก็ได้เตือนว่าให้รีบขึ้นไปอยู่
ที่เชียงคานเพราะเวลาเหลือไม่มากแล้ว

หลังจากจัดงานแต่งงานลูกคนโตเสร็จผมและหลานจิ๊บจะร่วมกันนัดเจอแนว
ร่วมที่มีบุญสัมพันธ์มาพบประพูดคุยกันว่าผู้ใดสนใจจะไปอยู่ที่ฐานผาแบ่น
อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย แล้วผมจะแจ้งให้ทราบในโอกาสต่อไป





องค์อินทร์ ๙๗
ทำการแทน


======================================
ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







---------------------------------------------------------------------
หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<!-- google_ad_section_end -->

 

สยอง!เล่นประทัดยัดขวดแก้วบึ้ม นิ้วมือขาด-ตาบอด​

​

สยองรับลอยกระทง เด็ก11ขวบ เล่นประทัดยัดขวดแก้วเอาถังครอบจุดชนวนระเบิดตูม เป็นเหตุให้นิ้วมือขาด 3 นิ้ว ตาขวาบอดสนิท ขณะที่ นายก อบจ.สั่งกวาดล้าง พร้อมแนะให้เล่นประทัดอย่างระมัดระวัง…

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 7 พ.ย. นายอนุวัธ วงศ์วรรณ นายก อบจ.แพร่ ได้เข้าพบ นพ.สมคิด เอื้ออภิสิทธิ์วงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแพร่ จากนั้นได้เข้าเยี่ยมอาการของ ด.ช. นฤนาท อินต๊ะใจ อายุ 11 ปี อยู่บ้าน ต.ร้องกวาง อ.ร้องกวาง จ.แพร่ ที่โรงพยาบาลแพร่ หลังจากที่ญาติๆ ได้นำตัวส่งโรงพยาบาล จากการเล่นประทัดยักษ์ระเบิดใส่มือ จนทำให้นิ้วขาด 3 นิ้ว นอกจากนั้น ยังทำให้ดวงตาข้างขวาบอดสนิท

ผู้อำนวยการโรงพยาบาลแพร่ เผยว่า ทางโรงพยาบาลแพร่ ได้รับคนไข้ มารักษาเมื่อวันที่ 6 พ.ย. เวลา 17.00 น. โดยมีนาย กล้า อินต๊ะใจ อายุ 41 ปี บิดาของเด็ก นำส่งโรงพยาบาลร้องกวาง จากนั้นส่งต่อมายังโรงพยาบาลแพร่ ซึ่งแพทย์ก็ได้เร่งให้การช่วยเหลือ โดยคนไข้ถูกสะเก็ดขวดแก้วและหินตามลำตัว หน้าท้อง ใบหน้า และที่นิ้วมือ จากหัวแม่มือไปจนถึงนิ้วกลางขาด และที่บริเวณใบหน้า พบว่าที่ดวงตาข้างขวามีเศษแก้วเข้าดวงตา ขณะนี้แพทย์พยายามช่วยเหลืออยู่แต่คาดว่าดวงตาข้างขวาจะใช้การไม่ได้ แต่ตามลำตัวก็ได้รักษาปลอดภัยแล้ว

นายกล้า อินต๊ะใจ ผู้เป็นพ่อ เผยว่า ลูกชายได้แอบไปซื้อประทัดในตลาดกลางหมู่บ้านมาเล่น โดยที่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นประทัดชนิดไหน มีเพื่อนร่วมเล่นด้วยหนึ่ง คือ ด.ช.แจ็ค ศรีอนันต์ อายุ11 ปี แต่เพื่อนได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขณะที่กำลังเล่นอยู่ โดยเอาประทัดไปยัดใส่ขวดแล้วเอาถังน้ำครอบไว้ และจุด เกิดระเบิดอย่างแรง ทำให้ ด.ช.นฤนาทล้มลงในที่เกิดเหตุ เพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์ร้องเรียกให้คนมาช่วย ด.ช.นฤนาทพบว่า ที่มือขวามีเลือดจำนวนมาก และมีรอยฉีกขาดของนิ้วห้อยร่องแร่ง ญาติจึงพาส่งโรงพยาบาลร้องกวาง จากนั้นโรงพยาบาลร้องกวางได้ส่งมารักษาต่อที่โรงพยาบาลจังหวัดแพร่ พบว่านิ้วขาดตั้งแต่นิ้วหัวแม่มือไปจนถึงนิ้วกลางรวมแล้วจำนวน 3 นิ้ว นอกจากนี้ ตาข้างขวายังบอดสนิทอีกด้วย และบริเวณลำตัวพบว่าถูกสะเก็ดแก้วเต็มไปหมด ไม่มีใครเห็นว่าเป็นประทัดชนิดไหน แต่น่าจะมีอนุภาพรุนแรงมาก

นายอนุวัธ วงศ์วรรณ นายก อบจ.แพร่ เผยว่า ก่อนที่จะถึงเทศกาลประเพณีลอยกระทงในทุกปี จะมีการลักลอบจำหน่ายประทัด โคมไฟ และอุปกรณ์การเล่นนานาชนิด โดยเฉพาะประทัดยักษ์ที่มีการห้ามจำหน่ายกันทุกปี แม้จะมีการห้ามปรามแล้วก็ตาม และเมื่อปีที่แล้ว เกิดเหตุกับเด็กถึงตาบอดสนิท ทราบว่ามี 2 ราย นิ้วมือขาด 3 ราย และบาดเจ็บในส่วนร่างกายอื่นๆ อีกจำนวนไม่น้อย ดังนั้นจึงอยากให้พ่อค้าแม่ค้าที่จำหน่ายอุปกรณ์การเล่นชนิดนี้ได้โปรดระมัดระวัง สิ่งไหนที่อันตรายเกินไปก็อย่าจำหน่ายให้เด็กๆ ซึ่งอาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และเล่นไม่ถูกวิธี และขอให้ประชาชนที่เล่นก็ควรระมัดระวังในการเล่น เพราะหากผิดพลาด อาจเกิดเหตุต่างๆ ตามมาอีก

ไทยรัฐออนไลน์ วันพุธที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ.2553

ที่มา http://www.thairath.co.th/content/region/125136

 

ดาวหางเนบิรุ มองเห็นได้อย่างชัดเจนแล้วที่ซีกโลกใต้​

​

​

ภาพของดาวหางเนบิรุ มองเห็นได้อย่างชัดเจนที่ซีกโลกใต้ ท่านที่สนใจขอเชิญชมคลิ๊ปวีดีโอ รวมทั้งรายละเอียดได้ที่ลิ้งค์ข้างล่างนี้นะครับ​

Nibiru 2012 Bible Code and Our Future | What Will Happen in 2012 [ แปลหน้านี้ ]

 

ความคืบหน้า ฐานผาแบ่น

แนวร่วม จิ๊บ อติกานต์ หนุนภักดี ทดสอบปั้มโยก



ผู้ซื้อที่ดินที่เชียงคานอีกราย เผื่อรองรับคน
กำลังทดสอบปั้มโยก



กอกน้ำใส่ขวดเพื่อที่จะนำลงมากรุงเทพฯตรวจสอบคุณภาพน้ำ



ปั้มน้ำซับเมิส เอาไว้ใส่ในยามที่ต้องการดึงน้ำเข้าโอ่ง




======================================
ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"

 

ผาแบ่นสูงจากระดับน้ำทะเลเท่าไหร่ค่ะ และการหาที่ปลอดภัยควรสูงจากระดับน้ำทะเลเท่าไหร่ดี

 

อย่างน้อยควรจะมี 70 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล
ถ้าน้ำแข็งที่ขั้วโลกเหนือและใต้ละลาย ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นประมาณ 67 เมตร
เผื่อน้ำไหลไปมาเพื่อปรับระดับอีกสัก 10 เมตร
ถ้าจะให้ดีควรอยู่ห่างจากทะเลอย่างน้อย 200 กิโลเมตร
ในความคิดผม ผมคิดว่าคงมีพื้นที่ปลอดภัยในประเทศไทยน้อยมากๆ อาจจะไปเจอภัยอื่นๆ แทน เช่น พายุ หรือแผ่นดินไหว ดินถล่ม หลุมยุบ
สรุปว่าทำใจเถอะครับ ถ้าคนเรายังไม่ถึงที่ตายก็คงรอดเองแหละ

 

<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>เหนือ-อีสานอากาศหนาวเย็นตอนเช้า ลมแรง ใต้ยังมีฝนร้อยละ60ของพื้นที่</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>กรมอุตุนิยมวิทยารายงานสภาพอากาศประจำวันที่ 11 พฤศจิกายน 2553 ดังนี้

ลักษณะอากาศทั่วไปเมื่อเวลา 04:00 น. บริเวณความกดอากาศสูงปกคลุมประเทศไทยตอนบน ทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก ยังมีอากาศหนาวเย็นในตอนเช้า สำหรับมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือที่พัดปกคลุมภาคใต้และอ่าวไทยเริ่มมีกำลังอ่อนลง ทำให้ภาคใต้มีฝนตกลดลงอยู่ในเกณฑ์กระจาย ส่วนมากบริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช ตรัง และสตูล ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยที่ลาดเชิงเขา ที่ลุ่มใกล้ทางน้ำไหลผ่านหรือใกล้ริมฝั่งแม่น้ำยังคงต้องระมัดระวังอันตราย น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่งอีกระยะ 1-2 วันนี้ ส่วนทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีคลื่นปานกลาง ความสูงของคลื่นประมาณ 2 เมตร ชาวเรือควรระมัดระวังอันตรายในการเดินเรือและเรือเล็กยังควรงดออกจากฝั่งในวันนี้

พยากรณ์อากาศสำหรับประเทศไทยตั้งแต่เวลา 06:00 วันนี้ ถึง 06:00 วันพรุ่งนี้.

ภาคเหนือ มีหมอกในตอนเช้ากับอากาศหนาวทางตอนบนของภาค อุณหภูมิต่ำสุด 13-15 องศา ส่วนทางตอนล่างของภาคอากาศเย็น อุณหภูมิต่ำสุด 16-20 องศา อุณหภูมิ
จะลดลง 1-2 องศา สำหรับบริเวณยอดดอยอากาศหนาวถึงหนาวจัด
อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ อากาศเย็น กับมีลมแรง อุณหภูมิต่ำสุด 18-22 องศา
ส่วนมากทางตอนล่างของภาค
สำหรับบริเวณยอดภู อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 8-14 องศา
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

ภาคกลาง อากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 21-23 องศา
สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-14 องศา
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-35 กม./ชม.

ภาคตะวันออก อากาศเย็นทางตอนบนของภาค กับมีหมอกบางในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด
23-24 องศา สำหรับบริเวณเทือกเขา อากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด
13-15 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม.
ทะเลมีคลื่นสูง 1-2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันออก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง
บริเวณจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และพัทลุง
อุณหภูมิต่ำสุด 23 องศา สูงสุด 32 องศา
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

ภาคใต้ (ฝั่งตะวันตก) มีฝนฟ้าคะนองกระจาย ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณจังหวัดระนอง พังงา ตรัง และสตูล
อุณหภูมิต่ำสุด 21 องศา สูงสุด 31 องศา
ลมแปรปรวน ความเร็ว 20-35 กม./ชม. ทะเลมีคลื่นสูง ประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

กรุงเทพมหานครและปริมณฑล อากาศเย็น กับมีหมอกบางในตอนเช้า
อุณหภูมิต่ำสุด 23-24 องศา
ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 15-30 กม./ชม.

<!--อ่านล่าสุด คน--><TABLE style="MARGIN-TOP: 20px; MARGIN-BOTTOM: 10px" border=0 cellSpacing=0 cellPadding=0 width=650><TBODY><TR><TD> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle>
<!----></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์มติชน
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>อุตุฯเตือนภัย ระวังน้ำป่ามาอีก-ดินถล่ม</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>เมื่อวันที่ 10 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผอ.ศูนย์ประสานการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย

แถลงถึงสถานการณ์ปริมาณน้ำทั่วประเทศและการแจ้งเตือนภัยว่า พื้นที่ประสบอุทกภัย รวม 30 จังหวัด มีประชาชนได้รับผลกระทบ 1,015,300 ครัวเรือน รวม 3,155,112 ราย มีผู้เสียชีวิต 185 ราย
ทั้งนี้กรมอุตุนิยมวิทยาแจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยงภัย ระหว่างวันที่ 10-11 พ.ย.นี้ ตั้งแต่ชุมพร ลงไปถึงนราธิวาส ว่ามีปริมาณฝนมาก 60-70 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ โดยเฉพาะที่ ชุมพร นครศรีธรรมราช และสุราษฎร์ธานี ให้เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันและดินโคลนถล่ม

ส่วนบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา อิทธิพลน้ำทะเลหนุนสูงได้ลดระดับลง

ขณะนี้ประสานกรมชลประทาน ลดการปล่อยน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยา ให้ลดระดับการปล่อยน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาให้เหลือ 2,697 ลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) เพื่อลดปริมาณน้ำในพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณน้ำสูงสุดอยู่ที่ 1.80-1.90 ม. แต่พื้นที่นอกแนวคันกั้นน้ำ อาทิ นนทบุรี ปทุมธานีและสมุทรปราการ อาจได้รับผลกระทบบางเวลาที่น้ำขึ้นและลดบ้าง

นายอภิรักษ์ กล่าวว่า พื้นที่ภาคอีสานปริมาณน้ำในแม่น้ำมูลที่ไหลผ่านจ.มหาสารคามและเคลื่อนตัวผ่านอ.จังหาญ จ.ร้อยเอ็ด

คาดการณ์ว่าปริมาณจ้ำจะล้นตลิ่งอยู่ที่ 7 ซ.ม. ขณะที่แม่น้ำชีที่ไหลผ่านเข้า อ.มหาชนะชัย จ.ยโสธร คาดว่าน้ำจะล้นตลิ่ง 0.40 ม. จากนั้นจะทรงตัวถึงวันที่ 18-20 พ.ย. สำหรับแผนฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยที่นำร่องใน 7 จังหวัดนั้น วันที่ 11 พ.ย.เวลา 09.00 น. นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ในฐานะประธานคชอ. จะแถลงกำหนดจุดพื้นที่ตามแผนฟื้นฟูว่าจะดำเนินการในพื้นที่ใดบ้าง รวมทั้งแผนป้องกันในระยะยาว ตามที่ประสานกับภาคส่วนต่างๆในการเข้ามาช่วยเหลือ โดยจะเริ่มดำเนินการพื้นที่จ.นครสวรรค์ เป็นพื้นที่แรก นอกจากนั้นคชอ.ยังประสานกับมูลนิธิเพื่อนพึ่งภายามยาก กำหนดพื้นที่เป้าหมายในการฟื้นฟูอาชีพ นอกเหนือจากมาตรการของรัฐบาล อาทิ เรื่องการฟื้นฟูอาชีพด้านหัตถกรรมที่ผลิตได้ในชุมนุม เป็นต้น

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>ปภ.นครราชสีมา รับมือภัยหนาวเปิดสายด่วน 1784 ตลอด 24 ชม.</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>นางปิยะฉัตร อินสว่าง หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมา

เปิดเผยว่าในช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปีร่องความกดอากาศสูงหรือ มวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ปกคลุมประเทศไทย โดยเฉพาะภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือทำให้ อุณภูมิลดลงมีอากาศหนาวเย็น เป็นเหตุให้ราษฎรได้รับความเดือดร้อนจากสภาพอากาศหนาวเย็นโดยเฉพาะคนชรา คนพิการ และ ทุพพลภาพ เด็กไร้อุปการะ และ ราษฎรที่ยากจน

<DD>
นางปิยะฉัตร เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยหนาว

จังหวัดนครราชสีมาจึงได้จัดตั้งศูนย์อำนวยการเฉพาะกิจป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยหนาวประจำปี 2553/2554 ณ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมา พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯ เพื่อติดตามสถานการณ์ภัยหนาวอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง ดำเนินการตามแผนป้องกันภัยฝ่ายพลเรือนของจังหวัดโดยประสานการทำงานร่วมกับหน่วยงานระดับจังหวัด อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รวมถึงพิจารณาให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวให้ทัน ต่อเหตุการณ์อย่างทั่วถึงเป็นธรรมถูกต้องตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ

นอกจากนี้ในช่วงอากาศหนาวเย็นทำให้เกิดการเจ็บป่วยได้ง่าย ขอให้ประชาชนดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ

โดยเฉพาะเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และ ผู้มีโรคประจำตัว ควรหมั่นออกกำลังกายพักผ่อนให้เพียงพอและสวมเสื้อผ้าหนาๆ เพื่อป้องกันการเจ็บป่วยในช่วงอากาศเปลี่ยนแปลงรวมถึงระมัดระวังอันตรายจากอุบัติภัยต่างๆที่มักเกิดในช่วงฤดูหนาว เช่นไฟป่า อัคคีภัย อุบัติเหตุทางถนน ทั้งนี้หากประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาได้รับความเดือดร้อนจากสภาพอากาศหนาว สามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ที่สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนครราชสีมา 044-242280 044 24223 0 หรือ สายด่วน 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง


</DD></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>น้ำชีเอ่อล้นท่วมบ้าน-นาข้าวเสียหายนับร้อยล้านบาท </TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
นายวิโรจน์ จิวะรังสรรค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ นายธนาวุฒิ ทองทวี นายอำเภอฆ้องชัย นายแพทย์พิสิทธิ์ เอื้อวงศ์กูล นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ นายเดชา พลกล้า รักษาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาฬสินธุ์

เข้าติดตามสถานการณ์ลำน้ำชีที่เอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนที่บ้านหนองคล้า ม.7 บ้านท่าเยี่ยม ม.6 และสถานีอนามัยตำบลลำชี อำเภอฆ้องชัย จังหวัดกาฬสินธุ์เมื่อกลางดึกที่ผ่านมา

โดยนำทีมแพทย์ พยาบาลลงพื้นที่ตรวจสุขภาพประชาชน เพื่อป้องกันโรคติดต่อที่มากับน้ำ พร้อมนำถุงยังชีพ ข้าวสาร อาหารแห้ง น้ำดื่มสะอาดและส้วมเคลื่อนที่ออกแจกจ่ายประชาชนที่ประสบอุกภัย ตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถที่ทรงห่วงใยพสกนิกรที่ประสบภัยน้ำท่วม


จากการติดตามสถานการณ์น้ำในลำน้ำชีในอำเภอฆ้องชัย อำเภอกมลาไสย และอำเภอร่องคำ พบว่าระดับน้ำยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเมื่อกลางดึกที่ผ่านมาน้ำในลำน้ำชีได้เอ่อเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนที่บ้านหนองคล้าและบ้านท่าเยี่ยม ตำบลลำชี อำเภอฆ้องชัยอีก 34 หลังคาเรือน สถานีอนามัย 1 แห่ง ทำให้บ้านเรือนประชาชนถูกน้ำท่วมแล้ว174 หลังคาเรือน ส่วนนาข้าว พืชไร่ พืชสวน ขณะนี้ถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหายไปแล้ว51,908 ไร่คิดเป็นมูลค่าความเสียหายกว่า 109 ล้านบาท


ดังนั้นเพื่อเป็นการบรรเทาความเดือนร้อน ตามพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถที่ทรงห่วงใยประชาชนและกำชับให้เร่งช่วยเหลือผู้ที่ประสบภัยอย่างเร่งด่วน

โดยเฉพาะอาหารและน้ำดื่ม ทางจังหวัดกาฬสินธุ์ จึงได้นำสิ่งของเครื่องใช้ น้ำดื่มสะอาด ยารักษาโรค ส้วมเคลื่อนที่ พร้อมทั้งนำทีมแพทย์พยาบาลออกให้ความช่วยเหลือและตรวจสุขภาพประชาชน


นอกจากนี้จากระดับน้ำที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องยังมีพื้นที่เสี่ยงภัยอีกหลายแห่ง โดยเฉพาะพนังกั้นน้ำลำชีบริเวณบ้านโนนแดง ม.1 ม.2 และบ้านวังยาง ม.5 ตำบลลำชี อำเภอฆ้องชัย จึงได้สั่งการให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ช่วยกันนำกระสอบทรายมาเสริมพนังกั้นไว้ เพื่อป้องกันน้ำเอ่อเข้าท่วม




</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>
<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>น้ำมันปาล์มขวดลิตรราคาพุ่งพรวด</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top> คมชัดลึก : น้ำมันปาล์มตลาดโลกพุ่ง ดันราคาขายปลีกขยับตาม ขวด 1 ลิตรในท้องตลาดเพิ่มจาก 36 บาทเป็น 42-45 บาท พาณิชย์ขอความร่วมมือตรึงไว้ไม่เกินขวดละ 38 บาทถึงสิ้นปี ค่อยประเมินสถานการณ์อีกครั้ง สำรวจห้างจำกัดให้ซื้อแค่ 3 ขวด อ้างสินค้ามีจำนวนน้อย




นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ราคาน้ำมันปาล์มมีแนวโน้มสูงขึ้น

ในเบื้องต้นพบว่าราคาผลผลิตปาล์มในตลาดโลกราคาปรับสูงขึ้น แต่ได้ขอความร่วมมือไปยังผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดขนาด 1 ลิตร ให้ตรึงราคาจำหน่ายปลีกที่ขวดละไม่เกิน 38 บาทไปก่อนจนถึงสิ้นปี เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม จากนั้นจะเชิญผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องมาหารือ เพื่อประเมินสถานการณ์อีกครั้ง คาดว่าจะประมาณช่วงต้นปีหน้า หากพบว่าต้นทุนการผลิตปรับเพิ่มขึ้นอาจจะต้องพิจารณาให้มีการปรับขึ้นเพดานราคาจำหน่ายปลีก




นายสมชาย พรรัตนเจริญ นายกสมาคมค้าส่งปลีกไทย กล่าวว่า ขณะนี้น้ำมันปาล์มบรรจุขวดในบางพื้นที่เริ่มขาดแคลน หาซื้อยาก เนื่องจากผู้ค้าส่งและค้าปลีกไม่รับสินค้าไปจำหน่าย เพราะเกรงว่าจะขายไม่ออก เนื่องจากราคารับซื้อสูงมาก ทำให้ตลาดน้ำมันปาล์มบรรจุขวดขณะนี้เริ่มตึงตัว


“ร้านค้าปลีกค้าส่ง ส่วนใหญ่ไม่สั่งซื้อน้ำมันปาล์มขวดมาขายแล้ว เพราะกลัวขายไม่ออก เพราะผู้ผลิตได้ปรับขึ้นราคาขายส่งแพงมาก โดยปรับราคาจากขายส่งขวดละ 38 บาท เป็นขวดละ 42.50 บาท หรือปรับราคาเพิ่มขึ้นขวดละ 4.50 บาท ทำให้ราคาขายส่งต่อขวดขณะนี้เกินราคาควบคุมที่กระทรวงพาณิชย์กำหนดไว้ที่ขวดละ 38 บาทแล้ว” นายสมชายกล่าว


ด้านนางวิวรรณ บุณยประทีปรัตน์ เลขาธิการสมาคมปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์ประเทศไทย กล่าวว่า

ขณะนี้ราคาผลปาล์มสดได้ปรับสูงขึ้นมาก ล่าสุดอยู่ที่กิโลกรัมละ 6.40 บาท สูงกว่าช่วงวิกฤติน้ำมันในปี 2551 เนื่องจากผลผลิตถั่วเหลืองในสหรัฐปรับลดลงจากภาวะภัยแล้ง นอกจากนี้ แรงงานในมาเลเซียหยุดงานในช่วงเทศกาลศีลอดที่ผ่านมา ส่งผลให้สต็อกน้ำมันปาล์ม ปรับลดลงมาก อีกทั้งยังมีการเก็งกำไรในสินค้าเกษตรมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาผู้ประกอบการพยายามให้ความร่วมมือในการตรึงราคาให้อยู่ภายใต้ราคาควบคุมของกระทรวงพาณิชย์ คือขวดละไม่เกิน 38 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการออกสำรวจราคาจำหน่ายน้ำมันปาล์มบรรจุขวดขนาด 1 ลิตร ในตลาดสดยิ่งเจริญ

ซึ่งเป็นตลาดสดภายใต้ความร่วมมือของกระทรวงพาณิชย์พบว่า รานค้าปลีกส่วนใหญ่ได้ปรับขึ้นราคาจำหน่ายน้ำมันปาล์มขวดขนาด 1 ลิตรแล้ว โดยปัจจุบันจำหน่ายปลีกที่ขวดละ 42-45 บาท จากเดิมขวดละ 35-36 บาท โดยบางร้านจำหน่ายแพงถึงขวดละ 48 บาท ซึ่งเกินราคาควบคุมของกระทรวงพาณิชย์ถึงขวดละ 10 บาท โดยอ้างว่าผู้ค้าได้ปรับขึ้นราคาขายส่งโดยอ้างว่าวัตถุดิบขาดแคลน และจากการสำรวจภายในห้างค้าปลีกขนาดใหญ่พบว่ามีการจำกัดปริมาณการซื้อแล้วครอบครัวละไม่เกิน 3 ขวด เนื่องจากมีสินค้ามาวางจำหน่ายในจำนวนจำกัด

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

ได้รับทราบข่าวสารจากทางชมรมฯ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ชาวพลังจิตทุกท่าน จึงนำมาบอกต่อค่ะ

ชมรมจิตจักรวาลศึกษาแห่งโลก: UCSA


เรื่อง อย่าตื่นตกใจกับข่าวลือร้ายๆเรื่องภัยพิบัติ
เรียน สมาชิกชมรม UCSA และเพื่อนมนุษย์ทั้งหลาย
อ้างถึง ข่าวลือร้ายๆเรื่องคลื่นยักษ์สึนามิจะถล่มภาคใต้ในวันที่ 30 ธันวาคม 2553

ตามที่มีผู้กล่าวอ้างว่า จะเกิดมหันตภัยคลื่นยักษ์สึนามิถล่มภาคใต้ของไทย โดยจะเกิดขึ้นพร้อมกันทั้งชายทะเลด้านตะวันออก คือ อ่าวไทย และฝั่งทะเลด้านตะวันตก คือ อันดามัน ในเวลาระหว่างเที่ยงคืนถึงตีสองของเช้าวันที่ 30 ธันวาคม 2553 และด้ามขวานจะหักจมทะเลตั้งแต่ชุมพรยันนราธิวาส แล้วแจ้งให้รีบอพยพผู้คนโดยด่วน ซึ่งมีการเผยแพร่ข่าวร้ายนี้ไปทั่วจนสร้างความตื่นกลัวแก่พี่น้องเป็นจำนวนมาก และมีผู้นำข่าวสารนี้สอบถามไปยังชมรมของเรากันแทบทุกวัน เราจึงขอเรียนมายังท่านทั้งหลายเพื่อทราบโดยทั่วกันว่า ความทราบถึงท่านประธานชมรม คือ อาจารย์ปริญญาผู้เป็นองค์ความรู้ของพวกเราแล้ว ท่านเมตตาให้แจ้งมายังท่านทั้งหลายในพระนามแห่งองค์จิตจักรวาล “พระผู้ทรงเริ่มต้นและสิ้นสุดแห่งทุกสรรพสิ่ง” ความว่า
1.สึนามิจะไม่เกิดขึ้นในวันเวลาที่มนุษย์ “คาดเดา” คือ เที่ยงคืนถึงตีสอง ของวันที่ 30 ธ.ค.2553 นั้นแน่นอน โดยคลื่นยักษ์จะไม่มีวันกระโจนเข้าสู่แผ่นดินทั้งสองฝั่งพร้อมกันจนทำให้แผ่นดินตั้งแต่ชุมพรยันนราธิวาสจมหายไปใต้ทะเลตามข่าวลือเด็ดขาด
ในพระนามแห่งองค์จิตจักรวาล อาจารย์ยืนยันว่าทุกๆภัยที่จะเกิดขึ้นบนโลกมนุษย์ เป็นปฏิบัติการชำระโลกโดยช่างเท็คนิค (เจ้ากรรมนายเวร) เป็นผู้กระทำเมื่อพระองค์ทรงเห็นเหมาะสมให้กระทำเท่านั้น พวกเขาจะกระทำให้เกิดมหันตภัยร้ายๆโดยพละการเองไม่ได้ และถ้าจะเกิดเหตุร้ายจริงๆจะไม่มีมนุษย์คนไหนหรอกที่จะได้รับอนุญาตให้ล่วงรู้ก่อนใครอื่น!!!
2.ไม่ต้องอพยพผู้คนหนีภัยคลื่นยักษ์สึนามิและแผ่นดินด้ามขวานที่มันจะจมภายในสิ้นปีหรอก เพราะมันเป็นแค่เพียงข่าวลือเท่านั้น!!!
ในพระนามแห่งองค์จิตจักรวาล ผู้ขันอาสามาทำหน้าที่ชี้ทางไปนิพพานและแจ้งข่าวสารการชำระโลกแก่มวลมนุษย์ด้วยดวงจิตอันบริสุทธิ์แท้จริง อาจารย์ท่านฝากเรียนมายังสมาชิกและเพื่อนมนุษย์ทั้งหลายว่า ถ้าต้องการมีชีวิตรอดปลอดภัยจากปฏิบัติการชำระโลกของเจ้ากรรมนายเวร (ช่างเท็คนิค) ที่จะก่อให้เกิดภัยพิบัติรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เกิดถี่ขึ้นเรื่อยๆ ใกล้ตัวคุณเข้ามาเรื่อยๆ ที่เคยเกิดแล้วก็จะเกิดซ้ำอีกเพราะเขารู้ว่ามนุษย์ประมาท และมันก็จะเกิดในที่ๆไม่เคยเกิด ก็ให้ทุกคนจงอย่าตื่นกลัว คนที่กลัวตายจะถูกกากบาทเป็นเครื่องหมายไว้บนหน้าผากทันที เพราะคนกลัวตายคือคนที่ยังไม่พร้อมและไม่ยอมตายด้วยจิตยังไม่ใสพิสุทธิ์
ขอให้ชาวจิตจักรวาลและเพื่อนมนุษย์ผู้มีบุญบารมีที่ได้อ่านข่าวสารชิ้นนี้ จงเร่งปฏิบัติตนให้เคร่งครัดในหลักการดำเนินชีวิตประจำวันเอาไว้ดังต่อไปนี้
1.จงมีมหาสติในยามตื่น (รู้สติ-มีสติ-ใช้สติ)
2.จงรักผู้อื่นให้ได้ (แม้เขาแสดงเงื่อนไขไม่น่ารักต่อตัวเรา)
3.จงให้ผู้อื่นให้เป็น (ให้โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน และให้แม้แก่บุคคลที่เราไม่สมควรจะให้)
4.จงใช้ปัญญาของตนในการดำเนินชีวิต (คิดก่อนคิด-คิดก่อนพูด-คิดก่อนทำ: ใช้กฎ 4 ถูกของ “ปริญญา”)
5.จงมีปณิธานแห่งนิพพาน (ไม่ก่อกรรมใหม่-แก้ไขกรรมเก่า-เข้าให้ถึงองค์จิตจักรวาล)
ผู้ปฏิบัติตามทั้งห้าข้อนี้อย่างเคร่งครัดด้วยจิตสำนึกที่แท้จริงเท่านั้น ที่จะได้รับอนุญาตให้สามารถข้ามผ่าน มหันตภัยพิบัติทั้งหลายที่กำลังจะเกิดขึ้นในวันข้างหน้าได้ ไม่ว่าจะเป็นชนชาติใดก็ตาม
3.เราเคยเตือนล่วงหน้ามาแล้วว่า น้ำจะท่วมโคราชถึงฐานย่าโม แต่หลายคนไม่เชื่อเพราะเข้าใจว่าโคราชเป็นที่ราบสูงหากจะท่วมจริง กรุงเทพฯคงไม่เหลืออะไรแน่นอน แต่ปรากฏว่าโคราชท่วมก่อนเพื่อนเลยขณะที่กรุงเทพฯยังอยู่ดีมีสุข....เห็นหรือยัง? (มีบันทึกภาพยนตร์และเสียงเอาไว้ทุกครั้งที่สื่อเป็นหลักฐานให้ค้นคว้าได้)
เราเคยเตือนไว้อีกว่า หาดใหญ่น้ำจะท่วมซ้ำสองอีกและจะหนักกว่าเดิม ปรากฏว่ามันก็ท่วมหนักกว่าเดิมจริงๆ....เห็นหรือยัง? (มีบันทึกภาพยนตร์และเสียงเอาไว้ทุกครั้งที่สื่อเป็นหลักฐานให้ค้นคว้าได้)
4.ครั้งนี้อาจารย์ฝากเตือนมาว่า ครั้งหน้าน้ำจะท่วมใหญ่ทั้งอีสานและภาคใต้หนักกว่าเดิม และจะท่วมนานกว่าเดิมด้วย ก่อนหน้าจะท่วมหนักนั้นประเทศไทยเราจะมีฤดูร้อน 2 หน!!!
ข่าวสารต่อไปนี้จงฟังหูไว้หูเท่านั้น:
ในปี ค.ศ.2011 ไทยเราและทั่วโลก จะเป็นปีแห่งภัยพิบัติ สังคมวิบัติ การเมืองวิบัติ เศรษฐกิจวิบัติ จิตสำนึกมนุษย์วิบัติ และเชื้อโรควิบัติรุนแรงกว่าปี ค.ศ. 2010 ประมาณเท่าตัว....โปรดคอยเผชิญ
ปี ค.ศ.2011 จะเป็นปีแห่งอุบัติภัย มีอุบัติเหตุร้ายแรงเกิดขึ้นได้ทั่วโลก อาจมีการตายหมู่คราวละมากๆ จะเกิดสึนามิในบางประเทศหรือบางเกาะที่ไม่เคยเกิด อาจจะมีแผ่นดินไหวรุนแรงในระดับช็อคโลกกันอีกครั้ง จะมีข่าวมนุษย์ต่างดาวเยือนโลกแบบเปิดเผยหนาหูขึ้น
ปี ค.ศ.2012 อาจเกิดพายุหมุนร้ายแรงพัดถล่มกรุงเทพฯ...โปรดเตรียมความพร้อมไว้ล่วงหน้า (ในปีหน้าจะยืนยันการเกิดไม่เกิดอีกครั้ง) กรุงเทพฯน้ำจะท่วมมากสุดในรอบสิบปี
ปี ค.ศ.2015 ระวังพม่าแผ่นดินไหวใหญ่ด้านติดทะเลอันดามันจนหักโค่นจมทะเล อาจทำให้ด้ามขวานไทยตรงประจวบฯหักจมตามไปด้วยเพราะแผ่นดินติดกันและจะก่อให้เกิดสึนามิรุนแรงทั่วมหาสมุทรอินเดียและอ่าวไทย บางเกาะในมหาสมุทรนี้จะจมทะเลหายไปจากแผนที่โลก ที่สำคัญอ่าวไทยกับอันดามันอาจจะทะลุถึงกันในคืนนั้นเลย?
ปี ค.ศ.2010 ราวๆ พ.ย.-ก.พ. ค.ศ..2011
u คนไทยต่างสีเสื้อกันอาจก่อหวอดตีกันให้วุ่นวายเพราะเรื่องการเมืองอีกแล้ว
v เด็กอาชีวะจะก่อคดียกพวกตีกัน-ฆ่ากันให้วุ่นวายอีก
w อาจมีบุคคลสำคัญหรือชนชั้นสูงถึงแก่ชีวิตกะทันหัน
x คนดังที่เกี่ยวข้องทางการเมืองบางคน เพิ่งพบว่าตัวเองเป็นโรคร้ายแรง
y อาจมีการยุบสภาเลือกตั้งใหม่ แต่จะมีปัญหาในการหาเสียง และมีปัญหาในการตั้งรัฐบาลเรื่องใครจะเป็นนายกฯ
อาจารย์บอกว่าไม่มีใครห้ามภัยพิบัติได้ เพราะเป็นแผนปฏิบัติการเพื่อการชำระโลกที่ถูกพิพากษาหรือกำหนดเอาไว้แล้ว เพียงแต่มันจะเกิดวันไหน ช้าหรือเร็วและหนักหรือเบาแค่ไหนเท่านั้นเอง
จึงขอทุกคนจงปฏิบัติตาม 5 ข้อที่แนะนำไว้ข้างต้นเถิด อย่ามัวเสียเวลาไปกับข่าวลืออันใดเลย

ด้วยรักและปรารถนาดีแท้จริง
ฝ่ายสมาชิกสัมพันธ์ ชมรมฯ UCSA
Tel.089-105-2727, 086-374-0088, 02-938-0062

ขอขอบพระคุณในความเมตตาของท่านอ.ปริญญา ที่แจ้งข่าวสารนี้ เพื่อเตือนสติในเพื่อนมนุษย์เร่งทำความดีกันในมากๆค่ะ

 

======================================


11 พ.ย. 53


มีท่านสมาชิกได้ถามถึงความสูงของ ฐานผาแบ่น อำเภอเชียงคาน จังหวัด เลย
ช่วงที่ผมอยู่ที่เชียงคานหลานจิ๊บได้บอกกับผมว่ามีความสูงเหนือระดับน้ำทะเล
2,800เมตร ครับ





องค์อินทร์ ๙๗
ทำการแทน


======================================
ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







---------------------------------------------------------------------
หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<!-- google_ad_section_end -->

 

จะเกิดอะไรขึ้นอีกรึคะเนี่ย? เคยดูสารคดี ที่ Iceland จะมีรอยแยกใหญ่อยู่ (ไม่แน่ใจว่า เป็นการเกิดแผ่นดินใหม่ หรือยุบตัว น่าจะเป็นยุบตัวลงไป) เห็นลาวาอยู่ในร่องนั้นชัดเจน เป็นแหล่งท่องเที่ยวด้วย เพราะไม่อันตรายเหมือนภูเขาไฟ (ซึ่งจริงๆแล้ว เป็นพื้นที่ active เหมือน the ring of fire น่าจะมีอันตรายมาก) อาจจะมีความเกี่ยวข้องกัน ไม่รู้จะเรียกส่วนนั้นว่าเป็นอะไร ทางธรณีวิทยา ถ้าหาข้อมูลได้ จะมาช่วยเสริมค่ะ

 

โอ้โฮ สูงมากกกกก จริงๆ เท่าที่คนพูดถึงที่เขาใหญ่ที่นิยมไปกันเห็นบอกว่าสูง 400-700 เมตรจากระดับน้ำทะเลเท่านั้น

 

รูปรอยแยกที่ Iceland (ได้มาจาก webboard ของ trekkingthai ค่ะ)
​

ข้อความประกอบภาพ "นอกจากทะเลสาบแล้ว ที่นี่ยังมีรอยแตกเลื่อนของเปลือกโลกให้เห็นด้วยคะ ใหญ่ขนาดเดินกันได้สบายๆเ ดูๆแล้วเหมือนถนนเลยนะคะ

ข้อมูลจาก wikipedia นะคะ


"...เพราะไอซ์แลนด์ตั้งอยู่บนจุดร้อนไอซ์แลนด์และสันเขากลางมหาสมุทรแอตแลนติก<SUP>[9]</SUP> ซึ่งเป็นแนวแผ่นเปลือกแยกตัวระหว่างแผ่นทวีปอเมริกาเหนือและแผ่นทวีปยูเรเชีย ทำให้ มีทั้งแผ่นดินไหว และ ภูเขาไฟระเบิดอยู่บ่อยครั้ง..." "

จากข้อความนี้ แสดงว่าเป็นสร้างแผ่นดินใหม่ค่ะ เพราะเป็นบริเวณที่เรียกว่า สันเขากลางมหาสมุทร (Mid Oceanic Ridge) ของมหาสมุทรแอตแลนติก
บริเวณนี้จะมีรอยแยกขนาดใหญ่ พ่นแมกม่า(ลาวา -ถ้าไหลออกมาบนผิวโลก) ออกมาเรื่อยๆ แมกม่าเหล่านี้จะเย็นตัวลง กลายเป็นหิน และเป็นแผ่นดินใหม่ ขยายออกไปเรื่อยๆ จริงๆแล้ว จะเกิดอยู่ใต้น้ำลึก ตามมหาสมุทรต่างๆ ในหลายบริเวณ แต่ที่ไอซ์แลนด์นี่แปลก เลื้อยขึ้นมาอยู่บนแผ่นดินได้ไงไม่รู้ ที่น่าจะเป็นไปได้คือเมื่อก่อนไอซ์แลนด์เองก็อยู่ใต้น้ำ แล้วค่อยยกตัวขึ้นมาภายหลัง โดยเปลือกโลกโก่งขึ้น เนื่องจากพลังงานความร้อนที่อยู่ใต้โลกนั่นเอง เดานะคะ:d อย่าเชื่อมาก

แต่ตอนนี้เดาไม่ออก ว่าเกิดอะไรขึ้น ณ บริเวณนั้น น่าติดตามมากๆค่ะ
​

 

<TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 bgColor=#e2e2e2 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ecfae0>'พิจิตร'ผวา-เป็ดไก่ตายยกตำบล</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE border=5 borderColor=#728dac cellPadding=0 width=725 align=center><TBODY><TR><TD bgColor=#ffffff><TABLE class=A14 border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR bgColor=#cccccc><TD vAlign=center> </TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 bgColor=#f5f5f5 align=center><TBODY><TR><TD></TD></TR><TR><TD align=middle></TD></TR></TBODY></TABLE>
</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD vAlign=top>พิจิตร - นายมานะ วุฒยากร นายกอบต.วังกรด อ.บางมูลนาก จ.พิจิตร

เปิดเผยว่า ขณะนี้เป็นช่วงฤดูหนาวซึ่งปีนี้อากาศหนาวมาก ตนได้รับแจ้งจากชาวบ้านในต.วังกรด ว่ามีเป็ดไก่พื้นบ้านที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ โดยเฉพาะหมู่ 5 ตายโดยไม่ทราบสาเหตุหลายร้อยตัว นอกจากนี้ในหมู่อื่นก็เริ่มทยอยตายเช่นกัน

นายมานะกล่าวว่า หลังทราบข่าวตนได้ส่งเจ้าหน้าที่ของอบต.ออกไปประชาสัมพันธ์ เพื่อให้ชาวบ้านนำเป็ดไก่ที่ตายไปฝังกลบหรือเผา ห้ามนำไปทำอาหารเนื่องจากเกรงว่าสัตว์ที่ตายจะติดเชื้อไข้หวัดนก ซึ่งในช่วงนี้มักจะเกิดขึ้นเพราะสภาพอากาศหนาวเย็น

"เรื่องที่เกิดขึ้นรู้สึกเป็นห่วงมาก ได้ประสานขอให้ปศุสัตว์อำเภอบางมูลนาก และปศุสัตว์จังหวัดเข้ามาตรวจสอบในพื้นที่ เก็บตัวอย่างเป็ดไก่ไปตรวจดูว่าสาเหตุที่ตายนั้นเกิดจากติดหวัดนกหรือไม่ รวมทั้งขอให้ทางปศุสัตว์นำยาป้องกันไปฉีดพ่น เพื่อป้องกันหวัดนกระบาดในพื้นที่" นายมานะ กล่าว

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR><TR><TD><CENTER>ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: หนังสือพิมพ์ข่าวสด
</CENTER></TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>

 

คุณ Lazaza ครับ ยอดอินทนนท์สูง ๒,๕๖๕ เมตร จากระดับน้ำทะเล ฐานผาแบ่นนี่ยังสูงกว่าอีกเหรอครับ
ดูแล้วประมาณ ๒๑๘ เมตรจากระดับน้ำทะเลครับ

 

ลือสนั่น! สึนามิและพายุเข้าชุมพร

• 11 พ.ย. 53 14.26 น.

ลือสนั่น! สึนามิและพายุเข้าชุมพร


ผู้ อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยาจังหวัดชุมพร วอนประชาชนอย่าวหลงเชื่อข่าวลือว่าคลื่นสึนามิและพายุถล่ม ขอให้ประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศอย่างใกล้ชิด

นายธีระวัฒน์ ธีรรัฐพล ผู้อำนวยการสถานีอุตุนิยมวิทยาจังหวัดชุมพร กล่าว ถึงกรณีที่มีกระแสข่าวลือว่าคลื่นสึนามิและพายุถล่มจังหวัดชุมพรว่าขอให้ ประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดอย่าเชื่อข่าวลือ ต่างๆ ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับคลื่นสึนามิและพายุ เพราะ ณ ขณะนี้ขอยืนยันว่ายังไม่มีข้อบ่งชี้ใดๆ ว่าจะเกิดสึนามิหรือพายุในอ่าวไทย ดังนั้น หากประชาชนคนใดสงสัยในเรื่องพายุ สึนามิ หรือเรื่องพยากรณ์อากาศสามารถโทรศัพท์มาสอบถามที่สถานีอุตุนิยมวิทยาจังหวัด ชุมพรได้ที่หมายเลข 077-511421

“ขณะนี้ในฐานะผู้อำนวยการสถานีวิทยุ กรมอุตุนิยมวิทยาจังหวัดชุมพรด้วย จึงได้จัดรายการพิเศษชื่อ รายการจับตาพยากรณ์ ตั้งแต่วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.00-08.30 น.นอกจากนั้น ยังมีการจัดรายการเฉพาะกิจเป็นระยะ เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องแก่ประชาชน เนื่องจากช่วงนี้มีประชาชนที่โทรศัพท์มาสอบถามเรื่องพายุและคลื่นสึนามิใน แต่ละวันเป็นจำนวนมาก เพราะมีสื่อมวลชนบางแขนงเสนอข่าวว่าจะมีพายุและคลื่นสึนามิเกิดขึ้น” นายธีระวัฒน์ กล่าว

 

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2553 14:54

'"สุขุมพันธุ์'แถลงสร้าง 4 อุโมงค์แก้น้ำท่วมมกรุงฯ ..

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร





ผู้ว่าฯกทม.แถลงผลักดัน 4อุโมงค์ระบายน้ำขนาดใหญ่ แก้น้ำท่วมกรุงแบบยั่งยืนใน 5ปี ทุ่มงบ 1.6หมื่นล้าน คาดเปิดใช้ได้ม.ค.ปีหน้า


ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) แถลงข่าว “โครงการกรุงเทพฯก้าวหน้า” ผลักดันโครงการอุโมงค์ระบายน้ำ รวมทั้งสิ้น 4อุโมงค์ให้แล้วเสร็จภายใน 5ปี เพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพฯ มูลค่า 16,000 ล้านบาท
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า เนื่องจากปัญหาพื้นที่กทม. อยู่ปลายน้ำมีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ ทำให้น้ำที่มาจากกภาคเหนือไหลผ่านกรุงเทพฯ ลงอ่าวไทย ประกอบกับมีน้ำท่วมขังในพื้นที่กทม. จะต้องระบายสู่เจ้าพระยาโดยตรง ซึ่งที่ผ่านมาน้ำในพื้นที่กทม.ไม่สามารถระบายได้เท่าที่ควร ก่อให้เกิดน้ำท่วมขังหลายจุด ดังนั้นกทม. มีแผนที่จะเพิ่มศักยภาพในการระบายน้ำด้วยการก่อสร้าง 4 อุโมงค์ระบายน้ำขนาดยักษ์ ที่มีประสิทธิภาพในการระบายน้ำเพิ่มขึ้น
โดยจากเดิมที่กทม.มีอุโมงค์ระบายน้ำที่มีกำลังการระบายน้ำได้เพียง 90 ลูกบาศก์เมตร(ลบ.ม.) /วินาที เป็น 240 ลบ.ม./วินาที ใช้เวลาในการก่อสร้าง 5 ปี งบประมาณ 16,000 ล้านบาท ซึ่งช่วง 5 ปีที่ผ่านมา กทม. ก็ใช้งบประมาณเท่ากัน แต่เป็นการแก้ปัญหาชั่วคราว ซึ่งมั่นใจว่าหากอุโมงค์ทั้ง 4 เปิดเต็มรูปแบบ จะทำให้พื้นที่ที่มีปัญหาน้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมาคลี่คลายระบายน้ำได้ดีกว่า เมื่อ 25 ปีที่ผ่านมา เช่น ถ.ศรีนครินทร์ รัชดาภิเษก รามคำแหง 2 เป็นต้น ขณะที่ตามหมู่บ้านเอกชน ที่เป็นพื้นที่ของเอกชนอาจจะประสบปัญหาอยู่ อย่างไรก็ตามการลงทุนจะใช้งบอุดหนุนจากรัฐบาล และไม่มีการเวนคืนที่ดินในโครงการทั้ง 4 แห่ง เพราะรูปแบบการก่อสร้างเป็นอุโมงค์ใต้ดิน "อุโมงค์ระบายน้ำขนาดยักษ์นี้เปรียบเสมือนทางด่วนใต้ดินที่จะบังคับน้ำ เหนือ และน้ำฝนระบายออกลงสู่เจ้าพระยาและอ่าวไทยได้อย่างรวดเร็ว เท่ากับระบายน้ำออกจากสระว่ายน้ำขนาดมาตรฐาน4สระภายในเวลาเพียง 1วินาที"ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าว
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า สำหรับอุโมงค์พระราม 9 - รามคำแหง หรือ อุโมงค์ระบายน้ำคลองแสนแสบ - ลาดพร้าวเดิม ที่เริ่มก่อสร้างมาตั้งแต่ปี 2544 นั้น งบประมาณ 2,094 ล้านบาท จะเปิดใช้งานได้ในเดือน ม.ค. 2554 นี้ สามารถระบายน้ำได้ 60 ลบ.ม./วินาที เส้นผ่าศูนย์กลาง 5 เมตรความยาว 5 กม. จุดเริ่มต้นที่คลองลาดพร้าวเชื่อมคลองแสนแสบ และไหลลงสู่เจ้าพระยา

2. อุโมงค์รัชดาภิเษก - สุทธิสาร ขณะนี้ผ่านความเห็นชอบให้ประกวดราคาจากกระทรวงมหาดไทย งบประมาณ 2,500 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดประกวดราคาด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ( E-auction) ในเดือน ธ.ค.นี้ และเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2554 ช่วยระบายน้ำในพื้นที่เขตห้วยขวาง ดินแดง จตุจักร พญาไท ดุสิตและบางซื่อ มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 5 เมตร ยาว 6 กม. จุดเริ่มต้นจากถ.รัชดาภิเษก ตัด ถ.สุทธิสาร สิ้นสุดที่แม่น้ำเจ้าพระยา

3. อุโมงค์ดอนเมือง เป็นอุโมงค์ระบายน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุด เส้นผ่าศูนย์กลาง 6 เมตร ยาว 13.5 กม. ครอบคลุมพื้นที่มากกว่า 100 ตารางเมตร ช่วยระบายน้ำในย่าน จตุจักร หลักสี่ บางเขน ดอนเมือง และบางส่วนของเขตสายไหม ประสิทธิภาพในการระบายน้ำเท่ากับ 15 เท่า เมื่อเทียบกับอุโมงค์ระบายน้ำอันดับแรกของกทม.ในย่านสุขุมวิทของกทม. ที่สร้างขึ้นเมื่อ 25 ปีก่อน
และ
4. อุโมงค์สวนหลวง ร. 9 หรืออุโมงค์บึงหนองบอน - เจ้าพระยา โดยขณะนี้อยู่ระหว่างขอความเห็นชอบ จากกระทรวงมหาดไทย เนื่องจากมีการปรับเนื้องานจากเดิมที่จะเป็นโครงารบึงหนองบอน - คลองประเวศบุรีรมย์ ระยะทาง 3 กม. งบ 995 ล้านบาท

ล่าสุด กทม.ได้ขยายแนวอุโมงค์ให้ระบายน้ำลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาไปทางบางนา รวมระยะทางยาว 9.5 กม. งบประมาณ 4,900 ล้านบาท ประสิทธิภาพในการระบายน้ำ 60 ลบ.ม.ต่อ/วินาที ครอบคลุมพื้นที่ ประเวศ พระโขนง บางนา และสวนหลวง โดยสถานีของอุโมงค์ระบายน้ำจะต้องอยู่ภายในโรงบำบัดน้ำเสียคลองเตย ในพื้นที่บริษัท ไม้อัดไทย เขตบางนา ทั้งนี้โครงการที่ 2-4 จะก่อสร้างแล้วเสร็จภายใน 5 ปี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับโครงการอุโมงค์ระบายน้ำคลองแสนแสบ - ลาดพร้าว เริ่มขึ้นในสมัยนายสมัคร สุนทรเวช อดีตผู้ว่าฯ กทม. แต่เกิดข้อร้องเรียนการทุจริตเกิดขึ้น เมื่อเดือน ก.ค.ปี 2551 โดย สำนักงานอัยการญี่ปุ่นระบุว่า บริษัท นิชิมัตสึ คอนสตรั๊คชั่น จำกัด ซึ่งเป็นผู้ชนะการประมูลในโครงการดังกล่าว ได้ทำการติดสินบนเจ้าหน้าที่ไทยเป็นเงินจำนวน 200 ล้านเยน ..

 

ไม่เตือนหรือไม่ร่วมมือกัน?!

โดย Logos เมื่อ 11 พฤศจิกายน 2010 เวลา 15:02 ในหมวดหมู่ การจัดการความรู้, สังคม ชุมชน ครอบครัว #

เกิดคำถามและข้อตำหนิมากมาย ว่าทำไมจึงไม่มีการเตือนภัยล่วงหน้า
ปัญหานี้มีสองส่วนครับ ที่จริงแล้วมีการเตือนภัยล่วงหน้า แต่ว่าเตือนไม่ดังพอ ถ้าไม่ได้เฝ้าระวังสนใจติดตาม ก็ไม่ได้ยินกัน ส่วนคนที่ได้ยินนั้น บางทีก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นไปได้ถึงขนาดนี้ — เรื่องนี้ไม่ได้เกิดเฉพาะในเมืองไทย ที่สหรัฐเอง ตอนที่พายุเฮอริเคน Katrina ขึ้นฝั่งที่เมืองนิวออลีนส์เมื่อปี 2548 ขนาดเขามีการพยากรณ์อากาศที่แม่นยำ และ FEMA ออกคำเตือน และสั่งอพยพแล้ว ก็ยังมีคนไม่เชื่อติดค้างอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ มากมาย — แต่ไม่ได้ยินว่ามีการเตือน Storm Surge ซึ่งเป็นที่ฮือฮากันอยู่พักหนึ่ง แล้วก็ลืมกันไป คราวนี้มีความเสี่ยง Storm Surge มากเพราะแนวพายุเลียบชายฝั่ง (เหมือน NARGIS 2008) แล้วเป็นช่วงวันเพ็ญ น้ำทะเลขึ้นสูง แต่ก็ไม่มีการเตือน Storm Surge
แต่เนื่องจากผมคลุกคลีศึกษาการทำงานของเจ้าหน้าที่ทางด้านนี้ ก็เห็นว่ามีข้อจำกัดอยู่มากมายในระบบราชการ ต่างกรมต่างกองต่างมีขอบเขตของหน้าที่อยู่อย่างชัดเจน เวลาออกไปทำนอกขอบเขตจะเป็นเรื่องใหญ่เสมอ แล้วใครจะเข้ามาช่วยก็ไม่ชอบ ดังนั้นแต่ละหน่วยจึงอยู่ในรั้วแคบๆ ไม่ซ้ำซ้อนหรอกครับ แต่แบ่งกันละเอียด ซอยย่อยจนแทบไม่มีหน่วยงานใดที่ได้ภาพที่มีความหมาย… แถมหน่วยงานที่มีความรู้พอจะเข้าใจ กลับไม่มีอำนาจ/หน้าที่ในการเตือน แปลกจริงๆ !!!

บางหน่วยงาน ข้อมูลซึ่งจัดเตรียมมาด้วยเงินงบประมาณ กลับเอามาขายได้ — ระบบราชการระมัดระวังเรื่องนี้นะครับ ถ้าไม่มีอำนาจทำก็ไม่ทำหรอก… แต่ข้อมูลที่เกี่ยวกับชีวิตและความปลอดภัยของประชาชนแล้วจัดเตรียมมาด้วยงบ ประมาณแผ่นดิน ผมคิดว่าถึงมีอำนาจขาย ก็ไม่น่าทำหรอกนะครับ ควรจะเปิดข้อมูลเหล่านี้ออกสู่สาธารณะด้วยซ้ำไป
ข้อมูล เกี่ยวกับเมืองไทย ก็มักเป็นภาษาไทย แล้วเราก็ไม่ค่อยสนใจกับการร่วมมือในระดับนานาชาติ เช่นฐานข้อมูล International Disaster Database (EM-DAT) ให้ข้อมูลเกี่ยวกับภัยพิบัติจากธรรมชาติเอาไว้ ไม่รู้เหมือนกันว่าข้อมูลถูกต้องหรือไม่ แล้วเรามีฐานข้อมูลแบบนี้อยู่หรือไม่ (น่าจะมีอยู่ที่ ปภ.) แต่… EM-DAT บอกว่าสึนามิมีคนตาย 8,345 คน ตัวเลขทางราชการบอกประมาณสองพันห้าร้อยคน ใช้ตัวเลขไหนดีครับ หรืออย่าง Global Disaster Alert and Coordination System (GDACS) ซึ่งเป็นระบบรายงานภัยพิบัติ ก็ไม่เคยรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในไทย ทั้งนี้เป็นเพราะเราไม่ประสานกับเขา เมื่อ GDACS ไม่รายงาน ก็ไม่มีความช่วยเหลือจากต่างประเทศ ทั้งที่ ปภ.รายงานว่ามีประชาชนได้รับผลกระทบถึง 6.8 ล้านคน เกินร้อยละ 10 ของประชากรไปแล้ว ถือว่าเป็นภัยธรรมชาติที่ใหญ่มาก
ถ้าหากข้อมูลไม่ถูกต้อง ก็จะวางแผนบนข้อมูลที่ไม่ถูกต้องหรอกนะครับ เหตุการณ์จึงมีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดซ้ำซาก เนื่องจากสาเหตุของปัญหา ไม่เคยได้รับการแก้ไข

ลานซักล้าง � ไม่เตือนหรือไม่ร่วมมือกัน?!
​

 

ภัยพิบัติมากมาย