ประเทศไทยจะเกิดอุบัติภัยอย่างที่ทำนายกันจริงๆหรือไม่

เฉลี่ยได้ว่า แดนนี้คนบุญ ถัวแล้ว มากกว่าคนบาป

คุณธรรมข้อหิริโอตัปปะ จึงคุ้มภัย ไม่ให้สาหัส

แต่ยังต้อง ร่วมกันรับ ในผลแห่งกรรมดำบ้าง

ในผู้วิกฤติ เป็นด้วย เหตุ ปัจจัย เดิม กับทั้ง ถึงวาระแห่งวิบาก

 

*** แก่นสารการกระทำ...พารอดพ้นภัย ****

อยู่ที่...สัจจะ
อยู่ที่....ทำได้ ทำไม่ได้

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

 

หน้าที่ 1111

ขออนุโมทนากับทุกท่านที่หาข้อมูลมาให้อ่านครับ...ขออวยพรให้ทุกท่านปลอดภัยจากภัยพิบัติ มีชีวิตที่เป็นปกติสุข บรรลุถึงฝั่งฝัน สานฝันถึงพระนิพานครับ...

 

ผบ.ทบ. เผยในหลวง ทรงเสียพระทัยคนไทยทะเลาะกัน​

​

ผบ.ทบ. เผยในหลวง ทรงเสียพระทัย คนไทยทะเลาะกัน เอาเกียรติเป็นประกัน “สถาบัน”ไม่เคยยุ่งการเมือง ยกสถาบันอยู่เหนือความขัดแย้ง

ลานพระบรมรูปทรงม้า (22 ต.ค.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นประธานในการร่วมทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 100 รูป ในพิธีรำลึกครบรอบ 100 ปี วันสวรรคต ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5) และ บวงสรวงวางพวงมาลาพระบรมราชานุสาวรีย์ รวมถึงการเปิดนิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ โดยกล่าวตอบข้อถามผู้สื่อข่าวว่า วันปิยะมหาราช เป็นวันที่ประชาชนคนไทยต้องกลับมารวมใจเป็นหนึ่งเดียวเหมือนในอดีต ว่า อยากให้ใช้วันสำคัญวันนี้ และวันอื่น ๆ ถือว่าสำคัญทุกวันสำหรับประชาชนชาวไทย ซึ่งเป็นวันที่คนไทยมีโอกาสหันหน้าเข้ามาปรองดองหันหน้าปรึกษาหารือกัน และรักษากฎหมายกระบวนการยุติธรรมที่มีอยู่ และปกป้องสถาบันทุกสถาบัน ซึ่งจะต้องช่วยกันดูแลอย่านำมายุ่งเกี่ยวการเมืองทั้งสิ้นสถาบันอันเป็นที่เคารพนับถือของคนทั้งปวง

"ในวันนี้ถึงแม้ว่าคนรุ่นหลัง ๆ เกิดไม่ทันในช่วงที่พระองค์ทรงงานอยู่ในช่วงที่มีความลำบาก ก็ขอให้นึกถึงว่าประเทศไทยที่มีวันนี้ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเกษตรกรรม การเลี้ยงสัตว์ สมัยก่อนยากกว่านี้เยอะ ถนนก็ไม่ดีเท่านั้น สมัยก่อนทั้งสองพระองค์ได้ทรงงานอย่างหนักในการเข้าไปเยี่ยมประชาชนทุกพื้นที่ทั่วประเทศ และนำสิ่งต่าง ๆ มาพัฒนาจนกระทั่งมาเป็นวันนี้ เด็ก ๆ บางคนเกิดไม่ทันพระองค์ท่าน แต่ผมขอให้รู้ว่าประเทศไทยที่มีอย่างนี้ มีวันนี้ สู่สันติสุข และความเจริญในเรื่องต่าง ๆ พระองค์ทรงเป็นผู้พระราชทานมาทั้งสิ้น โดยความร่วมมือของรัฐบาล และหน่วยราชการต่าง ๆ มาตลอด"

ผบ.ทบ. กล่าวว่า สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่คู่กับคนไทยมาตลอด และพระองค์ท่านไม่เคยทำอะไรที่ไม่นึกถึงพสกนิกรของพระองค์ท่านเลย พระองค์ทรงตากตรำพระวรกายมาโดยตลอด สิ่งใดก็ตามจะไปล่วงล้ำละเมิดก็ขอทุกคนหยุดได้แล้ว ผู้ที่กระทำอยู่ก็จะต้องหยุด ไม่ว่าจะเรื่องใด ๆ ก็ตาม บางทีก็เอาไปเกี่ยวพันกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ยืนยันว่า พระองค์ท่านไม่เคยเข้ามาเกี่ยวข้อง พระองค์ท่านไม่เคยลงมายุ่งกับเรื่องพวกนี้เลย

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า อยากบอกกับประชาชนทั่วไปให้ได้รับทราบ ตนใช้เกียรติยศของตนพูดตรงนี้ว่าพระองค์ท่านไม่เคยลงมาเกี่ยวข้องในเรื่องใดทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่มีการกล่าวให้ร้ายพระองค์ท่าน ไม่มีความจำเป็นที่พระองค์ท่านจะต้องมายุ่งในเรื่องพวกนี้ และประเทศไทยไม่ใช่ประเทศที่ไม่มีอะไรเลย ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีทรัพยากรสมบูรณ์อยู่ในตัวอยู่แล้ว และพระองค์ท่านไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะต้องหาอะไรมาเพิ่มเติม

พระองค์ท่านทรงระลึกอยู่เสมอว่าจะทำอย่างไรประชาชนของพระองค์ท่านจะมีความสุข และวันนี้พวกเราก็สมควรที่จะทำให้พระองค์ท่านมีความสุข เพราะท่านทรงลำบากมาตลอดพระชนม์ชีพของท่าน 80 กว่าปี ทรงงานมากว่า 60 ปี ดังนั้นตนจะต้องพูด เพราะว่าเว็ปไซต์ ใบปลิว และเรื่องต่าง ๆ ดังนั้นทุกคนจะต้องช่วยกันขจัดคนต่าง ๆ เหล่านี้ ถ้าทุกคนย้อนกลับไปจะต้องนึกถึงว่าถ้าไม่มีพระองค์ ประเทศไทยก็คงไม่สงบเรียบร้อยแบบนี้ แม้ว่าประเทศไทยจะยังอยู่ได้ แต่ก็ไม่ใช่เป็นแบบนี้

เมื่อถามว่า ถึงเวลาแล้วใช่หรือไม่ ที่คนหลงผิด-หลงทาง ควรกลับมาเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องกลับมา คือเราจะต้องทำให้สถาบันอยู่เหนือความขัดแย้งให้ได้ พระองค์ท่านไม่เคยลงมาทำให้เกิดความขัดแย้ง ในช่วงระยะเวลาที่มีการแบ่งฝ่ายต่างๆ พระองค์ท่านทำไม่ได้ที่จะลงยุ่งเกี่ยวกับปัญหาความขัดแย้ง ซึ่งเรื่องนี้เราจะต้องทำถวายให้กับพระองค์ท่าน

ต่อข้อถามว่า เหตุการณ์ที่ผ่านมาพระองค์ท่านทรงเสียพระหฤทัยที่คนไทยทะเลากัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แน่นอนครับ ไม่ว่าจะเรื่องใดก็ตาม ทั้งน้ำท่วม ฝนแล้ง หรือ ทะเลาะเบาะแวงกัน พระองค์ท่านไม่เคยสบายใจอยู่แล้ว

วันศุกร์ที่ 22 ตุลาคม 2010 เวลา 15:33 น.

ที่มา http://www.atnnonline.com

 

โหรวารินทร์ชี้ชัด หมดยุคมาร์ค อัศวินม้าขาวโผล่ ​

​

"โหรวารินทร์" ชี้ชัด "กลุ่มอัศวินม้าขาว" โผล่ช่วยชาติสลายปัญหาขัดแย้งหลังหมดยุค "อภิสิทธิ์" ยัน "มาร์ค" มีบุญนั่งนายกฯ ต่อถึงปีหน้า ระบุกองทัพจะยังทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงหนุนรัฐบาล และเป็นเสาหลักให้กับชาติ ...

เมื่อวันที่ 22 ต.ค. นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ โหรชื่อดังจากสำนักสุขิโต จ.เชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์ว่า ทางสำนักสุขิโตเตรียมที่จะทำบุญในวันที่ 24 ต.ค.นี้ โดยเป็นการทำบุญมหากุศลครั้งที่ 7 โดยจะมีการถวายกฐิน 15 วัด และผ้าป่าอีก 10 วัน และผ้าป่าสร้างร่วมอีก 20 วัด ซึ่งอานิสงฆ์ผลบุญที่ทำเพื่อกับบ้านเมือง แผ่นดิน และถวายเป็นพระราชกุลแด่พระสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวให้ทรงมีพลามัยที่สมบูรณ์ แข็งแรง รวมถึงการลงนามถวายพระพรให้กับพระองค์ท่านด้วย รวมถึงการนำต้นไม้ทางพุทธศาสนาไปปลูกที่มณฑลล้านนา จำนวน 9 ต้น โดยสูงถึง 2.5 เมตร

ทั้งนี้เชื่อว่าหลังจากที่ได้ทำบุญในครั้งนี้ ความสงบของบ้านเมืองก็จะดีขึ้น ตามที่หลวงปู่เกวลันที่ได้นิมิตเอาไว้มาตั้งแต่ปี 2550

นายวารินทร์ กล่าวต่อว่า การทำบุญครั้งนี้จะเป็นการคลายกรรมของชาติบ้านเมืองที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ตนจึงอยากให้ทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากันและสามัคคีเพื่อแผ่นดินของเรา สำหรับการบริหารงานของประเทศยังคงเป็นรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ต่อไป แม้ว่าจะมีการกระทบกระทั่งภายในพรรค หรือต่างพรรคก็ตาม แต่นายอภิสิทธิ์ ยังมีบุญที่จะประคับประคองชาติบ้านเมืองต่อไปจนถึงปีหน้า แม้ว่าจะมีกระแสเรื่องการยุบสภา หรือให้ลาออก ก็เป็นไปไม่ได้ทั้งนั้น เพราะเป็นเวลาของนายอภิสิทธิ์ ก็จะต้องให้ดำเนินการ ทั้งนี้ที่ผ่านมาการทำงานไม่ได้อาศัยบุญจากผู้นำโดยตรง แต่ปัจจุบันยังเป็นของนายอภิสิทธิ์อยู่ การทำงานของชาติบ้านเมืองยังเป็นลักษณะถ้อยทีถ้อยอาศัยหรือการประคับประคองกันไป แต่จะไม่รวดเร็วเพราะจะต้องใช้ระยะเวลา และให้เวลานายอภิสิทธิ์ และยังไม่ใช่เวลาของผู้หนึ่งผู้ใด

เมื่อถามว่า การกลับมาของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี จะช่วยเรื่องความสมานฉันท์ของคนในชาติได้หรือไม่ นายวารินทร์ กล่าวว่า นั่นเป็นแนวทางของ พล.อ.ชวลิต ที่ต้องการให้บ้านเมืองเกิดความสามัคคี ส่วนจะสำเร็จหรือไม่ก็จะต้องดูกันต่อไป เมื่อถามว่า พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ที่ถูกโจมตีในช่วงนี้จะล้มหรือไม่ นายวารินทร์ กล่าวว่า คงไม่เกิดผลกระทบอะไร เพราะท่าน พล.อ.เปรม เป็นผู้ที่มีบารมี ส่วนการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่าง ๆ ก็ไม่มีผลอะไรทั้งสิ้น เพราะขณะนี้ประเทศชาติผ่านพ้นวิกฤติไปแล้ว

"หลังจากหมดชุดของนาย อภิสิทธิ์ จะมีกลุ่มที่รักชาติบ้านเมืองอย่างแท้จริง โดยไม่หวังสิ่งตอบแทนจะร่วมมือเป็นกลุ่มช่วยกัน ประคับประคองชาติบ้านเมือง ที่อยู่ในภาวะไม่ดีเท่าไหร่กลับมาเป็นปกติ ซึ่งจะเป็นอัศวินม้าขาวตัวจริงโดยไม่อาศัยปัจจัยใดเลย แต่อาศัยปัจจัยความรักความสามัคคีเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ซึ่งหลังจากถวายพุทธมณฑลล้านนาแล้ว บุญของบ้านเมืองจะเกิดขึ้น และจะมีกลุ่มคนต่างๆมาร่วมมือกันประคับประคองบ้านเมือง และจะทำให้เศรษฐกิจ และทุก ๆ อย่างจะดีขึ้น" นายวารินทร์ กล่าว

เมื่อถามว่า กองทัพจะสนับสนุนรัฐบาลในการบริหารประเทศต่อไปใช่หรือไม่ นายวารินทร์ กล่าวว่า กองทัพจะยังคงเป็นพี่เลี้ยงช่วยดูแลบ้านเมือง เพราะบ้านเมืองเสียหายมามาก ซึ่งกองทัพมีความปราถนาดีที่จะประคับประคองชาติบ้านเมืองให้ตลอดรอดฝั่ง และกองทัพจะเป็นหลักของบ้านเมืองต่อไป เพราะกองทัพเป็นสถาบันที่เป็นเหมือนเสาหลักให้กับประเทศชาติ

ข่าวจากหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

ที่มา http://news.hunsa.com/detail.php?id=19502

 

มีข่าวมาแจ้งเตือนทุกท่านไม่ให้ประมาทดังนี้ครับ

1.กรุงเทพฯมีสิทธิ์น้ำท่วมได้ครับ อย่าประมาท ขอให้วางแผนรับมือและเตรียมตัวไว้ให้พร้อมอยู่เสมอครับ
2.โรคระบาดต่างๆที่จะตามมาจากน้ำท่วม ให้ศึกษาไว้บ้าง และเตรียมยาสำรองไว้ ทั้งยาพื้นฐานที่ควรมี และยาประจำตัวสำรองไว้บ้างครับ
3.ในช่วงนี้ควรนำพระเครื่องหรือวัตถุมงคลที่เคารพบูชา ติดตัวไว้ตลอดเวลา
4.รักษาศีลให้บริสุทธิ์ นั่งสมาธิแผ่เมตตาให้มากขึ้น

 

ถ้านักการเมืองบ้านเราดี และ ฉลาดจริงๆมาตั้งแต่รุ่นแรกๆ

บ้านเมืองเราน้ำจะไม่ท้วมหนักแบบนี้แน่นอน

พายุแต่ละลูกที่ ประเทศไทย ประสบ จริงๆจังๆล้วนโดนแต่ปลายหางของพายุ

ถ้าบ้านเราโดนแบบ ฟิลิปินส์ หรือ เวียดนาม หรือ จีน ที่ว่า โดนเต็มๆลูกพายุ

ป่านนี้คงไม่ต้องมาเล่น เนทกันแล้ว และคงไม่มีผู้บริจาคช่วยเหลือกันแล้ว

เพราะจังหวัดตัวเองก็จมกันทั่วหน้า เรียกว่าเอาตัวเองแทบไม่รอด

พร้อมหน้ากันทั้ง 77 จังหวัดแน่นอน

ไม่เข้าบ้านเมืองเรา ด้วยพระบารมี

 

<TABLE border=0 cellSpacing=0 cellPadding=3 width="100%" align=center><TBODY><TR><TD vAlign=top align=middle>

*** ดวงจันทร์ ****
​

</TD></TR><TR><TD vAlign=top align=middle><TABLE border=0 cellSpacing=2 cellPadding=2 width="95%"><TBODY><TR><TD class=A2 vAlign=top>

​

ดวงจันทร์.... คือ อาสนะของโลกุตตระ
สัจจะ...คือ คำสอนของผู้มาจากดวงจันทร์​

- " หนุมาน ผู้นำสาร "​

</TD></TR></TBODY></TABLE></TD></TR></TBODY></TABLE>​

 

กรมชลประทานแจ้งเตือนพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม! "รังสิต-ปทุม-แจ้งวัฒนะ-ปากเกร็ด-บางบัวทอง-นนทบุรี" เฝ้าระวัง 27-29 ต.ค.นี้

นายวีระ วงศ์แสนนาค รองอธิบดีกรมชลประทาน กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมว่า ต้องยอมรับว่าวันนี้ ระบบการบริหารจัดการน้ำเป็นอัมพาส ทั้งเขื่อนป่าสักภายหลังจากปริมาณกักเก็บน้ำสูงเกินกว่าที่ตัวเขื่อนจะรับ ไว้ได้ จนมีปริมาณล้นออกมา แต่ยังไม่ถึงกับเขื่อนแตก ทำให้ปริมาณน้ำทั้งก้อนจากที่กักเก็บน้ำต่างๆ ไหลเข้าสู่กรุงเทพมหานครได้ เพราะระดับน้ำอยู่ในลำน้ำทั้งหมด ไม่ได้ระบายออกไปไหน เนื่องจากเกรงว่าประชาชนที่ประกอบอาชีพเกษตรกรอาจะได้รับผลกระทบ จึงไม่มีการปล่อยน้ำเข้าท่วมที่ทำกิน สวน ไร่ นาของประชาชน จึงทำให้ปริมาณน้ำในปีนี้มีระดับที่สูงที่สุดกว่าทุกปีที่เคยมีมา โดยเฉพาะประตูระบายน้ำ อ.บางไทร จ.พระนครศรีอยุธยา มีปริมาณน้ำสูงมาก ส่วนพื้นที่เฝ้าระวังในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ซึ่งถือเป็นจุดอ่อนที่สุดในการรับน้ำและระบายน้ำ ได้แก่ รังสิต , จ.ปทุมธานี , แจ้งวัฒนะ , ปากเกร็ด , จ.นนทบุรี รวมไปถึงเขต อ.บางบัวทอง

อย่างไรก็ตาม หากระดับน้ำมีปริมาณการไหลที่ 3,360 ลบ.ม./วินาที จะทำให้กรุงเทพฯ อาจได้รับผลกระทบในวันที่ 29 ต.ค.นี้ อย่างไรก็ตามจุดรับน้ำ อ.บางไทร มีลักษณะภูมิประเทศที่ลาบลุ่ม ประกอบกับตลิ่งกั้นน้ำอาจจะได้รับผลกระทบ จึงขอเตือนประชาชนที่อยู่บริเวณริมตลิ่ง ให้เก็บข้าวของอยู่ในชั้นสูง 30 - 40 เซนติเมตรหรือมากกว่านั้น รวมไปถึงการสร้างกำแพงป้องกันตลิ่งให้สูงจากเดิม 1 เมตร ตลอดแนวลำน้ำแม่น้ำเจ้าพระยาทั้ง 2 ฝั่ง

"อยากให้ประชาชนที่อาศัยใกล้ริมแม่น้ำเจ้าพระยาติดตามเฝ้าระวังสถานการณ์ อย่างใกล้ชิด เพื่อที่จะสามารถเตรียมรับมือกับสถานการณ์ได้ ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือปริมาณน้ำในวันที่ 8 พ.ย. สถานการณ์น้ำในกทม. ขณะนี้ทางกรมชลประทานได้แจ้งเตือนไปยังสำนักระบายน้ำกรุงเทพฯ เพื่อให้จัดสร้างที่คั่นน้ำมารองรับสถานการณ์ไว้แล้ว"

bangkokbiznews.com/home/detail/politics/life/20101023/359150/เตือนรังสิต-ปทุมฯแจ้งวัฒนะณระวังน้ำท่วม.html

 

ขอบคุณสำหรับทุกข่าวสารครับ

ถ้าฝนไม่ตกหนักเสริมอีกแรง น่าจะไม่เสียหายมาก
ภาวนาว่าเป็นอย่างนั้นครับ

 

======================================


24 ต.ค. 53


ผลไม้เมืองนอก

ผลไม้นอก------ญี่ปุ่น---------กามิกาเซ่
ออกร่อนเร่------ค้าขาย-------ในตลาด
ให้หลีกเลี่ยง-----เข้าซื้อ-------หานะครับ
เพื่อคนรัก-------ครอบครัว-----มีสุขเอย



เรือสองลำกับนายก

ในภาพตัวเองนั่งเรือข้ามฟาก เมื่อเรือถึงฝั่งตัวเองก็ขึ้นเหยียบบนโป๊ะลอยเพื่อ
ที่จะเดินขึ้นสะพานที่ทอดขึ้นฝั่ง พอพ้นโป๊ะผมก็ต้องเหยียบลงเรืออีกลำแล้วถึง
จะขึ้นฝั่งได้ เมื่อขึ้นฝั่งแล้วก็เจอท่านนายกคนปัจจุบัน ผมก็ถามท่านว่า ท่าน
อายุเท่าไร? ท่านตอบว่า 28 ปี

ผมตีความหมายดังนี้ อายุ 28 ปี จะสื่อถึงเรื่องภัยพิบัติ ส่วนขึ้นเรือสองลำ
น่าจะเป็นน้ำจะท่วมสองครั้ง





องค์อินทร์ ๙๗
ทำการแทน


======================================
ภาพฐานผาแบ่นบางส่วนค่ะ
ภาพความคืบหน้าฐานผาแบ่น
ที่มา นาม "องค์อินทร์ ๙๗"







---------------------------------------------------------------------
หลงทางเสียเวลา แต่ไหนแต่ไรมา พระพุทธเจ้าท่านสอนแต่เรื่องทุกข์ และการพ้นทุกข์เท่านั้น<!-- google_ad_section_end -->

 

น้ำท่วมครึ่งเดือน ยอดเสียชีวิตกว่า 34 ราย​

​

สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ เผยยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์น้ำท่วมใน 13 จังหวัด ระหว่าง 10-24 ต.ค. รวม 34 ราย

สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) รายงานสรุปตัวเลขผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่จนถึงขณะนี้ (10-24 ต.ค.) ว่ามีรายงานยอดผู้เสียชีวิตวันนี้เพิ่มเข้ามา 2 ราย รวมทั้งสิ้น 34 ราย และเมื่อแยกตามรายจังหวัด ที่มีผู้เสียชีวิตจากจำนวน 13 จังหวัด ประกอบด้วย

1.นครราชสีมา 6 ราย 2.บุรีรัมย์ 6 ราย 3.ลพบุรี 6 ราย 4.ขอนแก่น 3 ราย 5.เพชรบูรณ์ 3 ราย 6.ระยอง 2 ราย 7.ชัยภูมิ 2 ราย 8.ตราด 1 ราย 9.สระแก้ว 1 ราย 10.สระบุรี 1 ราย 11.พระนครศรีอยุธยา 1 ราย 12.นนทบุรี 1 ราย และ 13.อุทัยธานี 1 ราย

โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 24 ตุลาคม 2553 14:00 น.

ที่มา http://www.bangkokbiznews.com

 

เรื่องนี้คงปฏิเสธไม่ได้ว่าประเทศเรามีของดีคุ้มกันภัยอยู่

เพราะว่าตอนนี้พายุนี้ก่อตัว คิดว่ายังงัยก็โดนแน่ แต่วินาทีสุดท้ายกลับเลี้ยวหักลำขึ้นไปได้ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ล่ะครับ....พี่น้อง

ก็ขอว่าในเวลาภัยพิบัติอันใกล้เข้ามาทุกขณะ คงจะมีปาฏิหารย์เกิดขึ้นเช่นเดียวกับคราวนี้และเหมือนกับคำพยากรณ์ของหลายสำนัก เพราะภัยในยุคนั้นจะโหดสาหัสกว่าทุกวันนี้อย่างไม่ต้องสงสัย

วันนั้นชาวโลกก็จะรู้จักคำว่า "พุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ" อย่างไม่มีข้อสงสัย

 

<TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD class=headline vAlign=baseline align=left>“ในหลวง” พระราชทานถุงยังชีพช่วยราษฎรน้ำท่วม ชัยภูมิ-น่าห่วง “น้ำชี” ทะลักท่วมหลายอำเภอ</TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD bgColor=#cccccc height=1></TD></TR></TBODY></TABLE><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD vAlign=center><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=0 width="100%" border=0><TBODY><TR><TD><TABLE cellSpacing=0 cellPadding=4 border=0><TBODY><TR><TD class=body vAlign=center align=left>โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์</TD><TD class=date vAlign=center align=left>24 ตุลาคม 2553 19:07 น.</TD></TR></TBODY></TABLE>

​

​

​

​

​

​

​

</TD></TR></TBODY></TABLE>ชัยภูมิ - “ในหลวง” พระราชทานถุงยังชีพช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วมชัยภูมิ 3,000 ครอบครัว ท่ามกลางความปลาบปลื้มใจในน้ำพระราชหฤทัยของพระองค์ ที่ทรงห่วงใยความเดือดร้อนของพสกนิกรชาวชัยภูมิ ขณะน้ำท่วมตัวเมืองชัยภูมิลดระดับเกือบเข้าสู่ภาวะปกติ แต่น่าห่วง “น้ำชี” ล้นทะลักท่วมพื้นที่หลายอำเภอริมแม่น้ำชี

วันนี้ (24 ต.ค.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้นายดิสธร วัชโรทัย ประธานกรรมการบริหารมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมคณะกรรมการมูลนิธิฯ นำถุงยังชีพ พระราชทาน ไปมอบให้ราษฎร ในพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดชัยภูมิ จำนวน 3,000 ชุด แบ่งออกเป็นเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิ 1,000 ครัวเรือน และราษฎรที่ประสบภัยในตำบลต่างๆ ของอำเภอเมืองชัยภูมิ 1,000 ครอบครัว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนและเป็นขวัญกำลังใจแก่ชาวบ้านที่ประสบอุทกภัยชาวชัยภูมิ

โดยจัดพิธีมอบที่ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจังหวัดชัยภูมิ และได้เดินทางไปมอบถุงยังชีพพระราชทาน แก่ ผู้ประสบภัย อ.จัตุรัส ที่ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติเทศบาลตำบลจัตุรัส จำนวน 1,000 ชุด โดยมี นายจรินทร์ จักกะพาก ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ และหัวหน้าส่วนราชการ เป็นผู้รับมอบ ท่ามกลางความปลาบปลื้มใจ ในน้ำพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ทรงห่วงใยความเดือดร้อนของพสกนิกรชาวชัยภูมิผู้ประสบอุทกภัยในครั้งนี้

ขณะที่สถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดชัยภูมิ ในเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิ ทั้ง 25 ชุมชน น้ำลดระดับเกือบเข้าสู่ภาวะปกติ ถนนเกือบทุกสายที่ผ่านเข้าออกตัวเมืองเริ่มเปิดให้รถทุกประเภทผ่านได้แล้ว แต่ด้านสถานการณ์น้ำชี ได้ล้นตลิ่งสูงกว่า 2 เมตร ยังคงน่าห่วง มีน้ำไหลหลากทะลักเข้าท่วมบ้านเรือนชาวบ้านสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะบ้านเรือนที่ตั้งอยู่ใกล้ลำน้ำชี ในเขตพื้นที่ อ.หนองบัวแดง, หนองบัวระเหว, บ้านเขว้า, จัตุรัส, เนินสง่า และในเขตรอบนอก 3 ตำบล คือ ต.บ้านค่าย, หนองนาแซง และน้ำชีได้ไหลผ่านเข้า ต.ลาดใหญ่ อ.เมืองชัยภูมิ รอยต่อ อ.คอนสวรรค์ จ.ชัยภูมิ ก่อนไหลทะลักเข้าท่วมสู่ อ.แวงน้อย จ.ขอนแก่น

นายปฤหัส วงศ์ชัยภูมิ ชลประทานจังหวัดชัยภูมิ ได้ประกาศแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในอำเภอที่ใกล้ลำชีไหลผ่านในรัศมีกว้างกว่า 3 กิโลเมตร (กม.) ต้องเตรียมอพยพสิ่งของขึ้นสู่ที่สูงไว้ก่อนในช่วงนี้เพราะปริมาณในลำน้ำชีที่ไหลทะลักสูงอีกจำนวนมากมาจาก อ.หนองบัวแดง เพราะยังมีฝนตกบนเทือกเขาภูเขียว อย่างต่อเนื่อง

ที่มา http://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9530000149929

</TD></TR></TBODY></TABLE>

 

​

<center>ประกาศเตือนภัย"เฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง"มูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติ

</center>

จากการติดตามเฝ้าระวังปริมาณน้ำในลุ่มน้ำต่าง ๆ ของมูลนิธิสภาเตือนภัยพิบัติแห่งชาติพบว่าน้ำในแม่น้ำปิงมีปริมาณเพิ่มขึ้น อย่างรวดเร็ว เนื่องจากฝนตกหนักที่ท้ายเขื่อนภูมิพลเมื่อ ๒ วันที่ผ่านมา อีกทั้งแม่น้ำยมและแม่น้ำน่านก็มีปริมาณเพิ่มขึ้น ปริมาณน้ำดังกล่าวจะไหลลงสมทบกันที่จังหวัดนครสวรรค์ ทำ ให้แม่น้ำเจ้าพระยามีปริมาณน้ำสูงขึ้นค่อนข้างมากตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป และอาจล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ต่ำสองฝั่งลำน้ำเขตจังหวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี นนทบุรี และกรุงเทพมหานคร ​

อนึ่ง ปริมาณน้ำจากจังหวัดชัยภูมิจะไหลลงแม่น้ำชี ผ่านจังหวัดขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธรและจะไหลบรรจบกับแม่น้ำมูลที่ไหลผ่านจังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ ซึ่งไหลบรรจบกันเมื่อเข้าเขตจังหวัดอุบลราชธานี ในการนี้ พื้นที่เขตเศรษฐกิจและชุมชนในอำเภอวารินชำราบ อำเภอเมืองอุบลราชธานี อำเภอพิบูลมังสาหาร จะได้รับผลกระทบและความเดือดร้อนเนื่องจากน้ำจะบ่าท่วมตลิ่งมาก ​

ดัง นั้น จึงขอให้ประชาชนที่อาศัยอยู่บริเวณริมแม่น้ำมูล แม่น้ำชี และแม่น้ำเจ้าพระยา เตรียมการป้องกันอันตราย อพยพสิ่งของ สัตว์เลี้ยงไปอยู่ในที่ปลอดภัย ในระยะตั้งแต่วันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๕๓ นี้จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลายประมาณต้นเดือนพฤศจิกายน

ประกาศ ณ วันที่ ๒๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๓

 

*** ชาวมายาน่ารัก ****

ขุดมาอ่านอีกที

- " หนุมาน ผู้นำสาร "

ปฏิทินของชาวมายาเริ่มที่ปี 3112 ก่อนคริสตกาล และจะสิ้นสุดที่ปี ค.ศ. 2012